สนามพระวิภาวดี ไทยรัฐ

ลายมือด้านหลังพระผงสุพรรณ
พลายชุมพล31 ม.ค. 2564 05:01 น.



อยลายมือด้านหลังพระผงสุพรรณ ผู้รู้เล่าต่อๆกันว่า เป็นลายมือพระมหาเถระปิยทัสสี ศรีสารีบุตร หนึ่งในผู้สร้างพระท่านกดเอง เมื่อเชื่อแล้ว ก็พยายามเชื่อต่อว่าน่าจะเป็นลายมือท่านองค์เดียว

หากเป็นลายมือท่านองค์เดียวจริง ก็อาจ จะใช้วิชาพิสูจน์รอยลายมือสมัยใหม่เป็นตัวช่วยชี้ขาด


แต่เมื่อพบว่าในลายมือที่เห็นส่วนใหญ่ เป็น “ลายก้นหอย” ยังมีลายมือแบบ “มัดหวาย” ด้วย

ความเชื่อที่ว่าเป็นลายมือพระมหาเถรองค์เดียว ก็เปลี่ยนไป ยิ่งคิดไปว่าถ้าจำนวนพระผงสุพรรณมีมากถึง 8 หมื่น 4 พัน เท่าจำนวนพระธรรมขันธ์จริง หลวงปู่มหาเถรซึ่งน่าจะอายุไม่น้อยแล้ว น่าจะกดไม่ไหว

ลายมือด้านหลังพระผงสุพรรณ ที่เห็นเป็นเส้นหยาบ และค่อนข้างใหญ่ มีริ้วคดเคี้ยวตามธรรมชาติของเนื้อพระอายุหกร้อยปีที่แห้งหดเหี่ยว... ก็ยังเป็นข้อบ่งชี้พระผงสุพรรณแท้ได้ดี

ลายมือปลอมยุคแรกๆ เมื่อสามสี่สิบปีที่แล้ว เส้นเล็กตามลายมือคนสมัยใหม่...มีเรื่องเล่าบาดใจว่า คนทำพระปลอมเห็นว่า เส้นลายมือเล็กไป จึงต้องปรับปรุงด้วยการใช้ลายนิ้วหัวแม่เท้า...

เห็นมา ฟังมา ก็เล่าต่อกันไปให้เป็นข้อสะดุดใจ เผื่อไปเจอ

ลายมือด้านหลัง เป็นองค์ประกอบในการดูพระผงสุพรรณแท้ข้อหนึ่ง นอกจากริ้วรอยคดเคี้ยว ไม่ว่าแบบก้นหอยหรือมัดหวาย ก็ยังมีข้อสังเกต รอยกดลึก รอยปลิ้นของเนื้อนูน

คุณมนัส โอภากุล แนะให้สังเกต “เนินเรียบ” มักมีอยู่กลางๆ “ก้นหอย” แต่ไม่ปรากฏทุกองค์

ยกประเด็น “ลายมือ” พระมหาเถระปิยทัสสี ศรีสารีบุตร ขึ้นเกริ่นนำ เพื่อให้เนื้อหาเรื่องที่เขียนไม่ซ้ำ เพื่อนำไปถึงประเด็น “ลายมือ” ที่มีปรากฏอยู่บ้างด้านหน้าองค์พระ

หันไปมองพระผงสุพรรณ พิมพ์หน้าแก่ องค์ในคอลัมน์วันนี้ให้เต็มตา

สภาพพิมพ์พระอยู่ในสภาพสมบูรณ์ปานกลาง พระพักตร์ไม่ลึกคมนัก ตา จมูก ปาก ติดไม่เต็มที่ ร่องรอยสัญลักษณ์ในร่องหูขวา (องค์พระ) ก็พอเห็น

เม็ดกลมสี่เม็ดที่เรียงเคียงข้างอกซ้าย ดูจากภาพถ่ายเงาดำบัง แต่ส่องกล้องดูองค์จริงก็มีเป็นเค้า

ไล่ระดับลงมา ตำแหน่งที่มีเส้นน้ำตก ก็มี รวมความทุกตำแหน่งที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญ องค์นี้มี เพียงแต่ “รารัก” สีดำแกมน้ำตาลปื้นหนาปกคลุมไว้

รารักเป็นตัวช่วย ไม่เพียงทำให้องค์พระเด่นชัด ยังช่วยให้ดูง่าย รารักพระผงสุพรรณแท้ เป็นเช่นนี้ ดูให้คุ้นตา เพราะรารักของปลอม นับวันก็ยิ่งทำได้ใกล้เคียง

อยากให้สังเกตที่บริเวณอกด้านขวา (ของพระ) ลาดเอียงไปชนรักแร้ มีรอยเหมือนลายมือ ติดอยู่สี่เส้น แนวขนานเดียวกัน ลายมือเดียวกัน พาดไปถึงต้นแขน แต่เลือนรางกว่า

ลายมือเหล่านี้พลิกไปดูภาพพระผงสุพรรณแท้เทียบเคียง หลายองค์มักปรากฏหัวเข่าซ้าย (องค์พระ) ดูเป็นข้อสังเกตไว้ เพราะถ้ามีให้เห็น ก็ถือเป็นตัวช่วย ดีกว่าไม่มี

ลายมือที่ติดที่องค์พระนี้สันนิษฐานว่า เกิดจากนิ้วมือผู้ที่กดพระด้านหลัง...ตอนประคองพระออกจากพิมพ์ อาจมีการจับต้องหรือคลึงถูกองค์พระบ้างเพียงบางเบา

ลายมือที่ติดล้ำเกินด้านหน้า ถ้าเป็นกรณีพระรอดลำพูน มีมากกว่า ถ้าเจอในองค์ไหนก็แทบจะตัดสินว่าแท้ได้ทันที แต่กรณีพระผงสุพรรณมีน้อยองค์มาก...เท่าที่เห็นมา องค์สององค์เท่านั้น

โดยภาพรวมๆ พระผงสุพรรณพิมพ์หน้าแก่ องค์นี้ เป็นพระแท้ ดูง่าย พิมพ์ดี เนื้อดี ธรรมชาติครบครัน สำหรับคนเป็นพระหาตลับทองขึ้นแขวนคอได้ ไม่ต้อง อายใคร

แต่หากจะจ่ายแพง ถ้าเงินพอ ผ่านมือเซียนไว้ มั่นใจได้มากกว่าดูตาเดียว.

พลายชุมพล

ขอขอบคุณ
https://www.thairath.co.th/lifestyl...d=38&cx_testVariant=cx_1&cx_artPos=0#cxrecs_s

 

ศึกษาพระช้ำ
พลายชุมพล
14 ก.พ. 2564 05:07 น.



พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ องค์ที่ถูกเลี่ยมเปิดหน้าแขวนคอใช้ ติดต่อกันเนิ่นนานนับสิบปี จนองค์พระสึกหรอ ราบแบน อย่างพิมพ์ใหญ่องค์ในคอลัมน์ วันนี้ ไม่ค่อยมีปรากฏให้เห็น ในหนังสือภาพพระเครื่องของวงการ

ความจริงพระสภาพนี้นักเลงพระรุ่นเก่าชอบมาก เพราะได้เห็นเนื้อใน เห็นมวลสาร

ถ้าเป็นองค์ที่หนึกนุ่มชุ่มตา จะเกิด “เงาสว่าง” เห็นความซึ้งจากมิติต่างๆ ถ้าเปรียบเป็นเพชรเนื้อดี สภาพนี้คือเพชรที่เจียระไนแล้ว เห็นน้ำเพชรแวววับจับตา

พระสมเด็จที่ถูกใช้ติดตัวนาน นอกจากองค์พระ และเส้นซุ้มจะสึกหรอ...เหลี่ยมมุมทุกด้านที่ถูกลูบคลำจับต้อง ก็จะเรียบมน ปรากฏเงาสว่างของเนื้อกระจ่างตา

ที่พูดๆกันสั้นๆว่า “เนื้อจัด ดูง่าย” หมายถึงสภาพพระนี้แหละ

ผมเคยตั้งคำถามในใจ พระสมเด็จสึกช้ำ ราคาไม่แพงเกินไป เหมาะกับคนเบี้ยน้อยหอยเล็ก แต่ทำไมไม่ค่อยมีในหนังสือ หรือเซียนในตลาดพระ “ตีว่าปลอม”

เพิ่งได้ยินคุณรักษ์ ศรีเกตุ เซียนเสาหลักคนหนึ่งในพันธุ์ทิพย์ฯ พูดออกทางยูทูบว่า “ผมเลือกเล่นพระสวย และพระดูง่าย” จึงพอเข้าใจ ไม่เจอภาพพระไม่สวย เพราะค่านิยมนี้

พระสวยไม่เพียงทำราคาได้ดี พระดูง่ายก็เข้าใจ ตอนขายตัดปัญหาถูกสวดจากบรรดาเซียนด้วยกัน

พระปลอมสมัยนี้ทำได้ใกล้เคียงมากพระดูยากจึงขายยาก เซียนต่างวิชา ต่างจิตต่างใจ การเลือกพระดูง่าย จึงเป็นหลักการสำคัญของเซียนในวงการ

แต่สำหรับคนรักพระ ไม่ได้ซื้อขายพระเป็นอาชีพก็เห็นช่องโหว่ พระสมเด็จฯแท้ที่ยังพอมีให้ดูไม่น้อยองค์ อยู่ในข่ายเซียนเมิน คือพระไม่สวยและพระดูยากนี่เอง

หันไปมองพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ องค์ในคอลัมน์อีกที

เนื้อพระส่วนที่สึกแบน...เห็นมวลสาร ก้อนขาว กากดำ และเม็ดแดง ชัดกว่า เงาสว่างไม่ปรากฏ

เข้าใจว่า พระถูกเก็บไว้นาน จนเนื้อแห้งสนิท โทนสีเดียวกับ “พื้นผนัง” ที่เห็นแป้งโรยพิมพ์หม่นคล้ำ มีฝ้ารักสีเลือดหมูบางๆ ส่วนชิ้นรักสีเข้ม ก็จมอยู่ในหลุมในร่อง รอยยุบรอยแยก

พระที่เห็นทั้งผิวนอก เนื้อใน ฝ้ารัก ชิ้นรัก กลมกลืนเป็นธรรมชาติอย่างนี้ สำหรับคนเป็นพระ ตัดสินใจได้ง่าย ถ้าราคาไม่แรงเกินไป ไม่ต้องแห่ต่อรองได้แล้ว จ่ายสตางค์ได้เลย

เรื่องราวช่วงเปลี่ยนมือพระสมเด็จฯ องค์นี้ ราวสักสิบปีที่แล้ว ผมบังเอิญอยู่ในเหตุการณ์ เจ้าของพระดูเป็นพระพิมพ์ตื้น
ตีเป็นบางขุนพรหม เปิดราคา 7 แสน

ความจริงสภาพพระใสสว่างกระจ่างตา ไม่มีร่องรอยเป็นบางขุนพรหมตรงไหน...ถ้าอ่านเป็นวัดระฆังก็ถือว่า “ซื้อได้ถูก” ถ้าอ่านเป็นบางขุนพรหมก็แพงไป...แต่เป็นพระแท้แน่นอน ต่อรองและตกลงกันได้

นี่คือพระสมเด็จวัดระฆังที่เหมาะกับการขึ้นคอใช้...ถ้าโจรรู้ ก็คงสนใจน้อยกว่า องค์สวยที่ราคาหลายล้าน

ผมอยากคุยว่า พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่องค์นี้ ทุกมิติลงตัว ซื้อได้โดยไม่ต้องพลิกดูด้านหลัง

แต่เมื่อพลิกดูด้านหลังทุกอย่างก็กลมกลืนไปด้วยกัน...หลุมบ่อ ส่วนที่เนื้อรักจม เนินเรียบสูงต่ำ ที่เห็นเนื้อขุ่นขาว ขอบสี่ข้างสึกมน ตามเหตุผลของพระที่ถูกใช้นาน

พระองค์นี้ผมเก็บไว้ในแฟ้มใจ เมื่ออภิวัฒน์ โพธิสิทธิ์ เจ้าของพระถ่ายรูปส่งมาให้ดูย้ำความทรงจำ ผมเห็นเป็นโอกาสที่จะถ่ายทอดเผื่อแผ่ให้ความรู้ต่อๆกันไป

พระสมเด็จวัดระฆัง สภาพสึกช้ำวันนี้ หาดูเป็นองค์ครูได้ยาก คุณอภิวัฒน์ ให้เบอร์ติดต่อ 08-1812-0924 มาด้วย ใครรู้จัก อยากดู เห็นจะต้องสื่อสารกันเอาเอง.

พลายชุมพล

 

พระปิลันทน์ พิมพ์พระโมคคัลลาน์-สารีบุตร เนื้อผงพุทธคุณ พิมพ์หายาก สกุลวัดระฆัง
สีกาอ่าง
21 ก.พ. 2564 05:01 น.



สวัสดีท่านผู้ชมกันด้วยคติธรรมจาก หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง ซึ่งละสังขารไปเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๘ แต่ธรรมะคำสอนยังเป็นอมตะ ดังที่ว่า “ใกล้ตาย จึงนึกถึงพระ มีทุกข์มาถึง จึงนึกถึงพระศาสนา” ท่านจึงสอนว่า บรรดาสัตว์ทั้งหลายนั้น เมื่อไม่มีทุกข์มาถึงตัว มักไม่เห็นคุณพระศาสนา มัวเมาประมาท ปล่อยกายปล่อยใจ ให้ประพฤติทุจริตผิดศีลธรรมอยู่เป็นประจำนิสัย เห็นผิดเป็นถูก เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ต่อเมื่อได้รับทุกข์เข้า ที่พึ่งอื่นไม่มีนั่นแหละ จึงได้คิดถึงพระ คิดถึงศาสนา แต่ก็เป็นเวลาที่สายไปแล้ว


พระรอด พิมพ์ใหญ่ กรุวัดมหาวัน ของ โจ๊ก ลำพูน.

