เสียงธรรม เย ธัมมาฯ

ในห้อง 'บทสวดมนต์' ตั้งกระทู้โดย ภาคย์ศศิ, 12 มิถุนายน 2011.

  1. ภาคย์ศศิ

    ภาคย์ศศิ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +66
    พระคาถา...หัวใจพระพุทธศาสนา
    เย ธัมมา เหตุป ปะภะวา
    เต สังเหตุ ตะถาคะโต
    เต สัญจะโย นิโรโธจะ
    เอวัง วาที มหาสมโณ

    ธรรม.....ทั้งหลายมีเหตุเป็นแดนเกิด
    ตถาคตผู้ทรงคุณอันประเสริฐ ได้ตรัสถึง.....เหตุนั้น
    เมื่อสิ้น.....เหตุเหล่านั้น ทุกข์....ดับพลัน
    พระมหาสมณะ ทรงสอนสำคัญ อย่างนี้เสมอมา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. ภาคย์ศศิ

    ภาคย์ศศิ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +66
    พระสารีบุตรเถระ เอตทัคคะในทางผู้มีปัญญา

    ในสมัยนั้นไม่ห่างไกลจากกรุงราชคฤห์มากนัก ที่ตำบลนาลันทา มีหมู่บ้านพราหมณ์ ๒ หมู่บ้าน ชื่อ
    อุปติสสคาม และโกลิตคาม

    ในหมู่บ้านอุปติสสคาม มีหัวหน้าหมู่บ้านชื่อว่า วังคันตะ ภารยาชื่อว่า นางสารี มีบุตร ชื่อว่า อุปติสสะ แต่เพราะเป็นบุตรของนางสารี จึงนิยมเรียกกันว่า สารีบุตร

    ในหมู่บ้านโกลิตคาม มีภารยาของหัวหน้าหมู่บ้านชื่อว่า นางโมคคัลลี มีบุตรชื่อว่า โกลิตะ แต่นิยมเรียกกันว่า โมคคัลลานะ ตามชื่อของมารดา

    ทั้งสองตระกูลนี้ มีความเกี่ยวข้องเป็นสหายกันมานานถึง ๗ ชั่วอายุคนดังนั้น มาณพทั้งสอง จึงเป็นสหายกันดุจบรรพบุรุษ มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน เข้าศึกษาศิลปะวิทยาในสำนักของอาจารย์คนเดียวกันเมื่อจบการศึกษาก็เป็นเพื่อเที่ยวร่วมสุขร่วมทุกข์ หาความสนุกความสำราญ ดูการเล่นมหรสพตามประสาวัยรุ่น และให้รางวัลแก่ผู้แสดงบ้างตามโอกาสอันควร

    เบื่อโลกจึงออกบวช วันหนึ่งสหายทั้งสองพร้อมด้วยบริวาร ไปดูมหรสพด้วยกันเช่นเคย แต่ครั้งนี้มิได้มี
    ความสนุกยินดี เบิกบานใจเหมือนครั้งก่อน ๆ เลย ทั้งสองมีความคิดตรงกันว่า “ทั้งคนแสดงและทั้งคนดู ต่างก็มีอายุไม่ถึงร้อยปีก็จะตายกันหมด ไม่เห็นมีประโยชน์อะไรเลยกับการหาความสุขความสำราญแบบนี้ เราควรแสวงหาโมกขธรรม จะประเสริฐกว่า” ทั้งสองเมื่อทราบความรู้สึกและความประสงค์ของกันและกันแล้ว จึงตกลงกันนำบริวารฝ่ายละครึ่ง รวมได้ ๕๐๐ คน ออกบวช และปรึกษากันว่า “พวกเราควรจะไปบวชในสำนักของใคร และอาจารย์ไหนจึงจะดี”

    สมัยนั้น สญชัยปริพาชก เป็นอาจารย์เจ้าสำนักใหญ่ในเมืองราชคฤห์ มีคนเคารพนับถือและมีศิษย์ มีบริวารมากมาย มาณพทั้งสองจึงพากันเข้าไปขอบวช ฝากตัวเป็นศิษย์ศึกษาศิลปะวิทยาในสำนักนี้ สำนักของ สญชัยปริพาชก ตั้งแต่มาณพทั้งสองมาบวชอยู่ด้วยแล้วก็เจริญรุ่งเรืองด้วยลาสักการะ และคนเคารพนับถือมากขึ้น มาณพทั้งสองศึกษาอยู่ในสำนักนี้ไม่นาน ก็สิ้นความรู้ของอาจารย์ เมื่อถามถึงวิทยาการที่สูงขึ้นไปอีก อาจารย์ก็ไม่สามารถจะสอนให้ได้ จึงปรึกษากันว่า

