ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สงขลาผ่อนปรนละหมาดเริ่ม ศุกร์ที่ 8 พ.ค. นี้

    วันที่ 7 พ.ค. 2563 นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตามที่ได้มี ประกาศจุฬาราชมนตรี ได้ออกประกาศ เรื่องมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ว่าด้วยการผ่อนปรนให้ปฏิบัติศาสนกิจละหมาดวันศุกร์ (ญุมอะห์) สำหรับจังหวัดสงขลาได้มีการพูดคุยกับผู้นำศาสนา โดยมอบหมายให้นายอำเภอทุกอำเภอในจังหวัดสงขลาได้ไปพูดคุยกับอิหม่ามของแต่ละมัสยิต ให้ดำเนินการตามประกาศของจุฬาราชมนตรีในการเปิดให้ละหมาดในวันศุกร์ที่ 8 พ.ค. นี้

    โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาเสริมอีกว่า ให้พี่น้องมุสลิมปฎิบัติตามแนวทางในประกาศชองจุฬาราชมนตรีอย่างเคร่งครัด คือ ให้กรรมการอิสลามประจำมัสยิด หรือหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่มาตรวจวัดอุณภูมิก่อนเข้ามัสยิด ให้จัดวางเจลล้างมือแอลกอฮอล์ไว้บริเวณประตูทางเข้ามัสยิด งดใช้บ่อน้ำ (กอเลาะห์) หรืออ่างใหญ่ร่วมกัน ให้ทำความสะอาดพื้นมัสยิดก่อนและหลังการละหมาดวันศุกร์ (ญุมอะห์) ทุกครั้ง และไม่เปิดเครื่องปรับอากาศ โดยให้เปิดหน้าต่าง ผ้าม่าน เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ให้จัดเครื่องหมายจุดละหมาดที่สามารถระบุตำแหน่งได้ โดยให้เว้นระยะห่างแต่ละจุด 1.50-2 เมตร ให้ควบคุมทางเข้าออกมัสยิด และจัดระเบียบระยะห่างขณะเดินเข้าและเดินออกจากมัสยิดหลังเสร็จสิ้นการละหมาดวันศุกร์ (ญุมอะห์) นอกจากนี้ให้เว้นระยะห่างระหว่างแถวและในแถว 1.50-2 เมตร และให้ยืนตามจุดที่มัสยิดได้จัดทำเครื่องหมายไว้ ให้กระชับเวลาในการละหมาดวันศุกร์

    นายจารุวัฒน์ ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ขอให้พี่น้องทั้งชาวไทยพุทธและมุสลิม ให้เข้มงวดและเคร่งครัดตามแนวทางปฎิบัติศาสนกิจ อีกทั้งวันนี้เป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาด้วยว่า ฝากถึงพุทธศาสนิกชนให้งดทำกิจกรรมทางศาสนาอื่นๆ ชั่วคราว เพื่อให้ชาวสงขลาปลอดภัยจากเชื้อโควิด-19

    The post สงขลาผ่อนปรนละหมาดเริ่ม ศุกร์ที่ 8 พ.ค. นี้ appeared first on SpringNews.

    Source : #Springnews #สปริงนิวส์

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฮ่องกงไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มวานนี้! พร้อมแจงรายละเอียด social-distancing ใหม่ เริ่มวันศุกร์นี้

    เมื่อวานนี้ไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มในฮ่องกง และเป็นวันที่ 17 ติดต่อกันแล้ว ที่ฮ่องกงไม่พบผู้ติดเชื้อจากในฮ่องกง ยอดสะสมยังคงเป็น 1,040 ราย

    ทั้งนี้ได้มีการผ่อนปรนกฏ social-distancing และอนุญาตให้สถานบริการส่วนใหญ่ เช่น บาร์ ฟิสเนต ร้านเสริมสวย โรงภาพยนตร์ เกมส์เซ็นเตอร์ เริ่มเปิดในวันศุกร์นี้ (8 พฤษภาคม 2020) โดยกรมอาหารและสุขภาพได้ชี้แจงรายละเอียดและข้อกำหนดเพิ่มดังนี้

    กฏ social-distancing ใหม่ เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2020

    ***อนุญาตให้มีการรวมกลุ่มได้ไม่เกิน 8 คน ในสถานที่สาธารณะและร้านอาหาร

    ***บาร์ : เปิดรับลูกค้าได้เพียงครึ่งนึง, ห้ามเล่นดนตรีสดหรือคาราโอเกะ, ปิดโซนเต้น, ไม่อนุญาตให้นั่งโต๊ะเดียวกันเกิน 4 คน

    ***สถานบริการอื่นๆ รับลูกค้าได้กลุ่มละไม่เกิน 8 คน และต้องห่างกัน 1.5 เมตร

    ***งานแต่งงาน : ให้ร่วมงานได้ไม่เกิน 50 คน (จากเดิมที่กำหนด 20 คน)

    ***บริษัทจดทะเบียน 2,500 แห่งในฮ่องกงสามารถจัดการประชุมผู้ถือหุ้นในที่สาธารณะได้ โดยต้องมีผู้เข้าร่วมไม่เกิส 50 คน และห้ามเสิร์ฟอาหาร,เครื่องดื่ม

    ***ผู้ใช้บริการจะต้องสวมหน้ากากอนามัย เมื่อไม่ได้กิน,ดื่ม,ออกกำลังกายหรือมีการเสริมความงาม และพนักงานจะต้องตรวจเช็คอุณหภูมิร่างกายของลูกค้าและจัดเตรียมเจลแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ

    ***ร้านเสริมสวย / ร้านนวด : พนักงานต้องสวมหน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ป้องกันตลอดเวลาที่กำลังให้บริการลูกค้า อุปกรณ์ต่างๆ จะต้องเปลี่ยนทันทีหลังใช้งาน, ไม่อนุญาตให้ใช้เครื่องอบรวมทั้งสารเคมีระเหย

    ***โรงภาพยนตร์ : ให้รับลูกค้าได้เพียงครึ่งนึง และไม่ให้นั่งติดกันเกิน 8 คนในแถวเดียวกัน, ห้ามกินและดื่มภายในโรงภาพยนตร์

    ***สถานให้ความบันเทิงอื่นๆ เช่น ร้านสนุ๊กเกอร์, โบว์ลิ่ง, ลานสเก๊ตน้ำแข็ง จำกัดรวมกลุ่มได้ไม่เกิน 8 คน และต้องฆ่าเชื้ออุปกรณ์ต่างๆ ก่อนใช้งาน

    ***ไนท์คลับ, ซาวน่า, ห้องจัดปาร์ตี้, ห้องคาราโอเกะ ยังคงปิดต่อไป

    ผู้ฝ่าฝืนละเมิดกฏ social-distancing มีโทษสูงสุด ปรับไม่เกิน 25,000 เหรียญฮ่องกงและจำคุก 6 เดือน แม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะแจ้งค่าปรับที่ 2,000 เหรียญฮ่องกง

    ***ติดตามอัพเดทสรุปประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าในฮ่องกงได้ที่กระทู้ปักหมุด***


    Source : https://www.scmp.com/news/hong-kong...84/coronavirus-bigger-weddings-larger-public?

    #ข่าวฮ่องกง #khaohongkong

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    strategic-culture
    Get Ready for the Next Game-Changer: the Digital Yuan

    เตรียมพบกับ Game Changer: ดิจิตัลหยวน

    Pepe Escobar May 5, 2020

    การเปลี่ยนกระบวนทัศน์แบบถอนราก (radical paradigm shift) กำลังเกิดขึ้น เศรษฐกิจของสหรัฐหดตัวลงไปถึง 40% ...จีนซึ่งมีเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกถ้าคิดตาม PPP (Purchasing Power Parity) มาหลายปีแล้ว ...และคงจะใหญ่ที่สุดถ้าคิดในเทอมของการใช้อัตราแลกเปลี่ยน..ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

    โลกหลังจากการ lockdown ก็ยังคงอีมครึม ยังคงต้องใช้สกุลเงินแบบหลัง lockdown อยู่ดี ...จึงมีตัวเลือกโผล่มาให้เราตะลึงได้อีก: เงินเฟียต..ดิจิตัลหยวน

    เดือนที่ผ่านมา ธนาคารกลางของจีน ..the People’s Bank of China (PBOC) คอนเฟิร์มแล้วว่า ธนาคารชั้นท็อปกลุ่มหนึ่งได้มีการทดสอบการชำระเงินทางอิเล็คโทรนิคส์ โดยใช้ดิจิตัลหยวนในสี่เขตมณทลของจีน แต่ไม่มีการเปิดเผยเวลา launch ที่เป็นทางการของเงินที่เรียกกันว่า Digital Currency Electronic Payment (DCEP).

