เสียงธรรม เสียงหลวงปู่กัสสปมุนี วัดปีปผลิวนาราม ระยอง สอนกรรมฐาน

ในห้อง 'สมาธิ - พระกรรมฐาน' ตั้งกระทู้โดย taeperok, 14 มีนาคม 2011.

  1. taeperok

    taeperok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    38
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +119
    [​IMG]

    เมื่อหลวงพ่อกัสสปมุนีลากรถไฟขึ้นเขาด้วยพลังจิต!!!!!

    เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อออกพรรษา ปวารณาปี พ.ศ. ๒๕๐๗ แล้ว หลวงพ่อฯ ก็ได้เดินทางไปยังประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ ๒๘ พ.ย. ๒๕๐๗ โดยสายการบิน ซี.พี.เอ. ร่วมกับคณะทัศนาจรแสวงบุญ ซึ่งมีทั้งพระ และฆราวาส อาทิเช่น ท่านเจ้าคุณราชปัญญาเมธี เจ้าคณะจังหวัดยะลา ท่านเจ้าคุณสิริสารโสภณ เจ้าคณะอำเภอยะลา หลวงพ่อทิม วัดช้างไห้ ผู้สร้างพระเครื่อง หลวงพ่อทวด อันลือลั่นไปทั่วประเทศ และท่านเจ้าคุณ ญาณวิริยาจารย์ วัดธรรมมงคล ซอยปุณณวิถี พระโขนง ซึ่งเป็นศิษย์เอก พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ฝ่ายฆราวาสก็มี นายเอื้อ บัวสรวง ธ.บ. และ เศรษฐศาสตร์มหาบัณฑิต นายน่วม นันทวิชัย นายกพุทธสมาคม สิงห์บุรี จุดมุ่งหมายของคณะจาริกแสวงบุญ คือจะพากันไปนมัสการ สังเวชนียสถาน ๔ แห่ง ด้วยความเคารพเลื่อมใสในพระพุทธคุณ และ เพื่อปลงธรรมสังเวช หลวงพ่อกัสสปนั้น ต้องการจะเดินทางต่อไป เพื่อไปจำศีลภาวนาที่เมือง “ฤาษีเกษ” อันเป็นเมืองของนักพรต ฤาษีชีไพร นักบำเพ็ญตบะ พวกนุ่งลมห่มฟ้า (ฑิฆัมพร) และ นักบวชนิกายต่างๆ

