**พระกรรมฐานสาย ลป.ชอบ ลป.คำดี ลป.หลุย และครูบาอาจารย์สายต่างๆ**//

อนุญาตปิดยอดจอง
ร่วมบุญรับ "พระกริ่งพารวย" ดังนี้ครับ​

** ท่านผู้มีจิตศรัทธาสามารถโอนปัจจัยได้ตั้งแต่บัดนี้ 4/11/2563 จนถึงวันที่ 6/11/2563 ได้เลยนะครับ

...ทางคณะผู้จัดสร้างจะนำพระทั้งหมดขอเมตตาหลวงพ่อขันตี อธิษฐานจิตในวันที่ 6/11/2563 ปัจจัยมากน้อยน้อมถวายวัดป่าห้วยเดื่อ ต่อไปครับ

​

- อาทิตย์03 5+2
- yaboyabo 2
- shaj 3
- ktv 2
- muangake 2
- sumobaimon 5
- songsakth 3
- api_suphot 2
- SIR2010 5+2
- seaview 2
- surasakkarun 5+2
- boom40 1
- j999 5
- supachaipnu 5
- อาณัติ 2
- สมาชิกนอกเว็ป 1
- กันตสีโล 5
- somsakasat 6
- yurirun 2
- wangbao 1
- เบเบ้ 7

​

.....ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านที่ร่วมบุญในครั้งนี้และทุกๆครั้งด้วยนะครับ ที่ท่านมีจิตอันเป็นกุศลร่วมบริจาคปัจจัยในแต่ละครั้ง หลายวัด หลายที่ในจังหวัดเลย(ตามที่โพสให้ทุกท่านได้ชมตลอด) แม้ปัจจัยไม่ใช่จำนวนมากมาย แต่ได้ถวายไปด้วยความศรัทธาก็สามารถก่อเกิดสิ่งก่อสร้างทางศาสนา อันยังประโยชน์ทั้งทางโลกและทางธรรมได้ตามสมควร ไม่ว่าจะเป็นเจดีย์ ห้องน้ำ ศาลา หรืองานบุญกฐินต่างๆ ร่วมไปถึงถวายเกี่ยวกับปัจจัยถวายค่าใช้จ่ายภายในวัด ซึ่งมีความจำเป็นตามอัตตภาพวัดนั้นๆ นับได้ว่าทุกท่านได้มีส่วนร่วมในการอุปถัมภ์ค้ำชูพระพุทธศาสนา..

......ด้วยอานิสงส์ผลทานนี้ ด้วยบารมีแห่งพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ทุกรูปทุกองค์ โปรดดลบันดาลได้ทุกท่านและครอบครัวประสพพบแต่ความสุข ความเจริญ ปราถนาสิ่งใดขอให้สมปรารถนาทุกประการ โรคาพยามารอย่าได้มากางใกล้ ทรัพย์สิ่งใดที่ว่าประเสริฐในสากลโลกนี้ ทั้งอริยทรัพย์ก็ดี ทั้งทรัพย์สมบัติก็ดี จงสำเร็จๆแก่ทุกท่านทุกประการเทอน...สาธุ อนุโมทนาครับ

.......ขอให้พระกริ่งที่ท่านบูชาร่วมบุญ เป็นเหตุ เป็นปัจจัยแห่งการน้อมนำทรัพย์อันเป็นมงคลทั้งหลาย ได้น้อมนำโชคลาภ น้อมนำความเป็นมงคลทั้งหลาย มายังทุกท่านที่บูชาให้มีทรัพย์มาก ทรัพย์ไพบูลย์ ดังชื่อรุ่นแห่งองค์พระ "พารวย" สมดังชื่อครับ

​

 

โอนร่วมบุญเเล้วครับ อ. 4-11-2563...07:07...1,060.02

 

โอนเงินร่วมบุญให้แล้ว รายละเอียดตาม PM ครับ

 

โอนปัจจัยร่วมบุญ2องค์เรียบร้อยครับอาจารย์ รายละเอียดทางข้อความครับ ขออนุโมทามิ ในบุญนี้ด้วยครับ

 

โอนร่วมบุญพระกริ่ง 2องค์เรียบร้อยแล้ว รายละเอียดแจ้งทางPMครับ

 

โอนเงินแล้ว 1,460.09 บาท วันที่ 4/11/63 เวลา17.46 น.