    ผู้ที่เป็นเจ้าของแผนนี้คือ ผู้ว่าฯธนาคารกลาง PBOC ..Yi Gang เขายืนยันว่า นอกเหนือจากสี่เขตคือ ซูโจว เชียงอาน เฉิงตู และเซินเจิ้น ....PBOC ยังมีแผนจะลอง scenario ทดสอบในช่วงการแข่งขัน Winter Olympics ในปี 2022 อีกด้วย

    ในขณะที่ DCEP มีความก้าวหน้า ..Yi ยืนยันว่า PBOC จะยังคงความระมัดระวังควบคุมความเสี่ยง โดยเฉพาะด้านต่อต้านการฟอกเงิน และวัตถุประสงค์ของเทคโนฯ 'Know Your Customer' (KYC) เพื่อเข้าร่วมกับระบบและดีไซน์ของ DCEP

    DCEP ควรจะต้องถูกตีความว่าเป็น road map ของจีนที่จะนำไปสู่การเข้าเป็นเงินรีเสิร์ฟของโลกชนิดถล่มทลายแทนที่ยูเอสดอลล่าร์ ....DCEP ยิ่ง luanch ได้เร็วก็ยิ่งดีต่อการที่จะชวนเชื่อพวกประเทศโลกที่สาม (Global South) ให้เข้าร่วมด้วย

    PBOC กำลังพัฒนาระบบร่วมกับแบ้งค์ยักษ์ของรัฐอีก 4 แห่ง และยังมีระบบการชำระเงินยักษ์ใหญ่ของจีน Tencent กับ Ant Financial เข้าร่วมอีกด้วย

    มี app ที่ได้รับการพัฒนาโดย Agricultural Bank of China (ABC) ใช้แพร่หลายกันอยู่ใน WeChat ซึ่งมี interface เชื่อมต่อกับ DCEP ....นอกจากนี้ ยังมีภัตตาคารและห้างค้าปลีกอีก 19 แห่ง เข้าร่วมการทดลองนำร่องครั้งนี้ด้วย เช่น Starbucks, McDonald’s และ Subway

    จีนกำลังเร่งรุดหน้าในทุกสิ่งที่เป็นดิจิตัล ...มีการ luanch Blockchain Service Network (BSN) เพื่อใช้อำนวยวัตถุประสงค์ด้านการค้าไม่เฉพาะภายในประเทศ แต่กับการค้าของโลกอีกด้วย ....มีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหญ่ควบคุม BSN ซึ่งมาจากผู้บริหารของ PBOC ..Baidu ..และ Tencent ...จากข่าวของรัฐมนตรีอุตสาหกรรม IT

    Backed by gold

    แล้วทั้งหมดนี้มันหมายความว่าอะไร

    แหล่งข่าวจากแบ้งค์ในฮ่องกงแจ้งว่าปักกิ่งไม่ได้สนใจจะให้หยวนเข้าแทนที่ยูเอสดอลล่าร์เลย เพียงแค่ต้องการให้กลุ่มประเทศโลกที่สามก้าวข้ามดอลล่าร์ไป โดยเฉพาะเมื่อเปโตรดอลล่าร์กำลังอยู่ในโคม่าอย่างนี้

    อย่างเป็นทางการแล้ว ปักกิ่งเห็นว่ายูเอสดอลล่าร์ควรถูกแทนที่ด้วย Special Drawing Rights (SDR) ของ IMF ซึ่งเป็นตะกร้าเงินของ dollar, euro, yuan, yen ...ซึ่งนั่นจะเป็นการลดภาระที่หนักอึ้งของหยวน..ถ้าจะต้องไปเป็นสกุลเงินรีเสิร์ฟของโลกแต่เพียงสกุลเดียว

    แต่มันก็อาจเป็น tactic การเบี่ยงเบนเท่านั้น ในสงครามการข่าวสารกำลังสู้กันแบบสุดฤทธิ์อยู่นี้ ...ตะกร้าสกุลเงินของ IMF ที่สหรัฐยังคุมได้อยู่นี้..ย่อมไม่ใช่สิ่งที่จีนต้องการแน่ ๆ

    เรื่องของเรื่องก็คือ เงินดิจิตัลหยวนนี้อาจจะมีการแบ้คค่าด้วยทองคำ ..แต่ก็ยังไม่มีการคอนเฟิร์ม ..ทองคำอาจใช้แบ้คค่าเงินโดยตรง หรือแบ้คพันธบัตร หรืออาจใช้เป็นเพียงหลักทรัพย์ค้ำประกัน .....ที่แน่ ๆเลยก็คือ ถ้าปักกิ่งประกาศให้เงินดิจิตัลของตนแบ้คด้วยทองคำแล้วละก็ มันก็จะเหมือนกรณีที่ยูเอสดอลล่าร์ถูกฟ้าผ่าเลยแหละ

    **paragraph ต่อจากนี้..ถ้าเพื่อน ๆ ไม่เข้าใจ (ผมอ่านเองยังงงเลย..) ....ขอให้อ่านจากโพสท์เก่านี้ก่อนครับ**



    เพราะภายใต้ framework ใหม่นี้ ทุกประเทศไม่จำต้องส่งสินค้าออกไปที่จีนมากกว่านำเข้าจากจีน เพียงเพื่อจะได้มีเงินหยวนมากกว่า ...(เพื่อเก็บเป็นรีเสิร์ฟเหมือนกรณีของดอลล่าร์ที่เป็นอย่างนั้นมาตลอด จนเกิด Triffin's Dilemma ...ผู้แปล) ..ปักกิ่งก็ไม่ต้องพิมพ์เงินเพิ่มตลอดเวลา...แบบที่สหรัฐทำ เพื่อดีมานด์ทางการค้าของประเทศอื่น ๆ (นั่นคือเหตุผลที่ชาวโลกส่งสินค้าเลี้ยงดูสหรัฐมาตลอดนับสิบ ๆ ปี แต่จีนไม่ต้องการ ...ผู้แปล)

    ดิจิตัลหยวนจะแบ้คค่าด้วยปริมาณสินค้า Made in China จำนวนมหาศาล ไม่ใช่ด้วยการใช้ฐานทัพถึงกว่า 800 แห่งทั่วโลกแบบจักรวรรดิ์นิยม และมูลค่าของดิจิตัลหยวนจะกำหนดโดยตลาด แบบที่บิทคอยน์เป็นอยู่

    กระบวนการนี้เตรียมการมานับเป็นปี ๆ ...มีการเริ่มหารือกันมาอย่างซีเรียสตั้งแต่ปลายยุค 2000s ภายใต้การประชุมซัมมิท BRICS นำโดยเสาหลักสองประเทศ จีนและรัสเซีย

    พิจารณาจากหลาย ๆ ยุทธวิธีที่จะก้าวผ่านดอลล่าร์ เริ่มจากการค้าทวิภาคีที่ใช้สกุลเงินของตน เช่นจีนกับรัสเซีย ทำให้เกิดกองทุนความร่วมมือ RMB สามปีมาแล้ว

    ยุทธวิธีของจีนในเรื่องนี้ใช้เวลายาวนานมาก มีการสะสมทองคำจำนวนมากแบบเดียวกับรัสเซีย มาเจ็ดปีแล้ว ปักกิ่งมีการรณรงค์ให้มีการใช้ SDR ในขณะที่วางตำแหน่งให้หยวนเป็นเพียงคู่แข่ง

    แต่ตอนนี้ หลังการ lockdown ได้เวลาเหมาะที่ปักกิ่งจะต้องขยับตัวแล้ว ...แม้แต่เมื่อก่อนที่จะเริ่มมี Covid-19 แล้วที่ผู้นำฝ่ายจีนเริ่มรู้สึกถึงการโจมตีหลายรูปแบบจากสหรัฐ ดูเหมือนว่าสัมพันธภาพของทั้งสองประเทศจะแย่ลงเรื่อย ๆ

    ถ้าเมื่อจีนเริ่มจะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก ทั้ง PPP และอัตราแลกเปลี่ยน ..มีความเข้มแข็งมากขึ้น ..ก้าวเข้าสู่เทคโนฯระดับที่สูงขึ้นเพื่อให้ทันกับ โปรแกรม Made in China 2025 ...ตามมาด้วยชัยชนะจากเรื่องของ Covid-19 ในเวลาที่เร็วเป็นประวัติการณ์ ...เรื่องทั้งหมดก็ดูจะพร้อมและเข้าที่เข้าทางแล้ว

    ปักกิ่งจำเป็นต้องได้กลุ่มประเทศโลกที่สามมาเป็นพวก สหรัฐเองก็รู้เรื่องนี้ดี ตอนนี้เราจึงเห็นการสร้างภาพให้จีนเป็นปีศาจอยู่ในแทบทุกเรื่อง เริ่มด้วยเรื่องของการแพร่ Covid-19

    An “impeding arrival”

    ดิจิตัลหยวนที่ใช้เทคโนฯ บล็อคเชน จะลอยตัวแบบอัตโนมัติ ดังนั้นจึงไม่ขึ้นกับระบบการเงินแบบคาสิโนของสหรัฐ