    “การบวชอยู่ในสำนักนี้ไม่มีประโยชน์อะไร ลัทธินี้มิใช่ทางเข้าถึง โมกขธรรม เราควรพยายามแสวงหาอาจารย์ ผู้สามารถแสดงโมกขธรรมแก่เราได้”
    ดังนั้น ทั้งสองจึงทำสัญญาต่อกันว่า
    “ในระหว่างเราทั้งสอง ถ้าผู้ใดได้อมตธรรมก่อน ผู้นั้นจงบอกแก่กันให้รู้ด้วย”

    วันหนึ่ง พระอัสสชิ ซึ่งเป็นหนึ่งในจำนวนพระปัญจวัคคีย์ ที่พระพุทธองค์ทรงส่งไปประกาศพระศาสนา ได้จาริกมาถึงกรุงราชคฤห์ และเข้าไปบิณฑบาตในเมือง อุปติสสปริพาชก ออกจากอารามมาด้วยกิจธุระภายนอกเห็นท่านแสดงออกซึ่งปฏิปทาอันน่าเลื่อมใส จะก้าวไป หรือถอยกลับ จะเหยียดแขนหรือพับแขน จะเหลียวซ้ายแลขวา ดูน่าเลื่อมใสเรียบร้อยไปทุกอิริยาบถ ทอดจักษุแต่พอประมาณ มีอาการแปลกจากบรรพชิต ที่เคยเห็นมาแต่กาลก่อน อยากจะทราบว่า ท่านบวชในสำนักของใคร ใครเป็นศาสดาของท่าน แต่ก็มิอาจถามท่านได้เพราะมิในกาลเวลาอันสมควร จึงเดินตามไปห่าง ๆ เมื่อพระเถระได้รับอาหารพอสมควรแล้วจึงออกไปสู่ที่แห่งหนึ่งเพื่อทำภัตตกิจ อุปติสสปริพาชก จึงได้จัดปูลาดอาสนะ ถวายน้ำใช้น้ำฉัน และคอยเฝ้าปฏิบัติอยู่ เมื่อเสร็จภัตกิจแล้ว จึงกราบเรียนถามด้วยความเคารพว่า

    “ข้าแต่ท่านผู้มีอายุ อินทรีย์ของท่านผ่องใสยิ่งนัก ผิวพรรณของท่านก็หมดจดผ่องใส ท่านบวชในสำนักของใคร ใครเป็นศาสดาของท่าน และท่านชอบใจธรรมของใคร?”

    พระเถระตอบว่า

    “ปริพาชกผู้มีอายุ เราบวชจำเพาะพระมหาสมณะศากยบุตรผู้เสด็จออก จากศากยสกุล พระองค์เป็นศาสดาของเรา เราชอบใจธรรมของท่าน”

    “พระศาสดาของท่านสอนว่าอย่างไร?"

    พระเถระคิดว่า

    “ธรรมดาปริพาชกทั้งหลาย ย่อมเป็นปฏิปักษ์ต่อพระศาสนา ควรที่เราจะ
    แสดงความลึกซึ้งคัมภีร์ภาพแห่งพระธรรม”

    จึงกล่าวว่า

    “ผู้มีอายุ เราเป็นผู้บวชใหม่ มาสู่พระธรรมวินัยนี้ไม่นาน ไม่สามารถจะแสดงธรรมแก่
    ท่านโดยพิสดารได้ เราจักกล่าวแก่ท่านแต่โดยย่อพอรู้ความ”

    “ท่านสมณะ ท่านจงกล่าวแต่เนื้อความเถิด ข้าพเจ้าต้องการเฉพาะเนื้อความเท่านั้น”
    พระอัสสชิเถระ ได้ฟังคำของอุปติสสปริพาชกแล้ว จึงกล่าวหัวข้อธรรมมีใจความว่า

    เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา เตสํ เหตุ ตถาคโต เตสญฺจ โย นิโรโธ จ เอวํวาที มหาสมโณฯ


    ธรรมเหล่าใด มีเหตุเป็นแดนเกิด (เกิดแต่เหตุ) พระตถาคตเจ้า ทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้นและความดับแห่งธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะ ตรัสอย่างนี้

    อุปติสสะ เพียงได้ฟังหัวข้อธรรมนี้จากพระเถระเท่านั้นก็สำเร็จเป็นพระโสดาบัน เกิดธรรมจักษุ คือ ดวงตาเห็นธรรมว่า

    “สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งหมดมีความดับเป็นธรรมดา” ดังนี้ แล้วถามว่า

    “ข้าแต่ท่านผู้เจริญ เวลานี้พระบรมศาสดาของเราประทับอยู่ที่ไหน ขอรับ?"

