ลูกศิษย์บันทึก เล่ม 3 หน้า 149 ของข้าพเจ้า

พุทธานุภาพ กันโรคระบาดได้
โปรดใช้วิจารณญาณ

 

ที่พึ่ง

ตระเตรียมของมงคลคุ้มเกล้า
♦️ด้ายแดงพ่อครูบาบุญชุ่มเจ้า♦️
อัญเชิญพระพุทธคุณ ของพระพุทธเจ้า
พระธรรมคุณ พระสังฆคุณของพระมหาอริยสงฆ์
ช่วยขจัด ปัดเป่า ภยันตรายจากโรคอันเกิดเเต่เชื้อ
โรคร้าย ให้หายวันหายคืน ด้วยพระพุทธานุภาพ
พระธัมมานุภาพ พระสังฆานุภาพ เทวตานุภาพ
ครูบาอาจริยานุภาพ อันบริสุทธิ์เมตตาลึกล้ำ
ขอสรรพทุกข์ สรรพโศก สรรพโรค สรรพภัย
สรรพเคราะห์เสนียดจัญไร จงสูญไปในบัดดล
ทะสะขะ สะมัง วิสะตุ
ทะสะขะ สะมัง วิสะตุ
ทะสะขะ สะมัง วิสะตุ

ครูบาบอกให้ท่องไว้ก่อนลุกจากที่นอน ๑ หน
ก่อนออกจากบ้านไปข้างนอก ๑หน
ก่อนนอนหลับ ๑ หน
เสกเป็นน้ำมนต์ดื่มกินให้ใช้พระคาถานี้เสก ๑๖ คาบ

 

"รัตนปริตร"

บทสวดรัตนปริตร เป็นพระสูตรที่พระพุทธเจ้ามอบให้สวด เมื่อเกิดเหตุเมืองไวสาลี เกิดโรคระบาด เพื่อช่วยขจัดปัดเป่าภัยพิบัติ

พระพุทธองค์ทรงให้หมู่สงฆ์และสาวก ทำการสวดพระคาถานี้ เป็นเวลา 3 วัน 3 คืน เพื่อให้เมืองไวสาลีรอดพ้นจากโรคระบาด

ท่านสามารถเปิดฟัง และสวดตาม ด้วยความตระหนัก แต่ไม่ตระหนก

สรรพสิ่งทั้งหลาย ล้วนอยู่ภายใต้กฏแห่ง ไตรลักษณ์
ที่ล้วนเป็นความไม่เที่ยงแท้แน่นอน ทุกสิ่งล้วนมีวันสุดท้าย ที่กำหนดอยู่อย่างแน่นอน

ขอให้ทุกๆ ท่านจงปลอดภัยจากเรื่องร้ายๆ ทั้งปวงโดยทั่วหน้าด้วยเทอญ สาธุ

 

#วันนี้วันพระ

“พระพุทธเจ้า ก็สอนเราว่า “กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโก” (กิจโฉ มะนุสส ปฏิลาโก) – การที่จะเกิด มาเป็นคนนั้นยากนัก “กิจฺฉํ มจฺจาน ชีวิตํ” (กิจฉัง มัจจานะ ชีวิตัง) – เราจะมีชีวิต ถึงวันนี้ก็ยากนัก

“กิจฺฉํ สทฺธมฺมสฺสวนํ” (กิจฉัง สัทธัมมัส สะวะนัง) – การที่เรา จะได้ฟังธรรมะ ของพระพุทธเจ้า ก็ยากนัก “กิจฺโฉ พุทฺธาน มุปปาโท” (กิจโฉ พุทธานะ มุปปาโท) – การที่อุบัติบังเกิด ของพระพุทธเจ้าก็ยาก

เพราะฉะนั้น เวลานี้ เราก็ได้ครบแล้ว ร่างกายสมบูรณ์ ฟังธรรมรู้เรื่อง แล้วก็ปฏิบัติธรรมได้ นั่งสมาธิเป็น ทำสมาธิ ให้แก่ตัวของเราได้ การทำสมาธินั่นคือ การกำจัดอารมณ์

เมื่อกำจัดอารมณ์แล้ว อารมณ์มันก็แพ้ พอแพ้แล้ว เราก็ชนะ ทีนี้ไม่ใช่ชนะเฉย ๆ ชนะแล้ว เก็บความชนะนั้นไว้ ชาตินี้ ก็อาจจะทำได้ ชาติต่อไป ก็มีสติ ที่จะทำต่อไปอีก

เมื่อทำไป ทุกภพทุกชาติ หลายภพหลายชาติเข้า มารวมกัน ก็กลายเป็นน้ำสะอาด ที่สามารถ ชำระล้างน้ำสกปรกได้ ก็ทำให้เรามีสติ มีปัญญา”

พระพรหมมงคลญาณ วิ. (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)
ประธานผู้ก่อตั้งสถาบันพลังจิตตานุภาพ
จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ เล่ม ๑๑ หน้า ๓๗
W.I.F.18 HuaHin
ธัมม์นิยม...แบ่งปัน

.
#มาเรียนสมาธิกันเถอะ
#เรียนเข้าใจง่ายเห็นผลไว
#สมาธิไฮเทค
...........................................
.
สมัครเรียนได้ที่นี่
#ใบสมัครเรียนสมาธิ
https://docs.google.com/forms/d/e/1...txPy0jFsHzp4geZqyKLXInbQ/viewform?usp=sf_link

.
ขออนุโมทนาขอบคุณ ผู้มีส่วนในธรรมะสาระ และภาพประกอบนี้

 

น้อมส่งหลวงปู่นะ วัดหนองบัว เข้าสู่พระนิพพาน

แจ้งข่าวศิษย์ทุกท่านทราบนะครับ เมื่อเวลาประมาณ05.00น. พระเดชพระคุณหลวงปู่นะได้จากพวกเราไปแล้วนะด้วยอาการสงบ ขอน้อมส่งหลวงปู่สู่พระนิพพานด้วยเทอญ

 

เดือนมีนาคมเป็นเดือนเกิด และ เดือน มรณะภาพ ของหลวงพ่อทบ. เดือนนี้จึงเป็นเดือนแห่งการระลึกถึงหลวงพ่อทบ เชิญไหว้หลวงพ่อทบตามสถานที่ต่างๆ เพื่อศิริมงคลและ โชคดีตลอดเดือนมีนาคม เทอญ

 

