การปฏิบัติให้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Aunyadham, 26 มีนาคม 2017.

  1. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
    ปฏิบัติอย่างไรให้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร
     
  2. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
    ขอน้อมนำสิ่งที่หลวงปู่สาวกโลกอุดร ธัมมปาโลท่านกรุณาจะเผยแผ่ธรรมมะเพื่อทดแทนพระคุณของพระพุทธเจ้า ว่า การเห็นภัยในวัฏฏสงสาร ในเบื้องต้น คือ การเบื่อหน่ายในรูป ของตนเอง และผู้อื่น ฝึกได้จากการพิจารณาอาการ32 หรือเพ่งอสุภะกัมมัฏฐาน ในส่วนนี้แค่เบื้องต้น แต่เบื้องปลายคือการเบื่อหน่ายในความคิดปรุงแต่งที่ถาโถมเข้ามาในระหว่างการปฏิบัติ ที่ไม่หยุดหย่อน จนทำให้อยากจะพ้นทุกข์ หลวงปู่ให้ 100 ล้านคะแนน เลย ถ้าใครปฏิบัติได้จนถึงขั้นนี้ ให้มีกำลังใจไว้เถอะว่าทุกข์จะเป็นพละปัจจัยให้พ้นทุกข์ในชาตินี้เป็นแน่แท้...
     
  3. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    ดูข่าวอาชญากรรมบ่อยๆ เดี๋ยวก็เหี่ยวไปเอง
     
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ตัวจิตต้องมีปัญญาญานมากพอที่จะไปเห็น
    กระบวณการตามนั้นได้ครับ
    เบสิค ๑ จิตแยกรูปแยกนามได้หรือยัง
    ๒.เดินปัญญามาระดับหนึ่งหรือยัง
    ๓.มีกำลังสมาธิพอจะเห็นผู้ดู ผู้รู้หรือยัง
    ๔.ใช้งานทางจิตได้หรือไม่ ถ้าไม่จิตน้อมไปทางปัญญาญานเองหรือไม่
    ๕.สร้างหาวิธีจนเกิดปัญญาญาน
    ถึงจะเป็นอย่างที่นำมาลงครับ
     
  5. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
    หลวงปู่ผ่านมาหมดแล้วทุกอย่างครับ ทุกสำนัก กว่าท่านจะมาถึงจุดนี้ ผ่านการปฏิบัติแบบอุกฤกษ์ จึงได้นำสิ่งที่ท่านปฏิบัติจนบรรลุธรรมอรหันตมรรคอรหันตผล แจ้งแล้ว จึงอยากจะทดแทนพระคุณองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยการเผยแผ่หลักการปฏิบัติให้พ้นทุกข์ที่ตรงจุดในการบรรลุธรรม หากสนใจในการปฏิบัติของหลวงปู่ ผมยินดีจะส่งในรูปแบบไฟล์ 453 กัณฑ์เทศน์ ให้ผู้มีบารมีธรรมทั้งหลายไปฟังเป็นเบื้องต้น ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ไม่ต้องเชื่อ แต่ให้ลองปฏิบัติตามดู ตามหลักกาลามสูตรครับ
     
  6. ลิปโป้

    ลิปโป้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +1,430
    ผมรบกวนขอไฟล์ด้วยครับ
    ขอบคุณครับ
     
  7. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ขอบคุณในเจตนาที่ดีครับ....
    เรื่องหลวงปู่ ส่วนตัวพอจะทราบ
    อะไรๆบ้างด้วยตัวเองพอได้บ้าง
    แบบที่ไม่ต้องไปฟังใครเล่าให้ฟังมา
    และไม่มีอะไรติดขัดสำหรับหลวงปู่ท่านครับ..


    ส่วนเนื้อหาตรงนี้ มันยังเป็นสมมุติ เป็นเพียงแนวทางครับ
    ส่วนตัวจิตจะเป็นได้ อย่างข้อความหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่งครับ
    พูดง่ายๆก็คือ เหมือนเราอ่านตำรามา แต่จิตเรามันไม่ใช่ครับ...

