ร่วมทำบุญบูชา สำเร็จร่างพระธรรมพระเจ้าซ้อนเงา(ภาคหล่อเลี้ยงพ่อจักรพรรดิเงา) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,113
    ค่าพลัง:
    +16,533
    อรุณสวัสดิ์ครับ มีหลายคนทักมาว่าพ่ออาจารย์ท่านจะออกขุนแผนอะไร อันนี้เรียนไว้ล่วงหน้าว่าไม่ใช่ขุนแผน แต่เป็นพระผงที่ใช้ทางเสน่ห์โดยตรงซึ่งท่านว่าอันนี้ครูท่านสั่งว่าให้ทำในลักษณะเช่นนี้ พิมพ์ทรงจะออกแนวโบราณๆประเภทเห็นองค์พระก็นึกถึงภาพวาดยุคก่อนประวัติศาสตร์ตามผนังถ้ำแบบนั้นทีเดียว ใครชอบงานที่สวยๆแบบโบราณๆ และใครที่ชอบผง เสพผง เป็นสายผงวิเศษ เรียกว่าชอบผงวิเศษที่ทำยาก รายการนี้ไม่ควรพลาดแน่นอน นอกจากเป็นสายตันตระของเทพโบราณแล้ว พระผงนี้ยังนำไปใช้ทางอื่นๆได้อีกด้วยไม่เน้นเรื่องทางกามคุณเท่านั้น
     
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,113
    ค่าพลัง:
    +16,533
    พรุ่งนี้ใครที่รอสายเสน่ห์ตันตระโบราณ หรือสายของมหาเทพบรรพกาลห้ามพลาดกันนะ ผงตัวนี้ท่านว่าทำยากมาก
     
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,113
    ค่าพลัง:
    +16,533
    ร่วมทำบุญบูชา ผงมงคลยารักตันตระอภิรมย์ศิวะตาณฑวะ(กาลึงคะกามสูตร)

    หากกล่าวถึงครูพระสยมแล้วหลายๆคนย่อมทราบคร่าวๆว่าเป็นครูใหญ่ฝ่ายเทวะที่พ่ออาจารย์ท่านตั้งใจเผยแผ่เกียรติคุณของท่านมายาวนาน แต่น้อยคนนักที่รู้อะไรลึกๆ...พ่ออาจารย์ท่านว่าพระศิวะนั้นคือกลไกยิ่งใหญ่อันลี้ลับซึ่งพระองค์จะเป็นผู้ผลักเคลื่อนมวลพลังธรรมชาติ โดยพลังเหล่านี้แม้มนุษย์จะเข้าใจว่ามีอยู่หรือรู้ว่ามีก็ไม่สามารถเข้าถึงหรือเชื่อมต่อกระแสนั้นเพื่อนำพลังงานไปใช้ได้ ท่านว่าหากอยากเข้าไปสัมผัสพลังงานเหล่านั้นจำต้องฝึกตนด้วยโยคะ ดังนี้ครูพระสยมท่านจึงให้สร้างพระสำคัญเพื่อเชื่อมต่อมหากระแสให้ผู้ศรัทธาในรูป ในนามของท่านได้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางสิ่ง ในพลังที่เป็นวงจรเหล่านี้พ่ออาจารย์ท่านว่ามันมีความลึกซึ้งอยู่มากเพราะทั้งจังหวะและอุบัติการณ์ต่างๆในลีลาของธรรมชาติล้วนเกิดขึ้นเมื่อครูพระสยมท่านผลักเคลื่อนมวลพลังทั้งหลาย

    ซึ่งครูพระสยมท่านต้องการให้พ่ออาจารย์ทำพระผงตาณฑวะและต้องเป็นพิมพ์นี้เท่านั้น เป็นที่ทราบกันดีว่าเมื่อพระศิวะทรงเต้นตาณฑวะ การเต้นนั้นก็ถือเป็นการเคลื่อนวงจรพลังงานชีวิตให้ปรับเปลี่ยน เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงสิ้นสุด เมื่อพระองค์ทรงเต้นอย่างร้อนแรงและรวดเร็วขึ้นจังหวะและวงจรที่จะเกิดอุบัติการณ์ต่างๆในลีลาของธรรม ของกรรม ของชีวิตก็จะหมุนไปอย่างรวดเร็วนั่นคือกาลเวลาตั้งแต่เกิดจนดับ จะได้หรือมี จะอยู่หรือตาย จะรักษาหรือจะทำลายนั้นย่อมถูกควบคุมด้วยกระแสพลังธรรมผ่านการผลักดันขับเคลื่อนของตาณฑวะทั้งสิ้น พ่ออาจารย์ท่านว่าครูพระสยมท่านตั้งใจให้เราทำพระผงตาณฑวะนี้ก็เพื่อให้เหล่าผู้มีศรัทธาในตัวท่านได้อาราธนาพระผงคุณวิชาติดตัว จะได้ซึมซับและผลักดันกระแสพลังงานต่างๆให้คงที่ไม่มากไปจนร่างกายผิดปกติ ไม่น้อยไปจนเกิดโรคภัยและความยากลำบาก ที่ต้องเพียรพยายามมากหน่อยก็ลดลงมา ที่ไม่ได้ก็ต้องได้ ที่ไม่มีก็ต้องมีต้องเกิด เรียกว่าปรับจังหวะหลายอย่างในชีวิตให้ลงตัวหรือให้มีความพอดีนั่นเอง ท่านว่าชีวิตของใครที่คิดว่าขาดความพอดี,ขาดสมดุลย์,ยังไม่ลงตัวเหล่านี้ต่อไปเขาจะต้องเข้าถึงองค์พระศิวะเพื่อจะใช้กำลังแห่งตาณฑวะเปลี่ยนแปลงตัวเขา ด้วยการเต้นรำของพระศิวะก่อให้เกิดปฏิกิริยาของการสร้างโลกและมนุษย์เป็นพลังการสร้างสรรค์ที่แตกต่างจากการสร้างของพรหม เพราะจังหวะของตาณฑวะนั้นดำเนินไปอย่างร้อนแรงและรวดเร็วมาก ดังนั้นคนที่ใจร้อนหรือมีปรารถนาสิ่งใดที่แข่งกับเวลา หรือมีเป้าหมายที่ต้องการความสำเร็จและเห็นผลในระยะอันใกล้เช่นนี้จึงจำเป็นต้องใช้พลังแห่งตาณฑวะนี้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นการสร้างสรรค์,ผลักเคลื่อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วที่สุด
    ความหมายแห่งตาณฑวะ
    ศิวนาฏราชจะปรากฏในท่าย่างสามขุมหรือเรียกว่าตรีวิกรมโดยมีสัญลักษณ์ที่พระกรขวาถือกลองคือการสร้างโลก พระกรซ้ายมีเปลวเพลิงล้อมเป็นกรอบคือการสิ้นสุดที่ไฟจะเผาผลาญโลก เสียงกลองเป็นสัญลักษณ์แทนธาตุแรกที่ถือกำเนิดขึ้นในจักรวาล นั่นคือกลองเป็นสัญลักษณ์แห่งการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ทั้งมวลในขณะที่อัคนีเป็นสัญลักษณ์ของการทำลายล้าง ทั้งนี้การทำลายล้างนั้นพ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นการทำลายเพื่อให้เกิดใหม่ ให้มีชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม ทั้งยังล้างความชั่ว ล้างอวิชชาทั้งหลายให้หมดไป เพื่อเปิดเส้นทางการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆขึ้นมาใหม่และสร้างสิ่งที่เป็นมงคลเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ เมื่อแขนทั้งสองซึ่งแทนการสร้างสรรค์และการทำลายล้างนี้กางออกไปในระดับเสมอกันย่อมบ่งบอกถึงสัจธรรม"มีเกิด ก็ย่อมมีดับ" นั่นเอง ในขณะที่อะไรที่ดับไปแล้วก็ย่อมเกิดขึ้นมาใหม่ได้ ส่วนมือด้านหน้าขององค์ท่านนั้นอยู่ในปางอภัยด้วยท่านตั้งใจจะบอกทุกคนว่า"จงอย่าได้กลัวสิ่งใดๆเลย"เพราะไม่มีภัยใดๆจะมากล้ำกรายต่อเราได้ด้วยครูพระสยมท่านจะเป็นผู้ปกป้องเราเสมอ ทั้งมืออีกข้างที่มีลักษณะดั่งงวงช้างนั้นปลายนิ้วย่อมชี้ลงไปที่พระบาท อันพระบาทที่ยกขึ้นมาจากพื้นย่อมบ่งบอกถึงการหลุดพ้นจากวัฏสงสาร ส่วนพระบาทที่ยืนเหยียบอย่างมั่นคงนั้นแทนการเหยียบสะกดข่มอวิชชาไม่ให้โผล่ขึ้นมาบดบังความจริง,ความรู้แจ้ง ในขณะที่เกศาของท่านแผ่ขยายไปทั้งซ้ายและขวาดุจว่าไม่ยึดติดและละทิ้งชีวิตทางโลก

    พ่ออาจารย์ท่านว่าครูพระสยมนั้นท่านกำชับเสมอว่าพิมพ์ทรงตาณฑวะนี้ต้องกลับข้างกันท่านกำหนดให้ไขว้ขาในท่ากลับข้าง ท่านว่าวงจรทุกอย่างจะได้กลับทั้งหมด เป็นวิชาเพชรกลับจะเปลี่ยนจากร้ายให้กลายดี ซึ่งวิชานี้เมื่อจุติในเทวศาสตร์แห่งครูพระสยมย่อมได้ชื่อว่ามีอาถรรพ์สูงที่สุดแม้ผู้ที่จะกระทำการปลุกเสกต้องเป็นผู้ที่มีพลังจิตสูงอีกทั้งต้องชำนาญในการเข้าออกสมาธิ ต้องบริกรรมพระคาถาปลุกเสกจำเพาะทั้งเดินหน้าและถอยหลัง พ่ออาจารย์ท่านว่าขณะที่บริกรรมปลุกเสกนั้นหากวางอารมณ์ผิดแม้แต่นิดเดียวตรงนี้อาจถึงขั้นเสียสติวิปลาสหรือไม่ก็มีอันเป็นไปประสบวิบัติต่างๆ เพราะนี่เป็นวิชาเพชรกลับของครูพระสยมที่มีอาถรรพ์มาก และทำเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตคน ดังนั้นนอกจากพ่ออาจารย์ท่านจะทำวิชาปลุกเสกแล้วยังเชิญครูพระสยมท่านมาทำให้ด้วยอีกแรงหนึ่ง ท่านว่าต่อให้เราทำได้ดีซักร้อยครั้งก็ไม่สู้ครูท่านทำให้เสียครั้งเดียว

    นอกจากนั้นเหตุหนึ่งแห่งการเกิดตาณฑวะยังปรากฏขึ้นด้วยปรากฏการณ์ของความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ด้วยความเสน่หาและระลึกถึงอย่างยิ่ยวดที่องค์มหาเทพมีต่อพระชายา เมื่อพระแม่สตีสิ้นไปกับไฟพระองค์ทรงแบกพระศพพระแม่สตีที่ยังถูกเผาไม่หมดไปทั่วทั้งจักรวาล และทรงเต้นตาณฑวะจนจักรวาลกำลังจะเข้าสู่การทำลายล้างเป็นมหาวิจุณ พ่ออาจารย์ท่านว่าด้วยเหตุนี้เองครูพระสยมจำให้สร้างพระผงตาณฑวะขึ้นอีกครั้ง เพราะพระผงนี้แสดงอออกถึงกำลังอันจะเปลี่ยนแปลงกฏแห่งธรรมทั้งหมด โดยมีพลังพื้นฐานที่ใช้ขับเคลื่อนมาจากความรัก,ความเสน่หาและความคิดถึงอย่างยิ่ง ทั้งในกระบวนการวิชาทางมายาศาสตร์ทั้งหลายที่พ่ออาจารย์ท่านถนัดที่สุดก็คือวิชาในฝ่ายของเทววิทยา พ่ออาจารย์ท่านเล่าว่าวิชานี้แต่เดิมท่านไม่เคยลงหรือทำให้ใครเต็มวิชาเช่นนี้มาก่อน ด้วยว่าวิชานี้หาผู้รู้และสืบทอดยากนักท่านเลยประสงค์จะทำไว้เสียซักครั้งหนึ่ง สืบเนื่องจากวิชานี้พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าเป็นวิชาด้านมหาเสน่ห์ที่รุนแรงสูงสุดในสายของพระศิวะเทพ ซึ่งแน่นอนว่าพระองค์นั้นเปรียบประดุจดั่งมหาเทพที่มีบทบาทสำคัญสูงสุดของนิกายตันตระทางเรื่องกามารมณ์เลยก็ไม่ผิด เช่นนั้นนี่จึงเป็นที่สุดของที่สุดซ้ำยังเป็นวิชาที่ถูกถ่ายทอดผ่านมาทางอารยธรรมเขมรโบราณยาวนานนับพันปี เป็นศาสตร์อันสงวนไว้ รักษาไว้ สืบทอดไว้ ให้มีใช้กันเฉพาะกลุ่ม เรียกว่าคนนอกไม่มีสิทธิ์ได้รู้หรือได้ครอบครองแม้เศษเสี้ยวของวิชาลับนี้เลย ทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นวิชามหาเสน่ห์ที่รุนแรงสูงสุดของพระผู้เป็นเจ้าที่ได้ประทานให้ไว้แก่ศิษย์ผู้ศรัทธา เป็นวิชาทำผงมงคลที่เรียกว่า"ยารักตันตระอภิรมย์"

