ความลับของชีวิต

อันไหนซู่ซ่า ก้เอาอันนั้นแหล่ะ ที่จะเรียกพอทำความเข้าใจ ว่า นี่คือปิติ

สิ่งที่ควรกำหนดรู้ คือ เวลามีปิติ ใจสุข ก็กำหนดรู้

ไม่ได้ไปกำหนดรู้ตัวปิติ ปิติไม่มา ใจอยากจะทำ ก้กำหนดรู้อยากจะทำ

 

ชอบตรงท่านสายโหด ไม่ประณีประนอมกับธรรม(ผิด) ถูกจริตยิ่งนัก555

 

อาวร้าว

ธาตุกำกระถาง รัดงวง

 

พอกำหนดรู้ปุ๊บ ปิติหายหมดทันที แต่ที่ความรู้สึกสุขสงบมันยังอยู่ไปสักพัก

 

สำหรับ คน เมาหมัด

มันมี วิธีดูว่า ปฏิบัติ หรือ แค่จ๊ะจ๋า อะฮับ

หากเป็น นักปฏิบัติ จะไม่มี อาการตะครุบเงา ตะครุบผล หาโวหาร ปะผุ
ฟังธรรมแล้ว จบลงที่รู้ ไม่มีเคลื่อน หากเคลื่อน เวทนามันหลอกไปต้มกบ
มารยา สาไถย ศิษยหลวงตาตกใต้ถุนชุบตัว ที่นี้ส่งมาเกิด

หากเป็น นักปฏิบัติ จะทวนกระแสหาเหตุ ไม่มี
การงง อะไรเกิด อะไรดับ อะไรแทรก อะไรโชย
งานจะจบลงที่ กลับไปที่เหตุ ความเพียร แล้ว
รู้ชัดว่า ปลากรอบ หรือ ยังไม่กรอบ

 

ไม่เห้นจะมีไร ก็ กำหนดรู้สุข

ที่มักจะพูด ว่าปิติ สั่งปิติ แต่เวลาสั่ง เขาไม่ได้ไป ที่ตัวต่อนๆปิติ

แต่เป็น วิตก คืออาการนึก น้อมรู้พร้อม เป็นวิจาร อาการปิติจะมาทันที

ฉะนั้น จะอาศัยการนึกน้อม
ไม่ว่าจะเป็น คาบลม หรือ บริกรรม หรือ แสงสว่างในการน้อม แล้วแต่ความถนัด

ซึ่งมันเป็น สมถะล้วน

คนตั้งสมถะ ไม่ว่าจะเป็น บริกรรม รู้ลม ตั้งรุปนิมิต ผลก็ให้มี ความสงบเป็นสมาธิ

มี วิตก วิจาร ปิติสุข เอกัคคตา ครบองค์5 เข้าสู่ปฐมฌาน
เพื่อเป้นฐาน ในการตั้ง สติ ในอริยะมรรค ต่อไป

 

ที่นี้ หากเข้าใจ

การปรารภว่า ท่านไม่ประนีประนอมกับกิเลส
อันนี้ จัดว่า บริภาษสงฆ์ นะฮับ

ตัวนี้จะละเอียดนิดนึง จะดูยาก

จี จี ไม่มีฮับ จะไป ขัดแย้งกับใคร

ธรรม ไม่มี ขัดแย้งกับใคร

ไม่มีไปโทษ กิเลส

อันนี้ต้องแยกรูป แยกนาม ละเอียดนิดนุง
ถึงจะไม่ ตระหนี่ธรรม

 

แนนลองระลึกปิติดู โอเค่ล่ะ ดึงมาใช้ได้ สงบจิตได้ไว จริง แต่สุดท้ายแนนยังต้องใช้สติระลึกรู้เพื่อวิปัสสนาเช่นเดิม เพียงแต่จะเห็นข้อดีได้ชัดตรงที่ว่าจิตมันสงบเยือกเย็นแล้วสติมันเห็นกายใจชัดขึ้นค่ะ จนกว่ามันจะเป็นไปเอง

หรือคุณปราบว่ามันควรจะวิปัสสนาได้ทันทีเลยมั้ยคะ

 