 

อนุญาตปิดยอดจอง
ร่วมบุญรับ "พระกริ่งพารวย" ดังนี้ครับ​

** ท่านผู้มีจิตศรัทธาสามารถโอนปัจจัยได้ตั้งแต่บัดนี้ 4/11/2563 จนถึงวันที่ 6/11/2563 ได้เลยนะครับ

...ทางคณะผู้จัดสร้างจะนำพระทั้งหมดขอเมตตาหลวงพ่อขันตี อธิษฐานจิตในวันที่ 6/11/2563 ปัจจัยมากน้อยน้อมถวายวัดป่าห้วยเดื่อ ต่อไปครับ

​

- อาทิตย์03 5+2 โอนปัจจัยแล้วอนุโมทนาครับ
- yaboyabo 2 โอนปัจจัยแล้วอนุโมทนาครับ
- shaj 3 โอนปัจจัยแล้วอนุโมทนาครับ
- ktv 2 โอนปัจจัยแล้วอนุโมทนาครับ
- muangake 2 โอนปัจจัยแล้วอนุโมทนาครับ
- sumobaimon 5 โอนปัจจัยแล้วอนุโมทนาครับ
- songsakth 3 โอนปัจจัยแล้วอนุโมทนาครับ
- api_suphot 2 โอนปัจจัยแล้วอนุโมทนาครับ
- SIR2010 5+2 โอนปัจจัยแล้วอนุโมทนาครับ
- seaview 2 โอนปัจจัยแล้วอนุโมทนาครับ
- surasakkarun 5+2 โอนปัจจัยแล้วอนุโมทนาครับ
- boom40 1 โอนปัจจัยแล้วอนุโมทนาครับ
- j999 5 โอนปัจจัยแล้วอนุโมทนาครับ
- supachaipnu 5 โอนปัจจัยแล้วอนุโมทนาครับ
- อาณัติ 2
- สมาชิกนอกเว็ป 1 โอนปัจจัยแล้วอนุโมทนาครับ
- กันตสีโล 5
- somsakasat 6 โอนปัจจัยแล้วอนุโมทนาครับ
- yurirun 2 โอนปัจจัยแล้วอนุโมทนาครับ
- wangbao 1 โอนปัจจัยแล้วอนุโมทนาครับ
- เบเบ้ 7 โอนปัจจัยแล้วอนุโมทนาครับ

​

.....ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านที่ร่วมบุญในครั้งนี้และทุกๆครั้งด้วยนะครับ ที่ท่านมีจิตอันเป็นกุศลร่วมบริจาคปัจจัยในแต่ละครั้ง หลายวัด หลายที่ในจังหวัดเลย(ตามที่โพสให้ทุกท่านได้ชมตลอด) แม้ปัจจัยไม่ใช่จำนวนมากมาย แต่ได้ถวายไปด้วยความศรัทธาก็สามารถก่อเกิดสิ่งก่อสร้างทางศาสนา อันยังประโยชน์ทั้งทางโลกและทางธรรมได้ตามสมควร ไม่ว่าจะเป็นเจดีย์ ห้องน้ำ ศาลา หรืองานบุญกฐินต่างๆ ร่วมไปถึงถวายเกี่ยวกับปัจจัยถวายค่าใช้จ่ายภายในวัด ซึ่งมีความจำเป็นตามอัตตภาพวัดนั้นๆ นับได้ว่าทุกท่านได้มีส่วนร่วมในการอุปถัมภ์ค้ำชูพระพุทธศาสนา..

......ด้วยอานิสงส์ผลทานนี้ ด้วยบารมีแห่งพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ทุกรูปทุกองค์ โปรดดลบันดาลได้ทุกท่านและครอบครัวประสพพบแต่ความสุข ความเจริญ ปราถนาสิ่งใดขอให้สมปรารถนาทุกประการ โรคาพยามารอย่าได้มากางใกล้ ทรัพย์สิ่งใดที่ว่าประเสริฐในสากลโลกนี้ ทั้งอริยทรัพย์ก็ดี ทั้งทรัพย์สมบัติก็ดี จงสำเร็จๆแก่ทุกท่านทุกประการเทอน...สาธุ อนุโมทนาครับ

.......ขอให้พระกริ่งที่ท่านบูชาร่วมบุญ เป็นเหตุ เป็นปัจจัยแห่งการน้อมนำทรัพย์อันเป็นมงคลทั้งหลาย ได้น้อมนำโชคลาภ น้อมนำความเป็นมงคลทั้งหลาย มายังทุกท่านที่บูชาให้มีทรัพย์มาก ทรัพย์ไพบูลย์ ดังชื่อรุ่นแห่งองค์พระ "พารวย" สมดังชื่อครับ

​

 

โอนแล้วนะครับรายละเอียดทางPM

 

.....วันนี้ 6/11/2563 ได้เดินทางไปก่อนคณะผู้จัดสร้างวัตถุมงคล(ด้วยทางคณะผู้จัดสร้างติดธุระยังมาไม่ถึงครับ) ประมาณช่วงเวลา 9.34 น. จึงกราบขอโอกาสหลวงพ่อขันตี ถวายปัจจัยในนามคณะศรัทธา(สมาชิกเว็ปพลังจิต) จำนวน 13,500 ในช่วงเช้าวันนี้ก่อนครับ ขออนุโมทนาบุญกับท่านสมาชิกทุกท่านครับ...

