ลูกศิษย์บันทึก เล่ม 3 หน้า 149 ของข้าพเจ้า

ตำราเทพเจ้าเมืองชัยนาท ตระกรุดมงกุฎแก้ว หลวงปู่ท่านบอกว่า "เหนือดวง" คือในฝอยอธิบายไว้ว่านอกจากจะเป็นมหาอำนาจ เมตตา แคล้วคลาด มหาลาภ คุ้มครอง คุ้มภัย
แล้ว แม้เจ้าหน้าที่ยมบาลจะมารับตัว ต้องมาขออนุญาตเราก่อน ของโบราณนั้นมีดี มากมายนัก อยู่ที่เราจะรู้วิธีเอามาใช้ตอนไหน นั่นละ
โชคดี สุขใจ ไกลโรค

 

พระทักษิณโมลีธาตุ(กระดูกกระหม่อมเบื้องขวา)ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีขนาดโตประมาณ เมล็ดข้าวโพด สันฐานกลมเกลี้ยง สีขาวนวลเหมือน ดอกบวบ หรือ สีคล้ายดอกพิกุลแห้ง

ตามประวัติเล่าว่า พระเจ้าอโศกมหาราช เป็นผู้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่ ดอยจอมทอง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 218 จนถึงปัจจุบัน พระธาตุ ถูกบรรจุไว้ในพระโกศ 7 ชั้น ซึ่งตั้งอยู่ภายใน พระวิหารจตุรมุข ก่ออิฐถือปูนทั้งองค์ มีฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส คล้ายพระเจดีย์ กว้าง 4 เมตร สูง 8 เมตร

ตามประวัติว่าสร้างขึ้นโดย พระเจ้าดิลกปนัดดาธิราช หรือ พระเมืองแก้ว กษัตริย์ราชวงศ์มังราย เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2060

 

ภาพหายาก

ย้อนรอยอดีต
หลวงปู่บุดดา ถาวโร
ถวายสังฆทานภัตตาหาร แด่
หลวงปู่สี ฉันทสิริ วัดเขาถ้ำบุญนาค
อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์

 

“หลวงพ่อกวย ท่านสร้างวัดมาด้วยเงินทุกบาทที่ท่านได้มา ด้วยแรงที่ท่านมี ท่านเกิดมาเพื่อสร้าง ท่านคือบุตรของพุทธะโดยแท้”
ข้าพเจ้าตั้งสัตยาธิษฐาน
รายการจ่ายเงินนี้ได้เป็นเงินส่วนตัวของข้าพเจ้ามาก เมื่อข้าพเจ้าเกิดชาติใดแสนใดขอให้ข้าพเจ้าประสบความสุขความเจริญทุกๆชาติ อันความยากจนขัดสนขออย่าให้มีแก่ข้าพเจ้า และขอให้ข้าพเจ้าเกิดในศาสนาของพระทุกๆองค์ จะเป็นองค์หนึ่งองค์ใดก็แล้วแต่ที่มาตรัส และขอกุศลอันนี้จงแผ่ผลไปยังบิดามารดาและครูบาอาจารย์ของข้าพเจ้าด้วยเทอญ และข้าพเจ้าขอแผ่ผลไปยังพระยายมราช และอชิคุตรทั้ง ๔ แลนางพระธรณีแลคงคาแลจงเป็นสักขีทิพยาน แก่ข้าพเจ้าด้วย หากกุศลสิ่งใดที่ข้าพเจ้าตั้งใจแผ่ไปให้ไม่ถึง ขอท่านผู้เป็นใหญ่จงส่งไปให้ถึงด้วยทุกเมื่อเทอญ
พระกวย ปั้นสน
(อ่านจบท่านจะเข้าใจและรู้สึกว่าท่านเป็นเช่นไรมีหลากหลายซ่อนอยู่ในนี้ รักและบูชาหลวงพ่อกวยครับ)

 

ขอมอบคาถา
พระเจ้ากวาดโลก
เป็นคาถามหาอำนาจของหลวงพ่อศุข ถ่ายทอดให้คุณตากลับ แสงเขียว มือขวาของหลวงพ่อศุข

"อิติพุทโธภควาโลเก"

ตวาดไปเป็นมหาอำนาจดีนักแล

หมอฟอร์ดบันทึก

 

คัดลอกมาจากเพจ ตามรอยพุทธบาท
โปรดใช้วิจารณญาณนะครับ

ใช่ว่า ในหนังสือ สมบัติพ่อให้ เล่มล่าสุด จะถูกต้องทั้งหมด

"...ท่านให้เสกของทุกอย่างก่อนที่จะกิน ท่านบอกไว้ในขณะที่วัดกำลังมีภัย ถ้าศัตรูทำคุณไสย เราว่าคาถานี้ คุณไสยนั้นจะย้อนกลับเข้าตัวผู้ทำ ถ้าทำเป็นตะกรุด "ห้ามนำตะกรุดเข้าห้องคนคลอดบุตร ท่านห้ามทำแจกเด็ก ด้วยจะเป็นอันตรายกับเด็ก"

เป็นการคัดลอกของทางวัด... กับที่เซียนพระเขียนไว้นานแล้วเอามาลงในหนังสือ "สมบัติพ่อให้" เล่มใหม่ กลายเป็นคำพูดของหลวงพ่อไปทั้งหมด

ทีนี้ก็กลายเป็นเรื่องความรู้โดยชอบธรรม เป็นหนังสือออกจากทางวัดท่าซุงให้อ้างอิงไป เห็นแล้วน่าเบื่อเหมือนกันครับ.."

