ปกิณณกะธรรม

กะว่าไปตามโลก55

 

ผิดดิเป็นอย่าฆ่าแต่ถ้าอย่าไล่กะเครอยู่

 

การฆ่าสัตว์หนึ่ง เพื่อให้สัตว์หนึ่งมีผลแค่ได้อยู่ดีมีสุข น่าควรงดเว้นไหมท่าน

 

เค้าไม่ได้ห้ามป้องกันตัววู้

 

เอาคาถาไปใช้ป้องกันตัว
หมายเหตุคาดตาละดูไม่ออกเป็นใคร55

 

แจกคาถาเป็นจังหวะกะผิดเหรอติ่งส้ม

 

พระก็สงเคราะห์ ไปตามเหตุตามผล

โดยวินัย ไม่มีการขวนขวายไปหาสัตว์มาเลี้ยง
และก็มี บัญญัติ
การปลงอาบัติไปตาม เล็กน้อยถึงอย่างหนัก
จนถึงขั้นพ้นจากภิกษุ

แต่ที่ปัจจุบัน ที่เห็น ก็วิเคราะห์มีสามแบบ

แบบ มีคนเอาไปปล่อยในวัด

แบบ บวชแล้ว เสาะแสวงหามาเอง

แบบสัตว์มาขออาศัย


พระที่ท่านมีปัญญา เข้าใจ
ก็ สงเคราะห์ ไปตามธรรมตามวินัย

 

มรรคมีแค่ทางเดียวค่ะซึ่งจะต้องผ่านกระบวนการวิปัสสนาเท่านั้น แต่ระหว่างทางที่เราจะมาใช่งานในวิปัสสนาได้จริง เราต้องฝึกจิตให้พร้อมใช้งานด้วยการทำสมาธิซึ่งมีวิธีการที่หลากหลายตามจริต ไม่ว่าจะลม ดูกายส่วนต่างๆ

ถ้าเปรียบกับเด็กที่แนนเกริ่นข้างต้นก็คือ หากเด็กยังฟุ้งซ่านวิ่งไปชนโน่นนี่ไม่หยุด ก็ย่อมเป็นการยากที่จะฝึกให้เด็กทำงานตามที่เราต้องการจะสอนได้ แล้วจะทำยังให้ให้เด้กอยู่นิ่งๆเพื่อสนใจงานของเราล่ะ .... เราก็ต้องเอาของมาหลอกล่อเขานิ่ง เขาจดจ่อมีสมาธิอยู่กับสิ่งที่เขาชอบตามจริตเขา เมื่อเขานิ่งพอพร้อมใช้งาน เราก็สอนเขากระตุ้นเข้าให้มามองการเกิดดับได้เลยเมื่อเขาเข้าใจถ่องแท้ในความเกิดดับด้วยตัวเขาเอง จิตเขาก็เริ่มวิปัสสนาแล้วค่ะ เราไม่ต้องไปแทรกแซงเลย ซึ่งตรงนี้จะมีทางเดียวเท่านั้นที่จะพาจิตเข้าสู่เป้าหมายโดยอัตโนมัติ

 

มีห้ามหาสัตว์มาเลี้ยงด้วยหรอคะ วินัยพระซับซ้อนแท้ - -"

 

ถ้าธรรมนี้สุดที่การสิ้นทุกข์ ก็ไม่ใช่แค่การเห็นเกิด เห็นดับท่าน การตัดอาหาร ตัดวงจร หรืออื่นๆ ก็เหตุให้ถึงการดับทุกข์ได้ท่าน

 

คุณซีโร่ ลองฟัง ลพ.พุธ พูดดูค่ะ พึ่งฟังมาเมื่อกี้ จดไว้นิดนุงส์ ลพ.พุธท่านบอกว่า

จิตจริงๆ อิสระ จิตต้องรู้ด้วยตัวเองไม่ต้องอาศัยอำนาจใดเข้ามากดขี่ข่มเหงจิต ให้รู้แบบทำสมาธิลืมตา เป็นสมาธิของพระพุทธเจ้า ฟังมาประมาณนี้

 