น้อมรำลึก นึกถึงหลวงปู่

เนื่องวันที่ ๑๑ มีนาคม เป็นวันคล้ายวันละสังขาร หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล พระเถระ ๕ แผ่นดิน เพื่อน้อมรำลึกถึงบารมีของท่านขอนำเรื่องราวปาฏิหาริย์ของท่านมาเผยแพร่ เรื่องราวนี้เปิดเผยโดยผู้ศรัทธา หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล ที่ใช้ชื่อว่า “จ่าแจ้” ซึ่งเป็นประสบการณ์เมื่อครั้งท่านได้ธุดงค์ ไปยังถิ่นต่างๆ ในเมืองไทย เป็นเครื่องหมายแสดงให้เห็นถึง อำนาจจิตของหลวงปู่หมุน ที่สามารถติดต่อสื่อสาร กับสิ่งมีชีวิตและดวงจิตของภพภูมิอื่นๆ ได้ นอกจากนี้ผู้มีอำนาจจิตอันบริสุทธิ์ มีกำลังบุญ อาทิ พญานาค นางฟ้าและเทวดา ต่างก็อยากทำบุญกับท่าน ซึ่งศิษย์ผู้นี้ได้เล่าเรื่องไว้ดังนี้
ใครว่า พญานาค ไม่มีจริง ?
ถ้าเป็นคำบอกเล่าของหลวงปู่หมุนล่ะ พวกท่านๆจะเชื่อไหมครับ ผมรู้จักลูกศิษย์หลวงปู่คนนึงครับ ไม่ขอเอ่ยนามนะครับ เขาเป็นคนที่รักและศรัทธาหลวงปู่มากๆ เป็นคนที่ถวายเงินสร้างเขื่อน และหลายๆ อย่างของทางวัดซับลำไยครับ เขาเล่าว่า มีครั้งหนึ่ง คุยกับหลวงปู่ หลวงปู่ท่านบอกกับเขาเองว่า “พญานาคมีจริงนะ”
แล้วท่านก็เล่าว่า ตอนท่านธุดงค์ในป่า มีครั้งนึงเดินบิณฑบาตรตอนเช้าครับ มีเหล่าพวกนางฟ้ากับเทวดา มาใส่บาตรให้ท่านครับ ท่านบอกกับเขาว่า “นางฟ้า กับเทวดาที่เห็นน่ะ เหมือนคนธรรมดาเช่นเรานี่แหละ แต่ของที่ใส่ ข้าวที่ใส่บาตร จะหอมมาก”



ที่ท่านยืนยันว่าเป็นเทวดาเพราะท่านรู้ของท่านครับว่าใช่... เพราะแถบนั้น ไม่มีบ้านเรือน เลยครับ เป็นป่าลึกมากๆ คนธรรมดาไม่มีทางอยู่ที่นั่นได้แน่ๆ ครับ
เขาเล่าว่าหลังจากท่านฉันแค่ไม่กี่คำ ก็อิ่มครับ เพราะว่าข้าวที่ท่านฉันนั้นเป็นข้าวทิพย์ครับ ไม่กี่คำก็อิ่ม ท่านเลยคิดว่า เอาข้าวที่มีในบาตร ให้ทานสัตว์ คือปลาในหนองน้ำที่ท่าน นั่งฉันใกล้ๆครับ จากคำบอกเล่าของเขา บอกว่า หลวงปู่ท่านเทข้าวจากบาตร สักพัก น้ำที่นิ่งๆ กับเกิดสิ่งแปลกขึ้น คือมันจะวน เหมือนกับน้ำวนครับ แล้วทานก็เห็นในน้ำว่ามีสัตว์ชนิดนึง คล้ายงูขนาดใหญ่ มีเกล็ดทั้งตัวสีเขียวมรกต หัวเป็นหงอนครับ ที่ทำให้น้ำวนอยู่ตรงนั้นครับ ท่านเห้นท่านก็รู้ได้ว่า นั่นคือพญานาคนั่นเองครับ จากคำบอกเล่าของศิษย์คนนี้ ที่หลวงปู่ได้เล่าให้เขาฟังครับ
พอจะเชื่อได้มั๊ยล่ะครับ ว่ามีจริงมั๊ย ผมละเชื่อแน่ๆ ก็จากคำของหลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน เองครับ ไม่มีสิ่งใดที่จะไม่เชื่อแน่ๆ ถ้าเกิดจากคำบอกเล่าของท่านครับ
เอาไว้ว่างๆจะขอเล่าประสบการณ์ใหม่ๆ จากศิษย์หลวงปู่ท่านอื่นที่ผมรู้จักอีกนะครับ เดี่ยวจะเบื่อกันซะเปล่าๆครับ


ประสบการณ์ล่าสุดของวัตถุมงคลหลวงปู่
คนที่ผมรู้จักเพิ่งเก็บสะสมวัตถุมงคลหลวงปู่ไม่นาน เกิดประสบการณ์มากมายครับ จากคำบอกเล่าของเจ้าตัวเองเลยครับ เขาเป็นผู้หญิง คุณตาเขาเก็บสะสมวัตถุมงคล ของหลวงปู่เยอะมาก เลยสนใจ ลองอาราธนาติดตัวครับ เขาได้โชคจากหลวงปู่ คือ ถูกรางวัลที่ ๕ ถึง ๕ คู่ครับ งวดล่าสุดที่ผ่านมา ถูกเลขท้าย ๒ ตัว กับ รางวัลที่ ๕ อีก ๑ คู่ครับ ผมรู้จักเขาไม่นานมานี่เอง เจอกันที่งานประกวดพระเครื่องที่พันทิพย์ ที่ผ่านมานี่เองครับ
วัตถุมงคลของหลวงปู่ ช่วงนี้ เข้าหาน้องคนนี้เยอะมาก เพราะเขาอาราธนาขอหลวงปู่ให้มีวัตถุมงคลของท่านมาหาเขาบ่อยๆนั่นเองครับ ในตัวเขามี กำไลจักรพรรดิ์ที่ข้อมือ กับห้อยเหรียญรุ่นแรกหลังหนุมานเนื้อเงินครับ สุดยอดจริงๆ นอกจากนั้น เขาเก็บสะสมวัตถุมงคลของหลวงปู่ไว้เยอะมากๆครับ ผมเห็นมาแล้ว เรียกว่า เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ที่เป็นหญิง ที่น่าจะมีวัตถุมงคลของท่านเยอะที่สุดก็ว่าได้ครับ ปลื้มใจจริงๆ ที่มีคนศรัทธาหลวงปู่ไม่แค่เพียงผู้ชายที่เล่นพระ เก็บสะสมพระเครื่องของท่านครับ

 

การเข้าวัดแบบปลอดภัย
...ตามที่หน่วยงานสาธารณสุขจังหวัดอุทัยธานี ได้จัดประชุมปรึกษาหารือเรื่อง COVID-19 โดยเฉพาะวัดท่าซุง เป็นสถานที่มีคนเป็นจำนวนมาก ทั้งที่มาท่องเที่ยวและที่มาพักปฏิบัติธรรม

สำหรับภายในวัดมีสถานที่สำคัญหลายแห่ง เช่น วิหารแก้วร้อยเมตร เป็นต้น ส่วนวิหารสมเด็จองค์ปฐม และ มณฑปพระศรีอาริย์ จะต้องปฏิบัติตามข้อแนะนำทุกอย่าง เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสแพร่ระบาดเข้ามาในเขตนี้

แต่ก็ขอทำความเข้าใจไว้ก่อนว่า ชีวิตของคนเราต้องเป็นไปตามปกติ ไม่ควรเคร่งเครียดจนเกินไป แต่ควรเคร่งครัดในข้อปฏิบัติ

ทั้งนี้ ทางวัดมิได้กดดันจนเกิดสูญญากาศ คืออยากให้คนมาวัดเหมือนเดิม เพียงแค่มีระเบียบที่ทางสาธารณสุขแนะนำเท่านั้น เช่น

- กินร้อน
- ช้อนกลาง
- ล้างมือ

ข้อปฏิบัติก่อนเข้าวิหาร
1. ล้างมือให้สะอาด ตามแบบสุขลักษณะ (มีอ่างน้ำล้างมือตรงทางขึ้นบันไดวิหาร) ด้านบนก็ยังมีเจลล้างมือไว้อีกด้วย

