**พระกรรมฐานสาย ลป.ชอบ ลป.คำดี ลป.หลุย และครูบาอาจารย์สายต่างๆ**//

อภิญญาธรรม หลวงปู่ชอบ ฐานสโม
(จากคำบอกเล่าของครูบาอาจารย์)


​

หลวงปู่ชอบ ฐานสโม เป็นครูบาอาจารย์อีกท่านหนึ่ง ที่ในวงษ์พระกรรมฐานยอมรับนับถือกันว่า ท่านมีญาณบารมีจิตอันแก่กล้า และมีเมตตาธรรมสูง ตลอดชีวิตของการปฎิบัติธรรมของท่าน ท่านจะเที่ยววิเวกอยู่ตามป่า ตามเขาตลอดมา แม้ในช่วงอายุ 60 กว่าๆแล้ว ท่านก็ยังไม่ได้จำพรรษาวัดใดเป็นหลักแหล่ง ยังคงเที่ยวธุดงค์ตามป่าเขา อยู่จนท่านเริ่มมีอาการอาพาธ เป็นอัมพฤกษ์ครึ่งซีก(บริเวณซีกซ้าย) ประมาณช่วงปี 2513

แขน ขา ซีกซ้ายของท่านอ่อนแรง ทำให้ท่านไปไหน มาไหนค่อนข้างไม่สะดวกนัก จะต้องมีคนพยุง หรือไม่ก็ต้องใช่ไม้เท้าในการพยุงตัว จวบจนท่านอายุเข้า 70-71 ปี เมื่อปี 2514 หลวงปู่ชอบ ท่านก็มีอาการหนักขึ้น แขนขาเริ่มไม่รู้สึก จนทำให้ท่านเป็นอัมพาต ไม่สามารถเดินเหินเหมือนปกติ จนในเวลาต่อมาทำให้ท่าน ได้จำพรรษา ณ วัดโคมน เป็นการถาวรแต่นั้นมา

แต่กะนั้นตั้งแต่ท่านยังสามารถเดินไปไหนมาไหนได้ จนท่านไม่สามารถเดินเหินได้เป็นปกตินั้น ในเรื่องอิทธิวิธี และ ปาฏิหาริย์ หลวงปู่ท่านก็ยังเป็นที่ประจักษ์ให้ลูกศิษย์ ลูกหา ไม่ว่าจะเป็นพระหรือฆราวาส ท่านก็ยังเมตตาแสดงให้เห็นถึงบารมีธรรม อันทำให้เกิดขวัญกำลังใจ แก่ลูกศิษย์ ลูกหาในการปฎิบัติ อยู่เสมอ...

วันนี้ผู้เขียนจะขอเล่าเรื่องผ่านตัวอักษร เรื่อง ของอิทธิปาฏิหาริย์ ของพระเดชพระคุณ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ตามที่ต้นเองเคยได้ยิน ได้ฟังผ่านหูของตัวเอง(ไม่ได้อ่านจากที่ไหน) จากปากของครูบาอาจารย์ ลูกศิษย์ลูกหา หลวงปู่ชอบที่ท่านเคยอยู่ใกล้ชิตเล่าสู่ฟัง

บางเรื่อง อาจจะเป็นเรื่องที่หลายท่านเคยได้ยินได้อ่านมาแล้วตามหนังสือต่างๆ(เพราะครูบาอาจารย์อาจเล่าในที่สาธารณะแล้ว) ก็ลองอ่านดูพอเป็นคติธรรม เพื่อยังความศรัทธาให้บังเกิดเป็นกุศลต่อไปครับ.....

​

..........เมื่อปี 2545 ใกล้ๆปีใหม่ 2546 ผู้เขียนได้เดินทางไปกราบหลวงปู่เปลี่ยนที่จังหวัดเชียงใหม่ ตอนนั้นก็เป็นเวลา บ่ายสามกว่าๆแล้ว ซึ่งสมัยนั้นการเข้ากราบครูบาอาจารย์ ไม่ได้มีอะไรมากเหมือนทุกวันนี้ พระที่อยู่จำพรรษาก็น้อย ญาติโยมโดยทั่วไปก็ไม่ค่อยจะรู้จักท่านมาก การเข้าหาเลยไม่ได้มีกำหนดเวลากฏเกณฑ์อะไรมาก เอาว่าท่านไม่อยู่ก็คือไม่เห็นท่าน

เมื่อเจอท่านครั้งนั้นท่านกำลังกวาดตาดอยู่ พอท่านเจอคณะของผู้เขียนมา(ไปกัน4-5คน) ท่านก็ถามว่ามาแต่ไหนกัน แล้วท่านก็ชวนขึ้นไปคุยกันบนกุฏิเพื่อรับของถวาย พอถึงก็กราบเรียนท่านว่ามาจากเมืองเลย ท่านก็บอกว่า อ่อเมืองเลยนี้ ท่านก็เคยไปอยู่ 2-3 พรรษา แต่ก็ไปๆมาๆ ไปอยู่วัดโคมนกับหลวงปู่ชอบ ท่านว่า...