    พ่ออาจารย์ท่านว่าการทำผงยา หรือการลบผงในสมัยโบราณนั้นถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก ผงที่ลบได้นั้นถือว่ามีความศักสิทธิ์ ทั้งผงที่ลบเกิดจากการลบนะวิเศษต่างๆที่ต้องเขียนตามกลบทพร้อมกับเรียกสูตรเรียกนามให้บังเกิดให้ผงมีชีวิต,มีจิตวิญญาณพร้อมทั้งเสกเพิ่มฤทธิ์และอิทธิคุณเสร็จแล้วจึงนำผงเหล่านั้นมาสร้างเครื่องมงคล เช่นนี้แม้ตัวท่านหรือคณาจารย์ในสมัยก่อนจึงมีนิสัยเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งนั่นคือหวงแหนผงที่ลบมาก ใครมาขอผงนี่ต้องรู้ต้องถามก่อนว่าจะเอาผงที่ลบไปใช้ทำอะไร ในสมัยก่อนคนที่เล่นทางไสยเวทย์นั้นจะรู้กันดีว่าผงสามารถนำไปผสมสิ่งต่างๆให้คนทั้งหลายกินให้เขาตามมารักเรา หรือจะเอาไปผสมแป้งผัดหน้าตา ผสมสีผึ้งสีปากตนเช่นนี้เพื่อให้เกิดเป็นเสน่ห์ลุ่มหลง แม้จะผสมน้ำประพรมของเป็นมงคลให้ค้าขายดีก็ยังทำได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่รู้พ่ออาจารย์ท่านว่าก่อนจะเป็นองค์พระ เธอรู้มั๊ยว่าผงนี้ต้องเสกจนมีชีวิต เรียกว่าแม้กาลเวลาจะกัดกร่อนพระนี้เหลือเพียงฝุ่นผงก็ยังต้องคงความศักดิ์สิทธิ์ไว้ได้อยู่ จะเปรียบผงวิเศษเสมือนพระหรือตระกรุดก็ได้นั่นคือมันดี มันสำเร็จ มันมีคุณในตัวของมันเอง เช่นนั้นโบราณจารย์ท่านจึงห้ามคนที่บูชาพระหลายๆอย่างเช่นห้ามขูดผงที่องค์พระให้คนอื่นกินเป็นอันขาด สำหรับ"ผงยารักตันตระอภิรมย์นี้ก้เช่นกัน" คนที่บูชาไปท่านว่าให้อธิษฐานใช้ได้เลยตามความประสงค์สารพัดของตน ท่านว่าผงที่ได้มาจากการเขียนไปเสกไปลบไปเช่นนี้ทำได้น้อยและกว่าจะได้ประมาณนึงก็ใช้เวลานานอย่างมากจึงไม่นิยมมอบให้ผู้ใดเพราะพระผงเหล่านี้จะมีอานุภาพมากและใช้เวลาเสกนานใครได้ไปก็ควรที่จะหวงแหน

    ผงยารักตันตระอภิรมย์
    เป็นวิชาทำยาทางสายเทพเจ้าดึกดำบรรพ์ ต้นวิชาคือครูพระสยม มีอานุภาพไปทางเสน่ห์หา กามารมณ์กับเพศตรงข้าม จึงมีคำกล่าวว่า
    ให้มียารักนี้ติดตัวก็อย่าคิดออกบวชหรือเป็นบรรพชิตเลยคำกล่าวนี้การันตรีความแรงได้อย่างดีที่สุดในวิชาเสน่ห์แห่งพระศิวะเป็นเจ้า วิชาทำยานั้นสืบทอดต่อกันมาในศิษย์ของสายวิชาอิสีศาสตร์ เป็นยาที่ถูกถูกปิดบังกล่าวกันแค่ในหมู่ลูกศิษย์ที่เรียนวิชาเท่านั้นถือเป็นศาสตร์ลึกลับที่สืบทอดส่งต่อวิชาอย่างบริสุทธิ์ พ่ออาจารย์ท่านว่าจำต้องส่งต่อกันผ่านครูเบื้องบนเท่านั้นเป็นวิชาที่ตรงตัวและตรงประเด็นในเรื่องความสุขสมอภิรมย์ในทุกสิ่งที่เกิดจากกามตัณหา,ทั้งตาหูจมูกลิ้นกายใจ,รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะทั้งหลาย ด้วยมนุษย์เกิดมาเมื่อถึงเวลาสูญสิ้นก็หนีไม่พ้น เช่นนั้นยารักจึงเป็นสัจธรรมอย่างหนึ่งที่สืบทอดแต่โบราณ จะเห็นว่าเมื่อมีความต้องการคนย่อมแสวงหาหนทางให้ได้ครอบครองถึงขนาดฆ่ากันรบกันถึงชีวิตก็มี พ่ออาจารย์ท่านว่ายานี้ตั้งใจฝังให้เพื่อให้เสริมแต่งพลังงานร่างกายให้มีกำลังวังชาจะไม่ไปเพิ่มความปรารถนาจนจิตฟุ้งซ่านหรือเกิดมารในตัวเอง คนที่จะใช้ไปทางหาคู่เพื่อดำรงค์เผ่าพันธุ์ให้ได้คู่ครองที่ดีมีชาติตระกูลเช่นนั้นก็ได้ แต่ถ้าคนเจ้าชู้ใช้ท่านว่าทำอะไรก็รับกันไปเองหากจิตเราหนักไปทางตัณหาราคะ ต้องการอย่างไรมันก็จะเข้ามาอย่างนั้น ดังนั้นยารักตันตระนี้จึงเป็นวิชาที่ช่วยให้มนุษย์ประสบผลสำเร็จในการหาคู่อภิรมย์ หรือหากผู้ใดมีจิตใจมุ่งมั่นกล้าแข็งไม่ได้นำไปเพื่ออธิษฐานเรื่องคู่ครอง ก็จะสำเร็จในกามคุณทั้งหลาย ทั้งหน้าที่การงาน ความสุขจากทรัพย์สมบัติและวาสนาบรรดามี ได้อภิรมย์ในสิ่งที่ตัวเองนิยมชมชอบ "นิยมสิ่งไหนชอบอะไรก็ได้อย่างนั้น" พ่ออาจารย์ท่านว่าอันนี้ต้องถามตัวเองก่อนว่าจิตใจเราอยากได้อะไร เพราะเป็นยาที่เกี่ยวกับครูพระสยมและองค์พระแม่อุมาถือเป็นยาปฐมกำเนิดต้นแห่งกามสูตร เป็นปฐมแห่งการเกิดชีวิตและดำเนินวงจรชีวิตอย่างลึกซึ้ง *** พ่ออาจารย์ท่านนำยารักสำคัญนี้ใส่ขวดบรรจุให้ในองค์ตาณฑวะโดยเฉพาะ

    ในส่วนของมวลสารองค์ครูพระสยมนั้นพ่ออาจารย์ท่านได้รวบรวมผงเกสรมงคลทั้งเก้า,ผงดอกรักซ้อน,ผงว่านดอกทอง,ผงเสน่ห์จันทร์มหาโพธิ์ เสน่ห์จันทร์ขาว เสน่ห์จันทร์แดง เสน่ห์จันทร์เขียว เสน่ห์จันทร์หอม,ผงเสน่ห์จันทร์ทอง,ผงหิ่งหายผี,ผงไม้กาหลงรากรักซ้อน,ผงไม้กาหลงรากมะยม,ไม้ยอตายพราย,ผงยาสัก,ผงหลวงพ่อแก้ววัดเครือวัลย์,ผงรังต่อหัวเสือ,ผงรังแตน,ผงรังผึ้งขวางตะวัน,ผงไม้คูณตายพราย,ผงพรายตานี,ผงพรายตะเคียน,ผงกาฝากรัก,ผงกาฝากมะยม,ผงกาฝากขนุน,ดินเจ็ดนครเก้าบุรี,ดินขุยปู,ดินจอมปลวก,ข้าวก้นบาตรหินพระฤาษี,ชานหมากหินพระฤๅษี, เพชรหน้าทั้ง,ผงเสน่ห์ยาแฝดสายเขมร,น้ำมันตบะเสือ,น้ำมันกำลังหมี,น้ำมันหมื่นคาถา,น้ำมันแกแล,น้ำมันร้อยชู้,น้ำมันหนูกินนมแมว,น้ำมันนาคกระสัน,น้ำมันเสน่ห์นางอกแตก...ท่านนำมวลสารทั้งหมดมาหมักและผสมคลุกเคล้าปั้นเป็นแท่งผงก่อนจะลงยันต์ทำผงวิเศษต่างๆ ได้แก่ ผงดันดะสมาสธิคุณ,ผงขุนแผนชมตลาด,ผงคาถาเณรแก้ว,ผงคาถาพรายแก้ว ,ผงยันต์นะเสน่ห์ร้อยแปด,ผงกำเนิดราคะ,ผงศิวลึงค์แผลงฤทธิ์,ผงอุค้ำฟ้า,ผงวิชากามเทพแผลงศร,ผงวิชานางอัปสรสวรรค์,ผงนาคเกี้ยว,ผงนาคีเสน่หา...ท่านว่าพอเสกผงครบแล้วก็นำผงทุกชนิดมาครอบด้วยวิชากาลึงคะกามสูตร พ่ออาจารย์ท่านว่าผงชุดนี้ไม่มีพรายผสม หากแต่เกิดจากการลบผงในกระดานชนวน ทั้งเสก ทั้งเรียกให้กำเนิด เสกเรียกฤทธิ์ให้เกิดเป้นกายสิทธิ์ ท่านว่าเขียน,เสก,ลบทำสลับกันซ้ำๆอยู่เช่นนี้

    นอกจากผงยาตันตระแล้ว พ่ออาจารย์ท่านยังฝังสิ่งต่างที่มีอิทธิคุณในตัวเอง ดังนี้
    - ตะกรุดนารายณ์สังหาร ใช้แก้อาถรรพ์ชีวิต ท่านว่าทำให้เต็มสูตรสาธยายมนต์พราหมณ์โบราณกำหนดตั้งจิตบรรจุคุณมนต์จนตัวท่านเกิดนิมิตและตะกรุดเกิดปฏิกิริยาครบถ้วนต้องตามตำรา ท่านว่าใช้สังหารทุก,โทษ,ภัย ในคราวเคราะห์ทั้งหลายที่กระหน่ำซ้ำเติมชีวิตเราได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

    - แร่ต่อยอด "แร่นี้ตกอยู่ที่ไหนที่นั่นจะเจริญเติบโตงอกงาม" ท่านเก็บรวมรวมตามต้นว่านยาอาถรรพ์ที่ท่านสังเกตดูว่าหากมีแร่นี้อยู่ใต้ต้นว่านจะเจริญเติบโตดีอย่างน่าฉงน ไม่มีที่จะเหี่ยวเฉาหรือเลี้ยงแล้วตายเลย ดุจเม็ดแร่ที่มีเทวาสถิตย์ ท่านว่าแร่อาถรรพ์เช่นนี้จะหายากคนโบราณเจอเข้าจะนำมาพกไว้เป็นมงคลใช้ด้านความเจริญงอกงามความก้าวหน้า ความสำเร็จ ถ้าตกอยู่ที่ไหนจะเจริญเติบโตยิ่งใหญ่ที่นั้น บ้านขุนนางท้าวพระยาจะมียศถาบรรดาศักดิ์เติบโตยิ่งใหญ่ มีบ่าวไพร่บริวารแผ่ขยายไปมาก จำเริญในลาภยศชื่อเสียงเกียรติคุณไม่ตกต่ำ ไม่หยุดอยู่กับที่ แม้ทำกิจการงานเรือกสวนไร่นาจะผลิดอกออกผลงดงาม ได้กำไรดียิ่งนัก ใช้ต่อยอดให้เกิดความเจริญก้าวหน้า ทำสิ่งใดไว้ที่รอผลิดอกออกผลก็จะได้กินได้ใช้ผลมันสมปรารถนา คนที่มีแร่นี้จะดีจริงๆแต่พ่ออาจารย์ท่านว่าต้องมีความตั้งใจจริงด้วย
    - ยาวาสนาจินดามณี เป็นยาของหลวงปู่เจือที่พ่ออาจารย์ท่านนำมาเสกเพิ่มด้วยมนต์จินดามณีทุกสาย,ทุกบทของท่าน ท่านว่าใช้ได้ดีดุจมีแก้วสารพัดนึก เป็นเมตตา,มหานิยม,โชคลาภ,ซื้อง่ายขายคล่องลงไว้คบทุกทาง เพราะคาถาจินดามณีแต่ละบทนั้นย่อมใช้ได้นับร้อยนับพันช่อง


    *** พระผงตาณฑวะนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าสร้างไว้เพื่อให้คนที่รอคอยจังหวะและโอกาสการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ต้องการจะเห็นลีลาและปรากฏการณ์ในชีวิตที่แปรผันไปในทางที่ดีขึ้นด้วยความว่องไว ท่านว่านี่คือจุดประสงค์หลัก ส่วนเรื่องเสน่ห์นั้นก็รู้กันอยู่ว่าพ่อครูพระสยมท่านเป็นเจ้าแห่งตันตระและกามสูตร นี่ถ้าใครอยากให้ออกด้านนี้ก็ขอท่านเปิดพลังยารักเท่านั้น แต่หากใครจะนำไปใช้ทางทำมาหากินพ่ออาจารย์ท่านว่าแค่พกไว้อธิษฐานปกติก็เป็นเสน่ห์ในตัวระดับนึงอยู่แล้ว (ในส่วนคนที่ใช้ของเสน่ห์ไม่ขึ้นให้จุดธูปบอกกล่าวครูพระสยมท่านขอพลังงานยารักและตาณฑวะแห่งครูท่านเปลี่ยนกลไกขับเคลื่อนชีวิตตนเอง ให้ได้เจอรักแท้ พบความรักที่ดีที่เหมาะสม...ตามแต่ตนจะอธิษฐาน)***ซึ่งคนที่ติดขัดในชีวิตอยากจะเห็นจังหวะความสำเร็จหรือการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วก็ให้อธิษฐานเช่นนี้ได้เช่นกัน แต่เปลี่ยนคำอธิษฐานว่า(ขออานุภาพแห่งตาณฑวะของครูพระสยมขับเคลื่อนพลังกรรม พลังธรรม พลังวัฏจักรสงสารเปลี่ยนวิถีทั้งหลายให้สุขเกิด ทุกข์ดับ ให้ลูกมีกำลังในการสร้างสรรค์ ให้ความสำเร็จเรื่อง.(บอกเหตุท่านไป).เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วดุจท่วงทำนองแห่งตาณฑวะเถิด)

    คาถาบูชา
    โอมตรีเนตรสวาโหม โอมตรีเนตสวาหะ นะลึงลัง คลึงคลังตัณหาหิ นะลึงลังกามมะจิตติพันธะนัง ลังลึงคะอิติ

    *** ผงมงคลยารักตันตระอภิรมย์ศิวะตาณฑวะ พ่ออาจารย์ท่านสร้างไว้ห้าองค์ แต่ท่านเก็บไว้เององค์หนึ่งด้วยท่านใช้กำลังแห่งตาณฑวะนี้อยู่เสมอๆ ดังนั้นจึงมีให้บูชาเพียงสี่องค์ รับจองเฉพาะทาง PM เท่านั้น ผู้บูชาท่านว่าให้แจ้งชื่อ สกุล วันเดือนปีเกิด รวมถึงเรื่องที่ต้องการบอกกล่าวครูพระสยมไว้เป็นพิเศษด้วย รายได้ร่วมสมทบทุนการศึกษาเด็กที่ยากไร้ขาดแคลนสืบต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา ผงมงคลยารักตันตระอภิรมย์ศิวะตาณฑวะ(กาลึงคะกามสูตร) บูชา 4,000 บาท

    55887680-2266455440071809-65525751939596288-n.jpg 56377157-433204744117663-3319562824165883904-n.jpg
    56398254-385714342267474-1971227286912892928-n.jpg
     
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,113
    ค่าพลัง:
    +16,533
    พระผงตาณฑวะนี้จะเน้นใช้ในเรื่องของจังหวะและปรากฏการณ์ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ใช้ได้ครอบคลุมทั้งการงาน,ความรัก...อื่นๆ ท่านว่าพระผงสำคัญนี้ออกให้ใช้กับคนที่มีเรื่องทุกข์ที่จวนตัว หรือมีความปรารถนาที่แน่แก่ใจว่ารอเวลายืดยาวต่อไปไม่ได้เช่นนั้น
     
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,113
    ค่าพลัง:
    +16,533
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่อัครพงศ์ EW 4024 5997 4 TH

    พี่ธีธัช EW 4024 5998 8 TH
     
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,113
    ค่าพลัง:
    +16,533
    มีคนที่นั่งทางในเก่ง ไลน์มาเล่านิมิตให้ฟังว่าก่อนหน้านี้สองสามวันอาราธนาเหรียญครูพระสยมของพ่ออาจารย์ ท่านได้เมตตาให้เห็นรูปกายเนรมิตของท่าน พร้อมกับพูดเป็นคติให้คิดไว้ว่า"ช่วงเวลาแห่งชีวิต ก็เหมือนฉากและลีลาการสร้างสรรค์เพียงห้วงหนึ่งของพระเจ้า" พอมาวันนี้เจอกระทู้ลงเรื่องพระสยมปางตาณฑวะก็รู้สึกสะกิดใจอย่างน่าประหลาด พอได้สอบถามครูพระสยมด้วยทางในพร้อมกับลุ้นว่าครูท่านจะตอบเรามั๊ย จะกวนท่านมากไปหรือเปล่าเพราะปกติท่านจะปรากฏขึ้นมาเองแบบอยู่ดีๆก็แสดงออกมา พี่เค้าว่าหนนี้ท่านกลับรู้ว่าเราสงสัย คงจะรู้ว่าผมสงสัยจริงจังและรอท่านตอบจริงๆ ท่านบอกว่าทุกสิ่งคือลีลาในการสรรค์สร้าง จะให้เกิดหรือดับ ความอยากได้ใคร่ดีทั้งหลายจะไวหรือช้าล้วนควบคุมด้วยลีลาแห่งตาณฑวะทั้งสิ้น พี่เค้าว่าครูพระสยมท่านยกตัวอย่างให้เห็นง่ายๆเลย สมมติกรรมนำพาจะมีวาสนาเรื่องที่ผมต้องการ เช่นผมต้องการถูกหวย ต้องการมีลูก ต้องการความมั่นคง แต่ละอย่างนั้นกรรมบุญหนุนนำไปสามปีบ้าง ห้าปีบ้าง สิบปีบ้าง ยี่สิบปีบ้าง แต่พอขอกับองค์พ่อตาณฑวะเพชรกลับนี้จากกระแสที่ยาวนานสำหรับมนุษย์หลักหลายสิบปีก็จะเห็นผลไวขึ้นเช่นสิบปีเหลือปีนึงบ้าง หรือที่หลายๆปีก็ลดลงเหลือไม่กี่เดือนแบบนั้น

    พี่เค้าว่าพระผงรุ่นนี้น่าอัศจรรย์มาก เพราะเป็นคุณเฉพาะด้านของครูพระสยมท่าน พอรู้ปุ๊ปจึงรีบจองเข้ามา *อันนี้บอกเลยว่าอย่าประมาทใครที่รู้ตัวว่ากระแสเวลาของเรามันนานเกินไป อย่างที่พี่ท่านนี้บอกว่าบางทีพ่อแม่เขาก็ไม่อยู่ทันดูความสำเร็จของเรานะ เพราะความสำเร็จบางอย่างรอไม่ได้ อะไรที่รีบหรือที่คว้าได้ก็ควรคว้าไว้ก่อนเพราะตัวเขามีภาระเยอะ(เป็นความเชื่อส่วนบุคคลที่แจ้งเข้ามา)
     
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,113
    ค่าพลัง:
    +16,533
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    มีสอบถามกันเข้ามาเรื่องเครื่องมงคลพญามารที่พ่ออาจารย์เคยออกให้บูชา ตอนนี้หมดทุกรายการนะครับ
     
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,113
    ค่าพลัง:
    +16,533
    ท้าวมาลัย

    ก็เคยลงประวัติพระยามารหรือท้าวมาลัยที่พ่ออาจารย์ท่านพบเจอและบอกเล่าไปแล้วหลายครั้ง วันนี้ก็จะหยิบยกที่หลวงพ่อฤาษีท่านพูดถึงมาให้อ่านกัน

    พระยามารที่เรียกกันว่า พระยามาราธิราช ท่านเป็นหัวหน้าเทวดาสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี ชาวสวรรค์เรียกท่านว่า ท้าวมาลัย ความจริงเวลานี้ท่านไม่ได้เป็นมารแล้ว อาตมาเคยพบกับท่าน ท่านคุยสนุกสนาน หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ความเป็นมารของท่านที่จะเป็นศัตรูกับพระพุทธเจ้า ก็เพราะในสมัยตอนที่พระพุทธเจ้าบำเพ็ญบารมีใหม่ๆ เพื่อปรารถนาพุทธภูมิ ท่านพระยามาราธิราชกับพระพุทธเจ้าเป็นเพื่อนกัน ต่างคนต่างเลี้ยงม้าเหมือนกัน วันหนึ่งก็ไปเกี่ยวหญ้าให้ม้าด้วยกัน ท่านพระยามาราธิราชก็เกี่ยวแยกออกไป ต่างคนต่างเกี่ยวแยกคนละทาง

    วันนั้นบังเอิญมีพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่งผ่านมาต้องการหญ้า ก็มายืนที่พระพุทธเจ้าเกี่ยวหญ้า พระพุทธเจ้าถวายหญ้าท่านฟ่อนหนึ่ง แล้วท่านก็เหาะไป ครั้นจะเอาของเพื่อนให้ไปด้วยก็เกรงว่าเพื่อนจะไม่มีความเลื่อมใสจะว่าเอาเลยไม่ให้ไป ตอนเย็นเก็บหญ้ามารวม พระพุทธเจ้าก็บอกกับท่านพระยามาราธิราชว่า วันนี้พระมาบิณฑบาตหญ้าเรา เราเอาของเราให้ไปแต่ว่าของเพื่อนเราไม่ได้ให้ไปเพราะเกรงว่าเพื่อนจะไม่เลื่อมใส เท่านั้นแหละท่านพระยามาราธิราชสมัยเป็นเพื่อนก็เจ็บใจหาว่าพระพุทธเจ้าเอาดีคนเดียว เลยจองล้างไว้ว่าถ้าหากแกจะเป็นพระพุทธเจ้าเมื่อไรก็ตาม หรือก่อนเป็นพระพุทธเจ้าก็ตาม ข้าจะคอยขัดขวางการบำเพ็ญบารมีของแกตลอดไป ทั้งนี้เพราะว่าท่านเองก็ปรารถนาพุทธภูมิเหมือนกัน

    ท่านเล่าให้อาตมาฟังว่าในสมัยที่พระพุทธเจ้าเป็นพระพุทธเจ้า ที่ท่านเคยขัดขวางไม่ใช่อะไรเป็นความโง่ของท่านเอง ท่านคิดเกรงว่าพระพุทธเจ้าจะเทศน์สอนคนไปพระนิพพานเสียหมด แล้วเวลาท่านเป็นพระพุทธเจ้าจะไม่มีคนรับฟังการเทศน์ ท่านบอกว่าความจริงผมไม่น่าจะโง่แบบนั้น ที่โง่ก็เป็นเพราะกรรมที่จองล้างจองผลาญกันไว้ รู้สึกเสียใจเหมือนกันว่าไม่น่าจะทำ ต่อมาเมื่อ พระอุปคุต ทรมานเสียจนหมดฤทธิ์เพราะเป็นคู่ปรับกัน จึงมาคิดได้ว่าเราโง่เกินไป

    เป็นอันว่า ท่านพระยามาราธิราช บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย เวลานี้ไม่ต้องกลัวท่าน ควรจะดีใจถ้าท่านมาหาเมื่อไรมีความสุขเมื่อนั้น และก็เลิกเรียกชื่อพระยามาราธิราชได้แล้ว เรียกว่า ท่านท้าวมาลัย ก็แล้วกัน ท่านเป็นพระโพธิสัตว์


    360.jpg
     
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,113
    ค่าพลัง:
    +16,533
    มีเล่าเรื่องครูพระสยมว่าท่านไปตามมาบูชายาชุดนี้ แจ้งไว้ก่อนว่าจองเต็มแล้วนะครับ ตอนนี้รอโอน ส่วนท่านที่ช้าชุดนี้ก็ไม่มีของให้แล้วจริงๆ
     
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,113
    ค่าพลัง:
    +16,533
    แรงครู
    ก็มีพี่ท่านหนึ่งไลน์มาเล่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับแรงครูให้ฟัง

    เขาบอกว่าเมื่อสองวันก่อน(รวมวันนี้คงจะสามสี่วันแล้ว)ผมมีนิมิตเจอพระชราโบราณ ท่านบอกชื่อว่าใจ อยู่วัดเสด็จ นิมิตปรากฏเป็นรูปแบบขาวดำท่านบอกว่าจะรับผมเป็นศิษย์ พี่เค้าบอกว่าตื่นมาก็งงเพราะไม่รู้จักรู้จักแต่พระอาจารย์ใจอยู่วัดพระยาญาติ

    เลยถามกูเกิ้ลดูก็ถึงบางอ้อว่าท่านเป็นศิษย์หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว เพราะที่ผ่านมาผมก็ถือหลวงปู่ยิ้มเป็นครูเพราะเครื่องมงคลสายพ่ออาจารย์...