    การเดินทางไปนมัสการต้นศรี มหาโพธิ์ที่พุทธคยา ไปชมเมืองราชคฤห์ หรือรัฐพิหารในปัจจุบัน ไปเมืองพาราณสี แล้วขึ้นรถไฟไปยังตำบลสารนาถ คือ ป่าอิสิปตน มฤคทายวัน อันเป็นสถานที่ พระบรมศาสดาทรงแสดงปฐมเทศนา เสร็จสิ้นไปตามลำดับ ต่อจากนั้นก็ไปยังตำบลกุสินาราน์ สถานที่เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ซึ่งหลวงพ่อกัสสปมุนี เล่าถึงตอนนี้ว่า
    “รถได้พาคณะเรามาถึงเมือง กุสินาราน์ เวลาประมาณ ๙.๐๐ น. ความใฝ่ฝันของอาตมาภาพแต่อดีต ที่ใคร่จะได้เห็นเมืองกุสินาราน์ และสถานที่เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานยิ่งนัก บัดนี้ความใฝ่ฝันนั้น ความปรารถนาอันแน่วแน่นั้น ก็ได้บรรลุผลแล้ว ใครจะเดินล่วงหน้าไปแล้วก็ตาม อาตมาภาพยังคงยืนเหลียวไปโดยรอบ เพื่อพินิจพิจารณา บริเวณสถานที่นั้นให้เต็มตา
    แต่อนิจจา ! อันว่าป่าสาลวัน อันเป็นสวนที่แวะพักของเหล่ามัลละกษัตริย์ และเป็นที่เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานของพระบรมศาสดาของเรา คงมีเหลืออยู่แต่ชื่อ อันเป็นที่หมายรู้เท่านั้น เพราะบัดนี้มีสภาพเป็นที่โล่ง มีต้นไม้เบาบาง ปราศจากหมู่ และกลุ่มไม้ ต้นสาละ หรือต้นรังอินเดีย มีอยู่ไม่มากนัก แต่ทางการอินเดียเขาได้จัดรักษา และบำรุงอย่างดีมาก แม่น้ำหิรัญญวดี ที่ได้กล่าวไว้ในพระสูตรก็มิได้มี นี้ก็เป็นอนุสสติให้ระลึกพิจารณา ถึงความแปรปรวนแห่งสังขาร เครื่องผสมปรุงแต่ง ว่าไม่เที่ยง ย่อมแปรผันเปลี่ยนไป อาตมาสลดใจจึงรีบเดินตามหมู่พวกไป เห็นพวกเรากำลังขึ้นบันได เข้าสู่อาคารหลังหนึ่ง ทำแบบวิหาร อาตมาภาพจึงตามติดเข้าไป ที่นี่เอง คือที่ตั้งพระวิหาร ประดิษฐานพระพุทธปฏิมา ปางอนุฏฐานไสยาสน์ (คือปางเสด็จบรรทม โดยไม่ลุกอีกต่อไป) นายช่างปฏิมากรรม เขาปั้นเป็นพระพุทธรูปนอนตะแคงขวา แต่ไม่หลับพระเนตร เลยกลายเป็น พระพุทธปฏิมานอนลืมพระเนตร ช่างปั้นคงไม่ได้คิดถึงข้อนี้ เพราะเป็นช่างแขกอินเดีย ซึ่งพิจารณาดูแล้ว เห็นว่าผิดความจริงอย่างยิ่ง แต่ก็ประหลาดอย่างยิ่งอีกเหมือนกัน เพราะขณะที่อาตมาภาพยืนอยู่นั้น รู้สึกเหมือนกับว่า ได้เข้ามาเฝ้าเฉพาะพระพักตร์พระพุทธองค์ ซึ่งผิดกับสถานที่อื่นๆ เช่น ที่ต้นพระศรีมหาโพธิ์ อันเป็นที่ตรัสรู้ และ ที่สารนาถที่แสดงปฐมเทศนา เอ๊ะ... นี่ยังไงกัน ? ที่นี่เหมือนมีแม่เหล็ก อาตมาจึงพิงไม้เท้าไว้ที่ประตู ปลดย่ามลงจากบ่า ทรุดตัวลงคุกเข่าพร้อมกับเพื่อนสพรหมจารี จุดธูปเทียนน้อมอภิวาทถวายนมัสการบูชา ด้วยหัวใจอันวังเวง ดูเหมือนว่ามีอะไรอบอุ่นวนเวียนอยู่ใกล้ๆ และมีอะไรเย็นๆ พรมไปตามตัว มิใยใครจะลุกไปแล้ว อาตมาภาพก็ยังคงคุกเข่า พนมมือหลับตา ใจจดใจจ่ออยู่อย่างนั้น ช่างอบอุ่นร่มเย็น และสงบแท้ นี่เป็นความรู้สึกขณะนั้น จนคณะพากันออกไปหมด อาตมาภาพจึงได้ลุกขึ้นเดินเวียนประทักษิณ แล้วจะเดินออกประตู เห็นหลวงพ่อทิมวัดช้างไห้ กำลังยืนพนมมืออยู่ข้างมุมประตู ตาลืมจ้องดูที่พระพุทธรูป อาตมาจึงเอื้อมมือจะไปหยิบไม้เท้าที่พิงอยู่ ข้างประตู
    ทันใดนั้น อัศจรรย์ยิ่ง อัศจรรย์จริงๆ มีเสียงหนึ่งกระซิบที่หูเบาๆ แต่ชัดเจนว่า
    “ทำไมไม่กราบพระบาท! ทำไมไม่กราบพระบาท!”
    อะไรกัน อาตมาหันขวับไปดูหลวงพ่อทิมวัดช้างไห้ ก็เห็นกำลังยืนอยู่ไม่ห่างในท่าเดิม แล้วเป็นเสียงใคร? อาตมาจึงหันมาจะหยิบไม้เท้าอีก ก็มีเสียงกระซิบอีกอย่างชัดเจน อ่อนน้อมว่า
    “ ทำไมไม่กราบพระบาท! ทำไมไม่กราบพระบาท! ”
    อาตมาชะงัก ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง หันกลับเดินไป ทรุดคุกเข่าอยู่ที่ปลายพระบาทพระพุทธปฏิมาปางไสยาสน์เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน กราบแล้วกราบอีก แล้วพนมมือน้อมระลึกถึง พระพุทธคุณ และพุทธานุภาพ ที่ได้ทรงปกแผ่ไปเป็นอนันตเขต แม้เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานนานแล้ว แต่พุทธเกษตรนี้ยังกระจ่าง อีกนานไกล อาตมาภาพพนมมือ ค้อมตัวลงปลงธรรมสังเวช
    เสียงหลวงพ่อทิม วัดช้างไห้ สะอื้นเบาๆ อยู่ทางเบื้องหลัง ไม่ทราบว่าหลวงพ่อทิม มายืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไร อาตมาลุกขึ้น ถามท่านว่า
    “หลวงพ่อสะอื้นทำไม ?”
    “เห็นแล้วมันตื้นตันใจ บอกไม่ถูก”
    หลวงพ่อทิม ตอบเสียงสะอื้น เป็นคำตอบที่กลั่นออกมาจากหัวใจของพระสาวก ถึงแม้จะเกิดทีหลัง ห่างไกล นานถึงสองพันปีเศษก็ตาม ความผูกพันในพระพุทธบิดา ย่อมมีอยู่แก่สมณศากยบุตรพุทธชิโนรส ด้วยประการฉะนี้”