2. พานเครื่องบูชา, เซียมซี จะจัดเตรียมไว้ให้อย่างสะดวกและปลอดภัย

3. ปัจจัยที่ทำบุญ ขอให้ใส่ตู้ตามอัธยาศัย

4. การยกพานอธิษฐาน ควรยกไว้แค่หน้าอกก็พอ

การใช้หน้ากากอนามัย
...ควรใช้เฉพาะที่มีคนหนาแน่น ถ้าอยู่ในที่โล่งแจ้งตามปกติ ไม่จำเป็นต้องใช้ ความสำคัญอยู่ที่มือ ควรล้างให้สะอาดบ่อยๆ พยายามฝึกให้จนติดเป็นนิสัย

"สมบัติพ่อให้" ของวัดท่าซุง
...นอกจากการป้องกันทางวิทยาศาสตร์แล้ว ทางด้านพุทธศาสตร์ก็ยังมีวิธีป้องกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วัตถุมงคลและพระคาถา

ตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ท่านทำไว้ให้ ควรอัญเชิญไว้ติดตัวอยู่เสมอ ตั้งนะโมก่อน แล้วปลุกด้วยคาถาหลวงปู่ปานทุกวัน ดังนี้

“อิทธิฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึ่งแก่มะอะอุนี้เถิด”

จากนั้นก็ให้เสกคาถาเวลาทานอาหาร เวลาดื่มน้ำก็ได้ ให้นึกถึงบารมีพระพุทธเจ้าและครูบาอาจารย์ทั้งหลาย แล้วว่าดังนี้

1. พุทธัง มัดจิต ธัมมัง มัดใจ ศัตรูทั้งหลาย จงวินาศสันติ
พุทธัง มัดจิต ธัมมัง มัดใจ โรคภัยทั้งหลาย จงวินาศสันติ
2. ฆะเตสิ ฆะเตสิ กิงกะระณัง ฆะเตสิ อะหัง ปิตัง ชานามิ ชานามิ
3. เม สัมมุขา สัมพา หะระติ เต สัมมุขา
4. สัมปจิตฉามิ หรือ สัมปติฉามิ ก็ได้

ถ้ามีวัตถุมงคลและพระคาถาทั้งหมดนี้ จนเกิดมีความมั่นใจในพุทธคุณ ธัมมคุณ และสังฆคุณแล้ว จะไปที่ไหนก็ไม่ต้องห่วง ปลอดภัยแน่นอน

ด้วยความปรารถนาดี
พระอาจารย์ชัยวัฒน์ อชิโต
6 มีนาคม 2563

 

ข้อมูลจากกลุ่มศิษย์หลวงพ่อบัวลอย ครับ

#ขอบารมีพ่อแม่ครูบาอาจารย์คุ้มครองทุกท่าน
กินร้อน ช้อนตัวเอง ล้างมือบ่อยๆ ใส่หน้ากากในที่ชุมชน นอนให้เพียงพอ ซื้อประกันสุขภาพ รักษาสุขภาพให้แข็งแรง เสพข่าวด้วยสติ ทำจิตใจให้เข้มแข็ง เราจะผ่านมันไปด้วยกัน

ถ้าเชื่อในเรื่องกรรม สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ไม่มีใครสามารถหนีกรรมได้

ถ้าเรื่องความเชื่อในเรื่องวัตถุมงคล ให้ท่านหาวัตถุมงคลที่ทำด้วยเงินบริสุทธิ์ รูปแบบไหนก็ได้ของสำนักไหนวัดไหนก็ได้ มาติดตัวเนื่องจากครูบาอาจารย์ที่นับถือท่านบอกมาเนื่องจากไวรัสชนิดนี้เกิดจากธาตุน้ำ แต่เนื้อเงินบริสุทธิ์เป็นธาตุไฟ ในเรื่องของธาตุจะกันกันได้ครับ อัยนี้เป็นความเชื่อ

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับ

เคน ณ สามวา

 

อยู่ในบ้านพวกเราก็ทำได้นะ ภาวนานี้ อานิสงส์แห่งการภาวนานี้มากนะ พระพุทธเจ้าว่าทำให้จิตใจของเรารู้แจ้งเห็นจริง ตามความเป็นจริง เมื่อจิตใจรู้ตามความเป็นจริงแล้ว จิตใจจะหลุดพ้นจากกิเลส ราคะ โทสะ ไม่มาเวียนว่ายตายเกิดในโลกนี้อีก

ถ้าหากว่าพวกเรามาเวียนว่ายตายเกิดนี้ ถึงพวกเราจะมีความสุขขนาดไหนก็เถอะนะ อีกสักวันหนึ่งข้างหน้านี้ความแก่ ความเจ็บ ความตายมาถึงแล้ว เราหาความสุขไมได้นะจุดนั้น บางทีก็เอ้ย ! ข้าเบื่อ ข้ายอม ข้าทุกข์จริง ๆ เบื่อจริง ๆ ไม่อยากจะมาเกิดในโลกนี้ พอว่าเท่านั้นก็ใจขาดไปซะ มันก็เลยหมด มันใจขาดไปแล้ว มันทุกข์มาก ๆ ในจุดนั้น จุดที่จิตใจจะออกจากร่างนั้นนะ มันเป็นจุดที่ทุกข์ที่สุด จนใจรับไม่ได้เลยว่างั้นเถอะ ร่างกายอันนี้

หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
จากพระธรรมเทศนา “อานิสงส์ลดหลั่น ทาน ศีล ภาวนา”
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๔๖

 

พิธีรับยันต์เกราะเพชรที่บ้าน เป่ายันต์เกราะเพชร
วันเสาร์ที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๓
(วันเสาร์ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕) เสาร์ ๕

กำหนดการเป่ายันต์เกราะเพชร
๐๗.๐๐ น. บวงสรวงพุทธาภิเษก

๑๘.๐๐ น. เป่ายันต์เกราะเพชร

ท่านใดที่ไม่สามารถไปเข้าร่วมพิธีได้ ก็สามารถรับยันต์เกราะเพชรที่บ้านได้ครับ โดยในช่วงเวลาเริ่มต้นพิธีให้กราบพระรัตนตรัย สวดบทไตรสรณคมณ์ สมาทานศีล 5 สมาทานพระกรรมฐาน
(ตามแบบหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง)

หากสงสัยว่าจะมีผลหรือไม่
" พระ" ท่านบอกว่า เป่าทีเดียวทั่วจักรวาล จะอยู่มุมไหนของโลกก็ตาม ถ้าตั้งใจรับด้วยความเคารพก็มีผลเช่นเดียวกับคนที่มาเข้าพิธีด้วยตัวเอง...

