เรื่องเด่น อารักขาในหลวงรัชกาลที่ ๙

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 18 ตุลาคม 2020.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473


    "อารักขาในหลวงรัชกาลที่ ๙"


    สมัยที่หลวงปู่ดู่ยังอยู่ เคยมีผู้ไปถามความเห็นหลวงปู่เกี่ยวกับคำการกล่าวหาในหลวงรัชกาลที่ ๙ ว่าเป็นผู้ปลงพระชนม์เสด็จพี่รัชกาลที่ ๘
    หลวงปู่ท่านว่าเป็นการใส่ร้ายในหลวงรัชกาลที่ ๙ เพราะคนที่อยู่เบื้องหลังจริงๆ ก็คือผู้นำในคณะราษฎร์นั้นเอง
    ตลอดชีวิตของหลวงปู่ ท่านแสดงออกให้เห็นถึงความรักในองค์ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เป็นอย่างมาก ท่านจะอธิษฐานจิตเพื่ออารักขาองค์ในหลวงเสมอๆ
    ที่สำคัญ มิใช่มีเพียงหลวงปู่ดู่ หากแต่ยังมีพระเถระอีกท่านหนึ่งที่ทำเช่นนี้ นั่นก็คือหลวงพ่อเกษม เขมโก
    หลวงปู่เคยให้ลูกศิษย์ร่วมกันอธิษฐานจิตเพื่อขอบารมีพระมาปกปักรักษาในหลวง นอกจากเพื่อเป็นความกตัญญูกตเวทิตาต่อพระเจ้าแผ่นดินผู้ทรงคุณอันยิ่งแล้ว หลวงปู่ยังต้องการให้ศิษย์ได้สัมผัสด้วยตนเองว่า มิใช่มีเพียงหลวงปู่ หากแต่จะมีหลวงพ่อเกษมอึกท่านหนึ่งที่ปรากฏเป็นนิมิตอยู่ใกล้ชิดในหลวงตลอดเวลา
    ส่วนตัว เชื่อเหลือเกินว่าไม่เพียงแต่หลวงปู่ดู่ และหลวงพ่อเกษม หากแต่ยังมีพระเถระอีกจำนวนมากมายไม่ว่าหลวงปู่แหวน สุจิณโณ หลวงปู่ขาว อนาลโย หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน พระอาจารย์วัน อุตฺตโม หลวงพ่อพุธ ฐานิโย และหลวงปู่แบน ธนากโร เป็นต้น ซึ่งเคยใกล้ชิดและสัมผัสถึงคุณธรรมซึ่งกันและกัน
    นี้คือเรื่องราวที่สะท้อนให้เห็นถึงความรักของพระเถระในอดีตที่มีต่อองค์ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่อยากบันทึกไว้เพื่อคนรุ่นหลัง

    "พอ" (๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๓)

    Cr.หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ปฏิปทาและคำสอน
    --------------------------------------
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    “พระคาถาเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์”
    เมื่อราว ๕๐ ปีก่อน ด้วยความห่วงใยในสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้แต่งพระคาถาให้พระเณรและญาติโยมสวดกันทั่วประเทศ พร้อมทั้งให้น้อมจิตให้เกิดความรัก ความสามัคคี เพื่อเป็นเครื่องพยุงสถาบันทั้ง ๓ ให้คงอยู่ตลอดไป
    พระคาถานี้ เป็นคำบาลี อ่านได้ว่า “รัฐฐะ ปาลา สะมัคคา สะทาโหนตุ” (สวด ๑๕ จบ)
    จำได้ว่าเมื่อตอนไปกราบหลวงปู่ดู่ใหม่ๆ ท่านก็ให้สวดพระคาถานี้ ตามแบบหลวงพ่อเกษม พร้อมทั้งให้ทำสมาธิอธิษฐานจิตขอพระพุทธานุภาพ พระธรรมานุภาพ พระสังฆานุภาพ ปกปักรักษาชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ด้วย
    1QEMfOvtjHI2ioRlujogDdlrx1a9zX7iQh1nWPijsCbR&_nc_ohc=cR1n-Y4QyaQAX-aZtsZ&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg

