**พระกรรมฐานสาย ลป.ชอบ ลป.คำดี ลป.หลุย และครูบาอาจารย์สายต่างๆ**//

ขออนุญาตสรุปยอดผู้ร่วมบุญเบื้อต้น
ร่วมสมสบทุนศาลาปฏิบัติธรรม"บูรพาจารย์"
วัดศรีสุทธาวาส ดังนี้ครับ
12/4/2564

​

- Cajun 5 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- อาทิตย์03 5 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- api_suphot 3 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- pcharn 5 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- rung847 2 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- yurirun 1 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- shai 2 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- sunmk 3 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- ktv 5 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- เบเบ้ 3 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- songsakth 2 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- yaboyabo 2 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- อาณัติ 2 องค์
- กันตสีโล

.......ขออนุโมทนาครับ ไว้จะจัดส่งพระที่ระลึกให้นะครับ(สมาชิกที่ร่วมบุญอยากได้กี่องค์แจ้งมาเลยนะครับ ของดีมีน้อย พระหลวงพ่อสมบูรณ์ไม่ได้มีบ่อยๆนะครับ)

.....เงินปัจจัยส่วนนี้ทุกบาท สมทบทุนสร้าง"ศาลาบูรพาจารย์" วัดศรีสุทธาวาสทุกบาทเลยครับ (หลังจากถวายแล้วจะบันทึกภาพมาให้ร่วมอนุโมทนากันอีกครั้งครับ) สาธุ

ขออนุโมทนากับสมาชิกทุกท่านในเบื้องต้นนี้ด้วยครับ​

 

......บทความจากเว็ป ."นวรัตน์.คอม" สมัยนั้นหลวงพ่อสมบูรณ์ท่านได้ลงนิตยสารศักดิ์สิทธิ์ ด้วยครับ ขออนุญาตนำมาเผยแพร่ เผื่อบางท่านยังไม่รู้จักท่านครับ(วัตถุมงคลขอลท่าน ไม่ได้มีหมุนเวียนกันบ่อยๆนะครับเพราะแต่ละรุ่นสร้างน้อย และท่าานไม่ค่อยอนุญาตด้วยถ้าไม่มีจุดประสงค์เพื่อสาธารณะประโยชน์จริงๆครับ)
​

ผู้ทรงอิทธิฤทธิ์และข้อวัตรเป็นเลิศ ท่านพระอาจารย์สมบูรณ์ กันตสีโล
วัดป่าสมบูรณ์ธรรม บ้านห้วยหิน ต.ป่าแดง อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก
โดย...รณธรรม ธาราพันธุ์​

“สมัยนี้จะหาพระที่เก่งด้วยดีด้วยยากจริง ๆ ไม่เหมือนสมัยก่อนมีให้กราบเยอะไปหมด”
นั่นเป็นคำรำพันแบบไม่หวังคำตอบของเพื่อนผมคนหนึ่ง ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดจะตอบอะไร นอกจากจะบอกไปสั้น ๆ

“ยังไม่ได้หาละสิ”

ผมเชื่อมั่นว่าแท้จริงยังต้องมีพระดี คนเก่งอยู่อีกมาก เพียงแต่ท่านเหล่านั้นไม่ประสงค์จะเปิดตัว ด้วยยังไม่ถึงเวลาหรือมิฉะนั้นก็เพราะ “โอกาส” ยังไม่ได้ไปเยือน

ส่วนใหญ่ผู้ดีจริง เก่งจริง ก็ไม่ปรารถนาจะแสดงตนให้คนรู้จักเพราะจะไปขัดกับการประพฤติปฏิบัติเรื่อง ”สงบ” ซึ่งท่านเคยบำเพ็ญมาช้านาน ก้อกว่าจะเอาดีได้ ท่านต้องใช้ความสงบกาย สงบวาจา และสงบใจอยู่ตั้งครึ่งค่อนชีวิต ยิ่งถ้าองค์ไหนมีเป้าหมายที่ “สงบกิเลส” ท่านยิ่งเก็บตัวเข้าไปใหญ่

ดังท่านเจ้าคุณนรฯ

เปิดตัวอีกทีก็เป็นร่มโพธิ์ที่กว้างขวางร่มเย็นให้หมู่สัตว์มาอาศัยได้อย่างมั่นคง ไม่ใช่ประเภทเพิ่งฟักตัวแบบถั่วงอก กิ่งก้านใบยังไม่ทันแตกสาขาก็ลนลานประกาศธรรม ไม่ช้าไม่นานก็เป็นข่าวสนุกเขียน

แต่สะเทือนอ่าน
ดังนั้น การหาพระดีสักองค์หนึ่งจึงต้องเข้าข่าย “แสวงหา” จะรอให้ท่านมา “แสวงเรา” ผมไม่เอาด้วยหรอก กลัวจะเก่งจริง รัตนชาติอันสูงค่าย่อมเร้นลึกอยู่ในแผ่นดินฉันใด พระผู้ทรงคุณธรรมก็ย่อมเร้นกายอยู่ในป่าเขาฉันนั้น

​

.......ท่านพระอาจารย์สมบูรณ์ กันตสีโล เป็นพระเถระอีกรูปหนึ่งซึ่งผมถือว่าเป็นเพชรน้ำเอกในใจของผมตลอดการเดินทางอันยาวนานเพื่อแสวงหาพระดี พระเก่ง ผมต้องใช้ความอดทนและความพยายามมากมายที่จะพิสูจน์ว่า ใครดีแต่ไม่เก่ง, ใครเก่งแต่ไม่ดี, ใครทั้งดี ทั้งเก่ง และ ใครทั้งไม่เก่ง ไม่ดี
​

แนวทางการตัดสินใจของผมถือเอาพระวินัยเป็นหลักประกันความผิดพลาด รวมถึงคำสอนปลีกย่อยของครูบาอาจารย์หรือคำรับรองของท่าน และเครื่องมือส่วนตัว

ลางสังหรณ์

จะเป็นลางสังหอน หรือลางสังเห่า ผมก็ไม่อาจบอกชัด แต่มันช่วยผมให้ได้กราบพระดีและหนีพระปลอมมานักต่อนัก

เพื่อน (เจ้าเก่า) ถามผมว่า “พระดี พระไม่เก่งนั่นหมายถึงอะไร”