ทำพิธีหน้าหิ้งพระ หรือโต๊ะหมู่บูชาพระ หรือถ้าไม่มีก็หันหน้าไปทางทิศตะวันออกก็ได้

สิ่งที่ต้องเตรียมเพื่อรับยันต์เกราะเพชร
- ธูป 5 ดอก
- เทียน 2 เล่ม
- ดอกไม้สด
- เงินค่าบูชาครู แล้วนำเงินค่าครูไปทำบุญ

ทำพิธีหน้าหิ้งพระ หรือโต๊ะหมู่บูชาพระ หรือถ้าไม่มีก็หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ปล. ถ้าคุณแม่รับมีลูกในท้องจุดธูป 1 ดอกแทนด้วยครับ เค้าว่าคลอดออกมาแล้วจะมียันต์เลยครับ และต้องรักษาศีล 5 ให้ตั้งมั่นครับ เค้าว่าพุทธคุณมากมาย แต่เสื่อมได้เมื่อศีล 5 พร่อง
ให้เริ่มสวดมนต์ เวลา 17.20 น. แล้วนั่งสมาธิ ตอน 17.40 น. ให้เลิกสมาธิ 18.10 น. ห้ามออกจากสมาธิก่อนเวลาเป่ายันต์ สมาธินิ่งมากเท่าใดได้รับยันต์มากเท่านั้น

หมายเหตุ...
***พิธีรับยันต์เกราะเพชร “รับได้ทุกที่” เพราะพุทธบารมีไม่มีน้อมใจปฏิบัติตาม
***แม่ที่กำลังตั้งครรภ์ กรุณาหยิบธูปเทียนเผื่อลูกในท้องตามจำนวนด้วย***

I. กราบพระรัตนตรัย

II. นะโม ๓ จบ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ)

III. อิติปิโส ๓ ห้อง

อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ
วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู
อะนุตตะโร ปุริสสะธัมมะสาระถิ สัตถาเทวะมนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ.

สวากขาโต ภะคะวา ธัมโม
สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ.

สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
อุชุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
ญายะปฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
สามีจิปฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสสะ ยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา
เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเนยโย
อัญชะลีกะระนีโย อะนุตตะรัง ปุญญะเขตตัง โลกัสสาติ.

IV. บทไตรสรณคมณ์

พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

V. สมาทานศีล 5

มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ

ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

VI. สมาทานพระกรรมฐาน

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ)

อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปริจัจชามิ

ข้าแต่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขอมอบกายถวายชีวิตแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขออาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบ ๆ กันมา

ขอได้โปรดยกจิตของข้าพเจ้า ขึ้นสู่ภาวะพระกรรมฐาน ทั้ง ๔๐ ทัศ พระปีติทั้ง ๕ และวิปัสสนาญาณทั้ง ๙ ขอพระกรรมฐานทั้ง ๔๐ ทัศ พระปีติทั้ง ๕ และวิปัสสนาญาณทั้ง ๙ จงมาบังเกิดปรากฏในกายทวาร ในวจีทวาร ในมโนทวาร ของข้าพระพุทธเจ้า ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

ขอได้โปรดยกจิตของข้าพเจ้าขึ้นสู่ภาวะแห่งเมฆจิต สามารถกำหนดจิต รู้ภาวการณ์ต่าง ๆ ทั้งเหตุ ผล อดีต อนาคต และปัจจุบัน ได้ทุกขณะจิต ที่ปรารถนาจะรู้ เมื่อรู้แล้วขอให้เห็นภาพนั้นได้ชัดเจนแจ่มใสและพยากรณ์ได้ ตามความเป็นจริงทุกประการ เหตุใดที่จะพึงบังเกิดแก่ข้าพเจ้า ขอให้ข้าพเจ้า ได้รู้เหตุนั้นได้โดยมิต้องกำหนดจิตแม้แต่ประการใด ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

ข้าพระพุทธเจ้าขอรับยันต์เกราะเพชร (๓ จบ)

VII. ดูภาพยันต์ที่ตั้งไว้ในพิธี ตั้งใจจำภาพยันต์ไว้ในใจ

หลับตาภาวนาว่า "พุทโธ" ไปเรื่อย ๆ หากไม่มีภาพยันต์ก็ให้ภาวนา "พุทโธ" ไปอย่างเดียว ให้ภาวนาไปประมาณ 30 นาที ถ้ารู้สึกคันยิบๆ แสดงว่าพุทธคุณแห่งยันต์เกราะเพชรเริ่มเข้าตัวแล้วครับ บางคนจับไข้ก็มีครับ


ข้าพระพุทธเจ้าขอรับยันต์เกราะเพชร (๓ จบ)

 

บันทึกไว้เป็นความทรงจำ

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันพุธที่ ๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๓ อาตมาทำพิธีบวงสรวงบูชาพระรัตนตรัย ขออนุญาตใช้วิชามหาระงับโรคาพินาศ ถ้าถามว่าวิชานี้มาจากไหน ? ก็มาจากวิชามหาระงับตามสายหลวงปู่คง วัดบางกระพ้อม

สายวิชาแม่กลองนี้ มีการศึกษานำวิชากลับไปกลับมา และพัฒนาขึ้นมาเรื่อย ตั้งแต่หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว ไปศึกษาจากหลวงปู่พ่วง วัดลิงโจน (วัดปากสมุทรสุดคงคา) หลวงปู่ทิม วัดบางลี่น้อย (วัดบางนางลี่กุฎีทอง)

แล้วหลวงปู่คง วัดบางกะพ้อม หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ มาศึกษานำวิชากลับไปปลายน้ำแม่กลอง จากนั้นหลวงปู่สาย วัดท่าขนุน ก็ไปศึกษาวิชานี้จากหลวงปู่เนื่อง วัดจุฬามณี นำเอาวิชากลับคืนมาต้นแม่น้ำแม่กลองอีกครั้ง

เมื่อทำบวงสรวงบูชาพระรัตนตรัยแล้ว เข้าที่ภาวนาก็หลับฝันเห็น แนวธงของบรรดา "เจ้าหน้าที่โรคระบาด" ปักแนวไว้รอบโลก..!

ท่านลองนำแผนที่โลกมาวาง แล้วขีดเส้นหนาระหว่างเส้นรุ้งที่ ๔๐ และเส้นรุ้งที่ ๔๒ จากนั้นลองไล่ดูว่า มีประเทศอะไรอยู่ในแนวนั้นบ้าง ?

ในฝันได้ถาม "เจ้าหน้าที่โรคระบาด" ว่า พื้นที่กว้างขนาดนี้เชียวหรือ ? แล้วหลายประเทศนอกเขตทำไมถึงติดเชื้อด้วย ? ท่านบอกว่าในแนวธงนั้น คือประเทศหลักที่สร้างกรรมไว้ในอดีต จะต้องมีคนตายกันมาก พวกนอกเขตที่ติดเชื้อ เป็นฝ่ายสนับสนุน จึงโดนลูกหลงไปด้วย..!

ขออนุญาตท่านว่า จะไม่ล่วงหน้าที่ของท่านทั้งหลาย แต่ช่วยถอนธงแนวประเทศไทยสักครู่หนึ่งได้หรือไม่ ? ท่านถามว่าถอนไปเพื่ออะไร ?

