**พระกรรมฐานสาย ลป.ชอบ ลป.คำดี ลป.หลุย และครูบาอาจารย์สายต่างๆ**//

รับทราบการจอง ขอบคุณครับ

 

รับทราบการจอง ขอบคุณครับ

 

รับทราบการจอง ขอบคุณครับ

 

ขอขอบคุณเรื่องเล่าเพื่อการเผยแพร่
บารมีหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ครับ






​

 

วันนี้ได้รับเหรียญหล่อธรรมจักรเรียบร้อยแล้วครับ

 

ผมได้รับธรรมจักรและตะกรุดเรียบร้อยแล้วครับอาจารย์
ขอบคุณมากครับ

 

ได้รับเหรียญธรรมจักรและตะกรุด แล้วครับ
ขอบคุณครับ

 

ประสบการณ์จากท่านสมาชิกทางบ้าน
ส่งมาเล่าสู่ฟัง(กลึ่งสอบถามครับ)
ปรากฏ "เม็ดพระธาตุเสด็จติดที่องค์พระธรรมจักร"




​

- ดังในรูปครับท่านสมาชิกได้ถ่ายรูปให้ดู ตามข้อเท็จจริงในหลายมุม ถ้าสังเกตุจะเห็นว่าบางรูปเห็นช่องว่างระหว่างพระธาตุกับเนื้อองค์พระ แสดงว่าไม่ได้นำอะไรมาติดครับเพราะเห็นช่องว่างทั้งสองฝั่ง โปรดใช้วิจารณญาณในการพิจารณาครับ

**ปล.** การนำมาเผยแพร่ในครั้งนี้ ได้รับอนุญาตจากท่านสมาชิกแล้วครับ ในการพูดคุยผ่านข้อความส่วนตัว ไม่ได้มีเจตนานำมาโปรโมทนะครับ เพราะพระรุ่นนี้ หมดไปแล้วครับ เพราะสร้างตามจอง แต่นำมาลงเพื่อเป็นการเจริญศรัทธาในบารมีธรรมเพียงเท่านั้นครับ

ขอขอบคุณท่านสมาชิกเจ้าของเรื่องมา ณ โอกาสนี้ครับ












​

 

ผมได้รับ เหรียญหล่อธรรมจักร กับ ตะกรุด "เอตทัคคังสีวลีมหาลาโภ" แล้วเมื่อวานนี้ครับ _/\_

ขออนุโมทนาบุญในจิต และ เจตนาที่เป็นกุศลของท่านอาจารย์อานุภาพ และ ทุกๆท่านที่เกี่ยวข้องในร่วมบุญถวายปัจจัย และ จัดสร้างวัตถุมงคลดังกล่าวไว้แจกเพื่อต่อยอดพระพุทธศาสนา และ ถวายปัจจัยเป็น "วิหารทาน" ในครั้งนี้ครับ… สาธุครับ _/|\_

 

ตำนานพญาเต่าเรือนโพธิ์สัตว์
สุวรรณกัจฉปชาดก
​

.......พระศาสดาเมื่อทรงประทับอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภมังสทานของพระองค์ จึงตรัสเทสนาชาดกนี้ว่า อภิญฺเญยฺยํ อภญฺญาตํ ดังนี้ ความมีอยู่ว่า

วันหนึ่งภิกษุทั้งหลาย นั่งประชุมสนทนากันในโรงธรรมว่า ดูกรอาวุโสทั้งหลาย และท่านผู้มีอายุทั้งหลาย พระศาสดา มิได้มีความเบื่อหน่ายในการให้ทานบารมีเลย ในอุปทานบารมีและในทานปรมัตถบารมี ตามลำดับนั้น พระศาสดาได้ทรงสดับถ้อยคำดังกล่าวด้วยทิพพโสต(หูทิพ) เสด็จมายังโรงธรรม ตรัสถามว่า ภิกษุทั้งหลายบัดนี้ พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไรหนอ ครั้นภิกษุเหล่านั้นได้ยินและกราบทูลว่า ด้วยเรื่องที่พระตถาคตไม่เบื่อหน่ายจากการให้ทานบารมีเลย แม้จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว

พระพุทธเจ้า ตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย ตถาคตมิได้มีความเบื่อหน่ายในการให้ทานบารมีแต่เดียวนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อนตถาคตก็มิได้เบื่อหน่ายในการให้ทานบารมีเลย ดังนี้แล้วก็ทรงดุษณีภาพ(นิ่งไป) เมื่อพระภิกษุทั้งหลายอยากทราบว่าการก่อนพระพุทธเจ้าทรงทานบารมีอะไร จึงได้มีตบะอานุภาพมากที่ได้ทรงอธิษฐานปรารถนาเพื่อสำเร็จอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้าในการเบื้องหน้า จึงได้พากันกราบทูลอาราธนาถามพระองค์