ข้าสนามพระกันต่อ เริ่มด้วย พระรอด พิมพ์ใหญ่ กรุวัดมหาวัน อ.เมือง จ.ลำพูน ขุนพลพระเครื่องเมืองเหนือองค์นี้ดูงามตา ด้วยพิมพ์ทรงที่เป็นเอกลักษณ์ของ พระรอด แบบ เต็มร้อย และ เนื้อพระ ที่เป็นดินกรองละเอียดหนึกแน่นเนียนนุ่ม ไม่มีเม็ดกรวดเม็ดทราย--ครบสูตร เนื้อพระวัดมหาวันมาตรฐาน ที่ต่างจากเนื้อพระพิมพ์ร่วมสกุลลำพูน ที่พบในกรุอื่นๆ

มีผู้ชำนาญการชี้ความแตกต่างของ เนื้อดิน พระลำพูน แต่ละกรุ ไว้ว่า เนื้อดิน พระกรุวัดประตูลี้ คือ พระลือ พระเลี่ยง จะหยาบ มีเม็ดกรวดปนอยู่มาก เนื้อพระจึงเปราะบางชำรุดเสียหายมาก แต่เนื้อพระองค์ที่ผ่านการสัมผัสใช้ กลับจะมีเนื้อจัดเหมือนพระสกุลลำพูนอื่นๆ

เนื้อพระกรุวัดพระคงฤๅษี เป็นดินเนื้อละเอียด ไม่มีเม็ดกรวดเม็ดทรายปน มีแร่ว่านดอกมะขามอยู่ทั่วไป เมื่อถูกใช้ ได้สัมผัส จะมีความจัดจ้านเป็นเงาวาว

เนื้อพระเปิม พระบาง กรุวัดดอนแก้ว มีความละเอียดกว่าเนื้อดินวัดพระคงเล็กน้อย เมื่อถูกใช้ได้สัมผัสเหงื่อไคล จะทำให้เนื้อมีความหนึกนุ่ม เห็นแร่ว่านดอกมะขามอยู่มากได้ด้วยตาเปล่า และมีราดำประปราย

และ พระกรุวัดมหาวัน ต้นกำเนิดพระรอด เนื้อพระ ละเอียดมากกว่าทุกกรุ เพราะเป็น เนื้อดิน ผ่านการกรอง จึงไม่มีเม็ดกรวดทราย ทำให้พระที่ผ่านการเผา เนื้อแน่นมาก ไม่ค่อยมีว่านแร่ดอกมะขาม อย่างองค์นี้ของ เสี่ยโจ๊ก ลำพูน

ที่ถือเป็นพระหน้าใหม่ ที่งามสมบูรณ์มากแล้วในปัจจุบัน ซึ่งยากยิ่งจะหาเจอองค์งามๆแบบหูตากะพริบ สวยแชมป์แบบสมัยก่อน ซึ่งก็ต้องยอมรับตามความจริงว่า สมัยนี้ยากจะเจอพระดี พระดัง มีคุณภาพแบบยุคก่อน

โดยเฉพาะ องค์หน้าใหม่ๆ บอกได้เลยว่า ปิดบัญชี ไม่มีเข้าวงการมานานมากแล้ว องค์หน้าเก่า พระดังในอดีต องค์แชมป์ มีชื่อเสียง ก็ถูกเก็บเงียบหาย นานทีที่จะมีความเคลื่อนไหวเปลี่ยนมือ


พระรอด พิมพ์เล็ก กรุวัดมหาวัน ของ ดิว ลำพูน.
รายการที่สองเป็น พระรอด พิมพ์เล็ก กรุวัดมหาวัน อ.เมือง จ.ลำพูน องค์นี้ก็เป็นพระสภาพสมบูรณ์ ฟอร์มดี สวยเดิม แท้ดูง่าย ของ เสี่ยดิว ลำพูน
เป็น พระพิมพ์เล็ก ที่เหมาะกับยุคนี้ เพราะพระพิมพ์ใหญ่ องค์สวย หายาก และราคาสูงลิบ ส่วนใหญ่จึงหันมาหา พระพิมพ์รอง องค์พองาม ในราคาที่เบากว่า เพราะใช้ดี โชว์ได้เหมือนกัน และมีช่องทำกำไรได้มากกว่า


พระบาง เนื้อเขียว กรุวัดดอนแก้ว ของ แจ็ค เชียงดาว.
อีกองค์เป็น พระบาง เนื้อเขียว กรุวัดดอนแก้ว อ.เมือง จ.ลำพูน ซึ่งเป็นกรุต้นกำเนิด ที่ค้นพบ พระบาง ได้มากที่สุดเป็นครั้งแรก

พระที่พบส่วนใหญ่ มีความงดงามสมบูรณ์ เพราะประณีตในการกดพิมพ์ ที่ติดชัดสม่ำเสมอ ฟอร์มองค์ที่งามสมบูรณ์ ไม่บิดงอ ห่อเหี่ยวเลย

ส่วน พุทธศิลป์ เป็นแบบ พระสมัยคุปตะ ประทับนั่งปางมารวิชัย เหนือฐานบัวลูกแก้ว ภายใต้ซุ้มปรกโพธิ์ ที่ดูพลิ้วไหว นับรวมได้ ๒๐ ใบ เนื้อพระละเอียดนุ่ม ด้านหลังปาดเรียบ เนื้ออูมบาง สีเนื้อมีเหลือง แดง ส้ม และเขียว อย่างองค์นี้ของ เสี่ยแจ็ค เชียงดาว ที่ปัจจุบันเป็น สีนิยมสุด--สภาพสมบูรณ์สวยเดิม แบบนี้ ราคาอยู่ที่หลักแสนแน่ๆ


พระปิลันทน์ พิมพ์เปลวเพลิงใหญ่ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (ม.จ.ทัต เสนีย์วงศ์) วัดระฆังฯ ของ ก้อง พระสมเด็จ.

ลงมาภาคกลาง พระเครื่องอีกสำนัก เป็น พระปิลันทน์ พิมพ์พระโมคคัลลาน์-สารีบุตร สมเด็จพระพุฒาจารย์ (ม.จ.ทัต เสนีย์วงศ์) วัดระฆังฯ กทม. พระพิมพ์เนื้อผงพุทธคุณ สกุลวัดระฆังฯ ที่กำลังฮอต มีการซื้อ-ขายแรง มาแต่ปลายปีก่อนจนถึงตอนนี้

และมีทีท่าจะร้อนแรงขึ้น โดยเฉพาะพระพิมพ์นิยมมาตรฐานแถวหน้าอย่างองค์นี้ ที่เป็นพิมพ์หายาก เพราะมีน้อย

ในอดีตเล่นเป็น พิมพ์พิเศษ ที่เชื่อว่ามีอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์รอบด้านแบบครอบจักรวาล เพราะพิมพ์พระที่ปรากฏเป็นองค์ พระศาสดา อยู่กลาง ขนาบด้วย พระโมคคัลลาน์ ผู้เป็นเลิศด้านฤทธิ์อยู่ซ้าย กับ พระสารีบุตร ผู้เป็นเลิศด้านปัญญา อยู่ด้านขวา

กล่าวกันสืบมาว่าเป็นพระของผู้นำระดับผู้บริหาร เปรียบได้ดั่งมีองค์พระศาสดาปกป้องคุ้มครอง มีที่ปรึกษาซ้ายพระโมคคัลลาน์ ขวาพระสารีบุตร ทั้งบู๊-บุ๋น จึงมีผู้นิยมแสวงหากันมาก แต่องค์งามเยี่ยม สมบูรณ์เดิมๆ คราบกรุไขวัวบางเบาแบบองค์นี้ของ เสี่ยพณ รังเทพ หาเวรี่ยากสุดๆ

พระปิลันทน์ พิมพ์เปลวเพลิงใหญ่ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (ม.จ.ทัต เสนีย์วงศ์) วัดระฆังฯ ของ ก้อง พระสมเด็จ.

อีกองค์ก็สำนักเดียวกัน คือ พระปิลันทน์ พิมพ์เปลวเพลิงใหญ่ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (ม.จ.ทัต) ตามติดตอกย้ำความเป็นพระอินเทรนด์อีกองค์ในสกุล

พระปิลันทน์ เป็น ๑ ในพิมพ์นิยมมาตรฐาน ที่มีองค์ขนาดย่อม แต่ก็ยังมีพิมพ์แยกเล่น เป็น พิมพ์เล็ก ที่มีขนาดเล็กกว่านี้ กับ พิมพ์ใหญ่ อย่างองค์นี้ของ เสี่ยก้อง พระสมเด็จ ที่งามระดับแชมป์ สภาพคราบกรุไขขาว บางเบา เปิดเห็นองค์พระลึกชัด เส้นเปลวเพลิงพลิ้วไหว เห็นชัดถนัดตา ดูมีพลัง ดั่งที่เชื่อกันมากว่า เป็นพิมพ์ที่มีอานุภาพนำทางสู่ความสำเร็จ เจริญรุ่งเรือง เหมาะสำหรับผู้ริเริ่มดำเนินกิจการ


พระปิดตา พิมพ์ชะลูด ลงกรุ หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง ของ ธรรมรัต หวั่งหลี.

อีกรายการ เป็น พระปิดตา พิมพ์ชะลูด ลงกรุ หลวงปู่เอี่ยม ปฐมนาม วัดสะพานสูง อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี

นานทีปีหนจะได้ดูพระของ เสี่ยธรรมรัต หวั่งหลี ทุกครั้งก็ไม่เคยผิดหวัง เพราะล้วนเป็นภาพพระหลักยอดนิยมองค์งามๆ อย่างวันนี้เป็น พระปิดตา พิมพ์ชะลูด ที่ค้นพบเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๘ บรรจุอยู่ในองค์พระเจดีย์ ที่มีอยู่คู่วัดมาแต่สมัย หลวงปู่เอี่ยม

จึงเป็นข่าวใหญ่โต ให้นักนิยมพระทั้งนอกในวงการ วิ่งเข้าออกวัดกันจ้าละหวั่น ราคาหน้ากรุ ขยับขึ้นรายชั่วโมง จากหลักพันเป็นหลักหมื่นถึงหลักแสน ถ้าองค์สวยสภาพแชมป์

พอเข้าถึงสนามส่วนกลาง ก็เล่นหาอย่างครึกโครมอยู่ราว ๒-๓ เดือน ก็มี พระมือผี อาละวาด ปะปน จนแยกไม่รู้ ดูไม่ออก องค์ไหนแท้ เทียม--ทำให้การเล่นหาสะดุดหยุดลงอย่างกะทันหันไปนานนับปี

จนมีผู้รู้ ดูออก บอกชัด ได้ว่า พระแท้พระเทียม มีจุดพิจารณาแตกต่างแยกได้อย่างชัดเจนอย่างไร จึงดูเป็นมากขึ้น มีการบรรจุเข้ารายการประกวด ความนิยมจึงเริ่มกลับมา--ถึงปัจจุบัน ราคาองค์งามๆสภาพเยี่ยมอย่างองค์นี้ วิ่งขึ้นถึง หลักแสนกลาง แล้วเพคะ

พระขุนแผน กุมารนอน เนื้อดิน ๗ ป่าช้า หลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม อ.ดอนตูม จ.นครปฐม ของ อ๊อด ดอนหวาย.
ต่อด้วยพระขลังๆ พระขุนแผน กุมารนอน เนื้อดิน ๗ ป่าช้า พ.ศ.๒๔๘๔ หลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม อ.ดอนตูม จ.นครปฐม

ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ ผู้มีชื่อเสียงด้านวิชาอาคมเข้มขลังสูงสุดรูปหนึ่งแห่งเมืองนครปฐม สร้างพระ เครื่อง ของขลัง ไว้มากมายหลายรูปแบบ ล้วนมีชื่อเสียงได้รับความนิยมสูง

ที่โดดเด่นเป็นที่แสวงหา อาทิ เหรียญรูปเหมือนรุ่นแรก พระพิมพ์ขุนแผนเนื้อดินเจ็ดป่าช้า รุ่นแรก ตะกรุด ๓ ห่วง กุมารทองดิน ๗ ป่าช้า และอื่นๆ องค์นี้ของ เสี่ยอ๊อด ดอนหวาย เป็น พระขุนแผนเนื้อดิน ๗ ป่าช้า พิมพ์กุมารนอน ที่ได้รับความนิยมสูงสุด หายากมาก เข้มขลังสุดๆ ราคาองค์งามสมบูรณ์สภาพเดิมๆแบบนี้ อยู่ที่ ๒-๓ แสนบาท มานานแร้ว


หนุมานไม้แกะ หน้ากระบี่ หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน ของ เพชร อิทธิ.
รายการสุดท้ายก่อนออกจากสนาม เป็น หนุมานหน้ากระบี่ เนื้อไม้แกะ หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน อ.เมือง จ.นนทบุรี อีกหนึ่งเครื่องรางของขลังยอดนิยมชิ้นเยี่ยม ของ เสี่ยเพชร อิทธิ ที่พักนี้ ท่าทางกำลังมีแนวทางการสะสม ที่เปลี่ยนจากพระเครื่อง ที่มีอยู่เกือบครบทุกยี่ห้อ ไปเน้น เครื่องรางของขลัง ซึ่งเจ้าตัวบอกว่ายิ่งเล่นยิ่งมัน นั่งส่อง นอนส่อง ได้ทั้งวันไม่เบื่อ

อย่าง หนุมานหน้ากระบี่ ตัวนี้ ที่มีความสมบูรณ์ งดงามสุดๆ เพิ่งได้มาหมาดๆ เรียกได้ว่าเป็น ตัวแชมป์ของรุ่น ได้เลย ด้วยศิลปะที่เรียบง่าย แต่ฝีมือการแกะไม่ธรรมดา รูปทรงสมส่วน เส้นศิลป์คมชัด ท่วงท่า ลีลา สมจริง เหมือนจะเคลื่อนไหวได้ ดั่งมีชีวิตใจ--ทั่วองค์มียางรักเคลือบรักษา บอกอายุความเก่า ถึงยุคสมัย ยิ่งดูยิ่งมันจริงๆ

เรื่องปิดท้ายวันนี้ คุยกันถึง เจ๊ยิ้ม เจ้าของร้านเสริมสวย พาสามีชื่อ เฮียกุ่ย ไปพบ อาจารย์คีรี หมอดูเข้าทรง ที่แนะนำให้เจ๊ไปทำศัลยกรรมหน้า เสริมโหงวเฮ้ง หมดเงินไปเป็นแสน เพื่อตอกย้ำให้สามีเกิดศรัทธา

ไปถึงก็เจอ อาจารย์ กำลัง “องค์ลง” ส่งเสียงแสดงท่าทางเป็น “ผู้เฒ่า” พูดคุยโหวกเหวก อยู่กับลูกศิษย์ ๑๐ กว่าคน

เจ๊ยิ้ม ก็ถือวิสาสะความเป็นศิษย์เอก จูงมือสามีเดินแหวกกลางวงไปนั่งตรงหน้า บอกวันนี้พาสามีมาด้วย เพื่อให้อาจารย์ยืนยันเรื่องทำศัลยกรรม ว่าทำแล้วจะดีจริง

อาจารย์คีรี ก็แสดงท่าทางขึงขัง พูดเสียงดัง บอกทุกอย่างที่ข้าแนะนำ ข้าบอก ข้าทำ ข้าใช้ เป็นเรื่องจริง เป็นของจริง เอ็งทำหน้ามาดีแล้ว ยังต้องหา “พระนางพญา” มาห้อยเสริมบารมี อย่างข้านี่ --ว่าแล้วก็จับ “พระนางพญา” ในคออวด เฮียกุ่ย ก็พยายามทนฟัง เพราะไม่อยากหักหน้าอาจารย์

ฟังอาจารย์โม้ไปสักพัก ก็สะกิดเมียให้กลับ แต่เจ๊ก็ไม่ยอมกลับ สุดท้าย เฮียกุ่ย ทนไม่ไหว จึงตัดสินใจบอกว่า ที่อาจารย์ทำ อาจารย์บอก จะดีหรือไม่ ผมไม่รู้ แต่ผมเป็นเซียนพระ และฟันธงว่า พระนางพญา ที่อาจารย์ใช้คล้องคออยู่น่ะ เก๊ แน่นอน เพราะแค่ขนาดองค์ก็ใหญ่โตเกินของจริง ๒-๓ เท่าแล้ว จะแท้ไปได้ยังไง

พอเซียนพระพูดจบ อาจารย์คีรี ก็มีอาการเป็นลมหงายท้องไปเลย ลูกศิษย์ก็รุมปฐมพยาบาล เอายาให้ดม พอฟื้น ลูกศิษย์ถามว่าอาจารย์เป็นลมเพราะโดนหักหน้าเหรอ อาจารย์เอามือคลำพระ บอก ป่าว ไม่ได้เป็นลมเพราะเสียหน้า แต่เป็นลมเพราะเสียดายเงิน--เพราะเช่าพระนางพญาเก๊ไปเป็นล้าน เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.

