...อภิญญาจิต ธรรม ของดี.. หลวงปู่เหิร พระอริยเจ้าผู้ซ่อนกายในเมืองหลวง..

.....กระทู้นี้ จัดทำขึ้น เพื่อไว้อาลัย แด่ครูบาอาจารย์ ผู้งดงามทั้ง ปฏิปทาอย่างที่สุด ในโอกาสที่วันนี้ ได้ไป รดน้ำสังขารของท่าน ที่วัดตะกล่ำ สวนหลวง กรุงเทพฯ

....หลวงปู่ ละสังขาร มรณภาพ ที่ โรงพยาบาลสิรินธร เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ.2560 แต่เนื่องจากติดช่วงปีใหม่ วัดมีงาน จึงจัดให้ รดน้ำสังขารและเริ่มสวดพระอภิธรรมตั้งแต่วันนี้

....หลวงปู่ประหยัด มหาปัญโญ ลูกชายของหลวงปู่โน ปริปุณโน ผู้เป็นครูบาอาจารย์ของผม ได้ ยกย่อง ให้ผมฟังอยู่บ่อย ๆ ว่า...

"หลวงปู่เหิร องค์นี้สุดยอดที่สุด สูงส่งทั้งจิต อภิญญา และคุณธรรมทางจิต ท่านทำได้ทุกอย่างแต่ละหมดแล้ว ไม่เอาอะไรแล้ว ท่านสำเร็จแล้ว"

.....เมื่อท่านยังอยู่ ท่านย้ำอยู่เสมอ ห้ามเปิดเผยเรื่องรางของท่านให้ผู้อื่นรับทราบ ห้ามนำลง Internet เพราะไม่อยากให้ใครมารบกวน ณ บัดนี้ ไม่มีใครมารบกวนท่านได้แล้ว ผมจึงขอ เปิดเผยประสบการณ์ เรื่องราว ต่าง ๆ ที่ผมพบมา ตลอดจนหลักธรรม ที่ท่านสอนให้ผม ให้ทุกท่านได้รับทราบ และเป็นการบันทึกไว้ให้ผม ไว้ อ่านในวันข้างหน้าด้วย...

 

จุดเริ่มต้น ผมรู้จัก หลวงปู่ตั้งแต่ประมาณ 4 ปีที่แล้ว จาก พรรคพวกในวงการชอบของขลังนี่ละครับ น้องคนนึง ได้ไปฝึกมโนมยิทธิ สายหลวงพ่อฤาษีแถวนั้น จาก ฆราวาสท่านหนึ่ง ที่เปิดสอน โดย น้องเขาเล่าว่า อาจารย์ที่สอนมโนมยิทธิให้เขานั้น นับถือหลวงปู่มาก ๆ ว่าเป็นพระดี และแก้ไข เรื่องสมาธิจิตให้อาจารย์เขาบ่อย ๆ จวบจน อาจารย์ผู้สอนมโนมยิทธินั้น ได้ย้ายไปอยู่ที่ จ.ระยอง โดยอาจารย์เขาก็มา เยี่ยมทำบุญกับหลวงปู่เป็นระยะ ๆ

โดยรุ่นน้องเขาเล่าว่า อาจารย์ที่สอนมโนมยิทธิ ท่านนี้ ก็เก่งมาก ๆ ตอนฝึกบางครั้งก็หยั่งรู้กรรมที่น้องเขาเคยทำเอาไว้ และโรคประจำตัว แม้พระสงฆ์ที่เก่งมโนมยิทธิ ยังยกย่อง อาจารย์ฆราวาสท่านนี้เลย ว่าสูงด้านจิตจริง ๆ จึงไม่ต้องสงสัยในคุณธรรมของหลวงปู่เลยว่าท่านจะขนาดไหน (รุ่นน้องเขาเล่าให้ฟังนะครับ)

ตัวผมตอนนั้น ก็ ดีใจได้ทำบุญกับพระปฏิบัติดี ช่วงแรก ๆ หลวงปู่ก็สอนธรรมแบบทั่วไป และท่านก็ ดูดวง ให้ด้วย ส่วนเรื่องหลวงปู่ เก่งขนาดไหนแค่ไหนก็สัมผัสอะไรไม่ได้มาก ผมได้สอบถามรุ่นน้องคนนั้น ซึ่งเขาไปหาหลวงปู่มาก่อนผม ก็ บอกว่า ต้องไปหาบ่อยๆ สังเกตุเอาเอง ที่แน่ ๆ เวลาท่านทายทัก ทำนายอะไร แม่นยำแน่นอน บางครั้ง ท่านเหมือนหยั่งรู้จิตใจเรา เรียกว่าไม่ทันตอบ ท่านจะพูดมาก่อนเลย....

