สงสัยนิด...มีสติมีสมาธิแล้วยังหวือหวากันเหลือเกิน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้ว่าง, 5 ตุลาคม 2016.

  1. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    เป็นที่เข้าใจกันว่าจิตที่ได้รับการฝึกมา
    ดีแล้วย่อมมีพลังสมาธิในการเข้าถึงธรรม
    แต่ละขั้น ๆ ได้โดยลำดับแห่งความเพียร
    แต่สงสัยว่าจิตที่มีพลังเหล่านั้น เมื่อถึงเวลาแสดง
    ความคิดเห็นต่างๆทำไม
    จึงหวือหวาเหมือนขาดสติ บ่อยครั้งก็หวือหวาจนโดนใบเตือน
    บ้าง
    ใบแดงบ้าง
    นี้ ใช่เป็นผลสะท้อนจากสภาพแวดล้อมที่ปลุกเร้า
    จนคนส่วนใหญ่เตลิดหลงค้างมาจากข้างนอก
    ทำให้สติหลุดออกไปง่ายๆ
    จนไม่สามารถอยู่ในสภาวะตั้งมั่นได้ตลอดใช่หรือไม่ครับ
     
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    เรื่องของ จิตที่อยู่รวมในกายบุคคลนั้นๆครับ..(^_^)
    ทุกดวงจิตสุดท้ายก็มีเป้าหมายให้ถึงปลายทางเหมือนๆกันนั่นหละครับ
    แต่จะถึงไม่ถึง พ้นไม่พ้นเป็นอีกเรื่อง
    จะไปวิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์อะไรก็ไม่ได้หรอกครับ
    เพราะแม้แต่จิต ตัวเราเองทุกวันนี้
    มันก็ยังไม่ได้บอกว่า มันพร้อมจะทิ้งร่างกายนี้
    มันต้องอาศัยร่างกายอยู่ เพื่อหาอยู่หากิน
    เพื่อถ่ายอุจาระ เพื่อถ่ายปัสสาวะ เพื่อการสืบเผ่าพันธ์ ฯลฯ
    แต่ที่แน่ๆสุดท้ายจิตมันก็แยกจาก
    ร่างกายที่ตายเหมือนกันหมดนั่นหละครับ
    ปล.แล้ว ลุงแมว ไปรู้ได้ไงครับ
    ว่าจิตดวงไหนคือจิตที่มีสติครับ
    รู้ได้ไงว่าจิตดวงไหนมีสมาธิครับ
    หรือรู้ได้ไงจิตดวงไหนมีพลัง
    หรือรู้ได้ไงว่าจิตดวงไหนเข้าถึงธรรมหละครับ
    เพราะมันเป็นเรื่อง นามธรรมล้วนๆ
    ไม่ใช่รูปธรรมซักหน่อย ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับจิต
    มันไม่น่าที่จะเอาอะไรที่เห็นเป็นรูปธรรมมาด่วน
    วิเคราะห์ ตัดสิน วิพากษ์ วิจารณ์อะไรได้นะครับ
    ถามเฉยๆนะครับ ฝากไว้พิจารณา
    ไม่ต้องตอบก็ได้ครับ (^_^)
     
  3. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    โดยธรรมชาติแล้วจิตรับใช้ร่างกาย
    หรือร่างกายรับใช้จิตครับ
     
  4. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    อ่านดีดีนะลุงข้อความที่เขียนมันขัดแย้งกันอยู่ในตัวเองนะคับลุงลองอ่านดีดีนะถ้าข้อความมาจากตัวลุงจริงอ่านแล้วมันขัดแย้งกันคับเพราะถ้า....แล้วทำไม....ปัญหาคือแล้วถ้า....จะมีคำถามแบบนี้ไหม
     
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    เด่วลองอ่านที่จะอธิบายให้ฟังดูนะครับ
    ว่าจะพอเข้าใจอย่างไรนะครับ

    โดยธรรมชาติทั่วๆไปมันอาศัยซึ่งกันและกันครับ...
    และที่เคยได้ยินมา หรือรู้มาจากไหนก็ตาม
    มักจะยินคำว่า จิต(นามธรรม)เป็นนาย กาย(รูปธรรม)เป็นบ่าว
    หรือจิตเป็นประธานอะไรก็แล้วแต่นะครับ..
    และก็ต่างฝ่ายต่างทำงาน แต่อาศัยอยู่ร่วมกันครับ
    เด่วจะเล่าให้ฟังต่อไปครับ