บอกกับท่านทั้งหลายเหล่านั้นว่า ประเทศไทยของเรา ซึ่งอยู่ใต้บารมีองค์สมเด็จพระธรรมิกราช แม้ว่าพสกนิกรจะค่อนข้างไม่เอาไหน แต่ถ้าเปิดเทอมแล้วเด็ก ๆ ไปเรียนไม่ได้ การศึกษาที่รั้งท้ายอาเซียนอยู่ ก็จะยิ่งโดนทิ้งห่างไกลไปอีก อาตมาเห็นแล้วทำใจไม่ได้

ประการที่สอง ประชากรส่วนใหญ่ ซึ่งองค์สมเด็จพระธรรมิกราช พยายามช่วยเหลือเพื่อให้พออยู่พอกิน เมื่อส่วนมากตกงาน ถ้าเงินเก็บหมดเสียก่อนโรคระบาดจะหาย สิ่งที่องค์สมเด็จพระธรรมิกราชได้กระทำไว้ ก็จะสูญเปล่าโดยสิ้นเชิง

"เจ้าหน้าที่โรคระบาด" บอกว่า ถ้ายังไม่หมดวาระ ก็ยังถอนธงไม่ได้ แต่ท่านประกอบพิธีได้ถูกต้อง อ้างบารมีคุณพระศรีรัตนตรัย พวกเราจะยอมถอนให้ชั่วคราว เพื่อให้ท่านทั้งหลายมีเวลาจัดการภายในเดือนนี้ แต่ถ้าหลังจากนี้แล้ว ต้องปักธงกลับลงไปอีก ถึงเวลานั้นพวกท่านจัดการไปได้เท่าไร กลับมากำเริบอีกเท่าไร ต้องปล่อยไปตามกรรม ห้ามมาขอร้องกันอีก

ยังไม่ทันจะคุยอะไรต่อ อาตมาก็สะดุ้งตื่นเสียก่อน จึงมาทำน้ำมนต์ พรมวัตถุมงคลในพิธี และโปรยดอกไม้เป็นพุทธบูชา ช่วงที่ทำน้ำมนต์นั้น ก็มีปรากฏการณ์คล้ายกับพิธีพลิกชีวิต แต่ไม่ดุเดือดรุนแรงเท่า

ส่วนที่ขำก็คือ พระลูกศิษย์จำนวนหนึ่ง พยายามลองทำน้ำมนต์ตามแบบที่เห็น โดยเอียงเทียนน้ำมนต์ให้ได้องศาเดียวกัน เพื่อที่จะลองดูว่ามีเปลวไฟไหลลงไปแล้วระเบิดกลับขึ้นมาหรือไม่ ? ปรากฏว่าดับเงียบเรียบร้อยทุกราย มีเพียงบางท่านซึ่งมีความฉลาด นำเอาสมเด็จองค์ปฐมพลิกชีวิตใส่ไว้ในน้ำมนต์ อาราธนาแล้วแต่พระท่านจะสงเคราะห์ ก็มีปรากฏการณ์ขึ้นให้เห็นได้เช่นกัน

สรุปว่า พิธีการตามวิชามหาระงับ ซึ่งพระท่านต่อด้วยคำว่าโรคาพินาศ ถ้าเป็นไปตามความฝัน ภายในสิ้นเดือนนี้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid 19 ในประเทศไทยเราก็คงจะเบาบางลง ส่วนจะกลับแพร่ระบาดใหม่เมื่อไรไม่สามารถที่จะบอกได้ ด้วยความต่างกันของระยะเวลา ก็คือ ๑ วัน ของเขาเท่ากับ ๕๐ ปี ของเรา ได้แต่หวังว่าท่านจะไม่ปักธงไว้นานนัก

ในฐานะพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นหนี้บุญคุณที่ญาติโยมทั้งหลายได้ให้การอุปถัมภ์ค้ำชูมา อาตมาได้พยายามทำเต็มความสามารถแล้ว ผลที่เกิดขึ้นจะได้มากน้อยเท่าไร ก็ขึ้นกับผลกรรมที่ท่านทั้งหลายได้กระทำเอาไว้ สมกับพระบาลีที่ว่า “กมฺมํ สตฺเต วิภชฺชติ” กรรมย่อมเป็นเครื่องจำแนกสัตว์ ด้วยประการฉะนี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม,ดร.
๑ เมษายน ๒๕๖๓
ที่มา : คณะจัดงาน ๖๐ ปี พอจ.
เก็บตกบ้านเติมบุญ เดือนเมษายน ๒๕๖๓

 

อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๓๘ : แก้วมณีรัตนะโดยหลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน



ในจักกวัตติสูตร อังคุตตรนิกาย กล่าวถึงสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิว่า ประกอบด้วยแก้ว ๗ ประการ คือ

๑. จักกรัตนะ (จักรแก้ว) ๒. อิตถิรัตนะ (นางแก้ว) ๓. มณีรัตนะ (ดวงแก้ว) ๔. ปรินายกรัตนะ (ขุนพลแก้ว) ๕. คหปติรัตนะ (ขุนคลังแก้ว) ๖. หัตถิรัตนะ (ช้างแก้ว) ๗. อัสสรัตนะ (ม้าแก้ว)

จักรแก้ว เป็นเครื่องหมายประกาศความเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ อานุภาพแห่งจักรแก้วนั้น ยามปรากฏขึ้น จะดึงดูดเอามหาสมบัติทั้งหมดในสะดือทะเล (อยู่แถว ๆ ท้องทะเล แฮ่...) มาไว้ในท้องพระคลังหลวง และเป็นพาหนะให้ขุนพลแก้ว พาทหารทั้ง ๔ เหล่าทัพ เหาะไปปราบปรามในทวีปทั้งสี่ (เหมือนยานขนส่งอวกาศเลย...)

นางแก้ว เป็นอัครมเหสีคู่บารมีพระเจ้าจักรพรรดิ กลิ่นกายหอมเหมือนดอกอุบล หน้าหนาวเนื้อจะอุ่น หน้าร้อนเนื้อจะเย็น งามพร้อมด้วยเบญจกัลยาณีอิตถีลักษณ์ทุกประการ จะมีเทวดานำจากอุตรกุรุทวีปมาถวาย (ขอข้อยจั๊กคนแหน่...!)

ดวงแก้วมณีโชติ จะปรากฏผุดขึ้นใจกลางมหานคร แล้วเคลื่อนไปอยู่ในท้องพระคลัง ทำหน้าที่รักษาสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ ให้มีเพียงพอเลี้ยงดูประชากรทั้งโลก ส่องสว่างอยู่ชั่วกาลนาน (เป็นทั้งยาม ทั้งนายบัญชีเลยนิ...)

ขุนพลแก้ว ผู้ประกาศบารมีของพระเจ้าจักรพรรดิ ให้ปรากฏไปตลอดทวีปทั้ง ๔ ใครไม่ยอมสวามิภักดิ์ ก็เป็นหน้าที่ของขุนพลแก้วที่จะปราบปรามให้ราบคาบ รบกับใครไม่มีคำว่าแพ้ ถ้าพระเจ้าจักรพรรดิสละราชสมบัติ ขุนพลแก้วก็จะขึ้นเป็นพระเจ้าจักรพรรดิแทน...

ขุนคลังแก้ว เป็นผู้ดูแลทรัพย์สมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ หากยามใดที่ทรัพย์สมบัติมีทีท่าว่าจะไม่พอเพียง ขุนคลังแก้วก็จะใช้ทิพจักขุญาณ มองหาขุมทรัพย์ใต้ดิน แล้วขุดขึ้นมาเก็บไว้ในท้องพระคลัง บ้านเมืองใดขัดสน ก็ขุดขึ้นมาให้เขาใช้จ่าย (ขอมั่งฮี่...)

