เสียงธรรม รัตนสูตร(รัตนปริต)ประกอบดนตรี (Pali Version) บทสวดเพื่อป้องกันภัย ปัดเป่าอุปัทวันตรายให้หมดไป

ในห้อง 'บทสวดมนต์' ตั้งกระทู้โดย ไม่กินผัก, 12 เมษายน 2010.

  1. ไม่กินผัก

    ไม่กินผัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2010
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +597
    [​IMG]

    รัตนสูตร (รัตนปริต)

    ว่าด้วยรัตนทั้ง ๓ คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ สวดเพื่อปัดเป่าอุปัทวันตรายให้หมดไป


    ในสมัยพุทธกาล เมืองไพศาลี หรือเวสาลี นครหลวงแห่งอาณาจักรวัชชี มีการปกครองระบอบสามัคคีธรรม (คล้ายกับลักษณะสาธารณรัฐในปัจจุบัน)
    เป็นเมืองที่มั่งคั่งอุดมสมบูรณ์มีประชาชนอยู่หนาแน่นมีกำแพง ๓ ชั้น
    ซึ่งเรียกว่า "ตรีบูร" แต่ละชั้นห่างกันประมาณ ๔ กิโลเมตร
    มีปราสาทอุทยาน สระโบกขรณีเป็นจำนวนมาก
    ทางตอนเหนือของเมืองไพศาลีมีป่าใหญ่เป็นพืดขึ้นไปทางเหนือจนจดทิวเขาหิมาลัย เรียกว่าป่ามหาวัน
    มีผู้สร้างกุฏาคารศาลา (เรือนยอด) ถวายไว้เป็นที่ประทับพระพุทธเจ้า


    ต่อมา เมืองไพศาลีเกิดข้าวยากหมากแพงฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ข้าวกล้าแห่งเหี่ยวตาย เกิดทุพภิกขภัยใหญ่
    และมีโรคระบาด พวกคนยากคนจนอดอยากล้มตายลงเป็นจำนวนมาก
    ซากศพถูกนำไปทิ้งไว้นอกเมืองก็ส่งกลิ่นเหม็นตลบไปทั่ว
    พวกอมนุษย์ก็พากันเข้าเมือง
    คนยิ่งล้มตายกันมากขึ้น เกิดอหิวาตกโรคตามมา

    เมื่อเกิดภัย ๓ ประการคือ ทุพภิกขภัย (ข้าวยากหมากแพง) อมนุษยภัย (ภัยจากพวกอมนุษย์) และพยาธิภัย (ภัยที่เกิดจากโรคระบาด)
    ขึ้นในเมืองไพศาลีอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน กษัตริย์ลิจฉวีซึ่งมีจำนวนถึง ๗,๗๐๗ องค์ จึงให้ประชาชนประชุมพร้อมกันในสัณฐาคาร
    (ห้องประชุมใหญ่) เพื่อร่วมกันพิจารณาสอดส่องความประพฤติของบรรดากษัตริย์ทั้งหลายว่า ได้ทำความผิดอันใดไว้จึงทำให้เกิดภัยต่าง ๆ ดังกล่าว

    เมื่อไม่เห็นว่ากษัตริย์ทั้งหลายทำความผิดมีโทษอันใด จึงหาทางระงับภัย ๓ ประการนั้น
    โดยเห็นร่วมกันว่าควรกราบทูลนิมนต์พระพุทธเจ้า ซึ่งขณะนั้นประทับอยู่ที่พระนครราชคฤห์ นครหลวงของอาณาจักรมคธ
    จึงได้ส่งเจ้าลิจฉวี ๒ องค์ เป็นฑูตนำเครื่องราชบรรณาการไปถวายพระเจ้าพิมพิศาร ณ พระนครราชคฤห์ กราบทูลเรื่องราวให้ทรงทราบ
    และกราบทูลของอนุญาตินิมนต์พระพุทธเจ้าเสด็จนครไพศาลี พระเจ้าพิมพิสารได้ตรัสให้เจ้าลิฉวีไปกราบทูลนิมนต์ด้วยพระองค์เอง

    เจ้าลิจฉวีทั้งสองจึงได้ไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ทรงรับนิมนต์แล้วจึงทูลขอเวลาตกแต่งหนทางตั้งแต่เมื่องราชคฤห์
    ไปจนถึงฝั่งแม่น้ำคงคาเป็นระยะทางประมาณ ๘๐ กิโลเมตร และโปรดให้สร้างวิหารไว้สำหรับพักตามระยะทางอีก ๕ หลัง
    พระเจ้าพิมพิสารโปรดให้กั้นเศวตฉัตร (ร่มขาว) ถวายพระพุทธเจ้า ๒ คันและกั้นถวายภิกษุสงฆ์ที่ติดตามอีก ๕๐๐ รูป รูปละ ๑ คัน
    พระองค์ได้ตามเสด็จไปพร้อมด้วยข้าราชบริพาร ทรงถวายเครื่องสักการบูชา ของหอมและทรงบำเพ็ญกุศลถวายทานตลอดทาง
    ไปจนถึงฝั่งขวาของแม่น้ำคงคาง และทรงส่งข่าวสารไปยังเมืองไพศาลีให้ทราบว่า บัดนี้พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาถึงฝั่งแม่น้ำคงคาแล้ว