อาการที่พ้นไป...ของสาวกมันหลากหลาย อย่าเพิ่งตัดสินนี้ถูกเพียงอย่างเดียวเลยท่าน

 

ภิกษุ ที่เคารพวินัย แม้ยังไม่บรรลุธรรม ก็เป็นเนื้อ นา บุญ โดยแท้

จะต่างจากภิกษุหัวดื้อ พระศาสดา ให้ขับไล่เสีย

 

เรากำลังพูดถึงแค่วิธีนะคะ ไม่ได้พูดถึงผล
คุณซีโร่จะดึงไปหาผลอย่างเดียวเลยนะนี่

 

ขนาดในสติปัฏฐาน4ท่อนท้ายยังบอกละความพอใจและไม่พอใจในโลก

 

ไหนๆ มีหลักฐานเป่า

 

ผมยังงงทุกวันนี้ไอ้รู้เฉยๆใครเป็นคนเอาเข้ามา

 

ท่านปวีจะลองจินตนาการดู ถ้าคนที่เห็นความจริงในไตรลักษณ์แล้ว ... ถ้าลำดับต่อไปต้องมั่นหมายเลยหรือไม่ว่าจะต้องเห็น ซ้ำแล้วซ้ำอีก ... การตัดทุกข์ที่เหตุ ตัดวงจรที่เหตุ ที่มันไปเสริมอวิชชา ท่านคิดว่าทำได้หรือไม่?

 

โลกก็มีแค่รูปนามนั้นแหละค่ะ อิอิ

 

บทสวด มหาสติปัฏฐาน ๔ หรือ มหาสติปัฏฐานสูตร

(หันทะ มะยัง มะหาสะติปัฏฐานะธัมมะปาฐัง ภะณามะ เส ฯ)

เอกายะโน อะยัง ภิกขะเว มัคโค
- ภิกษุทั้งหลาย! หนทางนี้เป็นที่ไปอันเอก

สัตตานัง วิสุทธิยา
- เพื่อความบริสุทธิ์ของสัตว์ทั้งหลาย

โสกะปะริเทวานัง สะมะติกกะมายะ
- เพื่อล่วงซึ่งความโศกและปริเทวะ

ทุกขะโทมะนัสสานัง อัฏฐังคะมายะ
- เพื่อความดับสูญแห่งทุกข์และโทมนัส

ญายัสสะ อะธิคะมายะ
- เพื่อการบรรลุธรรมที่ถูกต้อง

นิพพานัสสะ สัจฉิกิริยายะ
- เพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน

ยะทิทัง จัตตาโร สะติปัฏฐานา
- หนทางนี้ คือสติปัฏฐาน ๔

กะตะมา จัตตาโร
- สติปัฏฐาน ๔ คืออะไรเล่า?

อิธะ ภิกขะเว ภิกขุ
- ภิกษุทั้งหลาย! ภิกษุในธรรมวินัยนี้

กาเย กายานุปัสสี วิหะระติ
- พิจารณาเห็นกายในกายอยู่

อาตาปี สัมปะชาโน สะติมา
- มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ

วิเนยยะ โลเก อะภิชฌาโทมะนัสสัง
- นำอภิชฌาและโทมนัสในโลกออกเสียได้

เวทะนาสุ เวทะนานุปัสสี วิหะระติ
- พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่

อาตาปี สัมปะชาโน สะติมา
- มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ

วิเนยยะ โลเก อะภิชฌาโทมะนัสสัง
- นำอภิชฌาและโทมนัสในโลกออกเสียได้

จิตเต จิตตานุปัสสี วิหะระติ
- พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่

อาตาปี สัมปะชาโน สะติมา
- มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ

วิเนยยะ โลเก อะภิชฌาโทมะนัสสัง
- นำอภิชฌาและโทมนัสในโลกออกเสียได้

ธัมเมสุ ธัมมานุปัสสี วิหะระติ
- พิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่

อาตาปี สัมปะชาโน สะติมา
- มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ

วิเนยยะ โลเก อะภิชฌาโทมะนัสสัง
- นำอภิชฌาและโทมนัสในโลกออกเสียได้