 

นัอมกราบส่งหลวงปู่สู่แดนพระนิพพานครับ

 

หลังจากนั้น ไม่นานนัก ผมได้มีโอกาสไป หาหลวงปู่ประหยัดครูบาอาจารย์ผม ซึ่ง ท่านที่ติดตามกระทู้ผมมานาน คงทราบว่า ผมไปหาหลวงปู่ประหยัดเป็นระยะ ๆ และเคยเปิดกระทู้ รวบรวมปัจจัยไปช่วยท่าน สร้างวิหารทานอยู่บ่อย ๆ

ผมได้นำภาพหลวงปู่เหิร ไปให้หลวงปู่ประหยัดได้ชมภาพ ซึ่งหลวงปู่ประหยัด ได้พิจารณาแล้วกล่าวว่า ...

"องค์นี้สุดยอด ยอดเยี่ยมที่สุด ยอมรับเลยท่านทำได้ทุกอย่างแต่ไม่ทำ ละหมดแล้ว ท่านสำเร็จแล้ว"

ช่วงนั้น ผมได้เล่นกลุ่มไลน์ มีเพื่อนไลน์หลายคน ก็ได้แนะนำเพื่อน ๆ ไป หาท่าน ไปทำบุญอยู่บ่อย ๆ แม้หมอเดล ผู้สร้างล็อคเก็ตพระแก้วมรกตอันโด่งดัง ในเวบนี้ ก็ได้ไปหาท่านอยู่ และได้นำพระเครื่องต่าง ๆ ไปขอท่านพิจารณา

หมอเดล ยอมรับว่า ท่านดูกะแสพลังพระแม่นยำมาก ซึ่งยิ่งทำให้ผมชอบใหญ่ ได้นำพระไปให้ท่านพิจารณาบ่อย ๆ จน ช่วงหลังท่านเริ่มไม่พอใจ บอกว่าคนเราชอบยึดติดวัตถุมงคล ไม่ใช่แนวทางพุทธเจ้า ผมเลยเริ่ม เกรง ๆ ไม่กล้าไปให้ท่านดูบ่อย ๆ

 

ในภาพ เป็นความเมตตาของท่าน อธิษฐานจิตชนวนเม็ดเงิน เพื่อสร้างพระกริ่งมหาปัญโญ ถวายหลวงปู่ประหยัด และเมื่อหล่อพระเสร็จก็ได้นำ ไปขอท่านเมตตาอีกประมาณ 2 อาทิตย์

 

ประวัติท่านโดยย่อ ท่านเป็นชาว จ.สุโขทัย บวชตั้งแต่เป็นสามเณร ผมจำช่วงอายุท่านบวชเณรไม่ได้ แต่ท่านบวชมาจวบจน ท่านละสังขาร ใช้ชีวิตเป็นพุทธบุตรมาอย่างแท้จริง

ท่านเล่าให้ฟังว่า ท่านเคยเป็นไซนัส ทรมาณมาก จวบจนท่านสัมผัสกับหลวงปู่โต ได้ หลวงปู่โต บอกว่าจะช่วยรักษาให้หายจากไซนัส โดยมีเงื่อนไข 3 ข้อ คือ...

1.ให้ทานอาหารเจ ตลอดชีวิต

2. ให้สวดคาถาชินบัญชร ให้ได้

3. ให้ออกธุดงค์ตามป่าเขา

ซึ่งท่านก็หายจากไซนัสจริง ๆ จึงทำตามเงื่อนไข และออกธุดงค์หลายปีมาก ๆ จำได้ นับสิบ ๆ ปีเลย จวบจนท่านอายุมาก จึงมาอยู่ที่วัดตะกล่ำ

 

หลังจากผมทราบคำยกย่องของหลวงปู่ประหยัดที่มีต่อหลวงปู่เหิร และ เพื่อนกลุ่มศิษย์หลวงปู่ประหยัด ก็ มีหามาทำบุญกับหลวงปู่เหิร กันหลายคนมาก ๆ

มีอยู่วันหนึ่ง หลวงปู่เหิร ท่านถามผมว่า ไปหาหลวงพ่อประหยัดบ่อยไหม ผมกล่าวว่า ไม่ได้ไปนานแล้ว ท่านกล่าวว่าขอดูรูปหลวงพ่อประหยัดหน่อย (ทั้ง 2 ท่านไม่เคยพบกันโดยกายเนื้อนะครับ)

หลังจากท่านดูรูปหลวงปู่ประหยัดแล้ว ผมเลยแกล้งถาม (หลวงปู่ประหยัดเคยบอกผมบ่อยๆ ว่าคุยกันแล้ว คุยกันทางจิต)