ขอขอบคุณ
สีกาอ่าง
https://www.thairath.co.th/lifestyle/amulet/2036576

 

พิมพ์เขื่อง เขื่องแค่ไหน
พลายชุมพล
21 ก.พ. 2564 05:06 น

วงเสวนาไม่ว่าวงเล็กวงใหญ่ ในร้านกาแฟวันนี้ ถ้ามีพระเครื่องดีๆ เช่น พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ อย่างองค์ในคอลัมน์วันนี้เป็นสื่อกลาง เมื่อมีเสียงผู้ที่คิดว่ารู้สำทับ องค์นี้เป็นพระแท้ สวย ดูง่าย
รสกาแฟที่กินกี่ครั้งก็ขม ก็กลายเป็นหวาน กลิ่นกาแฟเย็นชืดที่จางหายก็กลายเป็นหอม


คนนอกวงการได้ยินคำว่า แท้ สวย ดูง่าย คงมีคำถามในใจ แท้ยังไง สวยยังไง และที่ว่าดูง่าย ง่ายยังไง

ความสวยของพระสมเด็จวัดระฆัง...เนื้อปูนผสมน้ำมัน อายุกว่า 150 ปี เข้าเกณฑ์ของเก่าหรือวัตถุโบราณ คนละนิยามกับความสวยของของใหม่ๆ ที่สวยสะอาด ปราศจากคราบไคล และริ้วรอยชำรุดผุพัง

ตรงกันข้าม ความสวยของพระสมเด็จแท้...กลับอยู่ที่ความหม่นคล้ำ รอยเปื้อน ด่างดำ รอยยุบรอยแยกของเนื้อพระตามธรรมชาติของปูนปั้น ที่เชื่อกันว่า เป็นเนื้อปูนเปลือกหอย ผสมน้ำมันตังอิ้ว ที่มีคุณสมบัติแห้งช้า

แต่เมื่อแห้งแล้วทำให้เนื้อจับกันเป็นผลึกแข็ง

คุณสมบัติหนึ่งของพระสมเด็จวัดระฆัง คือความแข็งที่เรียกกันว่าความแกร่ง วงการเรียกหนึกแกร่ง เนื้อในพระสมเด็จองค์ไหน ถ้าหลุดรุ่ยง่าย ประเมินไว้ได้เลยว่าไม่ดี...

พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่องค์นี้ ส่วนที่ถูกสัมผัสบ้าง ปรากฏความละเอียดนุ่มหนึก กลางๆระหว่างหนึกนุ่มกับหนึกแกร่ง

ส่วนใหญ่ของผิวพระยังสมบูรณ์ แม้เป็นพระที่รักเก่าล่อนลอกออกไปจนเกือบหมด แต่ก็เหลือชิ้นรักในหลุมร่อง รอยยุบ รอยแยก มองภาพรวม เห็นความมิติความซึ้งจัดทั้งด้านหน้า ด้านหลัง

องค์ประกอบที่ครบถ้วนสมบูรณ์ อย่างนี้ ขอแนะนำเจ้าของพระให้รักษาไว้ นี่คือสภาพของพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่แท้ ระดับที่ถือเป็นองค์ครูอีกองค์หนึ่ง

ว่าไปยืดยาวถึงสภาพของเนื้อและธรรมชาติของสมเด็จวัดระฆังเก่าแท้...ซึ่งเป็นข้อตัดสินชี้ขาดไปแล้ว

หลักการดูพระสมเด็จวัดระฆัง คือ เนื้อดี พิมพ์ก็ต้องดี องค์นี้แม่พิมพ์เป็นพิมพ์ใหญ่มาตรฐานคุ้นตา จะเอาไปเข้าทฤษฎี “พรีเชียส” นิตยสารของอาจารย์รังสรรค์ ต่อสุวรรณ พิมพ์ไหน พิมพ์หนึ่งพิมพ์สองหรือพิมพ์สามสี่ก็ว่าไป

แต่พิมพ์ใหญ่องค์นี้ เมื่อได้ดูองค์จริง ในมือ ขนาดเขื่องว่า พิมพ์ใหญ่ด้วยกัน

หลักของครู “ตรียัมปวาย” น่าจะพิจารณา ระหว่างพิมพ์เขื่องกับพิมพ์โปร่ง

พิมพ์เขื่อง เส้นสายลายพิมพ์องค์พระล่ำสัน พิมพ์โปร่ง เส้นสายบางกว่า ขนาดใหญ่กว่าอีกหน่อย

หนังสือภาพพระเครื่องเล่มมาตรฐาน เล่ม ของประชุม กาญจนวัฒน์ น่าเชื่อเรื่องขนาดพิมพ์ได้มากกว่าเล่มอื่น พิมพ์ที่เขื่องกว่าพิมพ์ไหน “พี่ชุม” ลำดับไว้เป็นภาพแรก คือพิมพ์เขื่อง

จริงๆแล้วไม่ว่าพิมพ์เขื่อง พิมพ์โปร่ง พิมพ์ชะลูด พิมพ์ป้อม พิมพ์สันทัด พิมพ์ย่อม ทฤษฎี “ตรียัมปวาย” ขนาดใหญ่ย่อมกว่ากันนิดเดียว

ว่ากันที่ความกว้างของด้านล่างวัดระหว่างเส้นซุ้มไม่รวมขอบข้าง เฉลี่ย ความกว้าง ระหว่าง 2.2 ซม.ไม่เกิน 2.4 ซม.

เจอองค์ที่ขนาดเขื่องกว่า ถ้าความกว้างขอบด้านล่าง กว้างถึง 2.5 ถ้าเนื้อเก่าถึง แม่พิมพ์ไปได้ ต้องพิจารณา บางองค์เส้นซุ้มโย้ ตอนดึงออกจากแม่พิมพ์ จนดูกว้างกว่าก็เป็นไปได้

พิมพ์ใหญ่แบบพิมพ์เขื่อง วัดระฆังองค์ในคอลัมน์วันนี้ ตัดขอบพิมพ์พอดีๆ กับเส้นกรอบกระจกทั้งสี่ด้าน ไม่มีมุมไหนเอียงโย้ ลักษณะการตัดพิมพ์อย่างนี้ ภาษาครูตรียัมปวายว่า “สมภาค” คือได้สัดส่วน

ถ้าเอาไปประกวดกับองค์ที่เอียงหรือโย้ซ้ายขวา ถือว่าคะแนนสูงกว่า

ดีใจกับนายตำรวจเจ้าของพระ มีพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่สวยๆแขวนคอ โอกาสจะได้เลื่อนจากท่านรอง ก็น่าจะมีในไม่ช้า ตามวาสนาที่กำลังมา.

พลายชุมพล

 

บ้านเมืองพระเครื่อง
อ. วันชัย : วันอาทิตย์ ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564, 12.43 น.

ชักดาบพระเครื่อง “เชียงใหม่โดน 40 ล้าน”

♦♦♦ จากการเปิดเผยจากเซียนพระคนดัง “โจ๊ก ลำพูน” กล่าวว่า 2 ปีที่ผ่านมา เพียง 2-3 คนสร้างมูลค่าความเสียหายแก่พี่น้องคนเล่นพระเครื่องในจังหวัดเชียงใหม่ ไปกว่า 40 ล้านบาท นักสะสมพระเครื่องดีๆในเชียงใหม่ไม่อยากให้วัฒนธรรมการ “ชักดาบ” ซื้อพระไปให้ราคาสูง ท้ายที่สุดไม่เอาเงินมาจ่าย หายเข้ากลีบเมฆเมินเฉยไปดื้อๆ กลายเป็นเรื่องปรกติในสังคม อ้างว่าตนเองเดือนร้อนจึงต้องทำ จะอ้างอย่างนี้คงไม่ถูกต้องคนที่เขาตั้งใจทำมาหากินดีๆ มาตลอดต้องมาพังไป ครอบครัวเขาก็ต้องเดือดร้อนเช่นกัน


♦♦♦ โจ๊ก ลำพูน กล่าวด้วยว่า ผู้ที่ปล่อยพระปล่อยแบบให้เครดิต เชื่อถือไว้วางใจกันและกัน ก็ต้องมีสติยั้งคิดอย่าเห็นแก่ตัวเลขยอดขายที่เขามาเสนอให้ราคาพระดีมาก ไม่ได้คำนึงถึงความสามารถที่แท้จริงของผู้ซื้อว่าเกินตัวมั๊ย มีความสามารถแค่ไหน ชีวิตประจำวันของเขาในความเป็นจริงเหมาะกับการให้เครดิตเชื่อใจกันในช่วงนั้นๆหรือไม่ กลายเป็นเรื่องปรกติในสังคม จะอ้างว่าตนเดือดร้อนจึงต้องทำ อย่างนี้ไม่ได้เพราะคนที่เขาตั้งใจทำมาหากินดีๆมาตลอดต้องมาพังไป ครอบครัวต้องเดือดร้อนเช่นกัน

♦♦♦ โจ๊ก ลำพูน เตือนมาด้วยว่า ผู้ที่ปล่อยพระ ปล่อยเครดิตก็ต้องมีสติยั้งคิด จะเห็นแก่ตัวเลขยอดขาย พึงคำนึงถึงความสามารถที่แท้จริงของผู้ซื้อว่าเกินตัวมั๊ย มีความสามารถแค่ไหนซื้อพระทีละหลายๆล้าน ซื้อตีเช็ค แล้วเอาไปจำนำ หรือเอาไปขาย แล้วหายเงียบไปไม่เอาเงินมาจ่ายกลายเป็นว่าวัฒนธรรม “ชักดาบ” ท่านผู้อ่านครับผู้เขียนอยู่วงการนี้มานานกว่า 30 ปี เป็นนักข่าว เป็นพิธีการงานประกวดพระ เป็นประชาสัมพันธ์สมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย เป็นประธานชมรมนักข่าวช่างภาพพระเครื่อง เป็นมาแล้วทั้งนั้นจึงบอกได้เลยว่า “การชักดาบ” มีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ได้ยินได้ฟังเขียนข่าวบ้านเมืองมาก็กว่า 25 ปีเห็นการชักดาบในวงเล็กๆไม่กว้างใหญ่ไพศาลขนาดนี้ คราวนี้น้องโจ๊ก ลำพูน บอกมาชักดาบ 40 ล้านไม่ธรรมดา

ปิดฉากสนามพระ TU Dome ธรรมศาสตร์รังสิต




♦♦♦ “เอก สุนทรนฤมิต” ผู้บริหารสนามพระ TU Dome ธรรมศาสตร์รังสิต ประกาศปิดกิจการสนามพระเครื่อง TU Dome ธรรมศาสตร์รังสิต ที่ตนสร้างมากับมือแล้ว “เอก” อาสาเช่าตึก TU Dome ทำเป็นสนามพระเครื่องบุกเบิกให้ที่นั่นเป็นแหล่งค้าขายวัตถุมงคลมีตลาดนัดพระเครื่อง แจกรางวัลชิงโชคโต๊ะแดงแผงจรทุกวันพุธและวันอาทิตย์ ผู้คนคุ้นชินและรูจักสนามพระแห่งนี้กันแล้วทำได้ 7 เดือนเท่านั้น เอก สุนทรนฤมิตบอกว่า ผมไปประมูลพื้นที่บิ๊กซีนวนคร ชั้น 1 ทั้งชั้นเพิ่มเติมได้แล้วจัดเป็นสนามพระเครื่องติดแอร์ใหญ่ที่สุดในจังหวัดปทุมธานีเวลานี้ จึงได้รวมตัวกันไปบูมตลาดพระเครื่อง “บิ๊กซี นวนคร” เริ่มบูมแล้วตั้งแต่วันนี้ สนามพระเครื่องบิ๊กซีนวนคร บริหารงานโดย เอก สุนทรนฤมิตคนเดิมเป็นผู้บุกเบิกสนามพระเครื่องเปิดบริการมากว่า 10 ปีแล้ว

วปอ.57 เลื่อนงานประกวดพระเป็นมิ.ย.64
ไอ้ไข่ รุ่นนะมหาเศรษฐี “บูชาได้แล้ว”



♦♦♦ พล.ร.อ.ดร. ปรีชาญ จามเจริญ กรรมการกฤษฎีกาและ รองนายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทยหัวหน้าทีมประสานงานจัดประกวดพระเครื่องให้คณะนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 57 แจ้งเปลี่ยนแปลงกำหนดจัดงานประกวดพระเครื่องจากเดิมวันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ.2564 เป็นวันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ.2564 เนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโควิด 19 แม้จะเบาบางลงแต่ทางราชการยังไม่ผ่อนคลายให้ใช้สถานที่จัดงานเกิน 300 คน จึงขอเลื่อนไปจนกว่าจะได้รับการผ่อนคลายตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขต่อไป แต่ด้วยความตั้งใจเกินร้อยของทีมจัดงานอันมี พล.ร.อ. ดร.ปรีชาญ จามเจริญ รองนายกสมาคมผู้ยมพระเครื่องพระบูชาไทย และ ชัยนฤทธิ์ เพชรพันธ์ทอง อุปนายกสมาคมฯ เดินหน้าเตรียมงานไว้พร้อมแล้ว โดยเฉพาะของที่เป็นรางวัลงานประกวดเตรียมแจกกว่า 575 รางวัล