    ปริมาณเงินดิจิตัลแห่งชาตินี้จะต้องคงที่ ไม่มีการทำ QE ในแบบเฮลิคอปเตอร์มันนี่ ...มันจะทำหน้าที่เป็นสื่อกลางการค้าแบบสมบูรณ์ การโอนย้ายจะไร้แรงต้าน และที่ยิ่งดีขึ้น ไม่ต้องถูกชาร์จค่าโอนจากตัวกลางใด ๆ

    แต่ก็คงต้องมีอุปสรรคอยู่บ้าง การสร้างภาพปีศาจให้จีนคงต้องมีการรวมเอาเรื่องที่จีนจะแหกคอกออกจากวัตถุประสงค์หลักของเงินคริปโต ในเรื่องการไม่รวมศูนย์ (decentralized) ....และในเมื่อมันยังรวมศูนย์อยู่..คงต้องมีภาพร้าย ๆ ของ PBOC ที่สามารถจะเข้ายึดเงินดิจิตัลจากผู้ที่พรรคคอมมูนิสต์จีนไม่ชอบขี้หน้าก็ได้

    จีนเอาแน่ ...แต่ทั้งสหรัฐ อังกฤษ รัสเซียและอินเดียก็กำลังเตรียมจะ luanch เงินคริปโตของตน

    the Bank of International Settlements (BIS) ...พ่อของทุกแบ้งค์ชาติ ก็เริ่มตระหนักแล้วว่า the future is now ...การวิเคราะห์ที่ทำร่วมกับ 50 แบ้งค์ชาติไม่มีผิดพลาดเลย เรากำลังเผชิญอยู่กับ an “impeding arrival" (การมาถึงของสิ่งที่ต้องขวางให้อยู่)

    แล้วงานนี้ใครจะได้ครอง The Biggest Prize?

    ********************

    strategic-culture
    Get Ready for the Next Game-Changer: the Digital Yuan

    Pepe Escobar May 5, 2020

    A new, radical paradigm shift is in progress. The U.S. economy may shrink as much as 40% in the first semester of 2020. China, already the world’s largest economy by PPP for a few years now, may soon become the world’s largest economy even in exchange rate terms.

    The post-Planet Lockdown world – still a hazy mirage – may well need a post-Planet Lockdown currency. And that’s where a serious candidate steps into the fray: the fiat digital yuan.

    Last month, the People’s Bank of China (PBOC) confirmed that a group of top banks started trials in electronic payment in four different Chinese regions using the new digital yuan. Yet there’s no timetable yet for the official launch of what is called the Digital Currency Electronic Payment (DCEP).

    The man with the plan is PBOC governor Yi Gang. He has confirmed that apart from the trials in Suzhou, Xiong’an, Chengdu and Shenzhen, the PBOC is also testing hypothetical scenarios for the 2022 Winter Olympics.

    While DCEP, according to Yi, “has made very good progress,” he insists the PBOC will be “cautious in terms of risk control, especially to study anti money-laundering and ‘know your customer’ requirements to incorporate in the design and system of DCEP.”

    DCEP should be interpreted as the road map for China leading to an eventual, even more groundbreaking replacement of the U.S. dollar as the world’s reserve currency. China is already ahead in the digital currency sweepstakes: the sooner DCEP is launched the better to convince the world, especially the Global South, to tag along.

    The PBOC is developing the system with four top state-owned banks as well as payment behemoths Tencent and Ant Financial.

    A mobile app developed by the Agricultural Bank of China (ABC) is already circulating on WeChat. This is in effect an interface linked to DCEP. Moreover, 19 restaurants and retail establishments including Starbucks, McDonald’s and Subway are part of the pilot testing.

    China is advancing fast on the whole digital spectrum. A Blockchain Service Network (BSN) was launched not only for domestic but also for global trade purposes. A large committee is supervising BSN, including executives from the PBOC, Baidu and Tencent, according to the Ministry of Industry and Information Technology (MIIT).

    Backed by gold

    So what does this all mean?

    Well connected banking sources in Hong Kong have told me Beijing is not interested for the yuan to replace the U.S. dollar – for all the interest across the Global South in bypassing it, especially now that the petrodollar is in a coma.

    The official Beijing position is that the U.S. dollar should be replaced by an IMF-approved Special Drawing Rights (SDR) basket of currencies (dollar, euro, yuan, yen). That would eliminate the heavy burden of the yuan as the sole reserve currency.

    But that may be just a diversionist tactic in an environment of all-out information war. A basket of currencies under the IMF still implies U.S. control – not exactly what China wants.

    The meat of the matter is that a digital, sovereign yuan may be backed by gold. That’s not confirmed – yet. Gold could serve as a direct back up; to back bonds; or just lay there as collateral. What’s certain is that once Beijing announces a digital currency backed by gold, it will be like the U.S. dollar being struck by lightning.

    Under this new framework, nations won’t need to export more to China than they import so they have enough yuan to trade. And Beijing won’t have to keep printing yuan electronically – and artificially, as in the case of the U.S. dollar – to meet trade demands.

    The digital yuan will be effectively backed up by the massive amount of Made in China goods and services – and not by a transoceanic Empire of 800 Bases. And the value of the digital yuan will be decided by the market – as it happens with bitcoin.

    This whole process has been years in the making, part of serious discussions started already in the late 2000s inside BRICS summit meetings, especially by Russia and China – the core strategic partnership inside the BRICS.

    Considering multiple strategies to progressively bypass the U.S. dollar, starting with bilateral trade in their own currencies, Russia and China, for instance, set up a Russia-Chian RMB Cooperation Fund three years ago.

    Beijing’s strategy is carefully calibrated, like playing go long-term. Apart from methodically stockpiling gold in massive quantities (just like Russia) for seven years now, Beijing has been campaigning for a wider use of SDR while making sure to not position the yuan as a strategic competitor.

    But now the post-Planet Lockdown environment is shaping up as ideal for Beijing to make a move. Even before the onset of the Covid-19 crisis the predominant feeling among the leadership was that China is under a full spectrum attack by the United States government. Hybrid War already reaching fever pitch implies bilateral relations will only get worse, not better.

    So when we have China as the world’s largest economy by both PPP and exchange rate; still the strongest growing major economy, barring the first semester of 2020; productive, innovative, efficient and on track to reach a higher technological level with the Made in China 2025 program; and capable of winning the “people’s war” against Covid-19 in record time, all the necessary elements seem to be in place.

    But then, there’s soft power. Beijing needs to have the Global South on its side. The United States government knows it very well; no wonder the current hysteria is all about demonizing China as “guilty” on all – unproved – counts of fostering and lying about Covid-19.

    An “impeding arrival”

    A key advantage of a sovereign digital yuan is that Beijing does not need to float a paper yuan – which by the way is being sidelined all across China itself, as virtually everyone is switching to electronic payment.

    The digital yuan, using blockchain technology, will automatically float – thus bypassing the U.S.-controlled global financialized casino.

    The amount of sovereign digital currency is fixed. That in itself eliminates a plague: quantitative easing (QE), as in helicopter money. And that leaves the sovereign digital currency as the preferred medium for trade, with currency transfers unimpeded by geography and, the icing on the cake, without banks charging outrageous fees as intermediaries.

    Of course there will be pushback. As in non-stop demonization of neo-Orwellian China for straying away from the whole purpose of bitcoin and cryptocurrencies – which is to have freedom from a centralized structure via decentralized ownership. There will be howls of horror at the PBOC potentially capable of seizing anyone’s digital funds or turning off a wallet if the owner displeases the CCP.

    China is on it, but the U.S., UK, Russia and India are also on their way to launch their own crypto-currencies. For obvious reasons, the Bank of International Settlements (BIS), the Central Bank of Central Banks, is very much aware that the future is now. Their research with over 50 Central Banks is unmistakable: we are facing an “impeding arrival”. But who will take the Biggest Prize?

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Sovereign Man
    And the winner of the next half trillion dollar bailout is.....