    เป็นที่มาที่ข้าพเจ้าถึง ถึงได้เพิ่มเติมอีก ๕ ข้อให้นั่นเองครับ
    เพราะถ้าเบสิคไม่ได้ตั้งแต่ข้อแรก ประกันได้เลยว่า จะไม่มี
    ทางเข้าถึงได้ครับ สำคัญตรงที่เรา อ่านตำรามาแต่ตัวจิตเรา
    เข้าใจกิริยา เข้าถึงสภาวะ ตั้งแต่การแยกรูปแยกนามได้หรือยังครับ ถ้าไม่ได้ ยังไงก็ไม่เกินสมมุติครับ
    เข้าใจที่พูดนะครับ และแม้ว่าจะอ่านและตัวจิต
    เป็นไปถึงข้อที่ ๕ที่ข้าพเจ้าเขียนได้
    ก็ถือว่า ยังแค่พอมีโอกาส จะเป็นอย่างข้อความ
    ที่คุณมานำมาลงครับ.....

    ปล.ปฎิบัติมันเป็นสภาวะที่เกิดกับตัวจิต
    มันต้องทิ้งสมมุติก่อน แล้วไปปฏิบัติให้เข้าถึง
    ผ่านแล้วถึงย้อนมาดูสมมุติมันถึงจะเข้าใจ
    ไม่งั้นสมมุติมันจะมาปกปิดตัวจิตเรา
    ทำให้เราเข้าถึงแบบสมมุติๆ ไม่ใช่ที่สภาวะที่ตัวจิต
    ที่คุณนำมาลง การพิจารณาอาการ 32 หรืออสุภะ
    ถ้าทางปฏิบัติใครทำได้จริงๆ
    ตัวจิตมันได้รูปฌานเป็นปกติแล้ว
    และจะพอรู้อะไรพิเศษได้แล้วหละครับ
    สมมุติถ้าคุณทำได้ คุณต้องเข้าใจทั้ง ๕ ข้อ
    ที่ข้าพเจ้าเขียนได้แล้วหละครับ
    และเข้าใจได้ว่า ตัวจิตเข้าถึงสภาวะอะไรได้แล้ว


    ถึงได้พยายามสื่อว่า สมมุติคือสมมุติ
    สภาวะที่เกิดกับจิตก็อีกเรื่องหนึ่ง
    เข้าใจที่สื่อนะครับ
     
  8. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    การเห็นภัยในวัฏฏสงสาร

    โดยหลักจริงๆ คือ อาศัยกิเลสนั้นแหละเป็นกลไกผลักดัน คือ ความกลัว(โมหะอวิชชาอย่างหนึ่ง) กลัวว่าจะตาย กลัวว่าจะทรมาน กลัวว่าจะต้องเจ็บปวด กลัวว่าต้องโดดเดี่ยว สารพัดความกลัว นั้นแหละ ความกลัวนั้น ให้มองเห็นประหนึ่งว่า ความกลัวต่อนรกภูมิ เราอยู่ในนรกนั้นแหละ ลองคิดดูว่า นรก สวรรค์มันเกิดขึ้นในหัวสมอง ในใจคนทั้งโลกได้อย่างไร นรกนั้นแหละ คือสุดยอดความกลัว ถึงขนาดเชื่อกันว่า ตกนรกชั่วนิรันดร์

    ลองพิจารณาความในพระไตรปิฎก พระพุทธองค์ท่านจะกล่าวทำนองนี้ว่า คนเราที่เวียนว่ายตายเกิดมานับชาติไม่ถ้วน หัวของคนแต่ละคนถูกตัดเอาหัวทุกชาติมากองรวมกันก็สูงกลัวภูเขาเสียอีก(ฟังแล้วเห็นภาพหัวเราที่กองทับกันจนสูงใหญ่เทียมเทือกเขาหิมาลัยก็ไม่เวอร์ไปเลยครับ) ไม่จบไม่สิ้น คำกล่าวนี้พ้องกับความกลัวนรกของคนเรา ที่กลัวว่า ตายไปตกนรกแล้วเราต้องโดนล่าและตัดหัวโดยผู้ทรมานในนรก จนนับครั้งไม่ถ้วนซ้ำไปซ้ำมาตลอดเวลาที่ยาวนานไม่ได้พักได้ผ่อนเลย