♦♦♦ “บูชาได้แล้ว” พล.ร.อ.ปรีชาญ จามเจริญ รองนายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทยเปิดให้บูชา “ไอ้ไข่ ศิษย์หลวงพ่อทวด รุ่น นะ มหาเศรษฐี” ปลุกเสกแล้ว 3 วาระ 4 ก.พ.64 วัดไตรมิตร 7 ก.พ.64 อุทยานมหาราชหลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ อยุธยา และ 12 ก.พ.64 วัดพระมหาธาตุ จ.นครศรีธรรมราช “เนื้อพิเศษๆสะสมเป็นมงคลแก่ผู้เช่าบูชา (1)ไอ้ไข่ เนื้อไม้ขนุนแกะสูง 1 เมตร สร้าง 10 ตน (หมดแล้ว) (2)ไอ้ไข่เนื้อโลหะ สูง 6 นิ้วก้นอุดผงมหามงคล ผงพรายกุมาร สร้าง 999 ตน (3) ไอไข่เนื้อไม้ขนุนแกะ สูง12.6 นิ้วสร้าง 251 ตน (3) เหรียญหล่อไอ้ไข่ 3 มิติ สร้าง 557 เหรียญ (4) เหรียญเนื้อเงินลงยาลายธงชาติ และเหรียญเนื้อเงิน สร้าง 57 เหรียญ เนื้อนวะ 257 เหรียญ เนื้อทองโบราณลงยาเขียว เนื้อทองแดงรมดำ สร้าง 557 เหรียญ (5) ไอ้ไข่เนื้อผง พิมพ์สมเด็จ (6) การ์ดยันต์ไอ้ไข่ สร้าง 2,564 แผ่น (7) น้ำเต้าไอ้ไข่ ก้นอุดเทียนชัยหลายพิธี สร้าง 8,888 ลูกๆละ 299 บาท (8)ลูกอมไอ้ไข่ เนื้อผงมหามงคล ผงพรายกุมาร สร้าง 9,999 ลูกๆละ 100 บาท (9) ผ้ายันต์ไอ้ไข่ สีแดง เหลือง เขียว ผืนละ 100 บาท สอบถามจองเป็นเจ้าของได้แล้วทุกชิ้นผ่านพิธีพุทธาภิเษก 3 วาระ และมีหมายเลข มีโค้ดคนละชุดกับงานประกวดพระ วปอ.57 ชัดเจน เล่นหาง่าย

เสี่ยกุ่ยฉุนจวกนักข่าวกำมะลอ

♦♦♦ เสี่ยกุ่ย รัชดา “ฉุน” ออกคลิบ แฉกล้อง 1,600 เอ๊กใช้จริงอยู่แค่ 700 เอ๊ก ภาพก็เต็มจอทีวี 55 นิ้วแล้ว ถ้าภาพใหญ่กว่านี้ขยาย 1,600 เอ๊กภาพทะลุจอต้องใช้ทีวีจอใหญ่ 100 นิ้วถ้า 2,000 เอ๊กจอทีวีคงต้องใหญ่เท่าฝาบ้านแน่นนอน กล้อง1,600 เอ๊ก เสี่ยกุ่ยบอกใช้มาเมื่อ 2 ปี แต่ก่อนยังไม่มีเครื่อง ฟูออเรสเซ็นหรือเครื่องเอ็กซ์เรย์เชิงลึกที่พัฒนาโปรแกรม เราก็เห็นมวลสารในจอแต่ไม่มีการบอกค่าของมวลสารว่าเป็นดิน เป็นปูนเปลือกหอย เป็นโลหะ กี่เปอร์เซ็นต์ เสี่ยกุ่ยบอกด้วยว่า เครื่องฟูออเรสเซ็นต์ ที่ถูกพัฒนามาแล้วสามารถตรวจเช็คเนื้อพระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อโลหะได้ นำมาใช้เมื่อ 7 เดือนนี่เอง ราคาเครื่องรวมโปรแกรมที่พัฒนาแล้วหลักล้านจึงสามารถบอกค่าของเนื้อพระสมเด็จ พระเนื้อดิน เนื้อโลหะขณะนี้มีอยู่แค่ 3 เครื่องเท่านั้น ที่ อ.โจ๊ก แห่งบ้านสมเด็จ ที่ศูนย์พระรัชดาและที่พิพิธภัณฑ์สมบัติสามแผ่นดิน เสี่ยกุ่ย ปริ้นซ์แผ่นตรวจเช็คพระนางพญาเนื้อดินด้วยเครื่องตรวจโลหะผลออกมาเป็นเนื้อโลหะ



♦♦♦ เสี่ยกุ่ย รัชดาจวกนักข่าวกำมะลอ ก่อนที่จะพูดถึงนักข่าวกำมะลอเสี่ยกุ่ยได้ยกมือขอโทษแฟนๆ พระเครื่องทั่วประเทศโดยบอกว่าผมผิดไปแล้วครับจึงต้องขอโทษที่ไปชุบนักข่าวกำมะลอไว้ 2 ปีเขามาขอร่วมทำคลิบกับผม พอมีชื่อเสียงนักข่าวกำมะลอเห็นแก่ได้ไปชักชวนเอาคนอื่นหลงเข้าป่าพาคนไปตรวจเช็คพระ เสี่ยกุ่ยเห็นท่าจะไม่ไหวเป็นคนเห็นแก่ได้เล็กๆน้อยๆอย่างนี้จึงไม่ให้ร่วมทีมด้วยอีกแล้ว เสี่ยกุ่ยบอกต่อด้วยว่านักข่าวกำมะลอคนดังกล่าวยังไม่เอาเงินมาคืนผมทั้งที่ผมช่วยหาเงินไปประกันตัวเรื่องคดีความจบแล้วก็ยังนิ่งเฉยกระทั่งป่านนี้ยังไม่รู้คุณคนจึงต้องเอ่ยถึงบ้างครับเสี่ยกุ่ยบอก




ขอขอบคุณ
https://www.banmuang.co.th/column/other/6266

 

บ้านเมืองพระเครื่อง

อ. วันชัย : วันอาทิตย์ ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2564, 09.28 น.


พระเด่นคนดังบ้านเมือง (28 มี.ค.64)
“พระกริ่งชินบัญชร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่”


พระกริ่งชินบัญชร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ เนื้อนวะโลหะ ก้นทองแดง สร้างปี พ.ศ. 2517 เป็นหนึ่งในชุดชินบัญชรที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของหลวงปู่ทิม พระชุดนี้ประกอบด้วย พระกริ่ง พระชัยวัฒน์ พระสังกัจจายน์ และพระปิดตามหาลาภ สร้างโดยคณะศิษย์ คุณชินพร สุขสถิต นำรายได้ถวายบูรณะวัด มีชนวนสำคัญคือแผ่นยันต์ลงพระคาถาชินบันชรอันศักดิ์สิทธิ์เลิศล้ำ แผ่นยันต์ 108 นะ หลวงปู่ทิมปลุกเสกประจุพุทธคุณวิเศษด้วยพลังจิตอันกล้าแข็งของหลวงปู่ทิม พระกริ่งชินบัญชร เนื้อนะวะโลหะ ก้นทองแดงสร้าง 2595 องค์ องค์นี้หมายเลขที่ก้น ๖๕๗ ของท่านพศิน ปิตุเตชะ หลานชายรัฐมนตรีช่วยสาธารณสุข ดร.สาธิต ปิตุเตชะ ปัจจุบันเป็นผู้จัดการทีมระยอง FC และเป็นเลขาธิการ YEC จังหวัดระยอง

“พระหลวงพ่อทวด หลังเตารีด พิมพ์ใหญ่ เอ”


พระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ หลังเตารีด พิมพ์ใหญ่ เอ. เนื้อนวะโลหะปี 2505 ตอก 3 ฉ.หมายเลข 82 องค์นี้เป็นองค์ดาราในหนังสือหลวงพ่อทวดเกือบทุกเล่ม เป็นพระที่จัดสร้างด้วยวิธีการหล่อโดยพอกดินหุ้มพิมพ์ทีละองค์ลักษณะพุ่มช่อเช่นเดียวกับการหล่อพระกริ่ง หล่อเสร็จช่างทุบเบ้าแล้วตัดก้านชนวนใช้ตะไบหรือเครื่องหินเจียร์แต่งขอบข้างและด้านหลัง พระหลวงพ่อทวด หลังเตารีดพิมพ์ใหญ่ เอ.ตอก ฉ.เป็นสุดยอดของพระหลวงพ่อทวดหลังเตารีดปี 05 ที่ได้รับความนิยมสูงสุด สร้างด้วยเนื้อโลหะผสม 9 อย่าง ทองแดง ทองคำ เงิน สังกะสี ปรอท จ้าวน้ำเงิน บริสุทธิ์ เหล็กละลายตัว และชิน จึงมีวรรณะเข้มข้นที่เรียกว่าเนื้อนวะโลหะ องค์นี้ของติ๊ก สายใต้ กรรมการรับตัดสินพระหลวงพ่อทวดสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย

“พระหลวงพ่อทวดวัดช้างให้เนื้อว่านพิมพ์ใหญ่บีลึก.ปี 97”


หลวงพ่อทวดเนื้อว่านรุ่นแรก พระครูวิสัยโสภณ หลวงปู่ทิม ธัมมธโร วัดช้างให้ จ.ปัตตานี เป็นผู้จัดสร้างพระหลวงปู่ทวดเมื่อปี พ.ศ.2497 ท่านสร้างจากภาพนิมิตพระภิกษุชรานั่งขัดสมาธิบนดอกบัว องค์พระสีดำ ตามประวัติหลวงพ่อทวดเป็นพระภิกษุในสมัยอยุธยาสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชา พระราชทานนามให้หลวงพ่อทวดว่า “พระราชมุนีสามีรามคุณูปรมาจารย์” พระหลวงพ่อทวดเนื้อว่านทำจากดินกากยายักษ์ผสมว่านที่ได้จากภูเขา นำมาบดผสมจึงมักพบเม็ดแร่สีขาวขุ่น สีดำ สีขาวอมเหลือง และสีน้ำตาลผสมอยู่ในองค์พระ พระหลวงพ่อทวดเนื้อว่านพิมพ์ใหญ่บี.ลึก องค์นี้ของแพะ อมฤทธิ์

“เหรียญกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ปี 2466”


เหรียญกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หรือ นายพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หรือเสด็จเตี่ย พระบิดาของทหารเรือ เสด็จเตี่ยทรงสนพระทัยในวิชาอาคมเป็นพิเศษ พระองค์มีพระอาจารย์ที่ทรงนับถือหลายท่าน เช่น หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท เหรียญกรมหลวงชุมพร พิมพ์สี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดเป็นเหรียญที่ระลึกแจกในงานพระเมรุ ณ ท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2466 เป็นเหรียญปั้มกระบอก เหรียญนี้เนื้อทองแดงปลุกเสกโดยหลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่า อยู่ในความครอบครองของ เล็ก ชัยนาท

“พระกริ่งปทุมสุริยวงศ์ ปี 2491”



พระกริ่งปทุมสุริยวงศ์ วัดบวรนิเวศวิหาร ปี พ.ศ.2491 สมเด็จพระสังฆราช กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (ม.ร.ว.ชื่น นพวงศ์) สถิต ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นพระสังฆราชองค์ที่ 13 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์เป็นองค์ประธานจัดสร้างพิธีเททองหน้าพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร พระกริ่งปทุมสุริยวงศ์ รูปลักษณ์พระกริ่งปทุมสุริยวงศ์ดัดแปลงจากพระกริ่งใหญ่จีนมีบัวรอบฐาน 12 กลีบ เป็นพระกริ่งเนื้อเหลืองปนขาวไม่กลับดำ จำนวนไม่เกิน 200 องค์ เจ้าของพระบอกด้วยว่าบางส่วนหลวงพ่อดีนำไปแจกที่วัดเหนือ จังหวัดกาญจนบุรี องค์นี้จัดว่าสวยสมบูรณ์อยู่ในความครอบครองของคุณธงชัย ภู่บุญ หรือธงชัย การบินไทย

“พระพุทโธน้อย เนื้อผงใบลาน พิมพ์ใหญ่จัมโบ้ ปี 94”



พระพุทโธน้อย คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม พิมพ์ใหญ่จัมโบ้ เนื้อผงใบลาน จัดว่าหายากและมีราคาแพงขึ้นตลอดมา คุณแม่บุญเรือน เรียนรู้ปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้า รักงานบุญงานกุศลสมกับเป็นนักบุญในพระพุทธศาสนาท่านมีความรู้การรักษาโรคด้วยการอธิษฐานธรรม อธิษฐานสิ่งของต่างๆท่านมีจิตอันบริสุทธิ์และเปี่ยมด้วยเมตตาสำเร็จถึงขั้น จตุตถฌาน หรือฌานสี่ ท่านยังเพียรพยายามฝึกจิตและสมาธิสำเร็จในอภิญญา 6 เช่นแสดงอิทธิฤทธิได้ เช่น อธิษฐานให้ต้นมะม่วงต้นเล็กๆออกดอกได้ พระพุทโธองค์เล็กหรือพระพุทโธน้อยสร้างที่วัดอาวุธวิกสิตาราม ในปี 2494 องค์นี้พิมพ์ใหญ่จัมโบ้ เนื้อผงใบลาน ของภักดิ์ มรดกไทย พบเขาได้ที่ร้านพันธุ์ทิพย์งามวงศ์วานชั้น 3 พร้อมหนังสือวัตถุมงคลคุณแม่บุญเรือนเล่มแรกของไทยที่ต้องมีไว้ศึกษา

“พระบูชาเนื้อปูนปั้น หลวงปู่ทิม อุดผงพรายกุมาร รุ่นแรก”



พระบูชาหลวงปู่ทิม อิสริโก เนื้อปูนปั้นรุ่นแรก ปี พ.ศ.2516 วัดละหารไร่ จังหวัดระยอง สร้างแจกชาวบ้านในยุคนั้น จึงสร้างจำนวนไม่มากด้วยปูนละเอียดข้างในมีแกนเป็นไม้ไผ่ อุดด้วยผงพรายกุมาร มีทั้งหน้าตัก 9 นิ้วและ 5 นิ้ว ตัวหนังสือคำว่าหลวงพ่อทิมเป็นตัวจม (รุ่น 2 ตัวหนังสือนูน) สนใจถามไปได้เลย มานะ ปู่ทิม เจ้าของพระสายตรงวัตถุมงคลหลวงปู่ทิม

“รูปหล่อหลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว รุ่นแรก”