"อาจารย์ผมมาหาหลวงปู่แล้วยังครับ" ท่านพยักหน้า ผมรีบถาม "ฮ๊า ท่านมาหาแล้วเหรอ ถอดจิตมาหรือครับ" ท่านกล่าว ว่า ใช่ "หลวงพ่อประหยัดท่านมา วันนั้นหลวงปู่ทำอะไรซักอย่างยุ่งๆ เห็นท่าน แวะมา แต่ไม่ได้คุยอะไรกัน"

หลังจากนั้นผมได้มีโอกาสถามหลวงปู่ประหยัด ท่านกล่าวว่า ได้แวะไป ตอนนั้นจะไป ที่กระบี่ ไปหา อ.กร (ฆราวาสผู้ทรงจิต เชิญธาตุกายสิทธิ์ได้ ผมเคยนำมาให้หลายคนบูชาร่วมสร้างธาตุเจดีย์แล้ว) แต่ไปไม่ได้ถึงกระบี่กลับก่อน แต่ไม่ได้คุยอะไรกัน


จึงนับเป็นเรื่องแปลกแต่จริง ของผู้ทรงจิต

หมายเหตุ เรื่องที่เล่า เป็นเรื่องที่พิสูจน์อะไรไม่ได้ครับ ผมเล่าตามประสบพบมา ซึ่ง หลวงปู่เหิร ท่านละไปแล้ว จึงนับว่าสบายใจในการเล่า เพราะท่านไม่ส่งเสริมเรื่องอภินิหารต่างๆ เป็นอย่างยิ่ง

 

หลวงปู่กับ ธาตุกายสิทธิ์

หลวงปู่ ท่านย้ำสอนผมเสมอ ว่าให้ละวัตถุมงคล ของขลังต่าง ๆ ยึดถือพระธรรมเป็นที่พึ่ง แต่ก็นั่นละครับ ผมก็ติดจนเป็นนิสัย ได้แต่ครับ ๆ ๆ อยู่ตลอด เดี๋ยว หลัง ๆ ผมจะนำคำสอนของท่านมาเผยแพร่ เพราะทราบว่า ท่านชอบ ท่านย้ำห้ามนำเรื่องท่านลง Internet แต่หากเป็นธรรมะ คำสอน ท่านยินดีอย่างยิ่ง

ต้นปีที่แล้ว ผมบ้าเหล็กไหลขนาดหนัก จุดเริ่มต้นจาก หลวงปู่ประหยัดท่านไปอัญเชิญเหล็กไหลมาจาก จ.แห่งหนึ่งทางภาคใต้ ท่านเล่าให้ฟังว่า ท่านพบ ปรมาจารย์ผู้อัญเชิญเหล็กไหลทางจิต โดยสนทนากันทางจิต และได้เชิญหลวงปู่ประหยัดไปเยี่ยม บอก พิกัด จังหวัดมาเรียบร้อย แต่บอกคร่าวๆ ต่อมาหลวงปู่ประหยัดจึงนั่งรถทัวร์ มาเอง มาที่่ จ.นครปฐม มาพบ วัดป่าที่โด่งดังเรื่องเหล็กไหล และ ได้สนทนา กับ พระอาจารย์เจ้าอาวาสที่วัดป่านั้น ซึ่ง ก็ ได้คำแนะนำ พิกัด ของปรมาจารย์การอัญเชิญเหล็กไหล ซึ่งเป็นฆราวาสโดยชัดเจน

หลวงปู่ประหยัด จึงเดินทางต่อไป จนถึง ภาคใต้ และได้เหล็กไหลมาตามความต้องการของท่าน... ผมจึงเริ่มสนใจ เพราะเมื่อก่อน ผมไม่เชื่อเรื่องนี้เลย คิดว่าหลอกลวงทุกอย่าง

และต่อมาไม่นานนัก ผมก็ได้มาจากพรรคพวก ชิ้นหนึ่ง

เมื่อผมได้รับ มาชิ้นหนึ่ง เป็นเหล็กไหลเงินยวง ได้นำมา ขอหลวงปู่เหิร ท่านชี้แนะ ท่านก็พิจารณาแล้วว่าของแท้ แต่....... จริงปนไม่จริง (เอ๊ะมีงง คืออะไร)

หลวงปู่เหิร ตอบว่า คือจะว่าไม่จริงก็ไม่ได้ จะว่าจริงก็ไม่ได้ คือ มีปนกัน มีของจริงปนไม่จริง (สยองเลยผม.... ต้องระวังการเสาะหาให้มาก)

ในภาพ หลวงปู่อธิษฐานจิต ลูกแก้วนาคราช ซึ่งต่อมาผมได้ถวายให้ท่านที่ปรึกษาโครงการสร้างมีดหมอไปแล้ว หลวงปู่กล่าวว่า เย็นมาก ดีทางโภคทรัพย์ เป็นของแท้......