ผมแจงว่า พระดีแต่ไม่เก่ง หมายถึงพระที่ปฏิบัติถูกต้องตามพระวินัย ประพฤติชอบมาตลอดเป็นนาบุญที่สมควรทำ แต่ท่านไม่มีฤทธิ์อภิญญา หรือถ้ามีก็ไม่เชี่ยวชาญ เพราะท่านไม่ได้สร้างนิสัยมาทางนั้น ส่วนพระเก่งแต่ไม่ดี ก็คือพระที่ชำนาญฤทธิ์เดชเวทมนต์แสดงปาฎิหาริย์ได้เป็นที่น่าอัศจรรย์ หากท่านไม่ระวังในข้อวัตรปฏิบัติ จนเกือบจะไม่เป็นพระ

มาถึงพระทั้งดีและเก่ง กับพระไม่เก่งและไม่ดี คงไม่ต้องอธิบายล่ะนะ เพื่อนช่างสงสัยก็พยักหน้าเนือย ๆ อย่างพยายามจะเข้าใจ

ถ้าบังเอิญจะเหมือนอวดรู้ ต้องขออภัยผู้รู้กว่าไว้ ณ ที่นี้

บทพิสูจน์ของผม สรุปลงได้ที่ครูบาอาจารย์ดี ๆ หลายต่อหลายองค์ แต่หนึ่งในนั้นที่ทั้งดี ทั้งเก่ง คือท่านพระอาจารย์สมบูรณ์อย่างสิ้นสงสัย

ท่านพระอาจารย์สมบูรณ์ เป็นคนขอนแก่น เกิดเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ.2483 เมื่ออายุพอสมควรได้ไปอยู่เป็นผ้าขาวกับหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ณ วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ระยะหนึ่ง จากนั้นก็อุปสมบทและอยู่ปฏิบัติกับหลวงปู่ฝั้นมาตลอดจวบจนหลวงปู่ฝั้นมรณภาพ

การบำเพ็ญเพียรของท่านอาจารย์นั้น ไม่ใช่ประเภทกินสนุก นอนสบาย ท่านตั้งอกตั้งใจถวายชีวิตบูชาธรรมโดยแท้ นิสัยอันตั้งตรงต่อธรรมนี้ยังคงติดตัวติดใจท่านมาจนถึงปัจจุบัน ทุกวันนี้ท่านก็ใช้ผ้า 3 ผืน, บิณฑบาตเป็นวัตร, ห่มสังฆาฏิซ้อนเวลาบิณฑบาต, ฉันมื้อเดียว, ตัด เย็บ ย้อม ผ้าไตรเอง ฯลฯ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นเครื่องชี้ให้เห็นถึงความมั่นคงในธรรมของท่าน แม้วันนี้ท่านจะเป็นพระเถระที่มีอายุถึง 57 ปีแล้ว ท่านก็ยังทำทุกอย่างเอง ไม่อยู่สบาย นอนสบายเพราะถือตนว่าเป็นครูบาอาจารย์

นี่คือพระแท้อีกองค์

ครั้งหนึ่งที่ผมไปอยู่ปฏิบัติกับท่าน ท่านเน้นให้นั่งภาวนา และเดินจงกรมให้มาก ถึงผมจะใฝ่ใจในภาวนาแต่มันก็ลิงดี ๆ นี่เอง

ขณะที่ผมเดินจงกรมในเย็นวันนั้น ผมตั้งใจว่าถ้าไม่ครบ 2 ชั่วโมง จะไม่ออกจากทาง เวลาตอนนั้นก็ราวบ่าย 3 โมงแก่ ๆ หากครบ 2 ชั่วโมง ก็ 6 โมงเย็น ไปอาบน้ำแต่งชุดใหม่ขึ้นศาลาทำวัตรเย็นพอดี เดินชั่วโมงแรกแดดก็เปรี้ยงดีอยู่หรอก พอขึ้นชั่วโมงที่ 2 ฝนก็เริ่มเทลงมา

ตกเป็นตกซิ(วะ) เราจะไม่เลิกจนกว่าจะครบกำหนด ใจหนึ่งปักมั่นลงไป เดินได้ไม่กี่ตลบใจเจ้ากรรมก็แฉลบไปว่า เออ...นี่ถ้าใครมาเห็นก็ดีน่ะสิ เขาจะได้เอาไปเล่าลือว่าหมอนี่มันเก่ง ไม่หย่อนความเพียร ฝนตกยังไม่กลัวไข้ ถวายตัวบูชาธรรม

อ้าว! เผลอแผลบเดียวคิดไปโน่นต้องรีบดัดมัน ไอ้บ้านี่ คิดอะไรบ้า ๆ อยู่ในป่าใครเขาจะมาเหลียวแล คิดชั่วเสียแล้ว

แต่มีคนเห็นสมใจ

ท่านอาจารย์ มายืนข้างทางจงกรมเมื่อไรไม่รู้ พอหันไปสบตาท่านก็เอ็ดเปรี้ยง

“เป็นบ้าอะไรฝนตกยังมาเดินอยู่ได้ เดี๋ยวไม่สบายก็เดือดร้อนวุ่นวายอีก”

‘ใส่’ เสร็จก็เดินวูบวาบหายเข้าไปในราวป่า ทิ้งให้ลิงแสมยืนงงเหมือนโดนกะปิ ฝนตกตั้งนานทำไมเพิ่งมา จำเพาะเอาตอนจบความคิดต่ำ ๆ พอดิบพอดี อย่างนี้กระมังที่ท่านเรียกกันว่า

ตีเหล็กตอนร้อน

ก่อนที่ท่านอาจารย์จะลงมาอยู่วัดปัจจุบัน ท่านเคยสร้างวัดอยู่บนเขาชื่อ ‘ภูบันไดม้า’ หรือ ‘โคกผักหวาน’ ในเขตตำบลเดียวกันมาก่อน แต่ทางขึ้นที่ยากลำบากชนิดออกปากได้ไม่เขินว่า ‘สาหัส’ เป็นเหตุให้บรรดาศิษย์ขอร้องท่านให้หาที่อันจะ ‘สาหัส’ พอดี ๆ
และด้วยวัดเกิดปัญหากับป่าไม้จังหวัดเรื่องที่ดินติดกับเขตป่าสงวน ท่านจึงลงมาสร้างวัดล่างที่ห่างกันราว 20 กิโลเมตร

สมัยที่ท่านอยู่วัดบน มีครอบครัวหนึ่งในตลาดป่าแดงให้ความเคารพศรัทธาท่านมาก อุปัฏฐากจนสนิทสนมกับท่านอาจารย์ทั้งครอบครัว ผู้เป็นพ่อชื่อดวง เราจึงพร้อมใจกันเรียกพ่อดวง แม่ดวง