เปิดดูไฟล์ 5481979



*********************
เปิดดูไฟล์ 5481988
​

....เวลา 18.49 น. ในวันเดียวกันนี้ ทางคณะได้นำพระกริ่งรุ่น "พารวย"จำนวน 95 องค์ และเหรียญหลวงพ่อเพชรจำนวน 3000 เหรียญ เหรียญพระพุทธชินราช(ของวัดวิชัยวัฒนาราม) จำนวน 2000 เหรียญ บรรจุในกล่องเดียวกัน ขอเมตตาธรรม หลวงพ่อขันตี ญาณวโร "เมตตาอธิษฐานจิตเดียวอย่างเข้มขลัง" เป็นระยะเวลาเกือบ 20 นาที แล้วท่านก็กล่าวว่า "ดีแล้ว ดีแล้ว ขลังๆ"

......ด้วยอานิสงส์ผลทานนี้ ด้วยบารมีแห่งพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ทุกรูปทุกองค์ โปรดดลบันดาลได้ทุกท่านและครอบครัวประสพพบแต่ความสุข ความเจริญ ปราถนาสิ่งใดขอให้สมปรารถนาทุกประการ โรคาพยามารอย่าได้มากางใกล้ ทรัพย์สิ่งใดที่ว่าประเสริฐในสากลโลกนี้ ทั้งอริยทรัพย์ก็ดี ทั้งทรัพย์สมบัติก็ดี จงสำเร็จๆแก่ทุกท่านทุกประการเทอน...สาธุ อนุโมทนาครับ

***แล้วจะได้ทำการแพ็ควัตถุมงคล จัดส่งให้ทุกท่านต่อไปครับ***​

 

.....วันนี้ 6/11/2563 ในวันเดียวกันนี้เวลาประมาณ 16.00น. ได้นำปัจจัยจำนวน 4300 ถวายวัดนี้เพื่อร่วมสร้าง "ที่ล้างบาตรพระสงฆ์" และห้องอบสมุนไพรพระอาพาธ ซึ่งวัดนี้เดิมเป็นวัดสาขาในองค์หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ มีครูบาอาจารย์จำพรรษาอยู่ในแต่ละพรรษา เพื่อปฏิบัติสมณธรรมตลอดครับ...

เปิดดูไฟล์ 5481993



​

 

โอนตอนนี้ทันมั้ยครับอาจารย์( ผมต้องขอโทษทีครับลืม ) 06/11/63 จำนวน 460 บ.เวลา 21.17 น.

 

ขออนุโมทนาครับ ปัจจัยส่วนนี้ขออนุญาตนำถวายในรอบต่อไปนะครับ ยังพอทันครับ สาธุครับ

 

​

...เรียนแจ้งมายังท่านสมาชิกที่ร่วมบุญรับพระกริ่ง "พารวย" หลวงพ่อขันตี ญาณวโร ครับวันนี้ผู้เขียนได้แบ่งพระกริ่งตามจำนวนจอง ของท่านสมาชิกที่ร่วมบุญมาจากทางคณะผู้จัดสร้างแล้วนะครับ แล้ววันนี้จะเริ่มทยอยจัดส่งให้สมาชิกทุกท่านครับ

ขออนุโมทนาบุญอีกครั้งครับ

***ส่วนท่านสมาชิกที่โอนปัจจัยไม่ทันในส่วนที่จองไว้ ถ้าประสงค์จะร่วมบุญรับพระกริ่ง ก็สามารถโอนปัจจัยได้อยู่นะครับ ปัจจัยส่วนที่โอนมาภายหลังจะนำถวาย "งานวันเกิดหลวงตาวิลาศ วันที่ 11 พ.ย. 2563 นี้ครับ"

​

 

