ความลับของชีวิต

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Piccola Fata, 11 พฤษภาคม 2021.

  1. LiSaBDoDaYup

    LiSaBDoDaYup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,251
    ค่าพลัง:
    +657
    ฮี้ ฮี้ ฮี้ ครายจะเหมาะ กับ กระถางนี้ เห็นจะไม่มีผู้ใดเกินโจวจอหอ

    อัตตาถลา แก้ว่า

    ที่ท่านชายสิทธัตถของก่อนบ่ายพฤหัส ทรงพึ่งระลึกได้
    นั่นก็เพราะ ท่ายชายสิทธตถะ เคยบริภาษพระแม่มาตา
    วิสาขามหาอุบาสิกาอัครปฐานายิกาเจ้าเอ้ย!!

    มะช่ายๆ เคยบริภาษพระกัสสปพุทธเจ้าครั้งเป็นโชติมานพ
    บริภาษว่าก็เห็นมีลูกหลานตั้ง120จะเอามรรคผลมาแต่ไหน
    เอ้ย!!!

    บริภาษว่าแค่โกนหัวต่างจากลัทธิอื่นแค่นั้นจะเอามรรค
    ผลมาแต่ไหน

    ทำให้ลุงโจวจอหอเกิดอาการ หิวอารมณ์ แต่ก็เลือกไม่ถูก
    เข้าใจไปว่าต้องลูบคำศีลพรตเท่านั้นจึงจะใช่ จะปล่อย
    ให้จิตใต้สัมลึกมีอิสระไม่ได้ เอ้ย!!

    ทำให้ท่านชายสิทธัตถะเสด็จออกจากวังแล้วต้องเสีย
    เวลา 6ปี อกุศลให้ผลบังตา คว้ามิจฉามรรคมาประกอบ
    ถึง6ปี ป้อแป้ๆ เจียนตาย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤษภาคม 2021
  2. LiSaBDoDaYup

    LiSaBDoDaYup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,251
    ค่าพลัง:
    +657
    " ราชกุมาร ! ความรู้สึกได้เกิดขึ้นแก่เราว่า “ศรัทธา, วิริยะ, สติ,
    สมาธิ, ปัญญา จักมีแต่ของอาฬารผู้กาลามโคตรผู้เดียวก็หาไม่. ศรัทธา, วิริยะ,
    สติ,สมาธิ, ปัญญา ของเราก็มีอยู่ ;อย่างไรก็ตาม เราจักตั้งความเพียรทําให้
    แจ้งธรรมที่ท่านกาลามะประกาศแล้ว "

    ตัวที่ ศรัทธา นั่นเองที่ ดำริผิด เจอ "ขันธมาร" มันหยอดแทรก ทิฏฐิ
    ทำให้เกิดสัญญาเคลื่อน เมื่อสัญญาเคลื่อนจึงเกิด มน(อ่าน มะนะ)
    เมื่อเกิด มานะ ก็เกิด มานี ปิติ ชูใจ ไม่ปัสสัทธิ นิรามิส อทุกขมสุข
    จึงไม่เห็น สัลลเลขาเครื่องขัดเกลา

    ปูนนกอินทรีย์จึงผสมผิด เค็มไป กาว้องเอาไปขัดเป็น มันวาว
    แล้วบอกว่าเป็น ลอฟท์สะตาย เอาไปขายกินช่วงหนึ่งแทนเผาถ่าน


    ปล ลิง : พุกกะพุง จะต้องมี สัทธาดับ ตั้งแต่เกิด ด้วยปัจจัยการ
    พอไปเห็น ปัจจัยการให้ สัทธาดับ ก็เลิกลูบคลำ บุพเพวาสา
    จุตูบฯ ไม่เลยไปสถาณีบางพลัด ย้อนมาสถาณีบางโพธิได้ในที่สุด
     
  3. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,258
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    สมาธิ สองประเภท

    สมาธิของสมถะ(ฤษี)
    สมาธิวิปัสนา(อริยมรรค)

    คือ คำว่า ขนิกสมาธิ
    ก้คือ เกิดแว๊บๆ อาจจะเรียกสั้นๆว่า สัก 1 นาที

    อุปจารสมาธิ ก็ ก้คือ
    เกิดต่อเนื่อง มีความแน่วแน่เพิ่มขึ้นมาอีก แต่ยังไม่แนบแน่น