วันที่ไม่มีใครลืมก็มาถึง แม่ดวงซ้อนมอเตอร์ไซด์โดยมีลูกสาวเป็นคนขี่ เข้าไปซื้อของในตลาดแล้วขับออกตรงถนนใหญ่ เพราะความที่เป็นต่างจังหวัดถนนไม่มีรถมากเหมือนในเมือง ลูกสาวจึงขาดความรอบคอบพุ่งรถออกจากจุดตัดไปกลางถนนพอดี ตอนนั้นเองที่ทันได้เห็นว่าถนนด้านขวามีรถบัสคันใหญ่พุ่งตรงเข้ามา เลียวไปทางซ้ายก็เป็นรถกระบะวิ่งมาด้วยความเร็วสูง

คนทั้งสองอยู่กลางถนนเสียแล้ว

เสี้ยววินาทีแห่งความเป็นความตายนั้นเอง ผู้เป็นลูกสาวก็ตะโกนออกไปโดยสัญชาตญาณว่า”หลวงพ่อช่วยด้วย” พริบตานั้น เธอก็เห็นพระรูปหนึ่งมีอาการดุจหล่นลงมาจากอากาศ พระองค์นั้นยืนปักหลักอยู่กลางถนนด้านคนขับรถบัส แล้วท่านก็ยกสองมือผลักรถคันใหญ่เต็มแรง รถที่วิ่งมาด้วยความเร็วร่วมร้อยถึงกับหัวปัดออกจากแนวเดิม แล้วพุ่งเฉียดมอเตอร์ไซด์ไปไม่ถึงเมตร เสียงล้อรถบัสเบรกบดถนนดังลากยาว ตามด้วยเสียงตะโกนโหวกเหวกฟังไม่ได้ศัพท์ของโชเฟอร์ ผู้เป็นแม่จึงบอกปากคอสั่นให้เร่งเครื่องหนีไปเลย เพราะกลัวถูกต่อว่าขนานใหญ่

เมื่อพ้นจุดเกิดเหตุ ลูกสาวที่เห็นปรากฎการณ์พิศวงละล่ำละลักถามมารดาว่าเมื่อกี้เห็นอะไรไหม ด้วยเธอเข้าใจว่าตาฝาดไป แต่คำตอบตรึงเธอจนนิ่งงัน เพราะแม่เธอก็เห็นเช่นเดียวกับเธอ และเห็นชัดด้วยว่าพระองค์นั้นเป็น

หลวงพ่อสมบูรณ์

เรื่องนี้ดังสนั่นไปทั่วตำบลในวันเดียว เพราะคนขับรถบัสคันนั้นดันเห็นท่านอาจารย์หล่นลงมาผลักรถเหมือนกัน กลายเป็นข่าวครึกโครมออกตามหาพระลักษณะผอม ๆ สูง ๆ ดำ ๆ ดังคำให้การของโชเฟอร์ อย่างจ้าละหวั่น

ข่าวนี้ล่วงรู้ไปถึงท่านอาจารย์ได้อย่างไรไม่ทราบ แต่เป็นเหตุให้ท่านต้องเก็บบริขารหนีพวกบ้าพระบ้าหวยลงจากเขา เข้าไปพำนักที่วัดเชิงเลน ซอยมูลนิธิพระอาจารย์มั่น ฝั่งธนบุรี อยู่นานนับเดือน ผมผู้ทราบเรื่องตามไปแคะไค้เอากับท่านอาจารย์ในวันหนึ่ง ผมเรียนท่านอ้อมไปอ้อมมาแบบมีเชิง รู้ดีว่าถามตรง ๆ ไม่ได้แอ้มหรอก ก็สงสัยจริง ๆ นี่นาทั้งคู่ไม่ได้แขวนพระท่าน ไม่ได้สวดภาวนาถึงท่าน เพราะเขาไม่รู้ว่าจะไปประสบอุบัติเหตุ

ท่านเองก็ไม่ได้อยู่ในขณะนั่งสมาธิภาวนา เพราะผมเช็คเวลาแล้ว ขณะเกิดเหตุเป็นเวลาที่ท่านกำลังฉันเช้าอยู่พอดี ท่านเอาเวลาที่ไหน ‘กำหนด’ ไปช่วย ถอดจิตไปหรือ? แล้วร่างที่ฉันข้าวอยู่ล่ะ ?

​

ครั้นผมซักท่านหนักเข้า ท่านถึงกับลุกจากหมอนอิงจ้องหน้าผมเป๋งแล้วสั่งว่า

“ไหน...ลองคิดถึงวัดท่านอาจารย์ทุยซิ” (คือช่วงเดือนนั้นเป็นเวลาที่ผมอยากจะขึ้นไปอยู่กับหลวงพ่อทุยมาก เพราะวัดท่านสงบร่มเย็นดี)

เมื่อสิ้นเสียงท่าน ผมก็เห็นภาพวัดในความทรงจำได้ชัดเจน ก็คนเคยเห็นมาแล้วนี่ ผมเรียนท่านไปทันทีที่เกือบจะสิ้นเสียงท่านว่า

“เห็นแล้วครับ”

ท่านสวนตูม

“เออ! จิตมันไวไหมล่ะ”

เฮ้อ! หมดเรื่อง คืนนั้นนอนหลับสบายดีจัง หาย ‘คัน’ สนิท”

คราวหนึ่ง ท่านยืนคุมพวกผู้ใหญ่บ้านและคณะศิษย์ที่ใช้เลื่อยยนต์ตัดไม้หลังวัด ขณะที่ใบเลื่อยกำลังหมุนรอบตัวด้วยความเร็วสูง และเริ่มกินเนื้อไม้เข้าไปนั้นเอง ตัวเครื่องเกิดสะบัดอย่างแรงหลุดออกจากมือช่างแล้วพุ่งเข้าไปฟันที่ขาท่านอาจารย์พอดี

อัศจรรย์นัก ใบเลื่อยที่คมกริบไม่อาจกินเข้าไปในเนื้อท่านได้เลย เมื่อกระทบแล้วก็เพียงสะบัดตัวลงไปนอนสิ้นฤทธิ์อยู่ใกล้เท้าท่านท่ามกลางความตกตะลึงของศิษย์ ท่านอาจารย์ก้มลงเอามืดปัดปลายสบงพลางบ่นเสียงดัง

“เฮ่ย! ทำอะไรไม่รู้จักระวัง”