    ทางกิริยา(นามธรรม)หมายความว่า ถ้าจิตไม่ปรุงร่วมก่อนกับความคิด
    ไม่ว่าจะเป็นความคิดที่เกิดจากภายนอกหรือภายในก็ตาม
    ก็จะไม่แสดงกิริยาอะไรต่างๆ
    โดยมีร่างกายร่วมแสดงไปด้วย(รูปธรรม)

    นี่คือทั่วๆไปนะครับ ลุงแมว
    ก็คือ (รูปธรรม + นามธรรม) ไปแล้ว
    และมันรวมเป็นเสมือนหนึ่งเดียวกันครับ...

    ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า ลุงแมว จะมองแบบไหนครับ...
    แต่โดยทั่วๆไป ถ้าจิตเราไม่เป็นกลางพอ
    เราก็จะมองเพียงแค่ด้านใดด้านหนึ่ง
    เพียงด้านเดียว(นามธรรม)หรือทางด้านจิตใจ
    หรือ มองพร้อมกันทั้งสองด้าน
    ก็ได้ครับ(นามธรรม [จิตใจ] + รูปธรรม [ร่างกาย] )
    อาจจะงง เด่วยกตัวอย่างนะครับ
    เช่น กรณีมีคน ฆ่าข่มขืนผู้เฒ่าหญิงจนเสียชีวิต
    นาย ก บอก ไอ้นี่มันเลว (นามธรรม)
    นาย ข บอก ไอ้นี่มันชั่ว (นามธรรม)
    นาย ค บอก ไอ้นี่มันบรรพบุรุษมันไม่สั่งสอน (สั่งสอนคือนามธรรม+
    บรรพบุรุษถ้ายังอยู่เป็นนามธรรม เสียชีวิตแล้วเป็นรูปธรรม)
    นาย ง บอก ไอ้หน้าเหงียก (มองรูปธรรม)
    นาย จ บอก ไอ้เหงียก ไอ้เลว(รูปธรรม + นามธรรม)
    นาย ฉ บอก เฉยๆ ไม่ใช่ญาติตรู(ไม่สนทั้งรูปธรรม + นามธรรม)
    นาย ช บอก ไอ้เหงียกไอ้เลวแต่ก็เฉยๆ
    (สนทั้งรูปธรรม + นามธรรม)และไม่สนใจในเวลาต่อมา
    นายๆทั้งหลาย ยังไม่จำเป็นจะต้องพูดกล่าวอะไรออกไป
    เพียงแค่คิดก็พอนะครับ ลุงแมวจะเห็นการทำงานของจิตได้
    ว่ามันสนใจหรือมันมองทางด้านไหนครับ นี่เป็นเบื้องต้นนะครับ

    ทีนี้ก็ต้องมาดูว่า แต่ละนายนั้น ปรุงต่ออะไรไหมอย่างไร
    นาย จ อาจจะเก็บความแค้นรอไปรอวันที่ตำรวจพามาทำแผน
    แล้วรอกระทืบซ้ำก็เป็นได้ นาย ก ด่าเสร็จแล้วก็อาจเฉยๆและก็ลืมไป
    นาย ข ด่าเสร็จแล้วก็ลืมไป พอเจอเรื่องใหม่ๆ ก็ไปสนใจเรื่องนั้นๆแทนก็ได้
    นาย ค ด่าลึกด่ายาวสุดท้ายก็ลืมไป และไปสนใจเรื่องอื่นๆก็ได้
    นาย ง ด่าอย่างเดียวตามกระแส
    สรุปว่า ไม่ว่านายๆไหน ไม่ว่าจะปรุงร่วมด้วยแบบไหน ณ ครั้งแรก
    ก็ไม่ได้จะเป็นตัวบอกได้ว่า ฆารกรเป็นอย่างไรจริงๆ ณ เวลานี้ครับ
    เพราะทุกนายนั้น ไม่มีใครเห็นตอนที่ ฆาตกรนั่นลงมือทำครับ
    และไม่มีใครทราบเหตุผลว่าทำไปทำไม ณ เวลานั้นครับ
    ดังนั้น ถึงได้บอกว่าให้เป็นกลางก่อน เพราะเราจะดูกันหรือดูอะไร
    ก็ตาม เราจะดูกันที่ปัจจุบันเท่านั้นครับ น่าจะตรงตามหลักพุทธศาสนานะครับ


