นิทานสนุก..พระเครื่องและเครื่องราง (รุ่นปฐพีไร้พ่าย)

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย konun88, 20 มิถุนายน 2016.

  1. konun88

    konun88 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    5,009
    ค่าพลัง:
    +55,142
    52488e7d498bc27308fba15f2f467f30.jpg

    ประมาณ 2 ปีก่อนผมได้พระกริ่งรุ่น 1 ของท่านมาจากการไปฟัดกับศิษย์ของท่าน เพราะสร้างน้อย 2 วันก็หมดเกลี้ยง

    คือศิษย์ท่านสร้างถวายท่านอธิษฐานจิตเพื่อการกุศลหาเตียงให้ผู้ป่วยตามโรงพยาบาล หลวงปู่ท่านก็ใจดียิ่ง เสกให้ยาวนานมาก และไปมอบเตียงผู้ป่วยเองเลย

    พระกริ่งนี้พิเศษตรงสร้างตามตำราจริงๆ และบารมีหลวงปู่ก็เก่งเรื่องสมุนไพร มีการจารแผ่นยันต์ นะ 108 และอักขระเลขยันต์ครบตามตำรา

    เนื้อพระออกมาสัมฤทธิ์สวยงามมาก จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ผมสร้างพระกริ่งปราบโรคาขึ้นมาในภายหลัง
    0dd6b6303e6e08d50d0cde955f04b587.jpg
     
  2. konun88

    konun88 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    5,009
    ค่าพลัง:
    +55,142
    เครดิต เพจพระเครื่องวัดคชสารมุนี(หนองเข้)ปราจีนบุรี หลวงปู่ใช้ จารุวังโส ปลุกเสก

    52488e7d498bc27308fba15f2f467f30-jpg.jpg

    9d8053d18a7f8e854f5a6eb6d517c593.jpg
    23b15794ce0e8867ccaf5eee8a7cd49b.jpg

    bbd2569ee26579fe96603edb4b4cd8f9.jpg
    0ffa75eb69e66e8c25d6851b140ce750.jpg

    9448bee41837f76b7872b2ca9154e9bf.jpg
    9892979fa358046d75a04445dc88be08.jpg
    78aa198f149bbbbb8d9eb8e049c55fc4.jpg
    fa30c4b47c66abca47e3bb7cb1d6c714.jpg

    สรุป

    ชนวนมวลสารครบตามตำราแห่งการสร้างพระกริ่งเพื่อรักษาโรค ตามภาพ

    หลวงปู่ท่านเสกเดี่ยว 1 สัปดาห์ แล้วก็นำเสกโดยพระสายพุทธมหายาน เพราะพระกริ่งต้นกำเนิดมาจากพุทธมหายานนะครับ

    ถือว่าครบถ้วนตามสูตรโบราณ ...

    นี่ล่ะครับผมชอบมาก ไปถ่ายภาพมาก็รัศมีทองคำ จนผู้สร้างยังขอภาพจากผมไปให้เครดิตผมแล้ว...

    นี่คือแรงบันดาลใจในการสร้างพระกริ่งปราบโรคาต่อมานั่นเอง...
     
  3. ton 2499t

    ton 2499t เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +435
    น้อมกราบหลวงปู่สู่นิพพานครับ
    ถือว่าโชคยังดีครับที่ผมทันได้บูชา พระอุปคุตปราบมารที่ท่านเสกปิดท้าย แล้วก้อแหวนมหาชะตา ที่ท่านเมตตาเสกชนวนให้ครับ
     
  4. konun88

    konun88 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    5,009
    ค่าพลัง:
    +55,142
    smibeb-jpg.jpg

    ช่วงนี้ถือว่าได้เก็บตัวกันยาวนาน บวกกะการล็อกดาวน์ทำให้เที่ยวลำบาก แต่ก็ดีครับ ได้เอาเวลาภาวนาให้มากขึ้น

    สำหรับภาวะภัยพิบัติ ย่อมมีหลายคำทำนาย แต่ผมก็ยึดตามผู้ที่ผมเคารพว่ายังอีกยาวนานนัก ลากไปจนกลางปีหน้า

    อย่างไรก็ตามตัวผมเองก็ใส่แหวนทุกวันทำให้แคล้วคลาดปลอดภัยมาได้ และก็ทำบุญเป็นระยะ ๆ

    สำหรับการทำบุญผมยึดตามคำสั่งสอนหลวงปู่เหิรอาจารย์ผมครับ ซึ่งด้วยบารมีท่านทำให้ได้ผงวิเศษหลวงปู่โตมา และชักนำให้ชีวิตพบแต่สิ่งดี ๆ


    ในหลักการทำบุญ ผมได้พูดเป็นระยะ ๆ แต่ขอย้ำอีกครั้ง

    1. ให้ทำบุญด้วยจิตเพื่อละตระหนี่ และควรทำบุญหลายๆ ที่เพราะบางที่อาจไม่เป็นอย่างที่เราคิด

    2. บุญสำเร็จแต่แรกด้วยความตั้งใจแต่นั่นล่ะครับ เขามีองค์ประกอบ ก่อนให้ ขณะให้ หลังให้กัน

    3. เนื้อนาบุญหากเป็นดินแห้งแล้วย่อมปลูกอะไรไม่ขึ้น ถามว่าได้บุญไหมก็ได้ไม่เต็ม 100

    4. สำหรับตัวผมนั้นเน้นให้คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์จึงเน้นสาธารณะประโยชน์หรือทำบุญกับพระอริยเจ้า เน้นสายหลวงปู่มั่นเป็นหลัก...

    การทำบุญที่ดีต้องถูกที่ถูกเวลา คือในที่เขาขาดแคลนจริงๆ ไม่ใช่ อยู่กันสุขสบายยังก่อสร้างกันไม่หยุด

    ชั่วโมงนี้บุญที่ดีที่สุดคือตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ละครับและมูลนิธิการกุศล เพราะเป็นส่วนรวมจริง ๆ

    ผมยึดถือตามแนวอาจารย์ผมไม่เน้นก่อสร้างที่เกินความจำเป็น เพราะได้พบพระอริยเจ้าท่านก็มาแนวนี้คือ ต้องอยู่อย่างสมถะ พอกินพอใช้ เรียกว่าให้อะไรท่าน ให้เงินท่านก็ไม่รับ เราจึงเน้นของบำรุงสุขภาพของผู้สูงอายุ

    ขอให้พิจารณานะครับ อะไรที่เหมาะสม จำเป็น และเกิดประโยชน์ส่วนรวมและเป็นสิ่งที่ขาดแคลนจริงๆ ไม่ใช่ประเภทเรี่ยไรกันไม่หยุดไม่ให้คนพักในภาวะเช่นนี้...
     
  5. konun88

    konun88 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    5,009
    ค่าพลัง:
    +55,142
    smibeb-jpg-jpg.jpg

    สำหรับพระรุ่นมหาเดชะบารมี ผมถือว่าพอใจที่สุดในชีวิตแล้ว เพราะจากการสัมผัสเวลาทำสมาธิ อาจเพราะเรียนมาสายเดียวกับครูบาอาจารย์ที่อธิษฐานและมวลสารด้วย

    ทำให้จิตสงบแน่วแน่และทำให้ภาวนาทบทวนสิ่งที่เรียนมาได้เต็มที่ เรียกว่าฟื้นคืนพลังกายใจเต็มพิกัด ต่างจากชุดพระสมเด็จที่เน้นความสงบนุ่มนวลเป็นหลัก... ถึงบอกหวงมากไม่ให้ใครฟรี ๆ เลย55 ให้เพื่อนไปคนเดียวเองตอนไปชมพระงานพุทธศิลป์ของเขา ปกติจะแจกคนสนิทแต่รอบนี้ไม่แจกครับ..

     
  6. konun88

    konun88 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    5,009
    ค่าพลัง:
    +55,142
    smibeb-jpg-jpg-jpg.jpg

    คุณชอบทำบุญที่ไหน ???

    จริง ๆ เรื่องนี้ผมคุยกับหลวงปู่มาบ่อยในสมัยก่อน ...

    คือทุก ๆ ปี หลวงปู่จะจัดทำบุญที่วัดบ้านเกิดท่าน แต่นั่นล่ะถ้าไม่ถามท่านก็ไม่บอก สมัยก่อนเคยมีศิษย์ไปโพสลงเว็บนึงนานแล้ว ท่านรู้ให้ลบโพสทันที
    คือท่านไม่ชอบเรี่ยไรแจกซองใคร

    เรียกว่าถ้าสนิทกันถามท่าน ท่านถึงบอก และท่านก็จะบอกผมปัจจัยที่คนถวายท่านก็กระจายไปหลายๆ วัด

    ผมถามหลวงปู่เลือกที่ทำบุญไหม ??

    ท่านบอก ก็เลือกวัดที่เขาปฏิบัติดีหน่อย ...