    วัฏฏสงสาร เมื่อพิจารณาแล้วจากคำตรัสสอนของพระพุทธองค์ วัฏฏสงสารนี่แหละ คือ นรกที่ใหญ่กว่านรกภูมิ ลองคิดดูสิครับ ทุกวันนี้ เราก็ประดุจอยู่ในนรก ที่ต้องทำอะไรซ้ำๆ เดิมในความทุกข์ เช่น ต้องทานข้าว ต้องเอาอาหารเก่าออก ถ้าไม่ทานก็ทุกข์ พอเอาออกก็ทุกข์ วนเวียนซ้ำเดิมตลอดจนกว่าชีวิตจะหาไม่ แถมตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ก็เสี่ยงตายอยู่ทุกวัน ไม่รู้ว่า จะโดนรถชน ล้อทับจนหัวเละเทะหรือเปล่า หรือโจรมาปาดคอชิงทรัพย์ หรือโดนไล่ออกจากงานต้องออกมาเด็ดยอดกระถินกิน เมื่อไร ยิ่งแก่ก็ยิ่งทุกข์ทรมานเป็นโรคภัย ทุกวันนี้ โรงพยาบาลมีคนไข้เต็มทุกวันทุกโรงพยาบาล

    แต่เพราะคนเรามักหลงลืมทุกข์เพราะอิริยาบถที่เปลี่ยนไปนั้แหละ เลยไม่รู้ว่า ทุกข์ตลอดเวลา เป็นภัยตลอดเวลา เมื่อใดที่เรายืนบนเรือที่ไม่มั่นคงเรามักกลัวตกหรือกลัวเรือล่ม ทุกวันนี้ มีอะไรที่มั่นคงบ้าง แม้พื้นดินก็ยังสั่นไหวตลอดเวลา กายเราเองก็เคลื่อนสั่นตลอดเวลา ยิ่งใจคนยิ่งหวั่นไหวตลอด นั้นแหละคือ ภัย

    ถ้าเราไม่กลัวภัย ไม่เห็นภัยตลอดเวลา ความเบื่อหน่ายก็จักไม่เกิด คนเราก็หลงระเริงไปเรื่อย

    ถ้าถามว่า ปฏิบัติอย่างไรให้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร

    มีหลายวิธีครับ

    แต่ที่เห็นจะชัดเจน คือ ประการแรก การประสบทุกข์ โศก โรคภัยด้วยตนเอง และใกล้ความตายของตนหรือของคนอื่น กับประการสอง การระลึกชาติเป็นจำนวนมาก

    ประการแรก ถ้าไม่ประสบและไม่อยากประสบ แต่อยากจะเข้าใจต้องทำกรรมฐานครับ สำหรับคนเราทั่วไป ขอให้นั่งสมาธิขัดเพชรตั้งแต่สองชั่วโมง ถึงหกชั่วโมงครับ จะเห็นทุกขเวทนาชัดเจน ทุกข์จนน้ำตาไหล ทรมานจนอยากจะตาย เลยล่ะครับ (ความจริงมันทุกข์ตลอด แต่อิริยาบถมันบังไว้นั้นแหละ จึงต้่องให้ลองนั่งนานๆ ) ข้อนี้ ต้องห้ามเข้าฌาณหลบนะครับ

    ประการที่สอง ระลึกชาติ อันนี้ ต้องอย่าไปตั้งความหวัง แต่ตั้งอธิษฐานขอบารมีตนและพุทธคุณช่วยครับ ระลึกได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่ได้ แต่กรรมฐานจะได้ผล ต้องทำติดต่อกันสองชั่วโมงทุกวันครับ ไม่เกิน เจ็ดปี น่าจะได้รู้กัน
     
  9. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    การปฏิบัติถึงขั้นนี้-ต้องปฏิบัติตามลำดับธรรมให้สม่ำเสมอใน ศิล สมาธิ ปัญญา หากทำจริงไม่นานจิตเข้าเขต สมถะ-วิปัสสนา จิตจะสงบ ระงับ-สันโดด ไปตามองค์ธรรมที่นำมาปฏิบัติ นิวรณ์ธรรมจะเกิดในจิต-ใจ หากทำจริง จิตจะเห็นภัยในวัฏฏะสงสารเอง จิตจะเริ่มวิปัสสนาจาก ข้อมูลที่สั่งสมมา สุ-จิ-ปุ-ลิ หรือ สั่งสมสุตตะนั่นเอง
     