    อัปนาสมาธิ ก้คือ
    เกิดต่อเนื่อง เป็นสายน้ำ มีความแน่วแน่ แบบแน่น ปราณีตขึ้นไปจนละเอียด


    ส่วน ความต่าง ของสมาธิ สองประเภท คือ เจตนา
    ถ้ามีเจตนาอยู่ เป็นสมถะ

    ถ้าพ้นเจตนา เป็นวิปัสนาเริ่มเดิน


    ทีนี้ ในส่วน ขนิกสมาธิในอริยมรรค คือ การรู้เท่าทัน ในขนะจิตนึง

    เช่น วันนึง เจริญสติ มาเรื่อยๆ รู้เท่าทันได้ สามครั้ง ต่อ วัน นี่เรียกว่า ขนิกสมาธิ

    การรู้เท่าทันจิต ในขณะจิตเดียว ดูถูกไม่ได้ มีผลแทงตลอด 1-4 ได้ทุกเมื่อ

    หลวงปู่หล้า จึงมีโวหารว่า เห็น อนิจจังขณะจิตเดียว ก็เห็นรอบโลกแล้ว

    ต่างจาก ขนิกสมาธิของฤษี ที่ยังมีเจตนาอยู่พร้อม มีอุปาธิให้ผล มีส่วนบุญรอให้เสวย

    แต่ ขนิกสมาธิในอริยะมรรค พ้นบุญ ตัดสังสาราวัฎ
    ความต่างมันต่างกันมาก ของสมาธิ 2ประเภท


    ฌาน 1-8 ที่มี ดาบส สองคน สอนเจ้าชายสิทธัตถะ

    ถึงจะทำจิต ละเอียดปราณีตแค่ไหน ก้สู้ ขนิกสมาธิ ในอริยะมรรค แค่ขณะจิตเดียวไม่ได้

    จะป่วยการไปใย กับ ปฐมฌานในอริยะมรรค ไปจน ปัญจมฌาน
     
  4. แค่พลัง

    แค่พลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    2,792
    ค่าพลัง:
    +1,565
    ทำไมยิ่งทำสมถะ วิปติสาร ยิ่งชัดคับ
    ทำให้ต้องตระหนัก ของ ศีล 5 ให้หนักแน่นขึ้นไปเรื่อยๆ
     
  5. Enzo Zen

    Enzo Zen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2021
    โพสต์:
    1,107
    ค่าพลัง:
    +675

    เดี๊ยนฝึกมาทิในรูปแบบ คือฝึกวิปัสสนาในรูปแบบคือรู้ตามจริงไปเรื่อยๆ ใน ชม. หรอก ไม่ใช่ทำในรูปแบบเพื่อฝึกเพ่ง ครูไม่ให้เพ่งอยู่อารมณ์เดียว แล้วครูไม่ให้เสพปีติ ให้รู้ทุกอารมณ์ตามจริง ไม่ให้เข้าไปในอารมณ์นั้น

    เดี๊ยนจะสั่งปีติมาทำไม จริงๆ ไม่ต้องสั่ง ไม่ต้องยกอะไรมาสักอย่าง รู้ตามจริงไปเรื่อยๆ เดวจิตก้อได้ผลงานเอง
     
  6. rachotp

    rachotp เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    1,216
    กระทู้เรื่องเด่น:
    252
    ค่าพลัง:
    +23,807
    รบกวนคุณอาวิษณุช่วยกรุณาอธิบายขยายความประเด็นนี้เพิ่มเติมอย่างละมุนละม่อมอีกสักเล็กน้อยโดยละม่อมนิดนึงนะครับ _/\_ ขอบคุณครับ _/|\_
     
  7. Piccola Fata

    Piccola Fata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,590
    ค่าพลัง:
    +1,142
    อริยมรรค กับ มรรค คืออันเดียวกันใช่มั้ยคะ
     
  8. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,258
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    คิดว่า มันอยู่ ที่ จุดม่ง ของ คนทำ อยู่ที่ อธิฐานบารมี

    คนทำสมถะ หนักๆจริงๆ อย่างฤษี จะหนีโลก เกลียดทุกข์ รักสุข
    จึงขาดการเห็นตามจริง ว่าสุขนั้นก็ยังเป้นทุกข์ ของโลก
    เพราะยังเป็น ลีลัพตปรามาส มีความกลัว ไม่ใช่กลัวตาย
    แต่ กลัวที่เป้น สักกายทิฐิ ในการสำคัญ จิตเป็นตน
     