    นี่ล่ะถึงติดเป็นนิสัยผมมาจนวันนี้ ดังตอนนี้ผมประกาศไปชัดจะไม่เรี่ยไรอะไรใคร

    ที่ปรึกษายังมายุให้ผมจัดกฐิน ผมบอกตรงๆ เลยไม่ชอบ เน้นเงินกันทั้งนั้น ถึงแม้มาบอกว่าไม่ยึดติดจำนวนเงินแต่ถ้าได้ 20 บาทล่ะจะเอากันมะ55

    จริงๆ เราเอาเงินให้พ่อแม่เราได้บุญเยอะกว่าอีก

    ณ ปัจจุบันผมดูตามสถานที่ ที่เขาดูดีและสมควรแก่การทำบุญ เรียกว่ามาไลน์หาตรง ๆ เรี่ยไรผมบล็อคไปเยอะแล้ว คือให้เราเกิดศรัทธาจริงๆ จะดีที่สุด และไม่ใช่เรี่ยไรกันไม่หยุด

    ล่าสุด ผมก็ได้ติดตามเพจครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่น ที่ดูจากศิษย์น่ะดีมาก ๆ

    เรียกว่าหลวงพ่อท่านไม่มีจำหน่ายวัตถุมงคล ท่านแจก จนศิษย์ระดับมีฐานะเอาทองคำ 8 บาทหลอมพระกริ่งสร้างให้ท่านแจกในกฐินกันเลย

    พอกฐินทีหลวงพ่อไม่ให้นับเงิน ไม่ให้ยึดติดจำนวนเงิน ที่แห่งนี้จึงได้ใจไปเลย

    ถามว่าการทำบุญให้ถูกต้องแห่งนิยามคำว่าบุญดีอย่างไร ก็คงไม่ต้องบรรยายมาก

    อย่างแรกจิตใจเราจะเป็นสุข สงบครับ ส่วนอานิสงส์ที่ส่งผลอย่าไปคาดหวังอะไร เพราะถ้าหวัง มันคือ ความอยาก มันจะล้อเล่นกับจิตใจเรา...

    แต่สิ่งสำคัญที่ผมพบ คือได้พบสิ่งดี ๆ มาเรื่อยๆ นอกจากได้ของดีน่ะครับ และทำให้สมาธิดีขึ้นเรื่อย ๆ

     
  7. konun88

    konun88 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    5,009
    ค่าพลัง:
    +55,142
    0173d12c18e7b0c16268d15a4f24272f.jpg

    ในส่วนตัวผม ที่ห้อยพระมา แม้ห้อยพระรุ่นเก่า ๆ หรือรุ่นเด็ด ๆ ก็ยังมีบ้างที่เจออุปสรรคเรื่องไม่สบอารมณ์ หรือติดขัดไม่ได้ผลดังหวัง ก็คิดว่าเป็นตามธรรมชาติ

    แต่พอมาเจอพระสมเด็จมหาโภคทรัพย์ ราบรื่นทุกสรรพสิ่ง แทบไม่มีเรื่องให้หงุดหงิดโมโหเลย เลยชอบมาก ๆ อาจเพราะพลังแห่งหลวงปู่โตและเกศาครูบาอาจารย์ที่ผมรักเคารพด้วยในองค์พระ

    ทีนี้พอมาเจอรุ่นทิ้งทวนเจอล็อคดาว ไม่ค่อยได้ไปไหนไปลองของ แต่เป็นรุ่นที่จับทำสมาธิได้ดีที่สุด อาจเพราะร่ำเรียนมาในสายแนวทางเดียวกับผู้เสกด้วยล่ะครับ

    ในช่วงนี้ก็อย่างที่ผู้ทรงจิตคาดการณ์ไว้ คงกลางปีหน้าล่ะครับถึงจะคลี่คลาย ก็อาศัยช่วงนี้เก็บตัวภาวนาไปครับ

    พรุ่งนี้ก็ อาสาฬหบูชาแล้ว ท่านที่มีพิมพ์ปฐมเทศนา ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้แสดงปฐมเทศนาครั้งแรกเมื่อ สองพันห้าร้อยกว่าปีก่อน

    ขอให้ช่วงเข้าพรรษานี้ถ้ามีเวลาสวดธรรมจักรให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้นะครับผมเองก็ตั้งใจจะทำให้ดีเช่นกัน

    ถือว่าเป็นการเพิ่มพลังบุญและดวงชะตาไปด้วยเลย...

    การทำบุญ ผมเคยเกริ่นไปแล้วในโพสก่อนหน้านี้ บุญคืออะไร ??

    คือการยกระดับจิต ซึ่งมีง่ายๆ ก็ทาน ทำให้ละความตระหนี่ ศีล ทำให้ปิดกั้นอบายภูมิ ภาวนาทำให้เกิดปัญญา จนดับทุกข์ได้

    การทำทานนั้นง่ายที่สุด แต่ขอให้ใช้เงินให้คุ้มค่าในการทำบุญ

    ทุกท่านก็ปัญญาชนแล้วคงไม่ต้องชี้แนะอะไรมาก ผมขอให้ยึดหลักหลวงปู่เหิรสอนผม ให้ใช้ให้คุ้มค่า เลือกเนื้อนาบุญให้ดี แล้วจิตใจของเราจะสุขสบายไปด้วย

    หลักหัวใจเศรษฐี ก็สอนอยู่ อุ อา กะ สะ นอกจากหาทรัพย์ก็เก็บออมไว้ใช้ในยามฉุกเฉินด้วยครับ เดี๋ยวนี้อะไรต้องใช้เงิน จะหวังบัตรทองฟรีคงจะแย่

    อย่าเชื่อถือคำสอนว่าไม่ให้เก็บเงินทำบุญให้หมด นี่ไม่ใช่แล้ว เราต้องระวังการใช้ชีวิตด้วย

    ในสถานการณ์เช่นนี้ได้พิสูจน์ที่ใดคือเนื้อนาบุญแท้ๆ อย่างหลายที่ในสายหลวงปู่มั่น ก็สอนกันอยู่
    10ab9e3531ac8380d7f3e8d30ca44570.jpg

    ในการสร้างพระมาทั้งหมด ผมชอบที่สุดคือ รุ่นใช้ผงหลวงปู่โตนี่ล่ะครับ เพราะได้ผลชัดเจนและไว

    อย่างไรก็ดี พระที่ดีย่อมต้องมงคลแต่แรกเริ่ม ดังได้นำยอดบูชาไปใช้การกุศลจนหมดสิ้น

    เพราะผมเองก็ต้องการสิ่งมงคลนี้ด้วยครับ และอยากสะสมบุญไว้มาก ๆ ด้วยจะได้เป็นที่พึ่งรอดปลอดภัยในกลียุคเช่นนี้

    ขอให้ทุกท่าน สะสมบุญให้มาก ๆ คงไม่ต้องบอกแล้วนะครับ ทำบุญอย่างไรถึงจะดีและคุ้มค่าที่สุด...
     
  8. konun88

    konun88 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    5,009
    ค่าพลัง:
    +55,142
    smibeb-jpg-jpg-jpg-jpg.jpg
    f8f1432c1b11543ff75bf4ec3fc7609e.jpg

    6f913bc489cc71a65800e9152ace6b79.jpg

    เข้าพรรษานี้เรียนเชิญทุกท่านที่มี พระชุดผสมผงหลวงปู่โต ไม่ว่าเป็นรุ่นสมเด็จ หรือรุ่นทิ้งทวน อาศัยช่วง อดเที่ยว สวดบทธัมมจักรกัปปวัตนสูตร ด้วยกันนะครับ และพระคาถาชินบัญชร เพื่อยกระดับดวงชะตาและเพิ่มอำนาจเทวดาที่รักษาพระกันด้วย ย่อมเป็นผลดีต่อตัวเองครับ

    ผมก็อาศัยช่วงเก็บตัวนี้มุ่งภาวนาด้วยเช่นกันครับ การภาวนาได้บุญมากที่สุดและแก้ดวงชะตาได้ดีที่สุด (ภาษาโหรนะ)
     