แล้วก็คุยกันไปได้ระยะเวลาพอสมควร ท่านก็เล่าเรื่องประสบการณ์ของท่าน ที่ไปอยู่กับหลวงปู่แหวน หลวงปู่ชอบ ว่า....

"......สำหรับเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ อิทธิฤทธิ์นี้ หลวงปู่แหวน กับ หลวงปู่ชอบ เราไปอยุ่ด้วยกับท่านทั้งสองนี้จะพอๆกัน กับหลวงปู่ชอบบางทีท่านก็แสดงให้เราเห็น มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านก็นอนอยู่บนเตียงนอนท่านนั้นละ เราก็อยู่ใกล้ๆท่าน มองไปบนเตียงอีกที เอ๋า!!....หลวงปู่ชอบท่านหายตัวไปแล้วนะ เห็นแต่เตียงเปล่าเปล่าเด้ เราก็คิดเด้ เอ๋...ท่านก็คือเดินไปไหนไม่ได้ท่านจะไปไหนเราก็นั่งอยู่ตรงนี้ ถ้าท่านไปเราต้องเห็นสิน่า ว่างัน...(ท่านหัวเราะไปด้วย)

​

"โอ๊ยย.......(หลวงปู่เปลี่ยนท่านอุทาน) พอแต่กลับไปดูอีกที ท่านก็นอนยิ้มอยู่ที่เก่านั้นแหละที่เตียง ทีแรกเปิดผ้าห่มดูไม่มีนี้นะ พอแต่หันหลังไปหาเท่านั้นแหละ ท่านกลับมาแล้ว กลับมาเปิดผ้าห่มดูอีกที ท่านก็นอนอยุ่นั้นแล้ว โฮเรานี้อัศจรรย์ใจ...ท่านหัวเราะ"

หลวงปู่ท่านท่านเล่าต่อ ...."หลายครั้งอยู่น่า กับความอัศจรรย์หลวงปู่ชอบนี้ บางทีท่านก็ทำตัวให้ใหญ่แต่ ตัวจริงท่านน้อยๆนา แต่พอท่านกำหนดให้ใหญ่นี้ ปานว่าคนสามคนมารวมกัน ใหญ่คับเเตียงเลยว่างัน"

ท่านทิ้งท้ายว่า..."นี้ลาาความอัศจรรย์ของธรรม ของครูบาอาจารย์เพิ่น(ท่าน)แสดงให้ดูเป็นกำลังใจ ในการปฎิบัติธรรมของลูกศิษย์พระลูกพระหลาน..."

​

หลวงพ่อสาครก็เป็นอีกท่านหนึ่ง ที่เล่าเรื่องปาฏิหาริย์ เกี่ยวกับหลวงปู่ชอบ ให้ผู้เขียนฟัง ท่านยังสงใสอยู่ว่า "ไม่รู้ตอนนั้นหลวงปู่ชอบ เพิ่นไปภูบักใดได้อย่างไร ไปกลับวันเดียว หรือท่านจะเหาะไป หรือจะย่นระยะทางไปนี้ก็ไม่ทราบ แต่รู้ว่าท่านไปจริงๆ"

ผู้บักได เป็นภูที่อยู่สูงที่สุดในเมืองเลย แม้ปัจจุบันไปกลับก็ลำบากแล้ว เพราะมีรถขึ้นลงบริการ(กะนั้นก็ต้องเดินขึ้นไปเองอีกหลายกิโล) แต่เมื่อ 40-50 ปีก่อน ไม่มีอะไรเลยหลวงปู่ชอบ ไปกลับได้อย่างไร เรื่องนี้ ท่านก็เล่าไว้ในหนังสือวัดป่ามณีกาญ.....ว่า

" หลวงปู่ชอบท่านเอาผ้าไปปักธงอยู่บนภูบักได หลวงปู่ท่านไป
ตอนฉันเสร็จ แล้วท่านกลับมา พวกเรายังไม่ได้กวาดตาด นี่ท่าน
ไปกลับได้ยังไง พอไปอยู่บ้านกลางแล้วก็ขึ้นไปภูบักได เราก็เลยอยากไปดูที่
หลวงปู่ชอบเคยไปเมื่อปีก่อนโน้น"

