เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย พี เสาวภา, 7 เมษายน 2008.

  1. kpn

    kpn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +1,510
    สวัดดีครับพี่พี อยากได้จังยังไม่มีตะโพนกับเบี้ยเลยครับรู้จักหลวงพ่อช้าราคาไปไกลละต้องยอมแพ้
     
  2. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    พระชินราชเนื้อดิน วัดชะวึก

    พระนี่หลวงปู่ทิมปลุกเสกน่ะครับ ไม่ธรรมดา มีเพื่อนที่ระยองไปทำบุญที่วัดได้ มา เอามาให้ผมช่วยประมูลสร้างกุศล ของดีหลวงปู่ทิม ไม่ต้องไปเห่อพิมพ์แพงๆตามเขา พิมพ์นี้แท้แน่นอน หลวงปู่ทิมท่านคงไม่เลือกเสกน่ะครับ

    IMG_3818.JPG IMG_3819.JPG IMG_3820.JPG IMG_3821.JPG

    http://www.manager.co.th/local/viewnews.aspx?NewsID=9570000120347

    พระพุทธชินราช กรุวัดชะวึก ระยอง หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ หลวงปู่หอมวัดชากหมาก หลวงปู่ชื่นวัดมาบข่า หลวงปู่คร่ำวัดวังหว้า หลวงพ่อรวยวัดท่าเรือ หลวงพ่อโต่งวัดบ้านเพ หลวงพ่อสมชายวัดเขาสุกริม ทำการปลุกเสกเมื่อปี 2516

    ดูชื่อรายนามผู้ปลุกเสก อื้อฮือ ผมต้องเก็บไว้ชุดนึงล่ะ

    องค์ที่เอามา สภาพ สวยกริ้บๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2017
  3. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    พระโพธิ์ ๙ ใบ พลิกแผ่นดิน

    เนื้อยุคต้นๆ น่าจะครกแถวแรกเลยแบบนี้ครับ ที่ผมเก็บจะครกที่หลวงพ่อนั่งดู คอยอำนวยการอยู่ องค์นี้เนื้อแก่น้ำมัน ผสมไม่เข้ากันดี ปูน ผง ดอกไม้ ว่าน พิมพ์ก็ไม่ติดชัด เนื้อจะแข็งๆ ไม่เหลว แต่ก็ พิมพ กันจนหมดครก และน่าจะอีกหลายครก เห็นพอสมควรที่คนเอามาโชว์ในเน็ท

    IMG_3823.JPG

    IMG_3824.JPG


    พิมพ์แรก ยังไม่จัดแหวนแบบให้พระบางบาง จะหนาหน่อยน่ะครับ พอพิมพ์พระมากเข้า พิมพ์ไป ๆ ชำนาญขึ้นเนื้อ จะลดให้บาง เพราะเนื้อเข้าที่

    IMG_3825.JPG

    เนื้อแก่ว่าน แก่น้ำมัน ปูนบางทียังไม่เข้ากันดี เห็นเป็นเม็ด ๆร่วมสิบปีแล้ว เนื้อพอแห้งลงหน่อยครับ
     
  4. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    พระโพธิ์ ๙ ใบเนื้อขาว

    องค์นี้ยุคแรกสุดๆของพระพิมพ์นี้ เนื้อ แก่ปูน หนาปึ้ก ผสมยังไม่ลงตัว ขุดกรุ เอามาให้ดูครับ เคยแจกเขาหลายคน ไปรษณียื โยน พระแตกหมด มา พ.ศ. นี้เนื้อแกร่ง แห้งพอสมควรแล้วครับ

    IMG_3826.JPG IMG_3827.JPG

    ยุคแรก แหวนยังไม่ได้ปรับ พิมพ์ หนาปึ้ก พระก็ติดไม่สวย คงสงสัยว่าทำไมผมเก็บมา เพราะยุคแรกๆนี้ หลวงพ่อนั่งกำกับอยู่ด้วยครับเลยเก็บมาด้วยครับ เพาะมีประวัติศาสตร์มากับพระ หลวงพ่อนั่งคุม ทำผง กำกับผงปูน เก็บดอกไม้ ว่าน เอามาป่น และนั่งหยดน้ำมนต์ในเนื้อตอน ผสมปูน พระนี้ แก่ปูน อ่อนตั้งอิ้วน่ะครับ

    IMG_3828.JPG
     
  5. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    ผมลงพระครบหมด สำหรับรอบหน้า จะเอาลงจะคัดอีกที แฟนคลับท่านใดมีคำแนะนำ พระชนิดอะไรสนใจแจ้งมาให้ทราบด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2017
  6. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    นำมาจากเว็บ

    ศิษย์ที่ศรัทธาหลวงปู่วัดถ้ำสหาย

    กราบขออนุญาตครับ


    https://www.facebook.com/groups/2045786325646718/?ref=nf_target&fref=nf

    23519036_429179430818383_8390973559088765413_n.jpg

    #พระอรหันต์ผู้ประเสริฐดั่งพระจันทร์วันเพ็ญ

    เรื่องนี้หลวงปู่ชอบท่านย้ำให้บันทึกไว้ ท่านบอกต่อไปถ้าเราตายไปแล้วท่านจะถามใครไม่ได้อีกในเรื่องภาคปฏิบัติ

    หลวงปู่ชอบท่านเล่าเรื่องหลวงปู่บุญจันทร์วัดถ้ำผาผึ้งเชียงใหม่ให้ฟัง ท่านบอก ท่านบุญจันทร์เป็นลูกศิษย์เราอีกองค์หนึ่งที่รู้ธรรมเร็วตั้งแต่พรรษาเจ็ด เราอยู่บ้านหนองอ้อกับท่านอาจารย์ขาว

    เรานิมิตเห็นช้างเผือกมาหมอบลงต่อหน้าเอาดอกไม้ธูปเทียนถวายเรา เราพูดเรื่องนี้ให้อาจารย์ขาวฟัง อาจารย์ขาวท่านบอกอาจารย์ชอบจะได้ช้างเผือกมาเลี้ยงอีกเชือกหนึ่ง..

    ไม่กี่วันท่านบุญจันทร์ก็มาหาเรา ตอนค่ำวันนั้นเราเดินจงกรมอยู่ข้างที่พักเห็นท่านบุญจันทร์แบกบาตรสะพายกลดเข้ามาหา ท่านถามเราว่าอาจารย์ อาจารย์ชอบท่านพักอยู่นี่บ่เราก็บอกเรานี่แหละคืออาจารย์ชอบ ท่านบุญจันทร์คุกเข่าลงพนมมือไหว้เรา..

    เราถามไปจั่งใด๋มาจั่งใด๋ถึงได้มาหาเราถึงที่นี่ ท่านบุญจันทร์บอกข้าน้อยมาจากเมืองขอนแก่นตั้งใจจะมาฝากตัวเป็นลูกศิษย์พ่อแม่ครูบาอาจารย์ ท่านอาจารย์อ่อนบอกว่าพ่อแม่ครูบาอาจารย์มาพักอยู่ที่นี่ข้าน้อยเลยตามมาหา ตอนท่านจันทร์มาฝากตัวเป็นลูกศิษย์เรา ท่านจันทร์พรรษาสี่(หน้าหนาวต้นปี ๒๔๙๔)..

    ท่านจันทร์เล่าเรื่องภาวนาให้เราฟัง จิตท่านจันทร์สว่างนิ่งมาสามสี่ปีหาทางออกไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรจึงจะออกจากอาการที่จิตเป็นแบบนี้ได้..

    เราบอกนี่จิตท่านมันเป็นสมถะเต็มภูมินะ จิตเป็นแบบนี้ยังไม่พ้นทุกข์ ภูมิชั้นนี้ยังเป็นภูมิโลกไม่ใช่ภูมิพระ ภูมิแบบนี้ฤาษีชีไพรก็เป็นได้เหมือนกัน เราก็บอกท่านจันทร์ให้ถอนจิตออกมาจากชั้นอัปปนาสมาธิ

    ให้ทรงจิตอยู่กึ่งกลางระหว่างอัปปนากับอุปจาระ หมุนจิตเข้ามาพิจารณาในกายของตน พิจารณากายส่วนไหนก็ได้ตามที่นิสัยของจิตมันชอบ ให้พิจารณาเข้าออกๆอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าจิตมันจะชำนิชำนาญแตกฉานในอสุภกรรมฐาน..

    จิตท่านจันทร์จะชำนาญในการพิจารณากระดูก ท่านจันทร์พิจารณากระดูกจนแตกละเอียดอยู่ถ้ำปากเปียงเชียงใหม่ ท่านจันทร์ถามเราว่า

    ข้าน้อยพิจารณากระดูกจนแหลกป่นปี้หมดแล้ว

    เราก็ถามว่าได้กำหนดตั้งรูปมันขึ้นมาพิจารณาอีกบ่

    ท่านจันทร์บอกข้าน้อยกำหนดขึ้นมาเป็นรูปได้ พอจะพิจารณากระดูกทั้งหลายก็แตกสลายป่นปี้ไปหมด มันจะพังพาบๆอยู่อย่างนี้..

    เราบอกท่านจันทร์ ท่านพ้นกามในสิ่งที่เป็นของหยาบไปได้แล้ว ถึงท่านจะกำหนดรูปขึ้นมาได้ พอเดินปัญญาเข้าไป สิ่งเหล่านี้ก็จะพังพาบลงทันที เพราะจิตมันขาดกันไปแล้วกับธรรมส่วนที่เป็นของหยาบ จิตท่านพ้นจากรูปธรรมที่เป็นของหยาบไปแล้ว ต่อไปให้พิจารณาในส่วนที่เป็นนามธรรมซึ่งเป็นของละเอียด..

    ให้ท่านจับเงื่อนเวทนาเข้าไปให้เห็นสัญญา พิจารณาสัญญาเข้าไปให้เห็นสังขาร พิจารณาสังขารเข้าไปให้เห็นวิญญาณ พิจารณาวิญญาณเข้าไปให้เห็นอวิชชาปัจยการ เมื่อเห็นอวิชชาปัจยการแล้ว ทุกอย่างมันจะถูกมหาสติมหาปัญญาทำลายลงไปทั้งหมด จิตจะเป็นธรรมธาตุยิ่งใหญ่..

    ถึงตอนนั้นท่านบ่ต้องไปถามใครอีกแล้วว่าท่านเป็นอะไร..