    พระเจ้าพิมพิสารโปรดให้จัดเรือ ๒ ลำ ตรึงขนานเข้าด้วยกันให้สร้างมณฑปขึ้นบนเรือขนาน
    แล้วกราบทูลนิมนต์พระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นประทับพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ ๕๐๐ รูป พระเจ้าพิมพิสารทรงพระดำเนินลงไปในน้ำ
    ลึกจนถึงพระศอ (คอ) แล้วทรงกราบทูลพระพุทธเจ้าว่า พรองค์จะรอคอยอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำคงคานี้จนกว่า พระบรมศาสดาจะเสด็จกลับ

    ทางเมืองไพศาลี ซึ่งตั้งอยู่ห่างฝั่งซ้ายของแม่น้ำคงคาขึ้นไปทางเหนือประมาณ ๔๐ กิโลเมตร
    เมื่อทราบข่าวว่าพระพุทธเจ้าทรงรับนิมนต์แล้ว ก็เตรียมปราบทางให้ราบเรียบ ตั้งแต่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำคงคาไปจนถึงเมืองไพศาลี
    และสร้างวิหารประจำไว้จำนวน ๓ หลัง เตรียมทำการบูชาเป็น ๒ เท่าของพระเจ้าพิมพิสารที่ทรงทำมาแล้ว
    เรือขนานนำพระพุทธเจ้าและภิกษุสงฆ์ ๕๐๐ รูป มาในแม่น้ำคงคาเป็นระยะทาง ๑๖ กิโลเมตร ก็ถึงเขตเมืองไพศาลี
    บรรดากษัตริย์ลิจฉวีก็พากันลุยนำลงรับเสด็จพระพุทธเจ้าในแม่น้ำคงคาลึกถึงพระศอเช่นกัน

    ครั้นเรือขนาบเทียบถึงฝั่ง พอพระพุทธเจ้าทรงยกพระบาทแรกย่างเหยียบฝั่งแม่น้ำคงคา
    กลุ่มเมฆมหึมาซึ่งแผ่กระจายตั้งเค้ามืดมิด ก็บันดาลให้ฝตตกลงมาห่าใหญ่ น้ำฝนไหลนองท่วมพื้นดินระดับน้ำสูงถึงเข่าบ้าง
    ถึงสะเอวบ้าง ถึงคอบ้าง พัดพาเอาซากศพลอยลงแม่น้ำคงคาไปหมด ทำให้ภาคพื้นดินบริสุทธิ์สะอาดโดยทั่วไป

    บรรดากษัตริย์สิจฉวีทั้งหลายก็นำเสด็จพระบรมศาสดาและภิกษุสงฆ์ ๕๐๐ รูปเข้าพัก ณ วิหารที่สร้างไว้
    แล้วถวายทานมากมายเป็น ๒ เท่าของพระเจ้าพิมพิสาร ให้กางเศวตฉัตรกั้นถวายพระพุทธเจ้า ๔ คันกั้นถวายพระภิกษุสงฆ์รูปละ ๒ คัน
    น้ำเสด็จพระพุทธดำเนินเป็นเวลา ๓ วัน ก็ถึงพระนครไพศาลี ขณะนั้นพระอินทร์ได้เสด็จพร้อมด้วยเหล่าทวยเทพมาชุมนุมอยู่ด้วย
    ทำให้พวกอมนุษย์ เกรงกลัวอำนาจพากันหลบหนีไป

    พระพุทธเจ้าเสด็จถึงประตูเมืองไพศาลีในเวลาเย็น ได้ตรัสให้พระอานนท์เรียน "รัตนสูตร"
    เพื่อเดินจาริกทำพระปริตไปในระหว่างกำแพง ๓ ชั้น (ตรีบูร) ในเมืองไพศาลีกับบรรดากุมารลิจฉวีแล้วตรัส "รัตนสูตร" ขึ้นในกาลครั้งนั้น
    ที่เรียกพระสูตรนี่ว่า "รัตนะ" เพราะหมายถึง พระรัตนตรัย คือ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะ

    เมื่อพระอานนท์เรียนรัตนสูตรจากพระพุทธเจ้าแล้ว ก็เอาบาตรของพระพุทธเจ้าใส่น้ำถือไปยืนที่ประตูเมือง
    พลางรำลึกถึงพระพุทธคุณ ตั้งแต่ทรงตั้งความปรถนาที่จะได้บรรลุพระโพธิญาณ จนถึงทรงแสดงธัมมจักกัปปวัตนสูตร
    และโลกุตรธรรม ๙ (คือมรรค ๔ ผล ๔ และนิพพาน ๑ ) แล้วเข้าไปภายในพระนคร เดินทำพระปริตไปในระหว่างกำแพงเมือง ๓ ชั้น
    ทำให้พวกอมนุษย์ที่ยังหลวงเหลืออยู่บ้างพากันหนีออกจากเมืองไปหมด พวกชาวเมืองจึงออกจากบ้านของตนถือดอกไม้และของหอม
    พากันตามบูชาพระอานนท์แห่ล้อมท่านมา พระอานนท์เดินทำพระปริตไปทั้งคืน

    ประชาชนชาวเมืองไพศาลีได้พร้อมใจกันตกแต่งสัณฐาคาร กลางพระนคร ด้วยของหอมและผูกเพดานประดับด้วยรัตนชาติ
    จัดตั้งอาสนะสำหรับพระพุทธเจ้า แล้วเชิญเสด็จพระบรมศาสดามาประทับในสัณฐาคาร พระภิกษุสงฆ์และกษัตริย์ลิจฉวี
    ตลอดจนประชาชนชาวเมืองไพศาลี ได้พากันมานั่งล้อมพระพุทธเจ้า พระอินทร์พร้อมเทพบริวารก็มาเฝ้าด้วย
    ครั้งพระอานนท์ทำพระปริตอารักขาทั่วพระนครแล้ว ก็กลับมาเฝ้าพระพุทธเจ้า พระบรมศาสดาจึงตรัสรัตนสูตรอีกครั้ง หนึ่งรวม ๑๔ คาถา
    แล้วพระอินทร์ได้ผูกคาถา (ฉันท์) ต่ออีก ๓ คาถา

    พระพุทธเจ้าได้ประทับอยู่ที่เมืองไพศาลี และตรัสเทศนารัตนสูตรทุกวันรวม ๗ วัน เมื่อทรงเห็นว่าภัยทุกอย่างสงบเรียบร้อยแล้ว
    จึงตรัสลากษัตริย์ลิจฉวีและชาว วัชชีทั้งหลายเสด็จกลับราชคฤห์ครั้งนี้ มีประชาชนมาบูชาสักการะถวายแก่พระองค์เป็นการยิ่งใหญ่
    เรียกว่า "คังโคโรหณสมาคม" คือการชุมนุมใหญ่ในโอกาสที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงแม่น้ำคงคา

    [SIZE=-1]บทสวดมีดังนี้ คือ[/SIZE]

    [SIZE=-1]ยานีธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ ภุมมานิ วา ยานิวะ อันตะลิกเข[/SIZE]
    [SIZE=-1]เหล่าภูตทั้งหลายทั้งที่อยู่ ณ ภาคพื้นก็ดี ทั้งที่อยู่ใน อากาศก็ดี ที่มาชุมนุมกันอยู่ ณ สถานที่นี้ก็ดี[/SIZE]

    [SIZE=-1]สัพเพวะ ภูตา สุมะนา ภะวันตุ[/SIZE]
    [SIZE=-1]ขอหมู่ภูตทั้งปวงนั้น จงเป็นผู้มีใจดีเถิด[/SIZE]

    [SIZE=-1]อะโถปิ สักกัจจะ สุณันตุ ภาสิตัง[/SIZE]
    [SIZE=-1] และเชิญฟังคำสดุดีพระรัตนตรัย อันข้าพเจ้าจักกล่าวโดยเคารพเถิด[/SIZE]

    [SIZE=-1]ตัสมา หิ ภูตา นิสาเมถะ สัพเพ[/SIZE]
    [SIZE=-1]ดูก่อนภูตทั้งหลาย เพราะเหตุทั้งแลขอท่านทั้งหลายทั้งปวงจงฟังข้าพเจ้าเถิด[/SIZE]

    [SIZE=-1]เมตตัง กะโรถะ มานุสิยา ปะชายะ[/SIZE]
    [SIZE=-1]ขอท่านทั้งหลาย จงหระทำเมตตาจิตในประชาชาวมนุษย์เถิด[/SIZE]

    [SIZE=-1]ทิวา จะ รัตโต จะหะรันติ เย พะลิง[/SIZE]
    [SIZE=-1]ซึ่งมนุษย์ทั้งหลาย ทำเทวตาพลีอยู่ทั้งกลางวันและกลางคืน[/SIZE]