    A8O0cAOErw9RyFIbjBw7sU5G07bealgyKrzBa62QStB2&_nc_ohc=gJ9v1-gSf7MAX8kh1eY&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    "ครูบาบุญชุ่ม ท่านรักในหลวงมาก ท่านบอกว่าได้สวดมนต์แผ่เมตตาให้ในหลวงทุกวัน"
    xAY4vI4SZlhXpIYfcvEwGE0UKAZRS3hvsRGYtdhQDEeW&_nc_ohc=ABme5AFvMMoAX89Eg90&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    ?temp_hash=566ce810ca469c560b77ae378008e3e7.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    ?temp_hash=33ccaebc1b01f47020751684430f8490.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    ขอสรรพชีวิต จงมีสติสัมปชัญญะรู้ตัวก่อนสายเกินไป
     
  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    Wjsc2koSnAnGuFcq0vNz9juWxohRmMAaqq1oygZ4XZmf&_nc_ohc=Z7rKwvjUxWcAX_Xymv-&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    พวกเราไม่รู้ว่าในหลวงรัชกาลที่ ๙ ของเราเป็นที่รักของพรหมเทวดามากขนาดไหน ท้าวมหาราชท่านนำเอาความชื้นในทะเลขึ้นมากลายเป็นฝน ทำให้มีน้ำในเขื่อน แม้ว่าจะไม่เพียงพอถึงปีหน้า แต่ก็ช่วยให้ความแล้งเหล่านั้นผ่านพ้นไปในปีที่ผ่านมา (พ.ศ. ๒๕๕๙)

    ถ้าพวกเราได้เห็นจะทึ่งมาก เพราะลักษณะที่เกิดขึ้นก็คือ สึนามิที่จะถล่มบ้านถล่มเมืองนั่นเอง แต่ไปเกิดขึ้นในมหาสมุทร กระแสคลื่นสูงกว่า ๑๐-๒๐ เมตร วิ่งเข้าหาฝั่ง แต่ไม่ได้ตั้งใจจะทำลายอะไร เป็นเพียงการไล่เอาความชื้นในทะเลมาบนบก จนกระทั่งตกลงมากลายเป็นฝน กระแสคลื่นเหล่านั้นสลายตัวไปก่อนที่จะเข้าสู่ฝั่ง ไม่เป็นอันตรายต่อผู้อื่น เพราะเจตนาก็คือแค่ต้องการสร้างความชุ่มชื้นให้แก่ประเทศชาติของเราที่กำลังแห้งแล้ง

    ต่อไปเราคงไม่สามารถที่จะหาในหลวงที่ทรงคุณธรรมถึงระดับนี้ได้อีก ธรรมชาติต่าง ๆ ก็คงจะแปรปรวนไปตามสภาพ ทั้งของธรรมชาติเองและเกิดจากแรงกรรมที่พวกเราได้สร้างกันมา

    สิ่งทั้งหลายเหล่านี้พูดไปเหมือนกับคนบ้า แต่อาตมาในฐานะที่ฝึกหัดในวิชากรรมฐานตามแนวของหลวงพ่อวัดท่าซุงมา ขอยืนยันว่าสิ่งที่หลวงพ่อท่านสอนตอนนั้นเป็นความจริงทุกอย่าง ถ้าใครที่ตั้งใจทำ แค่สามารถที่จะเข้าถึงได้บางส่วน ก็จะรู้เห็นในสิ่งที่คนทั่วไปไม่สามารถรู้เห็นได้ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านต้องการ
    สิ่งที่ท่านต้องการ ก็คือ ให้พวกเราสามารถก้าวพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน ดังนั้น...ในส่วนที่ท่านสอนพวกเรามา ไม่ว่าจะเป็นอภิญญาสมาบัติก็ดี มโนมยิทธิก็ตาม ส่วนที่ท่านต้องการที่สุดก็คือ ให้เรารู้จักพระนิพพานได้ ไปพระนิพพานตรง เราไม่มีเวลาที่จะแวะที่ไหนอีกแล้ว โลกเราเร่าร้อนอยู่ยากขึ้นทุกวัน ถ้าเรายังไม่เร่งขวนขวายที่จะหนีไปให้พ้น เราก็จะลำบาก โดยเฉพาะความทุกข์ยากต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน มีแต่จะหนักขึ้นไปเรื่อย ๆ สภาพจิตใจของคนห่างไกลจากความดีไปเรื่อย ๆ