พวกชาวบ้านเขาเล่าให้ฟังว่า “ท่านไปกลับมาพระเณรยังไม่ได้กวาด
ลานวัด ฉันน้ำร้อนเลย ก็ประมาณสักบ่าย ๒-๓ โมง ไปมาได้ยังไง”

พวกชาวบ้านเขามาเล่าให้ฟังว่าเป็นสิ่งอัศจรรย์ หลวงปู่ไปภูบักได
เราเลยลองไปกัน ๓ องค์ เราเดินตั้งแต่ฉันเสร็จไปถึงตรงนั้นก็จะ
มืดค่ำแล้ว พอมืดก็ต้องนอนที่นั่น น้ำก็ไม่ได้เตรียม มีแต่ในกระติกที่เอา
ไป เอาผ้าอาบน้ำฝนปูนอนบนก้อนหิน ลมมันแรง พอตื่นก็เดินลงมา ไปติด
หน้าผาติดเหว โห กว่าจะกลับมาถึงวัดตั้งเที่ยงคืนกว่า กว่าจะหลุดออกมาได้
เดินตัดทางตรงนะ เราถึงว่าท่านย่นแผ่นดินได้ หรือท่านเหาะได้ แต่ท่านไป
องค์เดียว มีทางไปเส้นเดียวที่ขึ้นหลังภูบักได เราเดินตั้งแต่เช้ากว่าจะไปถึง
เห็นอยู่ลำไม้ไผ่ที่ท่านปัก แต่ผ้าที่ท่านเอาเป็นธงขาดหายไปแล้ว
พอมาพักหายเหนื่อย ๔-๕ วัน แล้วก็แยกกัน เราเข้าไปอยู่บ้านกลาง๒
ท่านพระอาจารย์ทองดีกับเณรเลยไปบ้านหินสอ๓ สุดเส้นทางที่จะเดินต่อ....

หลวงพ่อจันทร์เรียน....ศิษย์สายธรรมในองค์หลวงปู่ชอบ ก้เคยเล่าให้ผู้เขียนและหมู่คณะฟัง แต่นานมาแล้วว่า......"ครั้งท่านเดินธุดงค์ไปกับหลวงปู่ชอบ ตัวท่านเองจะสะพายเครื่องอัฐบริขาร ให้หลวงปู่ชอบโดยให้หลวงปู่ชอบ ท่านเดินตัวเปล่า"​

หลวงพ่อจันร์เรียนท่านว่า..."หลวงปู่ชอบท่านเดินเร็ว ก็ไม่รู้จักเหน็ด จักเหนื่อย ขนาดตอนนั้นท่านอายุก็มากแล้ว เรายังเป็นพระหนุ่มพระน้อย ก็ยังตามท่านไม่ค่อยทัน"

ท่านว่าต่อ...."มีครั้งหนึ่งท่านก็เดินตามหลังหลวงปู่ชอบ ทีนี้อยุ่ๆหลวงปู่ชอบท่านเริ่มชะลอ ชะลอการเดินลง ชมนก ชมไม้ไปตามข้างทาง เราเห็นท่านเดินช้าลง เราก็เลยเดินแซงท่านไป เราก็ก้มหน้า ก้มตาเดินไปภาวนาไป สักพักพอแซงหลวงปู่ท่าน ได้ หวิดหลังไปนิดหน่อย มองตรงไปข้างหน้าอีกที หลวงปู่ชอบท่านก็เดินอยู่ข้างหน้าเราอีกแล้ว"

ท่านอุทานเสียงดังว่า..."ป๊าาาาด อัศจรรย์เด้หลวงปู่ชอบ เรายอมท่านหมดสุดหัวใจนะ"

ผู้เขียนกราบเรียนถาม"หลวงปู่ชอบ เพิ่น(ท่าน)หายตัวบ่ครับ"

หลวงพ่อจันทร์เรียน..."จักบ่รู้คือกัน(ไม่รู้เหมือนกัน) หลายครั้ง หลายหนเด่ บ่แม่นครั้งเดียว".....

​

หลวงพ่อดาดเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันของวัดป่าสัมมานุสรณ์ ท่านก็เคยเล่าประวัติความอัศจรรย์ของหลวงปู่ชอบให้ผู้เขียนฟังว่า......