​

.....พระพุทธเจ้าจึงทรงนำเรื่องในอดีตมาตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในอดีตกาล มีพระราชาทรงพระนามว่า พรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในเมืองพาราณสี ในกาลนั้น พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นเต่า อยู่ในท่ามกลางมหาสมุทร เต่าโพธิสัตว์นั้น มีวรรณดังสีทองธรรมชาติ มีตัวกว้างและยาวประมาณ ๒๐ วา เท่ากัน และมีนามว่า สุวรรณกัจฉปะ เพราะมีวรรณเสมอด้วยทอง เที่ยวหาอาหารอยู่ในมหาสมุทร อาศัยเชิงบรรพต(เชิงเขา)อันมีอยู่ที่เกาะใหญ่เป็นนิวาสถาน(เป็นที่อยู่) ครั้นนั้น พ่อค้าประมาณ ๕๐๐ คน ออกจากเมืองพาราณสี สำเภาแล่นไปได้ ๗ วัน ถูกคลื่นใหญ่ลมจัด จมลงในท่ามกลางมหาสมุทร พ่อค้าทั้งปวง พากันร้องไห้ปริเวทนาการ ส่งเสียงดังและกราบไหว้บนบานเทวดาอารักษ์ต่างๆ

.......ฝ่ายเต่าทองโพธิสัตว์ โผล่ขึ้นมาจากมหาสมุทร แลไปเห็นพวกพ่อค้าร้องไห้ปริเทวนาการอยู่(ร้องคร่ำครวญ) บังเกิดความกรุณาเป็นอย่างมาก จึงได้ไปช่วย โดยรีบไปที่ ที่พวกพ่อค้าทั้งหลายได้ลอยคอจมน้ำอยู่ แลเมื่อไปถึงได้ให้พวกพ่อค้าทั้งหลายขึ้นบนหลังตน พาข้ามสมุทรไปโดยลำดับจนถึงเกาะใหญ่แห่งหนึ่ง พ่อค้าทั้งหลายลงจากหลังเต่าทองพระโพธิสัตว์ มิได้บริโภคอาหารเลยถึง ๗ วัน พากันนอนอ่อนเพลียอยู่บนหาดทราย เต่าทองโพธิสัตว์นั้น คิดว่าถ้านำพ่อค้าเหล่านี้ไปส่งถึงเมืองเกรงจะตายเสียก่อน เพราะอดอาหารมาหลายวัน ดังนี้เต่าโพธิสัตว์จะกล่าวว่าเราจักให้เนื้อของเราเป็นทานแก่พวกพ่อค้าเหล่านี้ ดังนี้

.....ลำดับนั้น พวกพ่อค้าทั้งหลาย ยกมือขึ้นไหว้เต่าทองโพธิสัตว์แล้วพูดว่า ข้าแต่เต่าทองผู้เป็นใหญ่ อุปการคุณเป็นอันมากที่ท่านได้กระทำแล้ว ข้าพเจ้าทั้งหลาย จักฆ่าท่านได้อย่างไร เต่าทองโพธิสัตว์นั้นตอบกับเหล่าพ่อค้าว่า "โดยแล้วตัวข้าพเจ้าหาอาลัยในกายนี้ไม่ ถ้าจะเป็นประโยชน์แต่มหาชนหมู่มากแล้ว ตัวข้าพเจ้าก็ย้อมเสียสละได้" จึงได้คลานขึ้นไปบนบรรพต(บนภูเขา) ครั้นถึงยอดภูเขาแล้วหยุดพักอยู่ แล้วตั้งความปรารถนาเป็นพระสัพพัญญุพุทธเจ้าภายในแห่งจิตของตนว่า หมู่เทพยดาทั้งหลายผู้เจริญ อันสิงสถิตอยู่ในที่นี้ ขอจงมาอนุโมทนามังสทานของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจักให้ชีวิตของข้าพเจ้าเป็นทาน ข้าพเจ้าจักได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ดังนี้แล้ว

อ้างอิงคาถาในตำราเก่าของชาดก​

......ทำการอธิษฐานว่า ถ้าว่าข้าพเจ้าจักได้เป็นพระพุทธเจ้าไซร้ ขอกระดูกอก ของข้าพเจ้าจงแตกทำลาย เลือดและเนื้อของข้าพเจ้าจงเป็นก้อนน้อยก้อนใหญ่เป็นส่วนๆ กัน แต่กระดองของข้าพเจ้า อย่าเพิ่งแตกทำลาย กระดูกหลังนั้นจงเป็นนาวา พาพ่อค้าทั้ง ๕๐๐ คน ให้พ้นจากความตาย ดังนี้แล้วเมื่อเต่าพระโพธิ์สัตว์อธิฐานจบ ก็ทำตนให้ตกจากบรรพต ลงไปกระทบเชิงภูเขาเสียงดังสนั่น กระดูกอกก็แตกทำลาย เลือดเนื้อก็บังเกิดเป็นก้อนน้อยใหญ่ แต่กระดองมิได้แตกทำลาย เต่าทองโพธิสัตว์นั้น เมื่อสิ้นชีวิตแล้วก็ไปบังเกิดในดุสิตเทวพิภพ