    วันเสาร์ที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๐๗ คณะของหลวงพ่อกัสสป ฉันอาหารเช้าแล้ว ได้เวลา ๙.๐๐ น. จึงพาพวกอุบาสกและอุบาสิกาออกเดินทาง ไปยังสถานีเนาก้า เพื่อไปยังสวนป่าลุมพินีวันในแคว้นเนปาลอันเป็นสถานที่พระบรมศาสดาทรง ประสูติ ถึงสถานีเนาก้าเวลา ๑๑.๐๐ น. แต่ เจ้ากรรมแท้ๆ ... ที่พนักงานรถไฟแขกอินเดียมันมักง่าย ตัดรถตู้คณะของหลวงพ่อกัสสปมุนีออกปล่อยทิ้งไว้ อยู่ห่างจากตัวสถานีเกือบสามร้อยเมตร ตรงที่รถตู้ถูกตัดออกนี้เป็นที่ลาดต่ำกว่าที่ตั้งสถานี และห่างจากที่รถบัสจอดเกือบครึ่งกิโลเมตร
    ใน คณะแสวงบุญของหลวงพ่อ มีอุบาสิกาอยู่ในวัยชราหลายคนจะต้องเดินไกล ทั้งตัวรถตู้ก็สูง บันไดก็ยิ่งลอยสูงขึ้นไปด้วย เพราะรถถูกตัดทิ้งไว้ในที่ลาดต่ำ แม้แต่ผู้ชายที่แข็งแรงอย่างนายเอื้อ บัวสรวง ก็ยังต้องเกร็งข้อโหนตัวลอยขึ้นไป ยิ่งเป็นพระ เป็นผู้หญิงยิ่งทุลักทุเลใหญ่ ทำให้นายสุวรรณ เจามหาสุข ผู้อำนวยการเดินทางในครั้งนี้ และนายเอื้อ บัวสรวงโมโหมาก ปัญหาจึงมีอยู่ว่า จะทำอย่างไรจึงจะให้ตู้รถแล่นขึ้นไปจอดบนชานชาลาเหนือสถานีได้
    ในที่สุดปรึกษาตกลงกันได้ว่า ให้คณะแสวงบุญที่ขึ้นไปก่อนลงมาจากรถเพื่อให้รถเบาขึ้น แล้วจ้างพวกแขกสองสามคน และเด็กแถวนั้นให้ช่วยกันดันรถ แต่เมื่อทำดูแล้วรถไม่ได้ขยับเขยื้อนเลย เพราะ ตู้รถไฟใหญ่กว่าตู้รถไฟในบ้านเมืองเรามาก มีน้ำหนักเป็นตันๆ และจะต้องดันให้เคลื่อนขึ้นที่สูงเสียด้วย มันต้องใช้ช้างสารฉุดถึงจะเขยื้อนขึ้นไปได้
    ตอนนี้นายเอื้อ บัวสรวงเห็นหมดหนทางที่จะพึ่งแรงคน จึงคิดจะพึ่งแรงบารมีของพระเสียแล้ว จึงได้หันมาอาราธนาขอร้อง อาจารย์วิริยังค์ (ท่านเจ้าคุณญาณวิริยาจารย์) ช่วยให้รถเคลื่อนด้วยอานุภาพที่ท่านมีอยู่ เพราะมองไม่เห็นใครที่จะช่วยได้ ก็ต้องพึ่งพระกันบ้าง
    ท่านพระอาจารย์วิริยังค์ ได้เข้าไปยืนข้างตู้รถไฟภาวนาอยู่สักครู่ก็ทำท่าดัน แล้วบอกให้ทุกๆ คนช่วยกันดันรถ แต่ดันเท่าไหร่ๆ รถก็ไม่มีทีท่าจะเขยื้อน
    นายเอื้อจึงได้หันมาอาราธนา ท่านเจ้าคุณเจ้าคณะจังหวัดยะลา ท่านเจ้าคุณเจ้าคณะอำเภอยะลาและหลวงพ่อทิมวัดช่างไห้ ขอให้ช่วยแสดงอานุภาพทำให้ตู้รถไฟเคลื่อนที่ แต่ท่านทั้งสามองค์ก็ตอบตรงๆ ว่าไม่ได้ฝึกมาทางนี้ คือไม่ได้ฝึกทางอภิญญา สุดท้ายนายเอื้อ บัวสรวงหมดหนทางอับจนปัญญา จึงได้ขอร้องให้ หลวงพ่อกัสสปมุนี ช่วยด้วย