  9. konun88

    konun88 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    5,009
    ค่าพลัง:
    +55,142
    จำขี้ปากเขามาเล่าต่อ.....
    #การอธิษฐานจิต วัตถุมงคล
    ถ้าเป็นพระโลกียะ (ยังไม่เป็นพระอริยเจ้า) ทั่วๆ ไปก็ต้องดูว่า เมื่ออายุมากขึ้น ท่านเสื่อมหรือได้มากขึ้น ก็เป็นไปตามนั้น
    ถ้าเป็นพระอริยเจ้า (ไม่มีเสื่อม) โดยมากรุ่นหลังจะดีกว่า (ข้อแม้คือ เจตนาการสร้าง มวลสาร เวลา ฤกษ์ยาม และอื่นๆ ถูกควบคุมเหมือนกันหมด) ถึงบอกว่า ตอบยาก มีเงื่อนไขเยอะ
    แต่ถ้าเป็นพระระดับที่ได้สูงๆ ถึง #กายสิทธิ์ ท่านจะได้วิชา
    เมื่อวางวิชา ไม่ว่ารุ่นไหนก็แล้วแต่จะเหมือนมี network เข้าไป update
    ให้พลังงานสูงขึ้นตามธรรมที่ท่านบรรลุได้ลึก ละเอียดขึ้น
    (คือได้ฐานจิตของท่านเหมือนกัน ยกเว้นความพิเศษบางประการของแต่ละรุ่น)
    การสร้างพระ ปกติมักจะเสาะหามวลสารอันสุดวิเศษมากันเยอะ เช่น ผงแตกหักสมเด็จวัดระฆัง มวลสารจิตรลดา มวลสารพระกรุ ฯลฯ เป็นต้น
    แต่หากผู้อธิษฐานจิตไม่ถึง พลังงานก็ใช้ได้ไม่สมบูรณ์ ขอยกตัวอย่างดังนี้
    มวลสารสุดวิเศษ เปรียบ วัตถุดิบอันเลิศ
    ผู้อธิษฐาน เปรียบพ่อครัว ผู้ปรุง
    แม้นวัตถุดิบจะเลอเลิศ ถ้าพ่อครัวฝีมือปรุงได้เท่าไหน รสชาดก็จะโอชะเพียงนั้น มากกว่านั้นผิดธรรมชาติ
    .....#จิตถึงไหนได้เท่านั้น เป็นหลักธรรมชาติ
    ยกตัวอย่างอีกตัวอย่างหนึ่ง
    หากแม้นฝืนกฎธรรมชาติแล้ว ทุกคนย่อมสร้างพระได้พลังงานเท่ากันหมด ไม่จำเป็นต้องให้เกจิอธิษฐาน เราก็ขออธิษฐานได้ว่า ขอพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ มาสถิตย์ จริงไหม
    แต่ความเป็นจริงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ คนที่ไม่ฝึกจิต
    หากอธิษฐาน (ไม่มีสมาธิ) ก็จะไม่มีพลังงานใดๆ ลงไปสถิตย์เลย
    ส่วนผู้บรรลุธรรมมากอธิษฐาน ก็จักมีพลังงานสถิตมาก
    ผง มวลสาร ที่พระเกจิอธิษฐานไว้ ย่อมมีพลังงานแน่นอน เช่น ผงสมเด็จวัดระฆัง
    แต่คราวเมื่อองค์พระสลาย การตั้งเป็นองค์พระก็หมดลง เช่น คนตาย ความเป็นมนุษย์ก็หมดลง แต่พลังงานไม่ได้สูญหายไปไหน (ถ้าหายก็ผิดหลักธรรมขาติอีก)
    ถ้าเป็นสายผมจะอธิบาย ง่ายๆ ว่า พลังงานม้วนกลับ (คือยังคงสถิตย์อยู่ แต่ได้ม้วนเก็บ)
    คราวนี้เมื่อมีการนำมวลสารมาตั้งเป็นองค์พระใหม่และอธิษฐาน
    จิตผู้อธิษฐานได้ถึงไหน ก็สามารถคลี่พลังงานที่สถิตย์ออกมาได้เพียงนั้น
    ดังนั้นผู้อธิษฐานจึงสำคัญมาก
    อย่างนี้ก็แสดงว่า ต้องดูว่าใครปลุกเสกเป็นหลักละสิ
    คำถามนี้ก็ไม่ถูกต้องนัก แต่ก็ไม่ผิด
    เพราะขั้นแรกพลังงานที่ใช้ได้ จะเท่ากับพระผู้ทำการอธิษฐาน
    ถ้าผู้ใช้ เป็นผู้ไม่ปฎิบัติ ก็ได้เท่านั้น
    แต่หากผู้ใช้เป็นนักปฎิบัติ แล้วเมื่อปฎิบัติได้มากกว่าพระที่อธิษฐานจิต
    ก็สามารถคลี่พลังงานที่สถิตย์อยู่ในมวลสารออกมาใช้ได้มากขึ้น ตามธรรมที่บรรลุ
    มวลสารจึงมีความสำคัญดังนี้
    ดังนั้นนอกจากเจตนาบริสุทธิ์ และองค์ประกอบอื่นๆ เลิศแล้ว
    มวลสาร และ ผู้อธิษฐาน จึงมีความสำคัญมาก ดังนี้
    ---------------------------------------
    - พระปรกเดี่ยวกับพระปรกหมู่ พุทธคุณแตกต่างกันไหม?
    โดยความจริงแล้วเป็นไปได้ทั้ง 2 แบบ
    กล่าวคือ ขึ้นอยู่กับว่าพระที่ท่านมาอธิษฐานจิตบรรลุคุณธรรมระดับใด
    เช่น ถ้าพระทั้งหมดที่มาแม้มีจำนวน 100 รูป แต่ทุกรูปบรรลุธรรมขั้นโสดาบัน
    ก็ไม่อาจที่จะมีพุทธคุณได้มากเทียบเท่ากับพระอรหันต์อธิษฐานจิตเพียงรูปเดียว
    อุปมาดั่ง การทำข้อสอบ calculus ต่อให้ใช้เด็กระดับ ป.1 ทั้งประเทศ ก็คงทำสู้ ผู้จบ ป.ตรี คนเดียวไม่ได้
    ดังนั้นการปรกหมู่พุทธคุณจึงขึ้นอยู่กับคุณธรรมของพระผู้บรรลุธรรมสูงสุดที่มาเป็นหลัก
    (หรือเป็นประธานในการจัดวางพลังงานและสายวิชา #ข้อสังเกตไม่ได้หมายถึงประธานในพิธี)
    การปรกหมู่มีข้อเสียเปรียบกว่าการปรกเดี่ยวอีกประการคือ พลังงานของสายวิชาต่างๆ อาจสับสน
    ซึ่งเกิดจากการเดินธาตุธรรมและวิชาของพระแต่ละรูปแตกต่างกัน และด้วยคุณธรรมที่ไม่สม่ำเสมอกัน
    เคยมีเรื่องจริงที่ปรากฏในพิธีพุทธาภิเษกครั้งหนึ่ง มีพระมีชื่อนั่งปรก 4 รูป 4 ทิศ
    เมื่อเริ่มพิธีทันใด พระเถระรูปหนึ่งก็กระเด็นตกจากที่นั่ง เนื่องจากไม่สามารถทานพลังจิตตานุภาพของพระเถระอีก 3 รูปได้
    ในงานนั้นมีผู้สื่อข่าวถ่ายรูปได้ แต่ลูกศิษย์ได้จ่ายค่าตอบแทนแล้วขอฟิล์มไป
    ข้อเสียเปรียบอีกประการ การปรกหมู่ มีเวลาจำกัด
    พระแต่ละรูปโดยมากจะไม่ได้เดินสายวิชาหลักของตนเองสักเท่าใด
    นั่นหมายถึงพลังจิตของท่านนั้นได้เต็มๆ แต่วิชานั้นอาจไม่ได้
    การปรกเดี่ยว มีข้อเสียเปรียบคือ หากผู้อธิษฐานจิตมีคุณธรรมไม่สูงนัก คุณธรรมที่ได้ก็ได้ตามส่วนนั้นนั่นเอง
    แต่การปรกเดี่ยวมีข้อที่ดีที่ถือว่าเป็นเลิศ คือ ท่านมีเวลาในการเดินวิชา
    และที่สำคัญมีเวลาในการกลั่นความละเอียดของพลังงาน (อุปมาดั่งนอกจากจะได้ก้อนหินก้อนหนึ่งแล้ว หินนั้นยังมีความประณีตแบ่งสีเป็นชั้นๆ อย่างละเอียดพิสดาร)
    - กรณีที่ผู้สร้างพระนำพระที่สร้างตระเวนไปให้ลป.หรือลพ.ต่างๆ ปลุกเสกเดี่ยวที่วัดต่างๆ ทั่วประเทศ อย่างนี้น่าจะได้เปรียบกว่าไหม ถ้า
    1. ลป.ลพ.ต่างๆ ในแต่ละวัดมีเวลาปลุกเสกเต็มที่ (ปลุกเสกเดี่ยว)
    2.วัตถุมงคลมีพระสงฆ์หลายระดับ (ระดับการบรรลุธรรม) ปลุกเสกน่าจะดีกว่าปลุกเสกเดี่ยว
    กรณีนี้จริงๆ ยังมีเงื่อนไขอื่นอีกมาก เช่น เจตนาการสร้าง และพุทธประสงค์ ฤกษ์ยาม เป็นต้น
    ข้อ 1 จึงตอบว่าใช่ หรือไม่ใช่ ก็ได้
    ใช่ ถ้าเงื่อนไขอื่นเหมือนกันหมดและพระเป็นพระแท้ (ไม่ใช่ฝ่ายดำ ไม่ใช่ไสยดำ)
    และก็อาจตอบว่า ไม่ใช่ สำหรับบางกรณี เช่น พระผงวัดเกาะจันทร์ มีพลังงานหลวงพ่อสด แต่พอนำไปเข้าพิธีหมู่อีกทำให้ห่อหุ้มพลังงานสายวิชาสำหรับการเดินจิต ต้องเจาะกำแพงสายวิชาของพระรูปอื่น
    เข้าไปถึงจะสัมผัสพลังงานท่านได้
    (การคุ้มครองไม่มีผล แต่การปฏิบัติเพื่อเข้าถึงหลวงพ่อสดจะยากกว่ามาก) เป็นต้น
    - การสร้างพระโดยรวบรวมมวลสารที่ได้รับการเสกหรืออธิษฐานจิตจากพระหลายท่านแต่ละรูปก็ทรงคุณไม่เหมือนกัน สายวิชาก็ต่างกัน
    ขณะท่านอธิษฐานมวลสารให้ มีผู้ที่มีตาดีบอกว่าเห็นเป็นแก้วประกายพรึกบ้าง บางองค์ก็เห็นเป็นดอกบัวแก้วบ้าง แล้วถ้านำมวลสารนั้นมาทำพระ ผลจะเป็นเช่นไร ถ้า
    1.ไม่ให้ท่านใดอธิษฐานอีก
    2.ให้พระอรหันต์ แบบอภิญญาเสก
    ถ้ามวลสารล้วน ก็เหมือนกับนำพระให้ท่านเหล่านั้นอธิษฐานจิตแล้ว
    พุทธคุณก็ขึ้นกับพระเหล่านั้นอธิษฐานอย่างไร
    ถ้าอธิษฐานซ้ำ พระที่เก่งๆ (ย้ำว่าเก่งๆ) ก็สามารถจัดเรียงพลังงาน เติมเต็มบางด้านถ้ายังไม่เต็มได้
    แต่ถ้าหากนำมวลสารนี้ไปผสมมวลสารอื่น พลังงานก็เจือจางลง เหมือนกฎของโลก นำน้ำตาลใส่ลงไปในน้ำ น้ำเยอะความหวานก็น้อยลง
    แต่ก็มีบ้างเหมือนกันที่พระใช้วิธีการอธิษฐานฤทธิ์ เช่น รูปถ่ายคุณแม่บุญเรือน น้ำมันชาตรีหลวงพ่อฤาษี
    ที่อธิษฐานให้พุทธานุภาพคงเดิม ไม่ว่าจะนำไปอัดใหม่สักกี่ครั้ง ไม่ว่าจะเติมน้ำมันสักเท่าไร แต่ก็มีเงื่อนไขตามบุญบารมีของแต่ละท่านที่สั่งสมมา