รูปเหมือนปั้มหลวงปู่เผือกวัดกิ่งแก้ว รุ่นแรก ปี 2502 จ.สมุทรปราการ จัดสร้างในงานพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่เผือก ในปี 2502 จัดพิธีใหญ่รวมพระคณาจารย์ดังปลุกเสก เช่น หลวงพ่อจงวัดหน้าต่างนอก หลวงพ่อแต้มวัดศาลาลอย หลวงพ่อแดงวัดทุ่งคอก หลวงพ่อเต๋วัดสามง่าม หลวงพ่อเงินวัดดอนยายหอม หลวงปู่เผือก มีสมณศักดิ์เป็นพระครูในราชทินนาม พระครูกรุณาวิหารี เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงยุคกึ่งพุทธกาลพระเครื่องของท่านมีอานุภาพด้านเมตตา แคล้วคลาด พระรูปเหมือนหลวงปู่เผือกรุ่นแรก ปี 02 องค์นี้ของ อ. ตี๋ สุวรรณภูมิ ประธานชมรมพระเครื่องสุวรรณภูมิ

“พระปิดตาหลวงพ่อปาน วัดเครือวัลย์ ชลบุรี”



หลวงพ่อปาน พุทธรกฺขิโต วัดเครือวัลย์ชลบุรีเป็นศิษย์เอกหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ศึกษาพุทธเวทย์ อักขระเลขยันต์ วิชาทำตะกรุด น้ำพระพุทธมนต์จากพระอาจารย์ถัน วิชาทำปลัดขิกจากหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ เชื่อกันว่าท่านเก็บผงเก่าของหลวงพ่อแก้ววัดเครือวัลย์ผู้สร้างพระปิดตาเนื้อผงคลุกรักประจักในพุทธคุณไต่อันดับขึ้นมาอย่างน่าสนใจเก็บสะสมใช้แทนพระปิดตาหลวงพ่อแก้วที่มีคุณค่าราคาแพงหลายสิบล้าน หลวงพ่อปานผู้จัดสร้างพระปิดตาตามรอยพระอาจารย์ของท่านด้วยผสมมวลสารหลวงพ่อแก้ว พระปิดตาหลวงพ่อปานหลังแบบและหลังเบี้ย เนื้อกะลา จึงนิยมเล่นหาและมีราคาแพงขึ้นอย่างไม่มีวันลดลง พระปิดตาหลวงพ่อปานวัดเครือวัลย์พิมพ์ใหญ่เนื้อผงคลุกรักหลังแบบองค์นี้เป็นพระยุคต้น ของ คุณบูลย์ พานทอง

“พระกริ่งเขมรน้อย พิมพ์เล็ก สมเด็จพระสังฆราชแพวัดสุทัศน์”



สมเด็จพระสังฆราชแพ วัดสุทัศน์สร้างพระกริ่งเขมรน้อยระหว่างปี พ.ศ. 2455-2458 ได้แบบจากพระกริ่งเขมรคือพระกริ่งบาเก็งเป็นพระกริ่งจีน องค์ที่ลงให้ชมเป็นพระกริ่งเขมรน้อยพิมพ์เล็ก ผิวสีดำเป็นธรรมชาติ พระกริ่งเขมรน้อยมีทั้งพิมพ์เล็กและพิมพ์ใหญ่สมเด็จพระสังฆราชแพทรงสร้างในวาระที่ทรงสมณศักดิ์เป็นพระพรหมมุนี ปี พ.ศ. 2455-2458 เนื้อนวะโลหะ ภายในสีนากกลับขาวแล้วกลับดำสนิท หล่อเป็นพระกริ่งในตัว จำนวนสร้าง 50 องค์ ฝีมือช่างแต่งโดยพระปลัดจิ๋ว องค์ที่ลงให้ชมเป็นพระกริ่งเขมรน้อยพิมพ์เล็กของ อ.หมู วิเชียรบุรี

“พระปิดตาหลวงปู่เอี่ยมวัดสะพานสูงพิมพ์ตะพาบ”



หลวงปู่เอี่ยม เป็นพระคณาจารย์ที่เชี่ยวชาญวิปัสสนาธุระ เป็นที่เคารพเลื่อมใสของพุทธศาสนิกชน ทำให้วัดสะพานสูงมีความสำคัญเป็นที่รู้จักอย่างกว้าขวาง วัตถุมงคลของท่านที่โด่งดังที่สุด คือพระปิดตาเนื้อผงคลุกรักรุ่นแรก สร้างสมัยเดียวกับพระสมเด็จวัดระฆัง ประมาณปี พ.ศ.2410 พระปิดตาหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูงพิมพ์ตะพาบองค์พระจะด้อยกว่าพิมพ์ชะลูดเล็กน้อย มีลักษณะคล้ายตะพาบ ให้พิจารณาสังเกตลักษณะแม่พิมพ์ศอกด้านขวาต่ำกว่าด้านซ้าย มีรอยตะเข็บด้านข้างเพราะเป็นพิมพ์ประกบ พระปิดตาหลวงปู่เอี่ยมพิมพ์ตะพาบองค์นี้ของ พล.ต. เฉิดวิทย์ กองจินดา เปิดร้านไว้พบปะเพื่อนพ้องน้องพี่ที่คอเดียวกันแบ่งปันความรู้เชิญได้ที่ชั้น 2 ตึกแดงตรงข้ามจตุจักร

“พระเทริดขนนก ศิลปะขอมยุคลพบุรี กว่า 700 ปี”


พระเทริดขนนก กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สมัยลพบุรี เป็นพระนั่งปางมารวิชัยอยู่บนฐานบัว สวมมงกุฎลักษณะคล้ายขนนก จึงเรียกกันว่าทรงเทริดขนนก มีเครื่องทรงคือกำไลคอ กำไลแขน เป็นศิลปะของเขมรยุคลพบุรีมีอายุการสร้าง 700-800 ปี มีทั้งเนื้อชินเงิน เนื้อตะกั่วสนิมแดง เนื้อดินและเนื้อสำริด พระเทริดขนนกกับพระยอดขุนพลต่างกันที่ซุ้มเรือนแก้วเท่านั้น พุทธคุณเหมือนกันยอดเยี่ยมทางด้านแคล้วคลาด คงกระพันชาตรีเป็นพระสุดยอดของเมืองละโว้ ขนาดองค์จริงมีฐานกว้างประมาณ 3 ซ.ม.สูง 4.5 ซ.ม. พระเทริดขนนกองค์นี้ของ คุณธัลดล บุนนาค

“พระมเหศวร พิมพ์ใหญ่ ใบรับรองพระแท้สมาคมฯ”



พระมเหศวรเป็นพระเครื่องเนื้อชินจัดได้ว่าเป็นพระเครื่องชั้นนำที่สุดของจังหวัดสุพรรณบุรี พบที่กรุวัดพระมหาธาตุ สุพรรณบุรีแห่งเดียวเท่านั้น สร้างพร้อมกับพระผงสุพรรณที่ลือเลื่อง โดย “ฤาษีพิมพฺพิลาไลย” พุทธคุณจึงยอดเยี่ยมเช่นเดียวกับพระผงสุพรรณทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดคงกระพัน องค์นี้อยู่ในความครอบครองใช้ติดตัว “เสี่ยบอย เพชรบูรณ์” หรือคุณอัครพงษ์ ม่วงอ่ำ เจ้าของสิบล้อขนส่งอ้อยและรถเกี่ยวอ้อยรายใหญ่ในจังหวัดเพชรบูรณ์ จัดว่าเป็นนักสะสมพระรุ่นใหม่ไฟแรงชื่นชอบพระหลักยอดนิยม พระเบญจภาคีถูกใจเป็นเช่าบูชา พระองค์นี้เป็นพระมรดกตกทอดจากคุณพ่ออดีตอธิบดีกรมที่ดิน ปัจจุบัน เสี่ยบอย เป็นรองเลขาสมาคมชาวไร่อ้อย จ.เพชรบูรณ์

“ลูกอมด้ายสาวพรหมจรรย์ หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว”



ลูกอมด้ายสายสิญจน์หรือด้ายสาวพรหมจรรย์ หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี มีบันทึกเป็นตำนานประวัติในหนังสือเครื่องรางของขลังขมังเวทย์ โดยพยัพ คำพันธุ์ เป็นลูกอมที่ลงยันต์ในกระดาษสาพอกผงคลุกรักพันด้ายสายสิญจน์ลงรักลูกอมสร้างจากเนื้อกระดาษสา หลวงปู่ยิ้มลงคาถาในการะดาษสาม้วนเป็นวง เหมือนเช่นตะกรุดลูกอม ท่านจะใช้ด้ายสายสิญจน์พันม้วนรอบกระดาษสาเป็นลูกอม หลายชั้น จึงเรียกกันว่าลูกอมสายสิญจน์ แต่คนโบราณชาวบ้านย่านนั้นเรียกว่าลูกอมด้ายสาวพรหมจรรย์ เพราะกรรมวิธีที่ท่านสร้างจะให้หญิงสาวบริสุทธิ์นุ่งขาวห่มขาวถือศีล 5 ปฎิบัติวิปัสสนากรรมฐาน 9 วัน ท่านจะนำสายสิญจน์ให้หญิงสาวพรหมจรรย์พันวนไปทางขวาบริกรรมพระคาถา 108 จบ เมื่อครบแล้วนำมาจุ่มรักหลวงปู่ยิ้มจะปลุกเสกอีกหนเป็นเสร็จพิธี จึงดีทางด้านเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์และโชคลาภ ลูกอมด้ายสาวพรหมจรรย์เป็นของหายากใช้แทนพระปิดตาราคาหลักล้านได้อย่างสบายใจ ปัจจุบันอยู่กับ ธีระ เครื่องราง

ขอขอบคุณ
https://www.banmuang.co.th/column/other/6303

 

พระเกศในพิมพ์ทรงเจดีย์
พลายชุมพล
28 มี.ค. 2564 05:01 น.


คนรักพระสมเด็จ คุ้นตากับพระเกศแบบบัวตูม เป็นตุ้มเขื่อง แบบพระเกศพระเชียงแสนสิงห์ 1 ของพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์เกศบัวตูมกันแล้ว แต่ก็น่าจะสะดุดตาอยู่บ้าง เมื่อไปเจอพระเกศแบบบัวตูม ที่มีจอมกระหม่อมสูง ที่เห็นเด่นชัดมาก ในพิมพ์ทรงเจดีย์แบบ พิมพ์ชะลูด

ในหนังสือภาพพระสีขยายใหญ่ เล่ม “พรีเชียส สเปเชียล” ของอาจารย์รังสรรค์ ต่อสุวรรณ มีทรงเจดีย์พิมพ์ เส้นสายคุ้นตา องค์หนึ่ง


ทฤษฎีสำนักท่าพระจันทร์ ก็น่าจะเป็นพิมพ์ที่ 2 ปลายเกศเป็นกระหย่อมบัวตูม แบบเดียวกับพิมพ์เกศบัวตูมทั่วไป

ทำให้คิดได้ว่า ช่างจงใจแกะพระเกศในพิมพ์ทรงเจดีย์ เป็นแบบบัวตูม...ในหลายๆพิมพ์

เพียงแต่เหลือให้เห็นองค์ที่ติดพิมพ์เต็มๆน้อยองค์

เป็นเหตุผลเดียวกับการติดเส้นสังฆาฏิกลางอก หรือขอบจีวรที่วกอ่อนเข้าหารักแร้

ดูพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ทรงเจดีย์ องค์ในคอลัมน์วันนี้ แม่พิมพ์เทียบองค์ครูได้ทุกเส้นสาย จุดที่เด่นสะดุดตากว่าทุกองค์ที่เห็นๆกันมา คือส่วนปลายพระเกศ ติดเต็มอิ่มชัดเจน เป็นเกศแบบบัวตูมซ้อนบัวตูม

เริ่มแต่ฐานที่เป็นหย่อมกระหม่อมเขื่อง ต่อด้วยบัวตูมขนาดย่อมดอกที่สอง ต่อด้วยบัวตูมขนาดกลาง จนไปจดเส้นซุ้ม รวมเป็นสามดอกบัวตูมด้วยกัน

เท่าที่เคยเห็นผ่านตามาบ้าง มีบัวตูมดอกที่เป็นจอมกระหม่อม แล้วต่อด้วยเส้นเรียวยาว ไปจดซุ้ม และที่ว่าเห็นแปลกตา มาแล้วต่อด้วยดอกบัวตูมดอกที่สอง

เพิ่งมาเห็น บัวตูมซ้อนบัวตูม ชูช่อต่อๆ กันสามดอกบัวตูมเต็มตา ก็องค์นี้

บัวตูมบนพระเกศพิมพ์ทรงเจดีย์ ครูตรียัมปวาย ผู้เขียนปริอรรถาธิบายแห่งพระเครื่อง เล่มพระสมเด็จฯ ได้เห็นเต็มตามาก่อนพวกเรา ท่านพรรณนาไว้ว่า

มีลักษณะเป็นจอมกระหย่อมพระเมาลี ชัดเจนยิ่ง จัดเป็นพระเกศที่งดงามที่สุดของพระสมเด็จฯ

ส่วนฐานเป็นกระหย่อมรับกับจอมพระศิระ ซึ่งเป็นจอมกระหม่อมสูง ตอนกลางค่อยๆเรียวขึ้น ส่วนมากจะอยู่ในแนวดิ่ง และมักจะคมชัดลักษณะสันอกไก่

ครูตรียัมปวาย มีภาพตัวอย่าง องค์ที่ 7 ในชุดทรงเจดีย์ เป็นสีขาวดำ ทั้งภาพก็เล็ก ลองดูภาพองค์ในคอลัมน์วันนี้ ถ้าเปิดไทยรัฐออนไลน์ ดูภาพสี ก็ยิ่งจะดี แล้วจินตนาการตาม คงพอเข้าเค้าไปกันได้

ตามหลักการตัดสินพระสมเด็จวัดระฆัง เมื่อพิมพ์ทรงเส้นสายถูกต้อง ธรรมชาติและเนื้อหาพระก็ถูกต้องสมคล้อยตามไปด้วย

ทรงเจดีย์องค์นี้ ถูกใช้ช้ำ เหงื่อไคล ไอร้อน จากตัวคนซึมซับจับกับสารน้ำมัน (ตังอิ้ว) ในเนื้อพระ แปรสภาพผิวจากเดิมแป้งโรยพิมพ์ (เมือกปูน) ขาวหม่น กลายเป็นสีเหลืองเข้ม สลับกับบางส่วนที่ขาวนวลเหมือนสีน้ำนม ยังพอเห็นมวลสาร เม็ดขาว ก้อนดำ กากแดง ประปราย

นี่ว่ากันเฉพาะด้านหน้า เมื่อพลิกไปดูด้านหลัง ด่างดวงที่เกิดจากฝ้ารักสีน้ำตาล สลับกับหลุมร่อง รอยยุบรอยแยก รวมทั้งขอบสี่ด้านสึกมน กลมกลืนไปตามธรรมชาติของพระที่ถูกจับต้อง

นี่คือภาพรวมของเนื้อพระ ที่หนึกนุ่ม ซึ้งจัดจับตา ที่นักเลงพระโบราณดูผ่านก็จะหลุดปากว่า “ดูง่าย”

พระสมเด็จสวยซึ้งสมบูรณ์แบบองค์นี้ อย่าว่าแต่จะได้ดูองค์จริงกับมือเลย แค่ดูภาพก็หาโอกาสได้ยากเต็มที.