ช้างแก้ว เป็นช้างเผือกตัวประเสริฐ สมบูรณ์บริบูรณ์ด้วยคชลักษณ์อันอุดมมงคล จะมาสู่โรงช้างต้นด้วยตนเอง ยามออกรบแค่ช้างศึกฝ่ายตรงข้ามได้กลิ่น ก็แตกพ่ายไปเอง (แบบว่ามันเก่งมาตั้งแต่เกิดน่ะ...ฮิ...ฮิ...)

ม้าแก้ว เป็นม้าอาชาไนยแห่งลุ่มน้ำสินธุ เกิดมาผ่าเหล่าผ่ากอ (เอ๊ะ..ชมหรือด่ากันแน่หว่า...?) ปรากฏเป็นลักษณะอันประเสริฐ มีฝีเท้าจัด ยามวิ่งเหมือนเดินบนที่ราบ (นี่มันอัสดรพันลี้ในกำลังภายในละมั้ง."?) จะเดินมาเข้ากรง เอ๊ย..โรงม้าด้วยตนเองเช่นกัน...

ในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะมณีรัตนะเท่านั้น เรื่องมีอยู่ว่า หลวงปู่ครูบาชุ่ม โพธิโก แห่ง วัดไชยมงคล (วัดวังมุย) จังหวัดลำพูน ท่านเป็นหนึ่งในพระสุปฏิปันโน ที่ "หลวงพ่อ" แนะนำให้ลูก ๆ ไปทำบุญด้วย ท่านมีวิชาปรอทสำเร็จ...

คือท่านสามารถนำปรอทมาเสกเป็นตัว เพื่อทำตะกรุดปรอทได้ อาตมาเคยได้มาดอกหนึ่ง (ได้ให้ลูกปุ๊ก (สุมาลี xxxxx) ไปแล้ว) อันวิชาปรอทสำเร็จนั้น สุดจะยากเย็นแสนเข็ญอยู่แล้ว และความสามารถของหลวงปู่นั้น "หลวงพ่อ" เล่าว่า...

หลวงปู่ชุ่มสามารถเข้านิโรธสมาบัติด้วยอิริยาบถทั้ง ๔ (ปกติผู้ที่เข้านิโรธสมาบัติ จะเข้าได้เฉพาะอิริยาบถใดอิริยาบถหนึ่ง ส่วนใหญ่ไม่นั่งก็นอน) ซึ่ง "หลวงพ่อ" เล่าว่าในชีวิตของท่าน ไม่เคยได้ยินว่ามีใครทำได้อย่างนี้มาก่อนเลย...

แต่ความสามารถระดับนี้ของหลวงปู่ชุ่ม ท่านทำได้แค่เสกปรอทเป็นตัวเท่านั้น หลวงปู่บอกว่า ครูบาอาจารย์ของท่านสามารถเสกปรอทเป็นแก้วได้ ปรอทนั้นมีทั้งตัวผู้ตัวเมีย ถ้าเสกปรอทตัวเมียจะเป็นแก้วราหู ถ้าเสกปรอทตัวผู้จะเป็นแก้วจักรพรรดิ..!

หลวงปู่ท่านไม่ใช่มีแต่ราคาคุยเท่านั้น ลูกศิษย์ใกล้ชิดบางท่านที่โชคดี ก็ได้รับแก้วราหูจากมือหลวงปู่ไปบูชา ส่วนแก้วจักรพรรดินั้นหลวงปู่ได้รับมาแค่องค์เดียว วันหนึ่งหลวงปู่ซึ่งทราบวาระของท่านเอง ก็ไปหา "หลวงพ่อ" ถึงวัดท่าซุง...

หลวงปู่ชุ่มได้มอบลูกแก้วจักรพรรดิแก่ "หลวงพ่อ" พลางบอกว่า “หลวงพี่แก่แล้ว งานที่จะต้องทำไม่มีอีกแล้ว หลวงพี่ขอมอบแก้วจักรพรรดินี้ให้แก่หลวงน้องไว้ ต่อไปหลวงน้องต้องปกครองบริวารเป็นจำนวนมาก ลูกแก้วจักรพรรดินี้จะช่วยหลวงน้องได้มาก...”

"หลวงพ่อ" สนองความเมตตาของหลวงพี่ (อดีตชาติท่านเป็นพี่จริง ๆ) รับเอาลูกแก้วจักรพรรดิไว้ หลังจากนั้นไม่นาน หลวงปู่ชุ่มก็มรณภาพ (เฮ้อ...ไม่น่ารับเล้ย รับแล้วหนีเลย) ส่วน "หลวงพ่อ" ก็พกแก้วจักรพรรดิติดองค์เรื่อยมา...

ต่อมา... “พระ” ท่านเสด็จมาบอก "หลวงพ่อ" ว่า "หลวงพ่อ" จะต้องทำงานใหญ่ในกาลข้างหน้า ถ้าลูก ๆ ไม่มีความคล่องตัวในการเป็นอยู่ จะสนับสนุน "หลวงพ่อ" ได้ไม่เต็มที่ ขอให้ไปหาลูกแก้วมา ท่านจะช่วยเสกให้ ผู้ที่ได้ไปจะเหมือนกับมีแก้วสารพัดนึกไว้ทีเดียว...

"หลวงพ่อ" ท่านขึ้นไปที่ดาวดึงส์ ขอดูลูกแก้วจักรพรรดิของท่านปู่พระอินทร์ ปรากฏว่ามีลักษณะเหมือนของหลวงปู่ชุ่มเปี๊ยบเลย กระทั่งสีสันก็แทบไม่แตกต่างกัน ท่านปู่บอกด้วยว่า ขอให้ "หลวงพ่อ" ทำตามที่พระท่านบอก ท่านปู่จะมาช่วยอีกแรงหนึ่ง...

"หลวงพ่อ" ให้ลูกศิษย์ไปหาลูกแก้วมา ลูกศิษย์ตัวดีก็เหลือเกิน ไปเหมาลูกแก้วเด็กเล่นที่บางลำพูมาทั้งกระจาด (จะให้ดีกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้) "หลวงพ่อ" ก็เมตตาทำพิธีให้ โดยมีแก้วจักรพรรดิเป็นองค์ประธาน แล้วแจกจ่ายให้แก่ลูกศิษย์เป็นการภายใน ๒ วาระ ปรากฏว่าผู้ที่รับไปต่างก็มีผลทางด้านลาภเป็นที่น่าอัศจรรย์...

ต่อมาจึงทำแจกเป็นการสาธารณะ โดยใช้แก้วคริสตัลของออสเตรียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งผู้ที่ได้ไปก็ประสพผลในด้านต่าง ๆ ทั้งลาภผล แคล้วคลาด คงกระพัน เป็นสารพัดนึกจริง ๆ "หลวงพ่อ" จึงเรียกว่า “แก้วมณีรัตนะ” คือ เหมือนกับมีแก้วจักรพรรดิไว้ในครอบครองนั่นเอง...