    ในกรณีการรับศิษย์นี้ก็มีหลายท่านได้ประสบพบเจอนับแต่บูชาเครื่องมงคลไป นับเป็นเรื่องแปลกกับครูบาอาจารย์ที่ตัวเองไม่รู้จัก อยู่ดีๆก็เห็นหน้า อยู่ดีๆก็มาหา มาโปรดได้มาแจ้งชื่อแจ้งนามและบอกกับตัวเองว่าต้องการรับเป็นศิษย์ มีเกิดขึ้นในกรณีครูบรมพรหม ครูพระสยม ครูสมเด็จโต ครูสายหลวงปู่เฒ่ายิ้มเหล่านี้ก็มักจะมีเรื่องให้อ่านกันประจำอย่างกรณีนี้หลวงปู่ใจที่มาก็สืบได้ว่าเป็นสายคณะศิษย์ของหลวงปู่ยิ้มดังนี้


    อันนี้ถือว่าเป็นเรื่องน่าสนใจอยู่อย่างหนึ่งเพราะเราสังเกตุดูเอาว่า หลายๆคนที่เจอกรณีการเสนอตัวมารับศิษย์เช่นนี้ หลังจากนี้ชีวิตเค้ามักจะโชคดีอย่างน่าประหลาด บางทีก็แบบเนิบๆช้าๆค่อยๆเป็นค่อยๆไป บางทีก็เจอปรากฏการณ์น่าอัศจรรย์แทบจะฉับพลันทันที อย่างในกรณีหูทิพย์ก็เคยเกิดขึ้นบ่อยๆ เช่นนั่งอยู่คนเดียวหรือคุยอยู่กับเพื่อน กลับได้ยินเสียงเทวดาหรือเจ้าที่เจ้าทางอีกเพศหนึ่งที่ไม่ใช่คู่สนทนา ไม่ใช่เพศของเพื่อนเรา ได้ยินเรื่องอีกเรื่องหนึ่งที่เค้าคุยกันอยู่หรือตั้งใจจะบอกเราแบบเป้นเรื่องเป็นราวชนิดไม่ต้องรอหลับฝัน อันนี้ก็มีเล่ากันเข้ามาเยอะว่าเครื่องมงคลพ่ออาจารย์ท่านแปลกมากๆ แรงครูสูงอย่างน่าประหลาด โดยเฉพาะคนที่เขาได้หูทิพย์เหล่านี้ซึ่งมันมีมาเอง มันเริ่มหลังจากบูชาเครื่องมงคล เริ่มหลังจากครูท่านรับศิษย์อย่างนี้

    ผมเชื่อว่าธรรมและกรรมนั้นจะจัดสรรค์ของเค้าเองอันนี้เอามาเล่าไว้ก่อนเผื่อในอนาคต คนที่เจอกรณีเดียวกันจะได้รู้ว่า เออมันเป็นเรื่องปกติอย่างหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่หรือน่าตกใจอะไร ส่วนครูคนใดจะเลือกรับใครนั้นจะเร็วจะช้านอกจากบุญสัมพันธ์แล้วมันก็ขึ้นอยู่กับความพอใจในนิสัยและการประพฤติปฏิบัติด้วย บางคนอาจจะคิดว่าทำไมเราไม่เจอนะ อันนี้ก็อาจจะเป้นเพราะเราไม่ได้ปฏิบัติ หรือยังทำไม่ถึงหรือเปล่า เช่นนี้เป็นต้น

    *** ใครจะฝากคำถามอะไรก็ PM ไว้นะครับ

    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327-d25vj52.jpg
     
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,113
    ค่าพลัง:
    +16,533
    เดี๋ยวพรุ่งนี้จะลงเรื่องน้ำมันชุดแรกของพ่ออาจารย์ที่คนเคยเอาไปใช้เขาตั้งชื่อกันว่าน้ำมันซาดิส

    อันนี้ไม่ได้ทะลึ่งหรือใช้ทางที่เสื่อมและไม่ดีนะครับขอออกตัวไว้ก่อน เพราะหลักๆเลยวิชาทำน้ำมันชุดนี้ท่านว่าเอาไว้ใช้สำหรับคนที่โดนนินทา หรือโดนกระทำ,ให้ร้าย,กลั่นแกล้งต่างๆ... เรียกว่ายิ่งโดนหนักเท่าไหร่ยิ่งมีกำลังมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งได้ดีเป็นผลสนองกลับต่อตัวเองมากขึ้น

    ท่านว่าสมัยนี้หายากที่จะมีซักวันนึงที่คนจะไม่พูดถึงเราเลย ชีวิตเราจะไม่โดนใครนินทาว่าร้ายเลยในแต่ละวัน ท่านว่ามันหนีกันไม่พ้นเรื่องโดนพูดส่อเสียด,ให้ร้ายหรือนินทาลับหลังอยู่แล้ว นี่แค่พื้นๆ แต่ที่หนักกว่านั้นคือการกลั่นแกล้ง น้ำมันนี้นอกจากโดนนินทาแล้ว ยิ่งโดนแกล้ง โดนดูถูก โดนกระทำ โดนให้ร้ายต่างๆก็ยิ่งมีผลสะท้อนกลับให้เราได้ดีแรงขึ้น มีวาสนามากขึ้นเป็นเงาตามตัว

    ท่านว่าถึงขั้นเกลียดแรงรักแรงแบบนั้นเลย กล่าวง่ายๆไอ้ที่เกลียดเราเดี๋ยวก็กลายมาเป็นเพื่อนเป็นเมียเราหมด ส่วนไอ้ที่ดูถูกเรา คอยแกล้งเรา สักพักเดี๋ยวเราจะได้ดีเกินหน้าพวกนั้นไปอีกไกล (ท่านว่ายิ่งคนแกล้งเราเก่งเท่าไหร่,ชะตาแรงเท่าไหร่,วาสนาดีเท่าไหร่ สิ่งเหล่านั้นล้วนแต่มาส่งเสริมเราที่เป็นศัตรูเขาทั้งสิ้น) บางคนที่เคยใช้ก็เรียกน้ำมันนี้ว่า น้ำมันขี้โกงบ้าง , น้ำมันดีเดือดบ้าง , น้ำมันบ้าระห่ำบ้าง หรือตั้งฉายาให้ว่าน้ำมันซาดิสเพราะต้องโดนกระทำถึงจะได้ดีและมีกำลังวาสนา ซึ่งคนเราทุกวันนี้มันหนีไม่พ้นเรื่องนินทาว่าร้ายพูดลับหลังอะไรเหล่านี้อยู่แล้ว ท่านว่าท่านหวงแหนเอาไว้นานนักไม่ค่อยให้ใครใช้นอกจากพวกที่โดนแกล้งหนักๆจริงๆ เพราะน้ำมันนี้ใช้แล้วมันซึมเข้าเนื้อเข้าตัวต่อไปมันจะโกงเขาหมด(ท่านว่าแบบนั้น)***ใครชอบวิชาน้ำมันสำคัญที่ใช้แบบพิเศษรายการนี้เดี๋ยวมาติดตามพูดคุยกันอีกที
     
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,113
    ค่าพลัง:
    +16,533
    แจ้งการส่งems
    พี่บุญชนะ EW 4024 6447 5 TH

    พี่ศิระ EW 4024 6448 9 TH

     
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,113
    ค่าพลัง:
    +16,533
    ถามเรื่องน้ำมันกันเข้ามา ผมแอบบอกไว้แค่ว่าเป็นวิชาทำน้ำมันสูตรของท้าวมาลัย พูดแค่นี้ที่เหลือพรุ่งนี้ติดตามกันดีๆ
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,113
    ค่าพลัง:
    +16,533
    ร่วมทำบุญบูชา น้ำมันเป็นต่อเลิศภพจบแดนมารฟ้าสะท้อนกรรม(ปรับแต่งกรรม)
    วิชาสร้างน้ำมันสำคัญของท้าวมาลัย(พญามาราธิราช)
    พ่ออาจารย์ท่านว่าน้ำมันนี้เป็นของทิพย์ ของเทวดา เพราะพระผู้สร้างและมีดำริให้สร้างนั้นท่านเป็นกายทิพย์นั่นก็คือท้าวมาลัยหรือที่พ่ออาจารย์ท่านเรียกว่า"จอมฟ้า" ซึ่งน้ำมันนี้จะมีพุทธคุณพื้นฐานในทางบำบัดโรคร้ายนานาชนิด ตลอดจนโรคอันเกิดจาก"เคราะห์กรรม" บันดาลในเรื่องทุกข์ภัยให้คลายเคลื่อน จนถึงทุเลาเบาบางลง และหายสาบสูญไป ท่านว่าน้ำมันสำคัญนี้ต่อให้ไม่ใช้เลยเพียงนำมาพกติดตัวอาราธนาไว้เหมือนเครื่องรางนำไปไหนมาไหนด้วยเช่นนี้ก็ล้ำเลิศนัก ด้วยคุณวิเศษดังกล่าวผู้ใดมีก็ถือว่าเป็นผู้มีวาสนา ด้วยเป็นของทำยาก อัศจรรย์ พันลึก คือมีคุณขลังดั่งคำคนสมัยโบราณท่านอุปมาไว้ว่าใช้แลกบ้านแลกเมืองก็ยังได้ เช่นนั้นจอมฟ้าพญามารท่านจึงกำกับการณ์นี้โดยควรและกล่าวถึงสูตรการทำน้ำมันนี้ไว้แก่พ่ออาจารย์ว่า "เป็นมงคลวิเศษ ผู้มีบุญได้ใช้น้ำมันคุณวิชานี้จะเหนือกว่า ยิ่งใหญ่กว่า จนถึงมีความสำเร็จ มีพละกำลังมากกว่าคนอื่นสิบหกช่วงตัว มีกำลังสิบหกแรง มีวาสนาสิบหกชาติ มีอำนาจสิบหกชั้น"