นี่เป็นข้อความที่สมาชิกท่านนี้ส่งมาให้ทราบ อีกทั้งตามที่ได้ตรวจสอบแล้ว ข้อความที่วงสีแดงไว้ กับข้อความที่ต่อๆ มา จะเห็นว่า เป็นการบอกเล่าที่ไม่ใช่ของหลวงพ่อวัดท่าซุงทั้งหมดจริงๆ

 

แต่ละท้องถิ่น ล้วนมีประวัติศาสตร์น่สจดจำ ทั้งที่บันทึกได้ และไม่ได้บันทึก

"...พ.ศ. ๒๓๐๙ แผ่นดินพระเจ้าเอกทัศน์กองทัพเนเมียวสีหบดี ๔,๐๐๐ คน ได้ยกลงมาจากเมืองนครสวรรค์ ลงมาทางเมืองชัยนาท เมืองอุทัยธานี เมืองสรรคบุรี ถึงเขตกรุงศรีอยุธยา ส่วนกองทัพมังมหานรธา ๓,๐๐๐ คน ได้มาตั้งอยู่ที่วัดป่าฝ้าย ปากน้ำพระประสบ ข้างด้านเหนือ นอกจากนี้พระเจ้าอังวะ ยังให้สุรินทจอข่อง คุมพลอีก ๑,๐๐๐ คน ยกลงมาพักอยู่เมืองเมาะตะมะ แล้วยกหนุนเข้ามาทางด่านอุทัยธานี ตั้งทัพอยู่ที่เมืองวิเศษไชยชาญ และพระยาเจ่งรามัญคุมพล ๒,๐๐๐ คน ยกหนุนเข้ามาทางกาญจนบุรี ตั้งทัพที่ขนอนหลวง วัดโปรดสัตว์ขณะที่รอทัพอยู่นี้ พม่าได้ลาออกไปเที่ยวค้นทรัพย์จับคนทางเมืองวิเศษไชยชาญ เมืองสรรคบุรี เมืองสุพรรณ เมืองสิงห์ถึงอุทัยธานี จนทำให้คนไทย รวมกำลังกันที่บ้านบางระจัน ต่อสู้พม่าได้ถึง ๘ ครั้ง ก็สู้พม่าไม่ได้
ต่อมาน้ำท่วมกรุงศรีอยุธยา พม่าได้รื้ออิฐวัดมาก่อกำแพงเป็นค่าย แล้วรุกมาตั้งที่วัดกระชาย วัดพลับพลาชัย วัดเต่า วัดสุเรนทร วัดแดง ยกเป็นหอรบสูง แล้วระดมกำลังเข้าปล้นกรุงศรี ในเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๓๑๐ ได้ จึงเผาพระนคร จับคนปล้นทรัพย์สินจนสิ้น แม่ทัพพม่าฝ่ายเหนือก็เชิญสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๔ (ขุนหลวงหาวัด) ซึ่งทรงผนวชเป็นพระภิกษุและพระขัตติยาวงศา เสนามาตย์ไปพร้อมกับทรัพย์สมบัติศัสตราวุธ ยกออกทางด่านอุทัยธานี เดินบกไปถึงเมืองเมาะตะมะ ขณะนั้นบ้านเมืองเกิดระส่ำระสายอย่างหนัก ผู้คนต่างหนีพม่าเข้าป่าลึก บ้างก็ถูกกวาดต้อนไปกับเขาด้วย รวมทั้งชาวเมืองอุทัยธานีส่วนหนึ่งที่หลบหนีไม่ทันด้วย พระเถระที่ปรากฏชื่อมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา นั้นชื่อ พระครูอนุโลมมุนี เป็นพระสมณศักดิ์เจ้าคณะเมืองอุทัยธานี ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ไม่ปรากฏว่าอยู่ที่วัดใด..."
จากความบางตอนของพงศาวดารที่บันทึกเหตุการณ์ทางหน้าประวัติศาสตร์ก่อนเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ ได้ปรากฏนาม "พระครูอนุโลมมุนี" (ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ ปรากฏนามของท่านเปนตัวเขียนอักษรขอมลายรดน้ำปิดทอง อยู่ที่บานหน้าต่างพระอุโบสถบานที่ ๗ ด้านซ้ายทางทิศเหนือ) เปนพระสมณศักดิ์เจ้าคณะเมืองอุทัยธานี ต่อมาจึงปรากฏนามสมณศักดิ์พระสุนทรมุนี(เจี้ยม) เจ้าคณะเมืองอุทัยธานีขึ้นอีกครั้งในสมัยพระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่ ๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์และสืบต่อมาจนกระทั่งปัจจุบัน
จังหวัดอุทัยธานีนับว่ามีประวัติศาสต์ทางสงฆ์อันยาวนาน ก่อกำเนิดพระเกจิคณาจารย์ พระสุปฏิปัณโณ ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีสำนักเรียนอบรมสั่งสอนกุลบุตร กุลธิดา สมณชีพราหมณ์สืบต่อกันมาไม่ขาดสาย ที่ปรีชาสามารถมีสมณศักดิ์ขึ้นไปถึงตำแหน่งพระราชาคณะชั้นสูงก็มี ที่แตกฉานในทางวิปัสสนาธุระ คันถธุระ ก็หลายรูปนาม หรือพระเกจิคณาจารย์เรืองเวทย์วิทยาคมก็หลายท่านล้วนเปนที่เคารพเลื่อมใสสักการะบูชาทั้งสิ้น
"เมืองอุทัยธานี"มีประวัติศาสตร์ทางสงฆ์ที่น่าศึกษาเปนอย่างยิ่ง หากพูดภาษาชาวบ้านก็ต้องบอกว่า "พระเรียนก็มากมีพระเกจิก็มากมาย" พระสงฆ์ในอดีตล้วนสร้างคุณูปการอย่างเอนกอนันต์ ประดิษฐานความเจริญรุ่งเรืองแห่งบวรพระพุทธศาสนาให้เปนปึกแผ่นมั่นคงให้กับชาวเมืองนี้ เปนร่มธรรมที่พึ่งพิงให้แก่ญาติโยม วัตรปฏิบัติของแต่ละท่านอาจแตกต่างกันออกไปแต่สุดท้ายล้วนมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือโมกขธรรม และการโปรดญาติโยม ท่านที่สนใจลองศึกษาค้นคว้าดูเอาเถิด ล้วนเกิดประโยชน์มากเลยทีเดียว

 

พระคาถา “ยันต์จัตตุโร” หมั่นท่องเอาไว้ ดีนักแล

ฝากข้อคิดก่อนอ่าน วิชาเหรียญสองด้านของอาจารย์ไพฑูรย์ท่านนั้นมีประโยชน์ยิ่งนักสำหรับใช้พิจารณาทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นมองเป็นสิ่งไม่ดีน่าเกลียดและสวยงามเมื่อลองพิจารณาพลิกดูอีกด้านของเหรียญให้ดีแล้วทุกสิ่งท่านในโลกมีทั้งดีและโทษแฝงไว้อยู่ตรงกันข้ามเสมอ..
วันนี้ได้นำเรื่องราวของ พระคาถา “ยันต์จัตตุโร” หมั่นท่องเอาไว้ จักดีนักแล นำมาให้ทุกท่านได้อ่านศึกษา ไปชมกันเลย