    Simon Black May 4, 2020

    เมื่อตอน 4pm เย็นวันศุกรที่ 17 ตุลาคม 1975 ฝ่ายบริหารของนครนิวยอร์คซิตี้ สรุปได้แล้วว่ามีหนี้ทั้งสิ้น $453 ล้านที่จะต้องชำระคืน

    แต่เพียงหนึ่งวันก่อนหน้านั้น ฝ่ายบริหารมีเงินสดเหลืออยู่เพียง $34 ล้านเท่านั้น

    มันเหมือนเป็นการสร้างเกียรติ์ประวัติการเกิดวิกฤตการเงินเลยทีเดียว ...ที่มหานครซึ่งเรียกได้ว่าร่ำรวยที่สุดในโลกกำลังจะประกาศการล้มละลาย

    นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์คยุคนั้น Abe Beame ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลาง..ไปยัง ปธน.ในขณะนั้นเจอรัลด์ ฟอร์ดหลายครั้ง แต่ฟอร์ดปฏิเสธ อ้างว่าประเทศยังมีปัญหาใหญ่กว่ารออยู่

    นครนิวยอร์คสิ้นหวัง

    ในช่วงเวลาที่เหลือไม่กี่ชั่วโมง พวกเขาสามารถโน้มน้าวให้สหภาพครูซึ่งมีกองทุนบำเหน็จบำนาญขนาดมหึมา ให้เข้ามา bail out ช่วยซื้อพันธบัตร ต่อลมหายใจไปได้

    นิวยอร์คซิตี้รอดพ้นการล้มละลายไปได้อย่างฉิวเฉียด

    แต่เรื่องแบบนี้มันคงจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกแล้ว มีหลายรัฐและรัฐบาลท้องถิ่นหลายแห่งกำลังยืนโงนเงนอยู่บนขอบเหวของการล่มสลาย ....และไม่มีกองทุนบำนาญที่ไหนจะอยู่ในฐานะที่จะช่วยได้อีกแล้ว

    ที่จริงกองทุนบำนาญเองนั่นแหละ ที่เป็นส่วนใหญ่ของปัญหาเลย

    ระบบเกษียนของสหภาพครูแห่งนครนิวยอร์ค ที่เคยช่วยนครแห่งนี้ไว้เมื่อปี 1975 ....ตอนนี้กองทุนของมันล้มละลายไปแล้ว

    จากรายงานการเงินล่าสุดของกองทุน ตอนนี้มันมีเงินไม่พอจ่ายได้ตามภาระผูกพันธ์ที่มีอยู่แล้ว ....ช้อร์ตไป 40%

    แล้วตัวเลขนี้มันก็ไปพ้องกับกองทุนบำนาญของตำรวจดับเพลิงนิวยอร์คซะด้วย

    และนครนิวยอร์คก็ไม่ใช่จุดเดียวของประเทศ ที่มีปัญหา

    กองทุนบำนาญของเจ้าหน้าที่รัฐอิลลินอยส์ก็มีเงินต่ำกว่าเฉลี่ย..ถึง 60% ....ส่วนนิวเจอร์ซี่ก็ 65%

    ที่จริงแล้ว มีเพียงสองรัฐในดินแดนเสรีแห่งนี้เท่านั้น ที่มีเงินอยู่ครบ คือ วิสคอนซินและเซาธ์ดาโกต้า

    ดังนั้น กองทุนบำนาญเจ้าหน้าที่รัฐเกือบทั้งหมดกำลังอยู่ในฐานะที่ซีเรียสมาก ๆ และไม่อาจจะไปช่วย bail out ใครได้เลย

    หนี้ของรัฐอิลลินอยส์น่ะ ถูกจัดชั้นให้สูงกว่าจั๊งค์อยู่นิดเดียว ..แค่ระดับเดียวเท่านั้น ....สภาของรัฐได้เรียกร้องให้รัฐบาลกลางเข้ามาช่วย bail out $40,000 ล้าน

    แคลิฟอร์เนีย นิวเจอร์ซี่ และรัฐนิวยอร์ค ต่างก็เข้าแถวรอการ bail out จากรัฐบาลกลาง

    และมันก็น่าอเมซิ่งซะด้วย ...คองเกรสเองก็กำลังพิจารณาเตรียมกฏหมายการ bail out ทุกรัฐเป็นเงิน $1 ล้านล้าน

    นอกจากนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Federal Reserve ประกาศว่าจะเข้ามาช่วยซื้อพันธบัตร จำนวน $5 แสนล้าน จากบรรดารัฐ ..เคาน์ตี้..และเทศบาลทั้งหลาย

    สิริรวมแล้วนั่นคือ $1.5 ล้านล้านเพื่อช่วยรัฐทั้งหลายและรัฐบาลท้องถิ่น ...นอกเหนือจากที่เคยได้ช่วยไปแล้วหลายล้านล้านดอลล่าร์

    อย่าลืมว่า เงินทั้งหลายแหล่เหล่านี้มันพิมพ์ออกมาจากกลางอากาศ แต่พวกนักการเมืองและ central bankers กลับคิดว่า พวกเขาจะพิมพ์เงินยังไงก็ได้

    ไอ้ที่มันน่าตลก คือไม่สามารถพิมพ์ออกมาเพื่อสร้างความรุ่งเรืองได้

    เพราะไม่งั้น ซิมบับเวก็คงจะเป็นประเทศที่ร่ำรวยที่สุดไปนานแล้ว

    มันจะเป็นการยอดเยี่ยมมากถ้าจะมองในแง่ดีอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ แล้วก็รอสิ่งอัศจรรย์ให้ไวรัสมันหายไปซะ ทุกอย่างก็จะกลับไปสู่ normal (ไม่นิว) แบบเดิม ...จะไม่มีผลร้ายใด ๆจากการพริ้นท์เงินนี้เลย

    ถ้าผมจะเชื่ออย่างนั้นด้วย ก็ต้องเชื่อต่อไปอีกว่า ..ทีม Dallas Cowboys ตัดสินใจเลือกผมไปเล่นเป็น quarterback ใน season หน้านี้ แน่ ๆ

    กลับมาสู่โลกจริงเหอะ ไวรัสคงจะอยู่กับเราไปอีกพักใหญ่แหละ ....แต่กับนักการเมืองที่กลัวว่าจะไม่ได้รับเลือกตั้งอีกครั้ง ก็คงตัดสินใจพิมพ์เงินไปเรื่อย ๆ จนกว่ามันจะเกิดปัญหาในที่สุด

    รับความจริงกันเถอะ ตลอดมาในประวัติศาสตร์ที่มีการพิมพ์เงินกันมหาศาล #น้อยครั้งมาก ที่จะไม่ส่งผลร้าย..ชนิดที่ดองยังไงก็ไม่จืดง่าย ๆ

    เรื่องที่ famous ที่พูดกันมาก ก็อย่างเงินเฟ้อรุนแรงที่เกิดขึ้นที่ซิมบับเว และสาธารณรัฐไวมาร์ (เยอรมัน)

    ส่วนเรื่องที่เฟมัสน้อยลงหน่อย..ตั้งแต่ยุคโบราณหรือยุคกลาง ก็เมื่อครั้งเกิดเงินเฟ้อแบบสุดจะทนของจีนยุคราชวงศ์จิ้น และราชวงศ์หยวน (ทั้งสองยุคใช้เงินกระดาษที่พิมพ์อย่างอิสระ)

    หรือแม้แต่ในสหรัฐในช่วง 1970s ..อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำและปริมาณเงินที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดเงินเฟ้อที่เลวร้ายสุด ๆ ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของเศรษฐกิจสหรัฐ

    คุณ ๆ ไม่ต้องใช้ดีกรี PhD ทางเศรษฐศาสตร์ ..ก็พอจะเข้าใจได้ว่าการเสกเงินนับหลายล้านล้านดอลล่าร์จากกลางอากาศมันจะทำลายมูลค่าของเงินในที่สุด

    นี่เป็นเหตุผลที่ผมเขียนถึงมูลค่าของทรัพย์สินแท้จริงมาตลอด

    ทรัพย์สินแท้จริง เช่นที่ดินที่สร้างผลผลิต ..ธุรกิจที่มีผลประกอบการที่ดี ..ทองคำและซิลเวอร์ ที่จะมาเป็น safe haven ในช่วงที่รัฐบาลและธนาคารกลางกำลังบูชายัญ ยำใหญ่ currency ของประเทศกันอยู่

    ถ้าจะเปรียบเทียบปริมาณเงินที่มีอยู่ทั้งหมดตอนนี้ ทองคำจัดได้ว่ามีราคาถูกสุด ๆ

    ทองคำถูกกดราคาต่ำกว่ามูลค่า จาก money suply ..แต่ซิลเวอร์ก็ยิ่งต่ำกว่าอีกเมื่อเทียบกับทองคำ

    ขอย้ำอีกครั้ง ...รถไฟเหาะ roller coaster กำลังจะพุ่งขึ้นสูงแล้ว

    **************************

    Sovereign Man
    And the winner of the next half trillion dollar bailout is…

    Simon Black May 4, 2020

    At precisely 4pm on Friday October 17, 1975, New York City’s government would have a $453 million in debt to repay.

    But literally the night before, the city’s government had only $34 million on hand.

    It was the makings of an epic financial crisis: the wealthiest city in the world was about to declare bankruptcy.

    New York City’s mayor Abe Beame had called US President Gerald Ford numerous times begging for federal assistance, but Ford refused. The nation had bigger problems to deal with.

    New York was desperate.

    But with only hours to spare, they managed to convince the powerful Teachers’ Union to use its gigantic pension fund to buy up the bonds and save the day.

    The plan worked, and New York City was very narrowly able to escape bankruptcy.

    But that wouldn’t happen today; a number of state and local governments are teetering on the edge of default, and public pension funds are in no position to bail them out.

    Pensions are actually a huge part of the problem.

    New York’s Teachers’ Retirement System– the same union that bailed out the city in 1975, is today technically insolvent.

    According to the pension fund’s most recent financial report, the fund is about 40% short of being able to pay out its obligations.

    And the numbers are similar across the board for New York’s Fire and Police pension funds as well.

    And New York is definitely not the only problem spot.

    Public pensions in the State of Illinois are 60% underfunded, on average. And more than 65% in New Jersey.