    เพราะถ้าถามว่า ฆาตรกร เกิดมีสำนึกชั่วดีขึ้นมา ยอมรับทุกข้อกล่าวหา
    ขอถามว่า ลุงแมว คิดว่าเค้ายังเลวไหมหละครับ ณ เวลานั้น(นามธรรม)
    หรือถามว่า ถ้าเกิดเค้าจับอาบน้ำแต่งตัว หวีผมหล่อ หน้าขาวใส
    ถามว่า นาย ง นาย จ จะยังเรียกเค้าว่า ไอ้หน้าเหงียก อีกใหม่ครับ(รูปธรรม)

    ดังนั้นถึงพยายามเน้นว่า ให้เราเป็นกลางไว้ก่อนอย่าพึ่งไปด่วน
    ตัดสินวิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์อะไรครับ เราควรดูที่ปัจจุบันก็พอครับ
    ถ้าเรื่องรูปธรรมมันดูง่ายเพราะใครก็มองเห็น ถ้าไอ้อดีตหน้าเหงียก
    อาบน้ำแต่งตัวแล้วดันเหมือนดารา ณ ปัจจุบัน
    ใครจะด่าว่าหน้าเหงียก(รูปธรรม)ไหมหละครับ
    ถ้าปัจจุบันเค้า ยอมรับมีสำนึกแล้วและเตรียมรับผล
    ที่เค้าก็กระทำ จะยังไปว่าเค้ายังเลวอยู่ไหมหละครับ(นามธรรม)

    ดังนั้นถ้าเราไม่รู้ ณ ปัจจุบันนี้ได้ เราจึงความต้องวางเฉยๆ
    ใจเป็นกลางไว้ก่อนนั่นเองครับ เพราะไม่งั้นเราก็จะเอา
    เพียงแค่สิ่งที่เค้ากระทำ เท่าที่เรารับรู้มาเป็นตัวตัดสิน
    ว่าเค้าจะต้องเป็นอย่างโน้นนี่นั้น
    ซึ่งเอาไปเอามามันก็จะขัดแย้งกันเองอย่างเห็นได้ชัด

    นอกจากว่า ลุงจะรู้ทางด้านนามธรรม ณ ปัจจุบันไม่ใช่แค่ตัวอักษร
    ลุงถึงจะเกิดความสงสัยได้ การโดนใบเหลือง ใบแดง
    นั่นเป็นไปตามกฏระเบียบของแต่ละที่ เพื่อความอยู่ร่วมกัน
    ได้อย่างสงบสุขและความเป็นระเบียบตามสถานที่นั้นๆ
    แต่มันไม่สามารถที่จะเอามาวัดหรือวิเคราะห์ วิพากษ์
    วิจารณ์ได้ เพราะสาเหตุโน้นนั้นนี้ ถึงขั้นไปตัดสิน
    อะไรได้ว่าเค้าต้องเป็นอย่างไร
    เพราะมันเป็นอดีตไปแล้วทันที
    หลังจากที่มีการให้ใบเหลืองหรือใบแดงนั่นหละครับ

    ที่พูดก่อนหน้าคือแบบทั่วๆไปนะครับ
    ต่อมาจะพูดแบบไม่ค่อยจะทั่วไปครับ
    แต่ต้องไม่ลืมว่า แม้จิตจะเป็นหลักนั้น..
    และแม้ว่ามันจะต้องยังอาศัยพึ่งพาอาศัยร่างกายอยู่
    แต่มันก็แยกกันได้เวลาที่ต่าง
    ฝ่ายต่างทำงานครับ..


    ถึงแม้ว่าจิตจะมีการปรุงร่วมกับความคิด
    หรือปรุงร่วมกับ สติ สมาธิ ปัญญา
    ตบะ ญาน กำลังจิต ฯลฯ นั้นจิตก็สามารถ
    ที่จะทำงานข้ามร่างกายได้เช่นกัน
    และถึงแม้ไม่ปรุงร่วมกับที่กล่าวมาเลย
    จิตก็สามารถทำงานข้ามร่างกายได้เช่นกันครับ
    อาจจะงงนะครับ เด่วขอยกตัวอย่างนะครับ
    เช่น พระสงฆ์บางรูปที่ใครก็ยอมรับ ที่ด่า บรรพบุรุษ
    บุคคลที่ถามแบบไม่ค่อยฉลาด
    หรือ พระสงฆ์บางรูป ที่ผ่าตัดแล้วไม่ใช้ยาสลบ
    หรือ พระสงฆ์บางรูปที่ใช้แต่บารมีในการโปรดสัตว์
    หรือ พระสงฆ์บางรูปที่มีอัชฌาสัยในการสอนบุคคล ณ เวลานั้น
    แต่พูดจาปนไปด้วยคำหยาบคาย เราจะตัดสินท่านได้ไหมหละครับ
    ว่าท่านกล่าวแบบไม่มีสติ ว่าทำไมท่านไม่มีกำลังสมาธิ อะไรครับ