    พวกเราที่ตั้งใจมาทำความดีกัน ก็เหมือนอย่างกับน้ำแก้วเดียวที่ใช้ดับไฟซึ่งเผาไหม้ทั้งประเทศ โอกาสที่จะเกิดความสำเร็จย่อมเป็นไปได้ยาก แต่เราก็ไม่ควรที่จะท้อถอย ต้องดูพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ของเราเป็นตัวอย่าง พระองค์ท่านต่อสู้เพื่อความอยู่ดีกินดีของพสกนิกร เพื่อความมั่นคงเป็นปึกแผ่น เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติ ดูเหมือนว่าจะไม่มีโอกาสสำเร็จเลย แต่พระองค์ท่านก็ไม่ได้ท้อถอย ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติหน้าที่ของพระองค์ท่านอย่างเต็มความสามารถ ตลอด ๗๐ ปีเต็ม ๆ ๔,๕๙๖ โครงการ ทำเพื่อความสุขของส่วนรวมทั้งหมด ไม่มีทำเพื่อพระองค์เองเลย

    ฉะนั้น...ถ้าวันไหนพวกเราท้อถอยขึ้นมา ขอให้ดูพระองค์ท่านเป็นตัวอย่างของเรา ขณะเดียวกันสิ่งที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสอนเรามา อย่าลืมเป็นอันขาดว่า ต้องรักษาศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ทำความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้แน่นแฟ้นจริงใจ รู้ตัวอยู่เสมอว่าเราต้องตาย ตายเมื่อไรเราขอไปพระนิพพานที่เดียว

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เดือนธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ ณ บ้านวิริยบารมี
    ที่มา : www.watthakhanun.com
     
  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    ?temp_hash=e9a6014388e6a2898c8dc26ffdf10786.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    _VDYVSTWESt_DLZJbDgS_0KxdVTlNkOBdOAfcTsFJWyx&_nc_ohc=wjcBQdCuuUQAX8UV2kl&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ ต้องบอกว่ายังอยู่ในช่วงใกล้เคียงกับวันพ่อ ซึ่งเมื่อวานเราได้กล่าวถึงในหลวงรัชกาลที่ ๙ ไปแล้ว วันนี้ก็อยากจะตอกย้ำเพิ่มเติมให้กับพวกเราทุกคน ว่าในเรื่องของการปฏิบัติธรรมเพื่อมรรคเพื่อผลนั้น สิ่งหนึ่งที่จะลืมไม่ได้ก็คือ บารมี ๑๐

    เพราะว่าบารมีทั้ง ๑๐ อย่าง ถ้าเราก็ทำเต็มสมบูรณ์บริบูรณ์ ก็ย่อมเข้าถึงมรรคถึงผลตามที่ตนปรารถนา แม้แต่จะตั้งใจปรารถนาเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เป็นได้ คราวนี้ในส่วนของบารมี ๑๐ นั้น ถ้าเราเองยังไม่ชัดเจน ก็ให้เปรียบกับองค์ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ของพวกเราทั้งหลาย

    อย่างเรื่องของทานบารมี พระองค์ท่านให้การสงเคราะห์ต่อประชาชนโดยเสมอหน้ากัน ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ไม่มีชาวเขาไม่มีชาวเรา ไม่มีความแตกต่างกันด้วยเชื้อชาติศาสนา เราจะเห็นว่าพระองค์ท่านมีทั้งราชประชานุเคราะห์ ราชประชาสมาสัย มีทั้งมูลนิธิต่าง ๆ เช่น ชัยพัฒนา เป็นต้น พระองค์ท่านไม่ได้ให้ทานด้วยการให้อย่างเดียว ในลักษณะที่บางท่านเปรียบว่าเหมือนเอาปลาให้ชาวบ้าน แต่พระองค์ท่านสอนวิธีจับปลาให้ด้วย คือเป็นการให้ทานด้วย ให้ปัญญาไปในตัวด้วย

