กระแส"พญานาค"กับข้อเท็จจริงบางอย่าง(มีคลิป) คนที่ไม่เชื่อควรดูด้วยดุลพินิจ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย 9@Phonlee, 1 กุมภาพันธ์ 2018.

  1. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,884
    ค่าพลัง:
    +4,719

    ถ้าพอมีเวลา...เล่าความฝันให้ฟังมั่งสิ
    ยิ่งถ้าเป็น "พญานาค"...ชอบเลย

    ...เผื่อจะได้*กลัว* ด้วยคน

    ...ที่เหมือนเขาไม่พอใจ
    น่าจะเป็นเพราะอุตส่าห์เข้าฝันแล้ว
    ...ยังแกะตัวเลขไม่ออก
     
  2. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,884
    ค่าพลัง:
    +4,719
    Tips & Trick (วรรคทอง)
    หน้า 8 ลำดับที่ #146 (1)
    "nopphakan, post:


    "เรื่องการเห็น อย่างที่บอก
    เวลาเห็นปุ๊บตัดปั๊บ ทำบ่อยๆ
    และทำบุญอุทิศส่วนกุศลบ่อยๆ
    จะยิ่งดีขึ้นไปอีก


    ดวงวิญญาน เมื่อก่อนก็เหมือนเราๆ
    เพียงแต่ปัจจุบันท่านไม่มีกายเท่านั้นเอง
    และสีบอกสิ่งที่จิตสะสมหรือทำได้
    แท้แล้วมันคือเหตุที่ทำให้เวียนว่ายตายเกิด
    สีที่ต้องระวังคือเทาๆ ปนดำ
    หรือสีอื่นๆที่มีสีเทาๆปน
    แต่ปกติเค้าไม่มายุ่งอะไรกับเราหรอก
    ถ้าไม่มีเหตุ สบายใจหายห่วงได้


    วิธีลัดก็คือ เทคนิคคอลเทอมอย่างหนึ่ง
    คือมีบ้างคนอยากจะประมาน
    พอมีอะไรพิเศษบ้าง
    หรือทำอย่างไรจิตจะมีความสามารถ
    รับรู้อะไรได้พิเศษไปถามท่านแต่ว่าคนถาม
    ไม่มีพื้นฐานจิตใช้งานได้มาก่อน
    ท่านก็เลยสอนแบบนี้ แต่ถ้ามีฐานมาแล้ว
    ท่านจะบอกให้ตัด ลาภ ยศ สุข
    สรรเสริญ และทิ้งความสามารถ
    พวกนั้นให้หมด ประมานว่าไม่เคยมีเลย
    กับตัวเอง แล้วมาเน้นทางปัญญาต่อ
    เวลาสอนก็คุยประมานรู้เรื่องกันเฉพาะประมานนี้


    ความสามารถมันถึงจะมีการพัฒนาขึ้น
    ได้เรื่อยๆ และไม่เสื่อมถอย
    ใช้งานชิวๆขึ้น ได้ของมันเอง.
    ** ความสามารถหลายๆอย่างที่เขียนในตำรา
    พอถึงระดับที่ฝึกกรรมฐานนั่นได้สำเร็จแล้ว
    ผู้ฝึกจะพบเองว่า มันต้องทิ้งเลย
    มันถึงจะมีพัฒนาและไม่เสื่อม.


    ทิ้งเพื่อ? เป็น อุบาย
    ให้จิต มันเป็นเองแบบอัตโนมัติ
    หรือธรรมชาติของมันในอนาคต


    แล้วทิ้ง(บางคนไม่ทิ้งกลัวหาย
    นั่นคือยึด และจะขวางการต่อยอด)
    และมาเดินปัญญาต่อเพื่อ? ที่จะหนุน
    ให้จิตเริ่มคลายตัวเองได้ก่อน จนกระทั่ง
    เริ่มคลายได้ตามธรรมชาติของมัน
    ซึ่งตรงนี้ อาศัยปัญญามาหนุนร่วม(สำคัญ)



    พอจิตคลายตัวได้แล้ว(คือไม่เป็นวงกลม ไร้รูปร่าง)
    สิ่งต่างๆที่จิตมันเคยเก็บไว้ จนเป็นสัญญา
    หรือเป็นเหตุที่ทำให้เวียนว่ายตายเกิด
    บางอย่างถ้าเป็นความสามารด เห้ย! สามารถ
    เค้ามักเรียกว่าของเก่า
    มันจะค่อยๆขึ้นมาได้ของมันเอง
    แต่ด้วยที่มัน คือเหตุที่ทำให้เวียนว่ายตายเกิดนั้น?
    เราต้องเรียนรู้และเข้าใจตรงนี้ด้วย


    เมื่อมันขึ้นมา เราจึงมีทริคต่อว่า
    “ถ้าจะรู้ ถ้าจะใช้ ก็ปล่อยให้รู้ไป
    ใช้แล้วก็แล้วไป
    ไม่ต้องไปอยากรู้เพิ่มอะไรแค่ไหนแค่นั้น
    ใช้แล้วก็ไม่ต้องไปตามผล
    ไปคาดไปหวังอะไร
    “เพื่อ?? ป้องกันการไปเผลอยึดมัน
    จนกลายเป็นจริต วิบาก อนุสัย อย่างใดอย่างหนึ่ง
    (การที่มันขึ้นมาแล้วเข้าใจว่าตนต้องมีหน้าที่โน้นนี่นั้น เป็นนั่นโน่นนี้ นั่นหละ คือติดอนุสัย จะกลายเป็นวกวนไม่
    รู้จบสิ้นในวัฐจักนี้)


    ส่วนท่านที่สอนลาโลกได้ปีกว่าๆแล้วครับ
    เสียดายรู้จักกันช้าไป จะไม่งั้นคงจะได้เห็น
    ว่าการพลิกนามธรรมเป็นรูปธรรม
    เป็นอย่างไร และเรื่องอื่นๆที่เคยได้แค่ได้ยิน
    ว่ามีจริงไหม ทำได้จริงไหม

     
  3. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,884
    ค่าพลัง:
    +4,719
    Tips & Trick (วรรคทอง)
    หน้า 8 ลำดับที่ #146 (2)
    "nopphakan, post:



    "ยกตัวอย่าง การโยนของไปในน้ำแล้ววิ่งได้
    การจับภาพพระในหนังสือออกมา
    เป็นพระองค์เหมือนหนังสือ
    การหยิบใบไม้กลายเป็นเงิน
    การหยิบดินขึ้นมากลายเป็นพระ
    การยื่นมือไปในอากาศแล้วหยิบพระออกมา
    การมองเทียน ๕ แท่งแล้วเทียนค่อยๆหรี่ลง
    และค่อยๆสว่างขึ้นเหมือนปรับได้
    การยกกายไปหาใครบ้างคนที่กวนบาทา ๕๕ ฯลฯ
    ส่วนตัวเรียกว่า ระดับจิตธาตุ