    In fact, only TWO states in the Land of the Free have fully-funded public pensions as of 2019: Wisconsin and South Dakota.

    So, most pension funds are in serious trouble and in no position to bail anyone out.

    State government are even worse off: Illinois’ debt is rated one level above junk, and the state legislature asked the federal government for a $40 billion bailout.

    California, New Jersey, and New York are also lining up for a federal bailout.

    And amazingly enough, Congress is actually considering a $1 trillion bailout for state governments.

    Plus, last week, the Federal Reserve announced that it will step in and buy $500 billion worth of bonds from states, counties, and municipalities.

    So that’s another $1.5 trillion for state and local governments, on top of the trillions of dollars worth of bailouts they’ve already made.

    Remember– all of this money is just being conjured out of thin air. These politicians and central bankers believe they can print all the bailout money they need without ever having to make a difficult decision.

    But this solution is a ridiculous fantasy: you cannot borrow or print your way to prosperity.

    If that were the case, Zimbabwe would have become the wealthiest country in the world long ago.

    It’s perfectly fine to remain optimistic and hope that, maybe just maybe, the virus will just magically disappear, everything will go back to normal, and there will never be any consequences from all of this money printing.

    And while I’m at it, I can also hope that the Dallas Cowboys decide to make me their starting quarterback next season.

    But back here on Planet Earth, it’s far more likely that the virus will be around for a while… that decisions will continue to be made by weak leaders whose greatest fear is not being re-elected… and that all this money printing will eventually become a problem.

    Let’s be frank: there are VERY few instances throughout history where so much money has been created without any nasty consequences.

    We know the famous stories like hyperinflation in Zimbabwe and the Weimar Republic.

    Then there are stories from ancient and medieval times, like the insufferable inflation of China’s Jin and Yuan dynasties (both of which used paper currency and printed it freely).

    Even in the United States in the 1970s, cheap interest rates and expansion of the money supply led to some of the worst inflation in US economic history.

    You really don’t need a PhD in economics to understand that conjuring trillions of dollars out of thin air might hurt the long-term value of the currency.

    This is why I keep writing that real assets make so much sense.

    There is no sure thing right now. But real assets like productive land, profitable businesses, and precious metals tend to be safe havens at a time when governments and central banks are willing to sacrifice the currency.

    Compared to the amount of money that’s being printed right now, precious metals are actually fairly inexpensive.

    Gold is undervalued relative to the money supply, and silver is downright cheap relative to gold.

    Again, there is no sure thing. And we could see a real roller coaster ride in prices.

    But if you believe (as I do) that they’re going to continue printing money to bail everyone out, then there’s a very strong, long-term case to own precious metals right now. And especially silver.

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “ทรัมป์”ปฎิเสธความเกี่ยวข้อง
    2 ทหารอเมริกันรับจ้างโค่นล้ม“มาดูโร”

    เอเจนซีส์ – ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัทป์ เมื่อวานนี้(5 พ.ค) ออกมาปฎิเสธความเกี่ยวข้องของ 2 ชาวอเมริกันที่เชื่อว่าทำงานให้กับบริษัทด้านความมั่นคงทางทหารที่มีฐานในรัฐฟลอริดาและถูกจับกุมระหว่างพยายามบุกขึ้นฝั่งเวเนซุเอลาพร้อมทีม

    อัลญะซีเราะฮ์ สื่อกาตาร์ รายงานวันนี้(6 พ.ค)ว่า ผู้นำสหรัฐฯเปิดเผยวันอังคาร(5)ว่า เขาเพิ่งทราบการถูกควบคุมตัวของพลเมืองสหรัฐฯทั้งสองที่ถูกกล่าวหาจากฝั่งเวเนซุเอลาว่าคนเหล่านี้เป็นทหารรับจ้าง ซึ่งประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร กล่าวว่า ชาวอเมริกันเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของปฎิบัติที่ต้องการลอบสังหารเขา ซึ่งได้รับการหนุนหลังจากโคลัมเบีย ประเทศเพื่อนบ้านและสหรัฐฯ

    อ่านต่อ>>https://mgronline.com/around/detail...XXoqr0RP-9bb160ytKHXoIe0yqY0fLYfrHBMcqSs4xRzg

    #โดนัลทรัมป์ #นิโคลัสมาดูโร #สหรัฐฯ #เวเนซุเอลา #ทหารรับจ้างสหรัฐฯ #แผนลอบสังหาร

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รองประธานซัมซุง ‘ขออภัย’ กรณีจ่ายสินบนฉาว
    ยันไม่ให้สิทธิ์ ‘ลูก’ รับช่วงกิจการ

    เอเจนซีส์ – ลี แจยอง รองประธานกลุ่มบริษัทซัมซุงซึ่งตกเป็นจำเลยในคดีสินบนอื้อฉาว ออกมากล่าวขออภัยต่อสังคมวันนี้ (6 พ.ค.) พร้อมประกาศจะไม่มอบอำนาจบริหารกิจการแชโบลยักษ์ใหญ่แก่ลูกๆ ของตนเอง

    ระหว่างการแถลงข่าวครั้งแรกในรอบ 5 ปี รองประธานซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ วัย 51 ปี ได้แสดงความเสียใจที่กลุ่มบริษัทซัมซุงไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และธำรงไว้ซึ่งจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ

    อ่านต่อ>>https://mgronline.com/around/detail/9630000047316

    #ซัมซุง #จ่ายสินบนเอื้อธุรกิจ #แชโบล #เกาหลีใต้

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นักเรียนม.6 แห่งหนึ่งในนครอู่ฮั่น นั่งเรียนหนังสือโดยมีแผ่นพลาสติกใสกั้นรอบโต๊ะ เพื่อป้องกันละอองฝอยที่อาจเกิดขึ้นขณะพูดคุยหรือรับประทานอาหาร และอยู่ห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร

    วันนี้ 6 พ.ค.โรงเรียนมัธยมปลายในอู่ฮั่นจำนวน 121 แห่ง นักเรียนประมาณ 57,800 คน ได้เปิดการเรียนการสอนอย่างเป็นทางการอีกครั้ง หลังสถานการณ์โรคโควิด-19 คลี่คลาย

    http://www.xinhuanet.com/english/2020-05/06/c_139035509.htm

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แถลงการณ์ของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า กระทรวงฯคาดว่า

    - กู้ยืมเงินผ่านการขายตราสารหนี้ให้กับภาคเอกชนในวงเงิน 2.999 ล้านล้านดอลลาร์ ในช่วงเดือน เม.ย.-มิ.ย.นี้
    โดยการกู้ยืมเงินในตลาดรอบนี้จะทำให้ดุลบัญชีเงินสด ณ สิ้นเดือน มิ.ย.อยู่ที่ 8 แสนล้านดอลลาร์

    รอยเตอร์เปิดเผยว่า แผนการกู้เงินของสหรัฐฯ ในครั้งนี้ ถือเป็นวงเงินที่สุงที่สุดเป็นประวัติการณ์ และจะทำลายสถิติในปี 2009 ที่ทำสถิติกู้ไว้มากถึง 1.28 ล้านล้านดอลล์

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #Earthquake
    // รายงานแผ่นดินไหว ไทยและใกล้เคียง //

    วันที่ 5 พ.ค. 2563
    เวลา 07:14 น.
    แผ่นดินไหว ประเทศพม่า
    พิกัด (21.42°N,99.25°E)
    ขนาด 2.7 ลึก 10 กม.
    -ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ประมาณ 127 กม.
    [TMD]https://earthquake.tmd.go.th/inside-info.html?earthquake=6652

    เวลา 11:02 น.
    แผ่นดินไหว อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน
    พิกัด (19.43°N,98.34°E)
    ขนาด 2.1 ลึก 2 กม.
    [TMD]https://t.co/R8nnG2ryyZ?amp=1

    เวลา 11:08 น.
    แผ่นดินไหว อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน
    พิกัด (19.44°N,98.39°E)
    ขนาด 1.9 ลึก 1 กม.
    [TMD]https://t.co/BWJCWOB4JW?amp=1

    เวลา 11:15 น.
    แผ่นดินไหว อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน
    พิกัด (19.45°N,98.39°E)
    ขนาด 2.0 ลึก 1 กม. [TMD]

    เวลา 15:21 น.
    แผ่นดินไหว อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน
    พิกัด (18.37°N,97.51°E)
    ขนาด 2.1 ลึก 2 กม. [TMD]
    ----------------
    วันที่ 6 พ.ค. 2563
    เวลา 01:44 น.
    แผ่นดินไหว อ.แม่สรวย จ.เชียงราย(19.71°N,99.49°E)
    ขนาด 2.2 ลึก 3 กม. [TMD]

    เวลา 04:09 น.
    แผ่นดินไหว อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน(19.45°N,98.40°E)
    ขนาด 1.7 ลึก 1 กม. [TMD]

    เวลา 04:10 น.
    แผ่นดินไหว อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน(19.43°N,98.40°E)
    ขนาด 1.5 ลึก 1 กม.[TMD]