....ทีนี้พวกพ่อค้าได้ฟังเสียงกึกก้องดังสนั่นหวั่นไหว ดูไปเห็น ต่างคนก็ประหารอกของตนร่ำร้องไห้ปริเทวนาการ พากันกราบทูลถึงพระคุณของเต่าทองโพธิสัตว์นั้น ลำดับนั้น พ่อค้าซึ่งเป็นหัวหน้า กล่าวกัมหาชนทั้งหลายว่า ดูกรท่านทั้งหลายผู้เจริญ เต่าทองตัวนี้ ได้ให้เนื้อของตนเป็นทานแก่เราทั้งหลาย เราทั้งหลายไม่ปรารถนาจะฆ่าท่าน เราทั้งหลายจงพากันจัดแจงสีไฟให้ติดขึ้น ปิ้งเนื้อเต่านั้นเคี้ยวกินเป็นอาหาร แล้วเก็บเอาเนื้อที่เหลืออยู่สำหรับเป็นเสบียงเลี้ยงตนไปบริโภคไปจนกว่าจะถึงเมืองพาราณสี พ่อค้าเหล่านั้นพร้อมกันกระทำการตามถ้อยคำของพ่อค้าผู้ใหญ่ ลำดับนั้น พ่อค้าเหล่านั้น เอากระดองเต่ากระทำเป็นเรือ แล้วกระทำกิจการทั้งปวงด้วยกระดูกอก พากันขึ้นเรือกระดองเต่านั้นแล้วก็บ่ายหน้าเรือไปเฉพาะเมืองพาราณสี เมื่อถึงที่ใด ก็จอดที่นั้นตามปรารถนา ได้บริโภคเนื้อเต่าเป็นเสบียงมาเดือนหนึ่งก็ถึงเมืองพาราณสีแล้ว

....เหล่าพ่อค้าทั้งหมดกล่าวสรรเสริฐคุณของเต่าโพธิสัตว์แก่ชาวพระนครทั้งหลายฟัง มหาชนทั้งปวง ได้ฟังดังนั้นก็พากันสรรเสริญชมเชยคุณของเต่าทองโพธิสัตว์นั้น ตลอดไปทั่วพระนครราชอาณาเขต ในกาลนั้น พระเจ้าพรหมทัตได้ทอดพระเนตรเห็นกระดูกหลังเต่าทองอันมีวรรณเสมอด้วยทองคำ ทรงพระปรีดาโสมนัส ได้ทรงฟังคุณของเต่าทองนั้น ทองดำริว่า สัตว์ผู้นี้มิใช่สัตว์อื่น คงจักเป็นหน่อพุทธางกูร ดังนี้แล้ว มีรับสั่งให้ประดิษฐานกระดองเต่าทองนั้นไว้ที่อันสมควรแก่พระนครด้านทักษิณให้ประชาชนโดยทั่วไปกระทำทักสินาบูชา กระดองเต่าทองโพธิสัตว์นั้นประดิษฐานอยู่ ดุจสุวรรณบรรพตตลอดกาลนาน ตราบนั้นด้วยอานุภาพแห่งเต่าพระโพธิ์สัตว์ การทำทักสินาบูชานี้ยังความอุดมสมบูรณ์พูนสุขให้ชาวเมืองพาราณสีตลอดมา...

​

เทสนาปริโยสาเน ครั้นจบพระธรรมเทศนาลงแล้ว สัตว์ทั้งหลายเป็นอันมากได้บรรถุถึงโสดาปัตติผลเป็นต้น สมเด็จพระทศพลจึงประชุมชาดก ว่า....
พระยาพรหมทัตในครั้งนั้นกลับชาติมา คือภิกษุชื่อว่าสาริบุตร
พ่อค้าผู้ใหญ่ในครั้งนั้นกลับชาติ คือภิกษุชื่อว่าโมคคัลลานะ
เหล่าพาณิชทั้งหลายในครั้งนั้นกลับชาติมาคือปัญจวัคคีภิกษุทั้งหลาย
เต่าทองในครั้งนั้น กลับชาติคือตถาคตผู้เป็นบรมโลกนาถนี้แล

 

ยันต์พญาเต่าเรือนโพธิ์สัตว์
พุทธานุภาพครอบจักรวาล เมตตาลาภสักการะ โภคทรัพย์ กันฟ้ากันไฟ
(ด้วยบารมีแห่งพระโพธิสัตว์ทุกๆพระองค์)
​

....ยันต์พญาเต่าเรือนโพธิ์สัตว์นี้ เป็นยันต์ที่ถอดจากคาถาในพระชาดก "สุวรรณกัจฉปชาดก" ถือว่าเป็นคาถาที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ และนำมาถอดเป็นอักขระยันต์ ซึ่งในตัวยันต์นี้โบราณจารย์ท่านได้รจนาขึ้นเพื่อไว้เป็นคติทางธรรมเกี่ยวกับเรื่อง "ทานบารมี"

...ซึ่งถือว่าโบราณจารย์ท่านได้น้อมนำพลังงานอันเกี่ยวเนื่องกับ "อานิสงส์ของการทาน" มาเป็นทางแห่งพลังงานพุทธานุภาพแห่งบารมีพระพุทธเจ้า เนื่องจากพระพุทธเจ้าท่านเป็นพระมหาบุรุษที่มีบารมี10เต็มทุกประการ เป็นผู้สมบูรณ์และไพรบูลย์พร้อม โดยหนึ่งในบารมีสิบนั้นคือ "ทานบารมี"