พลายชุมพล

ขอขอบคุณ
https://www.thairath.co.th/lifestyle/amulet/2058492

 

บ้านเมืองพระเครื่อง
อ. วันชัย : วันเสาร์ ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2564, 20.46 น.

ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่


พระเด่นคนดังบ้านเมือง (13 มิ.ย.64)
“พระปิดตาหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง”






หลวงปู่เอี่ยม “ปฐมนาม” เป็นคนนนทบุรีเกิดในสมัยรัชกาลที่ 2 บ้านอยู่ ข้างวัดท้องคุ้ง อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี บวชตอนอายุ 22 ปี เรียนกรรมฐาน ที่วัดประยุรวงศาวาส ธนบุรี ออกเดินธุดงค์เข้าไปในป่าลึกชาวบ้านบางคนเข้าใจว่าหลวงปู่เสียชีวิตไปแล้ว หลวงปู่ได้หยั่งรู้ด้วยญาณของท่านจึงเดินทางกลับไปวัดสะพานสูง หลวงปู่เอี่ยมมีอายุอยู่ในยุคใกล้เคียงกับสมเด็จวัดระฆัง ได้สร้างพระปิดตา ที่วงการพระเครื่องแบ่งแยกเป็นพิมพ์ต่างๆได้ดังนี้ พิมพ์ชะลูดใหญ่(ว่าวจุฬา) พิมพ์ชะลูด พิมพ์ตะพาบ และพิมพ์พนมมือ องค์ที่ลงโชว์นี้เป็นพิมพ์ชะลูด อยู่ในความครอบครองของ นุ พระแท้เมืองสยาม นายกสมาคมส่องพระแท้เมืองสยาม



“พระรอดมหาวัน ลำพูน พิมพ์ใหญ่”






พระรอดมหาวัน สุดยอดพระเครื่องของเมืองไทยเป็นที่ปรารถนาของนักสะสมพระเครื่องทุกคน พระรอดเป็นพระเนื้อดินที่มีราคาแพงที่สุดในโลกทั้งที่ขนาดองค์พระเล็กแค่ปลายนิ้วก้อย ด้วยสาเหตุหลายประการเช่นชื่อเป็นนามมงคลคือพระรอดผู้บูชาเชื่อว่าช่วยให้ชีวิตรอดปลอดภัย กาลเวลาที่สร้างผ่านมานับพันปี สมัยทวารวดีตอนปลาย และมีศิลปะสกุลช่างหริภุญไชย มีความงดงามมีความคลาสสิค แสดงถึงพระบรมศาสดาประทับนั่งใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ พระรอดพิมพ์ใหญ่เนื้อสีมอยออกเขียวองค์นี้อยู่ในความครอบครองของคุณวริทธิ์ชัย วัชรประภา โทร.084-5646456



“หลวงพ่อทวดวัดช้างให้เนื้อว่าน พิมพ์ใหญ่ เอ.”






หลวงพ่อทวดวัดช้างให้พิมพ์ใหญ่ เอ. เนื้อกรรมการ ปี 2497 องค์นี้เป็นหนึ่งในองค์ดาราอยู่ในหนังสือ พระองค์ครู อาจารย์ชัยนฤทธิ์ เพชรพันธุ์ทอง อุปนายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย ฉบับคัมภีร์เล่ม 1 หน้า 267 และพระองค์ครูฉบับเนื้อว่าน หน้า 173 พระหลวงพ่อทวดพิมพ์ใหญ่ เอ.เนื้อว่านรุ่นแรก มีจุดสำคัญด้านหน้ามีเส้นขีดที่หูด้านซ้ายและด้านขวาขององค์พระ มีเส้นเฉียงที่แขนด้านขวา พระครูวิสัยโสภณ(ทิม ธมฺมธโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดช้างให้ ผู้จัดสร้างด้วยเนื้อว่านผสมดินดำ พระอาจารย์นอง วัดทรายขาวพร้อมพระเณรช่วยกันหาว่านตามภูเขามาตำผสมกับดินว่านดำสร้างได้ 64,000 องค์ พระอาจารย์ทิมปลุกเสก วันที่ 18 เมษายน 2497 พระหลวงพ่อทวดเนื้อว่านรุ่นแรก พิมพ์ใหญ่ เอ.เนื้อดำ องค์นี้อยู่กับ หนึ่ง สมุย โทร.084-6583155



“พระร่วงนั่งกรุวัดหน้าพระธาตุ พนัสนิคม ชลบุรี”






จังหวัดชลบุรีไม่ใช่โด่งดังเฉพาะพระปิดตาหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ เท่านั้น จ.ชลบุรีเป็นดินแดนแห่งพระพุทธศาสนามาแต่โบราณที่คนจีนเรียกว่า “บ๊วง ฮุก ส่วย” แปลว่าเมืองหมื่นพระ หมื่นเจ้า เป็นเมืองยุคก่อนประวัติศาสตร์อยู่ในยุคทวารวดีพบพิมพ์พระกรุพระโบราณเช่น พระร่วงกรุหน้าพระธาตุหรือพระร่วงนั่งหน้าพระธาตุ อ.พนัสนิคม (เมืองพระรถ) และกรุหนองบัว กรุหนองยาง เป็นพระนาคปรกสมัยลพบุรี กรุคลองหลวง กรุศรีพโล กรุบ้านบ่อทอง เป็นพระศิลปะทวารวดีอายุกว่าพันปี พระร่วงนั่งหน้าพระธาตุที่นำมาลงโชว์นี้เป็นพระเนื้อดินผสมทราย มีทั้งพิมพ์ใหญ่พิมพ์กลางและพิมพ์เล็ก อายุกว่า 1,000 ปี คนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ไม่เคยเห็นจึงไม่รู้จักกันแล้วพระมีจำนวนน้อย นายกสมาคมอนุรักษ์พระเครื่องพระบูชาจังหวัดชลบุรี คุณชำนาญ ศรีพัชรเอก(โต๊ะเซ้ง) จึงนำมาเผยแพร่ให้ความรู้ได้ดูกันบ้า



“เหรียญหลวงพ่อทวดรุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ ปี 08”






เหรียญหลวงพ่อทวดรุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ จัดสร้างในงานฉลองสมณศักดิ์ท่านอาจารย์ทิม พ.ศ.2508 ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูฝ่ายวิปัสสนาครองพัดยศขาว ที่ “พระครูวิสัยโสภณ” จัดเป็นเหรียญที่คณะศิษย์ปิติยินดีฉลองสมณศักดิ์ให้อาจารย์ทิม วัดช้างให้ จึงถือเคล็ดลับว่าใครบูชาเหรียญนี้แล้วหน้าที่การงานสูงขึ้น รุ่นนี้ เหรียญรุ่นเลื่อนสมณศักดิ์เป็นเหรียญเสมา มีทั้งเนื้อทองคำ เนื้อเงิน เนื้ออัลปาก้า และทองแดง สำหรับเหรียญที่ลงให้ชมเป็นเหรียญเนื้ออัลปาก้าของ พรเทพ เกิดเมืองพร



“พระสมเด็จบางขุนพรหมพิมพ์สังฆาฏิมีหู”






พระสมเด็จบางขุนพรหมพิมพ์สังฆาฏิหูช้าง มีเอกลักษณ์ชัดเจนที่เส้นใบหูโค้งงอนใหญ่คล้ายหูช้าง ปลายเส้นพระเกศทะลุซุ้ม เส้นขอบพิมพ์ด้านบนปลิ้นนูนขึ้น พื้นด้านในซุ้มลึกกว่าด้านนอก พระสมเด็จบางขุนพรหมเป็นพระเครื่องที่ใช้ผงพุทธคุณมวลสารของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต จัดสร้างบรรจุในเจดีย์วัดบางขุนพรหม(วัดใหม่อมตรสในปัจจุบัน) ประมาณปี พ.ศ. 2413 โดยนำมวลสารวิเศษผสมในเนื้อพระด้วย ช่วงที่เปิดกรุพบว่ามีพระสมเด็จพิมพ์วัดระฆังปะปนอยู่ด้วยจึงถูกขนามนามเรียกว่าพระสมเด็จสองคลองต่างกันที่มีคราบกรุหรือฟองเต้าหู้ขาวขุ่นจับอยู่ พระสมเด็จบางขุนพรหมพิมพ์สังฆาฏิมีหูองค์นี้อยู่ในความครอบครองของ ดร.กิตติธร สงฆ์ประชาหรือ อาจารย์นิด มหานคร



“พระร่วงยืนหลังรางปืน กรุศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย”






พระร่วงยืน หลังรางปืน เป็นจักรพรรดิแห่งพระเครื่องเนื้อตะกั่วสนิมแดง เป็นพระศิลปะเขมรยุคบายน อายุ 700-800 ปี มีทั้งพิมพ์ฐานสูง พิมพ์ฐานเตี้ย พิมพ์แก้มปะ และพิมพ์หน้าหนุ่ม พระร่วงยืนหลังรางปืนมีพุทธลักษณะปางประทานพร อยู่ในซุ้มเรือนแก้ว ด้านหลังเป็นร่องลึกแนวยาวคลายรางปืน ปัจจุบันหาชมของแท้ยากยิ่ง เป็นพระเครื่องที่เปี่ยมด้วยพุทธานุภาพและคุณค่าของผู้นิยมสะสมพระกรุ พระร่วงยืนหลังรางปืนกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ศรีสัชนาลัยเนื้อตะกั่วสนิมแดงพิมพ์ฐานเตี้ย องค์นี้มีดีกรี ที่ ๑ งานประกวดพระเครื่อง SC สายใต้ใหม่ ของคุณคุณอรรถพงษ์ อินทราชัย



“พระหลวงปู่ศุข ออกวัดดอนตาล รุ่นยกมณฑป 2464”






วัดดอนตาล อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท เป็นวัดหนึ่งที่อยู่ห่างจากวัดปากคลองมะขามเฒ่าไป 15 กิโลเมตร มีประวัติชัดเจนว่าหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าสร้างพระรุ่นนี้แน่นอนออกให้วัดดอนตาล นำมาแจกเมื่อคราวฉลองมณฑปวัดปากคลองมะขามเฒ่าในปี พ.ศ.2464 คนยุคก่อนเรียกพระหลวงปู่ศุขรุ่นนี้ว่า “รุ่นยกมณฑป” หรือพระหลวงปู่ศุขหลังยันต์นูน ออกวัดดอนตาล ต่อมาในปี พ.ศ.2527 ได้พบพระรุ่นนี้ใต้ฐานพระประธานโบสถ์วัดดอนตาล อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท บรรจุในลังไม้ เป็นพระพิมพ์คล้ายพิมพ์ตัดชิด กรรมวิธีหล่อเป็นแผงมีรอยประกบข้าง เอกลักษณ์ของพระพิมพ์นี้ด้านหลังมีอักขระ “นะขึ้นยอด” หรือ “นะทรหด” มีผิวพรายเงินปกคลุมทั้งด้านหน้าหลังเป็นธรรมชาติ องค์นี้ของ ร.ต.ท.สมศักดิ์ จันทร์ตรี โทร.062-9399291



“เขี้ยวเสือแกะหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย”






โหราพญายักษ์เจ้าของเขี้ยวเสือเล่าว่า เขี้ยวเสือหลวงพ่อปาน วัดมงคลโคธาวาส(บางเหี้ย) จังหวัดสมุทรปราการ มีเอกลักษณ์ หน้าแมว หูหนู ตาลูกเต๋า ยันต์กอหญ้า จัดเป็นเครื่องรางยอดนิยมคู่กับเบี้ยแก้หลวงปู่รอดวัดนายโรง เสือหลวงพ่อปานแกะจากเขี้ยวเสือมีทั้งหุบปาก อ้าปาก แบบ 3 เล็บ 4 เล็บ ช่างแกะยุคนั้นผู้รู้บอกว่ามี 5 คน ช่างฟัก ช่างชม ช่างนิล ช่างมาก และช่างมา ยุคแรกเป็นเสือเขี้ยวซีก และมีเสือตัวเล็กแกะจากปลายเขี้ยว ที่เรียกว่าเสือสาลิกา คนโบราณจะใส่ไว้ในตลับสีผึ้งทาปาก ใต้ฐานลงยันต์กอหญ้า หรือสูญญังจารเป็นวงรี เสือตัวใหญ่ลงยันต์กอหญ้า 2 ตัว และลง ฤ ฤาพร้อมกับ อุณาโลม มีเรื่องเล่าเกิดปาฏิหาริย์เมื่อครั้งรัชกาลที่ 5 เสด็จทอดพระเนตรประตูน้ำคลองด่าน หลวงพ่อปานนำเขี้ยวเสือใส่พานเพื่อถวาย เขี้ยวเสือหล่นลงน้ำหลวงพ่อท่องคาถาเขี้ยวเสือก็กลับมาติดชิ้นหมูที่หลวงพ่อยื่นออกไปได้กลับมาอย่างน่าอัศจรรย์

ขอขอบคุณ https://www.banmuang.co.th/column/other/6389


“พระกริ่งปวเรศเนื้อทองคำ องค์คุณธัลดล บุนนาค”






พระกริ่งปวเรศเป็นพระนามของพระกริ่งที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ วัดบวรนิเวศวิหารทรงสร้างขึ้น เพื่อประทานแก่เจ้านายที่ทรงคุ้นเคยสนิทสนมกัน และเจ้านายที่ทรงเป็นพระอุปัชฌาย์มีจำนวนน้อยไม่เกิน 30 องค์ ทรงสร้างด้วยเนื้อนวะโลหะ พุทธลักษณะพระกริ่งปวเรศได้เค้าจากพระกริ่งจีนหรือพระกริ่งใหญ่ ไม่มีท่านใดทราบแน่ชัดสร้างในปีใด ภายหลังหลวงชำนาญเลขา ได้ขอประทานอนุญาตนำแบบพิมพ์ไปสร้างอีกจำนวนเท่าไรไม่ปรากฏ พระกริ่ง ปวเรศวัดบวรนิเวศวิหารในอาณาจักรพระเครื่องจัดว่าเป็นพระกริ่งที่มีค่าคุณค่าทางจิตใจเป็นที่นิยมสูง ขออานุภาพแห่งพุทธคุณของพระเครื่องทั้งปวงและพระกริ่งปวเรศองค์นี้จงดลบันดาลให้ท่านธัลดล บุนนาคผู้มีจิตตั้งมั่นศรัทธาในพระเครื่องอย่างแรงกล้าจงหายป่วยไข้โดยพลัน