    ในเรื่องของศีลบารมีนั้น พระองค์ท่านทรงศีลเป็นปกติและบางสิ่งที่เราไม่รู้เลยก็คือพระองค์ท่านทรงศีล ๘ เป็นปกติในทุกวันพระ ในช่วงที่ "สมเด็จย่า" ยังอยู่ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จไปเสวยพระกระยาหารค่ำกับสมเด็จย่าอาทิตย์ละ ๕ วัน ที่เว้นไป ๒ วันเพราะว่าไปเสวยพระกระยาหารกับสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในสมัยนั้น ๑ วัน และทรงศีล ๘ หนึ่งวัน ก็แปลว่าในเรื่องของศีลบารมี ในหลวง ร.๙ ทรงมีสมบูรณ์บริบูรณ์

    ในเรื่องของเนกขัมมบารมี พระองค์ท่านนอกจากเสด็จออกบวชในปี ๒๔๙๙ แล้ว พระองค์ท่านก็ยังคงสร้างบารมีในลักษณะของนักบวชหัวดำ เราจะเห็นว่าพระองค์ท่านประหยัดมัธยัสถ์ต่อตนเองยิ่งกว่านักบวชที่ถือศีล ๒๒๗ ข้อ ก็แปลว่าในส่วนของเนกขัมมบารมีคือการออกจากกามนั้น พระองค์ท่านทำตัวห่างออกมาพอ ๆ หรือว่ามากกว่านักบวชทั่วไปเสียอีก

    ในด้านของปัญญาบารมีนั้น พระองค์ท่านใช้ปัญญาทั้งทางโลกและทางธรรม ปัญญาทางโลกสิ่งที่พระองค์ท่านค้นคว้ามากลายเป็นสิ่งสำคัญของโลก อย่างเช่นวิธีการทำฝนเทียม กังหันน้ำชัยพัฒนา วิธีการปรับปรุงดิน เพื่อให้ดินมีสภาพความพอเหมาะพอสมต่อการเกษตรในแต่ละพื้นที่ จนกระทั่งต่างประเทศให้การยอมรับ องค์การยูเนสโกประกาศให้วันที่ ๕ ธันวาคมของทุกปี เป็นวันดินโลก นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของพระปัญญาที่ใช้ในทางโลก

    ส่วนในทางธรรม พระองค์ท่านนั้นเข้าถึงธรรมลึกซึ้งมาก มีปัญญามาก นำเอาหลักธรรมมาใช้ในการปกครองประเทศโดยไม่มีกลิ่นอายบาลีอยู่เลย เราจะเห็นว่าหลักธรรมที่พระองค์ท่านใช้นั้น ถ้าไม่ใช่นักปฏิบัติจริง ๆ หรือว่าไม่ใช่ผู้ที่ค้นคว้าตำรามาอย่างช่ำชองจริง ๆ บางทีจับไม่ได้เลยว่าพระองค์ท่านตรัสถึงหลักธรรมอยู่ จะเห็นได้ว่าในส่วนของปัญญาบารมีพระองค์ท่านถึงพร้อมทั้งทางโลกและทางธรรม

    ส่วนเรื่องของวิริยบารมีนั้นไม่ต้องพูดถึง พระองค์ท่านพากเพียรที่จะให้ประชาชนอยู่ดีกินดีมาตลอด ๗๐ ปีที่ทรงครองราชย์อยู่ เป็นงานที่กระทำไปโดยแทบที่จะไม่ได้เห็นผลง่าย ๆ แต่พระองค์ท่านก็พากเพียรทำมาโดยตลอดไม่ย่อท้อ ๗๐ ปี ๔,๐๐๐ กว่าโครงการ ทำไปเพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชน เห็นชัดว่าวิริยบารมีของพระองค์ท่านนั้นท่วมท้นล้นแผ่นดิน

    ในเรื่องของขันติบารมีนั้น พระองค์ท่าน อดทน อดกลั้น อดออม ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทนต่อความเหนื่อยยากพระวรกาย ทนต่อแรงกระทบต่าง ๆ ทนต่อความว่ายากสอนยากของประชาชนโดยเฉพาะราชการ ถ้าไม่มีความอดทนอดกลั้นตรงจุดนี้ พระองค์ท่านมีสิทธิ์ที่จะลงโทษเขาได้อย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่มีเลย อย่างดีก็ตำหนิด้วยวาจา แล้วเป็นการตำหนิที่บางทีคนโดนตำหนิก็ไม่รู้ด้วยว่าตัวเองโดน ดังนั้น...ในส่วนของขันติบารมีพระองค์ท่านมีอย่างสมบูรณ์บริบูรณ์