  9. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,258
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    การมีเจตนา ก็คือ การคอยตั้งสติ กำหนดรู้ หรือ การตั้งใจ สร้างนิมิต
    ไม่ว่าจะเป็น นิมิตของกาย อาการ 32 อสุภะ เกิดจากการ น้อม นึก ตั้งรูป ให้เกิดขึ้น
    จาก อุคหนิมิต อันนี้ เป็น สมถะ

    เมื่อคล่อง จะเป็นปฏิภาคนิมิต และเมื่อพ้นเจตนา จะไม่มีการน้อม
    นิมิตจะเริ่มเป้นไปเอง จิตมีความสงบ จดจ้องดูอยู่ในนิมิตที่แสดงการเป็นไปเอง
    อบรมจิตไปเรื่อยๆ อันนี้ วิปัสนาเริ่มเดิน


    เป็น โวหาร ในการเรียก บางจังหวะ เฉยๆ

    มรรค แปลว่า ทาง

    อริยะมรรค ก้ทางเดิน พระอริยะ ก็คือ มรรค 8 ข้อ
     
  10. Piccola Fata

    Piccola Fata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,590
    ค่าพลัง:
    +1,142

    นี่กำลังคิดไปไกล คิดว่า มรรค คือยังต้องตบแต่ง เพื่อเดินได้ถูกทาง

    ส่วนอริยมรรค คือการ พ้นเจตนาไปทุกส่วนแล้วทั้ง 8 ข้อ
     
  11. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    ปิติที่น่ากลัว คือปิติที่คอยดันจิต
    ให้ก่อนิมิตขึ้นมา แล้วเกิดความพอใจอย่างแรง

    เช่นไปคุยกับพระพุทธเจ้า ฯลฯ


    ส่วนปิติที่เกิดในชีวิตประจำว้น เป็นของน่าเสพ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤษภาคม 2021
  12. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,258
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    มรรค 8ข้อ ก็มีสองส่วน

    ส่วนตบแต่งมรรค ก้มีอยู่ มีอุปาธิมีบุญรอให้เสวย
    ส่วนพ้นการตบแต่งมรรค เป็นการ สัมปยุติ ในขณะจิต จึงพ้นบุญ พ้นอุปาธิ

    "อุทปาธิญานัง อุทปาธิปัญญา อุทปาธิวิชชา อุทปาธิอาโลโก" บทสวดในธัมจักร

    เรียกได้หลายแบบ
    จิต + เจตสิก อันมี สติ สมาธิ ปัญญา อุเบกขา เกิดพร้อมกัน จึงเรียกว่า สัมปยุติ

    เรียกว่า รู้เท่าทันก้ได้ จะเรียก สติตัวเดียวก้ได้

    ส่วน ตบแต่งมรรค ก้ เป็นอาหาร ของ วิชชาและวิมุตติ
    ส่วนการพ้นการตบแต่ง ก้เป้นอาหาร วิชชาและวิมุติ

    เป็นปัจจัยส่งสืบต่อกัน

    นิพพานไม่มีปัจจัย พ้นวิมุติ นิพพานจึงปรากฎ
    ไม่มีการเข้าออก ปรากฎแล้วก้ปรากฎเลย สัมผัสแล้ว สัมผัสเลย ชิมแล้วรู้รส

    ธรรมทั้งปวง มีวิมุติเป้นสาร มีนิพพานเป็นที่สุด
     
  13. Piccola Fata

    Piccola Fata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,590
    ค่าพลัง:
    +1,142
    แล้วที่เคยได้ยินว่า พระอริยะทั้งหลาย จะระลึกถึงนิพพานเป็นอารมณ์ นั่นคือเขาระลึกอะไร อารมณ์ของนิพพาน มันหน่วงมาระลึกกันได้ด้วยหรอคะ ถ้าแบบนั้นมันคืออาศัยเจตนาแบบ วสี มั้ย?
     