 

ช่วงต้นปี 2560 ประมาณ มกราคม ผมกับเสี่ย ว. ได้ลงขัน กันเดินทางไปอัญเชิญธาตุกายสิทธิ์ ที่ภาคใต้ ซึ่งก่อนเดินทาง ผมก็ ไม่กล้าบอกหลวงปู่ท่าน ว่าจะไปอัญเชิญธาตุกายสิทธิ์ ก็บอกท่านว่าจะไปปีนเขา ภาวนาในถ้ำ (ก็จริง ต้องมีภาวนา และปีนเขา อิอิอิ คือบอกไม่หมด) ไปถามท่านว่า จะเป็นไงบ้าง ท่านกล่าวว่า สำเร็จ ให้ภาวนาดี ๆ

และก็สำเร็จตามเป้าหมาย ได้ธาตุกายสิทธิ์มาจำนวนมาก ได้นำไปขอท่านพิจารณา ท่านว่า ของแท้ ของจริงเลย ดีกว่าชุดก่อนที่เคยนำมาให้ดู ผมได้ถามว่า เขาว่ามีเทพรักษาจริงเหรอ ท่านตอบว่าใช่ มีเทพรักษา

ซึ่งต่อมาธาตุกายสิทธิ์ชุดนั้น ผมได้นำมา เปิดกระทู้ หาทุนสร้างธาตุเจดีย์ถวายหลวงปู่ประหยัด หลวงปู่โน และ ได้นำมาถวายสังฆทาน จนถึงเวลาสมควรจึงปิดการให้บูชา ทั้งหมด

หลังจากนั้นหลวงปู่ ได้บอกผมว่า หลังจากนี้ จะไม่ดูอะไรให้แล้วนะ จะไม่ทำน้ำมนต์ ไม่ดูดวง ทำตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอน คือ ไม่ยุ่งเรื่องพิธีกรรม ไสยศาสตร์ ไม่ดูพระอะไรให้แล้ว เน้นธรรมะ อย่างเดียว ไม่ปลุกเสกวัตถุมงคลอะไรทั้งสิ้น

ประมาณ ปลายปี 2559 ผมได้ ถอยรถยนต์ใหม่ ผมได้นำรถไปขอท่านเจิม ท่านกล่าวว่า พุทธ ไม่มีเจิมรถ แต่หลวงปู่จะสวดมนต์ให้ อธิษฐานให้นะ ผมว่าได้ครับ หลังท่านสวดมนต์ ท่านก็ชี้แนะอีกหลายสิ่งหลายอย่าง นับเป็นความเมตตาอย่างยิ่ง

 

กำเนิดรุ่นกายสิทธิ์ทิ้งทวน

ต้นปี 2560 พรรคพวกผมที่ชลบุรี ได้ไปกราบหลวงปู่ และได้ส่งภาพมาให้ ซึ่งผมก็ชอบมาก จึงสบโอกาส นำภาพนี้ไปให้หลวงปู่ชม แล้วอาศัยช่วงท่านอารมณ์ดี จึงแจ้งท่านว่า ขอทำล็อคเก็ตมาขอหลวงปู่อธิษฐานได้ไหมครับ ท่านก็อนุญาต ผมก็เรียนขอเกศาท่าน ซึ่งปกติท่านจะไม่เก็บไว้ ปลงแล้วทิ้งเลย ท่านก็อนุญาตเช่นกัน โดยต้องใช้เวลาถึง 2 เดือน เพราะ เดือนแรกท่านกล่าวว่าท่านปลงแล้วลืม ทิ้งเลย ผมก็แจ้งว่ารอได้ครับ จนสุดท้ายได้ตามต้องการ



ในภาพ เป็นเกศาท่าน หลังได้มา เกิด ผลึกเกาะ ซึ่งได้เคยนำไปให้ท่านดูภาพ ท่านกล่าวว่า "อย่าไปให้ใครดูนะ เดี๋ยวคนมารบกวน" (ปัจจุบันได้นำสร้างลูกอมแจกเพื่อน หมดแล้วครับ

 

ล็อคเก็ตนี้ สร้างช่วง เสาร์ 5 ปี 2560 ครับ ท่านอธิษฐาจิตนานมาก ๆ หลายเดือนเลยทีเดียว

ล็อคเก็ตฉากทองราคาสูง ผมสั่งมา 10 อัน ช่างเขาแถมให้อีก 2 เลยเป็น 12 อัน ตอนนำไปขอหลวงปู่ท่าน ผมเลี่ยงใช้คำว่า ขอหลวงปู่อธิษฐานให้ด้วยนะครับ ท่าน จ้องถามเขม็ง

