ขอสอบถามเรื่องการทำสมาธิหน่อยครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย [หนุมาน], 5 พฤศจิกายน 2016.

  1. [หนุมาน]

    [หนุมาน] สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2016
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +3
    และอีกเรื่อง ครับ คือผม นั่งไป ไม่ เคย เจอ อะไร นิมิต สงแสง อะไรก็ไม่ เคยเจอ เลยสักนิด คนอื่นเจอ กันอย่างเดียวเลยอะครับ
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    พอจิตเริ่ม สงบ สงัด โดยหลักการ จะต้องออกพิจารณากิเลส นิวรณ์ อริยสัจจ

    แต่หลักการดังกล่าว จริงๆ จะต้อง สงบแนบแน่น จนเป็นฌาณอย่างใดอย่างหนึ่ง

    ทีนี้ คนเราสมัยนี้จะมี อินทรีย์ภาวนาแบบสมัยพุทธกาล มันยาก ถ้าเป็นคนเล่น
    เว็บเข้ามาส่อง แม้นจะไม่พูด แต่แวะเวียนมาเรื่อย หรือ ถ้ามี มือถือก็ดูเฟสบุค

    อะไรแบบนี้ จิตจะขาดกำลัง ขาดความเคบชินใน อาการของจิตสงบ ตั้งมั่น

    พอไม่คุ้น จิตที่เป็นกุศล ที่ใช้ในการเจริญปัญญา หากไปรอให้ จิตรวมเป็นฌาณ
    ก็มีหวังไม่ได้ยกขึ้นสู่ การฝึกหัดภาวนา

    ดังนั้น

    สำหรับคนที่ใช้อานาปานสติ พอจิตสงบ เหมือนจะหลับ หรือ หลับ หรือถอย
    จากหลับ หรือหลับอยู่แต่ก็เห็น กายหายใจของมันเอง

    ให้แยกธาตุแยกขันธ์ กำหนดรู้ หรือ รำพึงลงไปเลยว่า เห็น รูปขันธ์มันทำงาน
    ทีธาตุไหลเข้าไหลออก.....กรณี อานาปานสติ ไม่ต้องไปดูทั้งสี่ธาตุ ให้พิจารณา

    ธาตุลม เป็น random sampling ในการ ระลึกได้ถึง สภาวะ ไหลเข้า ไหลออก
    ของลม โดยไม่ต้องไปดู กายทั้งกายกำลังสูบลม เอาแค่ ระลึกได้ถึงการมีอยู่
    ของลม ที่เคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลง ยาวรู้วายาว สั้นรู้ว่าสั้น หายไปรู้ว่าหายไป
    [ มันไม่ได้หายไป ที่ระลึกได้ว่า หาย ก็อาศัย ระลึกถึง ลม นั่นแหละ ดังนั้น ลม
    มันไม่ได้หาย ...เพียงแต่จิต มันเห็น ความไม่เที่ยงของ ธาตุ จิตมันจะพราก
    ออกจาก สิ่งที่ปรากฏเป็นทุกขัง อนิจจัง อนัตตา ของมัน อย่างนั้น ]

    ดังนั้น หากระลึกถึง กองลมทั้งปวง (อันนี้ จะไม่ใช่ลมหายใจเข้า หายใจออก
    แล้ว แต่จะเป็น อะไรที่ไหว เคลื่อนไปเคลื่อนมา เย็นบ้าง ร้อนบ้าง แสบบ้าง
    จี้ลงเป็นจุดบ้าง ไหลไปเป็นกลุ่ม เป็นสายบ้าง ) ทั้งหมด คือ อาการไหวไป
    ของธาตุ ให้ระลึกไปเลย เห็น สภาวะธาตุลม

    เห็นแล้วได้อะไร

    ตรงเนี่ยะ ถ้ายังวิตก วิจาร ที่กองลม ...และเห็นความแปรปรวน จะเป็น การเห็น กาย
    ในกาย จริงๆ เอาเท่านี้ก็ได้ ถ้า ซักฟอกจิตอยู่ตรงนี้มากๆ เดี๋ยวเถอะ ไอ้ที่เห็นโน้น
    เห็นนี้ มันจะเกิด ......ถ้า ชาตินี้เกิดมาพร้อมจะบรรลุธรรม จิตจะรู้ว่า ไม่ต้องใส่ใจ
    การเห็นนั้นเห็นนี่ จิตมันจะเฉยๆ ต่อ พฤติจิต อภิญญา5 กระจอกงอกง่อย

    ถ้าข้ามตรงนี้ไปได้ ไม่ วิปลาส ไปเล่นนั้น อวดนี้ โม้โน้น ละเมอเพ้อ หูไว้หู ก็จะ
    ข้ามไปเห็น กองเวทนา ซึ่งจะเป็น อาการ ปิติ5 ซึ่งก็ยังแทงตลอดได้ด้วย
    กองลมทั้งปวง นั่นก็เพราะ จิตยังไม่พรากจาก รูปขันธ์ ตรงนี้ก็จะแสบๆ คันๆ
    มีอาการเหมือนเป็นไข้ หรือเป็นไข้ หรือ จะตาย หรือโน้น นี่ ไปอีกสักพักใหญ่
    ถ้าไม่โง่ ออกไปแก้กรรม ก็จะผ่านไปได้อีก