    เครดิตที่มา
    63e01e921919639fa4bfedc973cac7a6.jpg
     
  10. konun88

    konun88 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    5,009
    ค่าพลัง:
    +55,142
    ทฤษฎีดังกล่าวถือว่าตรงกับที่รู้มาครับ ในการสร้างพระรุ่นล่าสุดของผม เรียกว่าคัดสรรมวลสารผู้เสกเต็มที่ และกลั่นวิชา หรือพูดภาษาชาวบ้านก็เสกซ้ำไปซ้ำมาจนท่านพอใจเต็มสูตรของท่าน

    แน่นอนจะเสกข้ามปีก็เกินไป เพราะกิจของสงฆ์ไม่ใช่มานั่งเสกพระนะครับ...เดี๋ยวจะออกพุทธคุณมากไปยุ่งเลย
     
  11. konun88

    konun88 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    5,009
    ค่าพลัง:
    +55,142
    จำเขามาเล่า....
    #วัตถุมงคลกับกรรม
    ก่อนอื่น ต้องเข้าใจความจริงของชีวิตก่อนว่า
    ผล ทุกอย่าง เกิดจาก เหตุ
    ความเป็นอยู่ของเราในปัจจุบันเกิดจาก เหตุที่เราทำไว้ในอดีต
    อดีต นี้ หมายรวมทั้ง ชาติปางก่อนส่วนหนึ่ง และการกระทำของเราตั้งแต่แรกเกิดจนถึงปัจจุบัน (ชาตินี้) ส่วนหนึ่ง
    ปกติ ผลจากชาติอดีต มี 50% ผลจากชาติปัจจุบัน 50%
    คราวนี้ ถ้าจะอธิบายเรื่องวัตถุมงคลกับกรรม ขอยกตัวอย่างให้เห็นง่ายๆ ดังนี้
    ผลจากอดีตชาติ 40% ผลจากชาติปัจจุบัน 40% ผลจากวัตถุมงคล 20% (ตัวเลขสมมติ)
    ถ้าเราทำกรรมในอดีตไม่ดี แล้วกำลังส่งผลนั่นคือส่งผล 40%
    ถ้าเราทำกรรมไม่ดีซ้ำอีกในปัจจุบัน กรรมปัจจุบันส่งผล อีก 40%
    แม้วัตถุมงคลจะช่วยเต็มที่ 20% ก็ต้านกระแสกรรมไม่ได้แน่นอน (เพราะ 80 : 20)
    ถ้าเราทำกรรมในอดีตไม่ดี แล้วกำลังส่งผลนั่นคือส่งผล 40%
    ถ้าเราทำกรรมดีในปัจจุบัน กรรมปัจจุบันส่งผล 40%
    แล้ววัตถุมงคลช่วยเต็มที่ 20% ต้านกระแสกรรมได้แน่นอน หรือผ่อนหนักเป็นเบา (เพราะ 40 : 60)
    ดังนั้น ขออย่ายึดในวัตถุมงคลฝ่ายเดียว
    ให้ยึดการกระทำกรรมดีในปัจจุบันให้มาก (ส่วนกรรมในอดีตเราแก้ไขไม่ได้)
    การบรรเทาผลกรรมในอดีต คือ การทำกรรมปัจจุบันให้ดี
    กรรมปัจจุบันที่ดี เช่น การทำงานด้วยความขยันหมั่นเพียร ซื่อสัตย์สุจริต (ถ้าให้ดี พยายามประคองสติ ตลอดเวลา งานที่ได้จะเป็นงานที่กอรปด้วยปัญญา เป็นงานอันประณีต ฯลฯ)
    อีกส่วนก็ ปฏิบัติ เพื่อให้จิตสว่างสงบ ซึ่งจะส่งผลต่อการประคองสติ ก่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ และการประคองสติในการทำงาน ก็ส่งผลให้การปฏิบัติก้าวหน้า เป็นวงล้อส่งเสริมกันและกัน
    ่การอ้อนวอนจากวัตถุมงคล ไม่ใช่ทางของพระพุทธศาสนา
    ทางของพระพุทธศาสนา นั้น เป็นทางแห่งการปฏิบัติ การเรียนรู้ การบำเพ็ญ ด้วยตนเอง ดังพุทธสุภาษิตที่ว่า ตนแลเป็นที่พึงแห่งตน
    ดังนั้น การจะทำอะไรก็ตามต้องประกอบด้วย 2 ส่วน คือ การทำกรรมปัจจุบันให้ดี ควบคู่กับการปฏิบัติ (ทาน ศีล ภาวนา) บวกกับ พุทธานุภาพ ในวัตถุมงคล จึงจะช่วยเราได้
    อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญ ทุกข์ ให้พยายามคิดถึงสมัยที่พระโพธิสัตว์บำเพ็ญพระบารมีเข้าไว้ ดูท่านเป็นตัวอย่าง
    พยายามประคองสติ แล้วเลือกใช้ บารมีทั้ง 10 ในการแก้ไข หรือ อดทนกับปัญหา
    บางครั้งต้องใช้ ปัญญา บางครั้งต้องใช้ความเพียร เป็นต้น
    ถ้าทำได้ดังนี้ นอกจากเราจะได้ใช้กรรมแล้ว เรายังได้ปัญญา ได้บารมี เพิ่มด้วย
    -----------------------
    #ความเสื่อมของวัตถุมงคล
    วัตถุมงคลจะเสื่อมหรือไม่ ใจความสำคัญอยู่ที่ "ผู้เสก" เป็นอันดับที่หนึ่ง ถ้าผู้เสกเป็นผู้มีคุณธรรมสูงจริง เป็นผู้มีฌาน-ญาณที่แข็งแกร่งจริง เสกแล้วก็ยากจะเสื่อม ถ้าจะพูดว่าไม่เสื่อมเอาเสียเลยก็จะขัดกับกฏพระไตรลักษณ์ไป เอาเป็นว่า จะเสื่อมก็ต่อเมื่อสิ้นพระศาสนาถ้วน 5,000 ปีแล้วกัน แต่ตลอดระยะเวลาที่พระพุทธศาสนายังดำรงตัวอยู่อย่างนี้ของที่ดีจริง ๆ ไม่มีเสื่อม
    หลวงพ่อกัสสปมุนี วัดปิปผลิวนาราม เคยบอกว่า คนที่เสกของโดยอาศัยฌานเพียงอย่างเดียว หากต่อไปวันข้างหน้ามีเหตุให้ฌานเสื่อมจะเพราะอะไรก็ตาม ของที่เคยเสกไว้แล้วทั้งหมดเป็นอันว่าเสื่อมตาม เพราะฉะนั้น การเสกพระแม้ต้องอาศัยฌานแต่ก็ต้องมีลูกเล่นในการเสก คือ เดินหน้าถอยหลังเป็นอนุโลม-ปฏิโลม และยังต้องอาศัยการอธิษฐานทับด้วยอำนาจ "ญาณ" ซึ่งจะสูงกว่าฌาน สำหรับรายละเอียดต่าง ๆ ขอข้ามไป เพราะทำไม่เป็น หากพูดมากไปก็จะร้ายมากกว่าดี
    ความสำคัญอย่างที่สอง คือ "ผู้ที่นำวัตถุมงคลมาใช้" ถ้าเป็นคนดีมีศีลมีธรรม ของนั้นก็ยิ่งขลังยิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าเป็นคนเลวก็คือเสื่อม
    เสื่อมที่ว่าเป็นปัญหากันมาก เพราะแต่ละคนก็มีความเชื่อในครูอาจารย์หรือวิชาของตนว่าไม่มีทางเสื่อม
    ก็ไม่ได้ว่าของเสื่อมดอก การที่บอกว่าของเสื่อมเป็นการพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ที่จริงของไม่เสื่อม "คนนั่นแหละที่เสื่อม"
    คนเสื่อมจากของ ใช้ของไม่ขึ้น คล้าย ๆ แว่นกันแดดที่คนตาดีใส่ก็ช่วยให้มองสบายตาอย่างยิ่ง แต่พอเอาไปให้คนตาบอดใส่ก็หาประโยชน์อะไรไม่ได้
    ..... แว่นกันแดดเสื่อมหรือ ?
    สรุปคือ วันและเวลาไม่ใช่ตัวกำหนดว่าเสกของแล้วจะเสื่อมหรือไม่เสื่อม อยู่ที่ผู้เสกเป็นสำคัญอันดับหนึ่ง และอยู่ที่ผู้ใช้เป็นข้อสำคัญอันดับสอง