    ที่กล่าวมาล้วนแล้วแต่จิตมันเป็นไปของมันเองทั้งนั้นหละครับ
    มันแยกร่างกายไปแล้ว เพียงแต่เรายังมองเห็นร่างกายท่านอยู่
    แต่เราไม่รู้จริงๆหรอกครับ ว่ามันทำงานร่วมกันไหมระหว่างจิต
    กับร่างกาย ณ เวลานั้น หรือแค่จิตอาศัยอยู่เฉยๆ หรือแค่มีแต่กายเฉยๆ
    นั่นหละครับ พอเข้าใจที่ยกตัวอย่างเปรียบให้ฟังได้นะครับ
    ถ้าเราไม่มีเครื่องรู้แบบปัจจุบันกาล หรือไม่มีความสามารถ
    ในลักษณะทางด้านตาที่ดีกว่าปกติทั่วไปหน่อยบ้าง
    เราแทบจะไม่รู้อะไรเลยจริงๆหรอกครับ
    รู้มันก็เป็นการรู้แค่ภายนอก แต่เราไม่รู้ภายในอะไรหรอกครับ
    เราก็จะพูดๆไป ทั้งๆที่ไม่รู้ แต่เราก็จะพูดบอกว่าเรารู้เฉยๆนั่นหละครับ

    ถึงได้บอกว่า เราจึงยังตัดสินอะไรเลยไม่ได้ ณ เวลานั้น
    ถ้าจะพูดก็พูดให้เป็น ปัจจุบันกาล ณ เวลานั้น พูดแล้วคือจบ
    ยกเว้นว่า ตัวอย่าง ฆาตกร ยังไม่สำนึก ยังพยายาม
    สร้างภาพว่าตนเป็นคนดี ยังพยายาม จะฆ่าคนอยู่
    อย่างนี้ ถึงจะพอตัดสินได้จากพฤติกรรมที่แสดงออก
    ทางกาย วาจา เท่านั้นหละครับ

    ปล.พอเข้าใจนะครับ
     
  6. Prasit5000

    Prasit5000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +228
    ....ร่วมเสวนาด้วยคนนะครับ

    ...."โดยธรรมชาติแล้วจิตรับใช้ร่างกาย
    หรือร่างกายรับใช้จิตครับ...."


    ....ถ้าจิตเป็นอนัตตา ร่างกายก็เป็นอนัตตา แล้ว สิ่งที่เป็นอนัตตา จะเป็นเจ้าของ จะเป็นนายสิ่งอื่นได้อย่างไร

    ....ทีว่า จิตไม่เป็นเรา ไม่มีเราในจิต แล้วจิตก็เป็นแค่ธรรมชาติอันหนึ่งไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นเจ้าของสิ่งได

    ....กายกับจิตเป็นเพียงสิ่งพึ่งพาอาศัยกันดังที่ว่า เมื่อมี วิญญาณ จึงมีนามรูป เมื่อมี นามรูปจึงมีวิญญาณ
     
  7. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    คำตอบนี้ระดับที่ไม่ข้องกับโลกแล้ว ถึงจะเข้าใจและทำได้
     
  8. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ทีนี้ผู้ที่ยังข้องกับโลกครึ่งไปทางธรรมครึ่ง
    ไปไปมามา
    เลยบางครั้งปรุงอารมย์ได้ที่ แล้วมาแสดงความคิดเห็นที่โลกฟังแล้ว
    รู้สึกไม่ดี
    เป็นเลยตีค่า infraction เลย
    นี่เป็นเพราะวิบากหรือเปล่าฮะ
    ที่ทำให้โลกรู้สึกป่วนๆ
    แต่ฝ่ายธรรมแนะให้มองว่ามันเกิดเพื่อดับ
    แต่โลกก็รีบมาฟันธงว่าเป็นสิ่งชั่ว
    สิ่งเลว
    ถ้าเป็นวิบากใครก็หยุดสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ และต้องเดินร่วมทาง
    กันไปอย่างปล่อยวางถูกไหมครับ
    กระทบไป ปล่อยวางไปด้วยสติ
    มันเป็นความสนุกที่ควรออกหลีกเร้นหรือเสพไป
    ตามสภาพครับ
     
