อากังเขยยสูตร ข้อพึงหวังได้ 17 ประการ

ในตำราบอกว่า พึงกระทำตนไม่ให้ห่างจากฌาน

 

เขาเข้าใจผิด

ฌาน มีสองประเภท

จะเอาฌาน แบบไหนล่ะ ฌานอิทธิฤทธิ์ หรือ ฌานละกิเลส

ปัญญาจะตัดสินผลได้ ต้องมีฌาน มีสมาธิ มี สติ

 

ความสงัดที่จิตเห็นถือเป็นฌานไหม

 

เป็น

 

โอรเคร เข้าใจล่ะ พึงกระทำไม่ให้ห่างจากฌาน

 

ผู้พึงกระทำให้บริบูรณ์ในศีล หมั่นประกอบธรรมเครื่องระงับจิตของตนไม่ทำฌานให้เหินห่าง ประกอบด้วยวิปัสสนา พอกพูนสุญญาคาร(เรือนว่างหรือโคนไม้ก็ได้)
คือเป็นผู้ประกอบด้วย ศีล สมาธิ(ฌาน) ปัญญา(วิปัสสนา) สุญญาคารวัตร
ย่อมทำให้เกิดข้อพึงหวังได้ 17 ประการ..
.........................................................

ปราบ พอดีพี่เต้าเจี้ยวไม่อยู่ ตรงฌานนั้นไม่รุ ว่าเจ้เตี้ยวเจี้ยวเขาใส่เองไหม

 

ตามนั้นแหล่ะ

พูดง่ายๆ มีสติเป็นสายน้ำ มีฌานตามติดตลอด

มีสติ มีฌาน
แต่เป็นฌานที่ละกิเลสนะ ไม่ใช่ฌานอิทธิฤทธิ์

สติที่พูด นี้คือสติธรรม ไม่ใช่สติแบบโลกๆ

ถ้าฌานเพื่ออิทธิฤทธิ์ ไม่มีสติธรรมก็ ทำได้ ใช้สติแบบโลกๆนี่
เรียกว่า มิจฉาสติก้ได้

 

ไม่ได้รวมถึงฌานอิทธิฤทธินะ หมายถึง สัมมาสมาธิอ่ะ ถึงจะได้ฌานสัมมา
คือถ้าเอามาแทรกระหว่างกลาง กรุ งงไง
มันเกิดข้อสงสัยว่า มันมีก่อนแล้ว ถูกตัดออก หรือมาเพิ่มทีหลังไรเงี้ย

 

อ๋อ ในวงเล็บใช่ไหม

คิดว่า มาเติมทีหลัง

 

กรุ ก็คิดงั้น มองว่าไม่สมควร มาแต่งเติมเอง

 

ถ้ามองว่า เป็น ฌาณ ของสัมมาสมาธิ มันก้ถูกต้อง

ถ้าแยกฌานสองประออก ก้ไม่มีปัญหา

 

ไปฟังหลวงปู่พุธ ท่านกล่าวว่า สิ่งที่เปลี่ยนในสิ่งที่เราชอบเราเรียกว่าเจริญ
แต่จริงๆ มันคือ อนิจจัง อืม

 

ลักขณรูป ๔ คือ

อุปจยรูป ๑ ความเกิดของรูป
สันตติรูป ๑ ความเจริญของรูป
ชรตารูป ๑ ความชรา(เสื่อม)ของรูป
อนิจจตารูป ๑ ความดับของรูป

 

รูปดับ สัญญาดับ

 

ดับแล้วก้ เกิด

 

ประมาณ ไก่ กับ ไข่ อะไรเกิดก่อนกัน

 

มนุษย์ ก็จัดอยู่ในประเภทสัตว์โรคจิต และปัญญาอ่อน เราทั้งหลายเป็นพวกปัญญาอ่อน
ก็รู้ว่าไฟมันร้อน ก็อยากไปเลองล้อเล่นกับไฟ พอโดนเผาแล้วค่อยมาโวยวาย...เฮ้อปัญญาอ่อน

 

มนุษย์บางจำพวกก็เป็นพวกปัญญากล้า รู้ว่าไฟมันร้อน
แล้วก็ใช้ไฟให้เป้นประโยชน์

 

ไม่ค่อยเห็นแทบไม่มีเลย ปัญญากล้าจะต้องบ้าบิ่นด้วย

 

เห็นเยอะแยะ