เลือกซื้ออาหารอย่างไร ที่ไม่ถือว่าเป็นคนที่ติดรสชาติ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย somkiatfem, 1 ตุลาคม 2016.

  1. somkiatfem

    somkiatfem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2016
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +195
    เลือกซื้ออาหารอย่างไร ที่ไม่ถือว่าเป็นคนที่ติดรสชาติ
     
  2. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    เราเป็นอุบาสกอุบาสิกาไม่ใช่บรรพชิตฝ่ายธรรมยุติ ดังนั้นกินให้อร่อยก้อไม่ผิดค่ะ เพียงแต่ต้องเคร่งในศีล5นะ อย่าให้ศีลขาด
     
  3. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    แต่ถ้าถือศีล8ก้อเลือกอาหารที่เป็นประโยชน์กับร่างกาย และมีอินทรียสังวรศีลสำรวมขณะทาน ค่อยๆทาน ไม่ใช่มูมมามตะกละตะกลาม
     
  4. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,159
    ค่าพลัง:
    +1,231
    อย่าเลือกซื้ออาหารที่เราชอบไงครับ ให้เลือกแต่อาหารที่เราไม่ค่อยชอบหรือทานแล้วรู้สึกว่ามันไม่ค่อยอร่อย
    หรือไม่ก็พวกอาหารเจที่มีรสชาติจืดๆเลี่ยนๆ
    แต่โดยส่วนตัวแล้วผมมักจะเลือกซื้อแต่อาหารที่ชอบ
     
  5. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,159
    ค่าพลัง:
    +1,231
    เหตุผลเพราะ ในมรรคมีองค์ ๘ ข้อหนึ่งเขาบอกว่า สัมมาอาชีวะ การเลี้ยงชีวิตชอบ
    ซึ่งแสดงว่า ในการกินอาหารเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตนั้น เขาให้เลือกแต่อาหารที่ชอบ ผมก็เลย
    ต้องปฏิบัติตามนั้น
     
  6. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ฮี่ย เพิ่ม นินึง

    กินที่ชอบหนะถูก

    แต่ทุกคำที่กิน ให้เห็นความชอบเกิด จิตไหลไปพักนึง สุขเคลิ้มๆ

    พอสุขเคลิ้มๆ หากไม่กัดลิ้นตายเสียก่อน สุขที่เกิดในจิต จะทำให้
    เกิดอุเบกขา เป็นกลางต่อรสที่ชอบ การกินการเคีื้ยวจะยังคงเกิด
    ต่อเพราะมี ภาระ มีวิบาก ให้แบก จะคายก็ไม่ได้ จะกลืนเลยก็ไม่ได้

    พอความเป็นกลางดับ ให้กำหนดรู้ ความชอบดับ

    เสร็จแล้วก็ เกิดการแสวงหา ปริเยสนา อีก จึงส่องหาที่ชอบ
    ในสำรับอีก ส่วนใหญ่จะเปลี่ยนแปลง ไม่กินอันเดิม เพราะเห็นทุกข์
    พึ่งดับไป ปริฬาหะ จะทำให้ดิ้นรนสัดส่าย ไม่เที่ยง แปรปรวน ปิดบัง
    อวิชชา อริยสัจจ

    ได้คำใหม่ ก็ลืมกำหนดรู้ทุกข์ ที่ดับไป ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

    ยิ่งกิน เยิ่งเพลิน ยิ่งห่างไกลมรรคผล

    แต่ถ้า กินตามชอบ อย่างมี สัมมาสติ กำหนดรู้ มีสัมมาสังกัปปะ
    สัมมา.....................