..."จะเอาไปแจกให้ใครบ้าง หลวงปู่ไม่อยากดังนะ" ให้เพื่อน ๆ สนิทในกลุ่มครับ "หลวงปู่ไม่เสกนะ แต่จะสวดมนต์ให้ " ผมนิโล่งใจเลย ท่านถามจะเอากลับเลยไหม ผมกล่าวว่าวันหลังครับ นาน ๆ เลยก็ได้

ดังที่ ไปหาสู่ท่านหลายปี ทราบว่า การอธิษฐานท่านคือขอบารมีพระรัตนตรัย ผมจึง จัดหามวลสารต่าง ๆ ที่ท่านเคย พิจารณาเมตตามาแล้ว เน้นธาตุกายสิทธิ์ เพราะหากเป็นโลหะอื่น ธรรมดา แม้เสกแค่ไหน เราก็ทราบพลังดีอยู่ ผมเองก็มี เหรียญพระอริยเจ้าอยู่แล้ว พระเครื่องดี ๆ มากมายอยู่แล้ว อยากให้ชุดนี้ดีที่สุด จึงหามวลสารที่วิเศษสุดดังว่า มาเป็นมวลสารอุด และเกศาท่านด้วย

หลังฝากท่าน ก็ทิ้งช่วงหลายอาทิตย์ จึงย่องไป กะว่าคงเสร็จแล้ว ท่านก็เงียบ เลยถามท่านเสร็จหรือยังครับ "วันหลังค่อยมาเอานะ ยังไม่เสร็จ"

ก็ทิ้งช่วงไปอีก ครึ่งเดือน เพราะ นึกถึงรุ่นพระกริ่งหลวงปู่ประหยัด 2 อาทิตย์ก็เสร็จแล้ว แปลกดี

ผ่านไปอีก เดือนกว่า ย่องไป ถาม ท่านตอบเช่นเดิม ค่อยมาเอา จนผมอดสงสัยไม่ได้

"หลวงปู่ครับ ทำไมนานจัง ปกติ เห็นหลวงปู่ อธิษฐานแป๊บเดียว ก็ได้แล้ว"

หลวงปู่ตอบว่า "ทิ้งทวน" เท่านั้นละ ผมไม่ถามต่อเลย

จนเวลาผ่านมา อีกเดือน ท่านกล่าว ว่า "สิ้นเดือนค่อยมาเอานะ"

ผมก็รอจน 30 เมษายน 2560 ไปรับ ท่านกล่าวว่า "สิ้นเดือนคือมาเอาวันที่ 1 "

ผมก็สงสัย ทำไมถึงต้องมาเอาวันที่ 1 ครับ "หลวงปู่ไม่ได้ถือฤกษ์อะไรหรอก แต่อยากให้มาเอาวันที่ 1 เริ่มต้นเป็น ที่ 1 "

1 พฤษภาคม 2560 ผมไปรับช่วงเย็น ซึ่งหลวงปู่ เมตตามาก ท่านไม่ไปทำวัตรเย็น รอผมมารับ (ปกติท่านทำวัตรเย็น 4 โมงเย็น)

 

การสร้างล็อคเก็ต ครั้งนั้น ผมได้ปั้นลูกอม ไว้ด้วยจำนวนหนึ่ง และแน่นอน ผมก็ไม่กล้าถามถึงเหตุการณ์ หรือการอธิษฐานจิตของท่าน เพราะทราบว่า ท่านไม่ชอบในเรื่องนี้ ต้องหาจังหวะดี ๆ

ผมได้ส่งลูกอมกายสิทธิ์ทิ้งทวนนี้ ไปให้ผู้ทรงจิตท่านหนึ่ง ชมบารมี ซึ่งได้ผลตามภาพ (ขออนุญาตท่านโร.... ด้วยนะครับ)






หลังได้ผลดังว่า ผมก็ อาศัยช่วงเย็นย่องไปถามท่าน ซึ่งท่านก็ถามว่าได้ให้ใครบ้าง ท่านย้ำ "เลือกคนให้หน่อยนะ ให้แต่คนที่ดี ๆ "

ผมได้รายงาน ผล จากการชมบารมี

"ทำไมเขามองไม่เห็นเทพพรหมละครับ"

"ไม่เห็นหรอก หลวงปู่อธิษฐานไว้แล้ว ถ้าเห็นละฮือฮา "

"หลวงปู่อธิษฐานว่าไงครับ"

"หลวงปู่อธิษฐานว่า ไม่อยากดัง"

"แล้ว มีนิมิตรหรือ อภินิหารอะไรไหมครับ ตอนอธิษฐาน"

"ไม่อยากจะคุย"

"บอกผมหน่อยเถอะครับ เป็นความรู้ เพราะชีวิตนี้ผมคงไม่ได้ฟังเรื่องแบบนี้อีกแล้ว"

