พระขุนแผนพรายกุมาร เพชรกลับ หลวงปู่พระอุปัชฌาย์ บาล สุวีโร

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย โพธิสัตว์ ชาวพุทธ, 16 กรกฎาคม 2019.

  1. โพธิสัตว์ ชาวพุทธ

    โพธิสัตว์ ชาวพุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    5,319
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,274
    ค่าพลัง:
    +9,590
    0b981e0b89ce0b899e0b89ee0b8a3e0b8b2e0b8a2e0b881e0b8b8e0b8a1e0b8b2e0b8a3-e0b980e0b89ee0b88ae0b8a3.jpg
    พระขุนแผนพรายกุมาร เพชรกลับ หลวงปู่พระอุปัชฌาย์ บาล สุวีโร

    คอลัมน์ เปิดตลับพระใหม่



    พระขุนแผนพรายกุมาร เพชรกลับ – หลวงปู่พระอุปัชฌาย์ บาล สุวีโร เกจิดังแห่งพนมรุ้ง สมทบทุนสร้างถาวรวัตถุ วัดบ้านโจค พระขุนแผนพรายกุมาร เพชรกลับ มีเอกลักษณ์และลักษณะเฉพาะตัว พิมพ์ทรงเป็นพระปางมารวิชัยกลับด้าน

    หรือที่นิยมเรียกกันว่า ปางสะดุ้งกลับ หรือที่เรียกกันว่า พิมพ์เพชรกลับ เป็นเคล็ดว่า ใครมีพระพิมพ์นี้มีอานุภาพกลับเรื่องร้ายกลายเป็นเรื่องดี ถ้าดีอยู่แล้ว จะกลับหนุนให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปอีก พลิกชีวิต เปลี่ยนชะตาจากหน้ามือเป็นหลังมือ ดีวันดีคืน

    พุทธลักษณะ องค์พระสง่างามสมบูรณ์ แสดงถึง ความอุดมสมบูรณ์ ทั้ง โภคทรัพย์วาสนา และบารมี ปราศจากความทุกความอับจนตกต่ำทั้งหลายทั้งปวง ตลอดถึงพระพักตร์(ใบหน้า) ดูสงบ อวบอิ่มแสดงลักษณะ ถึงสภาวะมีความสุข ปราศจาก ความทุกข์ใจ หรือโรคภัยไข้เจ็บ และภยันตรายทั้งหลายทั้งปวง และพระเกศ เรียวงดงาม ดุจรัศมี คมชัดดูสวยงาม เป็นเสน่ห์เมตตามหานิยม ใครเห็นก็รักใคร่เอ็นดู อุปถัมภ์ค้ำชู ที่สำคัญประทับนั่งบนฐานบัว เสริมดวงเสริมมงคล และมีพลังอำนาจข่มศัตรู

    ตำนานการสร้าง “พระขุนแผนพรายกุมาร เพชรกลับ” นับว่าเป็นสุดยอดเคล็ดวิชา สำหรับสะท้อนสิ่งเลวร้าย สิ่งอัปมงคลและคุณไสยต่างๆออกจากตัว หากผู้ใดคิดร้ายจะสะท้อนกลับและแพ้ภัยไปเอง พระขุนแผนพรายกุมารเพชรกลับนี้ เป็นของดีที่สุด ในการนี้ทางวัดบ้านโจด ได้รับความเมตตาจากท่านเจ้าคุณ พระภาวนาธรรมาภิรักษ์ วิ. หลวงพ่อรักษ์ อนาลโย วัดสุทธาวาส วิปัสสนา พระเกจิดังผู้สร้างพุทธมณฑลจังหวัดอยุธยา มอบมวลสารชั้นครู
    ผงวิเศษชั้นอก ผงอาถรรพ์ตำหรับโบราณผงพรายกุมารหลวงปู่ทิม ที่สืบเชื้อมาตรงจาก หลวงปู่ทิม ถึง หลวงพ่อสาคร ตกทอดถึง หลวงพ่อรักษ์

    อีกทั้งยังมีผงพรายกุมารหลวงพ่อโสธร ผงพรายกุมารหลวงพ่อรักษ์ ผงพรายมหาภูติล้านนา ผงดิน 7 ป่าช้าผงมหาเสน่ห์ผงนะหน้าทอง ผงช้างประสมโขลง ผงสาลิกาจับปากโลง ผงว่านดอกทอง ผงว่านสเน่ห์จันทร์แดง และยอดรักซ้อน ผงว่าน 108 เกจิ ผงธูปหลวงพ่อกวย ผงพลอยเมืองจันทร์ ผงไม้ตะเคียน และอีกมากมายหลายชนิดมาจัดสร้างพระขุนแผนรุ่นนี้