พูดแล้วก็เดินไป ปล่อยให้ทุกคนยืนตาค้างอยู่ที่เดิม

หากจะว่าสิ่งเหล่านี้เป็น ‘ของเล่น’ สำหรับพระอริยะเช่นท่าน ผมก็พร้อมที่จะเป็นเด็กน้อยเพื่อไปเล่นของ ๆ ท่าน

เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านมาอีกมาก ล้วนแต่ทำให้ใคร ๆ อยากได้เครื่องมงคลของท่านทั้งนั้น ทว่าท่านก็มีเพียงแผ่นทองแดงลงอักขระแจก ซึ่งท่านต้องเขียนด้วยมือท่านเอง จึงทำไม่ทันคนขอ

ศิษย์คนหนึ่งเลยขออนุญาตทำพระขึ้นเพื่อแจกจ่ายเป็นที่ระลึก โดยในรอบปีจะทำขึ้นเพียงครั้งเดียว คือวันสรงน้ำทำบุญอายุของท่าน เพราะงานนี้ศิษย์เป็นผู้จัดทำถวายแม้ท่านจะไม่เคยเรียกร้องให้ทำ และในงานแต่ละปีก็จะมีเพียงศิษย์ที่เคารพท่านสุดใจมาร่วมงานเท่านั้น เพราะอะไรน่ะหรือ เพราะท่านไม่เคยบอกใคร และศิษย์ที่จัดก็ไม่เคยประกาศข่าวคนจะไปต้องสืบเอง

 

วันนี้ได้โอนเงินร่วมทำบุญร่วมสมทบทุนศาลาปฏิบัติธรรม"บูรพาจารย์"
วัดศรีสุทธาวาส เรียบร้อยครับ ขออนุโมทนาบุญกับอาจารย์ครับ

 

​

......ผมเองก็กราบพระมามาก พยายามคัดพระที่จะกราบพอสมควร
ยิ่งถ้าองค์ไหนได้รับการรับรองจากหลวงตาบัวยิ่งต้องรีบกราบ
สำหรับหลวงพ่อสมบูรณ์ผมได้ฟังคำรับรองจาก หลวงปู่ลี ผาแดง ด้วยหูของผมเอง เมื่อกราบเรียนถามหลวงปู่ลีถึงพระที่น่าไปกราบไหว้
หลวงปู่ลี ผาแดงท่านก็กล่าวขึ้นมาว่า พระป่าเราขึ้นไปอยู่ภาคเหนือก็หลายองค์ใกล้หน่อยก็ ท่านสมบูรณ์ อยู่พิษณุโลก

ข้อมูลจากคุณ : bon2009

 

ขอไว้บูชา 3 องค์ ครับ

 

ขอร่วมบุญสร้างศาลา ...รับพระควัมปติ 5 องค์ครับ

 

ขออนุญาตสรุปยอดผู้ร่วมบุญเบื้อต้น
ร่วมสมสบทุนศาลาปฏิบัติธรรม"บูรพาจารย์"
วัดศรีสุทธาวาส ดังนี้ครับ
13/4/2564

​

- Cajun 5 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- อาทิตย์03 5 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- api_suphot 3 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- pcharn 5 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- rung847 2 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- yurirun 1 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- shai 2 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- sunmk 3 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- ktv 5 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- เบเบ้ 5 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- songsakth 2 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- yaboyabo 2 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- อาณัติ 2 องค์
- กันตสีโล 3 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- SIR2010 5 องค์
.......ขออนุโมทนาครับ ไว้จะจัดส่งพระที่ระลึกให้นะครับ(สมาชิกที่ร่วมบุญอยากได้กี่องค์แจ้งมาเลยนะครับ ของดีมีน้อย พระหลวงพ่อสมบูรณ์ไม่ได้มีบ่อยๆนะครับ)

.....เงินปัจจัยส่วนนี้ทุกบาท สมทบทุนสร้าง"ศาลาบูรพาจารย์" วัดศรีสุทธาวาสทุกบาทเลยครับ (หลังจากถวายแล้วจะบันทึกภาพมาให้ร่วมอนุโมทนากันอีกครั้งครับ) สาธุ

ขออนุโมทนากับสมาชิกทุกท่านในเบื้องต้นนี้ด้วยครับ​

 

- ผู้เขียนเคยเห็นสมัยไปกราบท่านที่ ภูคลังที่ อ.ภูเรือครับ ท่านจะนั่งหลับเป็นการภาวนาแทนครับ เรียกว่าถือ "เนสัชชิก" ในการภาวนา

​

เนสัชชิก หมายถึง การปฏิบัติเจริญจิตตภาวนาที่ถืออิริยาบถทั้ง 3 ได้แก่ นั่ง ยืน เดิน เท่านั้น โดยเน้นการนั่งเป็นหลัก และไม่นอน ใครที่สมาทานถือเนสัชชิกนั้น ไม่ได้ห้ามหลับอย่างที่อาจมีผู้เข้าใจคลาดเคลื่อนไป เพียงแค่จำไว้ว่าต้องไม่เอนหลังแตะพื้นก็พอ
ทั้งนี้การถือปฏิบัติเนสสัชชิกก็มีระดับความยาก - ง่ายอยู่ 3 ขั้น ให้ได้เลือกสมาทานถือปฏิบัติกันตามกำลัง ดังนี้
1) เนสัชชิกอย่างเคร่งครัด - ผู้ที่ปฏิบัติเนสัชชิกข้อนี้ จะใช้อุปกรณ์ที่ช่วยรั้งไม่ให้ร่างกายล้มลงนอนไม่ได้เลย เช่น ไม่ว่าจะพนักอิง ผ้ารัดเข่า และผ้ารัดตัว
2) เนสัชชิกอย่างกลาง - ผู้ที่ถือปฏิบัติแบบนี้ใช้พนักพิง ผ้ารัดเข่า และผ้ารัดตัว ช่วยรั้งไม่ให้ร่างกายล้มตัวลงนอนได้
3) เนสัชชิกอย่างหย่อน - ใช้เครื่องรั้งร่างกายไม่ให้เอาตัวลงนอนได้ทั้งสามแบบข้างต้น ใช้หมอนอิงก็ได้ ใช้เก้าอี้ที่มีพนักหลัง ก็ได้ รวมทั้งใช้เก้าอี้ที่มีทั้งพนักหลังและพนักแขนทั้งสองข้างก็ได้

 

ขอร่วมบุญสร้างศาลา และรับพระปิดตา 5 องค์ครับ

 