"หลวงปู่สวดมนต์ ขอบารมีหลวงปู่โต หลวงปู่ทวด ท่านเสกให้ มี 3 องค์นะ หลวงปู่โต หลวงปู่ทวด หลวงปู่เหิร ทำให้ เทพเทวดา มีทั้งอิทธิฤทธิ์ บุญฤทธิ์ อนุสาสนี"

 

ล็อคเก็ตนี้ ผมได้แจกเพื่อนในกลุ่ม มีผลดังนี้ ตามที่เขาเล่ามา

เสี่ย ม. ได้นำไปเลี่ยมเงิน และเล่าว่า จากเดิมห้อยพระมากมาย สุดท้าย เน้นห้อยล็อคเก็ตนี้ ผลที่ได้คือเมตตา ได้รับความช่วยเหลือด้านการงาน

เสี่ย จ. เลี่ยมเงินเช่นกัน เคย อำ หลวงปู่คือ นำไปให้หลวงปู่ พิจารณา โดยอำว่า อย่ามองด้านหน้านะครับ ว่าล็อคเก็ตใคร หลวงปู่ พิจารณาแล้วบอกว่า ดีมาก


ซึ่งผมก็ชื่นชมเรื่องนี้มาก สุดท้ายหลวงปู่กล่าวว่า อย่ายึดถือมาก ธรรมะดีที่สุด อย่าไปยึดติดมาก

 

ช่วงหลัง หลวงปู่เกิดอุบัติเหตุ ตกบันได กุฏิ (กุฏิท่านอยู่ชั้น 2 ) โชคดีไม่บาดเจ็บมาก ไม่ต้องนอน โรงพยาบาล ผลคือ ศรีษะท่านมีแผลแตก เย็บหลายเข็มอยู่ และ เจ็บบริเวณกระดูก

ท่าน เล่าให้ผมฟังว่า ดีหลวงปู่โต มาช่วย ไม่ต้องนอนโรงพยาล ใครเห็นบันได ก็ได้แต่บอกว่า โชคดีที่ไม่บาดเจ็บหนัก

ผมก็ได้นำ น้ำเห็ดหลินจือ ยาหม่องไปถวายท่านจำนวนมาก ท่านกล่าวว่า ฉันแล้วดีมาก เพราะปกติ ท่าน ทานแต่อาหารเจ ดังนั้น พวก นมท่านไม่ฉันเด็ดขาด พวกนมผู้สูงอายุ ผมเคยไปถาม ว่า มีแค่โปรตีนจากนมนะครับ เป็นนมถั่วเหลือง แต่ มีส่วนผสมคือ โปรตีนจากนม เล็กน้อย ท่านก็ไม่ฉัน

ต่อมา ไม่นานนัก ท่านก็ ปวดเส้นเอ็นที่เท้า เกิดจากการออกกำลังกาย ซึ่ง ช่วงนั้น ท่านผอมคล้ำมาก แต่ ก็ได้ไปรักษากับหมออยู่บ่อย ๆ จนดีขึ้น

ท่านเล่าให้ผมฟังว่า ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจ็บขนาดนี้เลย ได้เคยพิจารณาแล้ว ว่า เกิดจากกรรมอันใด เพราะท่านก็บวชตั้งแต่เป็น สามเณร ไม่เคยทำบาปกรรมใด ๆ เลย จนพบ ว่า เกิดจากกรรมดังนี้

.....สมัยหลวงปู่เด็ก ๆ มีควายกำลังออกลูก ปรากฎว่า คลอดไม่ออก ญาติท่านจึงตามให้ไปช่วยดึงลูกควายที่คลอดยากให้ออกมา ผลคือ ดึงออก แต่ลูกควายได้เสียชีวิต ผลกรรมอันนี้ นี่เองตามมา

ผมฟัง ได้แต่บอกว่า ขนาดหลวงปู่บวชแต่เด็ก สวดมนภาวนามาขนาดนี้นะครับ เขายังตามมาจองเวรอีก กรรมยังมาอีก

ท่านกล่าวว่า "ลูกควายเขาอาฆาตอยู่ ต้องแผ่เมตตามาก ๆ "

 

หลังจากสุขภาพ ท่านดีขึ้น ก็ ประมาณปลายปีที่แล้ว ช่วงหลัง ผมไปหาท่าน นำพระเครื่อง รึเครื่องรางอะไร ไปขอท่านเมตตาดูให้ ท่านไม่ดูให้เลย ท่านได้แต่บอกว่า "ละได้แล้ว มาสูงแล้ว อะไรก็สู้ธรรมะไม่ได้"

ไปกี่ครั้งท่าน ถามเสมอ "พระเครื่องของขลังที่มีนะ เอาไปบรรจุเจดีย์ ได้แล้ว อย่าไปแจกใครเดี๋ยวเขายึดติดอีก"