  9. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    586
    ค่าพลัง:
    +3,152
    ข้าพเจ้าขออนุโมทนาครับ

    ไม่ต้องเสพก็ได้ครับคุณ Neo ปล่อยไปเฉยๆอย่างนั้นแหละครับ

    จริงๆแล้ว มนุษย์ทุกคนที่ครบ 32 รู้ในปัจจุบันของตัวเองดี ว่าตัวเองทำอะไร อยู่ตรงไหน มีหรือไม่มี

    แต่ที่ยังสร้างกรรม ชดใช้กรรม ต่อไป เพราะ

    รู้ แต่ รู้ไม่รอบ หรือไม่แจ้งในความจริง
    รู้ แต่ ยังคงหลอกตัวเองและผู้อื่น

    ทุกอย่างเป็นไปโดยอุปทาน

    สุดท้ายนี้ขออย่าได้เชื่อถือหรือยึดมั่นในสิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไปเลย

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  10. Prasit5000

    Prasit5000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +228
    ....ฟังดูว่าที่ผมว่านั้น ดูไกลเกินไปใช่ใหมครับ

    ....อันที่จริงผมก็มิได้เป็นพวก บรรลุอะไรหรอกครับ

    ....ผมเข้าใจว่าธรรมะท่านสอนอย่างนั้นจริงๆ

    ... อุปมานะครับ เช่น มีรถคันหนึ่ง ระหว่างเครื่องยนต์ กับ ตัวรถ ใครเป็น ผู้รับใช้ใคร ก็ต่างทำหน้าที่ของใครของมัน และร่วมกันรับใช้ เจ้าของรถ นั้นเอง

    ...กาย กับใจ ก็ทำหน้าที่ของมัน เพื่อรับใช้เจ้าของ กายกับใจนั้นเอง

    ...ใครคือเจ้าของกายกับใจ

    ....เมื่อนำตัวมนุษย์แยกออกมาจะได้ จิต เจตสิค รูป นิพพาน

    ...จิต เจตสิค ก็คือนาม มีจิต หรือใจ อยุ่ในนั้น ส่วนรูปก็คือกาย ส่วนนิพพาน เป็นนามธรรม ที่ยึดเอากายและใจ ว่าเป็นของเขา ด้วยกิเลสสังโยชน์สิบเส้น

    ....มันเป็นสัจจะธรรม มิได้หมายถึงท่านจะอยู่ในระดับใหน

    ....สติก็คือจิต สัมปชัญญะคือการรู้สึกตัว ของนามธรรมอันนั้น
     
  11. ไม่มีเพศ

    ไม่มีเพศ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    134
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +66
    สี่ตีนยังรู้พลาดนักปราชณ์ยังรู้พลั้งคับ

    ต้องพิมพ์ไปด้วยอย่างมีสติมั้งคับ

    กระทู้บางกระทู้ก้อต้องเลี่ยงบ้าง

    รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดคนคับ
     
  12. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    มีสมาธินะพี่
    เพลงร๊อคก็ฟังได้
    ดีกว่าตอนไม่มีสมาธิอีก

    ตอนขับรถก็เหมือนกัน
    มันยุบยวบย๊าบ
    ลอยไปเรื่อยๆเบรคไม่ต้องอาศัยไหลและเดาใจคนข้างหน้า
    5555+
     
  13. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    อีกอย่างคนมีสมาธินี้แหละ
    ไม่ยอมถ้าไม่ผิด
    มาชี้ผิดเป็นถูกก็มันส์ไปเลย

    เจอมาแล้วไม่ยอมใง
    เพื่อนถามโห้นี้คนถือศิลปฎิบัติธรรมเหรอ
    เอ้อ
    ถือศิลปฎิบัติธรรมนะคะ
    ไม่ได้เป็นใบ้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ตุลาคม 2016
  14. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    ตัวหนังสือนี้มีพลังดีนะ
    5555+
    บวกหรือลบดีน๊าาาาา
     
  15. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    มันกลางนะ
    แต่พลังนี้ดิ
    ตัวใครตัวมันนะ
    จะไม่รอดเหมือนกัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...