ทำยังกับดูมวยเลยนะลุง โมหะกิเลสแย็บซ้าย โมหะกิเลสโน้มคอตีเข่า ลุงโจบัง เอา ลุงโจบัง สับขาหลอก สวนด้วยแข้งขวา เอ้า วืด แบบนี้ใช่ไหมลุง 555

 

ฉะนั้นแล้ว โยคาเวชายะเตภูริ

ปัญญาจึงเกิดจากการปฏิบัติ ไม่ใช่การนอนรอ
รู้เฉยๆเป้นฝึกแบบวิปัสนาก้จริง แต่มุขในมันไม่ใช่รู้เฉยๆ
เพราะมันมีความเพียรในการรู้

เมื่อรู้เหตุ ของการประกอบ(ปัญญา) ในทางสองแพร่ง ย่อมตั้งตนอยู่ในทางที่ควร เรือจึงจะถึงผั่ง

 

เคค่ะ พอจะเข้าใจเป้าประสงค์การใช้งานของ วสี ละ

 

แต่ถ้า มันละเอียด ไม่อยากดู

เวลากล่าวว่า ลพ.ส อย่างงั้น อย่างงี้

ลพ. ท่านจะถาม เคยมารับกระโถนสักใบจาก x ยัง

" ฮะเอ่อ "

 

ยังไม่รู้จะโดนกระโถนลอยป่าวเลย เพราะ ไม่รู้จะถามอะไรท่าน(ถ้าไป) ไม่แน่คงออกแนวฟังเงียบๆ(เพราะไม่รู้จะถามอะไร)555

 

มีอีกองค์
หลวงปู่เจี๊ยะ จะเรียกภาษาบ้านๆ ท่านโหดจัดเลยล่ะ

แต่การโหดจัด เป้นการให้อย่างสัจจะความจริงใจ
เด้กๆสมัยนี้ จะเอาแต่ จ๊ะ จ๋า โอ๋รักๆ โอ๋รักๆ

อันนี้ก้เป้น แนวทางนึง สำหรับพระโบราณ การสอนไม่พุดมาก แต่ธรรมมาก

นึกถึงสุภาษิตไทย รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี

ที่ ละมุน ละม่อม ก้ เห็นจะเป็น หลวงปู่หล้า หลวงปู่พุธ เป็นละมุน ละม่อม ที่กลางๆ

 

กั๊กๆๆๆ

" เม้มปากแล้วนั่งลง แม้นอยู่ต่อหน้า
พระพุทธเจ้า ข้าเจ้าก็ บ่ ถาม " มีจีเป่า
มีก็ รีบๆไป

ถ้าจะไป ฟังเงียบๆ ไม่ต้องไป ฮับ

เท่ากับไป ใช้ท่าน อยู่ดี เปลืองธาตุขันธ์
ท่าน70 แล้วไม่ควรไปตัดทอนแบบนั้น

 

เออรู้ละจะถามอะไรท่าน. หลังจากฟังคลิปนี้จบ ทวนตามแบบมีสมาธิ ว่าจะถามท่านเรื่องสันตติเป็นท่อนๆแบบนี้ป่าวครับ



บางทีก็เห็นสันตติมีหน้าตาแบบนี้



คงโดนท่านปากระโถนใส่แน่เลย เซ็งเบย

(จริงๆลุงรู้สึกหน้าชา ตั้งแต่คำถามแรกของคลิปแล้วละ)

 

เชย ฮับ

นักปฏิบัติ เขาไม่เตรียมคำถาม ฮับ

หากยังเตรียมคำถาม มันก็ แบเบอร์ว่า ภาวนาไม่เป็น

ไม่เคยแยกรูปแยกนามแบบโซดาเปปซี่ซาสี่ห้ามาก่อนเลยสักชาติ

ยังเข้าใจว่า ธรรมปฏิบัติเป็นเรื่อง สมแทะ แล้วก็ ห้อง ห้อง ห้อง



อุ๊ยตายยยยยยยส์ สมาธิยังไม่รู้จัก จะเอาอะไรไปนิรันดร์กุล

 

อ่านดีๆสิครับ
ผมเขียน นิมิตที่จิตสร้างขึ้น..

 

ตามนั้น
ของหลวงปู่มั่น มันต่างกัน ท่านหมดอาสวะกิเลสแล้ว
แล้วพระพุทธเจ้าเสด็จมาหา มาอนุโมทนา

 

สภา นกแก้ว มาแระหรอ?