ดังนั้น ผมจึงนาน ๆ ไปหาท่าน ไปแต่ละครั้ง ต้องคุยธรรมะ ท่านชอบมาก คุยนาน ผมจะอาศัยไปช่วงเย็น หลังท่านทำวัตร เพราะคนน้อย คุยจนค่ำมืด จึงกลับ ท่านพยายามเคี่ยวเข็ญ

ธรรมะที่ท่านสอนย้ำเสมอ มีดังนี้

มงคลพุทธ อยู่ที่การกระทำ มงคลพราหมณ์ อยู่ที่พิธีกรรม


เรื่องของขลัง อำนาจพระเครื่อง ท่านย้ำมาก ไม่ใช่หลักศาสนาพุทธ พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน หากไปยึดติดยึดมั่นเป็นสรณะ จะไม่ได้ ดวงตาเห็นธรรม

พระอริยะที่สำเร็จ ท่านยึดตามพระพุทธเจ้าสอนเสมอ

ผมเคยถามหลวงปู่ หากยังละพระเครื่องไม่ได้ จะทำยังไง ที่ไม่ขวางการได้ดวงตาเห็นธรรม

หลวงปู่กล่าวว่า "ให้มีก็เหมือนไม่มี"

 

ความเคร่งของหลวงปู่ ถึงขนาดที่ว่า ไม่ทำน้ำมนต์ ไม่เจิมรถ แม้ผมจะตื้อ อ้อนวอนให้ทำน้ำมนต์ให้ ก็ไม่ทำให้ ท่านกล่าวว่า เดี๋ยวผิดสัจจะ ผมก็พูดไม่ออกเลย

แนวทางการปฏิบัติ ท่านเน้น สอนเสมอ

คำสอนในยุคปัจจุบัน นอกเหนือคำสอนพระพุทธเจ้าโดยมาก โดย สาวก มักจะแต่งขึ้นมาเอง

ท่านยกย่องการสอน ของหลวงปู่ดูลย์ มาก ท่านย้ำให้ไปอ่านคำสอนหลวงปู่ดูลย์มาก ๆ

 

22 ธันวาคม พ.ศ.2560

ผม ไปช่วงเย็น ได้นำยาทิพยโอสถ ของ อ.กร แห่งเขาพนม ไปขอหลวงปู่อธิษฐานให้ หลวงปู่ได้พิจารณาแล้วว่าดี เป็นยาสารพัดนึก

โดยแจ้งว่า เพื่อน ๆ ร่วมกันหามา เพื่อบรรเทาโรคภัยไข้เจ็บ ย้ำว่าไม่ใช่ของขลัง จึงไม่ผิดแนวทางท่าน

ท่านอธิษฐานให้นานมาก ๆ แล้วก็สอนธรรมะอีกเหมือนเดิม ท่านยังถาม ของขลังพระเครื่อง ไป บรรจุ ละ ๆ หรือยัง

ผมได้เรียนท่านว่า ไปบรรจุพระทันใจ เกือบหมดแล้วครับ ท่านก็ยิ้ม และสอนแนวทางชีวิตให้เหมือนเดิม

จวบจนลากลับ ท่านกล่าวว่า "...... ไม่หลงทางแล้ว มาถูกทางแล้ว"

ผมเรียนถามท่านว่า อายุ 40 แล้วครับ ตอนมาหาหลวงปู่ครั้งแรก หลวงปู่บอกว่า 40 แล้วจะดี ผมจะเป็นอย่างไรต่อไปครับ

ท่านกล่าวว่า "มีธรรมะแล้วดีแน่นอน"

ท่านกล่าวว่า "หลวงปู่จะ 76 แล้วนะ"

ผมนึกถึง ที่ท่านเคยบอกเสมอ พระพุทธเจ้าเคยกล่าวว่ อายุไข คนเรายุคปัจจุบัน คือ 75 ปี (คือสมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าเคยกล่าวว่า อายุคนเราคือ 100 ปี แล้วทุก ๆ 100 ปีจะลดลง ปัจจุบันผ่านมา 2,500 ปีก็ลดลง 25 ปีคือ 75 ปี)

คือหาก เสียชีวิตก่อน 75 ก็ ไปเพราะกรรม หากอายุ เกิน 75 ก็อยู่ได้เพราะกรรม

ผมเคยถาม หากอายุ เป็น 100 ปีละครับ จะถือว่ากรรมดีหรือไม่ดี

ท่านกล่าวว่า ก็แล้วแต่ว่าอยู่สุขสบาย หรือไม่สบาย หากอยู่แข็งแรง ก็กรรมดี

หลังกราบลา ท่านกวักมือให้เข้าไปใกล้ๆ (เราก็งง ปกติท่านจะไม่เป่าหัวให้แล้วช่วงหลัง) ท่านก็เป่าหัวแล้วมาจับมือผมแล้วให้พร แล้ว ก็นิ่ง จนผมสงสัย ทำไมนานจัง แล้วท่านก็ให้พร ตบท้าย

ไม่คิดว่าหลังจากนั้นจะเป็นพบ ท่านครั้งสุดท้าย....