  14. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,258
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    จริงๆ เป้น ตำราชั้นหลัง อนุโลมเข้ามา

    ก็ไม่เสียหายอะไร

    มันคือจุงมุ่งหมาย หรือ อธิฐานบารมี มีนิพพาน

    ส่วนการปฏิบัติ มันมีเจตนาตลอดสายอยู่แล้ว จะหมดเจตนา ก้อต้อง พระอรหันต์

    เจตนาก้ใช้ ในการกำหนดรู้ เพียงแต่ว่า เวลาผลมันเกิด มันพ้นเจตนา

    ส่วนคำว่า การเป้นไปเอง ของจิต ที่ดำเนิน
    มันก็มีปัจจัย มีอาหาร หากไม่ใส่อาหาร
    ก้ไปต่อไม่ได้

    กระบวนการ จิตเดินวิปัสนาญานที่เป้นไปเอง
    ก้เหมือนกับ การเจริญเติบโตของต้นไม้

    เรารู้ ว่ามันเจริญได้ตามลำดับไหน
    แต่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยวในกระบวนการเจริญของมันไม่ได้
    ได้แต่รดน้ำพรวนดิน ป้องกันศรัตรูวัชพื้น แมลงต่างๆ
    พอได้ที่ มันก็ออกดอกออกผลของมันเอง


    ส่วนการใช้ วสี มันเป็นความถนัด ความฉลาด ของการนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์
     
  15. ลุงโจฮันผี

    ลุงโจฮันผี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2021
    โพสต์:
    731
    ค่าพลัง:
    +345
    อืม มีปิติที่น่ากลัวไปคุยกับ พจ
    แต่ลุงเคยอ่านประวัติพระอาจารย์มั่น(ขออภัยที่เอ่ยชื่อ) มี พจ เสด็จมาตอบปัญหาธรรม สิ่งนี้จะทำให้ธรรมขัด หรือเหมือน กับ นักภาวนาอื่นอย่างไรครับ

    ลุงสงสัย และถามด้วยเจตนาบริสุทธิ และยากให้ท่านผู้รู้เฉลยคำตอบให้แก่ลุงและผู้อ่านทั้งหลาย เพื่อเป็นสัมมาทิฐิครับ
     
  16. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,258
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762

    [226] ปีติ 5 (ความอิ่มใจ, ความดื่มด่ำ — joy; interest; zest; rapture)
    1. ขุททกาปีติ (ปีติเล็กน้อย พอขนชูชันน้ำตาไหล — minor rapture; lesser thrill)
    2. ขณิกาปีติ (ปีติชั่วขณะ ทำให้รู้สึกแปลบๆ เป็นขณะๆ ดุจฟ้าแลบ — momentary or instantaneous joy)
    3. โอกกันติกาปีติ (ปีติเป็นระลอกหรือปีติเป็นพักๆ ให้รู้สึกซู่ลงมาๆ ในกาย ดุจคลื่นซัดต้องฝั่ง — showering joy; flood of joy)
    4. อุพเพตาปีติ หรือ อุพเพงคาปีติ (ปีติโลดลอย เป็นอย่างแรงให้รู้สึกใจฟูแสดงอาการหรือทำการบางอย่างโดยมิได้ตั้งใจ เช่น เปล่งอุทาน เป็นต้น หรือให้รู้สึกตัวเบา ลอยขึ้นไปในอากาศ — uplifting joy)
    5. ผรณาปีติ (ปีติซาบซ่าน ให้รู้สึกเย็นซ่านแผ่เอิบอาบไปทั่วสรรพางค์ ปีติที่ประกอบกับสมาธิ ท่านมุ่งเอาข้อนี้ — suffusing joy; pervading rapture)

    ปิติที่คอยดันให้เกิด นิมิต ไม่มีหรอก มันคือ ความอยาก ของกิเลสตัวเอง

    เช่น มีความตั่งใจว่าอยากพบพระพุทธเจ้า พบจิตสงบ ลง เป้นอุปจารสมาธิ ก้จะเกิดภาพนิมิตให้ ตัวเองเข้าใจว่า นี่คือพระพุทธเจ้ามาปรากฎ นิมิตแบบนี้ เป็น จิตตัวเองสร้างมาหลอกจิตตัวเอง


    ในส่วน ของหลวงปู่มั่น
    ต้องอ่านดีดี หากเรื่องเล่านั้น ท่านจะพบตอนที่ท่าน บรรลุธรรมแล้วนะครับ
    แยกความต่างให้ออก