....และในทานบารมีนี้เองแม้ผู้ที่จะมีบารมีเต็ม ที่จะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิได้ก็ต้องมีทานบารมีอย่างมากด้วย เพราะเป็นเหตุให้มีซึ่ง "โภคทรัพย์สมบัติ และลาภสักการะ" อันมหาศาล ในการสารต่อและสร้างบารมีสืบไปในอนาคตวงษ์จนกว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในชาติสุดท้าย

...เต่าทองพระโพธิสัตว์นี้ ก็ถือเป็นพระชาติหนึ่งของพระพุทธเจ้า ที่พลั้งพร้อมไปด้วยกำลังใจด้าน "ทานบารมี" เป็นสำคัญเลยทีเดียว ฉะนั้นด้วยเหตุนี้ยันต์พญาเต่าเรือนที่ ครูบาอาจารย์ท่านได้รจนาขึ้นมา ก็เพื่อเป็นทั้ง คติธรรม และเป็นทั้งการน้อมนำพลังงานแห่ง "ลาภสักการะ" มาไว้ในยันต์เดียว กล่าวคือ

1.ด้านคติธรรม ด้วยพระชาดกดังกล่าว พระพุทธเจ้าท่านตรัสกับพระสาวก ปรารถธรรมให้คติเรื่องการให้ทาน เพื่อละซึ่งความตระหนี่ถี่เหนียวทรงดำรัสในพระชาดกที่ว่า "...พระตถาคตไม่เคยเบื่อหน่ายการให้ทานเลยแม้กาลปัจจุบันและกาลก่อน.." และท่านก็กล่าวเล่าถึงกาลก่อน(ชาติก่อน)ตอนเสวยพระชาติเป็นพระโพธิ์สัตว์คือ "สุวรรณกัจฉปะ(เต่าทอง)" โดยพระองค์อ้างเหตุแห่งการทานในครั้งนั้นว่า "มีอานิสงส์มาก แม้ให้อธิษฐานสำเร็จจนถึงขั้นสมปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าได้เลย นั้นคือ ปรมัตถทานบารมี"

​

2.เป็นปลายทางสื่อแห่งพลังงานธรรม เรื่อง "อานิสงส์ทำให้เป็นผู้มีลาภมาก" ด้านอานิสงส์แห่งทานนี้พระพุทธองค์ตรัสไว้มากมายในหลายพระสูตร โดยมีเหตุเดียวกันนั้นคือ "ทำให้เป็นผู้ไพบูลย์พร้อมด้วยลาภสักการะและโภคทรัพย์" นี้ดังเหตุในพระชาดกที่ว่า "พระเจ้าพรหมทัต มีรับสั่งให้ประดิษฐานกระดองเต่าทองนั้นไว้ที่อันสมควรแก่พระนครด้านทักษิณให้ประชาชนโดยทั่วไปกระทำทักสินาบูชา กระดองเต่าทองโพธิสัตว์นั้นประดิษฐานอยู่ ดุจสุวรรณบรรพตตลอดกาลนาน ตราบนั้นด้วยอานุภาพแห่งเต่าพระโพธิ์สัตว์ การทำทักสินาบูชานี้ยังความอุดมสมบูรณ์พูนสุขให้ชาวเมืองพาราณสีตลอดมา..." ด้วยอำนาจบารมีพลังงานดังกล่าว ครูบาอาจารย์ท่านจึงรจนาเพื่อน้อมนำพลังงานนั้นมา เกื้อหนุนด้านโภคทรัพย์หนุนลาภสักการะเป็นอาทิ

หลวงปู่พระครูโพธิสารคุณ​

.......หลวงปู่พระครูโพธิสารคุณ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ อาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐานประจำจังหวัดขอนแก่น เมตตาสอนยันต์นี้แก่ ท่านอาจารย์บุญเลิศ เชื่อบุญมี(สมัยบวชอยู่กับท่าน) ถึงคุณวิเศษแห่งยันต์นี้ พร้อมทั้งยังให้เป็นคติธรรม ด้านความเมตตาทั้งมนุษย์สัตว์ทั้งหลายโดยไม่เลือกชั้นวรรณะ(ดังพญาเต่าทองช่วยเหลือทุกคน) ให้มีทานเป็นนิจอยู่เสมอรู้จักเสียสละไม่ตระหนี่ถี่เหนียว ดังนี้แล้วอานิสงส์ที่จะเกิดคือ "ลาภสักการะแลโภคทรัพย์อันไม่มีประมาณ"

....ยันต์นี้ท่านกล่าวกับผู้เขียนว่า นอกจากจะต้องพิจารณาให้จิตสงบก่อนเขียนแล้ว ยังต้องมีกำลังใจเสมอด้วยความเมตตาอันมาก จึงจะสามารถทำให้ศักดิสิทธิ์เข้มขลังได้ ท่านว่า ยันต์นี้ถ้าทำสำเร็จนอกจากมีผลทางด้านลาภมากแล้ว ถ้านำติดบ้านเรือน อาคารสถานที่ใด กันฟ้ากันไฟ ไล่เสนียดจัญไร อุดมพูนสุขแก่สถานที่นั้นๆเลยทีเดียว