    “ผู้มีอายุ พระองค์ประทับอยู่ที่พระเวฬุวันมหาวิหาร”

    “ถ้าอย่างนั้น นิมนต์พระคุณเจ้าไปก่อนเถิด ข้าพเจ้าจะกลับไปหาสหายก่อน และจะพากันไปเฝ้าพระบรมศาสดาต่อภายหลัง”

    อุปติสสะ กราบลาพระเถระแล้ว ทำประทักษิณ ๓ รอบแล้วรีบกลับไปสู่สำนักปริพาชก ส่วน โกลิตะ ผู้เป็นสหาย เห็นอุปติสสะเดินมาแต่ไกลด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ผิวพรรณมีสง่าราศีกว่าวันอื่น ๆ จึงคิดว่า “วันนี้ สหายของเรา คงได้พบอมตธรรมเป็นแน่” เมื่อสหายเข้ามาถึงจึงรีบสอบถาม ก็ได้ความตามที่คิดนั้น และเมื่ออุปติสสะแสดงหัวข้อธรรมให้ฟัง ก็ได้ดวงตาเห็นธรรมบรรลุเป็น พระโสดาบันเช่นเดียวกัน สองสหายตกลงที่จะพาบริวารไปเฝ้าพระบรมศาสดา จึงเข้าไปหาอาจารย์สญชัยปริพาชกชักชวนให้ร่วมเดินทางไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคด้วยกัน แต่อาจารสญชัยปริพาชก ผู้มีทิฏฐิแรงกล้าถือตนว่าเป็นเจ้าสำนักใหญ่มีคนเคารพนับถือมากมาย ไม่สามารถที่จะลดตัวลงไปเป็นศิษย์ใครได้จึงไม่ยอมไปด้วย ปล่อยให้สองสหายพาศิษย์ของตนไปเฝ้าพระบรมศาสดาแต่พอเห็นศิษย์ในสำนักออกไปคราวเดียวกันมากขนาดนั้น เห็นสำนักเกือบจะว่างเปล่า เหลือศิษย์อยู่เพียงไม่กี่คน จึงเกิดความเสียใจอย่างแรง และถึงแก่มรณีกรรมในเวลาต่อมา

    อุปติสสะ และ โกลิตะ พร้อมด้วยบริวารพากันไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ณ พระเวฬุวันมหาวิหาร ขณะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธรรมอยู่ท่ามกลางบริษัทสี่ ได้ทอดพระเนตรเห็นสองสหายพร้อมด้วยบริวาร เดินมาแต่ไกล จึงตรัสแก่ภิกษุทั้งหลายว่า

    “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปริพาชกสองสหายที่กำลังเดินมานั้น คือ คู่อัครสาวก ของตถาคต”

    เมื่อปริพาชกทั้งสองพร้อมด้วยบริวารมาถึงที่ประทับ กราบถวายบังคมแล้วนั่งในที่อันสมควร ได้สดับพระธรรมเทศนาจบลงแล้ว บรรดาบริวารทั้งหมดได้บรรลุพระอรหัตผล เว้นอุปติสสะและโกลิตะ ผู้เป็นหัวหน้า ต่อจากนั้นพระพุทธองค์ประทานการอุปสมบทแก่พวกเธอทั้งหมดด้วยวิธี เอหิภิกขุอุปสัมปทา และทรงบัญญัตินามให้ท่านอุปติสสะว่า “พระสารีบุตร” และให้ท่านโกลิตะว่า “พระโมคคัลลานะ” ตามมงคลนามของมารดา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2011
  3. ภาคย์ศศิ

    ภาคย์ศศิ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +66
    ขอความอนุเคราะห์ด้วยนะค่ะ

    เมื่อครั้งที่พระอัสสชิเถระ ได้ฟังคำของอุปติสสปริพาชกแล้ว จึงกล่าวหัวข้อธรรมมีใจความว่า

    เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา เตสํ เหตุ ตถาคโต เตสญฺจ โย นิโรโธ จ เอวํวาที มหาสมโณฯ


    ธรรมเหล่าใด มีเหตุเป็นแดนเกิด (เกิดแต่เหตุ) พระตถาคตเจ้า ทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้นและความดับแห่งธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะ ตรัสอย่างนี้

    แล้วยังครั้งไหนอีกบ้างค่ะที่พระคาถาเย ธัมมาฯ ได้ถูกกล่าวถึงบ้าง

    ขอขอบพระคุณอย่างยิ่ง
     
  4. ภาคย์ศศิ

    ภาคย์ศศิ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +66
    [b-hi]
     
  5. ภาคย์ศศิ

    ภาคย์ศศิ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +66
    ถอนสัญญาเลิกหนี้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. ภาคย์ศศิ

    ภาคย์ศศิ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +66
    hi.....