ขออนุญาตสรุปยอดผู้ร่วมบุญเบื้อต้น
ร่วมสมสบทุนศาลาปฏิบัติธรรม"บูรพาจารย์"
วัดศรีสุทธาวาส ดังนี้ครับ
1/4/2564

​

- Cajun 5 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- อาทิตย์03 5 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- api_suphot 3 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- pcharn 5 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- rung847 2 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- yurirun 1 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- shai 2 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- sunmk 3 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- ktv 5 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- เบเบ้ 5 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- songsakth 2 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- yaboyabo 2 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- อาณัติ 2 องค์
- กันตสีโล 3 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- SIR2010 5 องค์
- danaitorn 5 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
.......ขออนุโมทนาครับ ไว้จะจัดส่งพระที่ระลึกให้นะครับ(สมาชิกที่ร่วมบุญอยากได้กี่องค์แจ้งมาเลยนะครับ ของดีมีน้อย พระหลวงพ่อสมบูรณ์ไม่ได้มีบ่อยๆนะครับ)

.....เงินปัจจัยส่วนนี้ทุกบาท สมทบทุนสร้าง"ศาลาบูรพาจารย์" วัดศรีสุทธาวาสทุกบาทเลยครับ (หลังจากถวายแล้วจะบันทึกภาพมาให้ร่วมอนุโมทนากันอีกครั้งครับ) สาธุ

ขออนุโมทนากับสมาชิกทุกท่านในเบื้องต้นนี้ด้วยครับ​

 

​

....ขออนุญาตสรุปยอดร่วมบุญ สร้างศาลาบูรพาจารย์ วัดศรีสึทธาวาส....
จากปัจจัยรวมของทุกท่าน ท่านร่วมบุญ"รับพระปิดตาควัมปติ"หลวงพ่อสมบูรณ์​

ได้ปัจจัยทั้งสิ้น 5,350 บาท ครับ

ขออนุโมทนากับสมาชิกทุกๆท่านด้วยนะครับ
​

- ปัจจัยส่วนนี้จะนำถวายหลวงพ่อเจ้าอาวาส วัดศรีสุทธาวาส ในวันพรุ่งนี้(15/4/2564)ถ้าไม่มีเหตุสุวิสัยเกิดขึ้นนะครับ (แล้วจะบันทึกภาพมาให้ร่วมอนุโมทนากันอีกครั้งครับ)

- และนำส่งวัตถุมงคลที่ระลึก ที่ร่วมทำบุญให้ทุกท่านต่อไปครับ งานนี้อะไรหลายๆอย่างอาจจะล่าช้าไปหน่อยนะครับ ด้วยเหตุที่ 1.วันหยุดเทศกาลหลายวัน 2.สถานการณ์โควิด19 ที่ระบาดครั้งล่าสุด หลายที่ หลายแห่งที่เกี่ยวข้องจึงไม่เป็นการสะดวกมากนักในการไปการมาครับ

จึงต้องขออภัยในเหตุอันไม่สะดวกเบื้องต้นนี้ และขออนุโมทนาในจิตอันเป็นกุศลของสมาชิกทุกๆท่านด้วยครับ​

 

....เมื่อวาน 15/4/2564 ได้นำปัจจัย จำนวน 6000 บาท ถวายวัดศรีสุทธาวาส ร่วมสร้างศาลาปฏิบัติธรรม "บูรพาจารย์" ตามเจตนารมณ์เสร็จสิ้นแล้วครับ บัดนี้บุญได้สำเร็จแล้ว ร่วมกันอนุโมทนากันอีกครั้งครับ
.....จากนี้จะเริ่มทยอยส่งวัตถุมงคลให้กับสมาชิกทุกๆท่านต่อไปนะครับ ขออนุโมทนาบุญอีกครั้งครับ..

***************

​

 

​

.....วันนี้ 18-20 /4/2564 ได้จัดส่ง "พระปิดตาควัมปติหลวงพ่อสมบูรณ์" ให้ครบทุกท่านแล้วนะครับส่วนท่านใดอยากได้รหัสไปรษณีย์สามารถแจ้งขอรับทาง PM ได้เลยครับ

อาจจะได้เร็ว ได้ช้าต่างกัน แต่ได้ทุกท่านแน่นอนครับ
ขอขอบคุณและอนุโมทนากับครับ
​

 

ผมได้รับพระควัมปติเรียบร้อยแล้วครับอาจารย์ ขอบพระคุณมากครับ

 

ผมได้รับพระควัมปติหลวงพ่อสมบูรณ์แล้ว
ขอบพระคุณอาจารย์มากครับ

 

ดวงตราธรรมจักร
(เครื่องหมายแห่งความอุดมสมบูรณ์และความหลุดพ้นในพุทธศาสนา)


​

....ดวงตราธรรมจักร หรือวงษ์ล้อธรรมจักร สัญลักษณ์อันสำคัญในพุทธศาสนา มีการสร้างและเกิดขึ้นมาก่อนที่จะมี พระพุทธรูปหรือรูปลักษณ์ใดๆทางพุทธศาสนา และยังเป็นสัญลักษณ์ที่มีกล่าวขานกันในสมัยพุทธกาล สมัยที่พระพุทธเจ้าท่านยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์เดียวที่มีความเก่าแก่ที่สุด ทั้งทางด้านประวัติศาสตร์และในพุทธศาสตร์

....การใช้คำว่าจักร โดยมีที่มาแห่งกำเนิดจากกงล้อรถศึกในบริบทสังคมอินเดียโบราณ ซึ่งมีการหมุนไปแห่งธรรมทั้งที่เป็นกุศลธรรม อกุศลธรรม และความไม่ยึดมั่นในทั้งกุศลธรรมและอกุศลธรรม จึงเป็นการหมุนไปแห่งจักรอันอาศัยปัจจัยแห่งธรรมโดยสามารถจำแนกนัยธรรมได้ดังนี้

1. การหมุนจักรแห่งกงล้อรถศึก ซึ่งเป็นอกุศลธรรมด้วยความต้องการแย่งชิงอำนาจของพระราชา มิได้ทรงธรรมแห่งการขยายอาณาจักรอันอยู่ภายใต้อกุศลมูลแห่งโลภะ โทสะ โมหะ

2. การหมุนจักรแห่งจักรแก้วทิพย์ อันเป็นกุศลธรรมแห่งความตั้งหมั่นในศีลธรรมความดีแห่งพระ ธรรมที่พระราชาผู้ทรงธรรมในการแพร่ขยายการปกครองแว่นแคว้นให้เป็นแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง โดยมิ ต้องใช้อาวุธและการฆ่าประหารใดๆทั้งสิ้นอันเป็นต้นแบบแห่งการปกครองแบบจักรวรรดิและธรรมราชา