"หลวงพ่อ" เองก็ออกปากว่า ตั้งแต่ได้แก้วจักรพรรดิมา การงานการเงินมีความคล่องตัวมาก ในองค์ "หลวงพ่อ" พกของมงคลอยู่เพียง ๒ อย่าง คือพระบรมสารีริกธาตุ และลูกแก้วจักรพรรดินี้เอง การพุทธาภิเษกทุกครั้ง "หลวงพ่อ" ต้องนำแก้วจักรพรรดิมาเป็นองค์ประธาน

ลูกแก้วจักรพรรดิที่หลวงปู่ชุ่มมอบให้ เป็นลูกแก้วขนาดเขื่องกว่าลูกปิงปองเล็กน้อย มีลวดลายคล้ายสีทองในเนื้อแก้ว เปล่งแสงสีม่วงอ่อน เหลือบรุ้งสวยงามยิ่งนัก ต่อมางานของ "หลวงพ่อ" มากขึ้นทุกที “ท่านย่า” จึงมอบแก้วให้อีก ๑ องค์ บอกว่าเป็นองค์น้อง มีขนาดเล็กกว่านิดหน่อย "หลวงพ่อ" ก็ใช้ควบคู่กันเรื่อยมา...

อาตมาพบปาฏิหาริย์ของแก้วมณีรัตนะ อย่างชัดเจนที่สุดวาระหนึ่ง คืออาตมาตีเช็คล่วงหน้าไป ถึงเวลาหาเงินเข้าบัญชีไม่ทัน ถ้าหาเงินสองแสนบาทไม่ได้ภายในสองวัน ก็คงติดคุกหัวโตกันบ้าง หันหน้าไปพึ่งใครเข้าก็เบือนเป็นแถว (อีตอนพึ่งเราละวิ่งเข้าใส่...)

หมดท่าเข้าจริง ๆ อาตมาก็พึ่งลูกแก้วของ "หลวงพ่อ" นำลูกแก้วมาตั้งเฉพาะหน้า แล้วอธิษฐานขอเอาดื้อ ๆ จากนั้นก็ตั้งอกตั้งใจภาวนา ผลที่ออกมาเหลือเชื่อ คือมีผู้ให้ยืมเงินจำนวนสองแสนบาท โดยที่คนให้ยืมนั้น เคยเห็นหน้าอาตมาครั้งเดียวเท่านั้นเอง...!

ผู้ที่ได้แก้วมณีรัตนะรุ่นแรก (แก้วเด็กเล่น) ไป ถึงได้หวงกันเป็นนักหนา ถึงลักษณะเป็นลูกแก้วเด็กเล่น แต่อานุภาพไม่ได้ล้อเล่นด้วย ท่านปู่พระอินทร์บอกว่าอานุภาพเกือบเท่าของจริงเลยทีเดียว (มิน่าล่ะ...ขออะไรได้อย่างนั้นเลย...)

แก้วมณีรัตนะรุ่นแรกนั้น อาตมาได้รับจากหลวงปู่มหาอำพัน โดยที่ผู้ได้รับพร้อมกันมี พี่มุกดา (คุณมุกดา เพชรชื่นสกุล) เกียง (มาลินี ตีรเลิศพานิช) ลูกปุ๊ก (สุมาลี xxxxx) ต่างคนต่างรักษายิ่งกว่าชีวิต เพราะของดีของมงคลที่รับจากมือครูบาอาจารย์แบบนี้ ใช่ว่ามีกันบ่อยเสียเมื่อไร รับจากคนอื่นอาจเป็นของปลอมก็ได้ใครจะรู้...!

๒๘ มีนาคม ๒๕๓๓

พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

ที่มา www.watthakhanun.com

 

ของดีที่ไม่ต้องโฆษณา

การใช้ลูกอมผงมหาวิเศษผสมผงเกราะเพชร รุ่น มหาระงับ ดับโรคาพินาศ(นำลูกอมใส่มือพนมอธิษฐาน)

***ตั้งนะโม3จบ***
พุทธัง สะระณังคัจฉามิ
ธัมมัง สะระณังคัจฉามิ
สังฆัง สะระณังคัจฉามิ
*นำลูกอมใส่ในขันน้ำหรือวางบนขวดหรือกองขวดบรรจุน้ำ*

ข้าพเจ้าขออาราธนาบารมี พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์มีสมเด็จองค์ปฐมเป็นต้น
พระโพธิสัตว์ทุกๆพระองค์
พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์
พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย สืบๆกันมามีหลวงปู่ปานวัดบางนมโค หลวงปู่วัดปากน้ำ หลวงพ่อวัดท่าซุง หลวงปู่ดู่ และครูบาอาจารย์ในสายกองทุนหลวงปู่ปานทุกองค์เป็นที่สุด
เทพพรหมเทวดาทั้งหลายทั่วสากล มีท้าวมหาชมพูและท้าวมหาราชเป็นต้น ขอได้โปรดเมตตาสงเคราะห์ให้น้ำนี้ วัตถุนี้เป็นของทิพย์ศักดิ์สิทธิ์ อาบ กิน ดื่ม ให้หายจากสรรพทุกข์ สรรพโศก สรรพโรค สรรพภัย ให้มีแต่ศิริมงคล สิ่งดีงาน ทั้งเจริญในปัญญาอันเป็นสัมมาทิฐิ...(อธิษฐานตามประสงค์)...
*ว่าอิติปิโสทั้ง ๓ ห้อง ..และว่า *อิทธิ ฤทธิ พุทธนิมิตตัง ของเดชะ เดชัง ขอเดชเดชะ จงเป็นที่พึ่งแก่ มะ อะ อุ นี้เทอญ

บทความโดย
อ.ธนสาร เซ้งรักษา
๔ เมษายน ๒๕๖๓

 

*****กว่าจะมาเป็นลูกอมผงเกราะเพชรมหาวิเศษ ตัวหัวผงเกราะเพชรหลวงปู่ปาน โสนันโท นั้นได้รับมอบมาจากหลวงพ่ออุดม วัดพิชัยสงคราม ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานก๋งจาบ สุวรรณ ซึ่งก๋งจาบ เป็นครูบอกกรรมฐานสายวัดประดู่ทรงธรรม อีกทั้งยังเป็นผู้แก้คุณไสยให้กับหลวงปู่ปาน โสนันโท พอรักษาหลวงปู่ เสร็จสรรพแล้ว หลวงปู่ปาน จึงได้มอบโถผงเกราะเพชร แด่ก๋งจาบ ซึ่งผงชุดนี้ ตกทอดมายังหลวงพ่ออุดม วัดพิชัยสงคราม

มงคลวาระพิเศษเมตตาพ่อแม่ครูอาจารย์

กำลังร้อนแรง สำหรับลูกผงเกราะเพชรมหาวิเศษ ตอนนี้อาจจะส่งของช้าหน่อย คับ รอพิเศษสุดๆ พิธี ๑ เมษายน พิธีพิเศษ (ไม่ขอบอกว่าพิธีอะไร)

กลัวท่านที่ร่วมบุญมาจะรอไม่ไหว ท่านใดยังไม่ได้ รอบจัดส่งพรุ่งนี้เป็นต้นไป หรือ ถ้าท่านใดอยากให้เอาเข้าพิธีวาระพิเศษ แจ้งทางอินบล็อค หรือ แจ้งในโพสนี้ได้เลย

“ลูกอมผงเกราะเพชรมหาวิเศษ ฝังปรกใบมะขามพระหมอยา”