ครั้งหนึ่งขณะฉันท์จังหันเช้าเสร็จหลวงพ่อดาด ท่านจะพาหลวงปู่เข้ากุฏิพักผ่อน ก่อนจะออกมารับแขกตอนบ่าย....หลวงพ่อดาดท่านว่า"วันนั้นหลวงปู่ท่านแสดงความอัศจรรย์ ให้เรากับเณรอีกสองคนเห็น คือ ตอนเข็นรถหลวงปู่เข้ากุฏิ เพื่อจะเปลี่ยนจากรถเข็นท่าน ไปนอนบนเตียง โดยการอุ้มหลวงปู่ แต่อย่างไรไม่ทราบมีชายผ้าห่มท่านไปติดบริเวณที่ล็อกรอ รถเข็นของท่าน เลยจะเอาออกเพื่ออุ้มท่านไปนอนบนเตียง แต่พอเอาชายผ้าที่ติดอยู่ออก ตัวท่านก็ลอยจากรถเข็น ไปอยุ่บนเตียงเอง พอแกะผ้าห่มที่ติดที่ล็อกรอออกแล้ว ตัวหลวงปู่ก็นอนอยุ่เตียงแล้ว"....ท่านพูดด้วยความตื่นเต้น

ท่านจึงมาคุยกับเณรอีกสองคนว่า ในระหว่างเอาผ้าหุ่มท่านออก มีใครอุ้มท่านไปก่อนหรือป่าว เณรทั้งสองต่างบอกว่ายืนอยุ่ใกล้ๆแต่ไม่ได้แตะตัวหลวงปู่เลย ท่านเคลื่อนตัวของท่านไปเอง........เณรคนหนึ่งพูดกับหลวงพ่อดาดว่า "สงใสหลวงปู่ท่านลอยตัวไปเอง!!! "

​

หลวงพ่อขันตี ท่านเคยพูดให้ผู้เขียนฟังว่า....สมัยก่อนวัดป่าม่วงไข่จะมีป่าไผ่เยอะ แถวบริเวณกูฏิเก่าหลวงปู่จะล้อมรอบไปด้วยต้นไผ่ มันมีวันหนึ่งเกิดไฟป่าลุกลามขึ้นมาบนบริเวณวัด เข้ามาตามสันเขาตอนนั้นหลวงพ่อท่านเห็นกับตาท่านบอกว่า...

"ไฟมันรามเข้ามาบริเวณโดยรอบกุฏิหลวงปู่ ซึ่งกุฏิหลวงปู่ท่านก็มุงฟาง ตามพื้นอะไรนี้ก็มีใบไผ่ตกเต็มไปหมด ไฟก็รุกรามรอบกูฎิท่าน ท่านก็ภาวนาอยุ่ในนั้นแหละ แต่อัศจรรย์คือ ไฟไม่ไหม้ เข้าไปบริเวณกุฏิหลวงปู่เลย ไหม้รอบๆอยุ่นั้น จนมันมอดดับไปเอง
ตอนนั้นชาวบ้านก็ดูเหตุการอยุ่ ถ้าไฟเข้าใกล้กุฏิหลวงปู่ ก็จะพากันเอาน้ำมารีบดับนั้นแหละ แต่ไฟนี้ไม่ใกล้กุฏิหลวงปู่เลย นี้อัศจรรย์บารมีธรรมหลวงปู่ชอบ...."

 

จะมีแบ่งให้บูชา เฉพาะพิมพ์จันทร์ลอยพระพุทธ ๙ ใบโพธิ์
จัดสร้างเพียง 99 องค์ หล่อโบราณแบบดินไทยแท้ๆ​

- ชนวนมวลสารในการหล่อหลอม เหรียญหลวงพ่อขันตี 300 กว่าองค์
- รูปหล่อบูชาหลวงพ่อเพชร + รูปหล่อบูชาหลวงพ่อขันตี
- เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อขันตีทั้งแบบพระพุทธ และ แบบรูปเหมือนปี 2538
- แผ่นจารครูบาอาจารย์กว่า 100 แผ่น + ตะกรุดครูบาอาจารย์
- แท้งเหล็กอธิษฐานจิตทองเหลือง
*หลวงปู่สอน อนุสาสโก
*หลวงพ่อขันตี ญาณวโร
* หลวงพ่อสมศรี อัตตสิริ
*หลวงปู่อร่าม ชินวังโส
* หลวงพ่อเฉลิม ธัมมวโร...........เป็นต้น
​

​

​

จะมีให้บูชาที่นี้ เร็วๆนี้ครับ เตรียมจองกันได้เลยครับ พิธีดี ชนวนมวลสารหล่อหลอมดีครับ​

​

 

รายการที่ 221
จะมีแบ่งให้บูชา เฉพาะพิมพ์จันทร์ลอยพระพุทธ ๙ ใบโพธิ์
จัดสร้างเพียงน้อยมากๆ หล่อโบราณแบบดินไทยแท้ๆ
***********




- ด้านหน้ารูปพระพุทธมี ๙ ใบโพธิ์(หมายถึงความก้าวหน้าร่มเย็นเป็นสุข)​

- ด้านหลังเรียบ ตอกโค๊ต ดังนี้
* โค๊ตกลมมีอักษร ว.ม.ข.(วัดป่าม่วงไข่)
* โค๊ต หมายเลข ....
* โค๊ตคำว่า "ญาณวโร" ​