    ก็จะสำเร็จธรรมได้แบบ พระโสณะ มีฤทธิ์มาก พร้อมด้วยปฏิสัมภิทา
     
  7. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ในพระไตรปิฏก มี พระท่านหนึ่ง .... พระพุทธองค์สั่งให้ไป
    บ้านอุบาสิกาท่านหนึ่ง แล้วให้ปฏิบัติธรรม ที่บ้านหลังนั้น ซึ่งที่
    บ้านหลังนั้นก็มี พระไปถือวิสาสะนั่งปฏิบัติธรรมที่นั่นเป็นจำนวนมาก

    พอได้ทานอาหารมือนึง ก็สำเร็จธรรมไปทีละลำดับ

    เพราะอาหารทานเข้าไปคำนึง ก็เกิด ปิติ สุข อุเบกขา กำหนดรู้อยู่

    จนถึงสำเร็จอนาคามี เลยเกิดสงสัย ทำไมทานอาหาร และปฏิบัติ
    ธรรมบ้านนี้แล้วได้ผล ก็เลย เล็งญาณกำหนดรู้อดีตชาติ

    เท่านั้นแหละ รุ่งเช้า จีวรบินเลย หนีกลับไปหาพระพุทธองค์
    แล้วไม่ยอมกลับไปอีก ใครไปสั่งให้กลับก็ไม่กลับ จนพระพุทธองค์
    ไปสั่งอีกที ท่านจึงยอม

    พอไปถึงบ้าน ก็กลัวตัวสั่น ไม่รับอาหาร ไม่กิน

    อุบาสิกาเลยกำหนดญาณบ้าง เลยไปเห็นว่า มีชาติหนึ่งเธอเคยฆ่า
    พระท่านนี้ตายอนาถ แต่ถ้ากำหนดถอยไปอีกชาติหนึ่ง จึงจะรู้ได้ว่า
    ทำไม อาหารเป็นสัปปายะ แก่การปฏิบัติได้ผลดี

    ก็เลยไปเจรจาบอกให้ ทำสมาธิ กำหนดญาณถอยไปอีกชาติ หลังจาก
    ชาติที่ถูกฆ่า

    พระท่านก็เลยลองกำหนดดู ก็อ๋อ แล้ว วกกลับมาเห็น ความไม่เที่ยง
    ของสังสารวัฏ

    " เดี๋ยวพ่อแง่ แม่งอน "

    " เดี๋ยวพ่อแง่ แม่งอน "

    " เดี๋ยวพ่อแง่ แม่งอน "

    จึงกำหนดรู้ว่า วาระของตน ไม่ใช่ว่าต้องไปนั่งรอให้กิเลสมันอ้างเลห์ ให้คนอื่น
    มันหลอกอาศัยเอาประโยชน์ในธุระที่ไปทำเองไม่ได้ วาระการปฏิบัติอยู่ ณ ปัจจุบันธรรมนี่
    สุดท้ายเลยสำเร็จธรรม

    นี่ก็เพราะ กินให้เป็นธรรม กินให้ถึงธรรม กินตามที่ชอบพร้อมกำหนดรู้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ตุลาคม 2016
  8. somkiatfem

    somkiatfem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2016
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +195
    ชอบๆ ครับ ได้แนวคิด
     
  9. somkiatfem

    somkiatfem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2016
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +195
    ส่วนตัวผมคิดว่า กินเพื่อนิพพาน ก็กินสารอาหารตามที่ร่างกายต้องการ ถ้ามีของอร่อยมาก หรือไม่อร่อยมาก เเต่ได้สารอาหารดีเหมือนๆคล้ายๆกัน ก็ถือว่า มีอย่างไหนก็กินอย่างนั้น ไม่ยึดติดว่า ต้องอาหารอย่างใดอย่างหนึ่ง อะไรก็ได้ ถ้าตัวเลือกในสายกลางนั้นมีจำกัด ครับ


    สำหรับท่านอื่นๆ อาจจะมีการกินเพื่อสิ่งอื่น หรือมุมุมองอื่นๆก็ตามชอบใจ ครับ
     
  10. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เอิ่ม...

