เรื่องเด่น ปรอทกายสิทธิ์... หลวงปู่พิศดู

ว่าด้วยเรื่องวิชา ปรอท นั้น เคยได้ฟังมาจากลูกศิษย์รุ่นเก่าๆเคยเล่าให้ฟังว่า องค์หลวงปู่พิศดู ท่านมีวิชาที่สูงมากๆ เวลาว่างๆ คิดอยากทำอะไรท่านก็ทำของท่านได้ทุกเมื่อ มีอยู่ครั้งหนึ่ง ท่านอธิษฐานเรียกปรอทมาทางอากาศ แล้วก็ใช้มือคว้าจับเอาปรอทกลางอากาศว่างๆมาเฉยๆ ไม่เห็นท่านต้องตั้งท่าตั้ง หรือทำพิธีอะไร พอท่านจับมาท่านก็คลึงๆขยำๆ แล้วก็วางไว้ตรงหน้าท่าน ปรากฏกลายเป็นปรอทแข็งๆลูกเท่าหัวแม่มือ ท่านทำเพียงไม่กี่ลูกเท่านั้น แล้วก็บรรยายสรรพคุณว่า ใครพกไว้กันอันตรายได้ทุกอย่าง เวลาคับขันกำบังศัตรูมองไม่เห็นตัวได้... ฯลฯ

ก็พอจะมีคนทราบและมาขอท่าน แต่ท่านไม่ได้ให้ใคร จนลูกศิษย์มาตื๊อท่านบ่อยๆ ท่านก็รำคาญ ก็เลยให้ใครไปไม่ทราบแต่ได้สั่งว่า ให้เอาไปแบ่งกันใช้คนละหนึ่งเดือน อย่าเก็บไว้คนเดียว แต่ตอนนี้ไม่รู้ตกอยู่ที่ใครแล้ว... หายไปไม่มีวี่แววเลย...




หลังจากเม็ดปรอทลูกนั้นแล้ว ต่อก็มีลูกศิษย์น่าจะเป็นชุดที่สร้างพระกสิณ ขออนุญาตหลวงปู่ทำการหุงปรอท และเทกันในวัด มีทั้งพระปรอท และลูกสะกดปรอทครับ แต่ว่ามีจำนวนน้อยมาก...






แต่สำหรับผมนะครับ ผมว่าไม่จำเป็นต้องหาปรอทในตำนานเหล่านั้นหรอกครับ ใครที่มีเบี้ยแก้ขององค์หลวงปู่นั่นน่ะ เก็บเอาไว้ให้ดีละกันครับ ใช้แทนกันได้อย่างไม่ต้องสงสัยเลย เพราะภายในนั้นก็มีปรอทเสกขององค์หลวงปู่อยู่เหมือนกัน และเป็นปรอทที่ดักมาจากธรรมชาติ ผสมปรอทจากครูบาอาจารย์หลายท่านด้วย และภายในเบี้ยแก้ยังได้บรรจุสิ่งมงคลที่สูงค่าเอาไว้ด้วย อาทิ ผงพุทธะมงคล มวลสารศักดิ์สิทธิ์ แร่ธาตุต่างๆ จีวรเก่าขององค์หลวงปู่... ฯลฯ




แต่สำหรับท่านใดที่ไม่มีเบี้ยแก้ขององค์หลวงปู่พิศดูไว้ใช้ ผมขอแนะนำเบี้ยแก้รุ่นแรกขององค์หลวงปู่เปรี่ยม วัดโพธิ์เรียง ซ.จรัญสนิทวงศ์18 (แต่ที่วัดหมดแล้วอ่ะ) ลองหาๆดูในกรุงเทพฯน่าจะพอหาได้






และเบี้ยแก้ของหลวงปู่ท่อน วัดศรีอภัยวัน รุ่นนี้กรรมวิธีการสร้างและมวลสารก็เหมือนกับขององค์หลวงปู่พิศดู และองค์หลวงปู่ยังอธิษฐานจิตให้ด้วยหลายวาระเช่นกันครับ

ซึ่งเบี้ยแก้ทั้ง 2 รุ่นดังกล่าวนี้ เป็นเบี้ยแก้ที่องค์หลวงปู่พิศดูได้เสกเปลือกหอย และปรอทเอาไว้ให้อย่างดีแล้วนั่นเองครับ...

