ร่วมทำบุญบูชา สำเร็จครูประทับมหาสมาคมฟ้าสลับหัว(เคลียร์สะสางมหากาลไม่ทำร้าย) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,104
    ค่าพลัง:
    +16,527
    พรุ่งนี้มาติดตามพูดคุยกันต่อนะ อย่าพลาดๆ:)
     
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,104
    ค่าพลัง:
    +16,527
    จะเกิดเป็นเทวดาได้อย่างไร
    อรุณสวัสดิ์นะครับ ก็เจอบทความดีๆเลยเอามาให้อ่านกัน ลองศึกษากันดูนะ

    การเกิดของเทวดาไม่เหมือนกับการเกิดของพวกเราเหล่ามนุษย์ ไม่ต้องเกิดในท้องแม่ให้ยุ่งยาก เมื่อหมดอายุขัยหรือตายจากภพเดิมไปแล้ว ก็มาเกิดไปทันทีแถมกลายเป็นหนุ่มเป็นสาว โตเต็มที่แบบทันตาเห็นไม่ต้องไล่เรียงเป็นเด็กแล้วเป็นผู้ใหญ่ตามกาลเวลา การเกิดแบบนี้เรียกว่าเป็น “โอปปาติกะ” เป็นการเกิดแบบหนึ่ง ซึ่งในทางพุทธศาสนาแบ่งการเกิดของสัตว์ทั้งหลายเอาไว้ 4 แบบ ขออนุญาตอิบายเพื่อที่จะให้ทุกท่านได้เข้าใจ คือ
    - การเกิดแบบ “
    ชลาพุชะ” คือ พวกสัตว์ทั้งหลายที่ต้องเกิดในครรภ์ หรืออาศัยท้องแม่มาเกิดอย่างพวกมนุษย์เรา หรือ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์เลือดอุ่นหลายๆ ประเภทก็คือแบบ ชลาพุชะนี่แหละครับ
    - การเกิดแบบ “
    อัณฑชะ” อ่านคำว่า อัณฑะ แปลความได้ว่าเกิดมาจากไข่แล้วก็ฟักออกมาเป็นตัวอย่างพวกไก่ เป็ด หรือสัตว์ปีกทั้งหลายที่เราเอาไข่พวกมันมาทำเป็นอาหารแบบต่าง ๆ
    - การเกิดแบบ “
    สังเสทชะ” พวกนี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ต่ำลงไปอีกต่ำกว่า อัณฑชะ คือเกิดมาจากของแฉะชื้นสกปรกและของเน่าของบูดทั้งหลายอย่างพวกหนอน สัตว์ชั้นต่ำและแพร่พันธ์ออกไปได้อย่างรวดเร็ว ถ้าอยากลองพิสูจน์ ก็ลองสังเกตเศษอาหารเน่า ๆ ที่ทิ้งไว้ข้ามคืนดูครับ รับรองว่าหนอนขึ้นมายั้วเยี้ยเต็มไปหมดแน่นอน
    - การเกิดแบบ “
    โอปปาติกะ” อย่างที่เรียนไว้ตั้งแต่ต้นคือพวกนี้พิเศษกว่า 3 แบบแรกคือตาปกติ หรือตาเนื้อของคนเราทั่วไปที่มองไม่เห็น ต้องเป็นผู้ที่มีพลังจิตกล้าแข็งได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีมีความสามารถพิเศษ ( คำพระท่านว่ามี อภิญญาจิต)
    พวกที่เกิดเป็นโอปปาติกะเกิดมาแล้วก็มีร่างกายเติบโตเต็มที่และไม่มีวันแก่ลง เวลาตายก็ตายแบบหายวับไปเลยไม่มีการเหลือซากให้เก็บ พวกที่เกิดแบบโอปปาติกะ ก็มี เหล่าเทวดาและ พระพรหม เปรต อสุรกาย สัตว์นรกเหล่านี้เป็นโอปปาติกะเช่นเดียวกัน

    การจะไปเกิดเป็นเทวดานั้นก็เกิดมาจากดวงจิตวิญญาณ ที่มาจากมนุษย์หรือสัตว์ที่ตายแล้วแต่ว่าดวง

    จิตนั้นมีความบริสุทธิ์อยู่ คือ หากเป็นมนุษย์ก็คือเป็นคนที่มีการทำบุญทำทาน รักษาศีลและเจริญภาวนาอยู่ตลอดทำให้จิตใจบริสุทธิ์ก่อนที่จิตจะออกจากร่าง แต่ว่าจิตนั้นก็ยังไม่ถึงขนาดที่ว่าสำเร็จได้เป็นฌาน แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีธรรมและบุญกุศลที่ได้ทำมาทำให้ได้ไปเกิดเป็นเทวดาได้

    เรื่องนี้มีตัวอย่างในสมัยพุทธกาลมาเล่าให้ฟัง เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งที่เป็นเพียงคนงานในบ้านของ “อนาถบิณฑิกเศรษฐี” มหาเศรษฐีผู้ใจบุญที่ได้รับการกล่าวถึงกันมากที่สุดในพุทธศาสนา

    ชายหนุ่มคนนี้เพิ่งจะเข้ามาทำงานในบ้านของเศรษฐีผู้ใจบุญมีจิตใจเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอันมากโดยทุกวันอุโบสถ (วันพระ) ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี จะถือศีล 8 ให้บริสุทธิ์และบอกให้ทุกคนในบ้านได้รักษาศีล 8 ไปด้วยซึ่งทุกคนก็ยินดีปฏิบัติตามเป็นการสร้างบุญที่ดีแต่เจ้าหนุ่มผู้นี้เป็นผู้มาใหม่จึงยังไม่ทราบในเรื่องนี้

    ในวันพระวันหนึ่ง อนาถบิณฑิกเศรษฐี ก็บอกให้หัวหน้าคนงานไปบอกให้เจ้าหนุ่มผู้นั้นว่าวันนี้เป็นวันศีลและจะไม่มีการกินข้าวเย็นกัน แต่ก็ยังไม่มีใครเจอกับเจ้าหนุ่มคนนั้น เพราะฝ่ายเจ้าหนุ่มผู้นั้นต้องไปทำงานในป่าตั้งแต่เช้าจนค่ำ ท่านเศรษฐีรู้ดังนั้นจึงพิจารณาว่า ถ้าหากให้บ่าวผู้มาใหม่นี้อดถือศีล 8 เลยทันทีเกรงจะเป็นอันตรายต่อร่างกายจึงให้คนเตรียมอาหารไว้ให้หนุ่มคนนี้ด้วย