    [SIZE=-1]ตัสมา หิ เน รักขะถะ อัปปะมัตตา[/SIZE]
    [SIZE=-1]เพราะเหตุนั้นแล ท่านทั้งหลาย จงเป็นผู้ไม่ประมาท ช่วยคุ้มครองรักษาเขา เหล่านั้นด้วยเถิด[/SIZE]

    [SIZE=-1]ยังกิญจิ วิตตัง อิธะ วา หุรัง วา[/SIZE]
    [SIZE=-1]ทรัพย์เครื่องปลื้มใจอันใดอันหนึ่งในโลกนี้ก็ดี ในโลกหน้าก็ดี[/SIZE]

    [SIZE=-1]สัคเคสุ วา ยัง ระตะนัง ปะณีตัง[/SIZE]
    [SIZE=-1] หรือรัตนะอันใด อันประณีตในสวรรค์[/SIZE]

    [SIZE=-1]นะ โน สะมัง อัตถิ ตะถาคะเตนะ[/SIZE]
    [SIZE=-1] ทรัพย์หรือรัตนะนั้น ๆ ที่จะเสมอด้วยพระคถาคตเจ้า ไม่มีเลย[/SIZE]

    [SIZE=-1]อิทัมปิ พุทเธ ระตะนัง ปะณีตัง[/SIZE]
    [SIZE=-1] แม้ข้อนี้จัดเป็นรัตนคุณอันประณีตในพระพุทธเจ้า[/SIZE]

    [SIZE=-1]เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ[/SIZE]
    [SIZE=-1] ด้วยคำสัจจ์นี้ ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีเถิด[/SIZE]

    [SIZE=-1]ขะยัง วิราคัง อะมะตัง ปะณีตัง[/SIZE]
    [SIZE=-1] พระศากยมุนีเจ้า ทรงมีพระหฤทัยดำรงมั่น[/SIZE]

    [SIZE=-1]ยะทัชฌะคา สักยะมุนี สะมาหิโต[/SIZE]
    [SIZE=-1] ได้ทรงบรรลุธรรมอันใด เป็นที่สิ้นกิเลส เป็นที่สิ้นราคะ เป็นอมตะธรรมอันประณีต[/SIZE]

    [SIZE=-1]นะ เตนะ ธัมเมนะ สะมัตถิ กิญจิ[/SIZE]
    [SIZE=-1] สิ่งใด ๆ ที่เสมอด้วยพระธรรมนั้น ย่อมไม่มี[/SIZE]

    [SIZE=-1]อิทัมปิ ธัมเม ระตะนัง ปะณีตัง[/SIZE]
    [SIZE=-1] แม้ข้อนี้จัดเป็นรัตนคุณอันประณีตในพระธรรม[/SIZE]

    [SIZE=-1]เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุฯ[/SIZE]
    [SIZE=-1] ด้วยคำสัจจ์นี้ ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีเถิด[/SIZE]

    [SIZE=-1]ยัมพุทธะเสฏโฐ ปะริวัณณะยี สุจิง[/SIZE]
    [SIZE=-1] พระพุทธเจ้าผู้ประเสริญสุด ทรงสรรเสริญแล้ว ซึ่งสมาธิอันใด, ว่าเป็นธรรมอันสะอาด[/SIZE]

    [SIZE=-1]สะมาธิมานันตะริกัญญะมาหุ[/SIZE]
    [SIZE=-1] บัณฑิตทั้งหลาย กล่าวถึงสมาธิอันใดว่าเป็นธรรมที่ให้ผลโดยลำดับ[/SIZE]

    [SIZE=-1]สะมาธินา เตนะ สะโม นะ วิชชะติ[/SIZE]
    [SIZE=-1] สมาธิอื่นที่เสมอด้วยสมาธินั้น ย่อมไม่มี[/SIZE]

    [SIZE=-1]อิทัมปิ ธัมเม ระตะนัง ปะณีตัง[/SIZE]
    [SIZE=-1] แม้ข้อนี้จัดเป็นรัตนคุณอันประณีตในพระธรรม[/SIZE]

    [SIZE=-1]เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุฯ[/SIZE]
    [SIZE=-1] ด้วยคำสัจจ์นี้ ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีเถิด[/SIZE]

    [SIZE=-1]เย ปุคคะลา อัฏฐะ สะตัง ปะสัฏฐา[/SIZE]
    [SIZE=-1] บุคคลเหล่าใด นับเรียงองค์ได้เป็น ๘[/SIZE]