    ดั่งที่กล่าวไว้ว่าน้ำมันนี้ใครได้จุลเจิมหรืออาราธนาใช้ติดตัวจะมีชัยชนะเหนือผู้อื่นไปไกลหลายช่วงตัว แม้ต่อสู้แข็งขันแข่งบุญแข่งวาสนากับใครก็ทำให้เป็นต่อคู่แข่งทั้งนั้นจำชนะนำหน้าเขาไปไกลมากโข ทำกิจการงานอันใดก็มีผลสำเร็จแรงกว่าคนอื่นได้มากกว่าที่ควรได้,มีมากกว่าที่ควรมีดั่งลงแรงสิบผลงานออกมาร้อยแบบนี้ จะค้าขายทำมาหากินก็ได้เงินได้ชัยมีกำไรเหนือคนอื่นอยู่หลายช่วงชั้น แม้แต่เล่นหวยเสี่ยงโชค,เสี่ยงดวง,การพนันท่านว่าเวลาคนดวงมันเปิดสุดๆก็จะมีโอกาสชนะเจ้ามือได้ง่ายๆ เอาว่าขอให้คนใช้นำไปใช้ในทางที่ดี คิดดี ทำดี จะทำอะไรก็เป็นบุคคลพิเศษมีแต้มเป็นต่อคนอื่นเขาหรือแม้กระทั่งใช้ในทางเทาๆ ทางที่ไม่ดีก็ยังมีชนะเหนือคนอยู่ดี ยิ่งกว่านั้นคนที่พกเครื่องมงคลทั้งหลายก็ดี คนที่มีของขลังสำนักต่างๆ หรือในร่างกายมีรอยสัก เคยฝังเข็ม,ฝังตะกรุด,ฝังเหล็กไหล,ฝังปรอท,ลงทองทั้งหลาย ให้เอาน้ำมันนี้เจิมๆนวดๆถูๆวนบริเวณเครื่องรางเหล่านั้น หรือจะเป็นรอยสักและของที่ฝังตามร่างกาย ท่านว่าเพียงเท่านี้สิ่งทั้งหลายก็จะมีแรงมีพละกำลังอำนาจพุทธคุณมากกว่าเดิมสิบหกช่วงตัว น้ำมันมารฟ้าสะท้อนกรรมนั้นท่านว่าเป็นของกายสิทธิ์ที่ใช้แต่งกรรม ให้คนใช้มีกำลังวาสนาสูงเท่ายอดเขาพระสุเมรุมาเรียงต่อกันเป็นทางสวรรค์ให้เดินขึ้นไปเรื่อยๆ ทั้งยังแต่งให้ผู้ใช้น้ำมันมีเดชมากดังเทวดาในกามภพ ท่านอุปมาว่ามีฤทธิ์มากอยากทำอะไรก็ทำได้ดุจว่าจะดึงเอามหาสมุทรและพระมหาปฐพี ทั้งสี่ทวีปให้พลิกกลับก็ได้ดังนั้น ผู้ใช้จะมีฤทธิ์มากชีวิตเขาจะบินได้ด้วยปีกทั้งสองข้างของตัวเอง(พ่ออาจารย์ท่านว่าหมายถึงไปได้สูง,ไปได้สุดในกิจที่ปรารถนาอยากกระทำด้วยกำลังของตัวเอง ขึ้นไปได้เรื่อยๆไม่กลัวแรงลม แรงปะทะ แรงโน้มถ่วงที่กดเราอยู่ตลอดเวลาเช่นนั้น) ดุจว่าตัวเราเมื่อสยายปีกเวลาใดก็จะผุดขึ้นขึ้นมาเหนือมหาสมุทรทั้งสี่ทวีป ไม่ได้เป็นบัวใต้ตมตอต่อไป จะสัญจรไปได้ทั่วนภากาศเหยียบไปได้ทั่วแผ่นดินเช่นนั้น

    สำหรับผู้มีวาสนาได้รับน้ำมันในสายวิชาของจอมฟ้า(พญามาร)นี้ พ่ออาจารย์ท่านให้ถือคติที่ว่าตัวเราอยากจะทำอะไรก็ต้องได้ดีไม่มีใครกล้าขวาง "เปรียบตัวเราดั่งพญามารยามแผลงฤทธิ์..เมื่อพญามารแผลงฤทธิ์แม้หมู่เทพเทวาท้าวมหาพรหมยังขวัญหายใจสั่นหนีตายกันวุ่นวายไปถึงกำแพงจักรวาล ดั่งตัวเราเมื่อจะทำกิจใดผู้เป็นใหญ่ทั้งหลายก็ย่อมต้องหนีต้องหลบหน้าให้เรา ต่อให้เป็นผู้วิเศษ,ผู้ศักดิ์สิทธิ์ใดๆก็ขวัญหายใจสั่นเฉพาะอยู่เบื้องหน้าเรา" น้ำมันชุดนี้ท่านว่าเอาไว้ใช้สำหรับคนที่โดนนินทา หรือโดนกระทำ,ให้ร้าย,กลั่นแกล้งต่างๆ... เรียกว่ายิ่งโดนหนักเท่าไหร่ยิ่งมีกำลังมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งโดนรังแกได้ดีเป็นผลสนองกลับต่อตัวเองมากขึ้น ท่านว่าสมัยนี้หายากที่จะมีซักวันนึงที่คนจะไม่พูดถึงเราเลย ชีวิตเราจะไม่โดนใครนินทาว่าร้ายเลยในแต่ละวัน ท่านว่ามันหนีกันไม่พ้นหรอกทั้งเรื่องโดนพูดส่อเสียด,ให้ร้ายหรือนินทาลับหลังอยู่แล้วนี่แค่พื้นๆ แต่ที่หนักกว่านั้นคือการกลั่นแกล้ง,เรื่องอิจฉาริษยา,ทั้งเขม่นกัน,ไม่ชอบหน้ากัน,ไม่ถูกชะตากัน น้ำมันนี้นอกจากให้ผลกับผู้ที่โดนนินทาแล้ว ยิ่งโดนแกล้ง โดนดูถูก โดนกระทำ โดนให้ร้ายต่างๆก็ยิ่งมีผลสะท้อนกลับให้เราได้ดีแรงขึ้น มีวาสนามากขึ้นเป็นเงาตามตัว ท่านว่าถึงขั้นเกลียดแรงรักแรงแบบนั้นเลย กล่าวง่ายๆไอ้ที่เกลียดเราเดี๋ยวก็กลายมาเป็นเพื่อนเป็นเมียเราหมด ส่วนไอ้ที่ดูถูกเรา คอยแกล้งเรา สักพักเดี๋ยวเราจะได้ดีเกินหน้าพวกนั้นไปอีกไกล (ท่านว่ายิ่งคนแกล้งเราเก่งเท่าไหร่,ชะตาแรงเท่าไหร่,วาสนาดีเท่าไหร่ สิ่งเหล่านั้นล้วนแต่มาส่งเสริมเราที่เป็นศัตรูเขาทั้งสิ้น) บางคนที่เคยใช้ก็เรียกน้ำมันนี้ว่า น้ำมันขี้โกงบ้าง,น้ำมันบ้าดีเดือดบ้าง,น้ำมันบ้าระห่ำบ้างหรือตั้งฉายาให้ว่าน้ำมันซาดิสเพราะต้องโดนกระทำถึงจะได้ดีและมีกำลังวาสนา แต่ความจริงแล้วพ่ออาจารย์ท่านว่านี่คือน้ำมันแต่งกรรมหรือจะเรียกเพราะว่าน้ำมันชีวิตเป็นต่อก็ไม่ผิด ซึ่งคนเราทุกวันนี้มันหนีไม่พ้นเรื่องนินทาว่าร้ายพูดลับหลังอะไรเหล่านี้อยู่แล้ว ท่านว่าท่านหวงแหนเอาไว้นานนักไม่ค่อยให้ใครใช้นอกจากพวกที่โดนแกล้งหนักๆจริงๆ เพราะน้ำมันนี้ใช้แล้วมันซึมเข้าเนื้อเข้าตัวต่อไปมันจะโกงเขาหมด(ท่านว่าแบบนั้น) ถือคติที่ว่ายิ่งเกลียดแรงยิ่งรักแรง ยิ่งดูถูกยิ่งได้ดี ยิ่งโดนกระทำกำลังแลวาสนายิ่งสูงส่ง(ท่านว่าคิดเอาเองเรื่องพวกนี้มันเรื่องพื้นฐานชีวิตของคน ในแต่ละวันไม่มีเรื่องใดที่คุณจะหนีพ้นซักเรื่อง)

    ที่มีอานุภาพวิเศดังนี้เพราะพ่ออาจารย์ท่านใช้น้ำตาพญามารนำมาเป็นส่วนผสมหลักตามโองการของจอมฟ้าที่ให้หุงน้ำมันชุดสำคัญนี้ น้ำตาพญามาร...ของวิเศษนี้จะมีอานุภาพอัศจรรย์เพียงใด เกี่ยวข้องกับพญามารอย่างไร ทำไมพ่ออาจารย์ถึงขนาดออกปากกล่าวถึงอานุภาพอันน่าประหลาดว่า " บิดเบือนคราเคราะห์ เยาะเย้ยเวรกรรม ผันผวนชะตา ปั่นป่วนพรหมลิขิต ".....ความพิเศษของน้ำตาพญามารนั้นทำไมถึงมีอานุภาพเพียงนั้น
    พระพุทธองค์ได้ทรงยกย่องในคราหนึ่งว่า "บรรดาสัตว์ผู้มีอัตภาพ(ใหญ่)อสุรินทราหูเป็นเลิศ บรรดาบุคคลผู้บริโภคกามพระเจ้ามันธาตุราชเป็นเลิศ บรรดาผู้ใหญ่ยิ่งมารเป็นเลิศ "...(พุทธดำรัส)"
    "ซึ่งพญามารนี้ เวลานี้ท่านช่วยชาวบ้านพวกพุทธมามกะทุกคน ใครนับถือพระพุทธเจ้าพญามารต้องบังคับบัญชาให้ลูกน้องไปช่วยเหลือ คือ เทวดาที่ประคับประคองพวกเรานี่แหละ"(หลวงพ่อฤาษี)
    หากจะสร้างน้ำมันวิเศษอันมีพระบารมีของจอมฟ้าอยู่เต็มภูมิโดยเฉพาะและยังใช้อาราธนาให้เข้ากับกรรมหรือวงจรสำคัญที่มีคุณลักษณะพิเศษนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าหากจะสร้างแล้วย่อมยากอย่างแท้จริง ด้วยต้องใช้วัตถุและมวลสารที่เป็นของพญามารมีบารมีของท่านจริงๆมาทำ สิ่งนี้ย่อมเรียกได้ว่าเห็นยากเอายาก ตามปกติวิสัยของพญามาราธิราชนั้นท่านเป็นพระมหาโพธิสัตว์ใหญ่องค์สำคัญ แต่คนส่วนมากก็ยังยึดติดกับคำว่ามาร ไม่ได้เข้าใจว่าท่านคือเทวดาจำพวกหนึ่ง ไปเข้าใจเสียว่ามารคือตัวตนที่น่าเกลียดน่ากลัว จินตนาการให้น่าสยดสยองดุจยักษ์มารเช่นนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าแท้จริงแล้วพญามารนอกจากจะเป็นพระโพธิสัตว์ใหญ่ที่มีบารมีล้นฟ้าแล้ว ยังมีฐานะเป็นถึงจอมภพหรือเจ้าสวรรค์ชั้นปรนิม ขึ้นชื่อว่ามีภพภูมิที่สูงส่ง กายทิพย์ย่อมสง่างามและมีความปราณีตมากกว่าเทวดาต่ำชั้นลงไปทั้งหมด ท่านว่าในกามภพนั้นแม้เราคิดว่าเทวดาตั้งแต่จาตุมหาราชิกาไปจนถึงนิมานรดีมีรูปงาม แต่นั่นย่อมไม่อาจเทียบได้กับชั้นปรนิม นับประสาอะไรจะไปเทียบกับค่าความเป็นทิพย์พญามาร ดังที่พระพุทธเจ้าทรงยกย่องว่า "ในบรรดาผู้ใหญ่ยิ่งทั้งหมด มารเป็นเลิศ .... พญามารมีโคตรเสมอด้วยพระอินทร์ " จะเรียกว่าพญามารคือประมุขฝ่ายมารหรือเทวดาฝ่ายมารในสวรรค์ชั้นสูงสุดก็ได้ เช่นนั้นท่านจึงมีความเป็นทิพย์ประณีตที่สุดอันจะพึงมีได้ในสวรรค์และเทวดาทั้งมวลก็ไม่ผิด แท้จริงแล้วมารก็คือเทวดา หากแต่มีหน้าที่เฉพาะของเขา ซึ่งตรงนี้หน้าที่ของพญามารก็คืออำนาจที่จะบัญชากามคุณทั้งหลายประกอบด้วยรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ด้วยท่านมีหน้าที่ดูแลและควบคุมมหาวงจรแห่งกามคุณ การดูแลวงจรที่ยิ่งใหญ่นั้นเมื่อมองในมุมกลับหากพ้นจากจุดนี้ก็จะถึงซึ่งความเป็นอริยะเช่นกัน ดังนั้นเมื่อไม่มีมารแล้วจะมีพระอริยะได้อย่างไรจุดนี้พ่ออาจารย์ท่านกล่าวไว้ว่า "ของบางอย่างอาจมองว่าขัดแย้งกัน แต่แก่นแท้กลับหนุนเสริมเกื้อกูลซึ่งกันและกันโดยที่เราไม่อาจเข้าใจ เมื่อขาดสิ่งหนึ่ง บารมีของอีกสิ่งหนึ่งย่อมจะไม่เกิดขึ้นได้เลย อย่าคิดรังเกียจเทวดาฝ่ายมารเพราะหากไม่มีท่าน จะมีใครเล่ามาสร้างบททดสอบอันนำไปสู่เส้นทางพุทธภูมิและอริยภูมิทั้งหลาย" หากไม่มีเหล่าเทวปุตตมารบรรดาโพธิสัตว์แลเทวดาทั้งหลายย่อมไม่มีหน้าที่ให้กระทำเพื่อที่จะเพิ่มบารมีของตน ย่อมไม่มีบททดสอบต่างๆเพื่อการก้าวล่วงไปถึงความเป็นอรหันต์หรือโพธิญาณในตนทั้งสิ้น พญามารนั้นท่านก็มีหน้าที่ของท่าน หากให้กล่าวกันจริงๆแล้วหน้าที่ของมารนั้นกลับเป็นคุณประโยชน์กับหมื่นจักรวาลและสรรพสัตว์ทั้งหลายที่ยังประกอบกรรมสร้างคุณงามความดีโดยเฉพาะกับคนที่บารมีเรายังไม่เต็ม ไม่ถึงพร้อม ยังไม่ใช่อริยะบุคคลในชาตินี้อย่างแน่นอนอยู่มากเสียด้วย หน้าที่นั้นคือหน้าที่ของการสร้างสรรค์จะเรียกว่าพญามารก็เป็นพระผู้สร้างองค์หนึ่งทีเดียวย่อมไม่ผิด เพราะพญามารคือกษัตริย์แห่งภพปรนิมในฝ่ายมาร ภพนี้เทวดาทั้งหลายปรารถนาสิ่งใดก็ตาม จะมีเทวดาในภพต่ำกว่าหรือภพนิมมานรดีมาคอยตามเนรมิตถวาย เรียกว่ามีหน้าที่สร้างพลังความปรารถนา มีหน้าที่คิดสิ่งต่างๆให้เทวดาภูมิที่ต่ำกว่านำความคิดของตนเองไปกระทำให้สำเร็จ แต่ถึงกระนั้นหากเป็นเรื่องการสร้างสรรค์ที่เกี่ยวข้องกับกามคุณทั้งห้าก็ไม่มีเทวดาที่ไหนจะมีฤทธิ์ มีอานุภาพใหญ่ มีความประณีตที่จะสร้างสรรค์ได้เหนือไปกว่าเทวปุตตมาร แม้แต่มหาพรหมก็ยังไม่เป็นเลิศในกามคุณเช่นนั้น