มงคลที่ระลึก “ลูกอมผงเกราะเพชรมหาวิเศษ” รวบรวมผงมหาวิเศษ มากมายหลายพันชนิด รวบรวมไว้ ไม่ต่ำกว่า 20 ปี เข้าพิธีมาโดยตลอด ผสมด้วยผงเกราะเพชร สำคัญโดยได้รับมอบจากหลวงพ่ออุดม วัดพิชัยสงคราม ซึ่งตกทอดมาจาก ก๋งจาบ สุวรรณ ซึ่งก๋งจาบ นั้นได้รับมอบมาจากพระคุณหลวงปู่ปาน โสนันโท ซึ่งบัดนี้ อ.ต้น ได้นำมาจัดสร้างเป็นลูกอม และปิดทองคำเปลวแท้ ทั้งลูก นำมาให้บูชาเพื่อร่วมบุญการกุศล

-ลูกปิดทอง ฝังปรกพระหมอยา นำไปเลี่ยมพกพาติดตัว
-ส่วนลูกที่เป็นเนื้อผงนั้น นำไปอาราธนาทำน้ำมนต์
-ผ้ายันต์พระพุทธนิมิตร สีขาวสกีนแดง
สร้างพร้อมธงแดงท้าวมหาชมภู ๑ ผืน

 

ท่านอาจารย์ ศุภกฤษณ์ชัยวงศ์ แสงจันทร์ เล่าเรื่อง วันสงกรานต์ ปี 2563

 

ภาพหายาก หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี )วัดท่าซุง กับหลวงพ่อคุณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่.

 

ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวไว้

บ้านใครที่ฉลาด ๆ หน่อยนี่ เขาทำที่บูชาพระดี ๆ นะ แล้วก็ทำอย่างนี้นะ...

๑. ก่อน ๔ ทุ่มนี่
• ปูผ้าขาว (หน้าหิ้งพระหรือโต๊ะบูชาพระ)
• มีหมอนสัก ๑ ใบ
• น้ำสัก ๑ แก้ว
๒. สวดมนต์ ทำสมาธิ อุทิศส่วนกุศลตามปกติ

❤ ต้องทำก่อน ๔ ทุ่มนะ ท่านบอกก่อน ๔ ทุ่ม
เพราะว่าหลังจากนั้นเป็นต้นไป เทพ พรหม เทวดาท่านก็จะลงมาทำวัตร สวดมนต์นะ แล้วจากนั้นก็ให้พรเจ้าของบ้าน

ถ้าบ้านไหนทำอย่างนี้ไว้เสมอ...
คำว่า ตก จน ลำบากยากแค้นจะไม่มี โจรขโมยไม่เข้าบ้าน ทำมาค้าก็ขึ้น อยู่ก็ร่มเย็น แอร์ไม่ต้องติดก็เย็นนะ

นี่เรื่องจริงนะ...ฉะนั้น หลาย ๆ คนนะ โดยเฉพาะพวกเราเนี่ยะ โอ้โห...หิ้งบูชาพระสวยงาม
แต่ว่าบ้านแต่ละหลังเนี่ยะ...หาที่ตั้งแทบจะไม่ได้เลย...
แหม๋...วัดนั้นก็ดี วัดนี้ก็ได้ โอ๊ย...ก็ชอบอ่ะเน๊าะ...ก็ไม่เป็นไร...ถือเป็นพุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสตินะโยมนะ

❤ เราเห็นเราชื่นใจ ขอให้เราชื่นใจเถอะโยม จะมีองค์เดียว ๒ องค์ ๑๐๐ องค์ ๑,๐๐๐ องค์
เห็นเมื่อไหร่..ชื่นใจเมื่อนั้นก็เป็นพุทธานุสสติ พอเห็นแล้วชื่นใจเลย พอชื่นใจแล้ว..ใจมันก็เป็นสุขนะ

▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎
#พระธรรมเทศนา ณ บ้านใจดี
เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๒

พระอาจารย์เอกลักษณ์ ปญฺญาคโม
#วัดพุทธพรหมยาน

หมายเหตุ : เนื้อหาในข้อ ๒ ผู้ถอดเทปบันทึกเสียงอธิบายเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจและง่ายต่อการนำไปปฏิบัติ

 

เนื่องในศุภวาระ ดิถีปีใหม่ไทย 2563
ขอคุณพระศรีรัตนตรัยจงดลบรรดาลให้ทุกท่าน แคล้วคลาด ปลอดโรค รอดจากปัญหาเศรษฐกิจ
ในภาวะวิกฤตเชืัอโรคมรณะ โควิด 19 ด้วยครับ
สาธุ สาธุ สาธุ

 

อาจาริยวาท
๑ ศตวรรษ หลวงพ่อ

วันจันทร์ที่ ๑๓ เมษายน พ.ศ.๒๕๖๓
“โยม มีคนเขาถามว่า ไปฟังเทศน์ ได้อะไรบ้าง โยมก็บอกว่าได้ ได้อะไร ก็ได้ธรรมะ พอฟังเทศน์ ฟังเทศน์คราวนี้ หลวงพ่อเทศน์บอกว่า ธรรมะรุ่งสว่าง สว่างอะไร สว่างใจ คนไม่มีธรรมะนี่ จิตใจจะมืดมน

ความมืดมนน่ะ ไม่ใช่ของดี มันเป็นเรื่อง ที่สะสม สิ่งที่เป็นอาสวะกิเลส แต่ว่าถ้าฟังธรรม ด้วยความชื่นบาน ก็บอกว่า ทำไปด้วย บุญด้วยกุศล เพราะฉะนั้น การนึกพุทโธเพียงคำเดียว ก็ถือว่า เป็นการที่ ทำความผ่องใส ให้เกิดขึ้น ดีกว่าไปทำอย่างอื่น

เมื่อทำแล้ว เกิดบุญกุศล เมื่อเกิดบุญกุศล ขึ้นมาแล้ว ก็เก็บเอาไว้ ไม่ใช่ว่า ทำแล้วแล้วไป ทำแล้วก็เก็บเอาไว้ เก็บไว้ที่ไหน เก็บไว้ที่ใจเรา เราลองคิดดู ของในบ้านเรานี่ ใครเป็นคนเก็บ ใครเป็นคนเก็บ ข้าวของต่างๆ ใจ

เก็บไว้ที่ใจ เข็มเล่มหนึ่ง ก็ใจ ด้ายเส้นหนึ่ง ก็ใจ ข้าวเม็ดหนึ่ง ก็ใจ ใจเป็นผู้เก็บ ของอะไร ที่มีอยู่ในบ้านนี่ ใจ เป็นผู้เก็บทั้งนั้น เพราะฉะนั้น เผลอๆ ไปเก็บเอา สิ่งของที่ไม่ดี เขาเรียกว่า เก็บเอาบาป เก็บเอาบาป ก็มึงทำกูชาตินี้ กูจะขอแก้แค้น อะไรอย่างนี้เป็นต้น พอเป็นอย่างนั้นปั๊บนี่ เขาเรียกว่า ผูกพยาบาท อาฆาตจองเวร”
พระพรหมมงคลญาณ วิ. (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)
ประธานผู้ก่อตั้งสถาบันพลังจิตตานุภาพ
อนุโมทนาขอบคุณ ผู้มีส่วนในธรรมะสาระ และภาพประกอบนี้
จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ เล่ม ๑๑ หน้า ๘๕
W.I.F.18 HuaHin
ธัมม์นิยม...แบ่งปัน