จัตตุโรเป็นกลยันต์อักษรโบราณเป็นเลข ๑ – ๙ ทุกมุม พุทธคุณช่วยในเรื่องหนุนดวง โชคลาภ บังเกิดทรัพย์สินมากมาย เงินทองพอกพูน ยันต์ที่นิยมลงเดี่ยวในการตั้งเสาเอกไว้ที่หลุมศาลพระภูมิมาแต่ครั้งโบราณ เพราะเชื่อกันว่าจะทำให้บังเกิดความอุดมสมบูรณ์เป็นยันต์ที่พุทธคุณครอบจักรวาล ปกติจะพบยันต์จัตตุโรของอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ลงไว้ประทับใต้ฐานพระพุทธบรรจุดวงพิชัยสงคราม ในใบฝอยมักจะใช้คู่อริยสัจจ์โสฬสมงคลและตรีนิสิงเหเลขที่ลงล้วนเป็นเลขกลที่ถอดออกมา ในพระคำภีร์หนึ่งได้กล่าวไว้ว่า ให้ใช้คู่กับตรีนิสิงเหและอริยสัจโสฬสจะลงในศาสตราวุธเข้าห้ำหั่นข้าศึกจะแคล้วคลาดคงกระพัน

หากเขียนในสิ่งของต่างๆขโมยจะลักไปไม่ได้ เขียนแช่น้ำกินจะปราศจากถ้อยคดี เขียนใส่เหล็กจะไล่ปลวก ที่มีเรือดชุมๆเรือดก้จะหนีหาย ฝังไว้ในไร่นาไล่หนูไล่ปู ฝังหินใต้ต้นไม้จะงอกงาม เขียนใส่ผ้าไว้ในบ้านเรือนจะไม่ไฟไหม้ ปลูกบ้านใหม่ให้รองก้นเสาทุกต้น เขียนไว้จะพบแต่ความรุ่งเรือง ใส่รถใส่เรือค้าขายจะพบแต่ความมั่งมี ทำเป็นตะกรุดติดตัวไปจะกันได้สารพัด ลงประตูหน้าต่างบ้านเรือนกันขโมยกันโจร ถ้าออกลูกยากให้ทำตะกรุดแช่น้ำกิน ถ้าลูกเสียในท้องก็จะคลอดออกมา

คาถาเสกในทางคลอดบุตร โอมจัตตุโร นวโม ทเวโช ตรีนิ ปัญจ สัตกาอัฏฐะ เอโก ฉะวัชราชา สัฏฐี ทะวาระ คัพพานิกขะมิ
ทางเกิดลาภเสกด้วย โอมสิทธิกัมมังอะหังสามิ เขตตะพิชชังปะโยชะนัง สัพะโภคังภลิสสันติ ยาวะชีวัมปิภุญชะเร โสธนังปิคะเหตวานะ ธะนัง อะทาสิทายะ โกตัง ธนังนิพพัตตาสัตตา อิเมอิจฉันติเม มะโนตัมปิ สัตถานุภาเวนะ สัพพโภคังลภิสสันตุ เมรักขันตุ สัพพทา สวาหุม
ทางคุ้มภัย โอมไชยโย ชะยันติมาระกัง มนุสสาปิจะ สัพพเทวาจะคันทัพพา ปูชยันติ ปลายันติ ตัมปิตัสสานุภาเวนะ สัพพศัตรูวินาสสันตุ สัพเสนาอัปปักกามุง โอมทุเร ทุเร สวาหาย
สูตรกระดูกยันต์ ทั้งแปดเส้น อัฏฐิ ยันตัง สันตัง วิกรึงคะเลฯ อัฏฐิ ยันตัง สันตัง วิกรึงคะเลฯ อัฏฐิ ยันตัง สันตัง วิกรึงคะเลฯ อัฏฐิ ยันตัง สันตัง วิกรึงคะเลฯ อัฏฐิ ยันตัง สันตัง วิกรึงคะเลฯ อัฏฐิ ยันตัง สันตัง วิกรึงคะเลฯ อัฏฐิ ยันตัง สันตัง วิกรึงคะเลฯ อัฏฐิ ยันตัง สันตัง วิกรึงคะเลฯ
สูตรการขมวดมุมยันต์ ทั้งสี่มุม จะตุโกญจามะหายันตัง พรหมภัค มะเหสุรัง ยันตังสันตังวิกรึงคะเลฯ จะตุโกญจามะหายันตัง พรหมภัค มะเหสุรัง ยันตังสันตังวิกรึงคะเลฯ จะตุโกญจามะหายันตัง พรหมภัค มะเหสุรัง ยันตังสันตังวิกรึงคะเลฯ จะตุโกญจามะหายันตัง พรหมภัค มะเหสุรัง ยันตังสันตังวิกรึงคะเลฯ
สูตรการลงเลข จะตุโร ลงเลข๔ นะวะโม ลงเลข๙ ทะเวโช ลงเลข๒ ตรีนิ ลงเลข๓ ปัญจะ ลงเลข๕ สัตตะ ลงเลข๗ อัฎฐะ ลงเลข๘ เอโก ลงเลข๑ ฉะวัชชะราชา ลงเลข๖

สูตรการลง อักขระ (ตัวอักษร) วะ กาโร โหติ สัมภะโวฯ จงบังเกิดเป็น วะ มา กาโร โหติ สัมภะโวฯ จงบังเกิดเป็น มา ภา กาโร โหติ สัมภะโวฯ จงบังเกิดเป็น ภา คะ กาโร โหติ สัมภะโวฯ จงบังเกิดเป็น คะ โพ กาโร โหติ สัมภะโวฯ จงบังเกิดเป็น โพ สัพพะ กาโร โหติ สัมภะโวฯ จงบังเกิดเป็น สัพพะ อา กาโร โหติ สัมภะโวฯ จงบังเกิดเป็น อายัสสะ กาโร โหติ สัมภะโวฯ จงบังเกิดเป็น ยัสสะ