    ท่านได้นำน้ำตาพญามารอันเป็นของสำคัญยิ่งยวดซึ่งผูกพันธ์กับพญามารมากนัก พ่ออาจารย์ท่านว่าฉันจะเล่านิทานให้ฟังนะ หากแต่เป็นนิทานที่เคยเกิดขึ้นจริง คนที่มองเห็นเขาก็จะเชื่อ ส่วนคนที่มองไม่เห็นนั้นก็จะคิดว่าเป็นนิทานหลอกเด็กไป นี่เป็นอดีตในห้วงเวลาหนึ่งของพญามาราธิราช...เมื่ออดีตกาลนั้นท่านไม่สามารถเอาชนะพระโพธิสัตว์ได้ จนพระบรมโพธิสัตว์ได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้า ท่านก็รู้สึกโศกเศร้าน้อยเนื้อต่ำใจ ไม่อาจดำรงค์พระองค์อยู่ในเทวโลกได้ จึงมานั่งน้อยใจหม่นไหม้อยู่บนพื้นโลก ท่านได้นั่งขีดเขียนแผ่นหินศิลาในมหาทวีปเทียบวิชาความรู้ระหว่างตนเองกับพระพุทธองค์ ก็รู้ว่าตนกับพระพุทธเจ้านั้นยังห่างไกลกันอยู่ด้วยพระพุทธองค์ทรงรู้มากกว่าตนถึงสิบหกประการ ตั้งแต่บารมีสิบ อินทรียปโรปริยัติญาณ สยานุสยญาณ มหากรุณาสมาบัติ ยมกปาฏิหาริยญาณ อนาวรณญาณ สัพพัญญุตญาณ เมื่อท่านรู้ความแตกต่างท่านก็กำสรวลโศกเศร้าจนน้ำตาแห่งพญามารได้หลั่งลงต้องปฐพี เป็นน้ำตาแห่งความสำนึกและกลับตัวกลับใจพร้อมกับทำพิณประจำพระองค์หล่นไว้ตรงนั้น ซึ่งองค์อมรินทร์ก็ได้มาเชิญพิณนั้นพร้อมกับนำน้ำตาพญามารซึ่งเป็นกายสิทธิ์ธาตุประดิษฐานในพานทองนำกลับไป "...เมื่อพ่ออาจารย์จะทำเครื่องมงคลแทนครูพญามารนั้น องค์อมรินทร์ท่านว่าถ้าจะให้ควรก็ให้นำน้ำตาพญามารประดิษฐานลงไปด้วย โดยท่านได้นำน้ำตานั้นมามอบให้แข็งค้างไว้แต่เบื้องอากาศ พ่ออาจารย์ท่านต้องทำพิธีอัญเชิญและนำขวดน้ำมันจินดามณีมารองรับ ส่งผลให้น้ำมันจินดามณีเปลี่ยนสีไปใสกระจ่างดุจสีน้ำทะเลเมื่อผสมกลมกลืนเข้ากับน้ำตาพญามาร ท่านจึงเรียกน้ำมันนี้ว่าน้ำตาพญามาร

    ท่านนำน้ำตาพญามารส่วนนึงมาสร้างน้ำมันมารฟ้าสะท้อนกรรม โดยท่านได้นำเอาคตของเจ้าปู่ชัยพรหมและของศักดิ์สิทธิ์ต่างๆเช่น แร่เหล็กไหลปรอท,เหล็กไหลตาน้ำ,เหล็กไหลแม่น้ำโขง,พญาเหล็กไหล,เหล็กดำ,สมิงเหล็ก,อกธรณี,ทองมหาสัตตะโลหะ,แร่โคตรเศรษฐีแม่ชีประทุม,ไม้เท้าพญายม,นิ้วเพชรพระอิศวร,พระขรรค์จักรพรรดิ,กำไลจักรพรรดิ,ขวานสำฤทธิ์โบราณ,คตปรอทชมพูนุช,เหรียญฟูนัน,มีดทิเบต,วัชระโลหะ,ยอดฉัตร,ยอดเจดีย์,ขวานฟ้า,ปรอทกรอ..ท่านนำของสำคัญเหล่านี้มาหุงกับน้ำมันว่านสูตรเฉพาะที่พญามารท่านสั่งให้พ่ออาจารย์หาและทำไว้แล้วจึงนำของกายสิทธิ์ทั้งหลายมาเคี่ยวรวมกับน้ำตาพญามารเพื่อหุงอีกคำรบหนึ่ง พร้อมทั้งใช้เพลิงพิธีหลอมเอาตบะและอานุภาพของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายนั้นมารวมกันให้มีพลังงานเหนือโลกที่อยู่เหนือกฏและความเป็นไปทุกอย่างของโลกท่านว่าบอกได้เพียงเท่านี้จริงๆ

    น้ำมันมารฟ้าสะท้อนกรรมนี้สร้างยากท่านว่าหากไม่ดูฤกษ์จะไม่สัมฤทธิ์ผลเลย แล้วพญามารท่านยังกำกับให้ลงเหล็กจารในแผ่นตะกั่วด้วยบท"มารฟ้าข่มสรรพสัตว์" พ่ออาจารย์ท่านว่านี่เป็นบารมีของพญามารปางข่มที่แม้แต่ฤทธิ์ของพรหมหรือเทวดานางฟ้าก็ไม่อาจจะต้านอำนาจพญามารปางนี้ได้ หากใครมีศัตรูท่านว่าต้องนี่เลยเพราะจะดีมากหากใช้ในการข่มศัตรู ยิ่งใครทำงานแล้วโดนรังแกจากหัวหน้าบ้าง จากเพื่อนร่วมงานบ้าง ยิ่งมีคนแกล้งคนดูถูกเราเอาว่ายิ่งได้ดีมากขึ้น ยิ่งโดนเกลียดโดนกระทำยิ่งมีคนเข้ามารักเรามากขึ้นเป็นเงาตามตัว มนต์พญามารข่มสรรพสัตว์นี้ท่านว่าเป็นวิชาโบราณที่หาผู้รู้สร้างได้ยาก เพราะถ้าพญามารท่านไม่สอน ไม่ครอบให้ก็ไม่มีทางที่จะทำให้สำเร็จได้เลยแต่เมื่อสร้างสำเร็จ เสร็จตามสูตรแล้วจะมีคุณใหญ่ เป็นกำลังหนุนเราไปหลายกัป ให้ดีครบด้านแรงฤทธิ์มากครอบคลุมทั้ง ลาภ ยศ สรรเสริญ เจริญ ก้าวหน้า สมบัติพัสถาน มีชัยชนะปราศจากศัตรู ดวงชะตาดีมีสง่าราศีพร้อมสรรพดังนี้แลใครก็สู้ไม่ได้ ต่อให้ไปได้ครูดีมีฤทธิ์แม้จะเป็น ยักษ์มาร คนธรรพ์ รากษส พญาครุฑ นาค กินนร เทวดา นางฟ้า มหาพรหม ก็มีฤทธิ์สู้พญามารอันเป็นตัวตนสำคัญที่อยู่เหนือกฏวัฏจักรมิได้ เพราะตัวท่านได้รับการละวางและงดเว้นจากกฏแห่งเผ่าพันธุ์เป็นกรณีพิเศษ พ่ออาจารย์ท่านว่าพวกเธอรู้มั๊ยแต่เดิมนั้นมีคติสืบต่อมาว่าอันพญามหาโพธิสัตว์ผู้เป็นใหญ่นั้นย่อมจะไม่จุติในภพเทวปุตมาร หากแต่ท้าวมาลัยหรือจอมฟ้านี้ได้เปลี่ยนแปลงกฏบรรพกาลที่เคยมีมาทั้งหมดไปแล้วทั้งสิ้นโดยตัวของท่าน เพราะตัวท่านเป็นเทวปุตตมารและเป็นพระมหาโพธิสัตว์ใหญ่ยิ่งอันมีพระชาติพระนามแน่นอนแล้วนั่นเอง เช่นนั้นน้ำมันสำคัญนี้ของท่านย่อมแปรเปลี่ยนสิ่งที่คงอยู่มาแต่เดิมหากอะไรที่มันไม่ดี ไม่ควรจะมี มีแล้วก็ไม่ก้าวหน้าไม่ทำให้ชีวิตเราพัฒนามากขึ้นก็ควรจะเปลี่ยนแปลงได้แล้วดังนี้