    ถ้าใช้ วิธีกินอาหาร มาปฏิบัติ มันต้องมี พัฒนาการ หน่าคร้าบบ

    พัฒนาการของการกินอาหารแล้วไม่ติดในรสอาหาร ความวิจิตร
    ของการปรุง การตบแต่ง จะหายไป

    หายไปไหน

    หายไปสู่ อาหารสัปปายะ ที่ แม่ เคยทำให้ทานตอนเด็กๆ

    จะย้อนลงไปเรื่อยๆ จนถึง ข้าวคลุกผักบด ถั่วบด คลุกไข่ต้ม

    คลุกน้ำมูต คูถ เน่า ........

    เกินกว่านี้ จะจิตรวมแล้ว น้อมไปสู่ญาณทัศนะ 1ชาติบ้าง 2ชาติบ้าง
    10ชาติบ้าง 20ชาติบ้าง .....................40อสงไขยบ้าง



    ปล. เว้นแต่พึ่ง พ้นนรก หรือ เดรัจฉานตัวเล็กกว่านกกระจาบ มาสดๆร้อนๆ
    อันนี้ มืดสนิท ย้อนไม่ได้......ที่ย้อนไม่ได้ ไม่ใช่ว่า ย้อนไม่ได้ แต่ให้กำหนดรู้
    ตรงที่ ย้อนไม่ได้นั่นแหละ เป็น อกุศลธรรมตักเตือน แล้ว หยุด เป็นตัวสำเร็จ

    ปล.2 ส่วนพวกย้อนได้แต่มั่วๆ อันนี้ จะมี ผีมาจำแลงเป็นเทพ เป็นพระพุทธเจ้า
    มาหลอกต้ม ถามอะไรตอบได้ คนนั้นใคร คนนี้ใคร แต่ มั่วตลอดผิดสัจจเป็นนิจ
    โดนต้ม อันนี้ปิด วาระ ไป ยังไงก็ไม่มี วาระ......." พิสูจน์ธรรม ปัจจัตตัง+สัณทิฏฐิโก ดีที่สุด "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ตุลาคม 2016
  11. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ซื้ออาหารสำเร็จจะมองที่รูปลักษณ์เป็นหลัก
    เเละเลือกประเภทไขมันน้อย ส่วนรสชาติ
    ต้องเดาจากสีสรรของอาหาร
    ต้องเข้าใจประเภทของ
    อาหารว่าอย่างไหน
    รสอ่อนได้ อย่างไหนต้องรสจัด
    ซึ่งโดยมากจะจัดเกินควร
    จนเป็นโทษต่อร่างกาย
    ไม่ค่อยเคยมีความอยากกินไปจากบ้านแล้วเดินตามหา
    แต่ตัดสินใจเลือกตอนไปเห็นหน้าตา
    และประเภท กับความประณีตของชิ้นส่วนที่ประกอบรวมๆ
    กัน
    สรุปว่า ความประณีตมาก่อน ประเภทจะบอกความ
    อ่อนเข้มของรสชาดว่าจะมีโทษต่อร่างกาย
    หรือไม่
    เรื่องการติดในความอร่อยอยู่ท้ายๆครับ
    แต่โดยมากหน้าตาดีจะอร่อยแถมมาด้วยเสมอ
     
  12. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ดับความอยากก่อน
    แล้วถึงใช้สติพากายไปเลือกครับ
    พวกนี้เป็นกิเลสเล็กๆน้อยๆที่
    ไม่ควรมองข้ามดีแล้วที่มาถามครับ..
    อีกวิธีหนึ่งง่ายๆคือลองคลายที่เรารับประทานเข้าไป
    มาไว้บนมือแล้วเอาเข้าปากไปอีกรอบถ้าต้องการเรื่องการพิจารณานะครับ.
    เด่วมันจะค่อยๆลดเรื่องการปรุงแต่งได้เองในอนาคตครับ
    พวกการปรุงแต่งที่แค่ได้ยิน ได้เห็น
    แล้วร่างกายเกิดอาการน้ำลายสอต่างๆนั่นหละครับ
    ทางกิริยาก็คือมันปรุงเรียบร้อยไปแล้วครับ
    ค่อยๆเป็นค่อยๆไปนะครับ
     