สัพพะ กาโร โหติ สัมภะโวฯ จงบังเกิดเป็น สัพพะ เส กาโร โหติ สัมภะโวฯ จงบังเกิดเป็น เส ภา กาโร โหติ สัมภะโวฯ จงบังเกิดเป็น ภา มะ กาโร โหติ สัมภะโวฯ จงบังเกิดเป็น มะ เน กาโร โหติ สัมภะโวฯ จงบังเกิดเป็น เน
การเรียกนามของยันต์ นามะนัง สะมาโส ยุตตะโถ ยุตตะถะ แห่งนามะทั้งหลาย อาจาริยะพึงหมายให้ชื่อ “ยันต์จะตุโรบังเกิดทรัพย์” กาโรโหติ สัมภะโวฯ
การสรุปยันต์ อะนุปปะธิฏฐานัง วุตตะโย คะโต อุธาหรณ์อันใดเป็นไปบ่อมิได้สำเร็จ อาจาริยะพึงสำเร็จให้แล้วด้วยสูตรนี้
เสกด้วยคาถานี้๑๐๘ จบ จัตตุโร นะวะโม ทะเวโช ตรีนิ ปัญจะ สัตตะ อัฏฐะ เอกะ ฉัฏฐี ธาเรนตุ สัพพะโสตถีภะวันตุเมฯ

บทความที่กล่าวมาข้างต้น เป็นเรื่องราวที่เป็นตำนานเล่าขานที่เล่าสืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่นและมีบันทึกไว้ นำมาเผยแพร่เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ทุกๆท่าน สาธุ สาธุ เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

 

การทำสมาธิภาวนา สิ่งสำคัญคือสติที่รู้อยู่ตอนนั้น อย่าให้สติเคลื่อนออกจากลมหายใจเข้าออก ตามรู้เข้าไปว่าผ่านจมูกแล้ว ผ่านอกแล้ว ไปสุดที่ท้องแล้ว และออกจากท้องมาแล้ว ผ่านหน้าอกแล้ว มาอยู่ที่จมูกแล้ว ต้องให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราอยู่ตรงนี้ อย่าไปคิดเรื่องอื่น คิดเรื่องอื่นเมื่อไรให้รีบดึงกลับมาตรงนี้ ไม่อย่างนั้นแล้วจะไม่ก้าวหน้า ถึงเวลาก็ฟุ้งซ่านอีก ใจหนึ่งคิด อีกใจหนึ่งก็ยังท่องพุทโธ ๆ อยู่ ก็เหมือนกับท่องอาขยาน

การนั่งทำสมาธิภาวนาจุดสำคัญคือ ความสงบของใจ เรื่องอื่นเป็นของแถม ของแถมชนิดที่ต้องการหรือไม่ต้องการเขาก็ต้องให้มา ซื้อรถเขาก็ต้องให้ล้อมาแน่ ๆ ไม่ต้องไปตั้งหน้าตั้งตาหาล้อรถ ขอให้ซื้อรถต้องได้ล้อรถมาด้วยแน่ ๆ ท่านถึงให้เราภาวนาอย่างเดียว ถึงเวลาจิตทรงสมาธิได้ก็จะรู้เห็นเอง การรู้เห็นไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป เพราะเราอาจจะไปยึดติดกับสิ่งที่รู้เห็น ทำให้การปฏิบัติของเราไม่ก้าวหน้า

การปฏิบัติที่แท้จริง คือการทำให้หมดสิ้นซึ่งกิเลส กิเลสจะหมดสิ้นได้เท่าไร เราจะละกิเลสได้เท่าไร อยู่ที่ความสามารถของเรา เรื่องอื่นเป็นเรื่องที่เขาแถมมาให้ สิ่งสำคัญของการทำสมาธิก็เพื่อความสุขในปัจจุบัน ทำให้จิตของเราไม่ฟุ้งซ่าน ถ้าอนาคตเราทรงความดีได้ เราก็ไปเกิดในที่ดี อย่างเช่นไปเกิดเป็นเทวดา เป็นพรหม หรือไปพระนิพพาน

เราอย่าไปขวนขวายเพื่อการอยากรู้อยากเห็น ตัวอยากจะกั้นเราจากความดี ให้เราภาวนาไปอย่างเดียว ถึงเวลาแล้วผลนั้นจะเกิดขึ้นเอง ให้กำหนดสติอยู่กับลมหายใจเข้าออก อยู่กับปัจจุบันแค่นี้ สิ่งที่เราคิดจะพาเราให้เราทุกข์ทั้งนั้น ไม่ว่าจะคิดไปในอดีตก็ดี คิดไปในอนาคตก็ดี ล้วนแล้วแต่พาให้เราฟุ้งซ่าน ให้เราหยุดอยู่กับปัจจุบัน อยู่กับลมหายใจเข้าออก อยู่กับการภาวนา หายใจเข้าพุท หายใจออกโธ..นับหนึ่ง หายใจเข้าพุท หายใจออกโธ..นับสอง นับไปเรื่อย ๆ ทำสักห้าสิบคู่ก็พอ

ถ้าเราทำได้โดยไม่ฟุ้งซ่านไปกับอารมณ์อื่น ก็ถือเป็นยอดมนุษย์แล้ว ถ้าหากคิดแวบไปเรื่องอื่น..ให้ตั้งต้นนับใหม่ทันที ทำแบบนี้ให้ได้ทุกวัน ถ้าเมื่อยขา ปวดหลัง ก็เปลี่ยนอิริยาบถได้ เปลี่ยนไปยืน ไปเดิน ไปนอนก็ได้ แต่อิริยาบถนอนต้องกำหนดสติให้มั่นคงเข้าไว้ มิฉะนั้นจะเผลอหลับ
...................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com

#พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม #แบ่งปันธรรมะ
#๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม

 