***********

หลวงพ่อขันตี เมตตาอธิษฐานจิต 3 วาระด้วยกัน
-------------
​

- ชนวนมวลสารในการหล่อหลอม เหรียญหลวงพ่อขันตี 300 กว่าองค์​

- รูปหล่อบูชาหลวงพ่อเพชร + รูปหล่อบูชาหลวงพ่อขันตี
- เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อขันตีทั้งแบบพระพุทธ และ แบบรูปเหมือนปี 2538
- แผ่นจารครูบาอาจารย์กว่า 100 แผ่น + ตะกรุดครูบาอาจารย์
- แท้งเหล็กอธิษฐานจิตทองเหลือง
*หลวงปู่สอน อนุสาสโก
*หลวงพ่อขันตี ญาณวโร
* หลวงพ่อสมศรี อัตตสิริ
*หลวงปู่อร่าม ชินวังโส
* หลวงพ่อเฉลิม ธัมมวโร...........เป็นต้น

/////////////

ชุดที่ 1
จองโดยคุณ อาทิตย์03

มาพร้อม
พระผงฝังพระธาตุจักพรรดิ์นิมิต ผสมผงอังคารธาตุครูบาอาจารย์ ผสมผงว้าน ผสมผงพุทธคุณ108
(หลวงพ่อขันตี ญาณวโร เมตตาอธิษฐานจิตองค์นี้สวยเดิม)
**หมายเหตุ**พระผงหลวงพ่อขันตี ชุดนี้ผสมผงอังคารธาตุหลวงปู่คำดี หลวงปู่ชอบ เกือบ 80% ของเนื้อพระครับ

-----------
ชุดที่ 2
จองโดยคุณ Yuthanaphon

มาพร้อม
กริ่งรุ่นแรกหลวงพ่อพระใหญ่ (หลวงพ่อทองพูล สิริกาโม ปลุกเสก) ท่าไคร้ บึงกาฬ ปี๒๕๕๑ รุ่นนี้ถือเป็นรูปหล่อรุ่นแรก ของหลวงพ่อทองพูน
(หลวงพ่อทองพูน ลูกศิษย์หลวงปู่ชอบ หลวงปู่แหวน หลวงปู่หลุย)

หลวงพ่อทองพูน พระอริยะเจ้าผู้ทรงคุณธรรมสูง
***********

-------------------

ชุดที่ 3

มาพร้อม
รูปหล่อหลวงพ่อเงิน วัดป่าม่งไข่ หลวงพ่อขันตี ญาณวโร เมตตาอธิษฐานจิตเดี่ยว เนื้อชนวนมงคล 108 สร้าง 2000 องค์ จัดสร้างเพียงเนื้อเดี่ยวเท่านั้น



-----------------------
ชุดที่ 4
จองโดยคุณ j999

มาพร้อม
ล็อกเก็ตรุ่นแรก หลวงปู่เทือง ญาณธโร พระอริยะเจ้าวัดโพธิ์ชัย ศิษย์สายธรรมวัดมหาธาตุ...สติปัฐาน4 (ล็อกเก็ตนี้เป็นลองพิมพ์ครับ องค์ตัวอย่างหายาก)


------------------

ชุดที่ 5
จองโดยคุณ sumobaimon

มาพร้อม
พระผงท่านเจ้าคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังษี) สมเด็จพระพุฒาจารย์(อาจ อาสโภ) วัดมหาธาตุยุวราชรังษฤทธิ์ พระวิปัสนนาจารย์ใหญ่สายสติปัฐาน 4 เป็นอาจารย์ของท่านเจ้าคุณโชดก และครูบาอาจารย์สายวิปัสสนาหลางองค์

รุ่นนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 2518 แจกศิษย์ภายใน ตอนท่านได้รับสมณศักดิ์ เป็น
สมเด็จพระพุฒาจารย์ เนื้อว้านผมสผง+พระผมเรซิน
(รุ่นนี้หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่สิมพลี เมตตาอธิษฐานจิตให้ด้วย)


*******************

ชุดละ 600
(ขออนุญาตแบ่งให้จองท่านละชุดนะครับ แบ่งๆกันบูชาครับ)
พิมพ์จันทร์ลอยพระพุทธ ๙ ใบโพธิ์นี้ "พุทธคุณนำโชคเด่นมากครับ ประสบการมาก"
​

 

ขอจองรายการที่ 221 ชุดที่ 5 ครับอาจารย์

 

ขอจองรายการ๒๒๑ชุดที่๔ครับ

 

จองชุดที่ 1 ครับ

 

ขอจองรายการ 221 ชุด 2 ครับ

 