    หลังจากองค์ท่านหลวงปู่ชอบให้อุบายธรรมแก่ หลวงปู่บุญจันทร์ จันทวโร ท่านก็มาพักอยู่ที่สำนักสงฆ์ห้วยน้ำริน หลวงปู่บุญจันทร์ท่านรับเอาอุบายธรรมจากองค์ท่านหลวงปู่ชอบไปปฏิบัติ หลวงปู่บุญจันทร์ท่านพิจารณาในนามธรรมซึ่งเป็นธรรมอันละเอียดอ่อนอยู่ห้าหกเดือน..

    หลวงปู่บุญจันทร์ท่านก็บรรลุมรรคผลเป็นพระอรหันต์ “ ฉฬภิญโญ ” เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๙๖ ที่ วัดถ้ำปากเปียง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่..

    ท่านจึงได้รับฉายาจากหลวงปูชอบว่า พระอรหันต์ผู้ประเสริฐดั่งพระจันทร์วันเพ็ญ
    วีระศักดิ์ โพธิสัตย์ (ครูบากล้วย)ผู้บันทึก

    ผมเก็บของบางรุ่น ของหลวงพ่อบุญจันทร์ไว้ ไปกราบท่านเป็นปีๆ ตั้งแต่สมัยอยู่ที่ อ. ฝาง เคยร่วมกับพี่เอาดินก้นหลุมเจาะ ทำพระถวายให้ท่านแจกฟรีอยู่รุ่น แต่ทำยาก น่าจะประมาณ ๔๐๐ องค์ เนื้อดินเผา มีเหรียญท่านบางรุ่น ไม่มาก ท่านไม่ได้ทำพระเยอะ แม้จะแจกฟรี สาเหตุน่าจะมาจากสุขภาพของท่าน

    นอกจากนั้น ผมทำรุปถ่ายอัดกระจก แต่ช้าเป็นปี กว่าจะเสร็จ ท่านก็ ป่วยมากแล้ว เลยเก็บไว้ ไม่ได้แจกใคร แต่เอาเข้าปลุกเสก จาก หลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรง

    พอมาเจอ หลวงปู่ครูบาแก้ว ท่านเป็นศิษย์สายตรงของหลวงพ่อบุญจันทร์ วัดถ้ำผาผึ้ง เลยเอาไปเข้าพิธีกับเหรียญรุ่นแรก และ พอมีโอกาศ เอาไปถวายท่านครึ่งหนึ่ง ที่เหลือจะเอาไว้แจกอย่างเดียว รูปนี้ผมถ่ายเอง หลวงพ่อบุญจันทร์ ท่านยืนตั้งท่าให้ถ่าย ได้ขออนุญาตท่านแล้ว

    IMG_1052.JPG
     
  7. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    รูปอัดกระจก หลวงพ่อบุญจันทร์ วัดถ้ำผาผึ้ง

    IMG_3833.JPG


    ผมถ่ายรูปนี้เอง น่าจะประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๓ หรือ ก่อนนั้นนิดนึง ประมาณ ๒๕๒x กว่าๆ ด้วยกล้อง ปัญญาอ่อน โอลิมปัส ความชัดเจนจึงได้แค่นี้ ช่วงนั้นผมยังรับราชการอยู่ที่บ่อน้ำมันฝาง ไปหาท่านเป็นประจำ ไปทำบุญ นั่งสมาธิ ฟังท่านเทศบ้าง แต่ท่านเทศน้อย ถามสามคำ ตอบคำ และยังแข็งแรง เดินได้ ต่อมาน่าจะประมาณ ๒ค๓๑ ท่านเริ่มป่วย ตอนลมเย็นๆมา ปากจะเบี้ยว มือจะหงิก ต้องไปหาหมอ และมีหมอ ( พระมาคอยนวด ) และ ถ้าฉัน สปอนเซ่อร์เข้าจะอาการดีขึ้น แต่ยัง พูดจา เดินเหิน พอได้ พอมาหลังๆ น่าจะแถวๆ ๒๕๔๐ กว่า เดินไม่ได้แล้ว นอน กระพริบตาอย่างเดียว

    ผมเคยพาท่านไปหาหมอ ที่ กทม ยุคท่านมาพักที่ สำนักสงฆ์ บ้านท่านเจ้าของไก่ย่าง ห้าดาว พุทธมลฑล สาย ๓

    หลวงพ่อบุญจันทร์ ท่านเอ็นดู ผมบ้างตามสมควร แนะนำเรื่องสมาธิ ธรรมมะ ให้ผมหลายอย่าง เขียนให้ยังมี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2017
  8. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    รูปนี้ท่านอนุญาตผมเอง ยืนให้ถ่ายรูปด้วย ตอนปี ๒๕๓๓ ที่อัดรูป ท่านยังพอมีอาการอัมพฤตษ์ ยังไม่เป็นอัมพาตทั้งตัว แต่พอผมอัดรูปเสร็จ ท่านก็เริ่มเป็นอัมพาตทั้งตัว ผมเลยแค่เอารูปให้ท่านดู ท่านเอามือตบๆให้เท่านั้น ต้องบอกกันก่อน และผมไม่ได้ถวายท่านไว้ เพราะไม่อยากให้ท่านมาเป็นภาระแจกใครทั้งที่ยังนอนช่วยตัวเองไม่ได้ น่าจะเลิกไปขอวัตถุมงคลกันได้ ให้ท่านนอนสงบๆดีกว่า แต่แม้ใกล้จะล่ะสังขาร สติท่านก็แจ่มใสมาก จำคนที่ไปหาได้ทุกคน วัตถุมงคลของหลวงพ่อบุญจันทร์ หาดูยาก ทำไม่มากในแต่ล่ะรุ่น

    แต่ผมเอารูป เกือบ ห้าร้อยรูปนี้ ไปปลุกเสกโดยพระผู้ทรงคุณอีก หลายครั้ง ที่จำได้ คือ อาจารย์ของผม หลวงปู่พระครูบุญศรี หลวงปู่พรหมา (บ้าน อ. อนันต์) และหลวงพ่อทรง

    ไม่เคยโชว์ใคร ไม่เคยแจกใคร ในยี่สิบปีมานี่ แจกแฟนบ้านเหรียญบิน ครั้งแรก ที่นี่ แห่งเดียว

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มีนาคม 2010
     
  9. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    แค่ท่านตบก็คือการเสกแล้วครับ พระป่าไม่มีพิธีมาก
    มีพระอาจารย์รูปนึง (ขอไม่ออกนามท่าน) ท่านเคยธุดงค์เข้าเขมรแล้วท่านเดินหลงเข้าไปในดงระเบิด พอท่านรู้ตัว ทานก็ตั้สติ ในย่ามมีแต่รูปหลวงปู่บุญจันทร์นี่แหละครับ ท่านก็เดินๆๆ รอดออกมาได้ แถมโดนพวกเขมรจับ ปกติพวกนี้เรียกพระเป็นตัว ไม่ใช่องคเหมือนพวกเรา เวลากราบก็นั่งยองๆ
    เค้าจับตัวท่านขังไว้ 1 คืน อีกวันก็จะจัดการปลงชีวิตท่าน (หัวหน้าเค้าบอกในตอนหลัง) ท่านถือรูปหลวงปู่อารธนาบารมีท่าน แผ่เมตตาไป พอเช้ามาเค้าเล่าถวายพระอ.องค์นี้ว่า เมื่อคืนที่คิดจะฆ่าท่านทำให้เค้ารู้สึกร้อนใจ นอนไม่หลับกระสับกระส่ายไปหมด และด้วยเหตุผลอะไรไม่ทราบเค้าเปลี่ยนใจ นอกจากไม่ฆ่าท่านยังนับถือ ถวายเงินให้ท่านเป็นถุงๆ แต่ท่านก็ไม่รับ เอาไฟเช็คมาอันเดียว และเปิดทางให้ท่านเดินธุดงค์แสวงธรรมได้ตามสะดวก พระอ.ท่านว่าผ่านเหตุการนี้มาได้ก็ด้วยบารมีหลวงปู่นี่แหละครับ

    พระของหลวงปู่เดินตามแผงดีๆ ก็เจอครับ ไม่แพงหลักร้อยเองครับ

    นะจักรวาล, 11 มีนาคม 2010
     
  10. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    ผมยังมีไม้จิ้มฟัน ไม้กระเจียวท่านให้มา ตอนท่านป่วยช่วงแรกๆ ผมพาท่านไปหาหลายหมอ ตั้งแต่ กรุงเทพ โรงพยาบาลนนทเวช เลิศสิน พุทธมลฑลไปถึงโคราช หมอยาไทย หมอทางใน ( อาจารย์ ทับ จับเกาะ ถ้าจำไม่ผิด ลูกศิาญ์สายอื่นหามา ทานเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ขาว ถ้าผมจำไม่ผิด) หมอนวดที่ อ. ฝาง แล้วแต่ใครว่าดี แต่ไม่มีอะไรเก่งกว่ากรรมครับ ท่านเป็นหนักขึ้นเรื่อยๆ จนนอน กระพริบตาอย่างเดียว

    ชิวิตพระป่า จะเงียบๆ สมถ ไม่หวือหวา ญาติโยมเยอะ แต่คนตามมาเยอะ จำได้ว่า ผมพาท่านไปนนทเวช ขากลับ เข็นท่านมาขึ้นรถ ฟอร์ด คันเก่าๆของผม พยาบาลเดินตามมาสองสามคน มาถามผมว่า หลวงพ่ออยู่วัดไหน พักที่ไหนใน กทม เบอร์อะไร ตอนนั้นพักที่บ้าน พุทธมลฑลสายสาม บานเจ้าของไก่ย่าง ห้าดาว ผมลืมชื่อ คุณพี่ท่าน แต่ท่านผูนี้เอาบ้านเป็นที่พักพระป่าที่เข้ามา กทม ทังหมด ไม่มีที่พัก ไปหาท่านได้

    พี เสาวภา, 11 มีนาคม 2010
     
  11. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    บันทึกไว้ เมื่อ ๗ ปีมาแล้ว ยุคนั้นแจกออกไปบ้าง เพราะของนี้หวง แจกเฉพาะแฟนเก่าบ้านเหรียญบิน
     
  12. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    img_0006-jpg.jpg



    [​IMG]IMG]
    ตะโพนครู (ไม้กุ่ม) ( กว่าเขาจะได้มา ยากเย็นหนักหนา )