วิชาหลวงพ่อศุข มีหลายวิชาที่ไม่ได้สอนกรมหลวงชุมพร
หนึ่งในนั้นคือวิชากระสุนคต แต่เมื่อพิจารณาแล้ว วิชานี้อาจจะเป็นไปได้ว่า ท่านอาจจะได้ถ่ายทอดให้ลูกศิษย์สองท่านไปคือ คุณตากลับ แสงเขียว และ พระใบฏีกาบุญยัง
ทั้งสองบันทึกตรงกันอย่างนึงคือ เอาดินกองฟอน หรือดินป่าช้า มาทำกระสุน และ

เอาไม้ทิ่มผีมาทำคันกระสุน
ไม้ทิ่มผีทำคันสาย เปลือกสะเดาย้อมคันสาย เอาหัวกระดูกผีทำคทา เอาน้ำมันงาพรมแล้วโขลกปั้นลูกกระสุน ลงด้วย มะอะอุ

เวลาจับคัน ว่า มะ
เวลาจับลูกกระสุน ว่า อะ
เวลาปล่อยลูกกระสุน ว่า อุ

(ส่วนตัวเสกขอละไว้ไม่ได้เผยแพร่)

แต่ตัวเสกต่างกัน สำคัญคือ สมัยหลวงพ่อมหาโพธิ์เคยมีคนเอากระสุนที่ปั้นตามตำราเอาไปพกในรถโดยสาร ไม่มีคนเรียกเลยเนื่องจากว่าเห็นคนเต็มรถนั่นเอง
เรื่องที่น่าสนใจบันทึกไว้คือ มีการกล่าวถึงคาถา แต่ละบท ที่ใช้คู่กับกระสุนหลายบทที่ทำให้อานุภาพต่างกันด้วย

ถือเป็นหนึ่งในความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์กับการรบทัพจับศึก

ขอบันทึกไว้ไม่ให้สูญหายเรื่องกระสุนคตของหลวงพ่อมะขามเฒ่า

ปล.ภาพซ้าย หลวงพ่อบุญยัง วัดหนองน้อย

ภาพขวา คุณตากลับ แสงเขียว

ศิษย์หลวงพ่อศุขมือซ้ายมือขวา ครับ

 

ท่านอาจารย์ศุภกฤษณชัยวงค์(อ.ศุภรัตน์) แสงจันทร์ ให้พรในวันคล้ายวันเกิด 4 ธันวาคม 2562 เชิญรับพรร่วมกันครับ

 

มอบยันต์ นะปัดตะหลอด
ของ พระครูวิมลคุณากร หลวงพ่อศุข
ที่ถ่ายทอดให้ คุณตากลับ แสงเขียว
และพระใบฎีกาบุญยัง วัดหนองน้อย

หากใครนำไปใช้ขอให้อุทิศบุญกุศลถวายแด่ ท่านทั้งสามด้วยครับ


ขออนุญาต หมอฟอร์ด ผู้บันทึกครับ

 

คำคมวันนี้

 

เรื่องเล่าจากคุณธนูทอง ฝากมาครับ
...
เล่าประสบการณ์ให้ฟังผมคนหนึ่งที่เคารพศรัทธาหลวงพ่อกวย มากคาถาทุกบทจะต้องท่องจำให้ได้ ทุกบท มีบทหนึ่งที่ผมเคารพศรัทธามาก ก็คือบทคาถาห้ามฝน ห้ามลม นี่แหละผมเคยใช้ภาวนาตั้งนะโม3จบ แล้วว่า...คาถาดังนี้ #นะ #หันตะวา #เตสัง #อุปัททะเว ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อลมและฝนที่กำลังจะพัดมาฝั่งบ้านผมเกิดปฏิหาริย์เปลี่ยนทิศทางไปได้อย่างเหลือเชื่อ กราบสาธุ ครูบาอาจารย์เป็นอย่างสูง

 

มีของดีมาฝาก 12/12

คาถาชนะมาร
คาถาศักดิ์สิทธิ์ ล้ำค่า
สำหรับการสร้างความปลอดภัยในการใช้ชีวิต
แล้วป้องกันสิ่งชั่วร้ายที่จะเข้ามา...

 

#ธรรมะจาก #พระครูบาพ่อบุญชุ่ม #ญาณสํวโร
11/12/62 ข้อความว่า
ปีธรรม 2563 (ไตย) 2562 (ไทย) ถ้ำเมืองแกสมหามุนี ธรรมะเมตตา เจ้าพ่อศีลธรรม ครูบาบุญชุ่ม ฝากถึงลูกศิษย์ ศรัทธาสาธุชนทั้งหลาย เราได้มาอธิฐานเข้ากรรมภาวนา ที่ถ้ำเมืองแกส นี้มีใจปิติ ได้พักผ่อน กายใจ อายุเราก็แก่เฒ่ามา อีก 3-4 ปี อายุจะถึง 60 ปีแล้ว ได้ปฏิบัติศาสนกิจแก่พุทธศาสนิกชน ศรัทธาทั้งหลายก็มากแล้ว ต่อนี้เป็นการปฏิบัติธรรมส่วนตัว และการเผ่ยแพร่ธรรมเมตตาแก่ศรัทธาสาธุชนทั้งหลาย ได้รู้เข้าใจในธรรมะคำสอน เพื่อให้พ้นทุกข์ ในวัฏสงสาร ให้ถึงพระนิพาน เราอยู่ดีมีสุขอยู่ ภาวนาอยู่ทุกวัน ตัวก็เบา ใจก็เบา ไม่อยากได้อะไรอีก ไม่เรื่องเดือดร้อนใจอะไร มีสติอยู่กับธรรมะ มีสติอยู่ทุกเวลา ปฏิบัติสติปัฏฐาน4 ได้ปฏิบัติตามสายกลาง มรรค 8 มีนิมิตที่ดีหลายอย่าง ฝันเห็นพระพุทธเจ้ามาแสดงธรรมให้ฟัง เห็นเทวดามาฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าด้วย มีคืนหนึ่งฝันเห็นเทวดาองค์หนึ่งมาทดสอบเรา มีมือถือดาบ ข้างละ2เล่ม เหมือนจะฟันใส่เรา บอกว่ามารอเราแล้วก็หายไป มีอีกคืนฝันเห็นพระอรหันต์มาสอนธรรมะ ฟังแล้วรู้สึกดีใจมาก ได้เห็นนิมิตหลายอย่างแต่จำไม่ได้หมด เรื่องการภาวนาก็ดีขึ้นมาก เป็น ขนิกะนิพพาน ได้พิจารณา สัจจะธรรม4 เห็นถึง รูปธรรม นามธรรม เห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทั้งหลาย มีจิตน้อมถึงพระนิพพาน สังขารทั้งไม่มีอะไรเที่ยงแท้ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เสมือนดัง น้ำไหล่ ไม่มีกลับคือ เสมือนดังไฟที่มอดไหม้ทุกสิ่ง อนิจจังไม่เที่ยงแท้
เราทั้งหลายมีบุญกุศลอย่างยิ่ง ที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ให้เราปฏิบัติตามคำสอนพระพุทธเจ้า
ให้พากันเว้นจากการทำบาปทั้งปวง ที่จะทำให้เราทุกข์และเดือดร้อน ให้เลือกทำแต่สิ่งที่ดี ทุกวันคืน ให้ทำใจขาวใสบริสุทธิ์ทุกเมื่อ อย่าให้ความ โลภ โกรธ หลง มานะตัณหาทิฏฐิ อวิชา จะได้ถึงนิพพาน
ทุกวันคืนมีคุณค่าให้พากันสร้างแต่ความดี มี ทาน ศีล ภาวนา สมถะวิปัสสนาสติปัฏฐาน4 อย่าประมาทในชีวิต ให้ สติ ปัญญา อยู่ทุกเมื่อ
นิพพานอยู่ไม่ไกล ถ้าใจเรามีสติ
นิพพานอยู่ไม่ไกล ถ้าใจเรามีศรัทธา