    พอตกเย็นเจ้าหนุ่มก็เข้ามาที่โรงครัว จึงพบกับความประหลาดใจ เพราะปกติเวลาอาหารจะมีคนมากมายในบ้าน จะต้องมาร้องขอข้าวขอแกงกันเสียงดังเต็มโรงครัว แต่วันนี้กลับมีเพียงตนเองเพียงคนเดียวเท่านั้นจึงได้ออกปากถามหัวหน้าโรงครัว

    ซึ่งหัวหน้าโรงครัวก็ได้อธิบายเรื่องวันศีล และข้อปฏิบัติที่คนที่ถือศีล 8 นั้น ต้องงดเข้าเย็น แม้แต่เด็กเล็กๆ ที่ยังไม่หย่านมก็จะให้กินของที่มีรสหวานอย่างอื่นแทน พอตกเย็นก็สวดมนต์ร่วมปฏิบัติธรรมกัน แต่เพราะเห็นว่าชายหนุ่มคนนี้ เพิ่งมาอยู่ใหม่ยังไม่รู้เรื่อง จึงสั่งให้หุงหาอาหารไว้ให้เจ้าหนุ่มนั้นแต่เพียงผู้เดียวเพราะกลัวจะหิวเกินไป

    ฝ่ายเจ้าหนุ่มได้ยินดังนั้น ก็เกิดจิตกุศลขึ้นมานึกอยากจะถือศีลกับเขาด้วย จึงสละอาหารที่ตั้งใจมากินหลังจากทำงานหนักมาทั้งวัน และก็ได้ขอร้องหัวหน้าพ่อครัวให้ไปขออนุญาตต่อ อนาถบิณฑิกเศรษฐีเรื่องการขอถือศีลด้วย และจะไม่กินอาหารเย็นเหมือนทุกคน ซึ่งเศรษฐีก็รับคำให้การอนุญาตให้อธิษฐานถือศีลไปเลย

    แต่ทว่าเพราะความที่ทำงานมาหนักและเหนื่อยมาก เจ้าหนุ่มก็ต้องทนทรมานเพราะความหิว แม้ว่าจะทรมานเพียงใด หนุ่มผู้เห็นดวงตาธรรม ก็ไม่ยอมกินอาหารเพราะตั้งจิตใจไว้ดีแล้วก็ต้องรักษาศีลให้ได้ เมื่อเวลาผ่านไปอาการทรมานก็กลายเป็นอาการป่วย และก็ยิ่งทรุดหนักลงเรื่อยๆ อย่างรวดเร็วหัวหน้าคนงานจึงต้องไปตามอนาถบิณฑิกเศรษฐีไปดูหนุ่มคนงานใหม่ที่กำลังป่วย

    ท่านเศรษฐีมาถึงก็เข้าไปดูที่เรือนพักและพยายามจะให้เจ้าหนุ่มได้กินเภสัช ( ในที่นี้ เภสัชนั้นหมายถึง พวกน้ำผึ้ง น้ำอ้อย เนยใส เนยข้น ถือเป็นยาที่ใช้รักษาอาการป่วยโรคลม โรคกระเพาะได้ดี) ฝ่ายเจ้าหนุ่มเห็นเจ้านายมาก็ ถามท่านเศรษฐีว่า

    “ท่านได้รับประทานอะไรแล้วหรือยังในเย็นนี้” ท่านเศรษฐีก็บอกไปตามความจริงว่าไม่ได้รับประทานอาหารใด ๆ แต่เพราะว่าท่านได้ฝึกฝนมานานแล้วร่างกายจึงไม่เป็นอะไรรับสภาพได้แล้ว

    เมื่อทราบความดังนั้น ชายหนุ่มก็คิดในใจว่า แม้แต่เจ้านายก็ยังดำรงตนฝึกฝนให้อยู่ในศีลได้นานมาโดยตลอด ส่วนตัวเขาแม้จะรักษาศีลเพียงครึ่งวันก็ต้องทำให้ได้เพราะไม่อยากเสียความตั้งใจ เมื่อคิดดังนั้นแล้วจึงไม่ต้องการกินอะไรเช่นเดิมแม้แต่ยา ส่งผลให้พอเวลารุ่งสางคนงานหนุ่มจอมดื้อผู้นั้นก็ได้เสียชีวิตลง

    ด้วยจิตใจที่ตั้งมั่นพยายามจะรักษาศีล 8 ให้ได้อย่างยิ่งยวดก็ได้สร้างผลบุญกุศลให้กับชายหนุ่มผู้นี้อย่างมหาศาล ด้วยอานิสงส์แห่งบุญ พอเขาสิ้นใจตายแล้วก็ได้ไปเกิดเป็น “รุกขเทวดา” ประจำต้นไทรภายในบริเวณบ้านของอนาถบิณฑิกเศรษฐีทันที

    มาได้มาเป็นเทวดาหนุ่ม ก็ได้อนุโมทนาคุณความดีของ อนาถบิณฑิกเศรษฐีที่เป็นผู้น้อมสักการะแด่พระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์เป็นที่พึ่งมาอย่างดี และรักษาศีล 8 เป็นประจำการ เทวดาหนุ่มรู้ดีว่าที่ได้เกิดมาเป็นเทวดา ก็เพราะเจริญรอยตามในคุณความดีของเศรษฐีนี้เองจึงให้ผลบุญกุศลเกิดขึ้นกับตัวเขา

    เรื่องนี้พูดถึงการเกิดเป็นเทวดาอย่างชัดเจนของคนที่มีบุญ ในอานิสงส์ของบุญนั้นมาจากการสร้างบุญบารมีอย่างถูกต้องที่มาจากการทาน ศีล และการเจริญภาวนา แต่ไม่ใช่ว่ามีเพียงแต่มนุษย์ที่ได้เกิดเป็นเทวดาได้แต่เพียงอย่างเดียว

    แม้เป็นสัตว์เดรัจฉานก็มีสิทธิ์ไปเกิดเป็นเทวดาได้เหมือนกัน หากก่อนตายจิตมีความบริสุทธิ์มากพอ และมีผลบุญในอดีตชาติคอยเป็นกำลังสนับสนุน เรื่องนี้มีตัวอย่างที่แสดงให้เห็นชัดในหน้าประวัติศาสตร์ก็คือ เรื่องราวของพระเจ้าอโศกมหาราช