    [b-hi]
     
  7. ภาคย์ศศิ

    ภาคย์ศศิ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +66
  8. ภาคย์ศศิ

    ภาคย์ศศิ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +66
    พระภูมิพลพระพุทธเจ้าหลวง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. ภาคย์ศศิ

    ภาคย์ศศิ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +66
    พระภูมิพลพระพุทธเจ้าหลวง

    พระภูมิพลพระพุทธเจ้าหลวง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2011
  10. ภาคย์ศศิ

    ภาคย์ศศิ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +66
    สหโลกธาตุธรรม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. ภาคย์ศศิ

    ภาคย์ศศิ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +66
    กะระณียะเมตตะสุตตัง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. ภาคย์ศศิ

    ภาคย์ศศิ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +66
    ในหลวงขึ้นครองราชสมบัติ ๙ มิถุยายน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 3718x.jpg
      3718x.jpg
      ขนาดไฟล์:
      181.6 KB
      เปิดดู:
      500
  13. ภาคย์ศศิ

    ภาคย์ศศิ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +66
    สมเด็จพระนเรศวร
    สมเด็จพระเจ้าตากสิน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. ภาคย์ศศิ

    ภาคย์ศศิ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +66
    ๒ มหาราช ผู้ทรงกอบกู้เอกราช
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 01-Track 1.mp3
      ขนาดไฟล์:
      4.9 MB
      เปิดดู:
      839
  15. ภาคย์ศศิ

    ภาคย์ศศิ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +66
    ในหลวงของเรา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. ภาคย์ศศิ

    ภาคย์ศศิ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +66
    ผู้ปิดทองหลังพระ


    เพลง ผู้ปิดทองหลังพระ
    ศิลปิน คาราบาว

    คำร้อง / ทำนอง : ยืนยง โอภากุล


    เมื่อมายุ 19 พรรษา ทวยไทยทั่วหล้ากราบบังคมทูล
    โดยบุญญาบารมีเป็นที่ตั้ง ถึงกระนั้นยังไม่พอ
    พระราชกรณียกิจ หนักหน่วงเหน็ดเหนื่อยปานใดไม่ท้อ
    ประเทศไทยมีวันนี้หนอ ก็ใครเล่าพระเจ้าแผ่นดิน

    พระองค์ทรงเสียสละเพียงไหน มีใครได้เห็นได้ยิน
    ก็ใครหนอใครดวงใจใฝ่ถวิล เป็นผู้ปิดทองหลังพระ
    ผู้ปิดทองหลังพระ ผู้ปิดทองหลังพระ

    65 ปี ทำเพื่อราษฏร์ ทวยไทยทั้งชาติสมควรภาคภูมิ
    มีพระมหากษัตริย์เฝ้าคอยห่วงใย ทุ่มเทพระวรกายเพื่อเรา
    ค้นคิดแนวทางพระราชดำริ ตลอดการครองราชย์อันยืนยาว
    ในน้ำมีปลาในนามีข้าว ล้นเกล้าชาวไทยมีพระองค์ท่าน

    พระองค์ทรงเสียสละเพียงไหน มีใครเห็นใจสงสาร
    ก็ใครหนอใครค่ำเช้าเฝ้าทรงงาน เป็นผู้ปิดทองหลังพระ
    ผู้ปิดทองหลังพระ ผู้ปิดทองหลังพระ

    * พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพล อดุลยเดช
    มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
    ทรงสถิตย์เหนือเกล้าชาวไทย เป็นดวงใจของแผ่นดิน
    ทรงสถิตย์เหนือเกล้าชาวไทย ศูนย์รวมใจแผ่นดิน

    (ซ้ำ *)
    ศูนย์ดวงใจแผ่นดิน

    (ซ้ำ *)
    ศูนย์รวมพลังแห่งแผ่นดิน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. ภาคย์ศศิ

    ภาคย์ศศิ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +66
    รูปของปิรามิดฐาน 3 เหลี่ยม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. ภาคย์ศศิ

    ภาคย์ศศิ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +66
    ปิรามิด ฐาน 3 เหลี่ยมด้านเท่า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Pic_003.jpg
      Pic_003.jpg
      ขนาดไฟล์:
      71.1 KB
      เปิดดู:
      136
    • Pic_004.jpg
      Pic_004.jpg
      ขนาดไฟล์:
      72.9 KB
      เปิดดู:
      149
    • Pic_002.jpg
      Pic_002.jpg
      ขนาดไฟล์:
      75.8 KB
      เปิดดู:
      134
    • Pic_001.jpg
      Pic_001.jpg
      ขนาดไฟล์:
      98.8 KB
      เปิดดู:
      278
  19. ภาคย์ศศิ

    ภาคย์ศศิ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +66
    ปิรามิดฐาน 3 เหลี่ยมด้านเท่า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. ภาคย์ศศิ

    ภาคย์ศศิ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +66
    ปิรามิดฐานสามเหลี่ยมด้านเท่า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...