​

3. การหมุนจักรแห่งกงล้อธรรม อันเป็นไปเพื่อสู่ความไม่ยึดมั่นในทั้งกุศลธรรมและอกุศลธรรมในที่สุด จึงเป็นการหมุนไปเพื่อสู่พระนิพพาน ซึ่งจะต้องอาศัยพระธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นที่ทรงเดชแห่งจักรบนฝ่าพระบาททั้งสองในขณะทรงเสร็จประกาศพระธรรมจักรให้หมุนไปแห่งอริยมรรคมีองค์ 8 ที่จะหยั่งให้พระธรรมและจักรนั้นหมุนไปเพื่อความประพฤติปฏิบัติแห่งความหลุดพ้นทุกข์โดยชอบการแสดงปฐมเทศนาธัมมจักกัปปวัตนสูตร เมื่อวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ก่อนพุทธศักราช 45 ปี โดยมีท่านพระอัญญาโกณพัญญะ ปัญจวัคคีย์ท่านแรก บรรลุดวงตาเห็นธรรมสำเร็จเป็นพระโสดาบันพร้อมกับเหล่าพรหมและเทพในการประชุมครั้งแรก ประมาณ 18 โกฏิ สำเร็จอริยมรรค อริยผล และขณะนั้นได้เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงพร้อมทั้งแสงสว่างเจิดจ้าหาประมาณมิได้อันเหนือวิสัยธรรมชาติ (Tripitaka, 33/2/554) ได้แสดงอานุภาพแห่งพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ซึ่งได้เกิดขึ้นครบองค์สามเป็นครั้งแรกของโลก ถือเป็นกำเนิดวงล้อแห่งธรรมะ ซึ่งเมื่อเริ่มต้นหมุนแล้ว จะไม่มีใครสามารถหมุนกลับได้เป็น กงล้อแห่งธรรมที่หมุนไปเพื่อสั่งสอนเวไนยสัตว์ทั้งปวงให้ข้ามพ้นจากทุกข์ ดังข้อความที่ปรากฏในพระไตรปิฏกตอนหนึ่งว่า...

“ครั้นพระผู้มีพระภาคทรงประกาศพระธรรมจักรให้เป็นไปแล้ว ทวยเทพ ชั้นภุมมะกระจายข่าวว่า “นั่นพระธรรมจักรอันยอดเยี่ยม พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงให้เป็นไปแล้ว ณ ป่าอิสิป-ตนมฤทายวัน เขตกรุงพาราณสี อันสมณะ พราหมณ์ เทวดา มาร พรหม และใครๆ ในโลกให้หมุนกลับไม่ได้…” (Tripitaka, 4/17/24)

​

.....“ธรรมจักร” จึงเป็นคำสำคัญที่ได้ถูกนำมาสร้างเป็นสัญลักษณ์แห่งธรรมของพระพุทธศาสนา อันเปรียบด้วยพระเจ้าจักรพรรดิทรงมีจักกรัตนะหรือจักรแก้ว อันเป็นสัญลักษณ์แห่งการแสดงพระบรม เดชานุภาพ ส่วนธรรมจักรมีความหมายแสดงถึงการแสดงพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งมีการ
เผยแผ่ไปประดุจกงล้อรถหมุนไปอย่างไร้พรมแดนแห่งมนุษย์โลก เทวโลก และพรหมโลก ซึ่งเป็นการแสดง

....พระสัจธรรมอันเที่ยงแท้ตามความเป็นจริงของธรรมชาติ ซึ่งเป็นพระธรรมานุภาพครั้งที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดครั้งหนึ่งในโลก เพราะได้แสดงสัจจะอันอยู่เหนือกาลแห่งเวลา ตามประวัติศาสตร์กล่าวว่าสัญลักษณ์ “ธรรมจักร” ได้เริ่มขึ้นครั้งแรกขึ้นในราวปี พ.ศ. 236 รัชสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช กษัตริย์ผู้ทรงปกครองชมพูทวีปหรือปัจจุบันคือแผ่นดินอินเดียที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลที่สุดในยุคหนึ่ง พระเจ้าอโศกมหาราช ทรงเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนามาก โดยทรงอุปถัมภ์การสังคายนาที่ 3 และจัดส่งคณะสงฆ์ประกาศ
เผยแผ่พระพุทธศาสนาไปยังนานาประเทศ สำหรับในประเทศไทย มีการขุดค้นพบพระธรรมจักรกับกวาง หมอบยุคทวารวดี สะท้อนให้เห็นว่ากงล้อธรรมแห่งพระพุทธศาสนาได้หมุนเข้ามาสู่ดินแดนสุวรรณภูมิแล้ว....

ดังนั้น...ธรรมจักร มีความหมายที่ครอบคลุมเหล่าธรรมทั้งที่เป็นกุศลธรรมทั้งหมด รวมทั้งความความไม่ยึดมั่น ถือมั่นอะไรๆ ในโลกทั้งสิ้น ซึ่งนิยามแห่งธรรมจักร โดยคนทั่วไปเพียงแค่ทราบถึงความหมายแห่งการแสดงธัมมจักกัปปวัตนสูตร หรืออริยสัจ 4 เท่านั้น แต่ความหมายที่แท้จริงนั้นยังรวมถึงหลักธรรมอื่นๆ อีก

อาทิเช่น ปฏิจจสมุปบาททั้งสายเกิดและสายดับ ขันธ์ 5 อายตนะ เป็นต้น อันเป็นไปเพื่อหยั่งให้ธรรมและจักรตั้งหมุนอยู่ไปได้อันอาศัยโพธิปักขยธรรม 37 ประการ หรือ โดยย่อเพียงอริยมรรค มีองค์ 8 อันเป็นไปเพื่อนำไปสู่หนทางแห่งการพ้นทุกข์ทั้งสิ้นสัญลักษณ์ธรรมจักร

....ย่อมเป็นรูปธรรมแห่งความหมายทางพระพุทธศาสนาที่ครอบคลุมเหล่าธรรมแห่งทั้งนามธรรมและรูปธรรมอย่างครบถ้วนบริบูรณ์ สมดังที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศธรรมจักรให้หมุนไปเพื่อการแสดงพระสัทธรรมเปรียบดังเป็นสัญลักษณ์แห่งพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง และมิอาจที่จะมี สัญลักษณ์ใดที่จะมีความหมายทางพระพุทธศาสนาที่ยิ่งไปกว่านี้อีก