    ในด้านของสัจจบารมีนั้น แค่พระปฐมบรมราชโองการ ว่าเราจะปกครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม ก็แสดงออกถึงสัจจะอย่างจริงแท้แน่นอนของพระองค์ท่าน ตลอด ๗๐ ปีทำเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนมาโดยตลอด ไม่มีอะไรให้สงสัยเลย

    ในด้านของอธิษฐานบารมี คือความตั้งพระทัยอย่างมั่นคงของพระองค์ท่าน สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่พระองค์ท่านตั้งพระทัยกระทำแล้ว ก็ทำไปจนสำเร็จ ถ้ายังไม่สำเร็จก็ยังไม่เลิก ค้นคว้าต่อไป ดังนั้นในความตั้งใจมั่นคืออธิษฐานบารมี พระองค์ท่านก็ถึงพร้อมโดยสมบูรณ์บริบูรณ์

    ในเรื่องของเมตตาบารมี พระองค์ท่านนั้นยิ่งใหญ่ไม่มีอะไรจะเปรียบปาน ด้วยความรักความเมตตาต่อประชากรทุกคน ประหนึ่งบุตรในอุทร ตั้งใจสงเคราะห์ทุกคนเป็นอัปปมัญญาก็คือไม่มีประมาณ เห็นทุกคนเป็นพสกนิกรที่ต้องให้การอนุเคราะห์สงเคราะห์ ไม่เห็นถึงความแตกต่างของเชื้อชาติศาสนาเลย นี่ก็คือเมตตากรุณาที่หาประมาณไม่ได้ ไม่เลือกที่รักมักที่ชังอย่างแท้จริง

    ท้ายสุดก็คืออุเบกขาบารมี สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เกินกำลัง ไม่ว่าจะเป็นกำลังพระวรกาย กำลังคน กำลังทรัพย์ พระองค์ท่านก็ปล่อยวางเป็นอุเบกขาบารมีที่ประกอบไปด้วยเมตตากรุณา มีโอกาสเมื่อไรพร้อมที่จะมาเริ่มต้นใหม่ กระทำใหม่ ช่วยเหลือใหม่ในทันที

    ดังนั้น...ในส่วนของบารมีทั้ง ๑๐ ที่เราดูในหลวงรัชกาลที่ ๙ เป็นตัวอย่าง พวกเราเองมีพร้อมสมบูรณ์บริบูรณ์แล้วหรือยัง ? ถ้ายัง..ในแต่ละวันต้องทบทวนอยู่เสมอ หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกกล่าวกับลูกศิษย์ โดยเฉพาะพระภิกษุสงฆ์อยู่เสมอว่า บารมี ๑๐ ให้เขียนติดหัวเตียงไว้ แต่ส่วนใหญ่แล้วพระวัดท่าซุงไม่ได้เขียนติดหัวเตียง แต่เขียนติดข้างฝา บางท่านก็ยังมีคำวิจารณ์วิจัยเล็ก ๆ ต่อยอดไปอีก แตกแขนงไปอีก ว่าตรงนี้ของเราบกพร่องตรงไหน ตรงนั้นของเราบกพร่องตรงไหน

    บางทีอาตมาได้เข้าไปในห้องของเพื่อนพระในยุคนั้น พระพี่พระน้องหลายรูปตั้งใจปฏิบัติอย่างน่าชื่นชม ครูบาอาจารย์ท่านแนะนำมาแล้ว ถ้าอยากจะประสบความสำเร็จในการปฏิบัติธรรม ต้องมีบารมี ๑๐ เป็นหลัก ปฏิบัติได้ครบถ้วนสมบูรณ์เมื่อไรสำเร็จเมื่อนั้นอย่างแน่นอน

    ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม,ดร.
    เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
    วันเสาร์ที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๖๒
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...