รับทราบการจอง ขอบคุณครับ

รับทราบการจอง ขอบคุณครับ

รับทราบการจอง ขอบคุณครับ

รับทราบการจอง ขอบคุณครับ

 

ขอจองรายการที่ 221 ชุดที่ 3

 

รับทราบการจอง ขอบคุณครับ......ปิดชุดสุดท้ายที่คุณ SIR2010 นะครับ
ขออภัยท่านที่โทรมาหลังไมค์ครับ ขออนุญาตให้กับท่านที่จองหน้าเว็ปก่อนนะครับ

 

เร็วๆนี้ผมจะทำพระผงแจก ท่านสมาชิกเพื่อเป็นสิริมงคล
โดยมวลสารหลักดีมากๆครับ ทำจำนวนไม่เกิน 91 องค์
ทั้งเกศาครูบาอาจารย์ที่นำมาผสม ทั้งพิธีอธิษฐานจิต จัดทำโดยเจตนาแจกท่านสมาชิกเพื่อเป็นของขวัญที่ร่วมบุญ ร่วมบูชาพระกันมาโดยตลอดครับ

​

 

ขอจองรายการที่ 221 ชุดที่ 3

โอนเงินแล้ว 600.03 บาท วันที่ 3/8/61 เวลา 21.12 น.
ที่อยู่ ตาม PM

 

ได้โอนเงิน ๖๐๐บาท เมื่อ๘สค.เวลา๑๐.๕๖ น. เป็นค่าบูชาพระ ๑.รายการ
ที่อยู่ดูในกล่องข้อความครับ

 

พระปิดตา พระควัมปติ มหาลาภ
(หลวงตาวิลาศ ปาสาทิโก เมตตาอธิษฐานจิต)
(เงินทำบุญส่วนนี้มากน้อย ถวายหลวงปู่สำลี ร่วมบุญสร้างเจดีย์"จันทสาโรนุสรณ์ต่อไป")

ทุกองค์ตอกโค๊ต "วิลาศ" ซึ่งเป็นชื่อของหลวงตาวิลาศ ที่เมตตาอธิษฐานจิตพระปิดตาชุดนี้ครับ

เปิดดูไฟล์ 4642207

เปิดดูไฟล์ 4642208

โดยหลักๆพระปิดตาจะมีทั้งหมด 3 ประเภท​

1.พระปิดตา ชนิดปิดตานั่งยองความหมายเดิมคือพระโพธิสัตว์เจ้าในพระครรภ์ เรียกว่าพระมหาอุด หรือเป็นพระปิดทวารทั้งเก้าเต็มภาค ไม่มีคำเรียกอย่างอื่น

2.พระปิดตา ชนิดปิดตานั่งขัดสมาธิยกหัตถ์ปิดทวารทั้งเก้า ความหมายเดิมคือพระเจ้าเข้านิโรธ ควรใช้ศัพท์เรียกว่า “ภควัม”ไม่มีคำว่าพระนำหน้าและไม่มีคำบดีหรือปติตามหลัง จะเรียกภควันต์ก็ไม่ได้ เพราะคำศัพท์หมายถึงพระอิศวรหรือนามแห่งพระพุทธเจ้า ภควัม ตามความหมายของพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถานหมายความถึงพระปิดทวารทั้งเก้าปิดตาคว่ำพระพักตร์ จนมีคำพังเพยว่า”หน้าคว่ำเป็นภควัมเจียวนะ”หมายถึงสาวแสนงอน มองไปหลายตลบ ก็ไม่พบพระปิดตาหน้าคว่ำคำราชบัณฑิตหมายถึง ผู้แปลบาลีท่านจะเป็นนักพระเครื่องด้วยหรือเปล่าก็ไม่ทราบ

3. พระปิดตา ชนิดปิดตานั่งขัดสมาธิ ยกหัตถ์ทั้งสองขึ้นปิดพระพักตร์ เว้นส่วนอื่น เป็นพระเมตตามหานิยมและลาภผล เรียกว่า “พระควัมปติ” พระปิดตาทั้ง๓ชนิดมีทั้งฝ่ายบู้ ฝ่ายบุ๋น​

“พระควัมปติ” พระปิดตา ที่ท่านนั่งขัดสมาธิยกมือทั้งสองข้างปิดหน้า ซึ่งเป็นพระที่อุดมทั้งลาภผลและมหานิยมแก่ผู้บูชาสักการะ อันมีประวัติที่มาตามแต่โบราณดังนี้....