    น้ำตาพญามาร ...ของวิเศษเทวโลกที่มีอานุภาพอันน่าอัศจรรย์ยิ่งดั่งที่พ่ออาจารย์ท่านได้กล่าวไว้ว่า " บิดเบือนคราเคราะห์ เยาะเย้ยเวรกรรม ผันผวนชะตา ปั่นป่วนพรหมลิขิต " เป็นธาตุบารมีของพญามาราธิราชอย่างแท้จริงพ่ออาจารย์ท่านได้นำมาหุงเป็นน้ำมันเฉพาะศาสตร์,เฉพาะกิจเพื่อให้เราได้มีโอกาสใช้แต่งแต้มเจิมตนเป็นสิริมงคลและจะได้แต่งกรรมตนเอง พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าคนเรานั้นถ้าถึงกับบิดเบือนคราเคราะห์ เยาะเย้ยเวรกรรม ผันผวนชะตา ปั่นป่วนพรหมลิขิตได้แน่นอนว่าชีวิตนี้ย่อมไม่มีไม่รู้จะให้เดือดร้อนเรื่องอะไรแล้ว อันจอมฟ้าพญามารนั้น หากลงมาทำหน้าที่หนุนส่งผู้ใด ด้วยฐานะที่ตนก็มีหน้าที่สร้างสรรค์กามคุณ มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับความเจริญรุ่งเรืองในเทคโนโลยีและวิวัฒนาการทั้งหลายของทุกชาติพันธุ์ มีหน้าที่ดูแลความเป็นไปและความเจริญก้าวหน้าของโลกแลมนุษยชาติ ด้วยกามคุณนี้ก็คือความสะดวกสบาย ความยิ่งใหญ่ในภพ ในชาติ หลายคนสงสัยว่าพวกที่รวยๆ อยู่เฉยไม่ทำอะไรก็รวย หรือพวกที่ใช้เงินให้ตายใช้ทั้งชาติมันก็ยังไม่หมด พวกที่มีบารมีมากคับฟ้าคับแผ่นดินใครก็เอาลงมาไม่ได้ หรือสถานที่อันใหญ่โตโอ่อ่าเกินความจำเป็น เกินประโยชน์ใช้สอย เกินชีวิตความเป็นอยู่ ทั้งคนและสถานที่เหล่านี้ นั่นคือการอุปถัมภ์ในสังกัดของเหล่าเทวปุตตมารนั้นทั้งสิ้น แม้ตัวจอมฟ้าพญามารก็ได้เคยกล่าวไว้เบื้องหน้าพระบรมศาสดาว่า "ตัวพระองค์มีฤทธิ์ที่จะบันดาลภูเขาทั้งลูกให้เป็นทองคำได้ มีอานุภาพยิ่งใหญ่ในกามสามารถขวนขวายเรื่องทรัพย์ อำนวยประโยชน์สุขต่างๆตามแต่จะประสงค์ " ดังนั้นบุคคลใด สถานที่ใด หากได้รับความอุปถัมภ์หรือบารมีจากเทวปุตตมาร บุคคลเหล่านั้นก็จะถึงซึ่งความเปลี่ยนแปลง ความเจริญรุ่งเรือง สมกับอานุภาพทางด้านสร้างสรรค์ความสุขอันเกิดแต่กามคุณของพญามาราธิราช ***ทั้งนี้ในขวดน้ำมันพ่ออาจารย์ท่านยังได้ใส่เครื่องมงคลแกะสลักจากไม้กายสิทธิ์ธาตุอันมีคุณเป็นมหากำเนิด เป็นตัวก่อเกิดเฉพาะทางเสริมคุณแห่งการสร้างสรรค์กามคุณของพญามารลงไปด้วยทุกขวด...จะเป็นอะไรผู้ครอบครองเท่านั้นที่มีสิทธิ์จะรู้ ท่านว่าให้เปิดดูเอาเอง(เคล็ดการใช้ท่านว่าใช้น้ำมันแตะแต้มเจิมหน้าผากเป็นสิริมงคลได้ แต่ถ้าจวนตัวหรือจำเป็นเร่งด่วนต้องใช้ในกิจสำคัญรอช้าไม่ได้ท่านว่าให้ช้อนเครื่องมงคลไม้แกะสลักนั้นขึ้นมา ใช้เครื่องมงคลนั้นจุ่มน้ำมันเจิมหน้าตาตัวเอง) ทั้งยังลงตะกรุด"บริโภคกาม"เพื่อให้คนใช้ได้มีวาสนารับผลความเจริญและความสุขทั้งหลายในโลกอันสรรค์สร้างและแต่งแต้มจากกามคุณนั้น

    พ่ออาจารย์ท่านว่าคราวนี้ที่ทำน้ำมันสำคัญชุดนี้ก็เพื่อให้บารมีของจอมฟ้าท่านซึมซับเข้าสู่ร่างกายของผู้มีจิตศรัทธา ท่านว่าอำนาจคุณวิเศษจากน้ำมันชุดนี้หากนำมาใช้แตะต้องสัมผัสโดยตรงมันจะซึมเข้าเนื้อเข้าตัว ท่านว่านี่ตรงทางเลย แล้วก็ไม่เป็นอันตรายเพราะไม่มีมวลสารของพรายหรือสัตว์ใดๆแม้แต่น้อย พ่ออาจารย์ท่านว่าคุณวิเศษของน้ำมันนั้นแม้ตัวเธอจะตายสังขารจะไหม้ไปกับไฟแล้ว หากเธอเคยใช้น้ำมันนี้มันก็จะติดตัวเธอไปทุกชาติภพ ให้เสวยสุขอยู่ในชาติตระกูลที่ดี มีกามคุณอันละเอียดอ่อนบริโภคอยู่ทุกเมื่อทุกขณะและจะมีผลสะท้อนกรรมปรับแต่งกรรมนั้นตามคุณลักษณะน้ำมันติดตัวเธอไปทุกชาติจนกว่าจะเข้าสู่พระนิพพาน

    คาถาบูชา
    นะโม วะสะวะตีมาเร อนาคะตังเส พุทธัสสะ(ใช้ภาวนา)
    โอม วสวัตตีโพธิสัตโตนะโมพุทธานะ ปาฏิหารัญจะ ทวาทะสะ กาละกัญชะมหา ภิสมาปะสะนะวา อิติสิทชะติ


    *** น้ำมันสำคัญนี้พ่ออาจารย์ท่านทำไว้ได้ห้าขวด ท่านว่าหากใช้จวนจะหมดแล้วให้เหลือเชื้อน้ำมันไว้แล้วนำเอาน้ำมันจันทร์ไปซื้อมาเติมให้เต็มก้ใช้ได้เหมือนเดิม รับจองเฉพาะทาง PM เท่านั้น ผู้จองให้แจ้งชื่อนามสกุลวันเดือนปีเกิดไว้ด้วย พ่ออาจารย์ท่านว่าจอมฟ้าท่านจะรับครอบชะตาเปิดวาสนาในกามภพและกามคุณทั้งปวงให้หนหนึ่งทั้งยังจะประสิทธิ์กำกับน้ำมันให้เฉพาะด้วย ท่านกล่าวเสมอว่าน้ำมันของท่านนั้นมีเฉพาะผู้ที่ผูกพันธ์หรือมีวาสนากับท่านเท่านั้นที่จะรู้คุณและนำไปใช้ได้ เพราะท่านดลใจให้คนที่ไม่มีวาสนามองข้ามไป รายได้ร่วมสมทบทุนสร้างพระใหญ่สืบต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา น้ำมันเป็นต่อเลิศภพจบแดนมารฟ้าสะท้อนกรรม(ปรับแต่งกรรม) บูชา 4,000 บาท

    56184201-2113174508972677-5760728055169417216-n.jpg 56236108-262859807995860-2630378765393330176-n.jpg
    56835671-583831455448016-8878072458851123200-n.jpg
     
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,113
    ค่าพลัง:
    +16,533
    มีบางท่านไม่เข้าใจถามว่าท้าวมาลัยกับพระมาลัยที่ท่องนรกสวรรค์ เป็นองค์เดียวกันหรือ อันนี้ผมได้ให้คำอธิบายไว้เรื่อยๆตลอดที่นำเสนอประวัติของพญามารตามแนวทางพ่ออาจารย์ท่าน ว่าคนละองค์ แค่ชื่อซ้ำกันแต่องค์หนึ่งคือพระอรหันต์ อีกองค์คือมหาโพธิสัตว์เช่นนี้
     
  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,113
    ค่าพลัง:
    +16,533
    เรื่องจิตนี้

    - โดยหลวงปู่ชา

    การปฏิบัติเรื่องจิตนี้…ความจริงจิตนี้ไม่เป็นอะไร มันเป็นประภัสสรของมันอยู่อย่างนั้น มันสงบอยู่แล้ว ที่จิตไม่สงบทุกวันนี้ เพราะจิตมันหลงอารมณ์

    ตัวจิตแท้ๆนั้นไม่มีอะไร เป็นธรรมชาติอยู่เฉยๆเท่านั้น ที่สงบ ไม่สงบ ก็เป็นเพราะอารมณ์มาหลอกลวง จิตที่ไม่ได้ฝึกก็ไม่มีความฉลาด มันก็โง่ อารมณ์ก็มาหลอกลวงไปให้เป็นสุข เป็นทุกข์ ดีใจ เสียใจ

    จิตของคนตามธรรมชาตินั้นไม่มีความดีใจเสียใจ ที่มีความดีใจเสียใจนั้นไม่ใช่จิต แต่เป็นอารมณ์ที่มาหลอกลวง จิตก็หลงไปตามอารมณ์โดยไม่รู้ตัว แล้วก็เป็นสุขเป็นทุกข์ไปตามอารมณ์ เพราะยังไม่ได้ฝึก ยังไม่ฉลาด แล้วเราก็นึกว่าจิตเราเป็นทุกข์นึกว่าจิตเราสบาย ความจริงมันหลงอารมณ์

    พูดถึงจิตของเราแล้วมันมีความสงบอยู่เฉยๆ มีความสงบยิ่งเหมือนกับใบไม้ที่ไม่มีลมมาพัดก็อยู่เฉยๆ ถ้ามีลมมาพัด ก็กวัดแกว่ง เป็นเพราะลมมาพัด และก็เป็นเพราะอารมณ์ มันหลงอารมณ์ ถ้าจิตไม่หลงอารมณ์แล้วจิตก็ไม่กวัดแกว่ง ถ้ารู้เท่าอารมณ์แล้วมันก็เฉย เรียกว่าปกติของจิตเป็นอย่างนั้น ที่เรามาปฏิบัติกันอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อใหเห็นจิตเดิม เราคิดว่าจิตเป็นสุข จิตเป็นทุกข์ แต่ความจริงจิตไม่ได้สร้างสุขสร้างทุกข์ อารมณ์มาหลอกลวงต่างหาก มันจึงหลงอารมณ์ ฉะนั้น เราจึงต้องมาฝึกจิตให้ฉลาดขึ้น ให้รู้จักอารมณ์ไม่ให้เป็นไปตามอารมณ์ จิตก็สงบ เรื่องแค่นี้เองที่เราต้องมาทำกรรมฐานกันยุ่งยากทุกวันนี้

    ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามีอยู่ เป็นอยู่นั้น มันเป็นสักแต่ว่า “อาศัย” เท่านั้น ถ้ารู้ได้เช่นนี้ ท่านว่า รู้เท่าตามสังขาร ทีนี้แม้จะมีอะไรอยู่ก็เหมือนไม่มี ได้ก็เหมือนเสีย เสียก็เหมือนได้…

    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327-d25vj52.jpg
     
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,113
    ค่าพลัง:
    +16,533
    จิตที่มีกำลัง

    "กำลังของจิต" (หลวงปู่ชา)

    " .. "จิตมีความสงบ เป็นจิตที่มีกำลัง" จิตที่คิดมากเป็นจิตที่วุ่นวาย นำทุกข์เข้ามาสู่เรา "เห็นโทษของการคิดมากไม่มีกำลังนั้น คือทุกวันนี้โดยมากเป็นโรคประสาทกันแยะ" โรคประสาทนี้ คือการคิด ๆ มากเกินไป "จิตก็เสียกำลังเพราะจิตนี้จะไม่มีกำลังด้วยการคิด จิตนี้จะมีกำลังด้วยการหยุด หยุดถึงจะมีกำลัง"

    "ถ้าคิดให้มากก็ยุ่งมากวุ่นวายมาก เป็นเหตุให้เกิดโรคประสาท" สมัยนี้โรคประสาทยิ่งเป็นกันมากทุกที ๆ เพราะว่าจิตไม่มีกำลังพอ "จิตที่คิดมากก็เหมือนกับมีดที่เราลับไว้คมแล้ว ๆ ก็เอาไปทำงานตัดหญ้า ดายหญ้า ตัดต้นไม้ มิได้หยุดและก็ไม่ได้ลับมีดนั้น"

    ได้แต่เอาไปตัดเอาไปฟัน เอาไปทำงานไม่ได้ลับมีดมันก็หมดคม มันก็ไม่คม เจอต้นไม้ก็ตัดต้นไม้ เจอหญ้าก็ตัด เจอหินก็ฟันหิน เช่นนั้นมีดก็เสื่อมสภาพกลายเป็นมีดที่ไม่คม "จิตที่คิดมากก็เหมือนกันฉันนั้น เป็นจิตที่เสียกำลังเป็นจิตที่หมดกำลัง" .. "

    จิตมีกำลังแบบสมถะ จิตมีกำลังแบบวิปัสสนา

    ในแวดวงกรรมฐานในประเทศไทย คำสอนที่ว่า ก่อนทำวิปัสสนานั้น ต้องทำสมถะเพื่อให้จิตมีกำลังเสียก่อน ในบทความนี้จะมาแสดงให้ท่านรู้ว่าคำสอนที่ว่าเป็นจริงหรือไม่อย่างไร


    1257151496.gif

    เมื่อท่านทำสมถะไม่ว่ารูปแบบใดจะปรากฏออกมาดังรูปข้างบน(รู้แบบสมถะ) จิตรู้นั้นจะถูกตรึงแน่นด้วยเส้นสีแดง(ซึ่งก็คือตัณหา การยึดติด)กับวัตถุที่จิตไปจับติดอยู่ คำว่าวัตถุที่จิตไปจับติดอยู่ก็เช่นที่ปลายจมูก,ที่ท้อง เมื่อท่านดูลมกระทบที่จุดนั้นหรือพวกเพ่งท้องเหนือสะดือ2นิ้วที่สำนักดังเขาสอนกันอยู่หรือไปเพ่งหน้าผาก(ตาที่สาม) หรือไปเพ่งเท้าในขณะเดินจงกรม หรือไปเพ่งมือในขณะที่เคลื่อนมือแบบหลวงพ่อเทียน