  13. somkiatfem

    somkiatfem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2016
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +195
    หลังๆผม ผมพยายามนึกว่าทุกๆมื้อ เรากินธาตุดิน กินขี้บ้างครับ เเต่ผมก็ยังติดรสอยู่เเต่ลดลงไป25% ครับ ผมพยายามเก็บลายละเอียดตาม คุณ นพ ว่า

    เเละหลวงพ่อกล่าว คือ ฆ่ายุงมันยาก ตัวมันเล็กเเละเยอะด้วย 55 เชื้อโรคยิ่งเล็กกว่าเล่นเราตายได้เลย กิเลสที่เล็กก็เช่นกันครับ พี่น้องท่านผู้เจริญ
     
  14. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ตอนที่ฝึกเจริญสติ
    ท่านที่สอนก็จะเน้นเรื่องกิเลสเล็กๆน้อยๆนี่หละครับ
    อีกเรื่องก็คือ การอยากไปโน้นนี่นั้นครับ ให้ดับก่อนแล้วใช้สติพากายไปเช่นกันครับ
    เพราะว่า เรื่องเล็กๆน้อยที่เราดับนี่หละครับ จะมาช่วยหนุนให้เราเห็นเรื่อง
    ใหญ่ๆได้ดีขึ้นครับ และเรื่องเล็กๆน้อยที่เรามักมองข้ามไป
    มันมีส่วนช่วยหนุนในการคลายตัวได้เองตามธรรมชาติ
    ของจิตเรา โดยที่ไม่ต้องไปใช้บังคับ หรือใช้วิธีการใดๆคับ
    ไม่ว่า ตบะ ญาน ฌาณ กำลังจิต สมาธิ อะไรก็แล้วแต่
    ในขณะที่เราใช้ชีวิตปกติระหว่างวันได้ดีครับ..
    เราจะผลมัน ตอนที่เราลืมตาปกตินี่หละครับ เป็นเกณฑ์ครับ
    อย่าลืมประเด็นหนึ่งนะครับ การปรุงแต่งต่างๆที่เกิดขึ้นกับจิตเรานั้น
    ส่วนมาก มันก็มาจากเรื่องเล็กๆน้อยที่เรามักไม่ให้ความสำคัญทั้งนั้นหละครับ
    เป็นเหตุให้วันๆหนึ่งๆ จิตเราเกิดไม่รู้ตั้งกี่รอบ ทั้งๆที่เรากว่าจะนอนหลับ
    เราตื่นขึ้นมาใช้ชีวิตประจำวันเป็นสิบๆชั่วโมง โดยที่เรามาเจริญสติ
    เพียงแค่ไม่กี่นาที มันจึงเป็นเหตุให้เรามองข้ามเรื่องเล็กๆน้อย
    ที่มักจะทำให้จิตเกิดพวกนี้ไปอย่างคาดไม่ถึงครับ..

    เพราะฉนั้นสติทางธรรมที่ได้จากการเจริญสติครับ
    จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่ไม่ควรมองข้ามครับ
    เพราะมันเป็นพื้นฐานจริงๆที่เราควรจะต้องมี
    ถ้าตรงนี้เรายังไม่สร้าง เรายังไม่มี
    ก็ไม่ต้องไปพูดเรื่องปัญญาหรือวิปัสสนาอะไร
    ให้เสียเวลาครับ เพราะมันจะถูกอยู่ในแค่ส่วนของสมมุติ
    และมันก็ถือว่าเป็นปัญญาทางโลก แต่ไม่ใช่ไม่ดี
    พอใช้เป็นแนวทางให้จิตเดินปัญญาได้ แบบชั่วคราวเท่านั้น
    ไม่ได้ทำให้ จิตเรา ลด ละ คลาย กิเลสต่างๆได้จริงๆนั้นเองครับ
    หลวงพ่อมีชื่อ ท่านหนึ่งที่ยังมีชีวิตอยู่
    ท่านถึงได้กล่าวว่า ถ้ายังแยกรูปแยกนามไม่ได้
    ก็ไม่ต้องไปพูดเรื่อง วิปัสสนา นั่นหละครับ