พระปิดตานั่งขัดสมาธิ ยกหัตถ์ทั้งสองขึ้นปิดพระพักตร์ เว้นส่วนอื่นเป็นองค์สมมุติ ของพระอรหันตเจ้าพระองค์หนึ่ง อิทธิคุณเน้นหนักไปในทางนิ่มนวล เมตตามหานิยม เสน่ห์ ลาภผล แคล้วคลาด การจัดสร้างเนื้อหาก็แตกต่างกัน ความมุ่งหมายของการสร้าง เป็นไปได้ทั้ง บุคคลาธิษฐาน และธรรมาธิษฐาน นิยมเรียกกันว่า “พระควัมปติ”

พระควัมปติ หมายถึงพระอรหันต์รูปใดในตำนานพุทธสาวกกล่าวว่า ท่านคือพระควัมปติเป็นพระสาวกรุ่นแรกๆ ของพระพุทธองค์ ก่อนอุปสมบทดำรงฐานะอยู่ในขั้นเศรษฐีมีทรัพย์ ระดับเดียวกันกับ ยสมานพ(อ่านยะสะ) เป็นเพื่อนเกลอรักใคร่ชอบพอกันมาก ครั้งเกิดธรรมาพิสมัย จึงพร้อมใจกันอุปสมบทในสำนักของพระบรมศาสดา ภายหลังต่อมาได้บรรลุอรหันต์ทั้งสองรูปท่านพระควัมปติทรงเป็นเอตะทัคคะ 1 ในพระอรหันต์ผู้ทรงเอตะทัคคะ 80รูปในด้านอินทรีย์สังวร ท่านบรรลุซึ่งเตวิชโชหรือวิชชาสาม เชี่ยวชาญในอิทธิวิธี เชียวชาญทางวิปัสสนากรรมฐาน เคยใช้ฤทธิ์ห้ามกระแสน้ำในลำน้ำสรภู ซึ่งไหลเชี่ยวให้หยุดไหลได้ อาการที่สำรวมทั้งภายนอกภายในโดยเคร่งครัดสม่ำเสมอนี้ ทำให้เทพยดาแลมนุษย์พากันเคารพสรรเสริญ ต่อมาได้พากันสร้างรูปของท่านเพื่อสักการบูชาลักษณะการยกพระหัตถ์ขึ้นปิดพระพักตร์จัดเป็นธรรมาธิษฐาน มิใช่บุคคลธิษฐาน เพราะการสำรวมอายะตนะ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่จำเป็นต้องปิดหน้า"พระปิดตา" แต่เป็นการแสดงความหมายให้ทราบเท่านั้น​

​

 

หลวงตาวิลาสนี้ ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่คำดี ปภาโส โดยตรง ร่วมยุคพรรษากับหลวงพ่อขันตี และ หลวงปู่พัน​

ท่านเกิดเมื่อ พ.ศ. 2486 และเมื่ออายุ 23 ปี ท่านก็ได้บวช โดยมี หลวงปู่ศรีจันทร์ วัณณาโภ อุปสมบทให้ได้ฉายาว่า"ปาสาทิโก"

หลังจากบวชแล้ว ท่านก็เที่ยวธุดง แสวงหาธรรมรอบๆจังหวัดโดยท่านไม่ได้ไปไกลนัก แล้วท่านก็มาจำพรรษาที่ วัดวารินทราวาสนี้ เมื่อหลังอุปสมบทเลย(ปี2509ไปเที่ยวธุดงแต่ไปๆมาที่วัดนี้)

ด้วยวัดท่านจำพรรษาอยู่ กับวัดถ้ำผาปู่ หลวงปู่คำดี อยู่ไม่ไกลกันนัก ท่านมักจะไปฟังเทศนาและอยู่ปฎิบัติธรรม แม้กระทั่งลงอุโบสถ วัดถ้ำผาปู่อยู่เสมอ

ท่านอยู่ปฎิบัติกับหลวงปู่คำดี หลายสิบปี จนหลวงปู่คำดีมรณะภาพ ปี 2523 ท่านก็กลับมาจำพรรษาที่วัดวารินทราวาส จนปัจจุบัน....

ต่อมาท่านก็อยู่ปฎิบัติกับองค์ หลวงพ่อสีทน สีลธโน หลวงปู่ท่อน ญาณธโร ตลอดมา ถือว่าหลวงพ่อวิลาศ ปาสาทิโก เป็นศิษย์สายวัดถ้ำผาปู่ โดยตรงเลยทีเดียว

ปัจจุบันท่านอายุ 73 ปี พรรษา 51
หลวงปู่ท่อน ญาณธโร เคยกล่าวชื่นชมหลงพ่อวิลาสไว้ว่า "ท่านวิลาศ ท่านมีดีของท่านนะ แต่ท่านไม่อวด"​

 