....เพราะมีทั้งหลักธรรมและข้อปฏิบัติแห่งโพธิปักขยธรรม 37 ประการ และอริยมรรคอันเปรียบได้กับกำแห่งจำนวนซี่ และกงล้อแห่งวัฏสงสาร เพื่อหมุนเข้าสู่พระนิพพานแห่งดุม ในการศึกษาทำให้ได้เกิดการวิเคราะห์หลักธรรมแห่งมรรคมีองค์ ๘ อันเป็นองค์ธรรมแห่งไตรสิกขาคือ ศีล สมาธิ ปัญญา เพื่อหยั่งลงในกำแห่งจำนวนซี่ของพระธรรมจักรเพื่อให้เกิดพละแห่งการหมุนกงล้อธรรมจักรเข้าไปสู่ดุมแห่งความรู้ความเข้าใจมากยิ่งขึ้น

*********


​

...ดังที่ได้กล่าวความหมายข้างต้นของความเป็นมา และความสำคัญของพระธรรมจักรไปแล้วครับว่า "เป็นต้นแห่งธรรมทั้งปวง และถือเป็นศูนย์รวมแห่งพลังงานธรรม ทั้งพระพุทธเจ้า พระธรรม และ พระอริยสงฆ์ที่รวมลงสู่ความหมายแห่งความเป็นธรรมจักร" พระอาจารย์นพดล สุขธัมโม ผู้ตั้งมูลนิธิกองทุนเผยแพร่สื่อธรรมะ ท่านได้ตำราการสร้างพระธรรมจักรตำรับ "หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว" จ.นครปฐม ซึ่งท่านบอกว่าตำรานี้สันนิษฐานว่า เป็นการบันทึกของพราหมณ์ผู้ทำพิธีหรือโหราจารย์ในสมัยก่อน คาดว่าหน้าจะเก่าแก่หลายร้อยปี(เพราะบันทึกเป็นใบลานเก่าใช้อักษรขอมจารึกเป็นภาษาบาลี) แต่หายไปหลังจากเสียกรุงครั้งที่สอง ไปพบอีกครั้งที่ประเทศพม่า ซึ่งตำรานี้ พระอาจารย์นพดล ได้นำไปปรึกษาท่าน อ.บุญเลิศ อดีตวัฒนธรรมจังหวัดฝ่ายพิธีกรรม ท่านให้ความเห็นว่า"เป็นตำราสร้างพระธรรมจักร จริงๆมีพื้นฐานการสร้างมาจากบทสวดธรรมจักกัปปวัตนสูตร" เป็นสัญลักษณ์แห่งธรรมและความอุดมสมบูรณ์กล่าวคือ...

...สมัยก่อนเวลาจะเดินทางไปค้าไปขาย ต่างบ้านต่างเมือง มันไม่มีรถเหมือนในสมัยนี้ การไปทางไกลจึงต้องอาศัย "วัวเทียมเกวียน" ในการไปมาหาสู่ โดยเฉพาะการขนของไปค้าไปขาย ล้อเกวียนจึงเปรียบเสมือนหนึ่งว่าเป็นร่องรอยที่บ่งบอกถึงลักษณะความเจริญของบ้านเมืองนั้นๆ ที่มีความคึกคักของผู้คน มีการนำข้าวปลาอาหาร ผ้าไหมแพรพรรณ ขนไปค้าไปขายไม่เคยขาด ถึงขนาดกล่าวเป็นสำนวนว่า"บ้านเมืองที่มีร่อยเกวียนกว่าร้อยเล่ม บ้านเมืองนั้นไม่มีความอดอยาก" นั้นหมายถึง การไปมาของผู้คนที่ไม่ขาดสายนั้นเอง เหตุนี้ล้อเกวียนจึงเปลี่ยบได้กับความอุดมสมบูรณ์ไปโดยปริยาย ธรรมก็เช่นเดียวกันการประกาศพระสัจธรรมของพระพุทธเจ้า ไปที่ใดแห่งใดก็มีความเจริญไพรบูรณ์งอกงามในที่แห่งนั้น

...ส่วนอุปเทห์การจัดสร้างและตัวยันต์นั้นผู้เขียนจะขออนุญาตนำเรียนเล่าสู่ให้กันฟังต่อไปนะครับ

 

แผ่นจารึกอักขระ "ธัมจักรกัปปวัตรณสูตร"
(เต็มสูตรบทพระธรรมะพระพุทธเจ้ากัณฑ์แรกอันศักดิ์สิทธิ์)

​

....แผ่นจารึกอักขระ "ธัมจักรกัปปวัตรณสูตร" ที่จะนำมาทำเป็นเหรียญหล่อธรรมจักร ตามตำรากล่าวว่า ต้องจารึกลงแผ่นเงินหรือทองและจารึกลงเฉพาะวันพระ(8 ค่ำและ 15 ค่ำ) เท่านั้นโดยจารึกทีละบท(ทีละโศลก) กล่าวคือ...บทสวดธัมจักรกัปปวัตรณสูตร เป็นบทบรรยายเทศนาธรรมกัณฑ์แรกของพระพุทธเจ้า ที่โปรดเหล่าปัญจวัคคีย์หลังจากที่พระองต์ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว จนเป็นเหตุให้ "ท่านอัญญาโกณฑัญญะ" ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญจวัคคีย์ มีดวงตาเห็นธรรมขึ้นมา และขอบวชเป็นภิกขุรูปแรกในพุทธศาสนา ทำให้วันนี้เองที่มีพระรัตนไตรครบองค์สามคือ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เกิดขึ้นครั้งแรก ในพระไตรปิฏกกล่าวว่า "เป็นวันที่วงษ์ล้อแห่งธรรมจักรกำเนิดเกิดขึ้น และจะหมุนไปเพื่อยังประโยชน์แก่สัตว์โลกทั้งหลาย" เรียกวันนี้ว่า วันอาสาฬหบูชา

แผ่นปฐมจารึกหัวใจธัมจักรกัปปวัตรณสูตรตามตำราประกอบด้วย​

- อริยสัจสี่(ทุกข์,สมุทัย,นิโรธ,มรรค)
- ทางดำเนินไปของธรรมจักร(ปริญาญะปะธรรม,ปะหาระปะธรรม,สัจฉิระปะธรรม,ภาวนาระปะธรรม )
- มรรคมีองค์แปด( สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ )​