    “ยังเหลือแต่หลวงพ่อกัสสป องค์เดียวเท่านั้น ผมเชื่อว่าคงจะไม่สิ้นหวังเสียทั้งหมด”
    นายเอื้อ บัวสรวง พูดค่อนข้างเสียงดังเปิดเผย พลางพนมมือนอบน้อม หลวงพ่อกัสสป จึงเอ่ยว่า
    “ทำไมมาเจาะจงอาตมา ก็ท่านเหล่านั้นยังรับไม่ไหว แล้วอาตมาภาพจะรับได้ยังไง”
    นายเอื้อ บังสรวง ได้ยืนกรานว่า
    “ถึงอย่างนั้น ก็ขอให้หลวงพ่อเห็นแก่ญาติโยมผู้หญิง และคนแก่ เถอะครับ ที่จะต้องโหนตัวขึ้นรถ”ว่าแล้วก็ไหว้อีก หลวงพ่อกัสสปเห็นนายเอื้อมีความมั่นใจเช่นนั้น จึงจำเป็นต้องช่วยสงเคราะห์ จึงบอกเบาๆ ว่า
    “โยมบอกพวกนั้นให้ดันรถพร้อมๆ กัน พอเห็นอาตมาเดินขึ้นหน้ารถก็ดันเลย”
    นายเอื้อก็ รับคำเตรียมอยู่ข้างตู้รถไฟ จากนั้นหลวงพ่อกัสสป ก็เดินขึ้นไปทางริมรั้วสถานี ครั้นพอถึงหน้ารถตู้ นายเอื้อก็ร้องบอกให้พวกนั้นดันรถ เสียงรถเคลื่อนดังครืด แล่นตามหลังหลวงพ่อกัสสปมาได้หน่อยหนึ่ง หลวงพ่อกัสสปจึงยื่นไม้เท้าให้นายเอื้อจับปลายไว้ นายเอื้อเอื้อมมือขวามาคว้าปลายไม้เท้าไว้ ส่วนมือซ้ายจับอยู่ที่ราวบันไดรถ หลวงพ่อจับหัวไม้เท้าไว้ข้างแล้วจูงนำหน้า เท่า นั้นเอง ตู้รถไฟอันใหญ่โตหนักอึ้ง ก็แล่นปราดๆ ขึ้นไปตามรางสู่สถานีอย่างง่ายดายน่ามหัศจรรย์ สร้างความตะลึงงันให้แก่ญาติโยมอุบาสกอุบาสิกาทั้งหลายที่ได้เห็นเหตุการณ์ ดังกล่าวต่อหน้าต่อตา สุดที่จะกล่าวพรรณาเป็นอักษรภาษาใดๆได้...!!!!!!
    นับว่าหลวงพ่อกัสสป ได้ฝังรากความมั่นใจให้แก่นายเอื้อ และญาติโยมในที่นั้นว่า อานุภาพ ของพุทธศาสนานั้น เป็นของมีจริง ที่พระสาวกของพระพุทธองค์ สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ เมื่อถึงคราวจำเป็น หรือวาระอันสมควรจะพึงแสดง! คณะแสวงบุญทัศนาจร ได้ท่องเที่ยวไปชมสถานที่ สำคัญๆ นอกเหนือจากสังเวชนียสถานทั้งสี่แห่ง แล้วอีกหลายแห่ง จนฉ่ำชื่นใจสมปรารถนาทั่วหน้ากัน จากนั้นก็ได้ถึงวันเวลาที่จะต้องแยกทางจากกัน โดยหลวงพ่อกัสสปได้แยกทาง ลงที่เมืองปัตนะ (เมืองปาตลีบุตร ครั้งพุทธกาล) เมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๐๗ เพื่อจะได้จาริกท่องเที่ยวไปตามลำพัง สององค์กับพระวิเวกนันทะ