 

พญาเต่าเรือนโพธิสัตว์
ต้นแห่งตำนานวัตถุมงคลสายเต่าเรือน


หลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดเลย
​

...ดังที่ได้นำเรียนไปแล้วครับว่า ตำนานพญาเต่าเรือนนั้นก็มาจากคติความเชื่อในเรืองของชาดก ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับพระชาติหนึ่งของพระพุทธเจ้า ในช่วงกาลที่พระพุทธองค์เสวยพระชาติเป็นพระมหาโพธิสัตว์และทรงอธิษฐานบารมีเพื่อเป็นทาน แก่มหาชนทั้งหลาย ทั้งยังเป็นคติทางธรรมให้แก่พุทธศาสนิกชน รวมไปถึงเป็นแนวทางให้ผู้ที่กำลังบำเพ็ญเพียรสายโพธิญาณได้เจริญรอยตามธรรมจนมาถึงในปัจจุบัน

...จากตำนานในพุทธประวัติดังกล่าว ครูบาอาจารย์ในอดีตท่านจึงได้ นำรูปลักษณ์ของพญาเต่าเรือนนี้ มาทำวัตถุมงคลเพื่อเป็นสื่อแห่งพลังงานในอดีตของพระพุทธเจ้าอีกประการเป็นเครื่องระลึกในคุณงามความดีแห่งพระโพธิสัตว์ในอดีต และยังเป็นสื่อถึงพระโพธิสัตว์เจ้าทุกๆพระองค์ ที่กำลังรอการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าอยู่อีกมากมายหลายพระองค์ต่อไปในอนาคต ให้เป็นสื่อถึงพลังงานนั้นๆนำมาเป็นประโยชน์แก่โลก(พลังงานไม่ศูนย์ไปจากโลก)

เต่าเรือนหลวงปู่ศุข ตำราวัดปากคลองมะขามเฒ่า
(ก็สร้างตามคติตำราเต่าพระโพธิสัตว์)


เต่าเรือนหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน
(ก็สร้างตามคติตำราเต่าพระโพธิสัตว์)​

....โดยมากจะทำเป็นรูปลักษณ์ของเต่าหรือเหรียญเต่า เช่น เต่าเรือนหลวงปู่ศุข วัดปากครองมะขามเฒ่า พญาเต่าเรือนหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน เต่าเรือนหลวงพ่อสนิท วัดลำบัวลอย เต่าเรือนหลวงพ่ออุตตมะ วัดวังวิเวการาม เต่าเรือนหลวงปู่หลิว วัดไร่แตงทอง เป็นต้น ถ้าสายพระกรรมฐานก็มีเช่นกัน อาทิ เต่าเรือนหลวงปู่สิม วัดถ้ำผาป่อง เต่าเรือนหลวงปู่จื่อ วัดเขาตาเงาะอุดมพร หรือแม้แต่เต่าเรือนหลวงพ่อขันตี วัดป่าม่วงไข่ ล้วนแล้วแต่สร้างตามคติความเชื่อดั้งเดิมเรื่อง "เต่าพระโพธิสัตว์ทั้งสิ้น"

...เมื่อปลายเดือนก่อนที่ผ่านมาครับ ทางคณะของ ดร.รุ่งนภา แก้วมีชัย(อดีตอาจารย์คณะมนุษย์ศาสตร์ มช.) ได้มาปรึกษาทางผู้เขียนอยากจัดสร้างวัตถุมงคลชุดหนึ่ง เพื่อสารต่อตามตำนานชาดกพญาเต่าเรือนและสร้างถวายหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัด หาปัจจัยร่วมสร้างศาลาปฏิบัติธรรม "ตามตำราการทำเต่าเรือนพระโพธิสัตว์อย่างถูกต้อง" ซึ่งด้วยเหตุนี้เองผู้เขียนจึงได้ไปปรึกษา อ.บุญเลิศ เชื่อบุญมี(อาจารย์ฆราวาสอดีตวัฒนธรรมจังหวัด) เกี่ยวกับการสร้างวัตถุมงคลดังกล่าว

แผ่นจารเต่า อ.บุญเลิศ จารตามตำรา(ถอดคำอธิษฐานของพระโพธิสัตว์)
หลวงปู่อร่าม ชินวังโส เมตตาอธิษฐานจิตให้ ปี 2556​

....ท่านจึงได้กรุณาเล่าให้ผู้เขียนได้ฟังว่าท่านร่ำเรียนตำรานี้มาจาก หลวงปู่พระครูโพธิสารคุณ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ ซึ่งหลวงปู่โพธิก็ได้มาจากหลวงพ่ออุตตมะ วัดวังวิเวการามอีกทีหนึ่ง (สายโพธิญาณ) พญาเต่าเรือนนี้ถ้าสร้างถูกต้องจะมีคุณอเนกอนันมาก สามารถป้องกันภัยธรรมชาติต่างๆ หรือแม้แต่ภัยอันเกิดจากคนทำของใส่ได้เลยทีเดียว แลยังเป็นคุณด้านโภคทรัพย์อีกด้วย(เพราะท่านว่ามีจากพลังงานด้านทานบารมีโดยตรง)