    เครดิตที่มา
    c36452aa35d678e0addf91449e0e2d29.jpg

    หลักการนี้ตรงกับที่รู้มาเช่นกัน ให้ยึดปัจจุบันเป็นสำคัญครับในทางพุทธ

    เราทำบุญก็เลือกเนื้อนาบุญให้ดี หรือทำบุญในทางสาธารณะประโยชน์จะดียิ่งที่สุด ช้าแต่ชัวร์
     
  12. konun88

    konun88 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    5,009
    ค่าพลัง:
    +55,142
    อ่านมาน่าคิด....
    บุญกับบารมี ต่างกันอย่างไร
    บุญกับบารมีเป็นคำที่ทุกท่านคงเคยได้ยินกันมาบ่อยๆ แต่ทราบไหมครับว่าแตกต่างกันอย่างไร
    เวลาที่เราไปบริจาคทรัพย์ ปล่อยชีวิตสัตว์ หรืออื่นๆ มักจะกล่าวกันว่าได้บุญแต่ไม่ได้บอกว่าได้บารมี
    จริงๆ แล้วบุญและบารมีเป็นของคู่กัน ต้องมีบุญก่อนถึงจะเกิดบารมีได้
    ถ้าเปรียบเทียบอุปมาอุปมัย บุญ คงเหมือนกับ ไอน้ำ ส่วนบารมีเหมือนกับ น้ำ เมื่อเราทำบุญ เหมือนกับเราได้ไอน้ำมา แต่เราจำเป็นต้องควบแน่นให้ไอน้ำเหล่านั้นกลายเป็นน้ำหรือเป็นบารมีอีกที วิธีการในการควบแน่นั้นก็คือ การปฏิบัติสมถกรรมฐานวิปัสสนา นั่นเอง
    ในการจะล่วงเข้าสู่นิพพาน บารมีจะต้องเติม 10 ทัศสำหรับพระสาวกภูมิ และเต็ม 30 ทัศสำหรับพระพุทธภูมิ (จะสังเกตได้ว่าใช้คำว่าบารมี ไม่ใช่บุญ) ดังนั้นผู้ที่ปรารถนาจะสิ้นชาติภพ จงเร่งปฏิบัติภาวนาเถิด เร่งกลั่นบุญที่สะสมกันมาให้เป็นบารมี
    มีความคิดสุดโต่งที่เป็นมิจฉาทิฐิ คือ ทำบุญไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ได้ถึงนิพพานเอง ซึ่งเป็นไปไม่ได้
    (พระพุทธเจ้ากล่าวว่าเป็น 1 ในมิจฉาทิฐิ) เพราะบุญไม่มีทางกลั่นตัวเองให้เป็นบารมี บุญต้องอาศัยเครื่องกลั่น คือ การปฏิบัติเท่านั้น
    พระสายป่าบางองค์ บางท่านอาจคิดสงสัยทำไมท่านเป็นพระอรหันต์ได้โดยการเข้าไปบำเพ็ญในป่าฝ่ายเดียวไม่ได้ทำบุญทั้ง 10 ประการให้ครบ ก็วิสัชนาว่า เพราะท่านมีบุญทั้ง 10 ประการ เพียงพอที่จะกลั่นให้เป็นบารมีทั้ง 10 ทัศ นั้นได้เต็มสมบูรณ์แล้วนั้นเอง เพราะบุญและบารมีนั้นไม่สูญหายไปไหน
    ติดตามเราไปทุกภพทุกชาติ แต่พระป่าบางองค์เมื่อกลั่นบุญเป็นบารมีแล้ว ท่านพบว่ายังไม่เต็มสมบูรณ์ ท่านก็จักออกจากป่ามาสร้างบุญเพิ่ม เช่น มาสร้างวัด วิหาร ต่างๆ เพื่อใช้เป็นทุนในการกลั่นเป็นบารมีต่อไป (ที่กล่าวนี้ว่าถึงเฉพาะพระสาวกภูมิเท่านั้น)
    --------------------------
    ความหมายของการสร้างพระเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา
    พระมหาเถระเจ้า หลายรูป เช่น สมเด็จพระพุฒาจารย์โต เป็นต้น
    ต่างเคยสร้างพระบรรจุกรุเพื่อสืบทอดอายุพระพุทธศาสนา
    แต่หลายๆ ท่านอาจจะยังไม่เคยทราบว่าสืบทอดได้อย่างไร
    ในความเป็นจริง พระเครื่องเปรียบอุปมาได้กับแผ่นดิสค์ เมื่อพระเถระเจ้าอธิษฐานจิต (เดินจิตในการอธิษฐานหรืออธิษฐานบุญฤทธิ์)
    ธรรมะที่พระเถระเจ้าบรรลุถึงก็จักประดิษฐานอยู่ในองค์พระเครื่องนั้น (เหมือนกับการ write ข้อมูลลงแผ่นดิสค์)
    ถ้าหากพระเถระเจ้านั้นบรรลุอรหัตผลปฎิสัมภิทาญาญ หรือเป็นพระมหาโพธิสัตว์เจ้านิยตโพธิสัตว์
    พระเครื่องนั้นเปรียบเสมือนพระไตรปิฏกครบถ้วนทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์ ทีเดียว
    ถ้าท่านบรรลุธรรมไม่มากนัก พระเครื่องนั้นก็เหมือนมีพระไตรปิฎกไม่กี่หน้า
    ดังนั้นไม่ว่าจักผ่านไปกี่สิบปี กี่ร้อยปี แม้พระอรหันต์เจ้าไม่มีเหลืออยู่
    แม้นพระไตรปิฏกถูกสังคายนาไปอีกกี่ครั้ง
    (จนอาจมีการผิดเพี้ยน ด้วยผู้สังคายนาไม่ได้อรหัตผล หมายถึงในอนาคตอันอีกนาน)
    พระธรรมของพระพุทธองค์ก็ยังคงสถิตย์อยู่โลกนี้อย่างบริบูรณ์
    รอผู้มีบุญญา ความเพียร อบรมจิตใจตน ด้วยพระสมถกรรมฐานและพระวิปัสนากรรมฐาน จนจิตเกิดพลานุภาพ เห็นความจริงของชีวิต เข้าถึงพระไตรสรณคมน์ (ประดุจได้เครื่องอ่านแผ่นดิสค์)
    ก็จักสามารถศึกษาธรรมะของพระพุทธองค์ที่พระเถระเจ้าผู้อธิษฐานจิตได้บันทึกไว้ในองค์พระ
    นี่คือการสืบทอดอายุพระพุทธศาสนา เพราะพระธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้าไม่เคยสูญหายไปจากโลก จนกว่าจะสิ้นอายุพระพุทธศาสนา

    เครดิตที่มา
    7f65d31be01a0f479f634d516d6fb43c.jpg

    หลักการนี้เช่นกัน เราคงเคยได้ยิน บางคนมีบุญแต่ไม่มีบารมี คือทำงานใหญ่ไม่สำเร็จเพราะขาดบารมี ที่ว่า ทำบุญห้ามทำคนเดียวไงครับ ต้องบอกบุญกระจายบุญร่วม ๆ กันทำ เหมือนต่อเทียนให้สว่างไสวมากขึ้น...
     