    ซึ่งมีห่มเหลืองหลายท่านมีอยู่
    แต่แบบสามารถให้ปรากฏได้แบบนี้
    น่าจะน้อยหน่อย ถ้าแบบสัมผัส
    ภายในเร็วป่านจรวดและละเอียด
    ยังพอจะหาได้ไม่ยากครับ
    ชื่อ ย่อ พระอาจารย์ ด (ไม่ใช่หลวงปู่นะครับ)

    ท่านนี้ก็จะใช้คำพูด
    มึงๆกูๆ โครตพ่อโครตแม่
    มึง อะไรประมานนี้เวลาที่จะด่า ก่อนสอนครับ
    แต่ฟังแล้วรู้สึกจำและชอบดี ถูกจริตครับ

    เช่น อย่างมึงต้องกูสอน ถ้า(..............)
    (..)ท่านรู้ว่าท่านใดบ้างมาสอน(ที่แบบไม่มีชีวิต)
    จะเป็นโน้นนี่นั่นว่าไปก็ดีนะครับ

    แต่ส่วนตัวความสามารถน้อยระดับ
    ๒๕ สตางค์เลยได้ทริคอะไรมาแค่เศษเสี้ยวหน่อยเดียว

    แต่ที่ชอบคือทริคที่ท่านสอนเรื่อง
    การใช้สมาธิรักษาโรคให้ตนเอง
    ซึ่งเป็นสากลใช้ได้ทั่วไปใครก็ฝึกได้
    ใช้กำลังสมาธิไม่มาก เคยเอามาลงอยู่
    เขียนไปหลายรอบแล้วครับ
    ซึ่งจะคลอบคลุมกว่าการใช้กำลังจิต
    ซึ่งมีองค์ประกอบมากไปและไม่เป็นสากล
    จบ โม้ด้วย นิทานด้วย พอขำๆเน้อ
     
  4. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,884
    ค่าพลัง:
    +4,719
    ไม่เชื่ออย่าลบหลู่!!! คาถา “ขอทรัพย์ พญานาคราช” สวดแล้วชีวิต รุ่งเรือง ร่ำรวยเงินทอง เห็นผลทันตา...รู้แล้วรีบแชร์ด่วน
    Publish 2017-08-05 19:58:03

    สำหรับผู้ใดที่อยากร่ำรวยเงินทอง วันนี้ มีคาถาขอทรัพย์พญานาคราช ตามความเชื่อที่ว่า บูชาพญานาคจะมีโชคมีลาภและเงินทอง ความยิ่งใหญ่ และสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ อานิสงส์ของการสวดมนต์ จะเป็นกำแพงแก้วคุ้มกันอันตรายต่างๆ ขณะสวดมนต์จะช่วยให้ผู้สวดปิดวจีกรรม ปิดกายกรรมและมโนกรรม ทำให้มีสมาธิและจิตใจสงบขึ้น และการช่วยเหลือของพญานาคจะมีข้อจำกัดน้อยกว่าพระ ท่านสามารถช่วยเหลือเรื่องต่างๆได้มากมายแต่ไม่เกินกฎแห่งกรรม "ปู่พญานาคาธิบดีศรีสุทโธ" ท่านมีเมตตา ท่านรักลูกหลานทุกคน แต่อยากให้เราตั้งใจปฏิบัติธรรม มั่นระลึกถึงท่าน ท่านจะคุ้มครองเราซึ่งเป็นลูกหลานท่านค่ะ

    a8fe53d316e2dfd239ad91228cf40729.jpg

    เคล็ดลับการบูชาพญานาค

    ทุกวันพระขึ้น 15 ค่ำ ให้นำรูปภาพหรือรูปปั้นพญานาคที่คุณเคารพบูชามาแช่นำ(ประพรมด้วยน้ำ) หรือทาด้วยน้ำมันจันทร์หอม สำหรับเครื่องสังเวย นิยมเป็นผลไม้ เช่น กล้วย มะพร้าว ส้ม เป็นต้น ห้ามถวายเนื้อสัตว์ เพราะ ท่านเป็นผู้รักษาศีล ส่วนดอกไม้ให้บูชาด้วยดอกไม้สีขาวอย่างมะลิ และสวดมนต์ นั่งสมาธิอุทิศบุญถวายท่าน สวดพระคาถา แล้วอธิษฐานในสิ่งที่คุณปรารถนา

    sup_65a117cec8876cae2685694dd19a73d6.jpg


    ตั้งนะโม 3 จบ

    กายะวาจาจิตตัง อะหังวันทา
    นาคาธิบดี ศรีสุทโธ
    วิสุทธิเทวา ปูเชมิ ( 3 ครั้ง )
    "ทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าเราศรัทธา เชื่อมั่น เราจะได้รู้ด้วยตัวเองค่ะ"


    คาถาบูชาจ้าวปู่พญานาคาธิบดีศรีสุทโธ

    นะโมตัสสะภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ 3 จบ
    กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา นาคาธิบดีศรีสุทโธ วิสุทธิเทวาปูเชมิ
    ทุติยัมปิ กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา นาคาธิบดีศรีสุทโธ วิสุทธิเทวาปูเชมิ
    ตะติยัมปิ กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา นาคาธิบดีศรีสุทโธ วิสุทธิเทวาปูเชมิ
    เมตตัญจะมหาลาโภปิโยนาคะ ขันธปริตตัง (คาถาขอทรัพย์พญานาคราช)


    sup_9001a09665531e8a3cafbd515691c60a.jpg


    คาถาบูชาจ้าวย่านางพญา นาคิณีศรีปทุมมา

    นะโมตัสสะภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ)
    กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา นางพญานาคิณีศรีปทุมมา วิสุทธิเทวีปูเชมิ
    ทุติยัมปิ กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา นางพญานาคิณีศรีปทุมมา วิสุทธิเทวีปูเชมิ
    ตะติยัมปิ กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา นางพญานาคิณีศรีปทุมมา วิสุทธิเทวีปูเชมิ
    เมตตัญจะมหาลาโภปิโยนาคะ ขันธปริตตัง (คาถาขอทรัพย์พญานาคราช)


    พระคาถานี้ไม่ใช่เป็นคาถาของจ้าวปู่ องค์นาคาธิบดีศรีสุทโธเพียงพระองค์เดียว...แต่เป็นพระคาถาที่ลูกหลาน ทั้งหลายสวดสาธยายถึงพญานาคราช -พญานาคิณีถ้วนทุกพระองค์ โดยแบ่งออกเป็นดังนี้... ลำดับแรกก่อนจะสวดสาธยายมนต์คาถาทุกบทต้องตั้ง นะโมตัสสะภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ 3 จบ ถึงองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งเป็นพระศาสดาของข้าพระพุทธเจ้า (คือพวกเรา) ทั้งหลายทั้งปวงเสียก่อน...

    caption(1).jpg



    www.tnews co.th


    เรียบเรียงโดย
    ภัคพิชาณัฐ เหง้าแก้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 สิงหาคม 2018
  5. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,884
    ค่าพลัง:
    +4,719

    "....เพียงแต่ปัจจุบันท่านไม่มีกายเท่านั้นเอง
    และสีบอกสิ่งที่จิตสะสมหรือทำได้...."