 

1 มกราคม พ.ศ.2561 ช่วงเช้าผมคิด ๆ ว่าจะไปกราบปีใหม่หลวงปู่หน่อย แต่เสี่ย จ. ก็ไลน์ และโทรมาแจ้งข่าวร้าย

วันนี้ ได้ไป รดน้ำสังขารท่าน และกราบลาท่าน ก็ได้แต่เศร้าใจ จึงขอนำเรื่องราวของท่านมาให้ทุกท่านรับทราบ


....หลวงปู่ได้ไปตามอายุไข คือ 75 ปี 4 เดือน ตามที่ท่านกล่าวไว้....... ซึ่งผมมั่นใจตามที่เคยไปมาหาสู่ท่าน นับไม่ถ้วน ว่า ....ท่านไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว....





ยุคปัจจุบัน ยังมีพระอริยเจ้าซ่อนกายอยู่มากมาย ขอนำคำสอนหลวงปู่ที่เคยสอนผม มาเผยแพร่

ในช่วงแรก ๆ ผมไปหาท่านรีบขวนขวาย จัดสังฆทาน พระพุทธรูป ผ้าไตรดีๆ มากมาย ไปถวายท่าน

ท่าน ก็ สอน คนเราชอบยึดติดทาน ไม่เน้น ศีล ภาวนา

ผมก็เรียนว่า ก็อยากรวยนะครับ ทำทานแล้วรวยนี่ครับ

ท่าน ย้ำ "คนเราคิดแต่อย่างนี้ ศีล ก็รวยได้ ภาวนาก็รวยได้ สมัยนี้ทำบุญหวังอานิสงฆ์ ก็เป็นหวังผลขาดทุนนะ ถ้าทำแล้วไม่หวังผลนะได้ "

แล้วท่านก็ยกคำสอน พระพุทธเจ้า มาสอน ศีล โภคทรัพย์ ภาวนา ได้บุญสูงสุดยิ่งกว่าสร้างพระ สร้างวิหารทานใด ๆ

หลายคำสอนผิด ๆ ผมไม่ขอยก มากล่าว เพราะท่านสอนเสมอ อย่าไปขัดใคร อย่าไปขัดคอใคร

ขอบันทึกเรื่องราว ของพระอริยเจ้า ท่านนี้มาเผยแพร่ ดังนี้ ....

มงคลพุทธอยู่ที่การกระทำ มงคลพราหมณ์อยู่ที่พิธีกรรม

 

....ด้านวัตถุมงคลที่ท่าน อธิษฐาน รึปลุกเสกให้ หากท่านมีพระกริ่งมหาปัญโญ หรือเหรียญจอบ ที่เคยให้บูชา มั่นใจได้ ท่าน ปลุกเสกให้จริงๆ เต็มที่ 2 อาทิตย์

....พระกริ่ง เหรียญจอบที่ผมมี ผมได้แจกจ่าย ไปตามท่านสั่งหมดแล้วครับ ....

.....แต่สำคัญที่สุด ที่ท่านสอน คือให้ยึดถือกรรม หากทำดี เทพเทวดาจะช่วยเหลือเอง อย่าหวังพึ่งหลวงพ่อ หลวงปู่องค์ไหนมาช่วย ท่านกล่าวว่า หากมีบุญสัมพันธ์นะได้ แต่หากไม่มีบุญสัมพันธ์ต่อกัน ไม่มีใครมาช่วยเราได้

อัตตาหิ อัตตาโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ท่านย้ำเสมอ ผมจึงไม่คิดจะดิ้นรนเสาะหาใด ๆ แม้เคยคิดจะขออัฐิธาตุท่าน จากญาติท่านหลังเผา

รู้เลย ท่านมาดุผมแน่ ว่า ผิดคำพูดที่เคยรับปากท่าน....

 

...บางท่านอาจสนใจ อยากทราบ หลวงปู่เคยตรวจ พิจารณาวัตถุมงคล อะไรบ้างให้ผม ขอให้ย้อนดูกระทู้ที่ผมเคยตั้ง เคยโพสเอาครับ หากผมบอกว่า มีครูบาอาจารย์ตรวจให้ ก็ ท่านเองละครับ เพราะผมไม่เชื่อถือ คนอื่นแน่นอน (ความคิดส่วนตัวนะครับ)