    การรู้จักดับความอยากเล็กๆน้อยๆ เป็นเหตุให้เราไปถึง
    ขั้นที่จิตแยกรูปแยกนามได้เร็วขึ้นนั้นเองครับ..
    คือ การที่จิต สามารถแยกได้ว่า อะไรเป็นความคิด
    ที่ปรุ่งร่วมกับตัวจิต. อะไรเป็นความคิดที่เกิดจาก
    ขันธ์ ๕ ส่วนนามธรรมซึ่งเป็นฝ่ายอารมย์ จิตกระเพื่อมเป็นอย่างไร

    กิริยาที่จิตรวมกับความคิดเป็นอย่างไร กิริยาที่จิตรวมกับ
    ขันธ์ ๕ นามธรรมเป็นอย่างไร เข้าใจและเห็นกิริยาต่างๆตรงนี้ได้
    เราถึงจะเริ่มเดินปัญญาได้ เพราะเราจะทราบกิริยาที่จิตเป็น
    กลางจริงๆที่ไม่มีทั้ง ความคิดจากจิตหรือความคิดตนเอง
    รวมทั้งความคิดที่ผุดเข้ามาแทรกโดยไม่ได้ตั้งใจมาปรุงร่วม
    ต้องประมาณเห็นกิริยาต่างๆอย่างที่กล่าวได้
    ก็จะเริ่มเดินปัญญาเพื่อลด ละ คลาย กิเลสได้จริงครับ..
    อย่าลืมว่า พวกนี้ล้วนแล้วแต่ส่งเสริม ผลสำเร็จ
    ในการฝึกกรรมฐานพิเศษต่างๆของเราให้เข้าถึง
    ได้เร็วขึ้นด้วยครับ ซึ่งถือว่าเป็นพื้นฐานที่สำคัญ
    ที่ไม่ควรมองข้ามครับ (^_^)
     
  15. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,159
    ค่าพลัง:
    +1,231
    ไม่ทราบว่า ท่าน จขกท.และสมาชิกท่านอื่นๆปัจจุบันนี้ดื่มน้ำอะไรกัน
    สำหรับผมแล้วในวัยเด็ก ดื่มน้ำบ่อ น้ำคลอง หรือน้ำฝนที่รอจากชายคาได้
    แต่พอเข้ามาอยู่ในเมือง ปัจจุบันนี้ แม้แต่นำประปาที่ผ่านการเก็บอยู่ในแท้ง
    แต่ใสแจ๋วก็ยังดื่มไม่ได้ เพราะรู้สึกว่ามันไม่ค่อยสะอาด ถ้าจะดื่มน้ำประปา
    ก็ต้องผ่านเครื่องกรอง หรือต้องนำมาต้มให้เดือดก่อน น้ำฝนก็ดื่มไม่ได้
    ต้องดื่มน้ำบรรจุขวดที่วางขายอย่างเดียว
    ไม่รู้เหมือนกันนะ ปัจจุบันนี้ถ้าจะให้กลับไปดื่มน้ำบ่อน้ำคลองก็คงไม่กล้าดื่ม
    แม้ว่ามันจะใสสะอาดเพียงใดก็ตาม เพราะกลัวว่าจะมีสิ่งปนเปื้อนมากับน้ำ
    หรือพวกพยาธิที่ลอยมากับน้ำ...
    ก็แปลกดีเหมือนกันที่ต้องซื้อน้ำขวดดื่ม...
     