    เป็นที่ทราบกันดีว่า พระเจ้าอโศกมหาราช ท่านเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่มากที่ได้ทำการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาจนมีความเจริญรุ่งเรืองมากมายไปทั่วทั้งชมพูทวีป จนเชื่อกันว่าผลบุญที่พระองค์ได้สร้างเอาไว้นั้นจะทำให้พระองค์จะต้องไปบังเกิดในดินแดนที่เป็นสุขในโลกสวรรค์อย่างแน่นอนแต่ว่าในภพชาติถัดไปของพระองค์ก็ยังไม่ได้เป็นเช่นนั้น

    เพราะยังมีวิบากกรรมไม่ดีที่หนักกว่าหรือกรรมหนักฝ่ายไม่ดีนั้นรอส่งผลอยู่ในชาติถัดไป ต้องได้รับผลกรรมหนักไม่ดีนั้นเสียก่อนจึงจะไปเสวยสุขได้ หรือเป็นไปตามจิตสุดท้ายก่อนตายที่สำคัญมากเป็นไปตามกฎแห่งกรรมไม่มีใครหนีพ้นไปได้

    ซึ่งหลังจากที่พระเจ้าอโศกมหาราชสิ้นพระชนม์แล้วพระองค์ก็ได้ไปบังเกิดเป็นงูเหลือมแทน เพราะก่อนพระองค์จะสวรรคตนั้น ได้ทรงพระดำริที่จะถวายพระราชทรัพย์ไว้ในพระพุทธศาสนาอีก แต่ก็ได้มีพวกเหล่าขุนนางใกล้ชิดมาทัดทานเอาไว้

    พระองค์จึงได้เกิดจิตโทสะขึ้น เมื่อสิ้นพระชนม์ไปจึงได้ไปเกิดสู่ทุคติภูมิกลายเป็นงูเหลือมเสียอย่างนั้น ตามจิตสุดท้ายที่ไปทางไม่ดี ไม่บริสุทธิ์พอที่จะไปเสวยบุญได้

    และพระมหินทเถระซึ่งเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าอโศกมหาราช ซึ่งต่อมาได้บวชในบวรพระพุทธศาสนาจนสำเร็จบรรลุพระอรหันต์แล้ว ท่านได้นั่งเพ่งฌานสมาธิ เพื่อสืบค้นหาภพภูมิของพระราชบิดา เพราะอยากรู้ว่าเมื่อพระราชบิดาสิ้นพระชนม์แล้ว พระองค์จะได้ไปบังเกิดที่แห่งใด ก็พบว่าท่านต้องไปเกิดเป็นงูเหลือม สาเหตุเพราะจิตไม่บริสุทธิ์ก่อนตายจึงต้องกลายเป็นงูคอยจับปลาที่แม่น้ำกิน

    พระมหินทเถระจึงได้เดินทางไปโปรดพระราชบิดา เมื่อพบกันแล้วจึงแสดงเทศนาธรรมให้งูเหลือมฟัง จนงูเหลือมได้ดวงตาเห็นธรรม และบรรลุเป็นพระโสดาบันทั้งๆ ที่ยังเป็นสัตว์เดรัจฉานและงูเหลือมผู้บรรลุธรรมตัวนี้ การตั้งสัจจะอธิษฐานที่จะไม่ฆ่าสัตว์ เพื่อมากินเป็นอาหารอีกเลย

    งูเหลือมนั้นพอไม่ได้กินอาหารใด ๆ หรือกินสัตว์ใด ไม่นานนักงูเหลือมจึงได้ตายลงตามธรรมชาติ พองูเหลือมสิ้นใจ ซึ่งก็คือพระเจ้าอโศกมหาราชในอดีตชาติ ดวงวิญญาณของพระองค์ที่มีจิตบริสุทธิ์ก็ได้ล่องลอยสู่สรวงสวรรค์ ไปเกิดเป็นเทวดาเสวยทิพย์สุขอยู่อีกนาน ด้วยผลบุญที่พระองค์ทรงเคยทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาไว้อย่างใหญ่หลวง

    เรื่องที่ยกขึ้นมาเป็นตัวอย่างนั้น เพื่อจะทำให้ทุกท่านเห็นได้ว่าไม่ว่าคนหรือสัตว์ก็มีสิทธิ์ไปบังเกิดเป็นเทวดาได้หากมีจิตใจที่บริสุทธิ์มากพอก่อนจะตาย และการที่จิตจะบริสุทธิ์ได้นั้นเพราะจิตจะต้องได้ฝึกฝนมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ด้วยการประกอบคุณงามความดีที่มีความแตกต่างกันไปในเจตนาของการทำความดี

    ครูบาอาจารย์คนสำคัญท่านหนึ่งของเมืองไทย ได้เตือนลูกศิษย์อยู่เสมอว่า อย่าไปทำร้ายทำลายหรือเบียดเบียนสัตว์เป็นอันขาด เพราะอาจจะเป็นผู้มีบุญมาชดใช้กรรมอยู่ จะกลายเป็นการสร้างกรรมที่หนักกว่าปกติธรรมดาหลายเท่านัก จึงสอนให้ระมัดระวังในเรื่องนี้มาก

    และขอนอกเรื่องสักนิด เพราะเกือบทุกครั้งที่มีการยกเรื่องในพระไตรปิฎกมากล่าวอ้างหรือเป็นตัวอย่างเพื่อความเข้าใจ ก็จะมีคนถามว่าเรื่องเหล่านี้เป็นจริงหรือไม่ เชื่อได้มากน้อยแค่ไหน มีใครยืนยันได้ จะอยากจะขอกล่าวย้ำอีกครั้งว่า พระพุทธศาสนานั้นคนที่ปฏิบัติจะทราบด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีคนอื่นมาบอก

    และทุกเรื่องที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกที่ถือว่าเป็นคัมภีร์แห่งศาสนาพุทธนั้น เป็นเรื่องจริงที่ได้มีการพิสูจน์มาแล้วกว่า 2,500 ปี เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าและคำสอนของพระองค์ รวมธรรมวินัยและข้อปฏิบัติของเหล่าสาวกในพระพุทธศาสนา