ที่ถ้ำนี้มีสัพพะสัตว์มาจำศีลอยู่ด้วยมากมายมีหนู มาอยู่ด้วย งูก็มาอยู่ด้วย3ตัว มีวันหนึ่ง มีงูเห่าดำ ยาว 2 วา มาหาเราเห็นตั้ง2ครั้ง ที่หลังวัดบนดอยมีงูเหลืองเหมือนทองคำ ตัวยาว วา กว่า และยังมีเสือ นอนเฝ้าอยู่ 2 ตัว มีลิงแก่มาอยู่ด้วย2-3 ตัว นอนเฝ้าอยู่หน้าถ้ำ มาเป็นบางครั้ง และยังมี กวาง ฟาน มาอยู่ตัวสองตัว นอนเฝ้าอยู่ทางขึ้นถ้ำ ถ้าเรามีใจเมตตา สัตว์ทั้งหลายก็รักเราไม่ทำอันตรายต่อเรา มีกาดำ มาอยู่ด้วยอีก10ตัว ได้เลี่ยงข้าวทุกวันมาเรียกขอข้าวเหมือนคนเลย ขอเมตตาแก่พี่น้องเมืองแกส และพี่น้องละหู่มูเชิอ ขออย่ายิงสัตว์ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นตัวเล็กตัวให้สัตว์พวงนี้เหมือนลูกเรา มาอยู่พึงร่วมเงาธรรมะเมตตาของพระครูบา
ขอให้อยู่ดีมีสุข ทั้งผี สัตว์ คน ด้วยเทอญ
ขอเมตตาแค่นี้ก่อน
พระครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร

ขออนุญาติเจ้าของภาพ เพื่อเผ่ยแพร่คำสอน พระครูบาพ่อ

หมายเหตุ แปลผิดถูกยังไงต้องขออภัยด้วยเนืองจากแปลจากจดหมายพระครูบาพ่อ(ภาษาไทยใหญ่แบบเก่า) นะโมโพธิสัตโต ญาณสํวโร

 

ดวงชะตามีเคราะห์ไหม? ก่อนนับ1แชร์เป็นค่าครู
#ตำราโบราณ

1. ถ้าตกที่ “เจดีย์” ท่านว่า ปีนั้นจะอยู่ร่มเย็นเป็นสุข จะมีสุขกายสบายใจ จะได้ทำบุญกุศลในศาสนา ปรารถนาสิ่งใด ย่อมได้สมใจนึกแล

2. ถ้าตกที่ “ฉัตรเงิน” ท่านว่า ปีนั้นจะมีลาภผลเงินทอง ใช้พอสบายไม่เดือดร้อนกายในครอบครัว ไปทางทิศใด จะมีคนอุปถัมภ์ค้ำชูพอประมาณแล

3. ถ้าตกที่ “คอขาด” ท่านว่า ปีนั้น จะประสบความร้อนอกร้อนใจ จะมีคดีความถึงโรงถึงศาล ทำให้ต้องเสียเงินทองของรัก ไม่มีเวลาประกอบอาชีพ ทำมาหากินอย่างปกติสุข ไม่ดีเลย

4. ถ้าตกที่ “เรือนหลวง” ท่านว่า ปีนั้นจะมีดีมีความสุขกายสบายใจ จะมีที่พึ่งพิงในความอนุเคราะห์ในเรื่องความเป็นอยู่ เป็นข้าราชการจะได้เลื่อนยศถาบรรดาศักดิ์ดีแล

5. ถ้าตก “ปราสาท” ท่านว่าปีนั้นว่าจะมีความสุขอย่างยิ่ง จะประสบโชคลาภมากมายในชีวิต คิดสิ่งใดจะได้สมปรารถนา ดีนักแล

6. ถ้าตกที่ “ราหู” ท่านว่าปีนั้นจะเดือดร้อนใจอาจจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทเป็นคดีความ จะมีคนมาคอยยุแหย่ให้วุ่นวาย หรือ หาเรื่องราวให้เราต้องเดือนร้อน จะมีปวดหัวตัวร้อนเป็นประจำ ไม่ดีแล

7. ถ้าตกที่ “ฉัตรทอง” ท่านว่า ปีนั้นจะมีเกียรติยศปรากฏในฝูงชนทั่วไป ไปสารทิศใดๆจะมีคนคอยอุปถัมภ์ค้ำชู ไม่เดือนร้อนเลย ดีนักแล

8. ถ้าตอกที่ “เทวดาขี่เต่า” ท่านว่า ปีนั้นค่อนข้างดี จะมีคนคอยช่วยเหลือในหน้าที่การงาน แต่ระวังบริวารจะนำความเดือดร้อนมาให้ ดีปานกลางแล