    ตอนที่ 1 ปฐมบทแห่งเหตุ

    [​IMG]
    ตะโพน - กุ่ม
    ทุ้ม - มะหาด
    ระนาด - พยุง

    คำกล่าวประโยคนี้ผมได้ยินเมื่อประมาณปี 2546 จากครูศิริ นักดนตรี ครูดนตรีไทยที่ผมเคยไปเรียนไปรับใช้ครูในช่วงที่เรียนดนตรีไทย ที่สวนสุนันทา ซึ่งผมจะไปๆมาๆ บ้านครูเนื่องจากไปต่อเพลง เรียนเพลง และขับรถยนต์ของครู รับ - ส่งครู เวลาครูมาสอนที่สวนสุนันทา และไปเป็นพิธีกรกล่าวโองการไหว้ครูดนตรีไทยในที่ต่างๆ ในช่วง บั้นปลายชีวิตของครู ซึ่งทำให้มีเวลาได้อยู่กับครูมากและได้พูดคุย เรื่องเกร็ดความรู้ทางดนตรีไทยมากมายในสมัยโบราณ ซึ่งคุณครูศิริ เป็นศิษย์ของหลวงประดิษฐ์ไพเราะ(ศร ศิลปบรรเลง) ครูศิริหรือชื่อเรียกขานในวงการว่า "ครูเบิ้ม" มีความรู้ความเชี่ยวชาญทั้งปี่พาทย์และเครื่องสาย ตลอดจนเครื่องหนังทุกชนิด เรียกว่าถ้าเรียนจากครูเบิ้มคนเดียวได้หมด ก็ไม่ต้องไปเรียนเพลงหรือวิชาอะไรจากที่อื่นได้เลย แต่ผมมาเรียนกับครูในช่วงบั้นปลายชีวิตของท่าน จึงไม่ค่อยได้รบกวนเรียนจากครูมากนักเพราะท่านชราภาพมากแล้ว ได้แต่ปรนนิบัติรับใช้ต่างมือต่างเท้าครูเสียส่วนมาก ซึ่งครูก็เมตตาตอบคำถามที่สงสัย และถ่ายทอดความรู้ให้ตลอดเวลา ครูเบิ้ม เรียนดนตรีไทยตั้งแต่เด็ก จากบิดาของท่าน คือ คุณพ่อสุข นักดนตรี คนปี่พาทย์ และคนปี่ ศิษย์ของครูสิน ศิลปบรรเลง ซึ่งเป็นพ่อของหลวงประดิษฐ์ไพเราะ(ศร ศิลปบรรเลง) พื้นเพครูเบิ้มเป็นคนอัมพวา จ.สมุทรสงคราม นามสกุลท่าน ท่านบอกว่าได้รับพระราชทานจาก รัชกาลที่ ๕ เนื่องจากเป็นนักดนตรีเก่าแก่ในอัมพวาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายายและเคยถวายการบรรเลงรัชกาลที่ ๕ ทำให้พระองค์ทรงพอพระทัยจึงพระราชทานนามสกุึลนี้มา ซึ่งครูเบิ้มเล่าว่า รัชกาลที่ ๕ พระราชทานนามสกุลมาผ่านทางจังหวัดสมุทรสงคราม ปู่ของครูเบิ้ม ไปรับพระบรมราชโองการพระราชทานนามสกุล "นักดนตรี" ที่ศาลากลางจังหวัดในสมัยนั้น ครูเบิ้มเล่าว่า ท่านมีศักดิ์เป็นเครือญาติกับหลวงประดิษฐ์ไปเพราะเช่นกัน ครูเบิ้มเรียนเริ่มเพลงการ จากพ่อของท่านตั้งแต่เด็ก คือคุณพ่อสุข นักดนตรี เมื่อเรียนตามกระบวนเพลงปี่พาทย์เบื้องต้นแล้ว พ่อของท่านจึงส่งให้ไปเรียนต่อยอดกับหลวงประดิษฐ์ไพเราะ(ศร ศิลปบรรเลง) ได้ไปอยู่บ้านครูหลวงฯ เรียนเพลง และรับใช้ครูหลวงฯ อยู่หลายปี มีเรื่องเล่ามากมายที่ครูเบิ้มเล่าให้ผมฟังในช่วงที่ท่านอยู่บ้านครูหลวงฯ ซึ่งผมขอข้ามไปก่อนครับ ....เข้าเรื่องตะโพนไม้กุ่ม... ผมได้รับคำบอกเล่าจากครูเบิ้ม เมื่อประมาณปี 2546 เรื่องตะโพนไม้กุ่ม คือมีวันหนึ่งผมขับรถพาครูเบิ้มไปประกอบพิธีไหว้ครูดนตรีไทยที่ไหนผมจำไม่ได้แล้ว ระหว่างทางครูก็พูดขึ้นมาว่า ฉันมีระนาดทุ้มไม้มะหาดอยู่ผืนหนึ่ง ฉันจะให้เธอเอามั้ย ผมหันไปมองครูเบิ้มแล้วตอบกลับว่า แล้วแต่ครูจะเมตตาครับ (ไม่กล้าตอบตรงๆว่าใจจริงอยากได้มาก เพราะเกรงใจครู) ครูก็บอกงั้นฉันจะให้เธอ ไว้ค่อยไปเอาที่บ้าน ผมตอนนั้นมีความรู้น้อย จึงถามว่าระนาดทุ้มนี้ เห็นมีแต่ไม้ไผ่ ไม้มะหาดมีใช้ด้วยเหรอครับ และเสียงหรือคุณภาพมันจะเหมือนกันมั้ยครับ ครูก็เล่าว่ามีเอามาทำเช่นกันแต่ไม่ค่อยนิยมเพราะไม้มะหาดหาดีดี ตีดังๆยาก ระนาดทุ้มไม้ไผ่หาง่ายกว่าเสียงดีกว่า แต่ที่เอามาทำไม้มะหาดเพราะชื่อดี... ผมจึงถามคุณครูต่อว่า ... ชื่อดียังไงครับ .... ครูก็เล่าว่า สมัยโบราณ บ้านนักดนตรีไทยเก่าๆ หัวหน้าวงเค้าจะสร้างเครื่องดนตรีไว้ 3 อย่าง ไว้บูชา ไว้ประจำวงไม่เอามาใช้ เพื่อไว้ คุ้มวง คุ้มคน คุ้มบ้าน ผมจึงถามต่อ มีอะไรบ้างครับครู ... ครูบอกว่าเธอจำไว้เลยนะ ไม่มีใครบอกเธอหรอก แล้วต่อไปถ้ามีวงเธอหาไว้บุชาเลย นั่นคือ ...ตะโพน ไม้กุ่ม.... ระนาดทุ้ม ไม้มะหาด ...ระนาดเอก ไม้พยุง ครูบอกว่า สมัยโบราณเค้ามีไว้บูชา 3 อย่างนี้ ครูขยายความว่า ตะโพนเป็นประธาน ใช้ไม้กุ่ม ชื่อดี พ้องกับคำว่าคุ้ม คือเอาเคล็ด คุ้มครอง ป้องกัน อุปทวอัตราย ระนาดทุ้ม ใช้ไม้มะหาด ชื่อดี พ้องกับคำว่ามหา หรือมหาดไทย มหาดเล็ก = ขุนนาง เป็นเคล็ดเรื่อง ความเจริญรุ่งเรือง ยศถาบรรดาศักดิ์ ลาภยศสรรเสริญ ความมั่นคง ...ระนาดเอก ไม้พยุง มีชื่อดี คือเอาเคล็ด ใช้หนุนดวง ช่วยให้เจริญรุ่งเรือง พยุงให้สูงขึ้น ไม่ตกต่ำ...ผมถามต่อว่าแล้วถ้าทำมาแล้วต้องเอาไปเสกอะไรหรือทำพิธีอะไรมั้ย ครูบอกว่า ไม่ต้องก็ได้ เอาขึ้นบูชาบอกกล่าวครูบาอาจารย์ได้เลยถือว่าชื่อดีของดีในตัวแล้ว มีแล้วคุ้มวง คุ้มคน คุ้มบ้านได้ทั้งหมด เป็นของครูบาอาจารย์โบราณถ่ายนทอดบอกกันมา ซึ่งผมก็เพิ่งเคยได้ยินจากครูเบิ้ม (ครูศิริ นักดนตรี) เป็นท่านแรก หลังจากนั้นผมก็จำคำครูที่เคยเล่าให้ฟังเรื่องตะโพนไม้กุ่ม จนขึ้นใจ และคิดว่าถ้ามีโอกาสผมจะสร้างตะโพนไม้กุ่มเอาไว้ใช้บ้าง และเวลาผ่านไปเนิ่นนาน จนครูเบิ้ม ถึงแก่กรรมลงเมื่อปี 2548 แต่คำของครูเรื่องตะโพนไม้กุ่มและเรื่องอื่นๆก็ยังจำได้ดี และนำมาปฎิบัติเป็นครูจนทุกวันนี้ ... ซึ่งเมื่อผมมีโอกาสก็ได้หาไม้กุ่ม เพื่อมาสร้างตะโพนไม้กุ่มเป็นปฐม ซึ่งครั้งนี้ไม่ได้สร้างเพื่อบูชาคนเดียว เพราะด้วยความที่ผมชอบเรื่องพระเครื่องและเครื่องรางของขลัง พอจะเคยได้ยินได้ฟัง ในเรื่อง สายวิชาตะโพน อันโด่งดัง ในสายของหลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน จ.อ่างทองว่าเครื่องรางในสายวิชาตะโพนนั้น มีคุณอย่างเอกอุ ทั้งทางด้านเรียกคน เรียกทรัพย์ คุ้มครองป้องกัน เป้นเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ และอีกประการหนึ่งตะโพนถือเป็นประธานของเครื่องดนตรีเป็นครูใหญ่ของชาวดนตรีไทย คือ พระปรคนธรรพ อีกด้วย ก่อนจะร้องก่อนจะรำ ก่อนจะทำเพลง จะบูชาตะโพนตั้งกำนลบอกกล่าวครูเสียก่อนโดยใช้ตะโพนเป็นสื่อในการบูชา ทำให้ผมคิดว่าถ้าหาก จะทำแล้ว ็จะทำให้ดี เผื่อแผ่แก่ผู้อื่นด้วย ซึ่งทำเป็นขนาดบูชาและขนาดพกติดตัว เพื่อสืบทอดตะโพนไม้กุ่มตามคำครูศิริ นักดนตรี ที่ได้ถ่ายทอดให้ผมมา เมื่อผมมาอยู่ชุมพรก็ได้สืบเสาะหาไม้กุ่ม เพื่อนำมาทำตะโพน จนพบไม้กุ่มตามต้องการ .... ในตอนต่อไป ผมจะเล่าถึงการไปหาไม้กุ่ม ไปตัด ไปพลี ต้นกุ่มมาทำตะโพนไม้กุ่มในครั้งนี้......