    เวลา 05:15 น.
    แผ่นดินไหว ประเทศพม่า
    พิกัด (20.74°N,94.66°E)
    ขนาด 3.7 ลึก 10 กม.
    -ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 382 กม.
    [TMD] https://earthquake.tmd.go.th/inside-info.html?earthquake=6660
    #Watchers

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เพิ่มเติมครั้งที่ 19
    ห้อง 61 สาธารณภัย ปภ ได้รับรายงาน ฝนตกหนัก ลมกระโชกแรง
    * ปภ อยุ่ระหว่างช่วยเหลือ

    วันที่ 2 พ.ค. 63
    จ.แพร่ มีความเสียหาย
    จ.เชียงใหม่ มีความเสียหาย
    จ.ลำปาง มีผลกระทบ
    จ.ลพบุรี มีความเสียหาย
    จ.สกลนคร มีความเสียหาย
    จ.นครพนม มีความเสียหาย
    จ.ขอนแก่น มีความเสียหาย
    วันที่ 4 พ.ค. 63
    จ.อุบล มีผลกระทบ (น้ำท่วม)
    จ.สิงห์บุรี มีึความเสียหาย
    จ.เชียงราย มีความเสียหาย (เสียชีวิต 1 ราย)
    จ.นครราชสีมา มีความเสียหาย
    จ.สระแก้ว มีความเสียหาย
    วันที่ 5 พ.ค. 63
    จ.น่าน มีความเสียหาย
    จ.ร้อยเอ็ด มีความเสียหาย
    จ.พิษณุโลก มีความเสียหาย
    จ.สุรินทร์ มีความเสียหาย
    วันที่ 6 พค.63
    จ.สุรินทร์ มีความเสียหาย
    จ.บุรีรัมย์ มีความเสียหาย
    จ.พิษณุโลก มีความเสียหาย
    จ.พิจิตร มีความเสียหาย
    จ.ลำปาง มีความเสียหาย
    จ.น่าน มีความเสียหาย
    จ.เชียงใหม่ มีความเสียหาย / ห้อง 61

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Update 20:00> "เยอรมนีปลดล็อกมาตรการเกือบทั้งหมด"

    วันที่ 06.05.2020 วันนี้น่าจะเป็นข่าวดีของใครหลายๆ คนเพราะนอกจากเยอรมนีจะปลดล็อกมาตรการเยอะมากแล้ว ยอดผู้รักษาหายยังเพิ่มขึ้นเป็น 82.26% อีกด้วย โอยยย หัวใจพองโต

    ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 167,372 ราย (เพิ่ม 882)
    เสียชีวิต 7,105 ราย (เพิ่ม 112)
    รักษาหาย 137,696 ราย (เพิ่ม 2,418)
    ยอดผู้ติดเชื้อสุทธิ 22,571 ราย(ลด 1,648)

    ยอดที่ไทย
    ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 2,989 ราย
    เสียชีวิต 55 ราย
    รักษาหาย 2,761 ราย
    ยอดผู้ติดเชื้อสุทธิ 173 ราย

    - เยอรมัน Angela Merkel ได้พูดในคำแถลงในวันนี้ว่า "เราได้ผ่านพ้นช่วงแรกของการแพร่ระบาดของไวรัสแล้ว ซึ่งเยอรมนีได้บรรลุเป้าหมายแรกคือการชะลอการแพร่ระบาด"

    **** สรุปการปลดล็อกมาตรการ****

    1. เยอรมนียังคงมาตรการในเรื่องของการเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1.5 เมตร จนถึงวันที่ 05.06.2020

    2. ปลดล็อกร้านค้าทุกประเภท แต่ให้อยู่ในมาตรการสุขอนามัยขึ้นสูงสุด

    3. ทยอยให้เปิดร้านอาหารและโรงแรม โดยให้ดูข้อกำหนดแต่ละรัฐ

    4. ฟุตบอลบุนเดสลีก้า "แข่งได้แล้ว!!!" ตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป

    5. กิจกรรมกีฬากลางแจ้ง สามารถกลับมาทำได้อีกครั้ง

    6. การเยี่ยม คนไข้ คนชรา สามารถทำได้แต่ให้อยู่ในสุขอนามัยและมาตรการของแต่ละที่

    *ทั้งนี้ต้องเช็คกำหนดและวันที่ของแต่ละรัฐอีกครั้งนะครับ*

    - เยอรมัน "ใจถึงใจ" สถานทูตไทยในเยอรมนี ประสานงานและอำนวยความสะดวกแก่คนไทยในเยอรมนี และยุโรป ดำเนินการส่งคนไทยกลับประเทศ ด้วยสายการบิน Lufthansa

    - เยอรมัน "ปาท่องโก๋" จากแป้งพิซซ่า หรือชนิดต่างๆ เทรนใหม่สุดฮิตของแม่บ้านไทยในเยอรมัน จนพ่อบ้านร้องว่า "เต็มเฟสไปหมดเลย ต้องทำบ้างแล้ววว" (ไม่เกี่ยวกับโควิดเล๊ยย ว่าแต่เค้าทำกันยังไง?)

    - เบลเยียม แนวโน้มของผู้ติดเชื้อสะสมกำลังลดลง พร้อมทั้งจำนวนผู้ป่วยในโรงพยาบาลก็เริ่มคงที่

    - เดนมาร์ก เตรียมเปิดพรมแดนระหว่างประเทศ แต่ยังมีควบคุมตามมาตรการตั้งแต่วันที่ 15.05.2020

    - เช็ก ยังยืนยันว่าจะปิดพรมแดน เยอรมัน, ออสเตรีย อย่างน้อยจนถึงวันที่ 13.06.2020

    - Luxembourg ส่งจดหมายถึงรัฐมนตรีของเยอรมัน เพื่ออยากให้เยอรมันทบทวนถึงมาตรการของการปิดพรมแดน

    - นอร์เวย์ เผยว่า กำลังจะมีแผนให้ธุรกิจต่างๆ สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้ก่อนที่หน้าร้อนนี้จะมาถึง

    - ราคาน้ำมันเริ่มถีบตัว!! หลังจากแต่ละประเทศเริ่มทยอยผ่อนคลายมาตรการ จึงทำให้คนเดินทางมากยิ่งขึ้น จึงมีความต้องการใช้น้ำมันมากขึ้น

    - ตุรกี เตรียมเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ ตั้งแต่วันที่ 11.05.2020 เป็นต้นไป

    - ซูดาน "เพิ่งเริ่มต้น" หลังจากพบผู้ติดเชื้อสูงถึงวันละ 100 คน และยอดผู้เสียชีวิตรวมที่ 45 คน

    - UK ยอดเสียชีวิตยังสูงที่สุดในยุโรป ด้วยจำนวนที่เกินกว่า 30,000 ราย

    - USA ตลาดหุ้นกลับมาบวกอีกครั้ง หลังจากนักลงทุนมั่นใจว่า ภาคธุรกิจของประเทศจะกลับมาเปิดอีกครั้ง

    - บริษัท Uber ตัดใจลดพนักงานลง 14% หรือกว่า 3,700 ตำแหน่งเพราะได้รับผลกระทบจากไวรัส

    - USA พนักงาน รปภ. ถูกยิงเสียชีวิตหลังจากบังคับให้ลูกค้าใส่หน้ากากตามมาตรการรัฐและของห้าง

    - ผลตรวจโควิดซ้ำที่ยะลา ได้รับผลว่าไม่ติดเชื้อ พร้อมสั่งปิดห้องแล๊บชั่วคราวหลังจากผลคลาดเคลื่อน

    - ไทย อย. สั่งตรวจสอบชุดตรวจโควิดแบบ Rapid test จากจีน หลังจากประเทศอังกฤษและอินเดียไม่ใช้ชุดตรวจตัวดังกล่าว

    - ราศีที่มีเกณฑ์จะมีมือที่สามเข้ามาป่วน "แต่แค่ป่วน" และจะมีโชคแบบลอยๆ จากญาติผู้ใหญ่คือราศี "เมษ"

    - ราศีที่จะอิ่มใจและมันส์ไปด้วยกันกับข่าววันนี้คือทุกราศีที่อ่านพ่อบ้านเยอรมัน!!.