9. ถ้าตกที่ “คนต้องขื่อคา” ท่านว่า ปีนั้นถึงคราวเคราะห์หามยามร้ายจะมีเรื่องวุ่นวายในบ้านและครอบครัวและตนเอง จะถูกจองจำหรือไม่มีความสุขกายสบายใจเลย

10. ถ้าตกที่ “พ่อหมอ” ท่านว่า ปีนั้นจะมีคนมาขอความช่วยเหลือรับอาสาเจ้านายจะได้ดี แต่จะมีความสุขไม่มากนัก จะทุกข์กายทุกข์ใจพอประมาณ ดีปานกลางแล

11. ถ้าตกที่ “แม่มด” ท่านว่า ปีนั้นจะมีคนนำลาภมาให้ แต่ต้องแลกเปลี่ยนกับความช่วยเหลือจากเจ้าชาตา มีความสบายใจพอประมาณแต่จะเหนื่อยใจ ดีปานกลางแล

12. ถ้าตกที่ “นาคราช” ท่านว่า ปีนั้นจะมีอำนาจวาสนา ชะตากำลังดี มีคนมาอ่อนน้อมยอมเป็นคนรับใช้ จะได้ลาภจากบริวารและผู้ใหญ่ แต่ให้ระวังคำพูดและอารมณ์ให้มาก ดีปานกลางแล

#เพจ:บุญมีฤทธิ์ (มีวัตถุมงคล ติดตัวไว้ไปไหนก็สบายใจ)
ยามฉุกเฉิน ปลอดภัยผ่านได้ ราบรื่น

#หลวงพี่เจิ้นวัดท่าไม้ #อจฟุ๊คมูเตรู
ขอบคุนบทความและภาพ อ.เบิร์ด
#กดติดตามเพจด้วยนะจ๊ะ จะทราบคำทำนายชะตาชีวิตทุกๆเดือนเลยจ๊ะ
ถ้านับนับแล้วตกไม่ดี ก็ให้ไปบังสกุล ทำสังฆทาน ปล่อยสัตว์ใส่บาตร ก็ดีแล้ว

 

ช่วงที่ผมจบปริญญาตรีมาก็เข้าธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ ที่สะพานควาย ทำงานระหว่างปี 2527 - 2533 ใจผมก็มีแต่หลวงพ่อฤๅษี และหลวงปู่ดู่ โดยเฉพาะ หลวงตาม้าขณะนั้น ท่านก็ทำงานในแผนกเดียวกัน สมองจึงไม่มีสายอื่นเลย แม้แต่สายหลวงปู่มั่น ก็เพียงแค่ได้ยินได้ฟังมาบ้างเท่านั้น
ขณะที่เพื่อนร่วมงานอีกกลุ่ม เขาก็ได้รู้จักและศรัทธา หลวงพ่อชาญณรงค์ ไปกราบ และได้วัตถุมงคลรุ่นที่นิยมมาก ปี 2529 มาด้วย
ผมเพิ่งศึกษาปฎิปทา หลวงพ่อชาญฯ ได้เมื่อประมาณ 5 ปี ที่ผ่านมา ก็จากเวป พลังจิตด้วย จึงได่เสาะแสวงหามาสะสมในช่วงที่กำลังขาขึ้นพอดี ได้น้องที่เคยทำงานธนาคารกสิกรฯ แบ่งปันมาให้พอสมควรครับ
(ลงไว้เพื่อการศึกษาพิมพ์และเนื้อครับ)

 