    เรื่องเล่า ตะโพนไม้กุ่ม ตอนที่ 2
    ตามหาต้นกุ่ม แรงครูมาช่วยอำนวยผล เหนือธรรมชาตเหนือความคาดหมาย

    [​IMG][​IMG]
    ...หลังจากเล่าในคอนที่ 1 ปฐมบทความเป็นมาเป็นไปของที่มาตะโพนไม้กุ่มที่ได้รับการถ่ายทอดจากคุณครูศิริ นักดนตรี ไปแล้วนั้น วันนี้ ผมจะเล่าในตอนที่ 2 ซึ่งเป็นตอนที่ทำการติดตาม หาไม้กุ่ม เพื่อมาสร้างตะโพนชุดนี้ ซึ่งถ้าผมไปทำการว่าจ้างช้างไม้ ช่างตัดไม้ หรือติดต่อโรงงานทำเครื่องดนตรีหรือโรงงานไม้ ก็คงไม่ต้องเหนื่อยตามหาเอง เอาเงินจ้างไปก็จบ แต่ด้วยความที่ว่าผมชอบทำอะไรเองให้รู้เสียก่อนให้เห็นเองทำเองเสียก่อนจึงจะสบายใจ และยิ่งเรื่องการสร้างเครื่องรางของขลัง วัตถุมงคลขึ้นใช้เองด้วยแล้ว ผมจะชอบลงมือทำเอง หาเอง ถามผู้รู้เอง ทุกขั้นตอน เพราะไม่ได้รีบร้อนอะไร ทำไปเรื่อยๆหาไปเรื่อยๆ และทำด้วยตัวเองเราเองก็สบายใจ ผู้บูชาไปก็สบายใจ ไม่ย้อมแมวหรือ แต่งนิยายหลอกให้ชวนเชื่อและออกให้เช่าบูชากันทั่วๆไป และทุกครั้งก็จะถ่ายรูปประกอบเพื่อยืนยันว่าได้ทำจริง หาเอง เจอเอง โดยลูกมือของผมก็คือ พวกลูกศิษย์ในวงดนตรีไทยที่มีความสนใจชื่นชอบแนวนี้เหมือนๆกัน ไม่ต้องไปจ้างใคร เอาศิษย์ของเราดีกว่า ได้สั่งสอนได้ ได้ความรู้เล็กๆน้อยๆติดตัวไปได้บ้าง ส่วนลูกศิษย์ที่ไม่สนใจทางนี้ ก็ไม่ว่าอะไร ไม่ได้ไปบังคับศิษย์ให้มาทำงาน เอาความพอใจ เอาความสมัครใจของลูกศิษย์กันครับ ....
    ...อารัมภบทมายาว เกรงว่าเดี๋ยวติดลม การร่ายยาวตามนิสัยของผม มาเข้าเรื่องกันต่อดีกว่าครับ หลังจากปี 2546 ที่ได้รับความรู้เรื่องราวตะโพนไม้กุ่มมาจาก ครูเบิ้ม ก็จดจำเรื่อยมา ท่องเรื่อยมา แต่ไม่มีโอกาสจะได้ทำด้วยตัวเองสักที จนย้ายมาเป็นครูที่ชุมพร หลายปีก็ยังไม่ได้เริ่มลงมือ จนเมื่อปีที่แล้ว 2559 นั่งนึกนั่งคิดว่า เอ๊ะ ต้นกุ่มนี่หาจากที่ไหนนะ... อยากทำตะโพนไม้กกุ่มซะแล้ว เลยหาข้อมูลในเน็ตในเวบไซด์ต่างๆ ได้ความว่า ต้นกุ่มมี 2 ชนิด คือกุ่มน้ำกับกุ่มบก เปลือกเอามาเป็นส่วนผสมของยาแผนโบราณได้ แต่จะหาที่ใดนั้นไม่สามารถระบุได้ นึกไปนึกมา เอ๊ะชุมพรบ้านเรา มีผักดองพื้นบ้าน ที่ชอบใช้กินกับขนมจีน ที่ชาวใต้เรียกว่าผักเหมือด คือ "ผักกุ่มดอง" ผักกุ่มจะเป็นต้นกุ่มที่เราตามหาหรือไม่ จึงไปถามแม่ แม่บอกว่าใช่เรียกว่าต้นกุ่ม พอถามคนเฒ่าคนแก่ ก็ตอบเหมือนกันว่า ต้นกุ่ม นี่แหละ มีในเฉพาะทางใต้ คราวนี้เริ่มดีใจว่าต้นกุ่มมีอยู่แถบบ้านเรานี่เอง ขั้นต่อไปก็หาต้นกุ่มเพื่อมาทำตะโพนไม้กุ่ม ผมจึงบอกลูกศิษย์ที่มีสวน ที่บ้านอยู่ในเรือกสวนไร่นาป่าเขา ให้ไปถามพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ว่าไม้กุ่มหรือ ต้นกุ่มจะหาได้ที่ไหน บ้านใครที่ใครมี ให้ขอ ได้แล้วมาบอก ผ่านไป 2-3 วัน ก็มีลูกศิษย์ 2 คนในวง นัฐสิทธิ์ พึ่งชาติ กับ วีรศักดิ์ รอดทอง มาบอกว่าได้เรื่องต้นกุ่มแล้วครับพร้อมถ่ายรูปมาให้ดู ได้ขนาดต้นไม่ใหญ่มากนัก ซึ่งคนพื้นที่เก่าแก่บอกว่าต้นกุ่มโตช้ามาก ต้นใหญ่ๆใช้เวลาชั่วอายุคนกันเลยทีเดียว หายาก...เลยรู้ว่า ทำไมตะโพนไม้กุ่มจึงไม่ค่อยมี เพราะว่าไม้กุ่มโตช้ามาก ต้นที่ผมไปได้มานี่หลายสิบปีมาก แต่มีขนาดแค่ลำตัวคนรูปร่างปกติหน่อยๆเท่านั้นเอง ....เมื่อรู้แหล่งแล้ว และเจ้าของอนุญาตให้ตัดได้ ผมจึงไปเรียนถามขอคำแนะนำจาก พระเดชพระคุณพระครูวิธานสุตสุนทร (พระครูมานิตย์) วัดเงิน บางพรม พระอารามหลวง กทม. ซึ่งท่านเป็นพระอาจารย์ที่ผมให้ความเคารพนับถือมากที่สุดด้วยความเมตตาของท่าน รู้จักท่านมาตั้งแต่ประมาณปี 2549 ท่านเก่งทั้งวิปัสนากัมมัฎฐาน และเชี่ยวชาญรอบรู้ในเรื่องเวทย์มนต์คาถา วิชชาต่าง ๆ อย่างเอกอุ ตอนรู้จักท่านใหม่ๆ ผมยังเคยลอง เรียกว่าลองของ (เพราะท่านเคยแซวนานมาแล้วว่า อ.วิม นี่ชอบลองของ) อะไรต่างๆจากท่าน จนแน่ใจและมั่นใจว่าท่านคือพระที่กราบได้อย่างสนิทใจและยึดเอามาเป็นครูบาอาจารย์ในทางธรรมของเราได้ ผมก็ไปมาหาสู่ ขอคำชี้แนะ คำปรึกษาจากท่าน เรียกได้ว่าถ้าผมไป กทม. องค์แรกและองค์เดียวที่ผมจะไปกราบไปทำบุญที่จะขาดไม่ได้ คือ หลวงพี่มานิตย์ วัดเงินบางพรม กทม. ครั้งนี้ก็เช่นกัน ผมไปขอคำแนนะชี้แนะจากท่านในเรื่องการพลีกรรม เอาไม้กุ่มมาทำตะโพนในครั้งนี้ ซึ่งท่านก็บอก ฤกษ์ผานาที วันเวลาในการเข้าไปพลี และเครื่องบัดพลีต่างๆที่ต้องนำไป ตามที่ท่านได้บอกไว้ ซึ่งท่านจะเน้นย้ำเสมอว่าให้บอกครูบาอาจารย์ดนตรีไทยนั่นล่ะดี ให้ครูมาช่วยทำ ซึ่งพอผมจะทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ผมจะถามพระที่นับถือหรือไม่ก็ถามครูเสียก่อนครับ ... เมื่อได้ฤกษ์ยามและวิธีการพลีมาแล้ว ผมก็นัดหมายลูกศิษย์ไปช่วย และผู้ปกครองลูกศิษย์ที่รู้เรื่องการตัดต้นไม้การเลื่อยไม้ไปช่วยด้วย ... ในวันที่ไปทำพิธีนั้นผมบอกไว้เลยว่า เกิดเหตุมหัสจรรย์เหนือความคาดหมาย ถึง 4 ประการ ซึ่ง จะด้วยแรงครูหรือเทพบันดาลก็ไม่ทราบได้แต่ล้วนเป็นนิมิตมงคลทั้งสิ้น