    บางเรื่องมาจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้าโดยตรง บางเรื่องเป็นเรื่องที่พระอรหันต์สาวกได้ไปเข้าเฝ้าและได้รับคำสอนมา และได้มีการบันทึกในภายหลังโดยพระอรหันต์สาวก และมีการตรวจสอบกันอย่างละเอียดทุกตัวอักษรมาหลายครั้งเพื่อความถูกต้อง

    และที่สำคัญ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสไว้ก่อนที่พระองค์จะเสด็จปรินิพพานกับพระอานนท์ไว้ว่า พระพุทธองค์จะไม่แต่งตั้งสาวกท่านใดเป็นศาสดาแทนพระพุทธองค์ แต่ให้ยึดถือคำสั่งสอน พระโอวาทที่อยู่ในพระไตรปิฎกนั้นจะเป็นตัวแทนของพระองค์ จนกว่าศาสนาพุทธจะเสื่อมสลายไป

    ดังนั้น ถ้าเราที่บอกกับตนเองและคนอื่นว่า เป็น “ชาวพุทธ” ถ้าชาวพุทธไม่เชื่อคำที่มาจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้าแล้ว แล้วเราจะไปเชื่อใครกันที่ไหนอีก อย่าตะแบงให้ตนเองต้องตกนรกอีกเลย

    กลับมาทางเรื่องเทวดากันต่อ ในทางพระพุทธศาสนาเชื่อว่า ดวงจิตนั้นจะไปเกิดกับพ่อแม่เทวดาคู่ไหนในสวรรค์ ก็อยู่ที่ผลบุญไปสมพงศ์กับเทวดาคู่ไหนด้วย หากมีเจตนาบริสุทธิ์มากเท่าไหร่ก็ไปเกิดเป็นเทวดาที่อยู่บนสวรรค์สูงขึ้นไปมากเท่านั้น เป็นการเลื่อนชั้นตามพลังบุญที่มีทั้งบุยเก่าและบุญใหม่ที่มีคนส่งไปให้

    ยกตัวอย่างเรื่องการไปเกิดในภพภูมิเทวดา หากใครจะไปเกิดในเทวดาชั้นจตุมหาราชิกา ก็ต้องทำคุณงามความดี แต่การทำคุณงามความดีนั้นมีจุดประสงค์เพื่อหวังว่าผลที่ได้ทำบุญนั้นจะทำให้ตนเองมีความสุขหวังในผลคือทำดีแล้วก็หวังจะได้ดีสมกับที่ได้ทำ อย่างนี้เป็นต้น

    หากใครจะไปเกิดเป็นเทวดาในชั้นที่สองอย่างดาวดึงส์ ก็ต้องทำความดีเหมือนกัน แต่คิดต่างกับคนที่ไปเกิดในสวรรค์ชั้นหนึ่งตรงที่ว่า ทำบุญรักษาศีลประกอบคุณงามความดีทั้งหลายเพราะคิดว่าเป็นการกระทำความดีที่ดีแล้ว คือไม่หวังว่าจะได้ผลของบุญอะไรแต่หวังว่าในความดีนั้นจะทำให้ตนเองมีความสุข

    แต่เจตนาของผู้ทำบุญยังมีมากกว่านั้น เพราะในสวรรค์ชั้นที่สามนั้นเป็นที่อยู่ของเทวดาที่อยู่สูงกว่าชั้นสองได้เพราะเขาเหล่านั้นทำบุญสร้างบารมีด้วยความตั้งใจจริง มีจิตใจขวนขวายในพระธรรมไม่หวังผลอะไรตอบแทนเห็นว่าสมควรทำก็เลยทำ อย่างนี้จึงจะได้มาเกิดในสวรรค์ชั้นที่สาม เป็นอย่างนี้เรื่อยไปจนถึงชั้นสูงสุดคือ ชั้นที่หก ปรนิมมิตวสวัตดี นั่นก็เพราะในขณะที่เป็นมนุษย์นั้นประกอบบุญกุศลด้วยจิตที่ตั้งมั่นในธรรมทำบุญโดยไม่หวังผลใดๆมีจิตใจบริสุทธิ์มากจึงได้เกิดมาอยู่ในชั้นเทวดาระดับสูงสุด

    จะว่าไปเรื่องการมีอยู่ของเทพเทวดาทั้งหลายนี่ หลายท่านบอกว่า คงเป็นอุบายการสอนเรื่องการทำบุญด้วยใจเป็นอันดับแรกนั่นเอง คนที่อยากเกิดเป็นเทวดา ก็ควรจะรู้ว่า การทำบุญทำทานว่าทำบุญแบบไหนหรือทำด้วยอะไรจึงจะเกิดผลบุญมากที่สุด

    ขอยกตัวอย่างเรื่อง คนสองคนที่มาทำบุญที่วัดแต่ได้บุญต่างกันที่ครูบาอาจารย์ท่านเล่าให้ฟัง เรื่องมีอยู่ว่า มีท่านเศรษฐีท่านหนึ่งได้บริจาคเงินสิ่งของทำบุญทำนุบำรุงพระอุโบสถมากมายด้วยกำลังทรัพย์ที่มี(ซึ่งไม่ทราบที่มาของทรัพย์เหล่านั้น) แต่ว่าเศรษฐีได้ขอร้องให้เอาชื่อของเขาติดไว้ที่สิ่งก่อสร้างเหล่านั้น เพื่อเป็นอนุสรณ์และเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูล

    แต่ก็มีผู้ที่ต้องการทำบุญอีกคนหนึ่ง คนนี้เป็นเพียงคุณยายสูงอายุที่มีอาชีพทำขนมขายในตลาดวัน ๆ หนึ่งหารายได้ได้มาไม่กี่ร้อยบาทเท่านั้นแต่ คุณยายคนนี้นำขนมมาถวายเป็นภัตตาหารพระตอนเช้าทุกวันถวายเสร็จก็รับพรกลับไปขายของต่อด้วยความสบายใจ ไม่ได้หวังจะได้อะไรมากกว่านั้น

    พระอาจารย์เลยถามผมว่า “ทั้งสองที่มาทำบุญได้บุญเหมือนกันไหม” ผมซึ่งตอนนั้นยังไม่รู้ประสีประสาเพราะเพิ่งมาบวชใหม่และกำลังเริ่มเห็นสว่าง ก็บอกว่าก็คงได้บุญเหมือนกัน พระอาจารย์ท่านก็ว่า “ใช่ทั้งสองได้บุญเหมือนกันแต่ได้ไม่เท่ากันหรอกนะ ลองคิดดูเอาละกันว่า ใครที่น่าจะได้บุญมากกว่า ระหว่างเศรษฐีกับคุณยาย ”