“เก่ง รังสิต ผู้สร้างไอ้เท่ง เรียกทรัพย์”






ไอ้เท่ง เรียกทรัพย์ หลวงปู่นน วัดเขาพรานธูป อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จัดเป็นเครื่องรางรุ่นใหม่อันโด่งดังในเรื่อง “ขอได้ให้จริง” ไอ้เท่ง เรียกทรัพย์ รุ่นนี้ เก่ง รังสิตผู้มีศรัทธาและมีประสบการณ์จากวัตถุมงคล ปลัดขิกแสนกลหลวงปู่นนดิ้นได้ เสกได้ไม่แพ้หลวงพ่อยิด วัดหนองจอกพระอาจารย์ของท่าน ไอ้เท่ง เรียกทรัพย์ รุ่นแรก หลวงปู่นน จันทวิโร วัดเขาพรานธูป มีพระเกจิดังร่วมปลุกเสก หลวงพ่อแถม วัดช้างแทงกระจาด หลวงพ่อทุม วัดเขาน้อยบน ล.พ.เปี๊ยก วัดหนองแต้ม หลวงปู่เทียน วัดเขาน้อยล่าง หลวงพ่อตุ้ม วัดปราณบุรี สนใจมีไว้บูชาค้าขายเรียกทรัพย์ โทร.063-2718527และ 083-8331018



ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

 

วัตถุมงคล "หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ" แห่งวัดสะแก



เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์

หลวงปู่ดู่ท่านพูดเสมอว่า “ติดวัตถุมงคล ยังดีกว่าติดวัตถุอัปมงคล” หลวงปู่ดู่ท่านได้สร้างพระมาตลอดตั้งแต่ที่ท่านบวช ท่านบอกว่า "ใจเราจะได้อยู่กับพระ เป็นบุญเป็นกุศล ดีกว่าเอาเวลาไปทำอย่างอื่น" ดังนั้นการสร้างพระของหลวงปู่ดู่โดยส่วนใหญ่ท่านจะทำด้วยองค์ท่านเอง โดยเฉพาะพระเนื้อผงพิมพ์ต่าง ๆ ท่านจะทำด้วยองค์ท่านเองตลอด ต่อมาระยะหลังท่านอนุญาตให้ลูกศิษย์ถวายงานสร้างวัตถุมงคล ด้วยเหตุผลที่ว่า "การสร้างพระจะได้กุศลมาก" ท่านเริ่มต้นสร้างพระในปี ๒๔๙๒ เริ่มสร้างวัตถุมงคลขึ้นเป็นวาระแรก หลังจากนั้นก็สร้างเรื่อยมา ซึ่งท่านจะสร้างเป็นเนื้อผง ทั้งเนื้อผงพุทธคุณ และเนื้อผงพุทธคุณผสมกับปูนชนิดต่าง ๆ



ผงพุทธคุณที่หลวงปู่ดู่ท่านสร้าง

การสร้างผงพุทธคุณของหลวงปู่ดู่นั้น ท่านได้เริ่มสร้างตั้งแต่ท่านบวชในพรรษาที่ ๓ เรื่อยมากว่า ๓๐ ปี ท่านจะสร้างและเก็บเอาไว้ในโอ่งมังกรราว ๆ ๓ โอ่ง วิธีการสร้างผงของหลวงปู่ดู่ ท่านจะใช้ดินสอพองปั้นเป็นแท่งเขียนยันต์อักขระต่าง ๆ บนกระดานชนวนจนหมด แล้วนำผงที่ได้มาปั้นผสมกับน้ำข้าวเป็นแท่งยาวราว ๓-๔ นิ้ว ให้ได้จำนวน ๘ แท่งแล้วนำมาเขียนยันต์และอักขระอีก จากนั้นจึงลบผงจนหมดแล้วนำมาปั้นขึ้นอีกให้ได้ ๘ แท่งแล้วนำมาเขียนเลขยันต์อักขระจนหมดก็ลบผงเพื่อนำมาปั้นใหม่ ท่านจะทำเช่นนี้ ๗ ครั้ง ผงที่ได้จึงจะเป็นผงพุทธคุณที่สามารถนำมาใช้เป็นส่วนผสมในการสร้างพระได้

รวมถึงมวลสารต่าง ๆ ที่หลวงปู่ดู่ท่านใช้ในการสร้างพระ การสร้างพระของหลวงปู่ดู่ท่านจะรวบรวมมวลสารศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ มากมายจากวัสดุและวัตถุที่เป็นมงคลจากคณาจารย์ต่าง ๆ ทั้งจากครูบาอาจารย์ของท่าน และผงที่ท่านทำสะสมไว้ได้แก่
๑ ผงพุทธคุณต่าง ๆ

- ผงอิทธิเจ

- ผงปถมัง

- ผงมหาราช (ผงที่ได้รับจากหลวงปู่ใหญ่)

- ผงพุทธคุณ

- ผงตรีนิสิงเห

- ผงสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม (หลวงปู่ใหญ่มอบสมเด็จวัดระฆัง ๑ องค์เป็นส่วนผสม)

- ผงขมิ้น

- ผงถ่านโพธิ์ (โพธิ์ใต้ต้นแม่ ได้แถวปราจีนบุรี)

- ผงใบลาน

- ผงแก่งละว้า

- ผงอัฐิธาตุของหลวงพ่อกลั่น

- ผงชันและน้ำมันยาง

๒ ผงขี้ธูปบูชาพระธาตุต่างๆ

๓ ข้าว ๗ ทุ่ง

๔ ดิน ๗ ท่า (ท่าเรือ)

๕ ใครเสมา ๗ วัด

๖ ดินรังหมาร่า (ที่ร้างแล้ว อุดตามประตู หน้าต่าง หรือพระเนตร พระกัณฑ์พระพุทธรูป

๗ ดินขุยปู ในเดือน ๓ ขึ้น ๓ ค่ำ

๘ น้ำมันจันทร์ น้ำมันงา น้ำมันหอมต่าง ๆ

๙ สีผึ้ง

๑๐ เทียนชัย

๑๑ ว่านต่าง ๆ

๑๒ น้ำมนต์ต่าง ๆ (โดยเฉพาะน้ำมนต์ของวัดตูม)

๑๓ แร่เหล็กไหล

๑๔ ซีเมนต์ดำ ซีเมนต์ขาว

ซึ่งมวลสารสำคัญข้างต้นท่านได้นำมาสร้างพระในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งจะแยกเป็นหมวดหมู่ตามชนิดของการสร้างพระ เช่นพระเนื้อผงก็จะใช้มวลสารประเภทผงต่าง ๆ พระเนื้อดินก็จะใช้มวลสารที่มีดินเป็นองค์ประกอบสำคัญ และในการสร้างพระในช่วงแรก ๆ นั้น วิธีการในการสร้างพระของหลวงปู่ดู่ท่านเป็นวิธีการสร้างแบบเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน และท่านจะดำเนินการด้วยองค์ท่านเองเป็นส่วนใหญ่ ท่านจะสร้างด้วยมือขององค์ท่านเอง ด้วยการทำพิมพ์ การผสมผง การเทผง และการตกแต่งองค์พระ ให้ได้รูปทรงสวยงามเรียบร้อย ด้วยมือท่านเองทุกขั้นตอน


ภาพวัตถุมงคลยุคแรกบางส่วน


พระพรหมพิมพ์ใหญ่ ปี ๒๕๑๗

วัตถุมงคลประเภทงานหล่อ และเหรียญยอดนิยมในปัจจุบัน

วัตถุมงคลประประเภทเนื้อโลหะนั้น เริ่มจัดสร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงปี ๒๕๐๕ เรื่อยมาอีกหลายปีหลายวาระที่ได้มีการจัดสร้างขึ้นโดยดำริอนุญาตขององค์หลวงปู่ดู่ท่าน แต่ในเริ่มแรกนั้นท่านจะยังไม่อนุญาตให้จัดสร้างเป็นรูปท่าน แต่ท่านจะให้สร้างเป็นรูปของครูอาจารย์ของท่านเป็นปฐมก่อน มีหลวงพ่อกลั่น และหลวงปู่ทวด และหลวงปู่ใหญ่ (เจ้าอาวาสวัดสะแกในยุคนั้น) เป็นต้น

เหรียญหลวงพ่อกลั่น ปี ๒๕๐๕ เหรียญหลวงปู่ทวดข้างบัว ปี ๒๕๒๐ เหรียญหลวงปู่ใหญ่ ปี ๒๕๑๐

ต่อมาในการจัดสร้างวัตถุมงคลของวัดสะแกจึงจะมีการจัดสร้างในแบบพิมพ์ขององค์หลวงปู่ดู่ท่านขึ้นตามดำริอนุญาตจากท่านในบางวาระ และจะมีการจัดสร้างควบคู่ไปกับพิมพ์ขององค์หลวงปู่ทวดด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเห็นควรด้วยดำริอนุญาตจากท่านทั้งสิ้น

เหรียญหล่อสี่เหลี่ยมข้างบัว ปี ๒๕๒๒ เหรียญที่ระลึกในการปฏิบัติธรรม ปี ๒๕๒๔


เหรียญอันตรายาปิ พิมพ์ยืน ปี ๒๕๒๖ เหรียญยันต์ดวง ปี ๒๕๒๖


เหรียญเศรษฐี ปี ๒๕๓๑ เหรียญหลวงปู่ทวด พิธีเปิดโลก ปี ๒๕๓๒

ซึ่งทั้งหมดทุกวาระทุกแบบพิมพ์ในวัตถุมงคลของหลวงปู่ดู่ท่านนั้น ปัจจุบันต่างก็ได้รับความนิยมและมีผู้ศรัทธาติดตามถามหาอยู่เสมอยิ่งไปกว่านั้นส่วนที่ท่านเน้นหนักที่สุด เพื่อให้ลูกศิษย์ท่านทั้งศิษย์เก่าศิษย์ใหม่ ได้ประพฤติตามก็คือ การปฏิบัติภาวนา วัตถุมงคลของท่านกับแนวทางของผู้บูชาในยุคนี้จะยังคงทำหน้าที่ได้ตรงวิถีตรงเจตนาของท่าน เพราะผู้บูชาที่มีความศรัทธานั้นก็ต่างเกิดประโยชน์ที่ชัดเจนในการอาราธนาบูชาเพื่อนำทางสู่การค้นหาพระแท้ได้ตามลำดับ

พระแท้ของหลวงปู่ดู่

พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ

สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ



ขอบคุณการเผยแผ่โดย

กลุ่มไตรอุทิศ เราศรัทธาหลวงปู่ดู่

เรียบเรียงโดย ชัช ชัยมงคล



สนใจติดตามข่าวของหลวงปู่ดู่และข้อมูลข่าวสารของทางวัดสะแกเพิ่มเติมคลิกลิงค์

ลิงค์เพจวัดสะแก https://www.facebook.com/18WATSAKAE2533/

ลิงค์เพจไตรอุทิศ https://www.facebook.com/Chatchaimongkol/

ลิงค์ยูทูปไตรอุทิศ https://www.youtube.com/user/chatcha66


https://www.komchadluek.net/amulet/491761

 

พระเครื่องหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ รุ่นฮิต มีประวัติพุทธคุณอย่างไร
21 ม.ค. 2566 14:17 น.

พระเครื่องหลวงปู่ทิม เป็นพระเครื่องที่นิยมมากในวงการตลาดพระเครื่องไทย โดยต้นปี 2566 มีประกาศขายทอดตลาดประเภทพระเครื่อง ศิลปวัตถุ พบพระเครื่องหลวงปู่ทิมรุ่นยอดนิยมถึง 11 รุ่น ราคาประมูลเริ่มต้น 100,000-500,000 บาท โดยพระเครื่องหลวงปู่ทิมที่เป็นที่รู้จักคือ พระขุนแผน ซึ่งเนื้อหาต่อไปนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

ประวัติหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ.ระยอง


หลวงปู่ทิม หรือ พระครูภาวนาภิรัต เกิดเมื่อเดือนมิถุนายน 2422 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) และมรณภาพวันที่ 16 ตุลาคม 2518 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สิริอายุ 96 ปี อยู่ในเพศบรรพชิต 69 พรรษา

ชื่อเสียงของ หลวงปู่ทิม เริ่มเป็นที่รู้จักจากคำบอกเล่าของลูกศิษย์ ว่าท่านเป็นคนสมถะ มีจริยวัตรที่เรียบง่าย ฉันอาหารเพียงมื้อเดียวต่อวัน และรับประทานมังสวิรัติ มีสุขภาพที่แข็งแรง เพราะเชื่อว่าเป็นบุญญาธิการที่สั่งสมมา แม้ว่าท่านจะมีอายุเกือบ 100 ปี แต่ฟันก็ยังอยู่ครบทุกซี่

หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ บิดาชื่อแจ้ มารดาชื่ออินทร์ เมื่ออายุ 17 ปี ทางครอบครัวก็ได้ไปฝากเรียนหนังสือกับพระอาจารย์สิงห์ เมื่อท่านบวชจำวัด 1 พรรษา ก็ได้ขอออกไปศึกษาธุดงค์เป็นเวลา 3 ปี ได้เรียนวิชาต่างๆ จากพระภิกษุและฆราวาส และจากหลวงปู่เฒ่าสังข์ ซึ่งเป็นปู่แท้ๆ ของหลวงปู่ทิม หลังจากนั้นก็ได้เดินทางกลับมาอยู่ที่วัดละหารไร่ซึ่งเป็นบ้านเกิด และได้ดูแลบูรณะวัดจนเป็นที่รู้จัก

หลวงปู่ทิม ได้รับสมณศักดิ์แต่งตั้งเป็นพระครูชั้นประทวน ในปี พ.ศ.2478 และได้เป็นพระครู ทิม อิสริโก ในปี พ.ศ.2497 ได้รับพระราชทานพัดยศเป็นเจ้าคณะจังหวัด พระครูภาวนาภิรัต ในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2507

พุทธคุณหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ.ระยอง
พระเครื่องหลวงปู่ทิม ถือเป็นที่นิยมในหมู่วงการนักเล่นพระเครื่องในไทย ท่านปลุกเสกมวลสารและพิมพ์ในแม่พิมพ์ที่ทำขึ้นมาเอง และได้เปลี่ยนตำหนิ ใช้แม่พิมพ์เดิมพิมพ์พระเครื่องออกมาหลายรุ่น เพื่อให้ชาวบ้านและผู้ศรัทธา

คาถาบูชาหลวงปู่ทิม อิสริโก (3 จบ)
อิติสุคะโต อะระหัง พุทโธ มะโมพุทธายะ มะอะอุ ทุกข์ขัง อนิจจัง อนัตตา พุทโธ พุทโธ