    ....ในวันที่ไปทำพิธีนั้น อากาศดีมาก มีแสงแดดจ้าตั้งแต่เช้า ผมให้ลูกศิษย์เตรียมข้าวของ มี ขนมต้มแดง ต้มขาว ผลไม้ กล้วย หมากพลู พอถึงเวลาก็เดินทางเข้าป่าเข้าสวนไปที่ต้นกุ่ม เมื่อไปถึงบริเวณนั้น ก็จัดแจง ปูเสื่อปูผ้าขาว วางเครื่องเซ่นสักการะพลีกรรมตรงบริเวณโคนต้น ได้ฤกษ์ก็จุดธูปสวดมนต์และบอกกล่าวรุกขเทวดา เจ้าที่เจ้าไพร ขอตัดต้นกุ่มพลีเอาไปสร้างตะโพนให้คนบูชา เมื่อบอกกล่าวเสร็จแล้ว ผมก็เอามีดอีโต้ฟันต้นกุ่มเป็นปฐมฤกษ์ก่อน 3 ที แล้วจึงให้ผู้ปกครองลูกศิษย์ทำการริดกิ่งก้านและเลื่อยโค่นต้นลงมา ซึ่งเมื่อผมบอกกล่าวและเอามีอีโต้เดินเข้าไปฟัน ขณะนั้น แสงแดดที่จ้าอยู่ ก็มีเมฆมาบดบังคล้ายฝนจะตกแต่ไม่ตกอากาศเย็นสบายเป็นที่น่าประหลาดใจมาก ใช้เวลาตัด และเลื่อยอยู่ 3 ชั่วโมง ไม่มีทั้งฝนทั้งแดดตกต้องลงพื้นเลย เป็นนิมิตหมายมงคลนะครับแล้วจะเล่าว่าเพราะอะไรในช่วงท้ายของตอนที่ 2 (ยาวหน่อยครับ)
    ...การตัดต้นกุ่มนั้นคนตัดจะขึ้นไปริดกิ่งก้านน้อยใหญ่ ทั้งต้นออกเสียก่อนให้เหลือแต่ลำต้นอย่างเดียวและค่อยโค่นลงมา ในขณะที่ริดกิ่งน้อยกิ่งใหญ่ลงมานั้น ทุกคนก็ต้องออกไปห่างๆเพราะกิ่งที่ถูกตัดร่วงลงมาแรง ฟาดลงพื้นกองตามโคนต้นมากมาย น่าหวาดเสียวครับ และผมก็สังเกตเห็นเครื่องเซ่น เครื่องพลีกรรม ปูเสื่อวางไว้โคนต้นไม้นั้น ไม่ได้เลื่อนออกมา ในใจคิดว่าคราวนี้ถ้วยชามคงแตกเพราะแรงของกิ่งต้นกุ่มที่ร่วงหล่นลงมาแน่นอน แต่ก็ไม่เป็นไร เราไหว้แล้วและเข้าไปย้ายออกมาไม่ทันแน่ เลยปล่อยไว้อย่างนั้น รอให้ริดกิ่งลงมาให้หมดค่อยไปรื้อเอาบรรดาเครื่องเซ่นพลีกรรมออก (ดูตามรูปนะครับ)...เมื่อริดกิ่งลงมากองที่โคนต้นจนเสร็จ ก็ช่วยกันลากกิ่งต้นน้อยใหญ่ออก เหลือเชื่อครับ!!! พอเอากิ่งที่ร่วงหล่นลงมาฟาดกองลงพื้นรอบบริเวณโคนต้น ทับตรงที่ตั้งเครื่องพลีกรรมและต้องเสียหายแน่นอน เพราะต้นมะนาวข้างๆก็ยังหัก กิ่งฉีกไม่เป็นชิ้นดี แต่พอเอากิ่งออกตรงที่ตั้งเครื่องพลีกรรม ปรากฎว่า เครื่องพลีกรรมยังอยู่เหมือนเดิมไม่มีอะไรแตกเสียหายเลยแม้แต่น้อย แม้กระทั่งเทียนที่จุด ก็ยังไม่ล้มลง ลูกศิษย์ที่เห็น ผู้ปกครองที่เห็น ยกมือไหว้กันเลยครับ แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะรอดพ้นแรงกิ่งใหญ่ที่ทับถมลงมาหนักขนาดนั้นแม้แต่เทียนยังไม่ล้ม ผมเชื่อว่านี่เป็นด้วยแรงครูบาอาจารย์ที่มาสร้างความมหัสจรรย์ให้เป็นที่เจริญศรัทธากับความตั้งใจในครั้งนี้ครับ(ดูรูปประกอบ) เมื่อตัดต้นลงมาเลื่อยเป็นท่อนๆเพื่อง่ายแก่การขนย้ายในเวลานั้นท้องฟ้ายังปิดมีเมฆที่ไม่ลอยเคลื่อนไปไหนบังแสงแดดให้
    [​IMG]
    ตลอดเวลาอากาศเย็นสบายมากไม่ร้อน ...พอตัดต้นลงมาและ
    [​IMG]
    เลื่อยเป็นท่อนๆใกล้จะเสร็จ จู่ๆก็มีรถมอเตอร์ไซด์ขับผ่านมาและจอด มีคนเดินเข้ามาดู ถามและพูดคุย จนได้ทราบว่าอดีตเคยเป็นครูกลองยาว แต่ปัจจุบันมาทำสวนกรีดยางตัดปาล์ม เลยได้พูดคุยเรื่องกลองยาว เรื่องการกลึงกลองยาวสมัยก่อน และลุงคนนี้ก็มาช่วยยกช่วยขนไม้ที่เลื่อยขึ้นรถให้ด้วยและก็ลากลับไป ผมก็มาคิดว่าหรือจะเป็นนิมิตรหมายอีกอย่างที่ครูบาอาจารย์จะสื่อถึง เพราะคนที่มานี่เกี่ยวเนื่องกับกลองกับเครื่องหนังและลงมาจอดดูทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน เหมือนเป็นแรงครูที่ดึงดูกันมา...
    [​IMG]
    เมื่อตัดและเลื่อยเรียบร้อยก็ขนยกกันขึ้นรถซึ่งแต่ละท่อนหนักมากต้องกลิ้งไปบ้างไหลไปบ้าง จนเสร็จ แต่น่าแปลอีกอย่างหนึ่งก็คือที่สังเกตได้ คือเมื่อตัดต้นกุ่มลงมาเลื่อยเสร็จ ก็มีแสงแดดส่องจ้าลงมาตรงกับจังหวะที่ตัดต้นลงมานอนไว้บนพื้นพอดี สร้างความแปลกใจเข้าไปอีก พอขนขึ้นรถบรรทุกกลับไปฝากไว้บ้านลูกศิษย์ ก็มีฝนตกลงมาปรอยๆพอให้เย็นส่งท้ายจนถึงบ้านที่เอาไม้มาฝากไว้ ตกปรอยๆไม่เปียกแต่เย็นสบายครับ ...ทีนี้ย้อนมาว่าทำไมมีเมฆมาบังแสงแดดในช่วงที่ทำพิธีและตัดต้นกุ่มลงมา และพอต้นกุ่มลงมานอนกับพื้น จึงมีแสงแดดออกมา...ผมก็ไม่ทราบมาก่อนครับ จนคืนนั้นผมไปคุยกับ อ.คิม คนที่มีความรู้เรื่องไสยศาตร์ คลุกคลีกับเรื่องเครื่องรางของขลังและสักยันต์มามากมาย พอผมเล่าถึงตอนเมฆมาบังแสงแดดตลอด 3 ชั่วโมงในการตัดต้นกุ่ม...

    อ.คิมก็บอกว่า เป็นไปตามตำราที่ว่าไว้ เรื่องการไปกู้ว่านยาในป่า ...ที่มีในตำราบอกไว้ว่า การเข้าไปกู้ว่านยาในป่า มีข้อห้ามคือ ห้ามให้เงาคนทับต้นไม้ ห้ามให้เงาต้นไม้ทับคน ของจึงจะสัมฤทธิ์ผล... ซึ่งข้อนี้ผมไม่รู้ไม่ทราบมาก่อนเลย พอฟังจาก อ.คิมเล่า จึงถึงบางอ้อ ว่าเหตุที่มีเมฆมาบังแสงแดดจนหมดในเวลากว่า 3 ชั่วโมงของการตัดนั้นคงไม่ใช่เหตุบังเอิญแล้ว แต่เป็นเพราะแรงครูมาช่วยมาเสริม พลังเหนือโลกมาดลบันดาล ทำให้มีเมฆมาบดบังไม่เคลื่อนที่ไปไหนตลอด 3 ชั่วโมง เพื่อให้ต้องตามตำราการกู้ว่านยาให้เกินความขลังและสัมฤทธิ์ผลมากที่สุด
    สรุปแล้ว เหตุการณ์ในวันที่พลีตัดต้นกุ่มนั้นมีเหตุมหัศจรรย์เกิดขึ้นถึง 4 ประการ คือ
    1.ปกปักเครื่องเซ่นสังเวย
    2.เมฆมาบังแสงอาทิตย์
    3.อดีตครูกลองยาวมาช่วย
    4.แดดออกและฝนตกปรอยๆส่งถึงบ้านที่พักไม้กุ่ม
    และหลังจากนั้นก็มีคนรู้ข่าวไปขูดหวยขอเลข ก็ได้เลขเด็กจากตอต้นกุ่มไปติดๆกัน ถึง 3 งวดครับ อันนี้ลูกศิษย์มาบอก ถ้าไม่เรียกแรงครูแล้วจะเรียกว่าอะไรครับ สาธุบารมีครูมาช่วยจริงๆ
    เมื่อได้ไม้กุ่มมาแล้ว ผมก็ทิ้งไว้สักพัก เพื่อให้ไม้แห้งดีก่อน ซึ่งพอไม้แห้งได้ที่ ปรากฎว่าไม้กุ่มมีน้ำหนักเบาลงมาก ท่อนหนึ่งสามารถยกแค่คนเดียวได้เลย ผิดกับตอนตัดใหม่ๆที่ 4 คนก็ยกไม่ไหว เลยทำให้รู้อีกว่า ทำไมไม้กุ่มจึงเอามาทำตะโพน เพราะว่าไม้มีน้ำหนักเบานั่นเอง และอีกเรื่องที่เป็นความรู้จากคนพื้นที่ บอกว่าไม้กุ่ม เป็นไม้น้ำ ไม่มีแยกว่ากุ่มบก กุ่มน้ำเหมือนในหนังสือ เพราะขึ้นตามริมตลิ่งใกล้น้ำอย่างเดียว ... หลังจากไม้แห้งดีแล้วผมก็ให้เพื่อน คือ อ.ก่อ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องอักขระเลขยันต์ และการสร้างวัตถุมงคล นำไปกลึงขึ้นรูปเป็นตะโพน ทั้งแบบบูชาและแบบห้อยแขวนคอ กลึงออกมาแล้วเนื้อไม้สวยงามมากครับ เนื้อขาวอมเหลือง เนียน ดูแล้วมีเสน่ห์มากๆ ตอนแรกคิดว่าจะกลึงเป็นหุ่นแล้ว ส่งหุ้มหนังเหมือนตะโพนทั่วๆไป แต่คิดไปคิดมา ทำให้ไม่เหมือนใคร กลึงด้วยไม้ล้วนๆทั้งลูกเลยครับ เพราะทำแบบบูชาไม่ได้เอาไปตีในวงอยู่แล้ว จะได้เห็นเนื้อไม้สวยๆกันดีกว่าครับ จึงกลึงได้มา 3 ขนาด คือ ขนาดเล็ก(ห้อยคอพกติดตัว) ขนาดกลางและขนาดใหญ่เป็นแบบตั้งบูชา...ตอนที่ 2 ก็ขอจบไว้เพียงเท่านี้ครับ อาจจะยาวหน่อยนะครับเพราะผมอยากบันทึกไว้ เพราะถ้านานวัน จะลืมแน่นอนครับ อ่านจบก็ขอให้รวย ขอให้เจริญรุ่งเรืองอย่าเจ็บอย่าจนนะครับ ...โปรดติดตาม ตอนที่ 3 ตอนสุดท้ายเกี่ยวกับการปลุกเสกอธิฐานจิตและพิธีต่างๆหลังจากได้ตะโพนกลึงมาเรียบร้อยแล้ว โปรดติดตามตอนที่ 3 และรอเช่าบูชากันได้เลยครับเมื่อลงตอนที่ 3 แล้ว...สวัสดีครับ 27/3/60 เวลา 01.26 น.