    ในพระไตรปิฎก ในสุตันตะปิฎก ก้เล่า ว่าเมื่อ ภิกษุ ภาวนา จิตสงบปราศจากนิวรณ์
    ก้จะเหมื่อนกับ จะมีนิมิตพระพุทธเจ้ามาปราฎก ต่อหน้า
    แล้วก้อธิบายธรรม ภิกษุนั้น ก้บรรลุธรรม ก้เป้นไปได้ ที่จะมีการ เพิ่มเติม ในการเล่า
    ก้แค่ คคหสต.
    มีพระจุฬปันถก กับ พระโมคคัลลา เป็นต้น ฯ
     
  17. LiSaBDoDaYup

    LiSaBDoDaYup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,251
    ค่าพลัง:
    +657
    ก็ต้อง แยกรูปแยกนาม ห้ายเปง อาฮับ

    ถ้าแยกเปง ก็จะฮู้ว่า ไม่มีอะไรเกิดลอยๆ

    นามธรรม เกิดจากปัจจัย คือ รูป

    หากแยกรูปแยกนามเปงแบบนี้ แล้ว สันนติติดขาด

    คือ ไม่เห็นผิดไปว่า นาม เกิดจาก อย่างอื่น
    มีแต่เกิดจาก รูป เท่านั้น

    ก็จะ กล่าวไปตามอำนาจของ ปัจจัยการ ฟังธรรมเป็น

    แต่ถ้า แยกรูปแยกนามไม่เป็น เข้าใจไปว่า
    กำลังเล่าแบบ หนังช่อง7 ก็จะเกิด อกุศล
    บังตา ให้คลาดจากมรรคผลไปอีก แน่นวล

    นะ

    มุขนัยเรื่องนี้ต้อง จำกัดแค่ แยกรูปแยกนาม
    เห็นความเป็นปัจจัย ของนาม ของรูป

    อย่าพึ่งเอา มุขนัยอื่นมาร่วม แล้วลากไป
    จิตไม่เกิดไม่ดับไม่มีวันตาย ไม่รู้จะกล่าว
    ทำพี่อะไร งุดโง งุดโง องค์กรอิสระเรือหาย !!!

    กลายเป็นศาสดา นั่งรอเหมือน นกเขา ร้องจุ๊กกรู้ๆ ได้
    พวกสาวกหาสันติ
     
  18. Piccola Fata

    Piccola Fata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,590
    ค่าพลัง:
    +1,142
    อาการ 3 4 5 มันคล้ายกันมากนะคะ มันมาพร้อมกันเป็นอาการเดียว ซู่ซ่า ซาบซ่าน เบาๆ จั๊กจะคัดออกยังไงละบาดนิ


    การออธิบายอารมณ์ของปิติอันนี้ ยากเหมือนกันนะคะ มันซู่ซ่า ซาบซ่าน วาบๆ วื้ดๆ โหวงๆ 555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤษภาคม 2021
  19. ลุงโจฮันผี

    ลุงโจฮันผี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2021
    โพสต์:
    731
    ค่าพลัง:
    +345
    อืม แต่ลองตั้งจิตใหม่ ลองตั้งใจฟังธรรมเขาเขียว ก็ได้อยู่นะ โออยู่ ฟังไปราวๆ 10 คลิป (15นาทีบ้าง 1 ชมบ้าง) มีมุมหลายๆมุมที่ผมเห็นด้วยกับท่านเยอะเหมือนกัน
     
  20. LiSaBDoDaYup

    LiSaBDoDaYup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,251
    ค่าพลัง:
    +657
    อาวร้าว

    ขาแจม ลากไป ด่วน

    ได้ ตัวตายตัวแทน แว้ววววววว

    ถ้า แยกรูปแยกนามเป็น ก็จะ ฟังธรรมถึงธรรม

    ไม่ใช่ หูไม่ขาดเป็นท่อนๆ ตาไม่ขาดเป็นท่อนๆ
    จิตยังไม่ขาดเป็นท่อนตามปัจจัย ฯ กระแสโซดาเสริฟยังคะไม่มี !!
    แล้ว ไปฟังธรรม

    ดอนเขียวเล็ก ท่านจะเน้นเรื่อง การโดนหลอกมาเยอะ

    จึงมี ปริเฉทมุมการหลอก แทรกเต็มไปหมด

    กว่าจะ "...ฮะเอ่อ" ผั๊วะ!!!
     

แชร์หน้านี้

Loading...