    เมื่อมีการกระทำเพื่อการบังคับจิตให้ติดแน่นกับวัตถุ ไม่ยอมให้จิตหนีพรากไปไหนย่อมต้องเป็นอัตตาตัวตนที่เข้ากระทำและเป็นความอยากที่จะกระทำซึ่งก็คือตัณหา ดังนั้นจึงเกิดตัณหาขึ้นเป็นแรงยึดจิต(เส้นสีแดง)เข้ากับวัตถุ

    ยิ่งจิตแนบแน่นกับวัตถุมากเท่าใดนั่นแสดงว่าตัณหายิ่งเข็มแข็งประดุจกาวตราช้างที่มีอนุภาพยิ่ง เมื่อตัณหายิ่งเข็มแข็งจิตยิ่งถูกตัณหาผูกมัดไว้ ทำให้จิตไม่เกิดปัญญารู้แจ้งในทางธรรม

    ดังนั้นการกระทำสมถะจึงไม่อาจเข้าถึงอริยสัจจธรรม ดังที่เจ้าชายสิทธัตถะทรงทราบดีเมื่อคราวไปเรียนกับดาบส 2 รูป(ดังที่มีกล่าวไว้ในพุทธประวัติ)

    ทีนีมาดูกรณีของวิปัสสนา ดังรูปด้านล่างเส้นไข่ปลา(เส้นประ) ในกรณีของวิปัสสานานั้น จิตรู้จะไม่ติดหนึบกับวัตถุดังกรณีของสมถะ แต่จิตรู้จะเป็นอิสระจากวัตถุโดยสิ้นเชิง จิตรู้ที่เป็นอิสระนั้น จะรู้สภาวะธรรมที่เกิดตามอายตนะต่างๆ คือ ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางจิตใจ ในแง่ทฤษฏีแล้วการรู้ของจิตรู้จะรู้ได้ครั้งละ 1 อย่าง แต่ในแง่การปฏิบัติที่ผู้ปฏิบัติจะพบเองก็คือ จิตรู้จะรู้ได้พร้อมๆกันทุกๆอายตนะ

    ในวิปัสสนาการที่จิตมีกำลังนั้นทางภาษาพระเรียกว่าจิตตั้งมั่น ซึ่งจิตที่ตั้งมั่นนั้นจะเป็นอิสระอย่างสมบูรณ์แบบจากวัตถุอันเป็นการสัมผัสผ่านทางระบบประสาททางตา หู จมูก ลิ้น กาย จิตใจ
    จิตรู้จะรู้การสัมผัสที่เกิดขึ้น แต่จะไม่เข้าไปจับยึดกับวัตถุที่สัมผัสนั้นๆ นี่คืออาการของจิตที่มีกำลังทางวิปัสสนา

    เมื่อจิตรู้ไม่จับยึดกับวัตถุที่เป็นอารมณ์ของจิตอารมณ์ของจิตจะแสดงไตรลักษณ์อันเป็นธรรมชาติให้จิตรู้ได้เห็นทำให้จิตรู้เกิดปัญญา คลายความยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ 5 ลงไปในขั้นต้นและถึงขั้นการตัดการยึดติดอย่างถาวรในขั้นปลายอันเป็นการดับทุกข์ใจได้อย่างถาวร

    ในแง่การฝึกฝนจิตตั้งมั่นแบบวิปัสสนานั้น คือฝึกเพียงความรู้สึกตัวที่เป็นธรรมชาติอยู่เสมอๆให้ติดเป็นนิสัย เมื่อเป็นนิสัยแล้วจิตก็จะตั้งมั่นเป็นวิปัสสนาเอง(บางพระอาจารย์จะเรียกว่าการมีปรกติเจริญสติปัฏฐาน)

    ท่านจะเห็นว่า ในคำสอนของครูอาจารย์นั้น ถ้าท่านไม่เข้าใจ ไปตีความผิดในแง่การปฏิบัติ ท่านจะหลงเข้าสู่สมถะทันที แล้วท่านก็จะไม่มีทางพบธรรม

    ผมฟังซีดีธรรมมามากหลายอาจารย์ ผมพบว่า อาจารย์ส่วนใหญ่ทีสอน จะสอนเพียงว่า .ให้มีสติ รู้กาย รู้ใจ. บ้าง .ให้มีสติอยู่กับตัวบ้าง. นี่คือคำสอนที่ดูเหมือนจะปั้มกันออกมาดังเหรียญกระษาปณ์ของรัฐบาล ซึ่งไม่มีการชี้แนะให้ว่า สติรู้กาย รู้ใจ นั้นมีลักษณะอาการอย่างไร ถ้าท่านตีความผิด หรือเข้าใจผิด ท่านก็จะพบกับเหรียญกระษาปณ์ปลอมเข้าอย่างจัง แล้วคิดว่า นี่คือเหรียญของจริงแล้วท่านก็จะหลงทางไปกับวังวนของสมถะ หาทางพ้นทุกข์ไม่พบเลย

    เจ้าชายสิทธัตถะได้ทรงทราบจุดนี้ดี ครั้นเมื่อตรัสรู้เป็นองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ก็ทรงสอนการเจริญวิปัสสนาให้แก่ชาวพุทธอันเป็นมรดกแก่ชาวพุทธเพื่อการพ้นทุกข์ทางใจอย่างถาวร
     
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,113
    ค่าพลัง:
    +16,533
    มีใครยังจำความเฮี้ยนของตะกรุดชุดนี้ที่นับว่าเป็นชุดแรกๆกันได้มั๊ยครับ ...จำได้ว่าเห็นกันเป็นตัวเป็นตนและคนใช้มักจะมีประสบการณ์หลายๆด้านตลอด แม้กระทั่งมีนกมาเล่นด้วยหรือทำอะไรแปลกๆให้น่าพิศวงใจอยู่เสมอ บางคนก็เอาไปภาวนาจนสื่อสารกับจิตพญาการะเวกได้ ถือได้ว่าวิชาพญาการะเวกของพ่ออาจารย์ท่านเน้นที่จิตวิญญาณจริงๆ ....เห็นคนหาของชุดแรกกันเยอะช่วงนี้ใครที่ตั้งตารอคอยสายพญาการะเวกต้องเกาะและเฝ้ากระทู้ช่วงนี้ไว้ให้ดี รับประกันว่าร้อนแรงแน่นอน เพราะหนนี้ไม่ใช่ตะกรุดหากจะเป้นพญานกพิมพ์ปั้นมือที่ทำยากที่สุดและมันส์ที่สุด แรงที่สุดอย่างแน่นอน พ่ออาจารย์ท่านว่าเคยทำมาหมดทั้งงั่ง ทั้งพญาเขาคำ แต่ก็สู้พ่อการะเวกนี้ไม่ได้...
     
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,113
    ค่าพลัง:
    +16,533
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่เมธี EW 4024 6684 2 TH

    พี่พรเทพ EW 4024 6685 6 TH

    พี่ชนันธร EW 4024 6686 0 TH

    พี่ปกรณ์เกียรติ EW 4024 6687 3 TH

    พี่ศิระ EW 4024 6688 7 TH

    พี่ทวีพงษ์ EW 4024 6689 5 TH

    พี่สุรวุฒิ EW 4024 6690 0 TH
     
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,113
    ค่าพลัง:
    +16,533
    พญาการเวก

    ในอดีตนั้นพ่ออาจารย์ท่านได้ทำตะกรุดไว้รุ่นหนึ่ง เรียกได้ว่าแม้เป็นตะกรุดก็ยังมีญาณมีตัวมีตนชัดเจนจนเป็นกระแสยาวนานในเรื่องของประสบการณ์ ถึงขนาดที่ของหมดไปแล้วแต่ยังมีคนขอเช่ากันเข้ามาข้ามปีทีเดียว(จำได้ไว่าต้องคอยตอบว่าหมดแล้วไม่มีแล้วจนไม่อยากจะตอบใครเลย) นั่นก็คือตะกรุดพญาการเวก เพราะถือได้ว่าท่านเป็นสายตรงจริงๆในยุคนี้ดุจว่าใครก็ทำพญาการเวกให้มีอาถรรพ์เท่าท่านนั้นยากยิ่งนัก โดยก่อนหน้านี้ท่านก็เคยสร้างวิชาพญาการเวกที่เป็นหุ่นปั้นมาก่อนแต่ไม่ได้เอาให้ใครใช้ ท่านเพียงให้บูชาชุดวิชาที่เป็นตะกรุดเท่านั้น ส่วนหุ่นพญานกท่านเสกเก็บมายาวนานด้วยว่าต้องเสกทีละองค์จนมีชีวิต ท่านว่าตนหนึ่งๆนั้นต้องเสกทีละตนเก้าวันเก้าคืน กว่าจะมีฤกษ์ทำทีละตนจนครบก็นานใช่ย่อยเลย(ใครชอบรุ่นที่เสกเข้มๆ เสกแบบมือถึงมือนั่งเสกอยู่ทีละตนๆอันนี้รับรองหายอยากแน่นอน)
    img-sm-mural-nokgarawake1.jpg
    ด้วยเพราะทำมานานแล้ว ซ้ำที่สำคัญวิชาพญาการเวกยังถือเป็นเครื่องมงคลที่มีประสบการณ์สูงมากติดอันดับต้นๆ ยิ่งหุ่นพญานกที่ท่านนั่งปั้นเองกับมือและเสกเองนั้นท่านตั้งใจลงและเสกให้แรงที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา ***รับรองว่าต่างจากตะกรุดเมื่อหลายปีก่อนแน่นอนเพราะเป็นของมีรูปร่าง เป็นตัวเป็นตน มีญาณพญานกถือครอง ท่านว่าสามารถลงเสกและเรียกอาการสิบสองได้เสมือนให้เกิดเป็นตัวตนนกการเวกจริงๆแบบเต็มสูตร

    พ่ออาจารย์ท่านว่า"การสร้างพญานกการเวกเต็มวิชานั้นไม่ค่อยจะมีใครอยากทำกันต่างกับพญาครุฑ แต่พญาการเวกก็มีคุณสมบัติเฉพาะตัวของเขา..." ถ้าไม่นับเรื่องแปลกๆที่มักจะปรากฏกายออกมาให้คนเห็นเป็นสตรีสวยงามบ้าง เป็นบุรุษกำยำร่างใหญ่บ้าง ทั้งยังมีอาถรรพ์แห่งราชาพญานกนั่นคือผู้บูชามักมีเหล่าวิหคมาขับขานกู่ร้องอยู่ใกล้ๆตัว(ด้วยท่านถือว่าพญาการเวกเป็นเจ้าแห่งวิหคทั้งมวล พวกปักษาชาติอย่างนกสาลิกาทั้งหลายหรือนกสวรรค์พันธุ์อื่นๆก็ล้วนเป็นบริวารพญาการเวกทั้งนั้น) เรียกว่าวิชากรเวกของพ่ออาจารย์นั้นเอาว่าได้ยินเสียงนกร้องเมื่อไหร่คนใช้มักจะโชคดีเมื่อนั้น(แต่เรื่องของเรื่องคือเค้าว่ากันว่าได้ยินแทบจะทุกวัน มีแต่โชค มีแต่เรื่องดีๆทั้งนั้นตั้งแต่ใช้ตะกรุด) โดยเฉพาะด้านเมตตา โภคทรัพย์ น่าจะโดดเด่นเป็นพิเศษ ยิ่งคนที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าพนักงานขาย หรือคนที่ต้องต่อรองสิ่งใดๆกับคนอื่นบ่อยๆ ท่านว่านี่คุมเกมได้หมดเลย คนที่ไม่มีใครสนใจ ทำงานไม่ก้าวหน้า ขายของไม่ได้ พูดอะไรไปมีแต่คนฟังแต่ไม่ตกลงแค่ฟังผ่านๆฟังพอเป็นพิธรท่านว่านี่ยิ่งง่ายใหญ่...แต่เอาว่าวิชาพญาการเวกมีอะไรที่ลึกๆยิ่งกว่านี้ ติดตามดีๆใครชอบพิมพ์ปั้นห้ามพลาดเลยเพราะทุกองค์เป็นงานฝีมือจะไม่เหมือนกันซักองค์ นอกจากพุทธคุณแล้วคุณค่าของพระแต่ละองค์ยังถือว่าเป็นของชิ้นเดียวในโลกอีกด้วย

    img-sm-mural-noktuntima1.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...