    [​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    เรื่องเล่า ตะโพนไม้กุ่ม ตอนที่ 3 ตอนสำเร็จสมปรารถนา

    หลังจากตอนที่ 2 เรื่องการตามหาไม้กุ่ม จนนำสู่การไปพลีตัดต้นกุ่มมาเพื่อทำตะโพนและเจอเรื่องราวแปลกๆที่เกิดขึ้นในขณะทำพิธีและตัดต้นกุ่มไปแล้ว...ผมก็นำไม้กุ่มมาพักไว้ที่บ้านลูกศิษย์ระแวกนั้นเป็นเดือนเดือน จนไม้แห้งสนิท ไม้มีน้ำหนักเบามาก เหตุเพราะต้นกุ่มเป็นไม้น้ำขึ้นตามริมตลิ่ง ริมคลองริมธารน้ำจึงอมน้ำไว้ในต้นมาก แต่พอไม้แห้งจึงมีน้ำหนักเบาเพราะคายน้ำระเหยน้ำออกไป ทำให้เนื้อไม้มีความขาวอมเหลืองสวยงามมากยิ่งขึ้น เมื่อไม้แห้งได้ที่ ผมจึงขอให้ ท่าน อ.ก่อ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท ที่ชอบแนวนี้และ อ.ก่อก็พอเรียนวิชา เลขยันต์ มนต์คนถา ฝึกจิตมามากพอสมควร และสร้างพระสร้างเครื่องรางของขลังถวายวัดทำบุญไว้หลายรุ่นมาก ผมจึงขอให้ อ.ก่อ นำไม้ไปกลึงขึ้นรูปตะโพน ซึ่งผมใช้ไม้ 1 ท่อนใหญ่กลางลำต้น เลื่อยชำแหละไม้ให้ได้ขนาดแล้วส่งไปกลึง โดยใช้ตะโพนกลึงลูกเล็กที่ "ลุงสิทธิ์" ซึ่งเป็นช่างทำซอฝีมือดีแห่งอัมพวากลึงไว้ให้ อ.ก่อ จำนวนหนึ่ง มาเป็นต้นแบบให้ช่างกลึง เพราะได้ลักษณะตะโพนมากที่สุด คือมีหน้าใหญ่หน้าเล็ก ตามแบบตะโพนไทย ครั้งแรกนำไม้ที่ชำแหละเป็นท่อนเล็กส่งไป และ อ.ก่อได้นำไปเข้าพิธีไหว้ครูพระสิหิงส์หลวง ที่ท่านพระครูมานิตย์ วัดเงินบางพรม จัดขึ้นพอดี เพื่อขอเอาบารมีครูพระสิหิงส์หลวงประสิทธิ์ไม้กุ่มก่อนการนำไปกลึง ซึ่งหลวงพี่มานิตย์ ก็เมตตาให้เข้าร่วมในพิธีและเจิมไม้ก่อนนำไปกลึง เสร็จพิธี อ.ก่อ แม่กลอง เพื่อนสนิทก็นำไปส่งให้ช่างไม้กลึงขึ้นรูปตะโพน สักประมาณระยะนึง ก็กลึงเสร็จ ถ่ายรูปมาให้ชม มีความสวยงามมากครับ(ดูตามภาพ) เมื่อได้ตะโพนมาครบแล้ว ทั้งขนาดใหญ่ กลาง เล็ก ก็นำไปร่วมพิธีเสกเป็นปฐมฤกษ์ โดย อ.ก่อ ได้นำไปร่วมปลุกเสก โดยมีหลวงปู่เล็ก วัดทำนบ จ.อ่างทอง ปลุกเสกอธิฐานจิต พระปิดตาดิเรกฤทธิ์ในพิธีนั้นด้วย ซึ่งหลวงปู่เล็กนั้น ท่านเป็นพระผู้ใหญ่ พระเกจิอาจารย์สายอ่างทอง มีพรรษากาล 98 พรรษาในปีนี้ ท่านเป็นศิษย์หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี หลวงพ่อสด วัดปากน้ำฯ หลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ อ่างทอง หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ อ่างทอง ซึ่งท่านได้ร่ำเรียนวิชาในสายตะโพนของหลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ จ.อ่างทอง ที่มีวิชาตะโพนอันลือลั่นในวงการพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง ...และเมื่อหลวงปู่เล็ก วัดทำนบ ปลุกเสกให้เรียบร้อยแล้ว จึงนำกลับมาไว้เสกต่อที่ กุฎิ ท่านพระครูมามิตย์ วัดเงินบางพรม อีกนับหลายเดือน ผมจึงไปรับกลับมาเพื่อมาอุดผงมวลสารทางเมตตา และประกอบขาตะโพนและลงสีลงทองโดยนำกลับมาที่ชุมพร เมื่อนำกลับมาแล้ว ผมได้จัดพิธีคำนับไหว้ครูดนตรีไทยโดยการจัดเครื่องสังเวยตามแบบแผนไหว้ครูดนตรีไทยเพื่อ บูชาบวงสรวงอัญเชิญ บางมีครูบาอาจารย์ในสายดนตรีไทย โดยเฉพาะพระปรคนธรรพ มาประสิทธิ์ประสาท อำนวยอวยพรชัยในการสร้างตะโพนชุดนี้ และเอาฤกษ์เอาชัยเสียก่อน ตามวิสัยของนักดนตรีไทยที่ร่ำเรียนศิลปวัฒนธรรม ที่จะต้องระลึกนึกถึงครูต้น ครูดั้งเดิม ครูเทพสังคีตาจารย์ เพื่อให้เป็นแรงหนุนนำ แรงครู ช่วยส่งเสริมให้สำเร็จราบรื่นสมปรารถนาทุกประการ ... หลังจากที่จัดพิธีคำนับไหว้ครูดนตรีไทยเสร็จแล้ว ผมจึงเริ่มทำการลงสี ลงทอง ลงแล็คเกอร์เพื่อให้เกิดความสวยงามในไม้กุ่ม และได้ทำบล๊อคหล่อเรซิ่นผสมมวลสารเป็นขาตะโพน โดยทุกขั้นตอนก็ทำเอง กับ ลูกศิษย์ ทั้งหมด เมื่อลงสี ทาทองเสร็จแล้ว ผมก็นำตะโพนทั้งหมด นำกลับไปขอความเมตตา ท่านพระครูมานิตย์ วัดเงินบางพรม กทม. ที่ผมเคารพนับถืออย่างยิ่ง ขอความเมตตาท่านอธิฐานจิต บอกกล่าวครูบาอาจารย์ เป็นการอธิฐานจิตปลุกเสกปิดท้าย ซึ่งการทำตะโพนแต่ละครั้งก็มีเรื่องน่าแปลกอย่างหนึ่งคือ จะต้องมีคนแวะเวียนมามากผิดปกติ หรือจะต้องมีคนเกี่ยวเนื่องกับดนตรีไทย กับเครื่องกำกับจังหวะ เข้ามาในพิธีทุกครั้ง เป็นที่น่าแปลก เหมือนครั้งที่เสกตะโพนปิดท้ายที่กุฎิท่านพระครูฯ ในขณะทำพิธี ก็มีลุงผู้ใหญ่ อายุ กว่า 80 ปี ซึ่งอดีตเป็นนักดนตรีไทย มีฝีมือ เดินขึ้นมาบนกุฎิแล้วท่านเป็นศิษย์ของท่านพระครูด้วยเช่นกัน แต่วันนั้นท่านเดินเข้ามา แบบ งง งง เข้ามาเดินแล้วออกไป ถามลุงผู้ใหญ่ว่ามีอะไรหรือเปล่า ลุงผู้ใหญ่บอกว่าไม่มีอะไรหรอก บอกว่าจำไม่ได้ว่ามาทำไม แล้วลุงผู้ใหญ่ก็เดินลงกุฎิไป ... ในวันที่ปลุกเสกปิดท้าย ท่านพระครูท่านให้ผมจุดธูปเชิญครูมาช่วยทำ และท่านบอกให้เชิญครูมาไหว้พระเจ้า 5 พระองค์และขอให้ครูข่วยทำตะโพนช่วยประสิทธิ์ตะโพนชุดนี้ให้ด้วย เมื่อเสร็จพิธีก็โปรยข้าวตอกดอกไม้ ประพรมน้ำมนต์ เป็นอันเสร็จพิธี ผมจึงเรียนถามท่านพระครู ต่อว่า ตะโพนชุดนี้ เด่นทางไหนขอรับ ท่านเมตตาบอกว่า ลง จินดามณี กับ มหาราช ไว้ เรียกทรัพย์ เรียกคน มหาลาภ ขจัดปัดเป่าเภทภัยทั้งปวง มีอานุภาพด้านเมตตามหานิยมอย่างสูงป้องกัน ถอนคุณไสย และแคล้วคลาด ..เมื่อปลุกเสกปิดท้ายแล้ว ผมจึงนำกลับมาชุมพรอีกครั้ง เพื่อมาประกอบขาตะโพนที่หล่อจากเรซิ่น พร้อมทั้งทาน้ำมันมหาบุรุษ 8 จำพวกที่
    [​IMG]
    ได้รับมาจากท่านพระครูฯ ท่านให้มาเจิมก่อนจะออกให้บูชา และปิดทองคำเปลวที่ตะโพนทุกลูก ซึ่งขั้นตอนสุดท้ายนี้ ผมได้ทำพิธีขึ้นเมื่อคืนวันที่ 26 มีนาคม 2560 โดยทำตามคำชี้แนะ และแนะนำจากท่านพระครู
    [​IMG]
    ฯ วัดเงิน บางพรม กทม. โดยเริ่มจากการบูชาพระ สมาทานศีล หลังจากนั้นก็บูชาครู เชิญครูมาช่วยมาประสิทธิ์ประสาทให้ด้วย ตะโพนลูกขนาดบูชา จะเจิมและทาน้ำมันที่หน้าตะโพนทั้ง 2 หน้าทุกลูก พร้อมทั้งปิดทองคำเปลวแท้ด้วย ผมเพิ่มสายสิญจน์มงคล ที่เก็บไว้มานาน เข้าพิธีไหว้ครูดนตรีไทยและปลุกเสกหลายเกจิมาผูกที่หูของตะโพนบูชาด้วยทุกลูก ส่วนตะโพนกลึงลูกเล็กขนาดห้อยคอ ผมได้เอาน้ำมันว่านดอกไม้ทอง น้ำมันโนรา 100 โรง น้ำมันมหาบุรุษ 8 จำพวก น้ำมันว่านไก่แดง สีผึ้งเขียวมหาเศรษฐีหลวงปู่เล็ก วัดทำนบ สีผึ้งแม่พิม หลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร สีผึ้งเมตตามหานิยม หลวงปู่หงษ์ สุสานทุ่งมนต์ สีผุ้งพระอินทร์ หลวงปู่บุญศรี วัดใหม่ศรีสุทธาวาส สีผึ้ง หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน สีผึ้ง หลวงพ่อใจ วัดพระยาญาติ และสีผึ้งอีกมากมาย รวมทั้งน้ำมันว่านต่างๆทางด้านเมตตา มหาเสน่ห์ ที่ผมรวมไว้ในโหลน้ำมันส่วนตัวไว้มากมายและเก็บไว้เป็นเวลานาน นำมาแช่ตะโพนใบเล็กไว้ 1 คืน ในคืนนั้นก็เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดที่ชวนให้ขนลุกอีกครับ คือว่าหลังจากที่ทำตะโพนเสร็จทุกขั้นตอนแล้ว กราบลาครูบาอาจารย์ และแยกย้ายกันนอนหลับ ส่วนผมมานั่งเขียนเรื่องราวในตอนที่ 2 ต่อจนเวลาประมาณ ตี 1 ครึ่งผมจึง เข้านอน โดนนอนที่ห้องดนตรีไทยของโรงเรียน หลับยาวตื่นมา ผมก็มานั่งหน้าโต๊ะหมู่ ดูความเรียบร้อย ก็มีลูกศิษย์คนหนึ่งถามขึ้นมาว่า เมื่อคืนครูมานั่งทำอะไรตอนหลับกันหมดแล้ว นั่งเหมือนทำพิธีอะไรหน้าโต๊ะหมู่ ที่มีตะโพนบุชาตะโพนเล็กวางอยู่ ผมหันไปบอกเมื่อคืนไม่ได้ทำอะไรต่อเลยนอนยาว ตาฝาดหรือเปล่า ละเมอหรือเปล่า แต่ลูกศิษย์คนที่เห็นก็ยืนยันว่า เห็นจริงๆ และยังนั่งดูครูทำอะไรอยู่สักพักนึง แล้วก็หลับต่อเพราะครูไม่พูดอะไร แต่ไฟไม่เปิดนะ จุดแต่เทียนธูปหน้าโต๊ะหมูครู แต่เห็นรูปร่างว่าเหมือนครูวิมมาก ซึ่งผมเองหลับจากลงตอนที่ 2 แล้วก็หลับยาวไม่ได้ลุกขึ้นมาอีกจนเช้า เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผมก็บอกลูกศิษย์ว่า ไม่มีอะไรหรอก ไม่ใช่ใครที่ไหนที่มาไม่ต้องกลัว นั่นคือครูบาอาจารย์เราองค์ใดองค์หนึ่ง ที่เมตตามาทำให้ มาประสิทธิ์มาอำอวยอวยชัยให้กับตะโพนชุดนี้ให้สำเร็จ สมปรารถนา ดีนอกดีใจด้วยความตั้งใจ เป็นแน่แท้ ตะโพนชุดนี้ ถึงแม้ไม่ใช่นักดนตรีไทยก็สามารถนำกลับไปบูชา คุ้มคน คุ้มบ้าน เรียกคนเรียกทรัพย์ ป้องกันภยันตราย แคล้วคลาดปลอดภัย สามารถบูชาได้สำหรับ ทุกๆคน โดยไม่ต้องเกรงกลัวอาถรรพ์อะไร และไม่ต้องกลัวว่าจะมีผีมีสางเพราะมวลสาร ไม้กุ่มทุกอย่าง ไม่มีชิ้นส่วนซากศพ ไม่มีซากสัตว์ และสำเร็จด้วยอำนาจพระพุทธคุณ คุณครูบาอาจารย์ ครูเทพ ครูมนุษย์เป็นที่สุดทั้งสิ้น... เรื่องเล่าทั้งหมดนี้ทั้ง 3 ตอน เป็นการบันทึกไว้เพื่อไม่ให้ลืม และเป็นการสร้างครั้งเดียว ของตะโพนไม้กุ่มตาม คำครูไม่ลอกเลียนแบบใคร ทุกเรื่องที่เล่าเป็นความจริงเรื่องจริงที่เกิดขึ้น มิได้ปรุงแต่งและมีประจักษ์พยานอยู่ครบ