พระเครื่องหลวงปู่ทิม รุ่นยอดนิยม พร้อมประวัติพุทธคุณ
พระเครื่องหลวงปู่ทิมมีชื่อเรื่องพุทธคุณหลายด้าน รุ่นที่โดดเด่นคือพระกริ่ง ชินบัญชร และพระขุณแผน โดยมีราคาเช่าบูชาไม่ต่ำกว่า 7 หลัก

1. พระกริ่งชินบัญชร ตัดสายรุ้งขาด
พระกริ่งชินบัญชร รุ่นที่เป็นเนื้อทองคำ เล่ากันว่ามีราคาเช่าบูชา 30 กว่าล้านบาท เคยมีลูกศิษย์ที่ได้ไป ตั้งจิตอธิษฐานว่าถ้าองค์พระศักดิ์สิทธิ์จริง ขอให้ตัดสายรุ้งขาด เมื่อพูดจบก็ยกองค์พระสะบัดตัดสายรุ้ง และสายรุ้งก็ขาดหายไป เรื่องนี้เป็นวิจารณญาณความเชื่อส่วนบุคคล


องค์ในภาพของ เสี่ยแมน ขุนแผน เป็นองค์หมายเลข 6 ออกวัดเจ้าเจ็ด (ที่มาจากคอลัมน์สนามพระ โดย สีกาอ่าง)

พระกริ่งชินบัญชร ก้นเงิน หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ของ แมน ขุนแผน.พระกริ่งชินบัญชร ก้นเงิน หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ระยอง สร้างเมื่อปี พ.ศ.2517 ด้วยวิธีเทหล่อแบบโบราณ เนื้อพระมีชนวนหลัก ประกอบด้วย แผ่นยันต์ชินบัญชร แผ่นยันต์ 108 นะ เททองที่วัดละหารไร่ โดย หลวงปู่ทิม เป็นประธาน เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2517 มีทั้งหมดสี่ชนิดคือ พระกริ่ง พระชัยวัฒน์ พระสังกัจจายน์ พระปิดตาเฉพาะ พระกริ่ง มีสร้างไว้เป็นเนื้อทองคำ 13 องค์ เนื้อบรมพุทโธ 9 องค์ เนื้อนวะกะไหล่ทอง 9 องค์ เนื้อนวะก้นทองคำ 16 องค์ เนื้อนวะก้น อุดผงพรายกุมาร 104 องค์เนื้อนวะก้นเงิน 390 องค์ (ตอกโค้ดศาลาเลขไทย 195 องค์ ออกให้วัดเจ้าเจ็ด อยุธยา อีก 195 องค์ ไม่ตอกหมายเลข ออกวัดละหารไร่) และเนื้อนวะก้นทองแดง 2,595 องค์ องค์ในภาพของ เสี่ยแมน ขุนแผน เป็นองค์หมายเลข 6 ออกวัดเจ้าเจ็ด (ที่มาจากคอลัมน์สนามพระ โดย สีกาอ่าง)

2. พระขุนแผน ผงพรายกุมาร
พระขุนแผน เป็นพระเครื่องที่หลวงปู่ทิมที่มีเรื่องเล่าจากลูกศิษย์ที่บูชามาหลายตำนาน ว่ากันว่ารุ่นแรกใช้ผงที่ปลุกเสกมาจากร่างของทารกที่เสียชีวิตตายทั้งกลม โดยถูกเชิญวิญญาณให้มาเป็นเทพคุ้มครองผู้ที่บูชา ผู้บูชาหากปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ก็จะทำให้ชีวิตรุ่งเรือง หรือที่เรียกว่า ชีวิตขึ้น และมีส่วนหนึ่งเชื่อว่ามีพุทธคุณด้านเมตตามหานิยม

การสร้างพระขุนแผนของหลวงปู่ทิม ท่านได้ตำราจากพระเกจิซึ่งมีศักดิ์เป็นปู่แท้ๆ ของท่าน และให้สัปเหร่อให้ไปหาศพผู้หญิงตายทั้งกลม ตายวันเสาร์ เผาวันอังคาร หลวงปู่ใช้มีดหมอสะกดวิญญาณกุมารทอง เพื่อเชิญดวงวิญญาณมาเป็นเทพสิงสถิตอยู่ในองค์พระ

พระขุนแผน ผงพรายกุมารทาทองบรอนซ์ พิมพ์เล็ก บล็อกแรก หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่



พระขุนแผน ผงพรายกุมาร เนื้อบรอนซ์ทอง หลังตะกรุด หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่


3. เหรียญเสมา 8 รอบ พ.ศ.2518
เหรียญเสมา 8 รอบ เนื้อทองคำ พ.ศ.2518 เหรียญหลวงปู่ทิมเนื้อทองคำ ถือเป็นพระเนื้อทองคำที่มีมูลค่าสูง ทำขึ้นในโอกาสงานทำบุญอายุ 8 รอบของท่าน และใช้เวลาปลุกเสกนานเป็นพิเศษ ในยุคนั้นเหรียญเนื้อทองคำมี 56 เหรียญ นอกจากนี้พระรุ่นที่สร้างพร้อมกันยังมีเนื้ออื่นๆ เช่น เนื้อเงินหน้าทองคำ, เนื้อเงินลงยา, เนื้อนวโลหะ,เนื้อทองแดงลงยา และเนื้อทองแดง

เหรียญเสมา 8 รอบ เนื้อทองคำ พ.ศ.2518


เหรียญเสมา เนื้อเงิน หน้ากากเงินลงยา 3 สี พ.ศ.2518


ราคาพระเครื่องหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
ต้นปี 2566 สํานักงาน ปปง. ได้ทําการขายทอดตลาดทรัพย์สิน ครั้งที่ 1/2566 ซึ่งเป็นทรัพย์สินประเภทพระเครื่อง เครื่องประดับ ศิลปวัตถุ และวัตถุมงคล จํานวน 104 รายการ โดยมีชื่อพระเครื่องหลวงปู่ทิม 11 รายการ ราคาประมูลเริ่มต้น 100,000-500,000 บาท ดังนี้

• เหรียญเจริญพรล่าง เนื้อเงิน หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ หมายเลข 209 จํานวน 1 องค์ 546,600 บาท
• พระกริ่งชินบัญชรหลวงปู่ทิม ปี 2517 วัดละหารไร่ เลี่ยมทอง จํานวน 1 องค์ 410,000 บาท
• พระขุนแผนพรายกุมาร พิมพ์ใหญ่ บล็อก 1 หลังฝังตะกรุดหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จํานวน 1 องค์ 338,400 บาท
• ขุนแผนพิมพ์ใหญ่เนื้อกระยาสารทบล็อกหินมีดโกน หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จํานวน 1 องค์ 305,000 บาท
• เหรียญหลวงปู่ทิมเจริญพรบน วัดละหารไร่ เนื้อนวะโลหะ หมายเลข 1008 จํานวน 1 องค์ 250,000 บาท
• หนุมาน ก้นอุดผงพรายกุมาร เนื้อเงิน หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จํานวน 1 องค์ 226,300 บาท
• เหรียญเจริญพรบน เนื้อนวะ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ หมายเลข 31 จํานวน 1 องค์ 226,300 บาท
• พระนางพญาพรายคู่ วัดละหารไร่ จํานวน 1 องค์ 216,400 บาท
• เหรียญเสมา 8 รอบ เนื้อนวะหน้าเงิน ลงยา 3 สี หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จํานวน 1 องค์ 215,500 บาท
• เหรียญนาคปรก 8 รอบ เนื้อเงิน หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จํานวน 1 องค์ 131,700 บาท
• เหรียญเสมา 8 รอบ หลวงปู่ทิม เนื้อเงินลงยาสีเดียว จํานวน 1 องค์ 100,000 บาท

การบูชาพระเครื่องถือเป็นความเชื่อของคนไทยสมัยก่อน เป็นกุศโลบายของพระภิกษุสงฆ์ที่ต้องการให้ชาวบ้าน ประชาชนมีที่พึ่งทางใจเป็นธรรมะที่จูงใจให้ตั้งมั่นอยู่ในความดี ทั้งหมดนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ตามคำกล่าวที่ว่า “ไม่เชื่อ อย่าลบหลู่”

ภาพจากคอลัมน์สนามพระ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง :

• พระขุนแผนฯ หลวงปู่ทิม จากพระที่ไม่มีราคา สู่ความนิยมที่ใครก็อยากครอบครอง

https://www.thairath.co.th/horoscope/belief/2592741

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

https://www.thairath.co.th/lifestyle/amulet/2608523

 

"มหาอุด" ตะกรุด-พระเครื่อง ยอดนิยมมาเฟียท้องถิ่น พึ่งพุทธคุณ โชว์บารมีเงิน

เหตุสลดยิงสารวัตรแบงค์ นำไปสู่การกวาดล้างอิทธิพลกำนันนก ผู้กว้างขวางแห่งนครปฐม จนมีคำสั่งด่วนนายกฯ ให้ขึ้นทะเบียนผู้มีอิทธิพลตั้งตัวเป็นมาเฟีย โดยส่วนใหญ่นิยมสะสมพระเครื่อง เครื่องรางสายมหาอุด ซึ่งผู้มีอิทธิพลยุคใหม่เปลี่ยนจากเดิมที่เน้นสักยันต์ หวังพึ่งพุทธคุณคงกระพันชาตรี เป็นพระเครื่องมหาอุด ราคาแพง ไว้อวดบารมีเงิน

ผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นยุคก่อน เน้นสักยันต์เพื่อให้เกิดความคงกระพันชาตรีตามความเชื่อ แต่ยุคสมัยเปลี่ยนไป ทำให้หันมาสะสมพระเครื่อง

เครื่องราง "สายเหนียว" โดย อัมรินทร์ สุขสมัย ผู้ศึกษาด้านโหราศาสตร์และไสยเวท เล่าให้ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ ฟังว่า ผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นหันมาสะสมพระเครื่องที่เน้นพุทธคุณด้านคงกระพัน โดยเป็นเกจิรุ่นเก่าราวปี พ.ศ.2400 เช่น หลวงพ่อเดิม อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองโพ จ.นครสวรรค์, หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า


ส่วนเครื่องรางนิยม เช่น ตะกรุดโสฬส ตะกรุดพระเจ้าห้าพระองค์ ตะกรุดมหาปราบ โดยห้อยคอ หรือคาดเอว ขณะที่การสักยันต์นิยมลดลง แต่มีผู้มีอำนาจบางรายเชื่อเรื่องพระเกจิอาจารย์ในท้องถิ่น จึงสักยันต์ที่เกี่ยวกับอำนาจบารมี รวมถึงความคงกระพันชาตรี เช่น สักเสือเผ่น ลิงลม หนุมาน ลายที่สักเป็นไปตามรสนิยมส่วนบุคคล เพราะผู้มีอิทธิพลส่วนใหญ่มีอุปนิสัยมุทะลุ ต่างจากคนที่ค้าขาย หรือนักธุรกิจ เน้นเครื่องรางเกี่ยวกับโชคลาภ เมตตามหานิยม

พระเครื่อง และตะกรุดส่วนใหญ่ เน้นพกพาง่าย มีพุทธคุณ ถ้าเทียบแล้วจะเน้นการสะสมพระเครื่องมากกว่า เพราะอย่าลืมว่า ผู้มีอิทธิพลส่วนใหญ่นอกจากต้องการพุทธคุณที่มาช่วยแล้ว ยังเป็นการสวมใส่เพื่อโชว์บารมี เป็นเสมือนเครื่องประดับ เวลาสวมใส่พระเครื่องราคาแพงหายากไปออกงาน



ตะกรุด เน้นเป็นเครื่องรางป้องกัน ไม่เน้นห้อยโชว์เหมือนพระเครื่อง ผู้มีอิทธิพลส่วนใหญ่ยังนิยมสะสมพระเบญจภาคี ต่างจากผู้มีอิทธิพลยุคก่อน เน้นด้านพุทธคุณเป็นหลัก ทำให้การสักยันต์เป็นที่นิยม แต่พอมายุคนี้การสะสมพระเครื่องหายากนอกจากจะเน้นด้านพุทธคุณแล้ว ยังเอาไว้โชว์บารมีส่วนตัว บ่งบอกฐานะทางการเงิน

“ผู้มีอิทธิพลยุคก่อน ไม่เน้นโชว์เครื่องรางของขลังให้คนอื่นรู้ กลัวว่าคู่อริจะเห็นถึงจุดอ่อนด้านพุทธคุณที่เกี่ยวกับเครื่องรางที่ใช้อยู่ เพราะด้านวิทยาคม เครื่องรางทุกชนิดมีจุดอ่อนในแต่ละแขนง ตัวอย่างเช่น ถ้ารู้ว่าเราห้อยพระสายมหาอุด คู่ต่อสู้จะไม่สังหารด้วยอาวุธปืน แต่ควบคุมตัวแล้วใช้ไม้ทุบให้ถึงตาย ถ้าเป็นสายคงกระพันชาตรี จะเอาผ้าถุงจากราวตากผ้ามาคลุมหัวเพื่อให้ของเสื่อม”

วิทยาคมคงกระพันชาตรี ศาสตร์เหล่านี้สืบทอดต่อกันมา มีเพียง 10-20 เปอร์เซ็นต์ นอกนั้นเป็นกลุ่มที่หลอกลวง ใช้ช่องว่างความเชื่อเพื่อหารายได้ ทำให้คนในสังคมบางส่วนมองเรื่องวิทยาคมเป็นสิ่งที่ด้อยค่า ทั้งที่จริงศาสตร์เหล่านี้สืบทอดมาตั้งแต่อดีต



การแขวนพระเครื่อง หรือตะกรุด ให้พุทธคุณปกป้อง ต้องทำตามข้อกำหนดตามที่ครูได้กำหนดมา เช่น สายวิชาคงกระพัน ห้ามกินผักทอดยอด น้ำเต้า ห้ามลอดไม้ค้ำกล้วย

“เครื่องรางของขลังที่ไม่ศักดิ์สิทธิ์ เพราะคนถือไม่ได้ทำตามข้อห้ามปฏิบัติ ทำให้พุทธคุณของครูอาจารย์เสื่อมถอยลง สุดท้ายแล้วจึงอยากเตือนว่า คนที่มีความเชื่อมีทั้งคนที่ศรัทธาจนงมงาย มองเครื่องรางเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต เลยละทิ้งทุกสิ่งอย่าง และบูชาสิ่งนั้น เพราะนึกว่าเป็นสิ่งสูงสุด จนนำไปสู่ความเชื่อผิด หรือถูกหลอกได้ง่าย ส่วนคนอีกประเภท เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ซึ่งจะทำให้มีเหตุมีผลที่จะเชื่อมากกว่า ดังนั้นการเชื่อสิ่งใดก็ควรใช้วิจารณญาณตนเองในการไตร่ตรอง เพื่อไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับตนเอง”.


ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.thairath.co.th/scoop/theissue/2724951