....เมื่อนำเรียนท่านเสร็จ ท่านจึงเห็นดีด้วย เพราะท่านรู้จักกับหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดเป็นอย่างดีว่าท่านเป็นพระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบลูกศิษย์หลวงปู่ศรีจันทร์ และอนุโมทนาพร้อมกับแนะนำการจัดสร้างให้ และได้มอบ "ยันต์พญาเต่าทองพระโพธิสัตว์" ให้มากว่า 100 แผ่นเพื่อนำมาเป็นชนวนหล่อหลอมสร้างเต่าเรือนพระโพธิสัตว์ชุดนี้

พญาเต่าเรือนหลวงปู่อร่าม ชินวังโส​

.... อ.บุญเลิศกล่าวว่า ยันต์ชุดนี้ท่านจารไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2556 เพื่อเป็นการทบทวนวิชานี้ และไว้แจกแก่ลูกศิษย์ลูกหาที่มาร่วมงานบูชาพระในปีนั้น แต่ท่านก็ลืมแจกเพราะมัวแต่ต้อนรับผู้ศรัทธาที่มางานเลี้ยงพระในปีนั้น(กว่า200-300คน) ซึ่งยันต์ชุดนี้นอกจากท่านจะลงอักขระตามตำรา "คำอธิษฐานจิตพญาเต่าเรือน และเข้าในงานพิธีบูชาพระเป็นที่เรียบร้อยแล้ว" ท่านยังได้นำยันต์ดังกล่าว "เข้าอธิษฐานจิตอีกว่าวาระหนึ่ง โดยหลวงปู่อร่าม ชินวังโส(ลูกศิษย์สายธรรมหลวงปู่คำดี ปภาโส) เมตตาอธิษฐานจิตให้ พร้อมกับพญาเต่าเรือนขนาดบูชาของท่าน(ของหลวงปู่อร่าม)"

พระคาถาเต่าพระโพธิสัตว์อธิษฐานเป็นพระพุทธเจ้า
ในตำราพระชาดกดังเดิม​

....อ.บุญเลิศกล่าวให้ฟังว่า "ผมยังจำได้เลย วันนั้นเอาแผ่นจารยันต์เต่านี้ไปเข้าพิธีให้หลวงปู่อร่ามท่านอธิษฐานจิตให้พร้อมเต่าเรือนของท่าน ขณะที่ท่านจับสายสิญจน์อธิษฐานจิตนะ ในกล่องใส่เต่านี้ ดัง กุกกัก กุกกัก เหมือนเต่านี้ดิ้นในกล่องเลย ได้ยินพร้อมๆกันทุกคนนั้นแหละที่อยุ่ในพิธี...."

....คงจะมีให้ได้ร่วมบุญกันในเร็วๆนี้ครับ บอกได้เลยครับว่า "รูปลักษณ์สวย เข้มขลังมาก เห็นว่าจะสร้างเพียง 30 ชุดเท่านั้น(ร่วมบุญไม่แพงด้วยครับ) ขนาดติดตัวบูชากำลังพอดีมากๆ รับรองว่าคุ้มมากครับ.."

... ไว้จะแจ้งให้ท่านผู้ศรัทธาทราบอีกครั้งต่อไปครับ...
​

 

ตัวอย่างแบบของจริงพญาเต่าเรือนโพธิสัตว์
(แบบของจริงที่จะนำไปหล่อครับ เสร็จ95%)





************************************


​

--- ตัวยันต์ใต้ท้องเต่าจะเป็นอักขระ 3 แถวครับ(จากล้างขึ้นบน)
- แถวแรก "สุวรรณกัจฉปะ" (ชื่อเต่าพระโพธิสัตว์ในพระชาดก)
- แถวที่สอง "โพธิสัตว์โต" (ตรงนี้เป็นสื่อถึงพระโพธิสัตว์ทุกๆพระองค์ตั้งแต่อดีตไปจนถึงปัจจุบันและอนาคต)
- แถวที่สาม "ตัว ยะ" (ตรงนี้หมายถึง สื่อพลังงานของพระโพธิสัตว์ที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าคือ พระศรีอริยเมตไตร ในอนาคต ซึ่งตอนนี้ท่านยังเป็นพระโพธิสัตว์ที่บารมียังไม่รวม และเป็นพลังงานที่หนาแน่นมากเพราะบารมีท่านเต็มทั่วสามแดนโลกธาตุ)

***********************
​

.....บนกระดองเต่าจะประทับอักขระยันต์ "พุทโธ" ซึ่งหมายถึง 2 นัยยะ ครับคือ

นัยยะ 1.หมายถึงพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันที่ท่านเคยเป็นเต่าทองพระโพธิสัตว์นี้มาก่อน และบัดนี้พระองค์ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว จึงเป็นที่มา "พุทโธ" = ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

นัยยะ 2.หมายถึงพระโพธิสัตว์ที่กำลังจะมาเกิดเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ดังนั้นจึงถือว่าเป็นสื่อพลังงานถึงพระโพธิสัตว์เจ้าทุกๆพระองค์ที่จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต

***หมายเหตุ แบบทั้งหมดเจ้าคุณหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัด ท่านได้เมตตาพิจารณาเองทุกตัวยันต์ ตัวอักษรเพื่อให้ได้มาซึ่งความหมาย และ สื่อแห่งพลังงานธรรมะครับ นับว่าความหมายแห่งนัยยะดีมากๆครับ

....บ่งบอกถึงภูมิปัญญาและกินความหมายถึง "พระโพธิสัตว์" โดยแท้หาใช่หล่อเป็นรูปสัตว์เดรัชฉานป่าวๆไม่

​

 

....หลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัด(พระภัทรธรรมสุธี) เป็นครูบาอาจารย์องค์แรกและองค์เดียวของจังหวัดเลย (และพระที่ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะทุกจังหวัดองค์แรก) ที่ได้รับให้เข้าพระบรมมหาราชวังเพื่อเจริญจิตภาวนา และวิปัสสนากัมมัฏฐาน ถวายพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เมื่อวันที่ 12 กรกฏาคม 2564 ที่ผ่านมาครับ..

และได้เป็นพระครูบาอาจารย์องค์เดียวของจังหวัดได้เข้ารับนิมนต์
อธิษฐานจิตวัตถุมงคลของสมเด็จพระสังฆราช



​

 

ปิดจอง
พญาเต่าเรือนโพธิ์สัตว์
(สุวรรณกัจฉปะ มหาลาโภ)


​

...จัดสร้างขึ้นตามตำนาน "พญาเต่าทองสุวรรณกัจฉปชาดก" ซึ่งเป็นพระชาติหนึ่งของพระพุทธเจ้า ครั้งเสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์ และทรงอธิษฐานบารมีเป็นพระพุทธเจ้าในพระชาตินี้เอง ด้วยทานบารมีธรรมนี้เป็นเหตุให้พระโพธิสัตว์(พระพุทธเจ้าในก่อนเสวยชาติ)ได้บารมีทานเต็มเป็น "ปรมัตถทาน" คือทานอันยิ่งใหญ่

...ด้วยเหตุแห่งพระชาดกนี้ โบราณจารย์จึงได้สร้างรูปลักษณ์เต่าพระโพธิสัตว์ขึ้น เพื่อเป็นที่ระลึกเตือนธรรมเรื่องทานบารมี ซึ่งทานบารมีนี้เองก็เป็นเหตุให้มีอานิสงส์ในเรื่อง โภคทรัพย์ ลาภสักการะ เป็นอาทิอีกด้วย

...ด้วยเหตุนี้ทางคณะผู้ศรัทธานำโดย ดร.รุ่งนภา แก้วมีชัย(อดีตอาจารย์คณะมนุษย์ศาสตร์ มช.) ได้มาปรึกษาทางผู้เขียนอยากจัดสร้างวัตถุมงคลชุดหนึ่ง เพื่อสารต่อตามตำนานชาดกพญาเต่าเรือนและสร้างถวายหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัด หาปัจจัยร่วมสร้างศาลาปฏิบัติธรรม "ตามตำราการทำเต่าเรือนพระโพธิสัตว์อย่างถูกต้อง" จึงได้ไปปรึกษา อ.บุญเลิศ เชื่อบุญมี(อาจารย์ฆราวาสอดีตวัฒนธรรมจังหวัด) เกี่ยวกับการสร้างวัตถุมงคลดังกล่าว ท่านจึงได้กรุณาชี้แนะและนำตำราอันเกี่ยวเนื่องกับ "เต่าทองพระโพธิสัตว์" นี้มาทำให้จัดสร้าง โดยได้นำ "อักขระคำอธิษฐานของพระโพธิสตัว์" ที่จะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต มาเป็นต้นทางแห่งการจัดสร้าง และได้กรุณามอบ..แผ่นจารเต่า อ.บุญเลิศ จารตามตำรา(ถอดคำอธิษฐานของพระโพธิสัตว์)หลวงปู่อร่าม ชินวังโส เมตตาอธิษฐานจิตให้ ปี 2556 เพื่อเป็นต้นชนวนในการหล่อหลอมจำนวน 100 แผ่นอีกด้วย...

*************​

....ในการจัดสร้างครั้งนี้ ทางคณะได้เห็นสมควรให้จัดสร้างเป็นชุด คือ ท่านที่บูชา 1 ชุดจะได้รับถึง 3 องค์ จะมีเนื้อมหาชนวน 1 องค์(หล่อจากชนวนมวลสาร) และเนื้องทองเหลืองผสมแผ่นยันต์พญาเต่าเรือน 2 องค์

....ด้วยเหตุที่ว่าพญาเต่าเรือนที่ ท่านว่าหากสร้างถูกต้องตามตำราแล้ว ประดุจดังว่า "ได้ทำทักษินาบูชาพญาเต่าเรือนโพธิสัตว์และสื่อไปถึงพระโพธิสัตว์เจ้าทุกๆพระองค์" และด้วยพุทธานุภาพแห่งพระพุทธเจ้าแล้ว ผู้นั้นจะเกิด ลาภอันไพบูลย์พูนสุข จะทำการค้าขายก็จะเกิดผลกำไรดี และทำการเสี่ยงโชคลาภ(ถ้ามีบุญด้านนี้อยู่บ้าง) ด้วยพุทธบารมีอาจเกื้อหนุนให้เกิดให้มีได้ไวขึ้น อันว่ารับราชการก็จะเป็นจำเจริญในหน้าที่การงานเป็นเมตตาแก่ประชาชนทั่วไป