    สวัสดีครับ 27 มีนาคม 2560เวลา14.50 น.


    2 เมษายน เวลา 9:10 น.

    ตรงกันวันเสาร์ 5 วันแรง บูชาครูขอพลังขอพรครูประสิทธิตะโพนครูไม้กุ่ม และสมโภชน์ จัดโนราห์ถวายครูโดยโนราห์สอาดฯ

    ก่อนจัดส่งให้แก่ผู้เช่าบูชา

    [​IMG][​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG] บูชาครูอธิฐานจิตทำบุญถวายครู ตะโพนครู(ไม้กุ่ม) คุ้มบ้าน คุ้มคน คุ้มวง เสน่ห์เมตตานำพาโภคทรัพย์ โดยพระเดชพระคุณพระครูวิธานสุตสุนทร วัดเงิน บางพรม กทม. พระอาจารย์ที่ผมเคารพนับถือ เป็นครูบาอาจารย์ทางพระที่กราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ บุญอันใดที่เกิดขึ้นเกี่ยวเนื่องกับตะโพนครู(ไม้กุ่ม) ชุดนี้ขออุทิศถวายคุณบิดามารดา ครูบาอาจารย์ดุริยเทพ เทพสังคีตาจารย์ทุกๆองค์ ครูดนตรีไทยที่เคยอบรมสั่งสอน ตลอดถึงคุณครูศิริ นักนตรี ครูผู้ถ่ายทอดเรื่องตะโพนไม้กุ่มให้แก่ข้าพเจ้า และผู้เช่าบูชาตะโพนครูชุดนี้ขอบารมีครูอำนวยอวยพรชัย แก่ทุกๆท่านด้วยเทอญ.... เป็นพิธีสุดท้ายก่อนจัดส่งตั้งแต่วันที่ 14 เมษายนนี้ ถือว่าเสร็จสมบูรณ์พูนลาภทุกประการครับ ชุดนี้ผมตั้งใจทำมากทำเองหาเองทุกขั้นตอนและเป็นการทำการสร้างครั้งเดียวเพื่อบูชาครู เผยแพร่บารมีครู ท่านที่ได้บูชาไปถือว่าเป็นสิริมงคลรวมทั้งตัวกระผมด้วย เพราะตั้งแต่เริ่มทำเริ่มพลีขอเอาไม้มาทำจนพิธีสุดท้าย ผู้ร่วมผู้ช่วยทำได้เจอได้สัมผัสได้เห็นถึงพลังงานของครูบาอาจารย์ที่มาช่วยเหลือประสิทธิให้ทุกขั้นตอน อย่างราบรื่นสำเร็จอย่างน่าอัศจรรย์ สมปรารถนาสมความตั้งใจ ท่านที่บูชาขนาดบูบาจะได้รับภาพพระปรคนธรรพขนาด 8x10 ไปบูชา ท่านที่บูชาลูกขนาดเล็กจะได้รับภาพขนาด 6x8 ไปบูชา และผมจะทำหนังสือรายละเอียดและขั้นตอนการบูชาตะโพนครู(ไม้กุ่ม) แจกแก่ทุกท่านเพื่อเป็นแนวทางในการบูชาครูอย่างถูกต้องครับ

    มวลสารทางด้านเมตตา มหาเสน่ห์ คุ้มครอง ป้องกัน เรียกทรัพย์ หนุนดวง ที่น้ำมาเคี้ยวรวมกับเทียนชัยในพิธีไหว้ครูดนตรีไทยและสีผึ้งมงคลต่างๆ ที่อุดไว้ในตะโพนไม้กุ่มชุดนี้ มีดังต่อไปนี้
    #ผลมวลสารมหามงคลต่างๆที่บรรจุในตะโพน และตะโพนเล็กได้แช่ในน้ำมันว่านทางด้านเมตตามากมายที่รวมไว้กว่า 4 ปี ส่วนตะโพนบูชาทุกลูก ทาน้ำมันหน้าตะโพนทั้งสองด้าน
    - ผงมหาราช พระครูวิธานสุตสุนทร หลวงพี่วัดเงิน บางพรม
    - ผงมหาราช ลป.นุ่ม วัดนางใน
    - น้ำมันเมตตา น้ำมันว่านดอกทอง พระครูวิธานสุตสุนทร หลวงพี่วัดเงิน บางพรม
    - น้ำมันมหาบุรุษ 8 จำพวก
    - เทียนชัยขี้ผึ้งแท้ในพิธีไหว้ครูดนตรีไทย
    - ชันโรงใต้ดิน
    - สีผึ้งหลวงปู่หงส์ สุสานทุงมนต์ สุรินทร์
    - สีผึ้งแม่พิม หลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร
    - สีผึ้งเขียว มหาเศรษฐี หลวงปู่เล็ก วัดทำนบ
    - สีผึ้งหลวงพ่อใจ วัดพระยาญาติ สมุทรสงคราม
    - สีผึ้งจินดามณีว่านไก่แดง
    - สีผึ้งพระอินทร์ หลวงปู่บุญศรี วัดใหม่ศรีสุทธาวาส
    - สีผึ้งหลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน
    - น้ำมันว่านไก่แดง
    - น้ำมันมโนราห์ร้อยโรง
    - เม็ดยาจินดามณี หลวงปู่เล็ก วัดทำนบ
    - ผงพุทธคุณ หลวงพ่อโปร่ง วัดถ้ำพรุตะเคียน จ.ชุมพร
    - ผงแร่เกาะล้าน
    - ผงรวมทำพระหลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน (ประกอบด้วยผงดอกมะลิ ผงดอกดาวเรืองทอง ผงดอกพิกุลทอง ผงหยกบด ผงดินสอพอง ผงดอกว่าน 108 ผงลิ้นทะเล ผงบ่อเหล็กไหล 9 อย่าง ผงตะไคร้หอม)
    - ผงดอกรักซ้อน
    - ผงอุปกรรมฐาน
    - ผงโคตรเหล็กไหล
    - ผงสีวลีดำ หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน
    - ผงสีวลีขาว หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน
    - ผงว่านสบู่เลือด
    - ผงรังเหล็กไหล
    - ว่านสาวหลง
    - ผงพระ หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่
    - ผงยาวาสนาจินดามณี
    - ผงไม้ตะเคียนเสาหลักเมืองนครศรีธรรมราช
    - ผงเขาอ้อ
    - ผงจันทร์ลอย ลพ.ทรง วัดศาลาดิน
    - ผงไม้พญางิ้วดำ
    - ผงงาช้าง
    - ผงช่อฟ้า วัดหงษ์รัตนาราม
    - ดอกไม้เสก ลป.อั๊บ วัดท้องไทร