Credit: ขอขอบพระคุณที่มาจาก Facebook รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับ หลวงปู่พิศดู ธัมมจารี วัดเทพธารทอง

 

ว่าด้วยเรื่องวิชาปรอทสำเร็จนั้น หาผู้รู้จริงและทำสำเร็จได้ยาก เคยฟังอาจารย์ท่านนึงที่ศึกษาศาสตร์ด้านนี้เล่าให้ฟังว่า...

ปรอท หรือบางคนเรียกว่า หยาดน้ำฟ้า เป็นธาตุชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในโลก จัดอยู่ในหมวดประเภทโลหะ สีเงินยวงเงางามมาก แต่มีสถานะเป็นของเหลว ไม่มีผลึกรูปทรง แต่มีน้ำหนักและความหนาแน่นมากกว่าทองคำ พบได้ทั้งในดิน ในน้ำ และในอากาศ เคลื่อนที่ไหลไปมาได้ เพิ่มและลดขนาดปริมาตรตัวเองได้ตามอุณภูมิของอากาศ บางครั้งก็สามารถเรืองแสงวิ่งไปมาได้...



ลำพังเฉพาะปรอทเพียงอย่างเดียวก็มีอานุภาพ มีคุณในตัวเองอยู่แล้วแม้ไม่ต้องปลุกเสกเลย อยู่ที่ผู้นำไปใช้จะทราบวิธีใช้ได้แค่ไหน จัดเป็นธาตุที่มีความอัศจรรย์มากกว่าธาตุใดๆในโลก ผู้มีความรู้ และหลงไหลในศาสตร์วิชาเล่นแร่แปรธาตุ เชื่อว่าปรอทคือเหล็กไหลชนิดหนึ่ง คณาจารย์ผู้รู้พยายามนำมาปรุงและเสกสรรให้เป็นของกายสิทธิ์ เพื่อเพิ่มอานุภาพให้ปรอทเป็นทวีคูณ แต่ส่วนใหญ่วิชาเหล่านี้มักถูกปกปิดเป็นความลับไม่เปิดเผย เพราะว่ากันว่าเป็นวิชาที่เหล่าฤาษีโยคี นักพรตผู้สำเร็จกสิณ ทรงฤทธิ์อภิญญามีฌานสมาบัติชั้นสูง บำเพ็ญตบะ ถือศีลกินปราณวาโยธาตุ จนมีอายุยืนยาวนับร้อยนับพันปี เป็นผู้คิดค้นและสำเร็จ แต่ท่านเหล่านั้นชอบที่จะซ่อนตัวอยู่ในแดนลี้ลับที่ไม่มีผู้ค้นพบ เป็นผู้อุดมด้วยสรรพวิทยาการ มีกายเป็นทิพย์ ตัวเบาเดินเท้าเหมือนไม่คิดดินสามารถเหาะเหินเดินอากาศ และแสดงฤทธิ์ได้ดั่งใจปรารถนา...

และที่ฟังมาตรงกันอีกเรื่อง ก็คือผู้ที่มีบุญวาสนากับสิ่งลี้ลับ ที่สามารถยกจิตเข้าถึงจตุตถฌาน ดับพละ5 พัฒนาจิตจนสามารถอธิษฐานจิตติดต่อกับโลกของชาวลับแลบังบดได้ หรือมีวาสนาได้พบเจอ สิทธาจารย์ หรือ พระอาจารย์ผู้สำเร็จวิทยาการต่างๆในทางเล่นแร่แปรธาตุ ก็อาจะได้รับการฝึกฝน หรือถ่ายทอดเป็นมรดกวิชาการดังกล่าวได้ดังนี้