....การมีจัดชุดเต่า 3 ตัวก็เผื่อบ้านผู้บูชามีหลายคนก็อาจจะแบ่งกันบูชาได้ทั่วถึง หรือ พกติดตัวด้วย นำบูชาใส่พานไว้ที่บ้านด้วยก็จะมีความเป็นศิริมงคลในที่นั้นๆ "ดังในตำนานพระชาดกที่พระเจ้าพรหมทัศ นำกระดองเต่าพระโพธิสัตว์ตั้งไว้ให้ชาวเมืองพารานสีได้บูชาทางภูเขาทิศใต้ของเมือง ให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุขเสมอมา"..

ส่วนการออกแบบนั้น ต้องบอกเลยครับว่า"'งานสวยและละเอียดมาก"
ทุกอย่างมีความหมายทางพุทธศาสนาทั้งสิ้น(เป็นพุทธคุณล้วนๆไม่มีเกี่ยวกับไสยเวทเลย)

เนื้อชนวนพิเศษสร้างเพียง 35 องค์
(ชนวนที่นำมาหล่อหลอม)

​

.....1.พระสิวลีเนื้อชนวนเล็กไหล วัดป่าผาขาม หลวงพ่อสมศรี อัตตสิริ อธิษฐานจิต(หายากมากเพราะสร้างน้อยสุดๆ)
....2.หลวงปู่ทวด เนื้อเมฆสิทธิ์(เนื้อสำเร็จด้วยกายสิทธิ์) พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ ได้ปลุกเสกหลวงพ่อทวดสืบต่อมาตามตำรับของพระอาจารย์ทิม วัดช้างให้(หายากมากเนื้อนี้)
.....3.เหรียญหล่อเนื้อ 3 กษัตริย์(เงิน ทอง นาค)และองค์ปฐมเปิดโลกหลวงตาม้า วิริยธโร(สายพระโพธิสัตว์)
.....4.แหวนธรรมจักร(พิธี 25 ศตวรรษ ปี 2500) ท่านพ่อลี วัดอโศการามอธิษฐานจิต
....5.รูปหล่อหลวงพ่อเงิน+เหรียญหลวงพ่อเงิน นิตยสารสายสิญจน์ จัดสร้าง หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ อธิษฐานจิตปี 2525(สายพระโพธิสัตว์)
....6.เหรียญหล่อมณฑป หลวงปู่สุภา กันตสีโล เนื้อกายสิทธิ์ตะกั่วกสิณ
....7.เหรียญหลายประเทศ หลวงปู่ท่อน ญาณธโร เมตตาอธิษฐานจิตปี 2555(หลวงปู่มอบให้เอง)

แผ่นจารเต่าเรือน อ.บุญเลิศ จารตามตำรา(ถอดคำอธิษฐานของพระโพธิสัตว์)
หลวงปู่อร่าม ชินวังโส เมตตาอธิษฐานจิตให้ ปี 2556


พระปิดตาเนื้อทองระฆัง(หล่อจากระฆังแท้ๆ) หลวงพ่อทวี ปุณญปัญโญ วัดห้วยเดื่อ
เมตตามอบให้มาจัดสร้างโดยเฉพาะ

...ส่วนเนื้อทองเหลืองจะผสมเฉพาะ "แผ่นจารเต่าเรือนพระโพธิสัตว์" และ "พระปิดตาเนื้อทองระฆัง(หล่อจากระฆังแท้ๆ) หลวงพ่อทวี ปุณญปัญโญ" ​

**หมายเหตุ** - ทุกเนื้อจะผสม"แผ่นจารเต่าเรือนพระโพธิสัตว์" เป็นปฐมต้นเหตุเพราะเป็นต้นตำราทุกเนื้อ ครับ

***************​

....จองได้ตั้งแต่บัดนี้ 16/7/2564 เป็นต้นไป ปิดจอง 19/7/2564 (หรือถ้าเต็มก่อนก็จะปิดเลยครับ) **อย่าเพิ่งโอนปัจจัยนะครับ หลังจากปิดจองแล้วจึงจะแจ้งโอนให้ทราบครับ**

**หมายเหตุ** ในส่วนการร่วมบุญนี้ได้รวมค่าส่งแล้ว ท่านผู้ร่วมบุญไม่ต้องโอนค่าส่งมาเพิ่มเติมนะครับ เพราะอาจะเกิดความสับสนในการตรวจสอบยอดโอนครับ

อนุโมทนาครับ​

 

ร่วมบุญจอง 1 ชุดครับ

 

ขอร่วมบุญจอง 4 ชุดครับ

 

ร่วมบุญ 3 ชุดครับ

 

ขอร่วมบุญเพิ่มอีก 2 ชุดครับ

 

ร่วมบุญ 1 ชุดครับ