    "ถึงจะปลดล็อก แต่ต้องป้องกันตัวเองและครอบครัว"

    "ระยะห่าง หน้ากาก และล้างมือ"

    "ขอให้ติดตามข่าวการปลดล็อกในแต่ละรัฐ"

    "ฝากส่งต่อข้อมูลให้คนที่ยังไม่รู้ด้วยนะครับ"

    "อ่านจากบนลงล่าง และขอให้มีความสุขทุกคนนะครับ"

    ข่าวคำแถลงของ Merkel
    https://www.thelocal.de/20200506/fi...rus-pandemic-in-germany-behind-us-says-merkel

    ที่มาข่าวปลดล็อกมาตรการ
    https://www.bild.de/politik/inland/...corona-regeln-gelten-jetzt-70475070.bild.html

    ที่มาข่าวใจถึงใจ


    ที่มาข่าว Luxembourg, เช็กและเดนมาร์ก
    https://www.thelocal.de/20200505/luxembourg-urges-germany-to-reopen-border-closed-by-coronavirus

    ที่มาของข่าว UK, ซูดาน และตุรกี
    https://www.aljazeera.com/news/2020...eeds-250000-live-updates-200504231301555.html

    ข่าว Uber ปลดพนักงาน
    https://www.cnbc.com/2020/05/06/uber-to-lay-off-3700-employees-about-14percent-of-workforce.html

    ที่มาของข่าวอื่นๆ:
    Tagesschau เวลา 20:00 น
    Aljazeera : https://www.aljazeera.com/
    CNN Asia : https://www.cnn.com/asia
    CNBC : https://www.cnbc.com
    BBC : www.bbc.com
    CNN : www.cnn.com
    The Local : https://www.thelocal.de/
    Siamtownus : http://news.siamtownus.com/
    Kapook.com : www.kapook.com
    Sanook.com : www.sanook.com
    Welt.de : https://www.welt.de/
    Merkur.de : https://www.merkur.de/welt/

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    PSX_20200507_080056.jpg

    (May 6)ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสิงคโปร์พุ่งทะลุ 20,000 ราย สูงสุดในอาเซียน :กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์เปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่มีจำนวน 788 รายในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ส่งผลให้ขณะนี้สิงคโปร์มีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมรวม 20,198 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)

    ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่วนใหญ่ของสิงคโปร์เป็นแรงงานต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในหอพัก โดยคิดเป็นสัดส่วนราว 90% ของจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมด

    นอกจากนี้ สิงคโปร์มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 จำนวน 18 ราย แต่ต่ำกว่าอินโดนีเซีย ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในภูมิภาค จำนวน 895 ราย

    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

    เพิ่มเติม

    -Coronavirus Cases in Singapore Exceed 20K, Highest in Southeast Asia: https://www.usnews.com/news/world-r...ingapore-exceed-20k-highest-in-southeast-asia

    - ฉุดไม่อยู่! สิงคโปร์ติดเชื้อโควิดทะลุ 2 หมื่น หลังพบติดเพิ่มอีกเกือบ 800 ราย

    https://www.matichon.co.th/foreign/news_2173340

    -เอาใจไปเลย! สิงคโปร์จ่ายเงิน 16,000 บาท ให้ร้านอาหารหาบเร่ แผงลอยใช้เปิดบริการ Delivery: https://brandinside.asia/singapore-support-hawkers-go-digital-among-covid-19-outbreak/
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    FB_IMG_1588813406873.jpg

    (May 6) แห่ทิ้งหุ้น 'การบิน' ตามบัฟเฟตต์ ฉุดราคา 'บินไทย-บีเอ-เอเอวี' ดิ่ง 5-6% : หุ้น “สายการบิน” ในไทยร่วงตามทั่วโลกกว่า 5-6% หลัง “บัฟเฟตต์” สั่งล้างพอร์ตขายหุ้นสายการบินทั่วโลก ชี้อนาคตยังมืดมน บล.โนมูระ พัฒนสิน ประเมิน กลุ่มสายการบินปีนี้ ส่อขาดทุน 6.3 หมื่นล้าน เผย “บินไทย” หนักสุด 5.9 หมื่นล้านบาท

    จากการประชุมผู้ถือหุ้นฉบับออนไลน์ของบริษัทการลงทุนยักษ์ใหญ่ 'เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ (Berkshire Hathaway)' เมื่อวันที่ 2 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดกันภายหลังจากประชุมในครั้งนี้คือ การตัดสินใจเทขายหุ้นสายการบินออกไปรวมกันมากถึง 6.5 พันล้านเหรียญ หรือกว่า 2 แสนล้านบาท จากการเปิดเผยของผ่านปาฐกถาของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ผู้ถือหุ้นใหญ่และประธานฯ บริษัท

    สำหรับเหตุผลที่ขายออกไปนั้น บัฟเฟตต์ เปิดเผยว่า เขาตัดสินใจผิดพลาด เนื่องจากธุรกิจสายการบินกำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และวอร์เรน บัฟเฟตต์เองก็มองภาพไม่ออกว่ามันจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ภายหลังจากที่สถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลายลง
    เมื่อประเด็นในเรื่องของการเทขายหุ้นสายการบินถูกหยิบยกมาพูดเช่นนี้ หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐเปิดทำการในวันที่ 4 พ.ค. ที่ผ่านมา หุ้นสายการบินหลายบริษัทต่างถูกเทขายจนราคาหุ้นลดลงไปกว่า 10%

    ในขณะที่หุ้นสายการบินในประเทศไทยหลังจากตลาดกลับมาเปิดทำการซื้อขายอีกครั้ง วานนี้ (5 พ.ค.) ต่างปรับตัวลดลง 5-6% จากวันทำการก่อนหน้า โดย บมจ.การบินไทย (THAI) ลดลง 6.12% บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) ลดลง 5.35% บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) ลดลง 5.08% และ บมจ.สายการบินนกแอร์ (NOK) ลดลง 0.85%

    นายดิษฐนพ วัธนเวคิน นักวิเคราะห์อาวุโส บล.โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า ภาพรวมของหุ้นกลุ่มสายการบินเมื่อมองไปข้างหน้า มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวได้ช้ากว่าอุตสาหกรรมอื่น ๆ ภายหลังจากที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง เนื่องจากการเดินทางระหว่างประเทศน่าจะต้องใช้เวลาจนกว่าแต่ละประเทศพร้อมที่จะเปิดรับการเดินทางจากต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะต้องรอจนกว่าจะมีวัคซีนป้องกันโรค

    “แม้ว่าหลายประเทศจะเริ่มออกมาบอกว่าสามารถคิดค้นวัคซีนป้องกันโรคได้แล้ว แต่กระบวนการทดสอบเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลา ทำให้กว่าจะใช้งานกันได้จริงก็อาจจะต้องรอไปจนถึงปีหน้า ขณะที่การเดินทางภายในประเทศ แม้จะเริ่มกลับมาให้บริการได้บ้างแล้ว แต่ภาพรวมยังมีมาตรการ Social distancing คอยเบรกอยู่ ซึ่งการให้บริการในขณะนี้ดูเหมือนจะเป็นเพียงแค่การสร้างกระแสเงินสดเข้ามาบ้าง เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายประจำที่ยังคงมีอยู่”

    สำหรับแนวโน้มผลประกอบการของหุ้นสายการบินและสนามบิน 4 บริษัท ได้แก่ THAI, AAV,BA และ AOT ในปี 2563 คาดว่าจะมีผลขาดทุนรวม 6.3 หมื่นล้านบาท โดยหุ้นสายการบินคาดว่าจะขาดทุนทั้งหมด โดยคาด THAI ขาดทุน 5.9 หมื่นล้านบาท AAV ขาดทุน 3.8 พันล้านบาท BA ขาดทุน 3 พันล้านบาท ส่วน AOT คาดว่าจะมีกำไร 3.1 พันล้านบาท แต่ก็ลดลงเกือบ 90% จากปีก่อน

    “ผลกระทบจากโควิด-19 จะเริ่มเห็นตั้งแต่ไตรมาสแรกนี้ ส่วนไตรมาส 2 น่าจะเป็นช่วงหนักที่สุดของปี เพราะการเดินทางในประเทศหยุดชะงัก 1 เดือนเต็ม ส่วนระหว่างประเทศน่าจะไม่มีเลยทั้งไตรมาส ซึ่งภาพรวมของไตรมาส 2 อาจจะแย่กว่าที่ประเมินกันไว้อีกด้วย โดยหุ้นอย่าง AOT ก็มีโอกาสจะพลิกเป็นขาดทุนครั้งแรกในรอบหลายปี ขณะที่การบินไทยช่วงครึ่งปีแรกน่าจะขาดทุนกว่า 3 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ส่วนของผู้ถือหุ้นจะพลิกเป็นติดลบ เพราะ ณ สิ้นปี 2562 ส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่เพียง 1.17 หมื่นล้านบาท”

    ส่วนการฟื้นตัวของราคาหุ้นที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ น่าจะเป็นผลจากการคาดหวังว่าสถานการณ์โควิด-19 น่าจะผ่านจุดแย่สุดไปแล้ว แต่เมื่อมองไปในอนาคตจะเห็นว่าความเสี่ยงหลายอย่างยังมีอยู่ อาทิ ความเสี่ยงในเรื่องของสภาพคล่อง ซึ่งหลายบริษัทจำเป็นจะต้องหาแหล่งเงินทุนเข้ามาช่วยโดยเร็ว โดยภาพรวมการลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ยังไม่น่าสนใจนัก เพราะผลประกอบการมีโอกาสจะแย่กว่าคาดได้