    พอผ่านมาได้ ตรงนี้จะเริ่มเห็นแล้วว่า ถ้ามาตรงนี้ได้ จะไม่ต้องถามใครแล้วว่า
    ภาวนาต่อยังไง เพราะอะไรที่เรียกว่า จิต จิตสังขาร มันจะเป็น สิกขาบทให้
    ยกพิจารณาแล้ว จิตตั้งมั่นก็จะรู้ จิตไม่ตั้งมั่นก็จะรู้

    จะภาวนาใช้อานาปานสติ เข้ากรรมฐาน ได้ทุกอริยาบท ไม่ต้องรอเวลา ไม่ต้อง
    รอกาลเทศะ ....แล้วถ้าผ่านตรงนี้ไปได้ จะรู้อีกอย่างว่า ไม่ต้องตั้งท่าการภาวนา
    เรียกตามแบบแผนว่า เราจักปล่อยจิต หายใจเข้า หายใจออก หาก ราคะ ไม่เกิด
    จะไม่เกิดน้ำหนักที่กาย ที่จิต จะเห็น ปัสสัทธิ [ ตามปริยัติจะเห็น วิราคะ จางคลาย สลัดคืนจิตไม่เหลือ ให้
    เปลี่ยน อุคหนิมิตจาก โลภะ โทษะ โมหะ มาเห็นตัวหยาบๆ เหล่านี้ก่อน แล้วกลับไปย้อนดู อกุศลมูลจิตต่อ ตรงนี้เป็น ศิลปนิดนึง ]


    พอเห็น ปัสสัทธิ คราวนี้ เพียงแต่ระลึกถึง สิกขาบท จิตจะตั้งมั่นเป็นสมาธิขึ้นมา
    ทันที และ จะไม่รักษาจิต จะเกิดปิติพึบพับทั้งวัน ทั้งคืน

    มันจะเป็นสมาธิก็ช่าง ไม่เป็นก็ช่าง ทั้งหมดจะเป็น การเจริญปัญญา
    ตามเห็นความไม่เที่ยง [ ซึ่งจะต้องมี ปิติ ปัสสัทธิ เป็น นามธรรม ที่ปรากฏที่จิต
    ถ้าไม่มี ให้กลับไปทำกรรมฐานตามรูปแบบเพิ่ม ..ก็อานาปานสตินั่นแหละ ]

    พอบริหารกรรมฐานได้แบบนี้ จะอาศัยระลึกจาก ราก คือ ตัวจิต นั่นแหละ
    ที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา

    พอมาถึงตรงนี้ได้ จะเกิดคำถามซ้ำเหมือนตอนเริ่มต้นภาวนา มันจะเกิดคำถาม
    เหมือนวันนี้ ว่า แล้วไงต่อ

    แต่จะเป็น คำถาม ที่เกิดไปเก้อๆ เราจะไม่เกิดอาการดิ้นรน แสวงหาคำตอบ

    ถ้ายังหาอยู่ ทำยังไงจึงจะดี จึงจะถูก แปลว่า ยังปรุงแต่งการปฏิบัติ ตรงไหน
    สักที่ ซึ่งจะหาไม่เจอหรอก แต่จะไม่ยาก สำหรับคนที่ไม่ทอดทิ้งการภาวนา

    ถ้าเจอนะ ปฏิปทาทุกอย่าง ควรกำหนดรู้



    ปล. จะเห็นว่า ไม่ได้ให้คำตอบ จนถึงที่สุด....ทั้งนี้เพื่อให้ ลงมือปฏิบัติ
    เพื่อเข้าไปพิสูจน์เอง การสนทนาเป็นเพียง สิ่งเชยๆ ที่ให้กันและกัน
    เพื่อให้มั่นใจว่า ภาวนาลำพังตนไปแบบนั้นแหละ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2016
  3. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    นิมิตของ อานาปานสติ คือ โลภะ โทษะ โมหะ
    ยกเห็น โลภะมูลจิต โทษะมูลจิต โมหะมูลจิตได้ จะถือว่า ได้ อุคหนิมิต

    ถ้า กำหนดเห็น จิตมีราคะ/โทษะ/โมหะ สติเกิดทัน จิตเห็นราคะ/โทษะ/โมหะ เกิด แล้วก็ดับ ตัดกิเลส
    ตทังคประหานได้ จะถือว่า ได้ ปฏิภาคนิมิต

    ฤทธิ คือ ปัญญา

    อิทธิฤทธิ คือ เห็น ปัญญาประหานกิเลส [ แต่เห็น ปัญญาไม่ประหานกิเลสก็ได้
    ..สาวก จะเห็นตัวนี้เพื่อให้เกิด ธรรมสังเวช เพื่อเป็นตัวส่งข้ามโคตร ]
     

แชร์หน้านี้

Loading...