ปีหน้าหนักแน่

เตรียมพร้อม

อ่านสักนิด...เผื่อเป็นประโยชน์...ช่วงนี่มีหลายๆท่านถามมาเรื่องสุริยะคราส 26ธ.ค นี้ว่ามีผลอะไร แก้ไง พกพระหรือเครื่องรางอะไรดี....ต้องบอกก่อนทางโหรศาสตร์หลายสำนักท่านก็ออกมาพูกกันมากแล้ว...คงไม่ต้องแจงกันมากว่าตั้งแต่26ธ.คไปถึงปี63ซึ่งจะมีเรื่องคราสอีก6ครั้ง...ทางไสยและโหรา ก็ว่ามีผลรุนแรง ยิ่งเสาร์ กับราหู ต้องว่าแผลงฤทธิ์ยิ่งให้โทษทุกข์มากกว่าให้คุณ ขอไม่แจงมากหลายๆสำนักท่านว่ามาแล้ว .....มาคุยเรื่องการรับมือดีกว่า จริงๆก็เคยคุยกับปรมาจารย์องค์สำคัญคือหลวงพ่ออภิสิทธิ์ เรื่องอิทธิพลของคราสในปี63 ท่านว่า มีผลเสียมากกว่าดี แต่ก็มีทางรับมือ ก็เลยตามเลยจนท่านเข้าโรงพยาบาลก็ยังไม่ได้คุย เจาะลึกกับท่าน แต่เมื่อวานมีโอกาส สนทนาธรรมกับครูบาอาจารย์ สายวิชามรรคผลพิศดารของหลวงปู่วัดปากน้ำ เรื่องบ้านเมืองปีหน้า และเรื่องดาวบาปเคราะห์ เรื่องราหู(สุริยะคราส จันทคราส) และพระเสาร์ ว่าให้ผลเสียมาก จะเดือดร้อนทุกย่อมย่าน ในหลักการทางธรรมะปฏิบัติจะรับมือยังไง ..ในการสนทนาท่านเล่าถึงวิชาสำคัญในวิชาธรรมกายคือการดับดาวบาป เก็บเหตุวิบาก ซึ่งเรื่องดับดาวนี้สำคัญ ทำให้คิดถึงเรื่องหลวงพ่อวัดท่าซุง ซึ่งหลายๆคนที่อ่านประวัติหลวงพ่อวัดท่าซุง ตอนหลวงปู่ปานส่งท่านไปฝึกกับหลวงปู่วัดปากน้ำ หลวงพ่อไม่เชื่อหลวงปู่วัดปากน้ำเลย จนมีอยู่วันหลวงปู่เรียกเณรไปทำวิชาดับดาว จนหลวงพ่อวัดท่าซุงประจักษ์ จนเชื่อในภูมิรู้ภูมิธรรมหลวงปู่วัดปากน้ำ ทำให้หลวงพ่อพบพระนิพพาน เป็นเหตุให้ลาพุทธภูมิ พาลูกหลาน300,000ไปนิพาน ...ในการดับดาวครั้งนั้นไม่ใช่ทำเล่นๆ มันมีเหตุลึกๆอีกคือเหตุดาวดวงนั้นให้ผลส่งวิบากแก่โลกมนุษย์ทางวิบัติ ท่านถึงสั่งดับดาว ดับดาวสำเร็จ พวกเราจึงได้ปูชนียาจารย์สำคัญอีกองค์ผู้สั่งสอนวิชามโนมยิทธิ คือหลวงพ่อวัดท่าซุง จะเห็นได้ว่า ไม่มีคำว่าบังเอิญในพระพุทธศาสนา การดับดาวครั้งนั้นมีผลต่อโลกธาตุ ที่หลวงปู่รู้ว่าดาวดวงนั้นส่งวิบากบังการรู้การเห็นของคนมีบุญอย่างหลวงพ่อ เมื่อดาวทุกข์บาปนั้นดับ ผลก็ไม่เกิดการบังบุญกุศลที่จะรู้จะเห็น และเข้าถึง เพื่อเป็นประโยชน์แก่โลกแก่พุทธศาสนา ก็เป็นไปได้น่าคิดอยู่ไม่น้อย ....ในการสนทนากับพระอาจารย์ท่านว่าท่านเคยสอน เรื่องพวกนี้แต่กลัวนำไปใช้ผิดทาง เพราะมีผลมากเล่าไปมันจะเกินคำว่าน่าเชื่อ ขอยกไว้ถ้าอยากรู้ต้องปฏิบัติให้ถึงวิชาขั้นสูงสามารถทำวิชาได้ ก็จะพิสูจน์สิ่งเหล่านี้ได้....ในช่วงท้ายการสนทนาก็ถามท่านเรื่องวิธีแก้ ท่านว่าเราได้วิชาเราทำของตัวเราไปเก็บเหตุวิบากของเราไป ตั้งผังสำเร็จให้เราไป กายสิทธิ์(พระเครื่องต่างๆ)ที่เราทำวิชาก็ช่วยเป็นกำลัง เพราะถ้าทำวิชาไว้ดีๆสะอาดๆแล้ว ไม่เสื่อมถอยเค้าก็ช่วยเราตลอดยิ่งตอนเราเผลอ หนักก็เบา ....ก็ถ้าคนที่ไม่ได้ละ ท่านว่าเค้าก็ต้องใส่ใจตัวเค้าไม่เคยก็ต้องเคยแล้ว ต้องทำ ต้องมีศลี สมาธิ ปัญญาให้เกิดแล้ว ใครช่วยใครไม่ได้ เค้าต้องช่วยตัวเอง เหมือนคนกินข้าว ใครกินก็อิ่ม เราช่วยป้อน วันไหนไม่มีเราเค้าจะกินยังไง....น่าคิดเฮะ!....ดังนั้นปีหน้ายืนยันว่าหนักนะ เพราะอิทธิพลของดาวมีผล เล่าเรื่องดับดาวแล้วลองคิดดู ถ้าดาวไม่มีผล ดับแล้วจะเกิดไหม เกิดพระสุปฏิปันโนที่ทรงคุณูปการแค่ไหน พิจารณากัน....ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือท่านทั้งหลายควรจะใสใจตัวเอง เร่งความดีให้มาก รักษาหน้าที่ของตนให้สุจริต ปฏิบัติทาน ศีล ภาวนา ให้มากขึ้น เชื่อว่าการสร้างเหตุดี ไม่ต้องกลัวผล ผลมันดีแน่นอน

......***ส่วนวัตถุมงคลที่ควรติดตัว....หลายๆสำนักเค้าก็ทำไว้ดีๆมีเยอะนะ แต่ผมไม่ทราบเพราะทำของตัวเอง ก็รู้เฉพาะที่ตนทำ.....ขอยืนยันว่า มีพุทธคุณตามหลักการการทำความศักดิสิทธิ์ ทั้งสายท่าซุง สายหลวงปู่ดู่ สายวิชาธรรมกาย เป็นกายสิทธิ์พระเป็น มีจักรพรรดิรัตนะเจ็ดเรียบร้อยแล้ว และมีการทำย้อนไปในอดีต เดินต่อไปในอนาคต ...พระเครื่องหลายรุ่น ใช้ความรู้ทางแก้กัน ส่งเสริมดวง เช่นพระทศบารมีเนื้อยาวาสนาจินดามณี พระพิชัยสงคราม เหรียญองค์ปฐม พระพญาเหล็ก เป็นต้น ...ยิ่งมาทำวิชาสะสางธาตุธรรมะ ทำวิชาชั้นสูงแล้ว ยิ่งเพิ่มพลานุภาพนะ ผมมั่นใจ

**ปล.1.ผมไม่ได้บอกว่าผมเก่งนะ อย่างมายกย่อง แค่ผมโชคดีที่เจอแต่ครูบาอาจารย์ดีๆครูบาอาจารย์ท่านเมตตาทำ ไม่ใช่ผม
2.ภาพที่ลงแค่ลงประกอบ เพราะหาพระได้ไม่ครบทุกรุ่น จึงไม่ต้องถามนะว่านรุ่นนี้ได้ไหม...ขอยืนยันว่า ทุกสถานที่ๆไปเหยียบไปย่ำ ไปทำกรรมพิธี ทุกรูปลักษณ์ทั้งส่วนตัว และส่วนรวมตั้งแต่อดีตชาติถึงปัจจุบัน ที่รวมกับครูบาอาจารย์ และกองทุนหลวงปู่ปาน จะทำวิชาไปแบบนี้ตลอด
3.ไม่ยกย่องว่าพระของผมที่ทำจะดีกว่าคนอื่น อันนี้ใครเอาไปพูด ผมไม่รับผิดชอบนะ
4.สุดท้าย เรายังเวียนว่ายตายเกิด กลัวแต่ไม่ทำให้หายกลัวด้วยธรรมปฏิบัติ เมื่อไรจะยืนได้โดยไม่กลัว

บทความโดย
อ.ธนสาร เซ้งรักษา
๒๕ ธันวา ๖๒