    รบกวนถามท่าน อจ.นพครับ
    1.ผมไม่เข้าใจตรงที่ว่า...
    สีบอกสิ่งที่จิตสะสม

    *สี* หมายถึงสีของตัววิญญาณ หรือครับ
    *จิตสะสม* หมายถึงเรื่องที่วิญญาณค้างไว้ในใจก่อนตายหรือจิตของคนที่เห็นผี(วิญญาณ)

    2.ได้ยินขาวบ้านพูดบ่อยๆว่า...
    "คนที่เห็นผีวิญญาณ เพราะช่วงนั่นดวงตก"

    ขอบคุณครับ

     
  6. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,884
    ค่าพลัง:
    +4,719

    "ผมสนใจการใช้สมาธิรักษาโรคให้ตนเองครับ
    รบกวนท่าน อจ.นพ ฉายซ้ำอีกรอบที่นี่ได้ไหมครับ"

    ขอบคุณมากๆครับ
     
  7. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,044
    ได้ฉายรอบ ออริจินอน อีกรอบ
    เด่วรอจังหวะว่างก่อนแป็บ
     
  8. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,884
    ค่าพลัง:
    +4,719
    ฟังเพลงนี้แล้วภูมิใจมากๆ
    ...ที่เกิดเป็นชาวพุทธ

    "Change the world"

    แม้การนั่งสมาธิไม่มีเชื้อชาติ ศาสนา
    แต่พุทธศาสนาถือเป็นผู้นำในด้านนี้
    บางคนที่เคยนับถือศาสนาอื่น
    ...เริ่มต้นจากการฝึกนั่งสมาธิ
    ...ไม่นาน...เปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ

    *เราจะพยายามเปลี่ยนโลกใบนี้*
    *ให้เป็นโลกแห่งพุทธศาสนา*

    5555 ไม่ได้ถอดมาจากเนื้อเพลง
    ...แต่ถอดมาจากจิตวิญญาณครับ




     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,884
    ค่าพลัง:
    +4,719
    "Change the world"

    326 - Copy.jpg


    ความภูมิใจที่ได้เป็นชาวพุทธ

    IMG_20170706_054729 - Copy - Copy (2).jpg


    maxresdefault.jpg


    ด้วยแรงศรัทธา

    ขออนุโมทนา สาธุ



     
  10. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,044
    ๑.สีของจิต ก็คือ อะไรก็ตามที่มีตัวเข้าไปกระทำให้เกิดมันเกิด
    และก็ยังวกวนอยู่กับผลของการเข้าไปกระทำนั้น คือ ยังไม่ปล่อยวาง
    เช่น คนที่ชอบนั่งสมาธิบ่อยๆ สีของจิตก็จะออกสีน้ำเงิน
    หรือคนที่ฝึกสร้างกำลังจิต สีของจิตที่แสดงจะออกสีม่วง
    พวกมีฤิทธิ์ออกสีแดง พวกรักษาคนได้ออกสีเขียว รักษาสมบัติออกฟ้าๆ
    อสูรกายออกเทาๆ คนเน้นปฏิบัติธรรมออกขาวๆ รับรู้เกี่ยวพันธ์พลังงาน
    ภายนอกภายในได้ออกทองๆ ฯลฯ ที่พูดมาทั้งหมดนี้
    เป็นกรณี ที่จิตยังเป็นวงกลมอยู่ ในความหมายก็คือ
    ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดได้อยู่ ยกเว้นว่า จะไร้รูปร่าง
    ซึ่งออกสีอะไรก็ได้ แต่ส่วนมากจะสีขาว สีใส อะไรประมาณนี้
    ส่วนคำว่า จิตสะสม ก็คือ กิริยาที่มีตัวกระทำแต่ว่า ไม่ปล่อยวางนั้นหละ
    มันก็เลยกลายเป็นว่า เพิ่มพูนเข้าไป อะไรทำนองนี้

    ส่วนข้อ ๒ คำพูดที่ชาวบ้านพูด ใช่ แต่ไม่สามารถ
    ใช้ชี้วัดได้ว่า คนที่เห็นผีเห็นวิญญานเป็นคนดวงตก
    ถ้าเทียบเป็นเปอร์เซนต์อาจจะถูก ๕ เปอร์เซนต์ใน ๑๐๐ ก็ได้....
    บางคนก็วิถีญานเปิด บางคนเค้าก็เจตนาให้เห็น
    บางคนมาให้เห็นเพื่อสร้างบารมี บางคนมาให้ช่วย
    และการเห็นได้นั้น มีวัตถูประสงค์แตกต่างๆกันมากมาย ฯลฯ
    ดังนั้นการเห็นผีแล้วดวงตก ไม่มีนัยยะสัมคัญทางสถิติอะไร
    เพียงแต่ เห็นได้ชัดที่สุด ในลักษณะปากต่อปาก...

    คืองี้ เรื่องของเรื่องคือ ปกติคนป่วย หรือคนใกล้จะเสียชีวิต
    ร่างกายปกติ ก็ไม่สามารถนอนหลับได้เหมือนคนปกติทั่วไป
    พูดง่ายๆว่า มันจะเกิดในสิ่งที่เราเรียกว่า อุคคนิมิต
    คือ พอเรียกถูกว่าเป็น คน สัตว์ สิ่งของ วงกลม สี่เหลี่ยม
    ขึ้นมาให้เห็น จากสัญญาความจำได้ในจิตนั้นเอง
    มันเป็นอย่างไร ลองมาอ่านต่อ


    ปกติคนจะนอนหลับได้ ก็คือ ในระดับกำลังเทียบเท่าฌาน๑
    คือจะหลับเลย คลื่นความถี่ ต่ำว่า ๑ Hz คือ คลื่นยิ่งต่ำสมาธิยิ่งสูง
    พอร่างกายไม่สามารถ
    หลับได้เนื่องจากเจ๊บป่วย โอกาศที่คลื่นความถี่จะขึ้นมา ๑ ถึง ๓ Hz ได้
    มีการทดลองทางวิทยาศาสตร์ พบว่า ในช่วง ๑ ถึง ๓ นี้พบว่า คลื่นความถี่สมอง
    มีการทำงานในลักษณะขึ้นๆลง หรือกราพมีเส้นคลื่นความถึ่สูงๆต่ำๆและมีช่วงยาว
    ไม่เหมือน ที่ ต่ำกว่า ๑ จะเปลี่ยนแปลงทางด้านคลื่นน้อยมาก....