  13. konun88

    konun88 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    5,009
    ค่าพลัง:
    +55,142
    upload_2021-7-10_16-53-12-png.png
    b2cd0d56b366cef542b31410c0f83b4a.jpg
    7f2ab867036c80fc857cf5818593a5e6.jpg

    smibeb-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg.jpg

    ดังที่วันก่อนหลังได้รับพระพิมพ์ปฐมเทศนา และได้ไปเยี่ยมพรรคพวกในงานเบิกเนตรเปิดทิพยจักษุพระพุทธศิลป์องค์ละ 135,000 บาทของพรรคพวก

    และได้มอบพระพิมพ์ปฐมเทศนาให้ 1 องค์

    หลังจากนั้นไม่กี่วันเกิดเรื่อง คนในบ้านเขาติดโควิด !!!!! 1 คน กว่าจะหาโรงพยาบาลได้ลำบากมาก พรรคพวกเล่า

    ส่วนทุก ๆ คนในบ้านก็กักตัว 14 วัน ล้างบ้านทำความสะอาดฆ่าเชื้อเพียบ

    ล่าสุดผลตรวจออกมา รอดทุกคน จนหมอยังงง เพราะเป็นสายพันธุ์อินเดียด้วย ปกติติดคนเดียวต้องล่อทั้งบ้าน

    สรุป แคล้วคลาดแบบสุด ๆ ก็สมดังเจตนาในการสร้างครับ

    ถามว่าของดีมีอะไร ??? พรรคพวกผมคนนี้เป็นเจ้าสัว ร่วมออกทุนสร้างแหวนมหาชะตาด้วยครับ 20,000 บาทแต่ที่เห็นก็เห่อใส่แหวนไม่กี่วัน 555

    แต่โดยส่วนตัวผมเชื่ออำนาจบุญที่ทำมาล่ะครับ กับอานุภาพพระสมเด็จและพระพิมพ์ปฐมเทศนาที่มอบให้เขาไว้ เพราะได้อธิษฐานขอไว้แล้วให้ลงด้านกันภัยพิบัติทุกประการ

    สิ่งนี้ยืนยันในอำนาจกรรมดีที่เราทำมา แต่ไม่ได้หมายความว่าไปท้าทายโควิดนะครับ...
     
  14. konun88

    konun88 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    5,009
    ค่าพลัง:
    +55,142
    f7c6d0103612b1ad1b55da9262c7e757.jpg

    ไว้อาลัยน้อมส่งพ่อท่านพลอย พระอริยเจ้าแห่งเมืองตรัง ละสังขารมรณภาพแล้ว เจ้าของตำนานเหรียญรุ่นแรก เสก 4 ปี... โดยในการสร้างพระกริ่งปราบโรคาได้นำเหรียญท่านผสมเป็นชนวนด้วย

    ในภาพ เหรียญหล่อรุ่นแรกรุ่นปราบมาร (ผมเสนอชื่อ ปราบมาร...ให้ผู้สร้างเอง ตั้งชื่อว่าปราบมาร เพราะในขณะสร้างผู้สร้างกับ มารตัวนึงพยายามแข่งกันสร้างเหรียญหล่อรุ่นแรก สุดท้ายแพ้ทางผู้สร้างเพราะทำหนังสือขออนุญาตถูกต้องไม่มีตุกติกจนชนะศึกในการให้ศักดิ์ศรีว่ารุ่นแรก เลยเสนอว่าให้ชื่อปราบมาร ผู้สร้างก็ชอบ )


    8fb046868583e5bfcdca380917bbf900.jpg

    เข้าพรรษานี้ผมทำตามสัจจะคือ พยายามสวดบทธรรมจักรฯทุกวันภาวนามาก ๆ หยุดความคิดฟุ้งซ่านครับ ... สัจจะคือพื้นฐานของความขลังและความสำเร็จ...

    ....บอกว่าจะหยุดสร้างของขลังอย่างน้อยปีนี้ไม่ทำแน่ก็ต้องทำให้ได้ เพราะยังไม่มีนิมิตรอะไรมาบอกให้ทำ....
    คนไม่ถือสัจจะก็ผลตรงข้ามกับความสำเร็จ...

    ในเดือนนี้หลายท่านเตือนตามคติจีนคือประตูนรกเปิด บางท่านเตือนจะอำนาจมืดสูงสุดคือ 22 นี้ให้ระวังให้จงหนัก ถามว่าเกี่ยวกับโควิดไหมก็เกี่ยว

    อย่างไรก็ตามเราก็ระวังไว้ นรกเปิดรับทุกวันอยู่แล้ว555

    รุ่นทิ้งทวนผมสร้างด้วยความภูมิใจเองว่าดีที่สุด เยี่ยมที่สุด โดยเฉพาะด้านกันอำนาจมืดคุณไสย อันตรายทุกชนิด หวงจัดขนาดแจกเพื่อนแค่องค์เดียวและคนเดียว (จริงๆ ก็แทบเกลี้ยงแล้วนะ)

    ขอให้ผู้ได้อย่าเก็บบนหิ้ง นำมาเลี่ยมติดตัวบูชานะครับ เป็นพระคู่ชีวิตได้เลย..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2021
  15. konun88

    konun88 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    5,009
    ค่าพลัง:
    +55,142
    smibeb-jpg-jpg-jpg-jpg.jpg

    หล้งจากคร่ำเคร่งสวดมนต์ภาวนาเต็มที่ (ช่วงนี้ว่างจัดด้วย) พยายามระงับแก้ไขความฟุ้งซ่านมากมาย

    ช่วงเกือบ 2 ปีนี้หลังแจกพระรอดปราบพิภพไปเพื่อต้านภัยพิบัติ ซึ่งก็ได้เห็นกันแล้วว่า ภัยพิบัติคืออะไร

    เป็นการสะท้อนให้เห็น กฎแห่งสงสารวัฎ และกฎแห่งไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตากันอย่างแท้จริง

    และโลกธรรมด้วยครับ มีลาภ เสื่อมลาภฯ เป็นต้น

    อะไรที่รุ่งเรือง ก็ดับสูญได้ ไม่เว้นแม้แต่การสร้างของขลัง... เคยรุ่งเรือง ก็เสื่อมถอยได้ ถ้าผู้สร้างยังไม่บรรลุธรรมพ้นจากความเสื่อมแห่งจิตใจ...

    ผมเองตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา ก็ 6 ปีกว่าแล้วเสนอแนะพัฒนาการสร้างของขลัง เครื่องราง พระเครื่องให้ดีขีดสุดแบบชนิดที่ห้อยเองแล้วยังไม่กล้าเปลี่ยนพระกันเลย

    .....แน่นอน ผมไม่ได้จำกัดการทำบุญ เช่าของขลังว่าต้องวัดเดียวที่เดียว

    ปัจจุบันผมพยายามทำบุญหลาย ๆ ที่ เพราะบางที่อาจไม่ดีอย่างที่เราคิด ไม่มีอะไรที่ดีที่สุด ดีที่สุดคือภาวนาค้นหาพระในใจเราครับ...

    ...ผมเคยพลาดมาแล้ว ยึดติดที่ใดที่หนึ่งที่คิดว่าสุดยอด...สุดท้าย วันเวลาผ่านไปความโลภ ความเสื่อมมาแทนที่ แหล่งที่เรายึดถืออยู่ พูดง่ายๆ ไม่เหมือนเดิมแล้วก็ได้แต่เศร้าใจ ทำใจ...ว่านี่ล่ะ อนิจจังจริงๆ ไม่เที่ยงแท้ ถาวร... ซึ่งไม่ใช่แห่งเดียวที่เป็นแบบนี้...

    อย่างไรก็ตาม ปัญญาชน ย่อมพิจารณาได้เองครับ ว่าจริงหรือไม่จริง ไม่จำเป็นต้องเชื่อใครง่ายๆ ตามหลัก กาลามสูตรฯ

    ยึดหลักสำคัญตามผู้รู้สอน ให้ทำบุญ กับผู้มีคุณธรรมสูง พระอริยเจ้ายิ่งดีที่สุด เพราะท่านพ้นจากความเสื่อมแล้ว

    ถ้าเป็นของขลัง ก็เอาของที่พระอริยเจ้าเสกนั่นล่ะครับ ไม่มีเสื่อมไม่มีถอยหลัง

    แน่นอน หากผมได้มาเองผมจะทำบุญกับท่านเต็มที่ เพื่อมีบุญสัมพันธ์กับท่าน

    กฎแห่งอนิจจังความไม่เที่ยงแท้ เป็นอกาลิโก อยู่เหนือกาลเวลาเสมอนะครับ... ซึ่งพอที่ใดเสื่อมผมก็ถอยห่าง ไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยทันที... เงินมีค่านะ ทำบุญโรงพยาบาลดีกว่า ชั่วโมงนี้..
     