    [SIZE=-1]จัตตาริ เอตานิ ยุคานิ โหนติ[/SIZE]
    [SIZE=-1] นับเป็นคู่ได้ ๔ คู่ อันสัตบุรุษทั้งหลายสรรเสริญแล้ว[/SIZE]

    [SIZE=-1]เต ทักขิเณยยา สุคะตัสสะ สาวะกา[/SIZE]
    [SIZE=-1] บุคคลเหล่านั้น เป็นสาวกของพระสุคตเจ้าเป็นผู้ควรแก่ทักษิณาทาน[/SIZE]

    [SIZE=-1]เอเตสุ ทินนานิ มะหัปผะลานิ[/SIZE]
    [SIZE=-1] ทานทั้งหลาย ที่บุคคลถวายในท่านเหล่านั้นย่อมมีผลเป็นอันมาก[/SIZE]

    [SIZE=-1]อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง[/SIZE]
    [SIZE=-1] แม้ข้อนี้ จัดเป็นรัตนคุณอันประณีตในพระสงฆ์[/SIZE]

    [SIZE=-1]เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุฯ[/SIZE]
    [SIZE=-1] ด้วยคำสัจจ์นี้ ขอความสวัสดีจงบังเกิดมีเถิด[/SIZE]

    [SIZE=-1]เย สุปปะยัตตา มะนะสา ทัฬเหนะ นิกกามิโน โคตะมะสาสะนัมหิ[/SIZE]
    [SIZE=-1] พระอริบุคคลทั้งหลายเหล่าใด มีใจอันมั่นคงไม่ยินดีในกามประกอบความเพียรดีแล้ว ในศาสนาพระโคดมเจ้า[/SIZE]

    [SIZE=-1]เต ปัตติปัตตา อะมะตัง วิคัยหะ[/SIZE]
    [SIZE=-1] พระอริบุคคลทั้งหลายเหล่านั้น บรรลุคุณอันควรบรรลุ คือพระอรหัตตผลแล้ว หยั่งเข้าสู่พระนิพพาน เป็นอารมณ์[/SIZE]

    [SIZE=-1]ลัทธา มุธา นิพพุติง ภุญชะมานา[/SIZE]
    [SIZE=-1] ได้ซึ่งความดับกิเลสโดยเปล่า ๆ แล้วเสวยอยู่พระนิพพาน อันเป็นเครื่องดับแห่งกิเลส[/SIZE]

    [SIZE=-1]อิทังปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง[/SIZE]
    [SIZE=-1] แม้ข้อนี้ จัดเป็นรัตนคุณอันประณีตในพระสงฆ์[/SIZE]

    [SIZE=-1]เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุฯ[/SIZE]
    [SIZE=-1] ด้วยคำสัจจ์นี้ ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีเถิด[/SIZE]

    [SIZE=-1]ยะถินทะขีโล ปะฐะวิง สิโต สิยา[/SIZE]
    [SIZE=-1] เสาเขื่อนที่ฝังลงดิน อย่างมั่นคงแล้ว[/SIZE]

    [SIZE=-1]จะตุพภิ วาเตภิ อะสัมปะกัมปิโย[/SIZE]
    [SIZE=-1] ลมทั้ง ๔ ทิศที่พัดมา ไม่พึงหวั่นไหวได้ ฉันใด[/SIZE]

    [SIZE=-1]ตะถูปะมัง สัปปุริสัง วะทามิ โย อะริยะสัจจานิ อะเวจจะ ปัสสะติ[/SIZE]
    [SIZE=-1] บุคคลใดย่อมเห็นอริยสัจทั้งหลายโดยไม่หวั่นไหว เราเรียกผู้นั้นว่าเป็นสัตบุรุษผู้ไม่หวั่นไหว อุปมาเหมือนเสาเขื่อนนั้น[/SIZE]

    [SIZE=-1]อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง[/SIZE]
    [SIZE=-1] แม้ข้อนี้ จัดเป็นรัตนคุณอันประณีตในพระสงฆ์[/SIZE]

    [SIZE=-1]เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุฯ[/SIZE]
    [SIZE=-1] ด้วยคำสัจจ์นี้ ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีเถิด[/SIZE]

    [SIZE=-1]เย อะริยะสัจจานิ วิภาวะยันติ คัมภีระปัญเญนะ สุเทสิตานิ[/SIZE]
    [SIZE=-1] บุคคลเหล่าใด ทำอริยสัจ ทั้งหลายอันพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้มีพระปัญญาอันลึกซึ้งทรงแสดงไว้ดีแล้ว ให้แจ่มแจ้งแก่ตนได้[/SIZE]

    [SIZE=-1]กิญจาปิ เต โหนติ ภุสัปปะมัตตา[/SIZE]
    [SIZE=-1] บุคคลเหล่านั้น ถึงจะเป็นผู้ประมาทอยู่มาก[/SIZE]