    จึงเป็นการเฉลยในทางอ้อมแต่เป็นจริงว่า การทำบุญหรือการทำทานที่ได้บุญมากนั้น ไม่จำเป็นต้องทำด้วยทรัพย์มากเท่าไหร่ แต่อยู่ที่เจตนาของการทำบุญนั้นมีความบริสุทธิ์มากเท่าใด ดังที่หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ท่านเคยเทศนาครั้งหนึ่ง ก่อนที่ท่านจะละสังขารไว้ว่า

    “…ทำบุญ ทำทาน ทำกุศล ไม่ว่ามากหรือน้อย วัตถุมิใช่ตัวบุญแท้ ตัวบุญแท้มันเกิดที่หัวใจ คือ เจตนาของบุคคลนั้นต่างหาก

    ถ้าเจตนาศรัทธาในขณะใด ในบุคคลใด ในสถานที่ใด ในที่นั้นๆ ได้บุญมาก

    ฉะนั้น บุญในพุทธศาสนานี้ คนทำจึงไม่รู้จักหมดจักสิ้นสักที พระพุทธเจ้าตรัสเทศนาไว้สองพันกว่าปีแล้วว่า ทำบุญได้บุญเช่นไร มาในปัจจุบันนี้หรือในอนาคต ต่อไปก็ได้อย่างนั้นเช่นเคย

    คนทำบุญมากเท่าไรก็จะได้บุญมากเท่าที่ตนนั้นสามารถจะรับเอาไปได้ เหมือนกับคนนับเป็นหมื่นๆ แสนๆ ถือเทียนมาคนละเล่มไปขอจุดจากผู้ที่มีเทียนที่จุดอยู่แล้ว ย่อมได้แสงสว่างตามที่ตนมีเทียนเล่มโตหรือเล่มเล็ก ส่วนดวงเดิมที่ตนขอจุดต่อนั้นก็ไม่ดับเทียน หลายดวงยิ่งเพิ่มแสงสว่างยิ่งๆ ขึ้นไปอีก…”

    หวังว่าทุกท่านพอจะเข้าใจในเรื่องบุญมากและบุญน้อยกันพอสมควร


    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327-d25vj52.jpg
     
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,104
    ค่าพลัง:
    +16,527
    พรุ่งนี้ส่งของให้นะครับ
     
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,104
    ค่าพลัง:
    +16,527
    พรุ่งนี้ติดตามเรื่องพูดคุยกันนะครับ พอดีเรื่องนี้มีคำถามมาบ่อยๆจะยกมาตอบหน้ากระทู้เลย ;)
     
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,104
    ค่าพลัง:
    +16,527
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    วันนี้ติดตามกันนะ:)
     
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,104
    ค่าพลัง:
    +16,527
    แจ้งการส่ง EMS
    พี่ศิระ ET 2874 9630 3 TH

    พี่สุรวุฒิ ET 2874 9631 7 TH

    พี่นวรัตน์ ET 2874 9632 5 TH
     
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,104
    ค่าพลัง:
    +16,527
    เดี๋ยวติดตามเรื่องพูดคุยกันนะครับ ;)
     
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,104
    ค่าพลัง:
    +16,527
    ติดตามกันนะครับ มีถามกันมามากอยากจะบูชาสายพรายเพราะเชื่อว่ามันจะเร็วและให้ผลไวต่างๆนานา ทั้งนี้แต่เดิมพ่ออาจารย์ท่านก็เคยสร้างพวกพระขุนแผนผงพรายกุมารมา แต่ท่านว่าผงพรายทั้งหลายที่เอามาทำนั้นก็เช่นผงพรายของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ เป็นผงที่ใช้ได้ไม่อันตราย ซึ่งนั่นก็หมดไปนานมากแล้ว แต่ท่านว่ายังมีอยู่อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นพรายแต่ไม่ใช่พราย แล้วก็เป็นพรายที่เหนือพรายด้วย ซึ่งเราเองก็สงสัยว่ามันคืออะไร ซึ่งท่านบอกว่าเป็นพราย แต่ตัวเนื้อหามวลสารนั้นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับศพเลย อันนี้ต้องติดตามกันดีๆสำหรับคนที่ถามหาพรายหรือขุนแผนกันมา ...ห้ามพลาดนะ
     
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,104
    ค่าพลัง:
    +16,527
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    วันนี้ก็มาติดตามพูดคุยกันนะครับ แล้วก็ใครจะฝากคำถามอะไรก็ PM กันเข้ามาได้เลย;)
     
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,104
    ค่าพลัง:
    +16,527
    จากเรื่องที่กล่าวไปเดี๋ยวจะมาลงรายละเอียดให้เรื่อยๆนะครับ เอาให้ได้ความรู้กันแน่นๆเลย กับวิชาสาย...ภูติ ;)
     
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,104
    ค่าพลัง:
    +16,527
    ใครที่เคยพลาดของในตำนานอย่างพระขุนแผนท่านย่านาคไป หรือแม้กระทั่งพญางั่งนั่งแพะและพระเพชรจำแลง ติดตามให้ดีนะครับ รับรองว่าเป็นแรร์ไอเทมของสายเสน่ห์เลย ;)
     
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,104
    ค่าพลัง:
    +16,527
    เห็นถามกันมาหลายคนโดยเฉพาะคนที่พลาดพระเพชรกับพญางั่ง พรุ่งนี้ผมจะมาทยอยลงรายละเอียดเรื่องของพิเศษให้นะครับ ได้เป็นการพูดคุยทำความเข้าใจกันยาวๆด้วย
     
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,104
    ค่าพลัง:
    +16,527
    ครุฑฉุดนาง

    อรุณสวัสดิ์ครับ ก็เตรียมพร้อมพบกับพระขุนแผน.......(ครุฑฉุดนาง) กันไว้นะครับ บอกได้คำเดียวว่าแรงกว่างั่งหรือพระเพชรแน่นอน โดยเฉพาะครุฑฉุดนางที่พ่ออาจารย์ท่านสร้างขึ้นนี้

    ซึ่งวันนี้ก่อนจะไปเข้าสู่เรื่องของครุฑฉุดนางแบบละเอียด ก็จะนำเรื่องและเหตุผลที่ควรจะบูชาองค์ครุฑมาบอกกล่าวกันก่อน ก็เป็นสาระความรู้เกี่ยวกับองค์ครุฑ ติดตามกันนะครับ