​

.....หลวงพ่อขันตี ศิษย์สายธรรมหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ท่านอยู่อบรมณ์ธรรมกับหลวงปู่ชอบตั้งแต่บวชใหม่ๆ(ปี 2508) แต่ท่านบวชเมื่อปี 2507 จำพรรษาแรกที่วัดถ้ำผาปู่กับหลวงปู่คำดี ปภาโส ท่านได้ชื่อว่าเป็นพระที่มีความอดทน "ขันติบารมีธรรมสูง" เพราะผู้ที่จะอยู่กับหลวงปู่ชอบได้ ต้องเป็นผู้มีความอดทนต่อการฝึกฝนเป็นอย่างมากอย่างหนัก แม้หลวงปู่ท่อน ญาณธโร ท่านยังกล่าวเทศน์ไว้ตอนหนึ่งเกี่ยวกับหลวงพ่อขันตีว่า "พระบวชมาต้องมีความอด ความทน ฝึกฝนอบรมณ์กิเลสไม่ปล่อยให้เป็นไปตามอำนาจกิเลส ในความอดทนนี้พระไหนก็สู้ท่านขันตี วัดป่าม่วงไข่ไม่ได้ ท่านมีความอดทนต่อการปฏิบัติมากไม่มีใครสู้ได้..."

 

ได้รับวัตถุมงคลเรียบร้อยแล้ว ขออนุโมทนาบุญกับอาจารย์ครีบ สาธุ สาธุ สาธุ

 

ได้รับวัตถุมงคลเรียบร้อย ขอบคุณมากครับ

 

ได้รับพระกริ่งพารวยแล้วครับอาจารย์ เนื้อพระกริ่งและองค์พระสวยมากครับ ต้องขอขอบคุณอาจารย์มากครับ

 

​

: ยันต์หัวใจพระอุปคุตมหาลาภ
เรื่องเล่าจาก อ.เลิศ(อดีตเจ้าหน้าที่วัฒนธรรมจังหวัดฝ่ายพิธีกรรมและหมอธรรม)

....เรื่องนี้ อ.เลิศเล่าให้ผู้เขียนฟังเมื่อปี พ.ศ.2551 ครั้งนั้นจำได้ว่าไปเจอท่านที่งานกฐิน วัดโน่นสามัคคี โดยอาจารย์ท่านได้รับเชิญให้เป็นเจ้าพิธี ทำพิธีเกี่ยวกับการอัญเชิญพระอุปคุตเพื่อมาปกป้องคุ้มครอง ในงานพิธีบุญ(ซึ่งเป็นพิธีทางภาคอีสาน) ตามคติความเชื่อว่า "ถ้ามีงานพิธีบุญใหญ่ๆจะมีมารมาก่อกวนทำลายในพิธี จึงต้องมีพิธีอัญเชิญองค์พระอุปคุตให้ท่านมาช่วยปกปักรักษางานพิธี และปราบมารที่มารบกวนงานบุญ"

....อาจารย์เลิศท่านเล่าว่า ในสมัยพระเจ้าอโศก(หลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว 200 กว่าปี) พระเจ้าอโศกท่านมีความเลื่อมใสในพุทธศาสนา และทรงเป็นศาสนูประถัมภ์ให้พระพุทธศาสนารุ่งเรืองในยุคนั้น ทรงมีพระดำริให้สร้างสถูปเจดีย์ อันเป็นเครื่องระลึกในทางพุทธศาสนามากมายทุกแว่นแคว้นที่ท่านทรงปกครองอยู่ ตลอดถึงการทำสังคายนาพระไตรปิฎกและชําระสะสางพระวินัยแก่พระภิกษุให้ตั้งมั่นในธรรมวินัยนี้อย่างเคร่งครัด ดังนี้ในการทำสังคายนาสำคัญครั้งนั้น ก็ค่อนค้างที่จะลำบาก เพราะเนื่องด้วยมีพวกหมู่มารเดียรถีย์นอกศาสนา มุ่งหมายที่จะทำร้ายทำลาย เพื่อมิให้การทำสังฆกรรมในคร้ังนี้สำเร็จ มติสงฆ์จึงเห็นสมควรว่า "การทำ สังคายนาพระไตรปิฎกในครั้งนี้จะสำเร็จได้ จึงจะต้องมีพระที่ทรงอภิญญา เพื่อมาดูแลความสงบเรียบร้อยจากพวกมารเดียรถีย์ มติสงฆ์จึงเห็นว่าผู้ที่สมควรแก่งานปราบมารที่มาก่อกวนในงานได้นั้นคือ พระอุปคุตเถระนั้นเอง" ด้วยท่านพระอุปคุตเป็นพระที่มีอภิญญาบารมีมาก ถ้าได้ขอแรงจากท่านมาดูแลงานสังคายนาพระไตรปิฎกในครั้งนี้คงสำเร็จลุล่วง ราบรื่นไปได้ด้วยดีเป็นแน่แท้ นี้จึงเป็นที่มาว่า "พระอุปคุตท่านจึงได้รับยกย่อง จากหมู่ภิกษุสงฆ์และศรัทธาญาติโยมในสมัยนั้นว่าเป็นพระที่มีฤทธิ์มากที่สุดในยุคของพระเจ้าอโศกมหาราช"