    [SIZE=-1]นะ เต ภะวัง อัฏฐะมะมาทิยันติ[/SIZE]
    [SIZE=-1] แต่ท่านก็ย่อมไม่ถือเอาภพมาเกิดในคำรพที่ ๘[/SIZE]

    [SIZE=-1]อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง[/SIZE]
    [SIZE=-1] แม้ข้อนี้ จัดเป็นรัตนคุณอันประณีตในพระสงฆ์[/SIZE]

    [SIZE=-1]เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุฯ[/SIZE]
    [SIZE=-1] ด้วยคำสัจจ์นี้ ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีเถิด[/SIZE]

    [SIZE=-1]สะหาวัสสะ ทัสสะนะสัมปะทายะ ตะยัส[/SIZE]
    [SIZE=-1] สังโยชน์ ๓ ประการคือสักกายทิฐิ, วิจิกิจฉา[/SIZE]

    [SIZE=-1]สุ ธัมมา ชะหิตา ภะวันติ สักกายะทัฏฐิ วิจิกิจฉิตัญจะ สีลัพพะตัง วาปิ ยะทัตถิ กิญจิ[/SIZE]
    [SIZE=-1] และสีลัพพตปรามาส ซึ่งเป็นกิเลสเครื่องผูกสัตว์ไว้ในภพ อันพระโสดาบันละได้แล้ว เพราะความถึงพร้อมแห่งญาณทัสนะ[/SIZE]

    [SIZE=-1]จะตูหะปาเยหิ จะ วิปปะมุตโต[/SIZE]
    [SIZE=-1] อนึ่งพระโสดาบันเป็นผู้พ้นได้แล้วจากอบายภูมิทั้ง ๔[/SIZE]

    [SIZE=-1]ฉะ จาภิฐานานิ อะภัพโพ กาตุง[/SIZE]
    [SIZE=-1] ทั้งไม่อาจที่จะทำอภิฐาน คือกรรมอันหนัก ๖ ประการ[/SIZE]

    [SIZE=-1]อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง[/SIZE]
    [SIZE=-1] แม้ข้อนี้ จัดเป็นรัตนคุณอันประณีตในพระสงฆ์[/SIZE]

    [SIZE=-1]เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุฯ[/SIZE]
    [SIZE=-1] ด้วยคำสัจจ์นี้ ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีเถิด[/SIZE]

    [SIZE=-1]กิญจาปิ โส กัมมัง กะโรติ ปาปะกัง กาเยนะ วาจายุทะ เจตะสา วา[/SIZE]
    [SIZE=-1] พระโสดาบันนั้น ยังทำความผิดเล็กน้อยทางกาย ทางวาจาหรือทางใจ อยู่บ้างก็จริง[/SIZE]

    [SIZE=-1]อะภัพโพ โส ตัสสะ ปะฏิจฉะทายะ[/SIZE]
    [SIZE=-1] พระโสดาบันนั้น ก็เป็นผู้ไม่ปกปิดความผิดนั้นไว้[/SIZE]

    [SIZE=-1]อะภัพพะตา ทิฏฐะปะทัสสะ วุตตา[/SIZE]
    [SIZE=-1] ความที่บุคคลผู้เข้าถึงกระแสพระนิพพานแล้วเป็นผู้ไม่ควรปกปิดความผิดไว้นี้ อันเราตถาคตกล่าวแล้ว[/SIZE]

    [SIZE=-1]อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง[/SIZE]
    [SIZE=-1] แม้ข้อนี้ จัดเป็นรัตนคุณอันประณีตในพะสงฆ์[/SIZE]

    [SIZE=-1]เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ[/SIZE]
    [SIZE=-1] ด้วยคำสัจจ์นี้ ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีเถิด[/SIZE]

    [SIZE=-1]วะนัปปะคุมเพ ยะถา ผุสสิตัคเค คิมหานะมาเส ปะฐะมัสมิง คิมเห[/SIZE]
    [SIZE=-1] พุ่มไม้ในป่า แตกยอดในเดือนต้นคิมหันต์แห่งคิมหันตฤดู ฉันใด[/SIZE]

    [SIZE=-1]ตะถูปะมัง ธัมมะวะรัง อะเทสะยิ[/SIZE]
    [SIZE=-1] พระตถาคตเจ้า ได้ทรงแสดงธรรมอันประเสริฐ[/SIZE]

    [SIZE=-1]นิพพานะคามิง ปะระมังหิตายะ[/SIZE]
    [SIZE=-1] ซึ่งเป็นหนทางให้ถึงพระนิพพาน เพื่อประโยชน์อย่างยิ่งแก่สัตว์ทั้งหลาย ก็มีอุปมาฉันนั้น[/SIZE]