    วิธีบูชาตามแบบแผนดนตรีไทย

    นิยมบูชาในวันพฤหัสบดี ถวายผลไม้หรือของสุกก็ได้ เลือกเอาแล้วแต่สะดวก
    ไม่จำเป็นต้องตามแบบนี้ทั้งหมด อาจจะเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งตามแต่กำลัง แต่เขียนไว้เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่ต้องการจะบูชาครูตะโพนตามแบบดนตรีไทย ว่าควรมีอะไรบ้างตามที่โบราณจารย์กำหนดเป็นแผนผังการไหว้ครูพระปรคนธรรพ ถ้าบูชาปกติที่บ้าน ก็ถวายมะพร้าวอ่อน หมากพลู น้ำเปล่า ผลไม้ 1 อย่าง ตามสะดวก หรือถ้าใช้การอธิฐานด้วยใจ ด้วย สิบนิ้ววันทา ก็ได้เช่นกัน
    ทั้งนี้เพื่อความเป็นสิริสวัสดิ์พิพัฒน์มงคล เมื่อครั้งแรกในการนำตะโพนครู(ไม้กุ่ม) บูชาในบ้านเรือน ควรจะจัดเครื่องสังเวย(เครื่องพลาหาร)ตามแต่กำลังจะหาได้ บูชาครูขอพร ขอพลังแรงครูและอธิฐานตามแต่จะปรารถนาในครั้งแรกเสียก่อน ส่วนครั้งต่อๆไป ก็ตามแต่ความสะดวก ตามแต่ความพร้อม หรือจะใช้การตั้งจิตให้เกิดสมาธิอธิฐานขอพรก็ได้


    ผลไม้(เครื่องพลาหาร) - มะพร้าวอ่อน หมากพลู ขนุน เผือกมันนึ่ง ส้มโอ ทุเรียน สัปปะรด กล้วยหอม อ้อย กล้วยไข่

    อาหารสุก – เป็ดสุก ไก่สุก หัวหมูสุก กุ้งสุก ปูทะเลสุก ปลาแป๊ะซะ หมูนอนตอง ไข่ต้ม น้ำจิ้ม น้ำพริกเผา สุรา 28 ดีกรี

    บทกล่าวบูชาครู

    อิมัง อัคคี พาหู บุปผัง อะหังทีเป ทิตะวา อสีติ สัพปะโตติโย อภิรูโป มหาปัญโย ธาเรนโต

    ปิฎะ กัตตะนัง นิพพานัง ปะระมังสุขัง พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา

    พระปรคนธรรพ พระประเท อิมัสมิง ทิสาภาเค สันติเทวา มะหิตธิกา

    เตปิตุมเห อะนุรักขันตุ ปะริภุญชันตุ ( 3 จบ)

    คำถวายเครื่องสังเวย

    สูปะพะยัญชะนะ สัมปันนัง สะปะริวารัง อิมัสสะมังสัง ครูอาจาริยัง คุณัง อุทะกัง วะรัง อะหัง ปูเชมิ

    (แล้วปักธูปที่เครื่องสังเวย)
    ***อธิฐานถวาย และอธิฐานขอพรตามแต่จะปรารถนา***


    คาถาบูชา เมื่อจะอาราธนาตะโพนครู(ไม้กุ่ม) ขึ้นคอ

    มะอะอุ สิงวังพรหมา ให้ข้าพเจ้ารุ่งเรืองฤาชา มีชัยชนะ รุ่งเรืองทุกราตรี สวาหะ

    1-jpg.jpg 2-jpg.jpg 3-jpg.jpg 4-jpg.jpg 5-jpg.jpg 6-jpg.jpg 7-jpg.jpg 8-jpg.jpg 9-jpg.jpg 10-jpg.jpg 11-jpg.jpg 12-jpg.jpg 13-jpg.jpg 14-jpg.jpg 15-jpg.jpg
     
  13. cc5922

    cc5922 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    4,193
    ค่าพลัง:
    +16,973
    กราบ กราบ กราบ หลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรง ครับ. กราบโมทนาบุญในกิจอันเป็นกุศลที่เกิดขึ้นทั้งหมดทั้งมวลครับ
     
  14. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    พระทุ่งเศรษฐี หลวงปู่เลHก พระนี้ พิมพ์เล็ก ปลายนิ้วก้อย ไม่เคยเอามาแจกใครน่ะครับ มีน้อยกว่าเขา จริงๆไม่ทราบว่าวัดไหน แต่นี่เป็นของในกุฏิท่าน ท่านคงได้มา จากการไปร่วมพิธีเขา

    ใครได้ไปแยกเก็บไว้ให้ดีน่ะครับ เพราะอยู่กับท่านมา สามสิบ สี่สิบปีขึ้นครับ

    img_3846-jpg.jpg img_3847-jpg.jpg
     
  15. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    เหรียญสมเด็จย่าและ พ่อหลวง ร๙ เป็นเหรียญทองแดงที่ระลึกสวนสมเด็จย่า ปี ๒๕๓๘ น่ะครับ สภาพ ยังอยู่ในถุง ไม่เคยโดนมือใคร เอาไว้เป็นที่ระลึก หรือ เอาไป เลี่ยมแขวนคอก็ได้บารมีของทั้งสองท่านน่ะครับ

    img_3842-jpg.jpg img_3843-jpg.jpg
     
  16. cc5922

    cc5922 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    4,193
    ค่าพลัง:
    +16,973
    กราบ กราบ กราบ หลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรง. ครับ โมทนาบุญในกิจอันเป็นกุศลที่เกิดขึ้นทั้งหมดทั้งมวลครับ สาธุ
     
  17. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    พระที่หลวงปู่แหวนเคยบอกคนฝางที่ไปหาท่าน ไม่ต้องมาถึงดอยแม่ปั๋ง น่ะครับ ภาพนี้ ทำแจก ล่วงเกือบสามสิบปี เอาไปถวาย หลวงปู่ครูบาแก้วที่เป็นศิษย์ท่าน ครึ่งหนึ่ง ท่านคงแจกไป ใครอยากได้ให้ไปขอเอาเองน่ะครับ ไม่ทันก็หมดครับ มีแค่นี้เองครับ

    img_3850-jpg.jpg img_3851-jpg.jpg
     
  18. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    คุณพีครับ ผมขอเรียนปรึกษาเกี่ยวกับการใช้วัตถุมงคลช่วยคนหน่อยครับ

    ผมมีเพื่อนอยู่ท่านหนึ่ง ปีนี้สอบติดราชการ ได้อันดับที่ 70 กว่าๆ ต้องรอเรียกบรรจุ

    อยากเรียนถามตามประสบการณ์จากคุณพี ว่าในด้านการสอบติดราชการ เลื่อนตำแหน่ง มีวัตถุมงคลชิ้นไหนที่เหมาะสมบางครับ

    ผมตั้งใจจะมอบพระชัย 100 เสก ให้เพื่อนอธิษฐานขอหลวงตาเล็กทุกวัน อยากให้เพื่อนได้สำเร็จดั่งใจเขาสักทีครับ

    กราบขอบพระคุณครับ


    ปปปปปป, 8 กุมภาพันธ์ 2013

    ๒.jpg ๓.jpg ๗.jpg ๘.jpg ๑๑.jpg ๒๒.jpg ๓๓.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ๙.jpg
      ๙.jpg
      ขนาดไฟล์:
      164.3 KB
      เปิดดู:
      67
  19. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    ผมเองนะครับน้าพี ที่เรียนอยู่พระจอมเกล้า พระนครเหนือ ที่เคยโทรไปขอความเมตตาให้น้าพี ช่วยวิเคราะห์ตะโพนหลวงปู่ และได้เคยถ่ายรูปส่งไปให้น้าพีดู น้าพีบอกว่ารอยจารเป็นของหลวงพี่สายัน โดยรวมถือว่าดี แต่น้่าพีบอกว่าอยากส่องโค๊ด ท จากของจริง เพราะผมถ่ายโค๊ดไม่ชัด ผมเลยอยากรบกวนขอความเมตตาจากน้าพีอีกครั้งได้ไหมครับ อยากให้น้าพีช่วยดูโค๊ดจากของจริง

    ปปปป/089-จจจจจจจ

    ขอบคุณครับ

    ปปปป, 8 กุมภาพันธ์ 2013

    โค็ดที่บอกได้คือ โค็ด ท ไม่มีหัวน่ะครับ

    ตะโพนสาม ก จาร.JPG ตะโพนสาม ก.JPG PICT1177.JPG ตะโพน ห่วงใหญ่.jpg
     
  20. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    โค็ด ท ไม่มีหัว

    IMG_2434.JPG IMG_2432.JPG IMG_2433.JPG

    โค็ดใช่แบบนี้นอนมาครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...