    ช่วง ๑ ถึง๓ นี่หละ เราเรียกว่า คลื่นฝัน หรือช่วงฝัน และยังรวมไปถึง
    คลื่นที่ทำให้ เกิดการไปรับรู้สัมผัสทางนามธรรมได้ หรือ เรียกว่า
    ระดับอุปจารสมาธิ ถ้าในทางปฏิบัตินะ..บางก็เรียกว่า ครึ่งหลับครึ่งตื่น
    หรือ ช่วงที่เรียกว่า ใจไปแต่กายไปไม่ทันเท่าใจ บางคนเลยเรียกว่า
    ช่วงผีอำ เพราะจะรู้สึกว่ามันขยับร่างกายจริงๆไม่ได้
    จริงๆมันเป็นกิริยาปกติของคลื่นความถี่ช่วงนี้
    เพราะว่า มันมีการตัดระบบการทำงานของประสาทที่เชื่อมกับร่างกาย
    จึงเป็นสาเหตุที่ ใจไปไม่เท่ากาย คือ นึกว่า ขยับแขน แต่แขนกว่าจะขยับตาม
    ถ้าเอาในทางวิทย์ศาสตร์ระดับอนุภาค มันก็คือ ช่วงคลื่นที่เป็นได้
    ในลักษณะสื่อนำแรงที่เป็นดึงดูด ซึ่งแน่นอนมันต้องมีการแลกเปลี่ยน
    อนุภาคซึ่งกันและกัน เราเรียกง่ายๆ ว่าการเชื่อม หรือจิตส่งตัววิญญานออกไปเชื่อม
    ภายนอกหรือภายนอกส่งตัววิญญานมาเชื่อม จริงๆมันก็คือพวกสื่อนำแรงชนิดหนึ่งนั่นหละ
    และมันยังเป็นสื่อนำแรงที่ในลักษณะที่เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟ้ฟ้าก็ได้ โดยมี
    โปรตรอนนี่หละเป็นสื่อนำแรง(บางทีทางวิทย์เค้าก็เรียก โปรตรอนว่า แสง)

    และก็อย่าลืมว่า ความคิดต่างๆ เป็นนามธรรมเป็น แรงชนิดหนึ่ง
    มันจึงเปรียบกิริยาเทียบได้กับ บัวซอง(สื่อนำแรงที่สามารถรวมกันได้
    ไม่ว่ากี่ล้านๆอนุภาค) แต่บ้านเราจะคุ้นๆ ในคำว่า '' สัญญาความจำได้
    ถ้าเป็นเรื่องราวที่ไม่เคยเกิดในชาตินี้ เค้าก็เรียกว่า ''สัญญาในอดีต
    บางก็เรียก สิ่งที่จิตเคยผ่านมาและเก็บไว้ ส่วนถ้าเป็นทางด้านความ
    สามารถเค้าก็มักเรียกว่า ของเก่าอะไรประมาณนี้หละ)

    อ่านมาถึงตรงนี้ เราจึงพบได้ว่า ในช่วงเวลาครึ่งหลับครึ่งตื่น
    ทำไมบางคนถึงเห็นแสงต่างๆได้ ทำไม่ถึงเห็นเป็นภาพได้
    เพราะว่า มันเป็นกิริยาของจิตนั่นเอง และเป็นเรื่องในระดับอนุภาค
    ที่ทางวิทย์ค้นพบมาแล้ว และบวกกับสัญญานั้น
    เพื่อให้สามารถเรียกถูก จำได้นั่นเอง......

    แต่พวกนี้ต้องไม่ไปยึด ไม่สนใจ
    เพราะถ้าสังเกตุ มันก็เป็นเพียงสิ่งที่จิตเก็บไว้ในลักษณะบัวซอง
    และเป็นกิริยาปกติของคลื่นความถี่ในระดับนี้ปกติเท่านั้นเอง...
    ปล. จบนิทานฉบับโม้......เด่วมาเรื่องสมาธิรักษาโรคต่อ
     
  11. ธารทอง

    ธารทอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2015
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +2,442
    เคยเจอสีแดงเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 คืบ
    ห่างจากเราประมาณ 2 ม.ด้านหน้า เยื้องขวาเล็กน้อย
    สูงจากพื้นประมาณ 3 ม. ขยับตัวไม่ได้ตามนั้นเลยค่ะ
    อย่างนี้คือสื่ออะไร ดีรึไม่ดี อันตรายรึไม่
    ถ้าเจออีกควรทำอย่างไรคะ อ.นพ
     
  12. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,044
    มาดี ไม่ต้องทำอะไรหรอก ที่ขยับตัวไม่ได้
    เพราะกำลังจิตเค้ามากกว่า เพราะสีแดงจะเด่นทางด้านฤิทธิ์
    แม้ว่าจะมีเมตตาหรือมาดี แต่จิตเรามันจะรับรู้ได้ถึงเรื่องบารมี
    หรือความน่าเกรงขามอะไรลึกๆได้อยู่ มันเป็นธรรมชาติของจิตแบบนี้
    ส่วนมาก ก็แวะมาดู มาทักทายเฉยๆ ไม่มีอะไร...
    คือ เค้าจะพอรู้ว่า กำลังเราประมาณไหน
    เค้าจะรักษาระยะห่างในการเข้าใกล้อยู่
     
  13. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,044
    วิธีการไม่ยาก และใช้กำลังสมาธิไม่มากสามารถทำได้ทุกเพศทุกวัย
    ยกเว้นถ้าเป็นแมวอาจจะทำไม่ได้...
    ถ้าทางวิทย์ก็คือ การสร้างสื่อนำแรง และถ่ายเทแรงในระดับอนุภาคนั่นเอง

    ทั่วไป.....
    ใช้การนั่งสมาธิ ไม่ได้บังคับว่า ต้องนั่งท่าขัดสมาด จะนั่งหย่อนขาได้หมด
    และไม่ได้กำหนดว่า ต้องหลับตาหรือลืมตา เพียงแต่ถ้าลืมตาให้ทำตาให้นิ่งๆ
    อย่าขยับซ้ายและขวาพอ...
    แต่หลักสำคัญก็คือ วางมือไว้ที่หัวเข่า ให้หงายฝ่ามือทั้ง ๒ ข้างขึ้นข้างบน
    และที่สำคัญอีกอย่างก็คือ ระบบหายใจแบบอาปาฯ คือ หายใจเข้าให้หยุดที่ปลาย
    จมูกแต่ดันลมให้ลึกถึงท้องจนท้องพอง และหายใจออกก็หยุดที่ปลายจมูกข้างใน
    จนท้องแฟ้บ โดยห้ามตามลมหายใจเป็นอันขาด
    วิธีตรวจว่าถูกไหม คือ ให้ลองเอานิ้วชี้ไว้ที่ปลายจมูกแล้วหายใจเข้าดู
    ถ้ารู้สึกว่า ลมกระทบที่นิ้วอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่หายใจเข้าและออกคือถูกต้อง