    บารมี “องค์พญาครุฑ” สู่ความเจริญรุ่งเรืองแห่งชีวิต
    ตำนานพญาครุฑ ในตำนานเมืองฟ้าป่าหิมพานต์นั้นมีเรื่องราวของสัตว์ที่มีอิทธิฤทธิ์มากมายหลายชนิด เช่น ราชสีห์ คชสีห์ อันมีลำตัวเป็น สิงห์แต่มีศีรษะเป็นช้าง กินรี กินนร และสัตว์แปลก ๆ อีกมากมาย ในบรรดาสัตว์ทั้งหลายนั้นมีสองอย่างที่นับว่าเป็นเทพเดรัจฉานมีฤทธิ์มากคือ หนึ่งเป็นพญานาคราชจ้าวแห่งบาดาล และอีกหนึ่งคือพญาครุฑจ้าวแห่งเวหา

    นาคและครุฑต่างเป็นสัตว์ที่คู่กันตามตำนาน มีเรื่องราวเล่ากันว่าสัตว์กายสิทธิ์ทั้งสองนี้มีบิดาเดี่ยวกันคือมหาฤาษีกัสยปะเทพบิดรแต่คนละ
    แม่โดยพญาครุฑนั้นมีมารดาเป็นภรรยาหลวง ส่วนนาคนั้นมีแม่เป็นภรรยาคนรอง นางทั้งสองนี้ไม่ถูกกันมีเรื่องกันตลอดจนในที่สุดความผิดใจกันนี้ลามไปถึงลูกของตนด้วย จึงเป็นเหตุให้นาคและครุฑไม่ถูกกันในเวลาต่อมา

    พญานาคนั้นมีวิมานอันเป็นทิพย์อยู่ในบาดาล ส่วนครุฑก็มีวิมานทิพย์อยู่ที่เชิงเขาไกรลา ทางฮินดูเขานับถือครุฑว่าเป็นเทพเจ้าสำคัญพระองค์หนึ่ง แม้ในทางไทยเราเอง ทางไสยศาสตร์ก็ให้ความนับถือเกี่ยวกับครุฑนี้มาก ดูอย่างตราแผ่นดินเองก็มีรูปลักษณะเป็นครุฑ เหตุนี้จึงน่าสนใจว่าครุฑนั้นคงมีอานุภาพบางอย่างและน่าจะเป็นสิ่งที่มีอยู่จริงในอีกมิติหนึ่งเช่นเดียวกันกับพญานาค ถ้าท่านเชื่อว่าพญานาคมีจริง พญาครุฑก็ย่อมมีจริงเช่นกัน

    สามารถพบเห็นรูปครุฑได้จากเอกสารต่าง ๆ ของทางราชการ และนับว่าเอกสารเหล่านั้นเป็นเอกสารศักดิ์สิทธิ์ หากราชการผู้ที่ทำหน้าที่ผู้ใดมีความสุจริตจงรักภักดีต่อแผ่นดิน องค์พระมหากษัตริย์ และหน้าที่ของตน
    องค์พญาครุฑก็จะส่งพลังปกป้องให้มีความสุข ความเจริญในหน้าที่

    นอกจากนี้ยังมีเกร็ดความเชื่อว่าหากที่ใดมีอาถรรพ์แรง ท่านให้นำเอาตราครุฑไปติดจะทำให้อาถรรพ์นั้นเสื่อมสลายไปในที่สุด ตราครุฑล้างอาถรรพ์ได้จึงเป็นที่เชื่อถือกันมาตลอดและได้รับความเคารพบูชาว่าเป็นของสูง เสมือนหนึ่งตัวแทนแห่งองค์พระประมุข ผู้ใดมีสัญลักษณ์ครุฑ รูปครุฑบูชาไว้ย่อมได้อานิสงส์มาก อาทิ มีความเจริญแก่ตัวเองและครอบครัวเป็นต้น ดังนี้แล้วครุฑจึงเป็นของสูงที่เราควรรู้ควรบูชาอย่างหนึ่ง คนโบราณมีความเชื่อสืบกันมาว่า ครุฑนั้นเป็นสัญลักษณ์แห่งความเจริญรุ่งเรือง มหาอำนาจ ในสมัยก่อนที่ไหนว่ากันว่าผีแรง ผีเฮี้ยน เอาตราพญาครุฑไปติดไว้ความอาถรรพ์ของสถานที่นั้น ๆ ก็จะหายไปในทันที


    อำนาจพญาครุฑ

    สิทธิอำนาจพญาครุฑ สัตว์กายสิทธิ์ที่ไม่มีผู้ใดสามารถฆ่าให้ตายได้มีอายุยืนเสมือนว่าเป็นอมตะนั้น นับเป็นเรื่องลี้ลับที่ผู้รู้พยายามค้นคว้า และเสาะหาที่มาแห่งพลังอำนาจดังกล่าว จนเกิดการสร้างเครื่องรางต่าง ๆ ขึ้น อำนาจพญาครุฑสามารถจำแนกได้ถึง ๘ ประการ โดยนับเอาอำนาจหลัก ๆ ได้ดังนี้คือ
    ๑.เป็นมหาอำนาจอันยิ่งใหญ่ เป็นสิทธิอำนาจอันเฉียบขาด
    ๒.สามารถลบล้างอาถรรพ์และคุณไสย์ทั้งปวง ภูติผีปิศาจกลัวไม่กล้าเข้าใกล้
    ๓.เป็นสื่อนำความเจริญรุ่งเรือง ยศถาบรรดาศักดิ์มาสู่ชีวิตหน้าที่การงาน
    ๔.ปกป้องคุ้มครอง ป้องกันภัยเป็นคงกระพัน
    ๕.เป็นเมตตามหานิยม
    ๖.นำความร่มเย็นเป็นสุขมาให้
    ๗.ทำมาค้าขายดีเป็นสื่อนำโชคลาภนานาประการ
    ๘.สัตว์ร้าย เขี้ยวงาสารพัด งูเงี้ยวเขี้ยวขอ อสรพิษไม่กล้ากล้ำกรายเข้าใกล้ เพราะเกรงตบะบารมีขององค์พญาครุฑเป็นที่สุด