    หลวงพ่อกัสสปมุนีเคยว่า สกุล"กัสสปะ"สมัยพุทธองค์มี 7 ท่าน คือ
    1.มหากัสสปะ
    2.อุรุเวลกัสสปะ
    3.นทีกัสสปะ
    4.คยากัสสปะ
    5.กุมารกัสสปะ
    6.อเจลกัสสปะ
    7.จุลกัสสปะ
    ซึ่งเป็นที่รู้กัน"ภายใน"ก็คือ หลวงพ่อกัสสปมุนีนั้น ก็คือท่าน "จุลกัสสปะ"แต่กาลก่อนนั่นเอง มาในชาตินี้ สมเด็จพระอุปัชฌาย์(สังฆราชป๋า วัดโพธิ์) จึงประทานนามเป็นพิเศษว่า "กัสสปมุนี" แทนชื่อจริงด้วยประการฉะนี้

    “หลวงพ่อกัสสปมุนีท่านเก่ง ท่านเหาะเหินเดินอากาศได้”
    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก อยุธยา


    หลวงพ่อกัสสปะมุนี สวดว่า " โอม นะโม อะโหโอม กัสสปมุนี อาราธะนานัง " 3 จบ
    --------------------------------------------------------

    ไฟส์เสียงนี้เป็นเสียงท่านนำสอนทำกรรมฐาน 60 นาที


    ไฟล์เสียงนี้ เป็นไฟล์เสียงสุดท้ายแล้วที่ผมจะหาได้ ขอแจกเป็นธรรมทาน
    ใครอยากได้คลิกโหลดเก็บไว้เลยนะครับ

    :)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. Manothong

    Manothong Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +74
    อะนุโมทะนาสาทุ
     
  3. ไข่เค็ม

    ไข่เค็ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +121
    อนุโมทนา ขอบคุณครับ
     
  4. ธรรมประทีป

    ธรรมประทีป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    2,208
    ค่าพลัง:
    +6,617
    อนุโมทนาครับ
     
  5. สันตติ

    สันตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +219
    อนุโมทนา ครับ
     
  6. 100ลีลา

    100ลีลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2008
    โพสต์:
    456
    ค่าพลัง:
    +1,855
    อนุโมทนาครับ:D
     
  7. ff_slide

    ff_slide สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอบคุณมากๆเลยครับบ

    อนุโมทนา สาธุครับ...........
     
  8. ปู นครนายก

    ปู นครนายก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2007
    โพสต์:
    357
    ค่าพลัง:
    +530
    ขอบคุณและโมทนาในธรรมทานครับ สาธุครับ
     
  9. maneemakkala

    maneemakkala สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    สาธุ
     
  10. burnt

    burnt Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +99
    อนุโมทนาครับ
     
  11. ล้ำ

    ล้ำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    132
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +70
    อนุโมทนาค่ะ
     
  12. อริย์ธํช

    อริย์ธํช สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +1
    อนุโมทนาคับ ขอบคุณมากๆที่มีสิ่งดีๆมาให้เสมอ
     
  13. Bung บุ๊ง

    Bung บุ๊ง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +0
    อนุโมทนาสาธุ มากๆครับ
     
  14. P.S._FabriNET

    P.S._FabriNET เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2010
    โพสต์:
    366
    ค่าพลัง:
    +803
    กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง อนุโมทนาสาธุครับ
     
  15. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,217
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    อนุโมทนาสาธุค่ะ
     
  16. สุโขสุขี

    สุโขสุขี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    914
    ค่าพลัง:
    +1,470
    อนุโมทนา สาธุๆๆๆๆ ครับ
     
  17. grai_kk

    grai_kk สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +1
    อนุโมทนา....สาธุ
     
  18. takaruk

    takaruk Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +52
    อนุโมทนา....สาธุ
     
  19. grai_kk

    grai_kk สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +1
    อนุโมทนาครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  20. เด็กสร้างบ้าน

    เด็กสร้างบ้าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,195
    ค่าพลัง:
    +538
    ขออนุโมทนาบุญกับท่านเจ้าของกระทู้ด้วยครับ สาธุ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...