    ลำดับต่อมาพอนั่งไปซักพัก ให้ใช้การทำความรู้สึก หรือ จะเรียกว่ามโนก็ได้
    ว่าบนฝ่ามือเรา มีก้อนพลังงานกลมๆที่มันวิ่งในทิศทางเข้าหาตัวเรา
    มันหมุนวนๆอยู่บนฝ่ามือเรา ทำจนรู้สึกว่า สัมผัสก้อนกลมๆเหล่านี้ได้ชัดเจนก่อน


    ต่อมา ให้มโนต่อ ด้วยการฝึกบังคับให้ก้อน กลมๆทั้ง ๒ บนฝ่ามือนี้ มันวิ่งขึ้น
    มาหมุนต่อตรงข้อพับ.........
    ต่อมา ก็ให้มันมาหมุนต่อ ตรงหัวไหล
    ต่อมา ก็ไล่ลงมาตรงข้อพับ
    และ สุดท้ายให้มาอยู่บนฝ่ามืออีกรอบ ก็จะเริ่มพร้อมสำหรับใช้งาน
    ทำเพื่ออะไร ก็เพื่อฝึกให้จิตมีความคุ้นเคย ในการเคลื่อนที่
    ผ่านต่ำแหน่งต่างๆของร่างกาย ทางวิทย์คือให้มันคุ้นกับการ
    แลกเปลี่ยนอนุภาคในขณะที่มันกำลังเคลื่อนที่นั่นเอง
    และมีกำลังเพียงพอ ในการที่จะดึงพลังงานหรืออนุภาคต่างๆ
    ออกมาจากอวัยวะของร่างกายบริเวณที่เราจะรักษา........




    ต่อมาก็คือ การรักษาตัวเอง...........
    แต่ต้องทำข้างบนให้ได้ก่อนนะ...เหมี๋ยวๆ
    สมมุติว่า มีอาการปวดท้องตรงบริเวณเหนือสะดือ....

    การรักษาคือ ให้ใช้มือซ้ายที่หงาย ที่มี ก้อนกลมๆหมุนอยู่นั้น
    มาวางไว้ใกล้ๆบริเวณเหนือสะดือ แต่ระวังอย่าให้มือไปโดนพุง
    (ป้องกันการรวมตัวเป็นหนึ่งเดียวของก้อนพลังงาน เพราะตอนนี้
    เราใช้หลักการสร้างก้อนพลังงานอีกก้อนขึ้นมาเพื่อ ที่จะไปดึงเอา
    แรงจากอวัยวะอยู่ พอมองภาพออกเนาะ)
    ห่างประมาณ ๑ ซม.ก็วางมือไว้อย่างนั้นหละ



    เราจะสังเกตุได้ว่า ก้อนพลังงานนี้ มันจะมีความหนาแน่นมากขึ้น
    จนกระทั่งเรารู้สึกได้ว่า มันหนักและแน่นๆ
    ให้เราใช้มือขวา แต่ให้หงายฝ่ามือด้านขาวๆเข้ามาในตัวเรา
    ให้เอามือขวา ไปปล้องๆกับมือซ้ายนั้น แต่อย่าให้ชนกัน
    วางให้ห่างรักษาระยะหน่อย เพื่อให้ก้อนกลมๆ ที่อยู่ในมือขวา
    มาดึงเอาพลังงานที่มือซ้ายที่ไปดึงเอามาจากอวัยวะ ออกมาไว้
    ในมือขวาอีกที.........ทำไมต้องมือซ้าย มือขวา มือขวาทำแบบซ้าย
    ไม่ได้หรือ...ไม่ดีหรอก..จิบอกให้...

    เพราะมือซ้าย โดยธรรมชาติ มันจะรับรู้ในเรื่องของพลังงานได้ดีกว่า
    มือขวา เพราะด้านหลังเรา มีแร่เหล็ก คือ มีคลื่นแม่เหล็กอยู่ในเส้นเลือดดำ
    อยู่แล้วเป็นปกติ จึงทำให้ด้านซ้ายรับรู้เรื่องแรงที่มาจากภายนอก
    หรือการถ่ายแรง การแลกเปลี่ยนแรงได้ดีกว่าด้านขวา
    เพราะด้านขวาเหมือนมีสื่อนำแรงที่เป็นแร่เหล็กอยู่ทั้งฝั่งครึ่งหลังขวาปกติ
    แม้ว่า มันจะดูดได้ดีกว่า แต่เรื่องความรู้สึกจะสู้ด้านซ้ายไม่ได้
    ดั้งนั้น จึงเป็นที่มาว่า ทำไมต้องซ้ายและขวา...เล่าให้ฟังเฉยๆเพื่อสงสัย


    สุดท้าย ก็ให้ค่อยๆยกมือขวา แล้วเหวี่ยงไปในอากาศ
    เพื่อเป็นการใช้แรงดึงดูดในการคลายพลังงานในมือขวาเหล่านั้น
    แต่ ทางที่ดีที่สุด ให้ใช้เทียนแท่งสีขาว ต้องสีขาวนะ
    เพราะสีอื่นๆจะให้ผลคนละแบบ สีขาวเหมาะสุด
    ขนาดประมาณแขนเด็ก
    แล้วเอามือขวาไปไว้ใกล้ๆ เพื่อให้เปลวเทียนเป็นตัวทำหน้าที่
    ในการเปลี่ยนแปลงพลังงานที่อยู่ในมือขวาเหล่านั้นแทน


    ก็ให้เริ่มทำตั้งแต่ยกมือซ้ายไปไว้ใกล้ๆอีกครั้ง
    ทำครั้งหนึ่ง ต่อจุดก็ประมาณ ๔ ถึง ๕ ครั้งพอต่อวัน
    แล้วก็ค่อยๆมาลองดูผลที่เกิดขึ้นว่าเป็นอย่างไร

    ปล.อาจจะรักษาโรคที่ไม่น่าเชื่อว่าจะหายได้
    หรือที่แพทย์สมัยใหม่หรือแผนไทยก็รักษาไม่ได้
    ก็เป็นได้ใครจะไปรู้....^_^ วิธีการแบบนี้
    ครอบคลุมกว่า การใช้กำลังจิตในการรักษา
    เพราะว่าการรักษาด้วยกำลังจิต
    มันยังมีองค์ประกอบต่างๆเข้ามามีส่วนร่วมด้วย
    มันไม่เหมือนตัวเอง รักษาด้วยตัวเอง...
    เข้าถึงในระดับอะตอม อนุภาคกันเลย
    ด้วยสมาธิแบบไม่สูงมาก ดังที่ได้แนะนำไปก่อนหน้า
     