    วิธีบูชาองค์พญาครุฑอย่างถูกต้อง

    เมื่อได้รับองค์พญาครุฑแบบบูชามาใหม่ๆให้อัญเชิญนำเข้าอาคารบ้านเรือนภายในเที่ยงวัน ให้ทำการจุดธูปบอกกล่าวแด่เจ้าที่เจ้าทางหรือตี่จูเอี๊ย ( ใช้ธูป ๕ ดอก ) เพื่อเป็นการขออนุญาตินำองค์พญาครุฑมาประทับ ณ.สถานที่แห่งนี้ แล้วให้จัดเครื่องบวงสรวงรับด้วยการจุดธูปครั้งแรก ๙ ดอก จุดเทียน ๑ คู่ พวงมาลัย ๑ พวง ผลไม้ ๑ หรือ ๓ อย่าง ถั่วหรืองา ๑ ถ้วย น้ำเปล่า ๑ แก้ว ( งดถวายของคาว บุหรี่ เหล้า ) สามารถวางรวมอยู่กับหิ้งพระได้โดยไว้ชั้นล่างสุด แต่ถ้าเดิมทีหิ้งของท่านบูชาพญานาคอยู่แล้ว ก็ให้วางชั้นเดียวกันได้ โดยไม่ต้องกลัวอาถรรพ์ใดๆทั้งสิ้น เพราะพญาครุฑกับพญานาคยุติสงครามกันมานานแล้ว สามารถวางบูชาร่วมกับองค์พระพิฆเนศได้ไม่มีปัญหา แล้วให้ทำการสวดอัญเชิญสรรเสริญองค์พญาครุฑด้วยบทนี้

    ตั้งนะโม ๓ จบแล้วว่า
    -คะรุปิจะ กิติมันตัง มะ อะ อุ
    โอมพญาครุฑ รุจ รุจ แล้วรวย
    นะได้เงิน นะได้
    ทอง นะเจริญ
    นะมั่นคง นะได้ทรัพย์ นะเมตตา
    อิติปิโสภะคะวาพระพุทธเจ้าสั่งมา
    พญาครุฑล้างอาถรรพณ์
    อิติคงเนื้อ อิติคงหนัง
    พญาครุฑยันติ อภิปูยาจามิ.
    -พญาครุฑจะผุด มนุษย์จะเกิด
    พุทธังแคล้วคลาด
    ธัมมังแคล้วคลาด
    สังฆังแคล้วคลาด
    องค์พระพุทธเจ้าย่างบาท
    นะปัจจะโยโหนตุ

    ส่วนของถวายให้จัดถวายท่านตามความเหมาะสมจะเพียงผลไม้ ๑ อย่าง หรือ ๑ ลูก ก็ได้ หรือจะเป็นขนมนมเนยแบบเดียวกับที่ท่านบูชาพระพิฆเนศก็ได้ไม่มีปัญหาแต่ขอให้เปลี่ยนน้ำถวายท่านทุกๆวัน ให้รักษาศีล ๕ ทำบุญถวายสังฆทานอย่างน้อยเดือนล่ะครั้ง ให้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และให้กตัญญูต่อผู้ที่มีพระคุณทุกๆคน (องค์พญาครุฑเป็นเทพที่มีความกตัญญูสูงที่สุด)

    โดยทุกคนสามารถบูชาองค์พญาครุฑได้ไม่มีข้อห้าม ไม่ว่าจะเกิดปีมะโรงหรือปีมะเส็งก็บูชาท่านได้ไม่มีปัญหา เพียงแต่ผู้ที่จะสร้างองค์พญาครุฑได้นั้นจะต้องมีวิชาอาคมและมีบุญบารมีที่สูงมากจึงจะสร้างได้สำเร็จและเข้มขลัง องค์พญาครุฑสามารถประทานพรให้ได้ทุกเรื่องตามที่จะปราถนาเนื่องด้วยมีฤทธิ์เทียบเท่ากับองค์พระนารายณ์ โดยสิทธิอํานาจพญาครุฑสัตว์กายสิทธิ์ที่ไม่มีผู้ใดสามารถฆ่าให้ตายได้มีอายุยืนเสมือนว่าเป็นอมตะนั้น นับเป็นเรื่องลี้อํานาจพญาครุฑสามารถจําแนกได้ ๘ ประการ ดังนี้คือ

    ๑.เป็นมหาอํานาจอันยิ่งใหญ่ เป็นสิทธิอํานาจอันเฉียบขาด
    ๒.สามารถลบล้างอาถรรพ์และคุณไสยได้ทั้งปวง ภูติผีปีศาจกลัวไม่กล้าเข้าใกล้
    ๓.เป็นสื่อนําความเจริญรุ่งเรือง ยศถาบรรดาศักดิ์มาสู่ชีวิตหน้าที่การงาน
    ๔..ปกป้องคุ้มครอง ป้องกันภัยเป็นคงกระพัน
    ๕.เป็นเมตตามหานิยม
    ๖.นําความร่มเย็นเป็นสุขมาให้
    ๗.ทํามาค้าขายดี เป็นสื่อนําโชคลาภนานาประการ
    ๘.สัตว์ร้าย เขี้ยวงาสารพัด งูเงี้ยวเขี้ยวขอ อสรพิษ ไม่กล้ากลํากายเข้าใกล้ เพราะเกรงตบะบารมีขององค์พญาครุฑเป็นที่สุด


    4-_-_-.jpg
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,104
    ค่าพลัง:
    +16,527
    แจ้งการส่ง EMS
    พี่ธีธัช ET 2874 6414 1 TH
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 สิงหาคม 2017
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,104
    ค่าพลัง:
    +16,527
    ติดตามกันนะครับ พระขุนแผนรุ่นนี้น่าจะไม่ธรรมดาเพราะนอกจากจะได้เสกจันทร์ซ้อนจันทร์ที่เป้นเสน่ห์สุดๆแล้ว ยังได้เสกฤกษ์ราหูที่ผ่านมาอีก ห้ามพลาด
     
  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,104
    ค่าพลัง:
    +16,527
    จันทร์ซ้อนจันทร์

    อรุณสวัสดิ์ครับ
    พระขุนแผนรุ่นนี้พ่ออาจารย์ท่านเสกทั้งราหุยก แถมด้วยจันทร์ว้อนจันทร์ที่ตรงกับจันทรุปราคาอีก เสน่ห์เมตตาย่อมไม่ธรรมดา แถมด้วยกลับดวงพลิกชีวิตตามวิชาในสายอสุรินทร์ราหูโพธิสัตว์ของท่าน ท่านว่ารุ่นนี้ได้รับพลังงานธรรมชาติและวิถีดวงดาวตรงๆทีเดียว