  16. somkiatfem

    somkiatfem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2016
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +195
    ลึกซึ้ง ครับ ลึกๆเเล้วผมก็สงสัยว่า ถ้าเราไม่ปะทะกับกิเลสโดยตรง เพียงเพราะว่า สิ่งเเวดล้อมเราดีมาก เเละดีพอตลอดชีวิตของเรานั้น บางคนอาจจะเข้าใจผิดว่าตัดกิเลสได้เเล้ว เเต่อีกกรณีหนึ่ง คำว่าจิตสุดท้าย มันก็ว่างจากกิเลสจริงๆ ด้วยหลายๆปัจจัยทั้ง ชาญ หมอดี ที่อยู่ดี พี่น้องลูกหลานดี สุดท้ายตายดี จังหวะนั้นกิเลสไม่สำเเดง จะนิพพานได้ไหม ผมก็คงต้องสงสัยต่อไป ไม่สามารถตัดสินได้ 55 เพื่อความชัวล์ ขยันตัดให้ได้ดีกว่า ผมไม่รู้นะว่าใครเป็นคนตัดสิน ว่า คุณ นิพพานได้นะ เเต่รู้ว่า ท่าน ยม ตัดสิน คนไป นรก สวรรค์ได้ น่าพิจ
     
  17. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    ถึงสิ่งแวดล้อมไม่มีเรื่องให้กระทบใจ หรือทุกข์ใจก็ไม่ได้หมายถึงจิตว่างจากกิเลศ ถ้าเรายังพอใจในสิ่งที่แวดล้อมนั้น และทุกข์เมื่อสูญเสียมันไปนี่ก็คือตัณหา อยากได้ อยากมี ไม่อยากได้ ไม่อยากมี จิตเกิดการปรุงแต่งไปเรียบร้อย ปรุงแต่งด้วยความคิด คำพูด การกระทำ เช่น เราคิดว่าอยากได้ พูดว่าอยากได้ แสดงออกว่าอยากได้ มีความคิดซ้ำๆ วนไปวนมาว่าอยากได้ และตอบสนองต่อมัน ก็ทำให้เราเชื่อไปว่าเราต้องการมัน หรือขาดมันไม่ได้ การปรุงแต่งเหล่านี้สังขารเหล่านี้ต้องระวังทุกความคิด คำพูด การกระทำ ว่าปรุงแต่งให้เราชอบหรือไม่ชอบมันหรือเปล่า เพื่อที่จะไม่ติดกับดักของสิ่งที่เราปรุงแต่งขึ้นมาเอง ต้องระวังกายสังขาร วจีสังขาร จิตสังขาร ว่าปรุงแต่งความจริงอะไรขึ้นมา
     
  18. somkiatfem

    somkiatfem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2016
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +195
    เรียนถาม ถ้าชอบในนิพพาน เป็นกิเลส ไหมครับ
     
  19. hydraxis

    hydraxis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +529
    ผมกินเร็วไม่ค่อยกำหนดสติในการรับรส อย่างนี้ผิดไหม อาจจะเพราะเคยเป็นหมูมาชาติก่อนๆเลยกินมูมมาม 555+ แต่ตอนเป็นพระนี้ต้อง เคี้ยวหนอกลืนหนอเลยทีเดียว
     
  20. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    อาหารกินเพื่ออยู่จริง
    แต่ต้องระวังและใส่ใจในเรื่องไขมัน และ
    ความจัดจ้านของเครื่องปรุง เช่นเค็มจัด หวานจัด มันจัด
    เปรี้บวจัด
    อันเนื่องมาจากความบกพร่องโดยไม่มีเจตนาของผู้ปรุง
    อาหาร
    ทำให้ร่างกายถูกบั่นทอนอ่อนแอลง
    และเป็นอุปสรรคต่อการทำกิจกรรม
    ทั้งปวง รวมถึงการเจริญสติด้วย
    น้ำดื่มบรรจุขวดก็เช่นกัน
    เมื่อใดที่ มาตรฐานความสะอาดลดลง
    ผู้ผลิตไม่จำเป็นต้องแจังลูกค้า
    ให้ทราบ ถูกไหมฮะ

    ดังนั้น ความจำเจกับทุกสิ่งทุกอย่างมีโอกาสกลายโทษได้
    ในบางเวลา
    แม้กระทั่งบุคคลที่บ้านหรือที่ทำงาน

    แต่ความจำเจกับการระลึกรู้เ
    ป็นสิ่งเดียวที่ปราศจากโทษมีแต่คุณอนันต์
     

แชร์หน้านี้

Loading...