    โดยพระครูวีรสุธรรมาภรณ์ “พระอุปัชฌาย์ บาล สุวีโร” เจ้าคณะอำเภอคูเมือง เจ้าอาวาสวัดบ้านโจด จ.บุรีรัมย์ พระมหาเถราจารย์เอกสายเมตตาบารมี สืบสายวิชาตำรับ เขมรโบราณพันปี พระมหาเถระผู้มากด้วยคุณธรรม เป็นที่พึ่งของคณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนอีกทั้งยังเป็นศูนย์รวมเวทวิทยาอาคมชั้นสูง ฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิชาที่เป็นฉบับแท้ดั้งเดิมของเขมรโบราณ คือ หลวงปู่เพ็ง ธัมมทินโน วัดบ้านปะเคียบ หลวงปู่เลื่อน วัดสุดเขต อ.เมือง จ.สุรินทร์ เป็นต้น

    สองปรมาจารย์ผู้มีพลังจิตอันลึกล้ำ ทั้งยังมีอิทธิฤทธิ์-ปาฏิหาริย์มากมายเป็นที่เลื่องลือกันมากสืบสายวิชาตำรับเขมรมาโดยตรง หลวงปู่อุปัชฌาย์ บาล ได้มองเห็นกาลไกลไปข้างหน้าว่า พระเวทวิทยาคม ที่ท่านกำลังศึกษาอยู่นี้จะเป็นประโยชน์มากแก่การทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ทั้งยังได้ช่วยเหลือสงเคราะห์ญาติโยมและผู้เดือดร้อนต่างๆ ในอนาคตภายหน้าแน่นอน

    [​IMG] [​IMG]

    ท่านจึงมุมานะพยายามขยันศึกษาเล่าเรียนวิชาอาคมจนสุดความสามารถ ตลอดจนศึกษาการเจริญวิปัสสนากรรมฐานนั่งสมาธิควบคู่ไปด้วย เพื่อเพิ่มพูนพลังจิตให้แก่กล้าขึ้น จนปัจจุบันได้จัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นมาโดยลำดับ เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจสาธุชน หลวงปู่อุปัชฌาย์ บาล สุวีโร พระเกจิเมืองบุรีรัมย์ อยู่จำพรรษาปฏิบัติศาสนกิจอยู่ที่วัดบ้านโจด ต.ปะเคียบ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ วัดบ้านเกิดมาโดยตลอด

    สำหรับปัจจัยที่ได้จากการบริจาค นำมาพัฒนาสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้วัด โดยก่อสร้างถาวรวัตถุ อาทิ ศาลาการเปรียญ กำแพงแก้ว ประตูโขง หอระฆัง พระอุโบสถ เป็นต้น นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญทางด้านการศึกษาสงฆ์ บริจาคปัจจัยส่วนตัวให้การสนับสนุนการศึกษา พระภิกษุ-สามเณร รูปใดมีความตั้งใจเรียนและเรียนดี ท่านจะจัดหาทุนมอบให้ทุกปี

    ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2532 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรีที่พระครูวีรสุธรรมาภรณ์ พ.ศ.2538 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักด์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท และพ.ศ.2550 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอกในราชทินนามเดิม

    ส่วนตำแหน่งทางปกครอง พ.ศ.2518 เป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านโจด พ.ศ.2542 เป็นเจ้าคณะตำบลปะเคียบ พ.ศ.2529 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2553 เป็นรองเจ้าคณะอำเภอคูเมือง และพ.ศ.2559 ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอคูเมือง จวบจนปัจจุบัน

    ถึงแม้จะมีอายุย่างแปดสิบปีอยู่ในช่วงปัจฉิมวัย แต่สภาพร่างกายยังคงแข็งแรง เนื่องจากไม่ยอมอยู่นิ่งหากว่างศาสนกิจ จะพาภิกษุ-สามเณร พัฒนาบริเวณวัดให้มีความสะอาดสวยงามสร้างความเจริญหูเจริญตาแก่บรรดาญาติโยมที่มาทำบุญที่วัด

    ดังนั้น หลวงปู่จึงยังรับกิจนิมนต์เป็นปกติ ส่วนหลักธรรมคำสอนที่พร่ำสอนญาติโยมมาโดยตลอด เพื่อใช้เป็นแนวทางการดำเนินชีวิต คือ การดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาทมีความกตัญญูกตเวทีต่อบุพการี ไม่เบียดเบียนสรรพสัตว์ร่วมโลกและให้ยึดศีล 5 ไว้เป็นหลักในการดำเนินชีวิต เพียงเท่านี้จะทำให้ชีวิตพานพบแต่ความสุขความเจริญ

    ขอขอบคุณที่มา
    https://www.khaosod.co.th/amulets/news_2714329
     

แชร์หน้านี้

Loading...