  16. konun88

    konun88 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    5,009
    ค่าพลัง:
    +55,142
    cc021313ee71ed31ecdd0d55efc680a4.jpg
    1075e6f7b11a0ede95cb04ddd30e8b69.jpg
    7de997c9c901443f371624da4cce4eba.jpg
    13ac73cb0c102c9be4d32623db73ae81.jpg

    ช่วงนี้ผมทำตามความรู้สึกที่ครูบาอาจารย์ให้เก็บตัวนะครับ สวดธรรมจักรฯ ภาวนามาก ๆ อยากหาเรื่องทำไรเหมือนกันครับแต่ก็จะรู้สึกให้เก็บตัวอย่างเดียว เดินทางไปไหนก็ไม่สะดวกด้วย ไป ตจว.คนก็ไม่ค่อยต้อนรับ555 ก็ถือว่าเก็บตัวไป

    6a502a847dfb072f7c1fdae0ba9a70b6.jpg

    2 รุ่นสุดท้าย รุ่นพระสมเด็จ กับมหาเดชะบารมี ถือว่าดีที่สุดที่สร้างมาแล้วครับ ทุกวันนี้เล่นเอาผมบ่าเดี้ยงเลย ตอนกดคิดว่าไม่มีอะไร ต้องรักษาอยู่เลยครับ

    บางครั้งไปครอบแก้วเจาะเลือดเสียกันออกมาเลย มีเลือดดำจริงด้วย
    4ea88cbff7d5cdba2cc2a217c3f75e5f.jpg

    จริง ๆ ผมรักษามาหลายปีแล้วนะ ไป เอกซเรย์ ตรวจมาหมดแล้ว ก็โรคออฟฟิต หมอว่างั้น..ง

    เลยลองหาแพทย์ทางเลือกอื่นๆ ก็ค่อยๆ รักษามาเรื่อย ๆ

    เคยเจอหมอเก่ง ๆ มีญาณสัมผัสด้วยนะ !!!

    แบบพอถอดพระจากคอปุ๊ป เพื่อจะจัดกระดูก เขาก็โชว์พาวทักผมมาเลย เล่นเอาผมสะดุ้งเฮือก เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวจริงๆ บาดแผลในใจ

    ถ้าไม่ถอดพระก็ทักผมไม่ได้ แต่ออกจากคอปุ๊ปทันที สุดท้ายสรุปว่าโรคเวรโรคกรรม แต่เราก็แก้กันทางร่างกายไป หมอคนนั้นเสียไปแล้ว ตามหลัก ช่วยคนมากย่อมรับผลกระทบจากเจ้ากรรมนายเวรคนอื่น...

    แม้ปัญหาผมเองก็เช่นกันครับ ค่อย ๆ รักษาทำบุญไป ดีว่าดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็นั่นล่ะเล่นเอาเดี้ยงไปเลย ทำพระรุ่นล่าสุดไป...

     
  17. konun88

    konun88 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    5,009
    ค่าพลัง:
    +55,142

    โดยสรุป ชุดสมเด็จเป็นต้นมา ผมภูมิใจว่าดีถึงดีที่สุดแล้วครับที่สร้างมาในชีวิต เพราะทำบุญไปบริสุทธิ์ผุดผ่อง

    รุ่นอื่นไม่ว่าตะกรุดหรือไร แน่นอน ผู้สร้าง(ไม่ใช่ผมนะ) ก็มีหักทุน หักไรมั่ง แต่ชุดสมเด็จเป็นต้นมาจนทิ้งทวนไม่ได้หักทุน เอาเข้าตัวเองเลยแม้แต่บาทเดียว ทำบุญกันเพิ่มอีก..

    be01bd54790f3a0ce45da9c5e8108800.jpg

    ตามภาพ ผมก็ไหว้ดอกไม้ทุกวันนะครับ หาพวงมาลัยแช่ตู้เย็นไว้เลย

    โควิดทำพิษ เล่นเอาร้านพวงมาลัยเจ๊งไปหลายร้าน บางร้านขายแต่ของแช่ฟอมาลีนจนนานแล้ว แบบซื้อมา 2 วันดำปี๋ เล่นเอาลำบากเหมือนกัน

    แต่ก็ต้องพยายามหาดอกไม้ไหว้ทุกวันครับ ท่านไม่ได้บังคับหรอก แต่เราอยากบูชาเอง...


     
  18. konun88

    konun88 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    5,009
    ค่าพลัง:
    +55,142
    การสร้างพระหรือวัตถุมงคลให้มีความขลังนั้น ต้องมีองค์ประกอบดังนี้
    1. เจตนา
    2. รูปลักษณ์
    3. มวลสาร
    4. ผู้เสก
    นอกนั้นอาจจะมีส่วนประกอบปลีกย่อยอื่นๆ อีก เช่น ฤกษ์ยาม การบวงสรวง ตัวผู้ใช้
    1. เจตนา การจะสร้างพระหรือวัตถุมงคล เจตนาของผู้สร้างเป็นตัวแปรที่สำคัญที่จะกำหนดให้ว่าวัตถุมงคลนั้นสามารถจะรองรับพลังได้มากน้อยเพียงใด
    ถ้าผู้สร้างมีเจตนาที่เป็นกุศลหวังเกื้อกูลแก่มวลสรรพสัตว์ เจตนาอันกว้างใหญ่เช่นนั้นก็ย่อมทำให้สามารถประจุพลังงานได้มาก แต่เจตนาหวังเพื่อประโยชน์แก่ตนเองหรือกลุ่มบุคคลแค่ไม่กี่คน เจตนานั้นแคบก็จะทำให้การรองรับพลังงานนั้นได้น้อยไปด้วย
    ถ้าเปรียบเทียบพลังงานเป็นน้ำ เจตนาก็เป็นเหมือนภาชนะที่ใช้รองรับน้ำ เจตนายิ่งแผ่กว้างก็เหมือนกับอ่างเก็บน้ำ เจตนาแคบก็เหมือนกับอ่างใส่น้ำใบเล็กๆ ฉันนั้น
    นอกจากนี้เจตนายังเป็นตัวกำหนดทิศทางของพลังงานว่าจะให้เป็นแบบใด เพราะวัตถุมงคลใดที่ผู้สร้างได้ตั้งเจตนาไว้ กระแสจิตของผู้สร้างก็ได้ลงไปฝังอยู่ในวัตถุมงคลนั้นแล้ว
    ต่อให้วัตถุมงคลนั้นเป็นรูปลักษณะอื่น แต่คนสร้างเจตนาให้เป็นพระ ต่อให้คนเสกๆ ยังไงพลังงานที่ใส่ลงไปก็จะไปเชื่อมโยงกับกระแสจิตเจตนาของผู้สร้างที่บันทึกเอาไว้ พลังงานก็จะแปรเปลี่ยนไปตามเจตนานั้น
    ดังนั้นพระที่เจตนาไม่ดี ต่อให้นิมนต์พระเกจิสุดยอดมาเสกเพียงใด พลังงานก็ไม่ถึงไหน เหมือนวัตถุมงคล 2 อย่าง เสกเหมือนกันเต็มเหมือนกันแต่พลังไม่เท่ากันก็เพราะเจตนาเป็นตัวกำหนดนี่เอง
    2. รูปลักษณ์ รูปลักษณ์ของวัตถุมงคล เป็นตัวกำหนดทิศทางของพลังงานว่าจะให้แปรไปเป็นรูปใดขึ้นอยู่กับวัตถุมงคลนั้นว่าเป็นอะไร
    รูปลักษณ์ของวัตถุมงคลก็เปรียบเสมือนเราสร้างภาชนะใส่น้ำให้มีรูปแบบใด ถ้าเราทำอ่างสี่เหลี่ยม น้ำก็เป็นสีเหลี่ยม เอาน้ำใส่อ่างกลม น้ำก็เป็นรูปกลม ฉันใดฉันนั้น
    อีกทั้งรูปลักษณ์ของวัตถุมงคลยังเป็นตัวสื่อน้อมนำพลังงานว่าจะเป็นไปในด้านใด เช่น ถ้าเป็นรูปพระเราก็จะนึกไปถึงบารมีของพระพุทธเจ้า ถ้าเป็นรูปสัตว์ต่างๆ ก็จะนึกไปถึงคุณสมบัติของสัตว์นั้นๆ เช่น เห็นรูปช้างก็นึกไปถึงสัตว์ที่มีกำลังมาก เห็นลิงก็นึกไปถึงความว่องไว เห็นแรดนึกถึงความทรหดทนทาน เป็นต้น
    ดังนั้นรูปลักษณ์จึงเป็นตัวกำหนดให้ผู้เสกและผู้ใช้กำหนดจิตว่าจะสื่อไปในด้านใด ทีนี้ถ้าเป็นรูปพระเราก็มักจะน้อมนำพุทธบารมีได้โดยง่าย ถ้าเป็นรูปสัตว์เรามักจะไปติดอยู่ที่รูปลักษณ์นั้นก็ทำให้น้อมนำจิตไปถึงพระพุทธเจ้าได้ยากหน่อย แต่สำหรับครูบาอาจารย์ผู้เสก ถ้าเป็นผู้ทรงคุณแล้วไซร้ แค่กำหนดจิตจะเสกจิตท่านก็จะไปกระทบกับเจตนาของผู้สร้างทันที ท่านก็จะเสกให้ไปตามเจตนาของผู้สร้าง
    3. มวลสาร เป็นตัวซึมซับพลังงาน เหมือนกับเราเอาวัสดุมาปั้นหม้อ ดินก็เกรดนึง เซรามิคก็เกรดนึง มวลสารที่ดีก็ย่อมทำให้จิตสื่อถึงพลังงานได้ง่ายขึ้น ซึมซับพลังงานได้ง่ายและเสถียรขึ้น
    มวลสารชั้นสูงก็ยิงทำให้สื่อถึงพลังงานเบื้องสูงได้ดี เหมือนจะเชิญเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินมา แต่ปูเสื่อให้เป็นที่ประทับ ท่านก็คงไม่เสด็จมาหรอก
    4. ตัวผู้เสก ตามปกติพระที่ทรงภูมิธรรมชั้นสูง พอท่านกำหนดจิตจะเสกปุ๊บท่านจะรู้ทันทีว่าวัตถุมงคลนี้เจ้าของเขาสร้างมาเจตนาเป็นอย่างไร ท่านก็จะเสกให้เป็นไปตามเจตนาของผู้สร้าง ถ้าท่านใดไม่ถึงขั้นนั้นท่านก็จะเสกไปตามจริตตามภูมิธรรมของท่าน แต่ก็จะยังมีกรอบของรูปลักษณ์วัตถุที่บังคับให้พลังงานแปรไปตามรูปลักษณ์ที่กำหนดอยู่
    หลายคนเข้าใจว่าการเสกทับทำให้วิชาเดิมหายไป จริงๆ แล้วพลังงานไม่มีการสูญหายไปไหนแต่อาจจะเปลี่ยนรูปได้
    ดังนั้นถ้าเจอผู้ที่ทรงวิชายิ่งกว่าก็อาจทำให้วิชาเดิมถูกบดบังไป แต่ไม่ใช่ว่าสูญหายไป แค่เป็นการซ้อนทับกันของพลังงานเท่านั้น
    เหมือนเอาหนังสือวางทับซ้อนกัน เราจะเห็นเฉพาะหน้าปกเล่มแรกที่อยู่บนสุดเท่านั้น แต่เล่มล่างๆ ไม่ได้หายไป
    ถ้าคนรู้จักเลือกใช้ก็สามารถจะดึงเอาพลังงานที่ทับซ้อนกันในแต่ละส่วนมาใช้ได้อย่างเป็นเอกเทศ เหมือนอยากจะหยิบหนังสือเล่มใดก็ได้