    [SIZE=-1]อิทัมปิ พุทเธ ระตะนัง ปะณีตัง[/SIZE]
    [SIZE=-1] แม้ข้อนี้ก็เป็นรัตนคุณอันประณีตในพระพุทธเจ้า[/SIZE]

    [SIZE=-1]เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ[/SIZE]
    [SIZE=-1] ด้วยคำสัจจ์นี้ ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีเถิด[/SIZE]

    [SIZE=-1]วะโร วะรัญญู วะระโท วะราหะโร[/SIZE]
    [SIZE=-1] พระตถาคตเจ้า ทรงเป็นผู้ประเสริฐ ทรงเป็นผู้รู้สิ่งอันประเสริฐ ทรงเป็นผู้ให้สิ่งอันประเสริฐทรงเป็นผู้นำมาซึ่งสิ่งอันประเสริฐ[/SIZE]

    [SIZE=-1]อะนุตตะโร ธัมมะวะรัง อะเทสะยิ[/SIZE]
    [SIZE=-1] ทรงเป็นผู้ไม่มีใครยิ่งกว่า ได้ทรงแสดงแล้วซึ่งพระธรรมอันประเสริฐ[/SIZE]

    [SIZE=-1]อิทัมปิ พุทเธ ระตะนัง ปะณีตัง[/SIZE]
    [SIZE=-1] แม้ข้อนี้ก็เป็นรัตนคุณอันประณีตในพระพุทธเจ้า[/SIZE]

    [SIZE=-1]เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุฯ[/SIZE]
    [SIZE=-1] ด้วยคำสัจจ์นี้ ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีเถิด[/SIZE]

    [SIZE=-1]ขีณัง ปุราณัง นะวัง นัตถิ สัมภะวัง[/SIZE]
    [SIZE=-1] กรรมเก่าของพระอริยบุคคลเหล่าใดสิ้นแล้วกรรมใหม่ที่จะเกิดในภพใหม่ย่อมไม่มี[/SIZE]

    [SIZE=-1]วิรัตตะจิตตายะติเก ภะวัสมิง[/SIZE]
    [SIZE=-1] พระอริยบุคคลเหล่าใด มีจิตอันหน่ายแล้วในภพต่อไป[/SIZE]

    [SIZE=-1]เต ขีณะพีชา อะวิรุฬหิฉันทา[/SIZE]
    [SIZE=-1] พระอรหันต์เหล่านั้น มีพืชคือวิญญาณอันจะเกิดในภพต่อไปสิ้นแล้ว ไม่มีความพอใจที่จะเกิดอีกต่อไป[/SIZE]

    [SIZE=-1]นิพพันติ ธีรา ยะถายัมปะทีโป[/SIZE]
    [SIZE=-1] เป็นผู้มีปัญญา ย่อมนิพพาน เหมือนดังดวงประทีปที่ดับไป ฉะนั้น[/SIZE]

    [SIZE=-1]อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง[/SIZE]
    [SIZE=-1] แม้ข้อนี้ จัดเป็นรัตนคุณอันประณีตในพระสงฆ์[/SIZE]

    [SIZE=-1]เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ[/SIZE]
    [SIZE=-1] ด้วยคำสัจจ์นี้ ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีเถิด [/SIZE]

    [SIZE=-1]ยานีธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ ภุมมานิ วา ยานิวะ อันตะลิกเข[/SIZE]
    [SIZE=-1] ภูตประจำถิ่นเหล่าใด ประชุมกันแล้วในพระนครก็ดี เหล่าใดประชุมกันแล้วในอากาศก็ดี[/SIZE]

    [SIZE=-1]ตะถาคะตัง เทวะมะนุสสะปูชิตัง พุทธัง นะมัสสามะ สุวัตถิ โหตุ ฯ[/SIZE]
    [SIZE=-1] เราทั้งหลายจงนมัสการพระพุทธเจ้าผู้มาแล้ว ผู้ซึ่งเทวดาและมนุษย์บูชาแล้ว ขอความสุขสวัสดีจงมีเถิด[/SIZE]

    [SIZE=-1]ยานีธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ ภุมมานิ วา ยานิวะ อันตะลิกเข [/SIZE]
    [SIZE=-1]ภูตประจำถิ่นเหล่าใด ประชุมกันแล้วในพระนครก็ดี เหล่าใดประชุมกันแล้วในอากาศก็ดี[/SIZE]