....อ.เลิศเล่าถึงประวัติพระอุปคุตย่อๆนี้แล้ว ท่านจึงเล่าให้ฟังเกี่ยวกับอานิสงส์ของผู้ที่บูชาและระลึกถึงพระอุปคุตว่า เมื่อปี พ.ศ.2539 ท่านได้เคยคุยกับเถ้าแก่โรงสีท่านหนึ่ง ในจังหวัดหนองบัวลำภู เถ้าแก่ท่านนี้สมัยนั้นแกมีธุระกิจหลายอย่าง นอกจากโรงสีแล้วยังมี ร้านขายของชำ โรงเลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ มีที่ทางให้คนเช่าในตลาดอีกพอสมควร ถือเป็นคนมีฐานะพอสมควร แต่ด้วยช่วงนั้นเกิดวิกฤตต้มยำกุ้งทางเศรษฐกิจ ตัวแกเองแรกๆก็พออยู่ได้ แต่หลังๆรายได้เริ่มหดหาย หมูไก่ราคาตกเกินตลาดทำให้ทุนหายกำไรหดไป ด้วยมีธุระกิจมากค่าใช้จ่ายก็มากตาม แต่กำไรแทบไม่มีต่อเดือน จึงไม่รู้ว่าจะหาทางออกอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องปัญหาธุระกิจดังกล่าว เถ้าแก่คนนี้เล่าให้ อ.เลิศฟังว่า "มีพระธุดงค์องค์หนึ่ง มาปักกลดแถวๆสวนแกตรงฟาร์มเลี้ยงไก่ แกเลยไปใส่บาตรทำบุญกับพระองค์นี้ตลาดระยะเวลาที่ท่านมาพักภาวนา จนวันสุดท้ายที่พระธุดงค์จะออกไป เถ่าแก่เลยถือโอกาสเล่าว่าตนประสบปัญหาอะไรเกี่ยวกับการเงินในช่วงนั้น เล่าให้พระธุดงค์ฟัง"

...พระธุดงค์ บอกเถ่าแก่ว่า "ท่านเป็นพระ ก็ไม่รู้จะช่วยได้ยังงัย ก็ขอแต่กุศลที่เถ่าแกทำหนุนส่งให้ผ่านพ้นวิกฤตไปได้ " แต่พระธุดงค์ท่านก็เหมือนจะทำอะไรสักอย่างเพื่อให้เป็นกำลังใจ เถ่าแก่เล่าให้อาจารย์เลิศฟังว่า "พระท่านเอาปากกามาเขียนยันต์อะไรสักอย่าง ในบนผ้าเช็ดหน้า(ซึ่งเป็นผ้าของท่านเอง)" แล้วส่งให้เถ่าแก่ก่อนบอกว่า "เป็นยันต์พระอุปคุต ออกนิโรธท่านให้เอาไปบูชา เผื่อผ่อนหนักเป็นเบาได้"

เถ่าแก่โรงสีบอกว่า"ตั้งแต่ได้มาบูชา อะไรๆก็เริ่มดีขึ้น เพื่อนที่หยิบยืมเงินไปหลายปีอยู่ๆก็เอามาคืน ของตกค่างก็ขายเป็นอาหารสัตว์ได้(ทั้งๆที่ปกติต้องทิ้ง) ทำให้พอมีรายได้มาจุนเจือกิจการไปได้ จนสุดท้ายปลายทาง เถ่าแก่มีโชคจากการเสี่ยงโชคก้อนใหญ่เกือบ 10 ล้านในช่วงเวลานั้น (ซึ่งการเสี่ยงโชค ไม่ได้เล่าว่าไปทำอะไรมา ได้จากล็อตเตอรี่ หรือพนันอะไรสักอย่างแต่ได้เงินเกือบ10ล้าน)ทำให้ผ่านพ้นวิกฤตมาได้ จนทุกวันนี้มีธุระกิจถึงรุ่นลูก รุ่นหลานใหญ่โต"