    เครดิต

    33c6e4dd517df76025f23137ffbc07bb.jpg
     
  19. konun88

    konun88 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    5,009
    ค่าพลัง:
    +55,142
    เคยมีผู้ทรงภูมิความรู้ท่านหนึ่งเคยเขียนบรรยายเรื่องพุทธานุภาพในวัตถุมงคลเอาไว้ จึงขออนุญาตนำมาลงไว้ในที่นี้
    "เต็ม" ในทางพระท่านหมายถึง เต็มทุกด้าน เสกไม่เข้าอีกแล้ว แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอธิวาสนาบารมีของแต่ละท่าน แต่ละคนทำบารมีมาไม่เท่ากัน เหมือนคนทำทานบารมีมานิดเดียวแล้วเสกให้เป็นมหาลาภ โภคทรัพย์ก็ทำได้เต็มเท่าที่บารมีตนทำมา ต่อให้เสกเป็น 10 ปี 100 ปี ก็ทำได้เท่าบารมีที่ตนสะสมมาเท่านั้น แต่ถ้าไปเจอท่านที่ทำทานบารมีมามาก ท่านก็สามารถเสกเพิ่มให้ได้
    ศาสนาพุทธเป็นศาสนาของ "เหตุ" และ "ผล" ไม่มีเรื่องของความบังเอิญ ทุกอย่างในวันนี้ล้วนมีเหตุปัจจัยมาจากอดีตทั้งสิ้น
    ดังนั้น "เต็ม" ในแต่ละท่านจึงไม่เท่ากัน บางองค์จึงเสกเข้าได้บางองค์ก็เสกเพิ่มไม่ได้เพราะวาสนาบารมีที่ต่างกันนั่นเอง

    อนึ่งผู้ที่ปรารถนาพุทธภูมิมักจะเสกพระได้หลากหลายกว่าสาวกภูมิ เพราะต้องบำเพ็ญบารมี 10 กรรมฐาน 40 กองก็ต้องเรียนรู้ทั้งหมดเพื่อจะเป็นครูสอนเขาได้
    ในขณะที่สาวกภูมิแค่เชี่ยวชาญกรรมฐานกองใดกองหนึ่งก็สามารถพ้นทุกข์ได้แล้ว แต่จะไปปรามาสสาวกภูมิก็ไม่ได้ เพราะบางท่านก็เคยปรารถนาพุทธภูมิมาก่อน แต่มาละที่หลัง
    เหมือนคนเรียนจะเอาปริญญาเอก แต่ทิ้งการเรียนเสียกลางคัน แม้สุดท้ายแล้ววุฒิจะเท่ากับปริญญาโทเหมือนกัน แต่แน่นอนว่าคนที่เรียนต่อเอกแม้จะไม่จบก็ยังทรงภูมิมากกว่าคนที่เรียนจบแค่ป.โท
    การบรรจุพลังจิตลงในวัตถุมงคลก็เหมือนกับการปรุงอาหาร
    ถ้าเน้นด้านใดด้านหนึ่งมากไปก็อาจจะเปรี้ยวจัด เค็มจัด เผ็ดจัด จนบางคนทานไม่ได้ แต่อาจจะถูกจริตกับใครบางคนที่ชอบอย่างนั้น ซึ่งเป็นคนส่วนน้อย
    ส่วนการบรรจุด้านอื่นลงไป ก็เหมือนกับการตกแต่งรสชาดให้กลมกล่อมทานได้อร่อยลิ้น เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย อาจจะไม่ต้องเปรี้ยวจิ๊ด หวานเจี๊ยบ เผ็ดจ๊าก เค็มปี๋ แต่ผสมกลมกลืนกันได้เป็นอย่างดี
    มวลสารสุดวิเศษ เปรียบเสมือนวัตถุดิบอันดีเลิศ
    ผู้อธิษฐาน เปรียบเสมือนพ่อครัว ผู้ปรุง
    แม้นวัตถุดิบจะเลอเลิศ ถ้าพ่อครัวฝีมือได้เท่าไหน รสชาดก็จะโอชะเพียงนั้น
    จิตถึงไหนได้เท่านั้นเป็นหลักธรรมชาติ
    หากแม้นฝืนกฎธรรมชาติแล้ว ทุกคนย่อมสร้างพระได้พลังงานเท่ากันหมด ไม่จำเป็นต้องให้พระท่านอธิษฐาน เราก็ขออธิษฐานได้ว่า ขอพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ จงมาสถิตย์ แต่ความเป็นจริงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ คนที่ไม่ฝึกจิตหากอธิษฐานไม่มีสมาธิ ก็จะไม่มีพลังงานใดๆ ลงไปสถิตย์เลย ส่วนผู้ปฏิบัติก็ย่อมน้อมนำกระแสพลังบรรจุลงไปได้ตามบารมีธรรมของตน บรรลุธรรมมากอธิษฐานก็จักมีพลังงานสถิตย์มาก
    ผง มวลสาร ที่พระเกจิอธิษฐานไว้ ย่อมมีพลังงานแน่นอน เช่น ผงสมเด็จวัดระฆัง แต่เมื่อองค์พระสลาย การตั้งเป็นองค์พระก็หมดลง เช่น คนตายความเป็นมนุษย์ก็หมดลง คราวนี้เมื่อมีการนำมวลสารมาตั้งเป็นองค์พระใหม่และอธิษฐานจิต ผู้อธิษฐานได้ถึงไหนก็สามารถคลี่พลังงานที่สถิตย์ออกมาได้เพียงนั้น
    ดังนั้นผู้อธิษฐานจึงสำคัญมาก อย่างนี้ก็แสดงว่าต้องดูว่าใครปลุกเสกเป็นหลักละสิ
    คำถามนี้ก็ไม่ถูกต้องนักแต่ก็ไม่ผิด เพราะขั้นแรก พลังงานที่ใช้ได้จะเท่ากับพระผู้ทำการอธิษฐาน ถ้าผู้ใช้เป็นผู้ไม่ปฎิบัติก็ได้เท่านั้น แต่ถ้าใช้มีคุณธรรมสูงกว่าผู้เสก ก็จะสามารถดึงพลังงานที่สถิตย์อยู่ที่องค์พระออกมาใช้ได้มากขึ้นตามธรรมที่ตนบรรลุ
    ดังนั้นนอกจากเจตนาบริสุทธิ์ และองค์ประกอบอื่นๆ เลิศแล้วมวลสาร และ ผู้อธิษฐาน จึงมีความสำคัญมากดังนี้


    เครดิต...
    4cbd4fe4464a72e33662fec00e2d5c00.jpg
     
  20. konun88

    konun88 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    5,009
    ค่าพลัง:
    +55,142
    Cw4BvI.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...