​

แผ่นจารึกบทสวดธัมจักรกัปปวัตรณสูตร
มีทั้งหมด 11 โศลก จารจารึกด้วยอักขระมนต์พิธีจนครบ
(11 แผ่น 11 บทนะครับไม่ได้จารซ้ำกัน)


ทุกแผ่นจารมือ และ สวดบทธัมจักรกัปปวัตรณสูตร กำกับทุกตัวอักษร
ก่อนเข้าพิธีในพระอุโบสถ"โดยพิธีสงฆ์"

เปิดดูไฟล์ 5638971 ​

....ด้วยเหตุนี้เองการหล่อหรือการสร้างธรรมจักร โบราณจารย์ท่านจึงต้องนำแผ่นจารึกบทธัมจักรกัปปวัตรณสูตร ลงในแผ่นเงินทอง เพื่อนำไปเป็นชนวนกระแสพลังงานแห่งธรรมทั้งสาม เพื่อเป็นที่บรรจุลงในธรรมจักรให้เกิด พุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ เป็นอเนกอนันตคุณอันไม่มีประมาณ

....ซึ่งในครั้งนี้นับเป็นวาระโอกาศอันดี ที่อาจารย์ฆราวาสผู้ทรงศีลและยังเป็นผู้เชียวชาญในด้าน "มนต์อักขระพิธี" ต่างๆ โดยเฉพาะบทสวดมนต์พุทธคุณ ท่านอาจารย์บุญเลิศ เชื่อบุญมี ได้กรุณาเป็นผู้จารึกบทธัมจักรกัปปวัตรณสูตร ลงในแผ่นชนวนนี้ ครบทุกบทครบทุกโศลก ซึ่งมีความยาวมากและลงอักขระเป็น ปีกว่าจะครบ และได้นำแผ่นจารทั้งหมดเข้าพระอุโบสถในพิธีสงฆ์ สวดธัมจักรกัปปวัตรณสูตรตลอดปี นับเป็นการจัดสร้างที่ครบองค์ประกอบตามตำราที่สุดเพื่อเป็นมรดกทางธรรมะและทางวัฒนธรรมภูมิปัญญาไว้ให้ลูกหลานศึกษาสืบไป....

ยังไม่จบนะครับนอกจากนี้ยังมีแผ่นจารย์พระเอตทัคคะ พุทธสาวกแห่งพระพุทธเจ้าผู้มีคุณวิเศษอีกกว่า 80 รูปที่ยังไม่ได้นำมาเสนอครับ แล้วจะนำมาเสนอให้ทราบต่อไปครับ​

 

แผ่นจารึกอักขระ "นามพระสาวกเอตทัคคะ"
(เต็มสูตรบทนามพระสาวกเอตทัคคะ ที่ทรงคุณอันวิเศษที่พระพุทธเจ้ายกย้องว่าเป็นเลิศกว่าผู้ใดในคุณวิเศษต่างๆ)


​

เอตทัคคะ....หมายถึง ผู้ยอดเยี่ยมในทางใดทางหนึ่งเป็นพิเศษเป็นตำแหน่งที่พระพุทธเจ้าได้ประทานแต่งตั้งให้พระสาวกของพระองค์ คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ผู้มีความรู้ความสามารถเด่นกว่าท่านอื่น ๆ ในด้านนั้น ๆ และตำแหน่งเอตทัคคะแต่ละตำแหน่งทรงแต่งตั้งเพียงรูปเดียวท่านเดียวเท่านั้น ในแต่ละพุทธบริษัทแต่ละฝ่าย

....ด้วยคุณวิเศษดังกล่าวแห่งพระสาวก โบราณจารย์ท่านจึงได้นำนามของท่านทั้งหลายน้อมนำมาลงไว้ในยันต์ เพื่อเป็นการน้อมนำพลังงานแห่งคุณวิเศษต่างๆสถิตรจนาลงในแผ่นจารจารึกนั้นๆ ให้บังเกิดกระแสพลังงานคุณวิเศษและยังเป็นการน้อมนำระลึกคุณบูชา "คุณงามความดีแห่งพระสาวก" ของพระพุทธเจ้าเป็นสังฆานุสสติ อีกประการด้วย เพราะพระสาวกทุกท่านล้วนแล้วแต่เป็ร "พระอริยบุคคลทั้งสิ้น"

....โดยมี ตำแหน่งที่พระพุทธเจ้ายกย่องพุทธสาวกว่า เป็นผู้ยอดเยี่ยมในทางใดทางใดหนึ่ง เป็นผู้ประเสริฐสุด ตำแหน่ง เอตทัคคะ .......
- เอตทัคคะ ฝ่ายพระภิกษุ มี 41 ท่าน เป็นพระอสีติมหาสาวกทั้งหมด
- เอตทัคคะ ฝ่ายพระภิกษุณี มี 13 ท่าน
- เอตทัคคะ ฝ่ายอุบาสก มี 10 ท่าน
- เอตทัคคะ ฝ่ายอุบาสิกา มี 10 ท่าน

สามารถศึกษา เอตทัคคะได้ที่ https://th.wikipedia.org/wiki/เอตทัคคะ
​

********************
แผ่นจารจารึกอักขระ "นามพระสาวกเอตทัคคะ"
น้อมนำมาเป็นพลังงานธรรมอันวิเศษลงในยันต์แบบ
ยันต์จักรพรรดิ,ยันต์ตรีนิสิงเห,ยันต์พุทธรังษี,ยันต์ธรรมแปดทิศ


เอตทัคคะ ฝ่ายพระภิกษุ มี 41 ท่าน เป็นพระอสีติมหาสาวกทั้งหมด
ลงแบบยันต์จักรพรรดิ,ลงแบบยันต์ตรีนิสิงเห


เอตทัคคะ ฝ่ายพระภิกษุณี มี 13 ท่าน
จารึกนามแบบ ยันต์ธรรมแปดทิศ


เอตทัคคะ ฝ่ายอุบาสก 10 ท่าน ฝ่ายอุบาสิกา 10 ท่าน

ลงตามตำราโดย ท่านอาจารย์บุญเลิศ
เมตตาอธิษฐานจิต หลวงปู่เทือง หลวงพ่อสมศรี และ หลวงตาวิลาศ

***ที่จะนำเข้าอุโบสถ ก่อนนำไปหล่อเหรียญ"ธรรมจักร"***​

 

ได้รับเหรียญ หลวงปู่สำลี แล้วครับ
อนุโมทนาครับ ขอบคุณครับ

 

ไม่ทราบว่ายังร่วมบุญพระปิดตาได้อยู่หรือเปล่าครับ