"มีตอนที่ 2 นะครับเดียวมาเขียนต่อตอนที่ 2 ซึ่งตอน 2 นี้ อ.เลิศแกเล่าให้ฟังว่าไปตามหาพระที่ว่านี้อยู่เกือบ 2 ปี เพื่อไปขอเรียนวิชา ยันต์พระอุปคุต"
​

 

​

: ยันต์หัวใจพระอุปคุตมหาลาภ
เรื่องเล่าจาก อ.เลิศ(อดีตเจ้าหน้าที่วัฒนธรรมจังหวัดฝ่ายพิธีกรรมและหมอธรรม)

...อาจารย์เลิศ จึงสอบถามเถ่าแก่โรงสีถึงพระธุดงค์องค์ดังกล่าวว่าท่านชื่ออะไร มาจากไหนและจะไปไหน เถ่าแก่โรงสีบอกว่าไม่รู้เหมือนกัน เพราะพระท่านมาปักกลดแถวฟาร์มไก่แก่แค่ 3 วัน รูปก็ไม่ได้ถ่ายเอาไว้ชื่อก็ไม่ได้ถาม(สมัยก่อนกล้องไม่ได้มีใช้ทั่วไปแบบทุกวันนี้ที่มีทุกโทรศัพย์มือถือ) รู้แต่ว่าท่านจะไปจังหวัดอุบลราชธานี

...เหตุที่อาจารย์เลิศท่านอยากพบพระธุดงค์องค์นี้ เพราะด้วยเหตุยันต์พระอุปคุตที่พระท่านเขียนให้เถ่าแก่โรงสีนี้เอง เพราะว่าไม่เคยเห็นมาก่อน(อ.เลิศท่านเป็นลูกศิษย์สายวัดประดู่โรงธรรมด้วยจึงศึกษาด้านนี้มาพอสมควร) ว่าของสำนักไหน และแบบตัวอักษรไม่เหมือนใครที่นำมาผูกเป็นตัวยันต์แปลกดี แต่ความหมายได้ความว่า "พระอุปคุตโต" แน่นอนชัดเจน แลมองเผลอๆก็คล้ายพระอุปคุตกำลังนั่งปิดตา(เข้านิโรธสมาบัติ)

ท่านจึงเริ่มแสวงหาพระธุดงค์องค์ที่ว่านี้ อยู่ราวๆ 2 ปีจนปี พ.ศ.2544 ท่านได้พบพระธุดงค์องค์ดังกล่าวที่จังหวัดอุบลราชธานี โดยไปกับเถ่าแก่โรงสีซึ่งเถ่าแก่โรงสีนี้เอง ที่ต่อมาซื้อที่ถวายท่าน 2 ไร่ไว้ทำสำนักสงฆ์แต่ท่านไม่รับเพราะท่านถือ "ธุดงค์ตลอดชีวิต" และเวลาเข้าพรรษาท่านก็จำพรรษาตามถ้ำและป่าเขาหรือตามสถานที่อำนวย(ไม่ติดที่) ออกพรรษาท่านก็เดินต่อไป

ภาพหลวงตาสาร พระธุดงค์นิรนาม อ.เลิศถ่ายไว้เมื่อปี พ.ศ.2544 ณ ถ้ำสเก็ตดาว จ.อุบล​

....ท่านอาจารย์เลิศ ได้ไปเจอพระธุดงค์องค์นี้ในป่าแห่งหนึ่ง ใกล้ๆถ้ำสเก็ตดาว(ชื่อในพื้นที่เรียกกันแต่ชื่อทางการไม่ทราบ) และได้กราบเรียนสอบถามประวัติท่านพอสังเขป จึงรู้ว่า พระธุดงค์องค์นี้ท่านชื่อ "พระสาร" หรือเรียกตาม อ.เลิศว่า หลวงตาสาร จำฉายาท่านไม่ได้ ตอนที่พบท่าน ท่านอายุ 62 ปี 40 พรรษา(ปีพ.ศ.2544) ซึ่ง 40 พรรษานี้ถือเป็นพระเถระแล้ว แต่ท่านก็ไม่ได้จำพรรษาที่ไหนเลย รอนแรมธุดงค์ไปเรื่อย