ภูมิของเมืองลับแลเป็นเรื่องราวลี้ลับ และอัศจรรย์มาก เชื่อกันว่าชาวลับแลไม่ใช่ภูตผี หากเป็นมนุษย์เผ่าหนึ่งที่บดบังตัวได้ ทำให้มนุษย์โลกไม่สามารถมองเห็นได้ ยกเว้นแต่ในกรณีที่ชาวลับแลอยากให้เราเห็นถึงจะเห็นได้ มีคุณธรรมประจำหมู่เหล่า ถือศีล 5 อย่างเคร่งครัด รักความสงบ วิถีชีวิตจึงมีแต่ความสุข ชาวลับแลที่เป็นนักพรตหรือฤๅษีจะนุ่งขาวห่มขาวเกล้าผมมวย เรียกตัวเองว่า คุรุฤๅษี หรือ ดาบส

องค์หลวงปู่พิศดู พ่อแม่ครูบาอาจารย์ของเรา ท่านก็ได้เคยท่องเที่ยวไปในภูมิของลับแลอยู่เสมอ ทั้งทางกายเนื้อ และกายทิพย์ และท่านยังเคยพาลูกศิษย์ไปเที่ยวเมืองลับแลมาแล้วหลายคนด้วยกัน ที่รู้จักกันดีในหมู่ลูกศิษย์ก็คือ คุณลุงอาจิณ บ้านอยู่ อ.ท่าใหม่ ปัจจุบันก็ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งหลวงปู่เคยบอกกับคุณลุงอาจิณว่า... "ให้รู้จักกันกับชาวลับแลไว้ ที่นี่สมบัติเป็นล้านๆ (ประมาณมิได้) รวมถึงเหล็กไหล และของดีต่างๆด้วย ฯลฯ" ซึ่งจะว่าไปแล้ว พระที่จิตโลดโผนแคล่วคล่องอย่างองค์หลวงปู่พิศดู ท่านเข้าๆ ออกๆ เมืองลับแลเป็นว่าเล่น รวมถึงในภพภมิต่างๆ เช่น เมืองของนาคราชก็ด้วย ความรู้ความเห็นของท่านเหนือกว่าผู้ปฏิบัติในสายเดียวกันมาก ในส่วนตัวผมก็เชื่อมั่น ล้าน% ว่า หลวงปู่ท่านต้องสำเร็จวิชาปรอทองค์หนึ่งด้วยแน่นอน เนื่องด้วยเหตุผลที่ท่านเป็นผู้สำเร็จกสิณ 10 สมาบัติ 9 และอภิญญา 6 เรื่องวิชาเหล่านี้ก็คิดว่าคงจะเป็นเรื่องที่ไม่เหนือวิสัยของท่านเป็นแน่ครับ...



และที่สำคัญ หลวงปู่ท่านก็เคยทำปรอทเป็นลูกอม ออกมาแจกลูกศิษย์ด้วย สมัยที่ท่านยังไม่ชราภาพนัก ลูกศิษย์รุ่นเก่าๆเคยได้กันไว้ ปัจจุบันไม่ต้องไปหาแล้ว เพราะท่านทำไว้ไม่มาก จะมีก็แต่เบี้ยแก้ที่ท่านอธิษฐานจิตซึ่งมีปรอทบรรจุอยู่ภายใน และปรอทเหลวที่ท่านตั้งใจอธิษฐานจิตทิ้งเอาไว้ให้ เพื่อให้เก็บไว้ผสมทำมวลสารสร้างวัตถุมงคลนั่นเอง ซึ่งปรอทดังกล่าวก็คงจะมีอานุภาพมากมายสุดจะกล่าวเช่นกัน... สาธุ _/\_

Credit: ขอขอบพระคุณที่มาจาก Facebook รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับ หลวงปู่พิศดู ธัมมจารี วัดเทพธารทอง

 

สาธุ สาธุ