  10. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
     
  11. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
    อันนี้ลงให้ผู้ที่เข้าถึงแล้วหรือผู้ที่ใกล้จะเข้าถึง ได้รู้เป็นแนวทางปฏิบัติครับ เหมือนกระจายส่งสาร คนที่พอมีบารมีธรรมอาจจะสะกิดใจบ้าง ในส่วนตัวผมแค่เผยแผ่ แต่ยังมิได้ปฏิบัติอย่างจริงจังจึงไม่สามารถจะอธิบายได้ในส่วนของสภาวะธรรมขั้นสูง ได้แต่เผยแผ่ที่หลวงปู่สอน ถ้าพี่มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับหลวงปู่ที่จะบอกผม ส่งมาทางแชทหรือข้อความครับ ผมใคร่อยากจะรู้ว่าพี่คิดเห็นเช่นไรและขอขอบคุณที่แนะนำครับ เชื่อว่าเป็นประโยชน์ในวันข้างหน้าอย่างแน่นอนครับ
     
  12. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    น้อง Aunyadhamเป็นคนเจตนาดีพี่เข้าใจดีคับ
    และพี่ก็เห็นด้วยในสิ่งที่น้องทำ
    และพี่ชอบนิสัยน้องนะคับ
    อย่างน้องไม่ต้องฝึกหรอกคับ
    เพราะน้องนั้นเป็นคนมีเมตตาลึกๆ
    ชอบช่วยเหลือคนอื่นๆเป็นทุน
    ซึ่งพอเชื่อได้ว่า ถ้ามันเกิดมีอะไรแล้วจะ
    เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นๆ
    เอาไว้เจอกันตัวเป็นๆก่อนนะคับ
    เด่วพี่ช่วยดึงของเก่าให้น้องเอง
    แบบไม่ต้องไปฝึกให้เมื่อยตุ้ม
    ในอนาคตอันไกล ได้หมดทุกกรรมฐาน
    ยกเว้นระดับจิตธาตุ ส่วนน้องก็ทำดีเพื่อรอวาระไป มีบางท่านที่น้องนำมาลง
    เป็นหนึ่งในท่านที่สอนพี่เช่นกัน
    เจอกับตัวถึงรู้. เข้าใจที่สื่อนะ
    น้องไม่ใช่คนแรกที่เคยทำให้
    ปล อนาคตจะเข้าใจ

     
  13. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
    ขอบคุณมากครับพี่ ผมเชื่อว่าพี่จะรักษาสัจจะที่ให้ไว้ ผมจะรอครับ อยากเจอพี่เหมือนกันครับ จริงๆผมห่างหายไปนานแต่อยู่ๆก็อยากกลับมาอีก หนึ่งในนั้นนึกถึงพี่ด้วย เพราะมีลางสังหรณ์ลึกๆว่าพี่จะมีอะไรดีๆชี้แนะผมแน่ๆ ผมจะรอครับ ในส่วนหลวงปู่ พี่พอจะเล่าให้ผมฟังได้ไหมครับ ผมอยากสัมผัสได้ถึงท่านครับ เล่าให้ฟังทางแชทก็ได้ครับ ขอบคุณครับพี่
     
  14. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
  15. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
    นี่คือรูปธรรมของหลวงปู่ครับ
     
  16. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
    หลวงปู่ ยกข้อความ ใน พระไตรปิฎก หรือ ใน บทพระธรรมจักกัปปวัตนสูตร ที่ว่า ยังกิญจิ สมุทะยะธัมมัง สัพพันตัง นิโรธะธัมมันติฯ ธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้น อวิชชา สังขาร วิญญาณ เป็นต้น หากพิจารณาดู การขจัดอวิชชา ย่อมทำให้รู้แจ้งเห็นจริงพ้นทุกข์ได้ เพราะเหตุต้นตอของกิเลสก็เพราะความไม่รู้แจ้งเห็นจริงในเหตุแห่งทุกข์นั้น นี่คือหลักชัย การทำลายอวิชชา ม่านกางกั้น การบรรลุธรรมนี่คือสิ่งที่นักปฏิบัติรู้กันอยู่แล้ว ต่อมา คือ ตัวสังขารความคิดปรุงแต่ง หลวงปู่เน้นจุดนี้เรื่องนี้มาก การปฏิบัติ ก็เน้นไปที่ตัวสังขาร วันหลังจะนำมาลงต่อครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...