....คุยกันอยู่สักพัก อ.เลิศ ท่านก็ได้สอบถามเรื่องของยันต์ "พระอุปคุต" ดังกล่าวอาจารย์เลิศสอบถามหลวงตาว่าไม่เคยเห็นจากที่ไหนๆเลยหลวงตาเขียนขึ้นมาเองหรือ หลวงตาสารท่านบอกว่า "เขาเรียกยันต์พระอุปคุตออกนิโรธสมาบัติ" ท่านได้มาจากพระพม่าองค์หนึ่งสมัยไปธุดงค์แถวพระตะบอง กัมพูชา(คือหลวงตาสารท่านพูดภาษาพม่าได้นะครับ) ท่านบอกว่าท่านหลงป่าแถวๆนั้น เป็นป่าลึกมีแต่ต้นไม้สูงใหญ่มาก มองไปโดยรอบๆมีแต่เงื้อมผา ราวๆปี พ.ศ.2513 หลงป่าอยู่ 2 วัน ท่านบอกวันที่ 2 ก่อนจะออกจากป่าได้ ท่านเดินไปพบพระธุดงค์องค์หนึ่ง ท่านเป็นพระพม่า(ผ้าจีวรสีออกแดงเข้มเลือดหมู)

...พระพม่าบอกว่า แถวนี้เป็นเขตพระตะบอง ของกัมพูชา แต่เดียวเดินไปทางใต้เรื่อยๆก็จะเจอหมู่บ้านแต่ว่าระยะทางไกลพอสมควร อยู่ปักกลดพักแถวๆนี้ก่อนเพราะจะมืดแล้ว(ช่วงนั้นหลวงตาบอกประมาณ 5 โมงเย็นแล้ว) พรุ่งนี้ค่อยไปแต่เช้าตี 5 เดินไปเรื่องๆสักชัวโมงสองชัวโมงก็จะเจอหมู่บ้าน ตอนเช้าค่อยไปบิณฑบาตรที่นั้นเอา....

....หลวงตาสารเลยตัดสินใจปักกลดอยู่กับพระธุดงค์ชาวพม่าก่อน แต่ปักกลดระยะห่างกันพอสมควรเพราะจะมิได้รบกวนการภาวนาซึ่งกันและกัน หลวงตาสารกล่าวว่าดูพระพม่าองค์นี้ท่านตัวสูงใหญ่ ผิวออกไปทางดำคล้ำๆค่อนข้างเป็นคนมีอายุพอสมควรแล้ว พอมีโอกาสหลวงตาสารจึงเข้าไปกราบท่าน และสอบถามว่าท่านมาจากไหนอายุเท่าไร ท่านก็บอกว่าท่านมาจากเมืองพม่า ส่วนอายุนั้น 101 ปี

....หลวงตาสารตกใจ!! เพราะดูจากผิวพรรณแม้ว่าจะดูเป็นคนมีอายุแล้วก็ตาม แต่สำหรับคนอายุ 101ปี ไม่หน้าจะสภาพแบบนี้ได้ ทั้งฟันก็ครบเต็มปาก ผิวก็ไม่เหี่ยวย่นนัก แต่ถ้าดูโดยสภาพหน้าจะเพียง 60 ต้นๆ ซึ่งตอนนั้นหลวงตาสารอายุ 31 ปี(พ.ศ.2513) หลวงตาสารท่านบอกอัศจรรย์ใจแท้ๆ ดูท่านยังแข็งแรงอยู่เดินเหินสบาย

....เมื่อหลวงตาสารและพระพม่าสนทนากันสักพัก พระพม่าท่านก็บอกหลวงตาสารว่า เออท่านเป็นพระหนุ่มไปบิณฑบาตรในหมู่บ้านคนเขมรข้างหน้านี้ บางทีเขาจะไม่ให้หนาเพราะพวกเขานับถือผีกัน หุ่มผ้าแปลกๆนี้เขาจะไม่ให้ข้าวกินหนา พระพม่าท่านก็บอกว่า "ให้ท่านเอานี้ไปหนา ติดย่ามไว้" ซึ่งสิ่งที่พระธุดงค์ชาวพม่ามอบให้หลวงตาสารเป็นกระดาษสา สีน้ำตาล เขียนยันต์"พระอุปคุตออกนิโรธสมาบัติ" โดยพระพม่าท่านบอกว่า นี้ดีนะไปไหนไม่อดไม่อยาก ที่พม่าเขานับถือพระอุปคุตกันมาก ยันต์นี้มีมานานแล้วหนา แต่คนไม่รู้จัก คนสมัยก่อนเขาห่วงวิชา คหบดีพม่ามีติดตัวกันทุกคน ผมจะหัดให้ท่านเขียนนะ...