  14. ธารทอง

    ธารทอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2015
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +2,442
    ขอบคุณ อ.นพ มากค่ะ อีกนิดนะคะ

    ละอองฝอยๆ คล้ายละอองฝนละเอียดแต่ไม่ใช่ฝนในอากาศ(เห็นทุกครั้งที่มอง)
    และมวลอากาศ (เรียกถูกรึเปล่า )เคลื่อนไหวไปมา(เห็นบางครั้ง)
    เป็นเช่นนั้นโดยปกติของอากาศอยู่แล้วแม่นบ่

    สีทอง บินยุบยับคล้ายฝูงผึ้ง เป็นดวงจิตด้วยรึไม่ (เห็นบางครั้ง)
    รึเป็นแค่ส่วนหนึ่งของอากาศเช่นนั้นเองคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 สิงหาคม 2018
  15. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,044
    ไม่ต้องเรียก อ.ก็ได้เด้อ เรียกพี่ก็พอ....
    กิริยาที่เราเจอจะว่าเป็นปกติของก็คงตอบไม่ได้ว่าใช่เลยนะ
    เพราะปกติมันจะไม่สามารถมองเห็นได้ทั่วไป ถ้าเทียบว่า
    ปกติคือคนทั่วไปจะต้องเห็นด้วยเหมือนๆกับเรา...
    เอาเป็นว่า มันขึ้นอยู่กับว่า เราไปคุยกับบุคคลแบบไหน..

    แต่สิ่งที่เราเห็นมันเป็นปกติในทางด้านการปฏิบัติ
    และในทางด้านพลังงาน ทางด้านวิทย์ฯที่เค้าได้
    ทำการค้นพบแล้ว และมันก็เป็นเรื่องปกติมีมานานแล้วหละ

    จิตนะ มันจะทำงานได้ ก็ต่อเมื่อ ๑.มีแสงนำ คือ เห็นแสงสีต่างๆได้นั้นหละ... แสงมันก็เป็น
    ลักษณะอนุภาคในส่วนของสนามแม่เหล็ก ทางวิทย์เค้าเรียก
    โปรตรอน ซึ่งมันมีทั้งประจุบวกและลบ เมื่อมีต้นกำเนิดพลัง
    ก็คือ ตัวจิตเรา มันก็สามารถเกิดขึ้นได้ ซึ่งจิตมันสามารถสร้าง
    แรงและสื่อนำแรงได้หลายแบบ แสงหรือโปรตรอนเป็นหนึ่งในนั้น
    และ ๒.คือเส้นสาย มันก็คือคลื่นนั้นหละ ไอ้ละอองๆ มันก็เป็นส่วน
    ประกอบของคลื่นก่อนที่มันจะกลายเป็นเส้นๆคล้ายๆคลื่นๆ
    ทางวิทย์เปรียบเส้นสายได้ ในส่วนของที่เราเรียกว่า แรงดึงดูด
    (เราต้องเข้าใจว่า ในโลกนี้ แรงดึงดูดมีอนุภาคโปรตรอนเป็น
    ส่วนประกอบและวัตถุในโลกนี้ล้วนแล้วแต่สามารถดึงดูดเข้า
    หากันได้) ถ้าเราสังเกตุดีๆ จะพบว่า ถ้าเห็นเป็นเส้นมันมักจะขึ้น
    ไปข้างบนนั้นหละ ยกเว้นอุคหนิมิตแบบตาเปล่าของกสิณบางกอง ก็เพราะมีแรงที่กำลังดึงดูดกันเข้าไปหาอยู่
    ถ้าเราปฏิบัติมาไม่ได้สนใจทางวิทย์เค้าก็จะเรียกว่า
    กำลังเชื่อมกับครูบาร์อาจารย์ข้างบน หรือบางทีก็เรียกสภาวะ
    ที่จิตกำลังคลายตัวและส่งแรงผ่านอากาศอะไรทำนองนี้
    ความจริงมันเป็นคำพูดที่อธิบาย สภาวะนั้นในลักษณะ
    ที่ต่างในมุมมองเฉยๆ...
    และถ้าจิต ทำงานพร้อมกัน ทั้ง ๑ และ ๒ เราก็จะเห็นเป็นรูปร่าง
    ต่างๆได้นั้นเอง.....พอเข้าใจเนาะ

    สีทองบินยุบยับๆ(ไม่ใช่พวกใสๆคล้ายๆยุงหรือละอองๆ
    ตอนที่จะหน้ามืด ที่เป็นผลจากสายตา)
    เป็นธาตุอย่างหนึ่งเราเรียกว่าธาตุทอง
    ซึ่งเป็นธาตุจากภายนอก ที่เราเห็นว่าบินได้
    ก็เพราะว่า เป็นไปได้ว่า ตัวจิตจะเคยมีความสามารถ
    ในการดึงธาตุพวกนี้ เข้ามาร่วมในการใช้งานได้มาก่อน
    ในอดีต(คืออยากจะบอกว่าในอดีตจิตเรามันเคยทำได้
    เกรงว่าถ้าจะพูดจะตรงไป แล้วจะเผลอไปยึดได้
    แต่ของเรามันจะเป็นแนวที่ใช้สัมผัสภายใน
    บวกกับการท่องบ่นหรือการบริกรรมคาถาคงไม่ใช่
    แบบสั้นๆนะ มาก่อนใช้งานนั้นหละ ทั้งด้านป้องกัน
    และรักษาโรคให้คนอื่นๆมาก่อน ส่วนตัวเรียกว่า
    สายฟิต คือ มีรูปแบบการปฏิบัติที่ค่อนข้างมีวินัยมาก่อน

    พวกที่ทำแบบนี้ได้อีก จะมีอีกแบบหนึ่งคือ
    เค้าจะใช้กำลังจิตและไม่โดนตัว
    และใช้คาถาไม่กี่คำ ซึ่งได้ผลไม่ต่างกัน
    แล้วแต่จริต)

    ปกตินอกจากจะช่วยในเรื่องการอฐิษฐาน
    ธาตุทองยังใช้ป้องกันภพภูมิไม่ดี ตลอดจนใช้
    รักษาโรคให้ร่างกายในระดับที่ใช้ปรับธาตุได้
    เพียงแต่ตอนนี้ที่เห็นอย่างนี้ อาจจะเป็นเพราะ
    เราอาจจะยังไม่พร้อมในเรื่องของการรักษาโรค
    หรือการป้องกันภัยจากภพภูมิไม่ได้
    ไม่ว่าทางด้าน กำลังสมาธิหรือทางด้านกำลังจิต
    หรือการนำไปใช้งานก็เป็นได้
    พวกนี้ ถ้าเห็นได้เป็นละอองๆ หรือเป็นเส้นสาย
    คล้ายตารางได้. ด้วยคาถาบางบทเพียง
    ไม่กี่คำ เราจะสามารถดึงนำมาใช้งานได้
    หรือที่เค้าพูดง่ายๆว่าเรียกได้นั่นหละ......