    [SIZE=-1]ตะถาคะตัง เทวะมะนุสสะปูชิตัง ธัมมัง นะมัสสามะ สุวัตถิ โหตุ ฯ[/SIZE]
    [SIZE=-1] เราทั้งหลายจงนมัสการพระธรรมอันมาแล้ว อันเทวดาและมนุษย์บูชาแล้ว ขอความสุขสวัสดีจงมีเถิด[/SIZE]

    [SIZE=-1]ยานีธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ ภุมมานิ วา ยานิวะ อันตะลิกเข[/SIZE]
    [SIZE=-1] ภูตประจำถิ่นเหล่าใด ประชุมกันแล้วในพระนครก็ดี เหล่าใดประชุมกันแล้ว ในอากาศก็ดี[/SIZE]

    [SIZE=-1]ตะถาคะตัง เทวะมะนุสสะปูชิตัง สังฆัง นะมัสสามะ สุวัตถิ โหตุ ฯ[/SIZE]
    [SIZE=-1] เราทั้งหลายจงนมัสการพระสงฆ์ผู้มาแล้ว ผู้ซึ่งเทวดาและมนุษย์บูชาแล้ว ขอความสุขสวัสดีจงมีเถิด[/SIZE]

    -----------------------------------


    [FONT=&quot]** 13 เมษายนนี้ อย่าลืมมาร่วมให้ความสำคัญกับ "ผู้สูงอายุ" กันด้วยนะคะ[/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 เมษายน 2010
  2. lxbit

    lxbit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +371
    ขอบคุณครับ
     
  3. ake.susubda.phuket.

    ake.susubda.phuket. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +129
    อนุโมทนาสาธุคราบ...
     
  4. Binlarh08

    Binlarh08 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +1
    อนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ
     
  5. บ้านแสนสุข

    บ้านแสนสุข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    145
    ค่าพลัง:
    +453
    ขออนุโมทนาครับ สาธุ ๆ ๆ
     
  6. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,683
    ค่าพลัง:
    +9,239

    [​IMG]

    ขออนุโมทนาค่ะ

     
  7. เพื่อนทุกข์

    เพื่อนทุกข์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +30
    ขออนุโมทนาครับ
     
  8. LADLHUMKAEL

    LADLHUMKAEL สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +8
    ขอบคุณครับ

    เย็นสงบดีครับ สาธุ
     
  9. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,255
    ขออนุโมทนา สาธุ ๆ
    กับท่านทั้งหลายที่ได้เผยแพร่พระธรรม
    และทำบุญสร้างกุศลทุกอย่าง
    ในกาลนี้ด้วยครับ
    ทุกสรรพสิ่งทั้งหลายล้วนแต่
    ไม่เที่ยงแท้แน่นอน เป็นทุกข์มีภัยอันตราย ไม่มีตัวตนที่แท้จริง
    เกิดขึ้นแล้วก็ดับไปทั้งสิ้น
    อย่าไปยึดมั่นถือมั่นอะไรว่ามันเป็นของเราที่แท้จริงเลย
    ความสุขที่แท้จริง คือ การฝึกจิตเข้าถึง "พระนิพพาน"
    นิพพานัง ปัจจโย โหตุ
    นิพพานัง ปรมัง สุญญัง
    นิพพานัง ปรมัง สุขขัง
     
  10. PITINAT73

    PITINAT73 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2010
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +82
    กราบ อนุโมทนา สาธุ ครับ
     
  11. จิเจรุนิ

    จิเจรุนิ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2010
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +57
    อนุโมทนา สาธุ
     
  12. tah-trial

    tah-trial เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +107
    อนุโมทนา สาธุ ขอบคุณครับ
     
  13. กังหันลม

    กังหันลม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    402
    ค่าพลัง:
    +693
    รัตนะใดๆในโลกจะเท่าพุทธรัตนะไม่มี

    รัตนะใดๆในโลกจะท่าธรรมรัตนะไม่มี

    รัตนะใดๆในโลกจะเท่าสังฆรัตนะไม่มี

    กราบอนุโมทนาครับ
     
  14. mon11

    mon11 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +53
    อนุโมทนาครับ
     
  15. Zusana

    Zusana Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2010
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +26
    กำลังดวงตกเลยค่ะ
    ขออนุโมทนาด้วยนะค่ะ
     
  16. pazta

    pazta Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2010
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +41
    อนุโมทนาบุญด้วยคนค่ะ
     
  17. numd

    numd Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +43
    ขอบคุณครับ
     
  18. bowsita

    bowsita สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +0
    ขออนุโมทนาค่ะ
     
  19. อุทิศ ทองทวี

    อุทิศ ทองทวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    813
    ค่าพลัง:
    +617
    อนุโมทนา สาธุๆ ครับ
     
  20. รัตติธรรม

    รัตติธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2009
    โพสต์:
    127
    ค่าพลัง:
    +1,235
    กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...