​

....พอพระพม่ามอบยันต์ให้หลวงตาสารแล้ว ท่านก็กราบพระพม่าท่านนั้นแล้วขอตัวไปนั่งภาวนาที่กลดท่าน ในคืนนั้นท่านว่าขณะที่ท่านภาวนาอยู่ในมุ้งกลด ใกล้ๆจะเช้าแล้วท่านนิมิตเห็นพระพม่านั้นบอกว่า "ผมจะไปแล้วนะ ให้ท่านตื่นได้แล้วรีบไปบิณฑบาตร รีบออกจากที่นี้ก่อนเช้า มันจะมีฝูงช้างผ่านให้รีบไป" จากนั้นหลวงตาสารท่านก็สดุ้งตื่นขึ้น มองไปทางพระธุดงค์ชาวพม่าแต่ไม่เห็นท่าน ท่านหายไปแล้วไม่รู้หายไปไหน กลดบาตรของท่านหายไปหมด

....หลวงตาสารท่านก็รีบเก็บกลดบาตร แล้วรีบเดินออกจากป่าตามที่พระธุดงค์ชาวพม่าบอก ราวๆ 40 นาทีก็เจอหมู่บ้านนั้นจริงๆ ซึ่งเป็นหมู่บ้านของชาวบ้านเขมร ซึ่งเป็นชาวบ้านที่นับถือผี แต่พอไปถึงชาวบ้านหลังจากเห็นท่าน โยมผู้ชายรีบมารับเอากลดเอาบาตร โยมอีกคนรีบนิมนต์หลวงตาท่านขึ้นไปฉันท์ที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน อาหารการกินในเช้าวันนั้นอุดมสมบูรณ์มีอะไรชาวบ้านทำมาเลี้ยงพระกันเกือบทั้งหมู่บ้าน(ซึ่งจริงๆท่านบอกว่าหมู่บ้านก็ไม่ได้ใหญ่ 20 กว่าหลังคาเรือน) ก็เป็นเรื่องหน้าแปลกหรือจะเป็นอานิสงส์ของพระอุปคุตก็มิทราบได้

....จากนั้นหลวงตาสารก็ได้สอน "เกี่ยวกับอุปเท่ห์การเขียนยันต์พระอุปคุตนี้ให้ท่านอาจารย์เลิศ ท่านอาจารย์เลิศกล่าวว่า เป็นยันต์ที่แปลกดีไม่เคยเห็นที่ใดมากก่อน" จากนั้นไม่นาน "หลวงตาสาร" ท่านก็ออกธุดงค์ไป แต่ไม่รู้ท่านไปไหนอยู่ที่ใด หรือจะอยู่หรือมรณะภาพแล้วก็ไม่ทราบ และไม่ทราบข่าวท่านอีกเลยตั้งแต่นั้นจนบัดนี้

....อันนี้คือเรื่องราวคราวๆที่หลวงตาสารเล่าผ่าน อ.เลิศ แล้วมาเล่าให้ผู้เขียนฟังครับ​

 

​

....แผ่นเงินที่จารยันต์ "พระอุปคุตออกนิโรธสมาบัติ" ชุดนี้อาจารย์เลิศ ท่านจารไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2559 เพื่อนำไปทำเป็นตะกรุดเล็กบรรจุพระสมเด็จ 7 ชั้น รุ่นบูรพาจารย์ รุ่นนี้เมตตาอธิษฐานจิตโดย หลวงปู่ไม อินทสิริ (สมัยที่ท่านอยู่วัดป่าหนองช้างคาว) แจกในงานกฐิน วัดกกทอง จ.อุดรธานี รุ่นนี้จัดสร้างเพียง 300 องค์หมดไปอย่างรวดเร็ว

....แต่แผ่นจารยันต์ยันเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง(ประมาณ 3 แผ่น) จารเป็นตะกรุดเล็กได้ 24 ดอก(ขนาด 1 ซม) โดยแผ่นจารทั้งหมด อาจารย์เลิศเป็นผู้จาร และนำไปขอเมตตาหลวงปู่ไม อินทสิริ เมตตาอธิษฐานจิตพร้อมพระสมเด็จ 7 ชั้นวัดกกทองแล้ว

....โดยอาจารย์เลิศท่านบอกว่า พระอาจารย์ไม(หลวงปู่ไม อินทสิริ) ท่านเกี่ยวข้องกับ "พระอุปคุต" มาในอดีตให้ท่านอธิษฐานจิตจึงเหมาะสม ผู้เขียนได้รับแผ่นจารเงินนี้มาจากท่านอาจารย์เลิศทั้ง 3 แผ่น และจะนำมาบรรจุลงในรูปหล่อ "พระอุปคุต ออกนิโรธสมาบัติ" ออกให้ร่วมทำบุญกันเร็วๆนี้ครับ(ออกในนามวัดโพธิ์ชัย หลวงปู่เทือง)