    แต่ว่าภูมิต้านทานทางด้านร่างกาย
    และพลังงานภายนอกที่ไม่ดี
    ต้องมีความพร้อมก่อนพอสมควรเท่านั้นเอง
    ประมาณนี้หละ ที่เล่าให้ฟัง รู้แล้วจบได้เนาะ... ^_^
     
  16. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,884
    ค่าพลัง:
    +4,719
    "วิธีรักษาโรคด้วยสมาธิให้ตนเอง"
    ตามที่ท่านอจ.นพถ่ายทอดให้เป็นวิทยาทาน


    ...ผมเข้ามาอ่านตั้งแต่ตี 4
    ตอนนี้ตี 5 ครึ่งแล้ว
    บรรจงอ่านรอบแรก...เข้าใจได้บ้างแค่ 20%
    พออ่านรอบที่ 3 (สาม)เข้าใจมากกว่า 70%
    ...แค่พอเข้าใจ แต่การปฎิบัตินำมาใช้
    ...คงต้องใช้เวลาพอสมควร(โดยเฉพาะผม)


    *พอเริ่มเข้าใจแล้ว...จึงเห็นชัดว่า...
    ความรู้ที่อจ.นพ สละเวลาถ่ายทอดให้อ่าน
    มีประโยชน์คณานับแก่ผู้ที่สนใจ
    หรือผู้ที่ไม่เคยสนใจมาก่อน...เช่นผม

    ...เมื่ออ่านเข้าใจบ้างแล้ว
    จึงมีบางอย่างที่ยังไม่เข้าใจ...ต้องถาม

    (2 บรรทัดข้างบนอ่านแล้ว...งงไหม?)

    ...ไว้ผมจะถามภายหลัง
    ถามเพื่อให้วิทยาทานความรู้นี้
    เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม...มากที่สุด
    คือผมไม่อยากให้แค่อ่าน...แล้วผ่านไป
    (ตอนนี้ขอจดไว้ก่อนนะครับ)


    ส่วนท่านที่
    สนใจ แต่มีข้อสงสัย
    ...เชิญถามก่อนก็ได้ครับ

    (ความจริงผมอยากวาดเป็นภาพประกอบ
    แต่ไม่มีฝีมือด้านนี้...
    ...ถ้าใครพอวาดได้
    อยากให้ช่วยอนุเคราะห์หน่อยนะครับ)

    ...ขอบคุณล่วงหน้าครับผม



    ***ขอถามเรื่องข้างล่างนี้ก่อน***
     
  17. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,884
    ค่าพลัง:
    +4,719



    เหตุการณ์หลายๆครั้งที่ผมจะเล่าให้ฟังนี้
    เพิ่งทยอยเกิดขึ้นมาเมื่อ 2-3 ปีนี่เอง
    (แต่ก่อนไม่เคยเป็นเช่นนี้เลย)
    ไม่ทราบว่าคล้ายกับที่...
    ...ท่านอจ.นพพูดไว้ข้างบนหรือไม่


    ...หลายๆครั้ง
    พอผมตื่นขึ้นมา*งงมาก*
    ...สงสัยทำไมตัวเองนอนอยู่โซฟา *ชั้นล่าง*
    ผมเดินลงมาบันไดโดยไม่รู้ตัวได้อย่างไร ?
    ...โดยไม่สะดุดขั้นบันไดหกล้ม


    …เหมือนอาการคนถูกสะกดจิต
    …บางครั้งก็คิดว่า “ถูกใครอุ้มลงมา”



    *เรื่องราวข้างล่าง*ที่ผมจะเล่าให้ฟังนี้
    นับว่าอันตรายพอสมควร
    จนหวิดต้องเข้าโรงพยาบาล


    เพราะทุกความเคลื่อนไหว
    ...ผมทำไปโดยไม่รู้ตัว

    ตั้งแต่...ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ
    จนสุดท้ายหงายหลังตีลังกา
    หัวและหลังกระแทกลงไปกองกับพื้น


    ...ดึกดื่นคืนหนึ่ง
    ผมตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำ
    *แบบไม่รู้ตัว คล้ายๆเหมือนละเมอ*

    พอเสร็จ...จะกลับเข้าห้องนอน
    แต่เข้าประตูผิด

    (คือห้องน้ำมี2ประตู)
    ประตูหนึ่งอยู่ในห้องนอน
    (ประตูนี้ปกติผมไม่เคยใช้เลย)

    อีกประตูคือ
    ประตูห้องน้ำหลัก...แต่อยู่นอกห้องนอน
    ...ซึ่งผมใช้ประจำทุกคืนๆละหลายครั้ง

    พอเข้าประตูผิด...
    ตำแหน่งบริเวณที่นั่งก่อนเอนหลังลงนอน
    ก็จะอยู่คนละด้านกับประตูที่เคยเข้าประจำ
    (ปกติผมนอนเตียงเดี่ยว 3 ฟุตครึ่ง)

    ไม่ทราบว่า…พอนึกภาพออกไหม


    ...คืนนั่น พอผมเข้าห้องน้ำเสร็จ
    ...จะเข้าไปนอนต่อ
    ขณะที่ค่อยๆเอนกายลงฟูก
    ปกติพอเอนหลัง...ถึงระดับหนึ่งต้องเป็นฟูก
    ...แต่ผมกลับต้องสะดุ้งตื่นจาก*ละเมอ*
    เพราะช่วงเสี้ยววินาทีนั่น
    ผมรู้สึกว่าไม่มีอะไรมารองรับแผ่นหลัง


    ทีนี่เลย *โครม* ลงกองกับพื้น
    (ลงแบบลักษณะท่าหงายหลังตีลังกา)
    ศีรษะท้ายทอยกระแทกพื้น ตามด้วยส่วนหลัง
    ...เสียงดังโครมทำให้คนในบ้านแตกตื่นขึ้นมา
    คงนึกว่า...แย่แล้ว

    //หลังเกิดเหตุแล้ว
    เห็นประตูที่ไม่เคยใช้ “เปิดแง้มไว้”
    จึงรู้ว่าสาเหตุที่เกิดขึ้นทั้งหมด...
    ...ตั้งแต่ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ
    จนถึงก่อนกองลงไปกับพื้น//
    *ทำไปโดยไม่รู้ตัว*