    ทั้งนี้ AOT ได้เปิดเผย การดำเนินงานด้านการจราจรทางอากาศ ใช่วงเดือน ม.ค. - มี.ค. 2563 ว่า มีผู้โดยสารใช้บริการท่าอากาศยาน 6 แห่ง รวมทั้งสิ้น 27 ล้านคน ลดลง 30.35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนแบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 15 ล้านคน ลดลง 35.5% และภายในประเทศ 12 ล้านคน ลดลง 22.7% สำหรับปริมาณเที่ยวบินผ่าน 6 ท่าอากาศยานของ AOT มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 1.9 แสนเที่ยวบิน ลดลง 18.54%

    Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    https://www.bangkokbiznews.com/news...medium=internal_referral&utm_campaign=finance
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    PSX_20200507_080630.jpg

    (May 6) ทรัมป์ยืนยันว่าต้องเปิดเศรษฐกิจสหรัฐ แม้จะมีผู้เสียชีวิตเพิ่มจาก COVID-19 ก็ตาม: ประธานาธิบดีสหรัฐยืนยันว่าสหรัฐต้องเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งในเร็วๆ นี้ แม้ว่าจะมีผู้สูญเสียชีวิตจาก COVID-19 ก็ตาม และเชื่อว่าทุกอย่างจะเข้าสู่สภาวะปกติในเร็วๆ นี้

    โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ยืนยันว่าเขาเองจะทยอยเปิดภาคเศรษฐกิจสหรัฐให้กลับมาอีกครั้ง แม้ว่าจะมีผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นจาก COVID-19 ก็ตาม แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์ในสหรัฐจะเรียกร้องให้สหรัฐชะลอการเปิดเศรษฐกิจนี้ออกไปก่อน เนื่องจากยังมีผู้ติดเชื้อ รวมไปถึงผู้เสียชีวิตที่ยังมีจำนวนที่สูงอยู่ แต่ประธานาธิบดีสหรัฐ ยังยืนยันให้ใช้มาตรการ Social Distancing ควบคู่ไป

    ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง ABC เมื่อพิธีกรได้ถามว่า ถ้าหากเกิดความสูญเสียในชีวิตขึ้นมา หากเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง ซึ่งเขาเองกล่าวว่า “แน่นอนว่าจะต้องเกิดความสูญเสียขึ้นบ้าง และแน่นอนว่าคุณไม่สามารถที่จะล็อกตัวเองอยู่ในบ้าน อพาร์ตเมนต์ หรือที่พักต่างๆ แต่เราจะใช้มาตรการต่างๆ เช่น ล้างมือ การเว้นระยะห่าง อะไรก็ตามที่เราเรียนรู้ในช่วงที่ผ่านมา”

    ทรัมป์ ยังได้กล่าวเสริมว่า “เขาทราบดีว่ามีการสูญเสียชีวิต อย่างไรก็ดีเศรษฐกิจของสหรัฐก็ต้องกลับมาเปิดในระยะเวลาอันใกล้นี้อยู่ดี” ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาประธานาธิบดีสหรัฐ ถูกวิพากย์เรื่องการจัดการวิกฤติ COVID-19 ในสหรัฐเป็นอย่างมาก และโดยเฉพาะนโยบายการเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งของเขา ว่าอาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี ถ้าหากมีการแพร่ระบาดอีกครั้ง

    นอกจากนี้ประธานาธิบดีสหรัฐ ยังกล่าวว่า สหรัฐจะผ่านพ้นช่วง COVID-19 นี้ไปได้ และทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติ แม้จะยังไม่มีวัคซีนรักษาก็ตาม นอกจากนี้เขาเองยังได้กล่าวถึงการพัฒนาวัคซีนว่ามีการพัฒนาด้วยดี หลังจากที่มีข่าวว่ารัฐบาลสหรัฐได้ตั้งโครงการพัฒนาวัคซีนออกมา

    ข้อมูลล่าสุดจากมหาวิทยาลัย Johns Hopkins ปัจจุบันสหรัฐมีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 1.2 ล้านราย มีผู้เสียชีวิตไม่น้อยกว่า 70,000 ราย

    โดย Wattanapong JaiwatBy

    Source: Brandinside.asia

    https://brandinside.asia/trump-says-with-abc-news-about-reopen-country-if-therell-be-more-death/

    -'There'll be more death': Trump says it's time to reopen country despite fears of coronavirus rebound : https://www.nbcnews.com/politics/donald-trump/there-ll-be-more-death-trump-says-it-s-time-n1200831
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ลุ้นผลิตวัคซีนต้านโควิดในสิ้นปีนี้
    .
    บริษัทไฟเซอร์บริษัทยาชั้นนำของสหรัฐอเมริกา ใช้เทคโนโลยี mRNA เพื่อพัฒนาและผลิตวัคซีน #โควิด19 #COVID19 #ไวรัสโคโรนา #coronavirus #vaccine ซึ่งเทคโนโลยีนี้สามารถผลิตได้รวดเร็วกว่าวิธีการผลิตวัคซีนแบบดั้งเดิมที่ใช้เวลาร่วมปีในการพัฒนา
    ซึ่งนี่ถือเป็นข่าวดีว่าเราอาจจะได้เห็นวัคซีนภายในสิ้นปีนี้

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โคนมถูกนำไปที่หลุมฝังกลบโดยรถบรรทุก

    การผลิตอาหารของเราค่อนข้างจะถูกโยนทิ้งไป

    Ice Age Farmer @ IceAgeFarmer บน Twitter 4 พฤษภาคม 2020

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบ่งปันจาก Richard Whitt

    'กวางตุ้ง' ปิดสะพานข้ามทะเล 'พบแรงสั่นกระเพื่อม' ผิดปกติ

    • เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นระบุว่ามีการออกคำสั่งห้ามการสัญจรทั้งสองทางของสะพานหู่เหมิน (Humen Bridge) ซึ่งเชื่อมนครกว่างโจว (Guangzhou) เมืองเอกของมณมณฑลกวางตุ้ง (Guangdong Province) และเมืองตงก่วน (Dongguan)

    • ทางการท้องถิ่นกล่าวเสริมว่า 'การสั่งปิดสะพานดังกล่าวเป็นมาตรการความปลอดภัย หลังจากช่วงสะพานเกิดการสั่นกระเพื่อมขึ้นลงท่ามกลางกระแสลมรุนแรง'

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    (May 6)ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสิงคโปร์พุ่งทะลุ 20,000 ราย สูงสุดในอาเซียน :กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์เปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่มีจำนวน 788 รายในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ส่งผลให้ขณะนี้สิงคโปร์มีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมรวม 20,198 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)

    ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่วนใหญ่ของสิงคโปร์เป็นแรงงานต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในหอพัก โดยคิดเป็นสัดส่วนราว 90% ของจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมด

    นอกจากนี้ สิงคโปร์มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 จำนวน 18 ราย แต่ต่ำกว่าอินโดนีเซีย ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในภูมิภาค จำนวน 895 ราย

    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

    เพิ่มเติม

    -Coronavirus Cases in Singapore Exceed 20K, Highest in Southeast Asia: https://www.usnews.com/news/world-r...ingapore-exceed-20k-highest-in-southeast-asia

    - ฉุดไม่อยู่! สิงคโปร์ติดเชื้อโควิดทะลุ 2 หมื่น หลังพบติดเพิ่มอีกเกือบ 800 ราย

    https://www.matichon.co.th/foreign/news_2173340

    -เอาใจไปเลย! สิงคโปร์จ่ายเงิน 16,000 บาท ให้ร้านอาหารหาบเร่ แผงลอยใช้เปิดบริการ Delivery: https://brandinside.asia/singapore-support-hawkers-go-digital-among-covid-19-outbreak/

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เมื่อจีนอาจไม่ใช่จุดเริ่มการระบาด โควิด19
    .
    มีรายงานข่าวว่า ไมเคิล เมลแฮม นายกเทศมนตรีเมืองแบร์วิลล์ รัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐ มีผลทดสอบแอนติบอดีโรคติดเชื้อ #coronavirus สายพันธุ์ใหม่ #COVID19 เป็นบวก โดยเชื่อกันว่าเขาน่าติดเชื้อ #ไวรัสโคโรนา เดือน พ.ย.ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนก่อนจีนจะรายงานพบผู้ป่วยโควิด19 รายแรก
    การได้พบชาวตนตั้งคำถามว่าผู้ป่วยหมายเลข 0 ที่เป็นจุดเริ่มการระบาดเป็นที่ไหนกันแน่

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ศบค. เผย "#อนุทิน" ชงถอด "#จีน-#เกาหลีใต้" ออกจากประเทศเขตติดโรคโควิด-19 ชี้หากปลดออกไม่ได้แปลว่าจะเข้าประเทศได้ทันที เหตุยังตรึงมาตรการป้องกันนำเชื้อเข้าประเทศ ทั้งลงทะเบียน มีใบรับรอง ต้องกักตัวเมื่อเข้ามา เล็งผ่อนผันแรงงานมีความสามารถให้เข้าไทยได้ ผ่านการทำสมาร์ทวีซ่า
    CR TW #MGROnlineLive

     

แชร์หน้านี้

Loading...