ปัจจัยร่วมบุญมากน้อย ถวายร่วมสร้างเจดีย์ และ ซื้ออาหารเสริมถวายหลวงปู่สำลี
จะเปิดให้ร่วมบุญเร็วๆนี้ครับ ของดีๆ ที่หลวงตาท่านเมตตาให้จัดสร้าง
(สร้างเนื้อเดียว 200 องค์เท่านั้ครับ องค์ละ 70 บาท ยิ่งกว่าคุ้มครับ)



ตอกโค๊ตชัดเจน...ของแท้แน่นอนครับ
จะเปิดให้ร่วมบุญ ในวันอังคารที่ 14 สิงหาคม 2561 นี้ครับ
(หลังจากหลวงตาวิลาศ อธิษฐานจิตแล้วครับ)
​

 

เปิดดูไฟล์ 4647558

ขอเชิญร่วมบุญสมทบทุนสร้างเจดีย์ ณ วัดถ้ำคูหาวารี และ ถวายปัจจัยหลวงปู่สำลี สุทธจิตโต



เปิดดูไฟล์ 4647559



เปิดดูไฟล์ 4647560

ท่านผู้ศรัทธาสามารถร่วมบุญบูชาได้ตั้งแต่บัดนี้ จน ไปถึงวัน พฤหัสบดี ที่ 16 สิงหาคม 2561 ครับ...(ปัจจัยมากน้อย ถวายหลวงปู่สำลี และ ซื้ออาหารเสริมถวายครับ)

อนุโมทนาครับ...
​

“พระควัมปติ” พระปิดตา ที่ท่านนั่งขัดสมาธิยกมือทั้งสองข้างปิดหน้า ซึ่งเป็นพระที่อุดมทั้งลาภผลและมหานิยมแก่ผู้บูชาสักการะ อันมีประวัติที่มาตามแต่โบราณดังนี้....​

​

พระปิดตานั่งขัดสมาธิ ยกหัตถ์ทั้งสองขึ้นปิดพระพักตร์ เว้นส่วนอื่นเป็นองค์สมมุติ ของพระอรหันตเจ้าพระองค์หนึ่ง อิทธิคุณเน้นหนักไปในทางนิ่มนวล เมตตามหานิยม เสน่ห์ ลาภผล แคล้วคลาด การจัดสร้างเนื้อหาก็แตกต่างกัน ความมุ่งหมายของการสร้าง เป็นไปได้ทั้ง บุคคลาธิษฐาน และธรรมาธิษฐาน นิยมเรียกกันว่า “พระควัมปติ”

พระควัมปติ หมายถึงพระอรหันต์รูปใดในตำนานพุทธสาวกกล่าวว่า ท่านคือพระควัมปติเป็นพระสาวกรุ่นแรกๆ ของพระพุทธองค์ ก่อนอุปสมบทดำรงฐานะอยู่ในขั้นเศรษฐีมีทรัพย์ ระดับเดียวกันกับ ยสมานพ(อ่านยะสะ) เป็นเพื่อนเกลอรักใคร่ชอบพอกันมาก ครั้งเกิดธรรมาพิสมัย จึงพร้อมใจกันอุปสมบทในสำนักของพระบรมศาสดา ภายหลังต่อมาได้บรรลุอรหันต์ทั้งสองรูปท่านพระควัมปติทรงเป็นเอตะทัคคะ 1 ในพระอรหันต์ผู้ทรงเอตะทัคคะ 80รูปในด้านอินทรีย์สังวร ท่านบรรลุซึ่งเตวิชโชหรือวิชชาสาม เชี่ยวชาญในอิทธิวิธี เชียวชาญทางวิปัสสนากรรมฐาน เคยใช้ฤทธิ์ห้ามกระแสน้ำในลำน้ำสรภู ซึ่งไหลเชี่ยวให้หยุดไหลได้ อาการที่สำรวมทั้งภายนอกภายในโดยเคร่งครัดสม่ำเสมอนี้ ทำให้เทพยดาแลมนุษย์พากันเคารพสรรเสริญ ต่อมาได้พากันสร้างรูปของท่านเพื่อสักการบูชาลักษณะการยกพระหัตถ์ขึ้นปิดพระพักตร์จัดเป็นธรรมาธิษฐาน มิใช่บุคคลธิษฐาน เพราะการสำรวมอายะตนะ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่จำเป็นต้องปิดหน้า"พระปิดตา" แต่เป็นการแสดงความหมายให้ทราบเท่านั้น​

 

ขอร่วมบุญสมทบทุนสร้างเจดีย์ ณ วัดถ้ำคูหาวารี และ ถวายปัจจัยหลวงปู่สำลี สุทธจิตโต 1,000.- ครับอาจารย์

 

ขอร่วมบุญ 2องค์ครับ

 

3 องค์ครับ