    โชคดีที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ยังเมตตาคุ้มครอง
    ...แค่มึนงงไปชั่วขณะ
    เจ็บหลังเคล็ดขัดยอกไป 4-5 วัน



    รบกวนถามท่านอจ.นพ ว่า

    อาการที่ทำไปโดยไม่รู้ตัวนี้เกิดจากสาเหตุอะไร

    และสามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีใด
    (เพราะผมกังวลว่าอาจเกิดเรื่องรุนแรงมากกว่านี้อีก)

    ขอบคุณมากครับ
     
  18. สะไบดินแดง

    สะไบดินแดง ทุกอย่างอยู่ที่จิตใจ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    325
    ค่าพลัง:
    +1,062
    อาจารย์นพ อาจารย์9 คะ
    เจนขอคั่น พักชมสิ่งที่น่าสนใจสักครู่คะ 5555

    คือ เจนจำฝันไม่ได้มานาน หลายวันแล้วคะ
    มีเมื่อคืนนี้แหละคะอาจารย์ ที่เจนฝันละจำได้
    ดีใจมาก 55555

    เรื่องมีอยู่ว่า เจนไปยืนดูต้นไม้ต้นหนึ่งใหญ่มาก
    ขนาดคน4-6 คนโอบได้
    มีป้ายปักตรงพื้นดินว่า “ต้นเดื่อที่ใหญ่ที่สุด”
    มีอิฐสีส้มก้อนเล็กวางรอบต้น
    ลำต้นมีต้นอะไรไม่รู้คะ ใบเรียวยาว เป็นพุ่มๆ ตามลำต้น
    ไม่ใช่ใบเฟิร์น แต่เป็นใบเรียวยาวเท่าศอกหนึ่ง ใบเขียว
    มีรากสีน้ำตาลๆ ห้อยลงมาตามต้น

    รู้แค่ว่า อยู่วัด ภายในวัด คนมากราบไหว้เยอะแยะคะ
    รวมทั้งเจนก็เดินไปดู มีคนบอกมีพญานาคผู้หญิงเฝ้า ต้นนี้

    :: จะสื่อถึงอะไรคะอาจารย์

    จากนั้น เด็ดสุดเลยคะ ตัดภาพเหตุการณ์มาที่ เจนมาโผล่
    ที่บ้านหลังหนึ่ง มีบางอย่าง ออกจากปากเจน
    เป็นกุ้งตัวใหญ่ เหมือนกุ้งแม่น้ำ ตัวสีเทาใส
    ดิ้นได้คือยังไม่ตาย
    ออกจากซอกฝันเจน คือมันไปเจริญเติบโตในปากเจน
    จนหลุดออกจากปากเจนไปเลย
    ตีเลขเป็นอะไรคะ อาจารย์ 5555
    เจนคิดว่า ความฝันนี้ สื่อถึงตัวเลขแน่เลย ห ว ย
     
  19. สะไบดินแดง

    สะไบดินแดง ทุกอย่างอยู่ที่จิตใจ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    325
    ค่าพลัง:
    +1,062
    พอว่าด้วยเรื่องต้นเดื่อ เจนเคยฝันถึงเมื่อนานมาแล้วคะ
    ชายแก่ ที่บอกให้เจน หา “ต้นเดื่อที่ใหญ่ที่สุด” สุดท้ายเจนไม่รู้
    แต่ไปจบลง ที่ “คำชะโนด” นี้คือ จุดเริ่มต้นของการฝันถึงพญานาคคะ

    แต่เมื่อคืนนี้ เจนฝันถึง “ต้นเดื่อที่ใหญ่ที่สุด”
    อีกครั้ง ปริศนานี้ แก้ไขยังไม่ได้เลยคะ
    ตีความฝันไม่เป็นเลย

    อาจารย์ว่า เป็นเพราะอะไรคะ
    หรือ ท่านมาบอกเลข
    แต่ก็ไม่เห็นมีตัวเลข ที่ต้นเดื่อ น๊า~~~~

    มีปริศนานี้แหละคะ ที่เจนไม่รู้
     
  20. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,044
    เป็นหนึ่งในอาการที่เรียกว่า “ปราณรั่ว”
    ก็คือกิริยาที่จิตทำงานเองอัตโนมัติ
    ในขณะที่ร่างกายกำลังหลับอยู่
    สามารถเกิดได้ ๒. กรณีคือ
    ๑.จิตทำงานได้เองไม่ว่าในเรื่องของการส่ง
    การรับรู้ออกไปภายนอกเองอัตโนมัติ
    อย่างเดียวโดยที่กายไม่เคลื่อนไหว
    ทำให้เกิดการรับต่างๆทางนามธรรมอย่างเดียว เช่นได้ยินเสียงต่างๆนาๆดังมาก
    หูแทบแตก หรือไปเห็นโน้นนี่นั่น แต่ด้วย
    การที่กายไม่เคลื่อนไหว และกำลังสติควบคุมไม่พอ มักทำให้เกิดอาการกระตุกหรือสะดุ้ง ตรงนี้ไม่มีอันตรายใดๆ
    เพราะจะกลับต่อได้ เนื่องจากอาการสะดุ้ง
    ไม่ทำให้เกินคลื่นที่จะตกใจตื่น
    ๒.จิตทำงานได้เองแบบอัตโนมัติ
    มีการส่งออกและทำงานร่วมกับการเคลื่อนไหวร่างกาย สาเหตุเพราะจิต
    ไม่คุ้นกับการใช้สัมผัสภายใน
    หรือรับรู้ทางนามธรรมแบบใช้สัมผัส
    ภายในมาก่อนเหมือนแบบที่ ๑
    ซึ่งเป็นเรื่องปกติทั่วไป ก็จะมีการเคลื่อนไหว
    ร่างกาย จะไปไกลไม่ไกลขึ้นอยู่กับว่า
    จะเริ่มระลึกรู้ตัวได้ ณ ต่ำแหน่งใด
    พอเริ่มระลึกรู้ตัว เนื่องจากมีการทำงานร่วมกับกายเป็นเหตุให้คลื่นความถี่สมองกลับ
    มาอยู่ในข่วงที่ร่างกายทำงานปกติ
    จึงทำให้ตื่นหรืออยู่ในสภาวะที่ลืม
    ตาปกติทั่วไป อาการจึงเหมือน
    การละเมอ
    ไม่เหมือนแบบที่ ๑ ที่มีการทำงานแต่สัมผัสแต่ไม่มีการเคลื่อนไหวกาย
    แม้มีการสะดุ้งแต่กายยังหลับอยู่
    คลื่นก็เลยไม่เกินช่วงที่หลับ

    วิธีแก้ คือ ให้อธิษฐานพระครอบกาย
    ก่อนที่จะนอน. จบ
     

แชร์หน้านี้

Loading...