    ฤกษ์จันทร์ซ้อนจันทร์

    เป็นฤกษ์ดี ที่โบราณนิยมปลุกเสกวัตถุมงคล ที่เกี่ยวกับเมตตามหานิยม โชคลาภ เช่น การลงนะหน้าทอง พระลักษณ์หน้าทอง การประจุว่าน ประจุวัตถุมงคลเกี่ยวกับเสน่ห์เมตตาทั้งหลายทั้งปวง ซึ่งในแต่ละปีจะมีฤกษ์จันทร์ซ้อนจันทร์แค่วันเดียวหรือสองวันเท่านั้นบางปีก็ไม่มีเลย

    ฤกษ์วันจันทร์ซ้อนจันทร์นั้น ไม่ต้องคำนวณฤกษ์ให้ยุ่งยาก เพียงเปิดปฏิทินดูว่าวันไหนเป็นวันพระจันทร์เต็มดวงที่ตรงกับวันจันทร์ ก็ถือว่าวันนั้นแหละ ที่เป็นวันจันทร์ซ้อนจันทร์

    อันเนื่องมาจากว่า พระจันทร์นั้นทางโหราศาสตร์ถือว่ามีลักษณะรูปกายผุดผ่อง มีรัศมียองใย สวยงาม ชวนหลงใหล พระจันทร์มีกำลังวัน 15 เลขประจำวันจันทร์คือเลข 2 พระประจำวันจันทร์คือพระปางห้ามญาติ หรือห้ามสมุทร โหราศาสตร์เรียกพระจันทร์ว่า"ดาวจันทร์"คนที่เกิดวันจันทร์ ส่วนใหญ่จะมีร่างกายกลมกลึง อ้อนแอ้น กิริยาวาจานุ่มนวล ชวนหลงใหล

    ในวันจันทร์ซ้อนจันทร์นั้น คนที่มีวัตถุมงคลที่เกี่ยวกับเมตตามหานิยม ควรนำไปประจุอาคมหรือปลุกเสกเพิ่มความขลัง หรือคนที่จะลงนะหน้าทอง พระลักษณ์หน้าทองก็เช่นกัน บรรดาเกจิรู้ว่าถ้ากระทำพิธีในฤกษ์จันทร์ซ้อนจันทร์ จะเกิดประสิทธิเมฯเป็นอย่างยิ่ง และการทำพิธีเกี่ยวกับเมตตามหานิยมในวันนี้ จะต้องทำสิ่งที่เป็นด้านขาวหรือด้านดีเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับด้านดำหรือไสยดำที่สกปรกหรือข่มเหงผู้อื่นแต่อย่างใด ยกตัวอย่างเช่น
    - เมตตาทางด้านขาวเช่น การลงนะหน้าทอง ลงพระลักษณ์หน้าทอง ปลุกเสกวัตถุมงคล เหรียญ สาริกาลิ้นทอง กะโหลกทองคำ ร่ายมนต์จินดามณี เป็นต้น เหล่านี้ทำได้
    - ทำเสน่ห์ด้านไสยดำ เช่นน้ำมันพราย หงส์ร่อนมังกรรำ ฝังรูปฝังรอย หรือกระทำของใส่ผู้อื่นให้หลงรัก เหล่านี้ทำไม่ได้ ถ้าใครฝืนทำก็ยิ่งทำให้ชีวิตคนทำต้องอับเฉาลง

    * สำหรับพระขุนแผนรุ่นนี้ที่พ่ออาจารย์ท่านทำวิชาปลุกมนต์เสน่ห์เชิญพระจันทร์เข้าตัวแฝงรูปให้ทีละองค์ๆในฤกษ์จันทร์ซ้อนจันทร์ จึงนับว่าเป็นที่สุดของเสน่ห์สายขาวชั้นสูงอย่างยิ่ง ด้วยวิชาศาสตร์เสน่ห์โบราณของจันทร์เทพบุตรที่จำเ
    พาะเจาะจงกระทำในฤกษ์มงคลนี้ย่อมมีอานุภาพมากเกินกว่าจะคิดคำนึงได้

    image.jpg image.jpg
     
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,104
    ค่าพลัง:
    +16,527
    ติดตามกันนะครับ เดี๋ยวจะทยอยลงรายละเอียดเรื่อยๆ ;)
     
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,104
    ค่าพลัง:
    +16,527
    พรุ่งนี้จะลงรายละเอียดเรื่องครุฑฉุดนาง(จับนาง,อุ้มนาง)ก็เรียก ติดตามกันให้ดีๆนะครับสายเสน่ห์แบบดุๆถึงเนื้อถึงตัวเลยห้ามพลาด :)
     
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,104
    ค่าพลัง:
    +16,527
    แจ้งเตือนเรื่องกิจกรรมนะครับ

    สำหรับผู้ที่รอเล่นเกมส์ เดือนนี้เราก็จะมีเกมส์ให้ร่วมเล่นกัน ติดตามนะครับ
     
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,104
    ค่าพลัง:
    +16,527
    อรุณสวัสดิ์นะครับ

    วันนี้ก็มีส่งของด้วยรอบสายๆ สำหรับเรื่องครุฑฉุดนางนั้นที่จริงพ่ออาจารย์ท่านว่าไม่อยากจะให้ลงอะไรละเอียดเกินไป เพราะของสิ่งนี้ท่านพูดแต่แรกแล้วว่ามันแรงเกินไป อันนี้เดี๋ยวรอบเย็นๆเราจะมาพูดคุยกันอีกที ในส่วนขององค์พระนั้นเรียกได้ว่าพ่ออาจารย์ท่านได้ผสมมวลสารลงไปหลายอย่าง สำหรับใครที่รักสีผึ้งสายเสน่ห์แบบแรงจัดๆนั้น บอกได้เลยว่าในเนื้อพระรุ่นนี้มีสีผึ้งครูบาอาจารย์ยุคเก่ายุคกึ่งพุทธกาลผสมอยู่หลายชนิด แต่หลักๆเลยคือสีผึ้งของหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา ติดตามกันนะครับว่าจะพิเศษอย่างไร
    ;)
     

แชร์หน้านี้

Loading...