ปุถุชน....คนช่างสงสัย...

ป๋า ปกติก็ตอบดีและละเอียดอยู่แล้วครับ...
แต่ถ้าเรื่อง การเพ่งพระอาทิตย์ ส่วนตัว
ไม่แนะนำให้ทำหรอก เพราะที่เคยเจอ
เกือบทุกท่านสายตาไปก่อนวันอันควรเกือบหมด
ประโยชน์ที่ควรคือ การดึงเอาพลังงานความร้อน
จากดวงอาทิตย์มาใช้ แทนกรณีที่เราไม่มีเทียนแท่งใหญ่ก็ได้
และดึงมาใช้กรณีที่เกิดประโยชน์แต่ว่าต้องใช้เวลานาน
หน่อยๆก็พอ เพราะปกติถ้าใช้เวลานานจะไม่เพียว
กำลังจิตตัวเองเพราะว่าจะเหนื่อยเปล่า
และพอเด่วอายุมากขึ้น ถ้าไปทางเพ่งพระอาทิตย์
สายตาจะบกพร่องเอาได้ และในระดับอุคหนิมิต
ของพระอาทิตย์ ของไฟไม่ว่ามองเปลวเทียน หรือไส้หลอดสีขาว
มันก็เหมือนกันอยู่แล้ว ถ้าจะเอาตบะก็มีวิธีอื่นๆอีกหลายวิธี
ที่ไม่ส่งผลต่อประสาทตา ยกเว้นว่า ต้องการจะใช้งานเกี่ยวกับ
ทางตาพิเศษ ในระดับที่มองเห็นบนอากาศ ก็ฝึกขึ้นกสิณ
แสงสว่าง หรือ กสิณไฟ จะดีกว่าเยอะ การเพ่งในที่นี้
ไม่ใช่มองนานๆนะครับ มันจะไปได้ทางด้านความอดทน
หรือตบะอะไรนั่นหละ เพราะถ้าจิตจะไต่ระดับยังไง
มันก็ทิ้งการเชื่อมต่อทุกๆกรณี ไม่ว่าภายในหรือภายนอก
เพื่อลดระดับคลื่นความถี่ตัวเองให้น้อยลงอยู่แล้ว

เพราะเพ่งไม่ว่าเพ่งตลอด หรือเพ่งแล้วหละภาพ
แล้วมาตามภาพ. ยังไงๆจิตมันก็ส่งไปอยู่ข้างนอกเหมือนเดิม
ต่อให้เราใช้การมองแล้วหละ ไปที่อื่นๆ แล้วตามอุคหนิมิตเอา
แม้ว่ามันจะได้สมาธิสะสม และแม้ว่าจะเป็นอุบายหนึ่ง
ที่ฝึกให้จิต สร้างตาพิเศษขึ้นมาได้นั้น

ยังไงๆก็ตาม จิตก็มีความจำเป็นจะต้องไต่ระดับ
ไปทิ้งรูปหรือไต่ขึ้นไปปั่นปฎิภาคนิมิตให้ได้อยู่ดี

ดังนั้นโดยความรวม การเพ่งจึงเป็นเพียงอุบาย
เพื่อให้จิตยกไต่ระดับแค่นั้น ไม่ว่าจะเพ่งนานๆหรือมองแล้วเพิก
ภาพและไปตามภาพก็ตาม
และอย่าลืมในระดับอุคหนิมิต ไม่ว่าภาพอะไรก็ถือ
ว่าเป็นโทษ เป็นตัวขวางทั้งนั้น อีกทั้งยังไม่มีประโยชน์อะไร
นอกจากเอาไว้คุยเล่นฮาๆ หรือเอาไว้พอให้หลงตัวเองเล่นๆ

ส่วนถ้าจะตั้งเป้าไว้ใช้งานได้ แบบลืมตาปกติ ก็ขอให้ผ่าน
การเล่นรูป ทิ้งรูป หรือ ปั่นปฎิภาคนิมิตในกำลัง
สมาธิระดับสูงให้ได้ ก็จะเกิดการใช้งานได้แล้วปกติ
ถ้าปั่นปฏิภาคนิมิต ได้ขึ้นเรื่องการเล่นกับพลังงานก็จะเป็นเรื่องปกติ
ส่วนถ้า รักษาภาพในนิ่งๆได้ ในระดับปฎิภาคนิมิต
และมีกำลังพอที่จะรักษาจิตไม่ให้ถูกดูเข้าไป
ก็จะไปได้ทางตาพิเศษแทน เป็นเรื่องปกติ
ส่วนจะละเอียดก็ขึ้น อยู่กับระดับในการคลายกิเลส
ประมาณนี้หละครับ ไม่มีอะไรมากหรอก..
แค่เล่าให้ฟังเฉยๆนะครับ.
เพราะพวกนี้มันแล้วแต่เราจะชอบหรือไม่ชอบ
แต่ใจอยากให้มองทางด้านประโยชน์
ในการใช้งานเข้ามาร่วมพิจารณา
ร่วมกับความชอบด้วย (^_^)....

 

กลางดึกคืนขึ้น ๑๑. ค่ำ สองข้างทางเต็มไปด้วยน้ำ
ถ่ายภาพมาให้ดูเล่นๆ ได้เท่านี้หละครับ...

 

เเนะนำคล้ายๆคุณ คุณ raiming เลยครับ

จากที่ค้นข้อมูลมา ตาเสียไปหลายท่านเลย คือ

เซลล์ประสาทตาจะไหม้ เป็นจุดดำๆ ตรงกลางตา ฟื้นตัวไม่ได้ ตลอดชีวิต

ในช่วงที่ผม เพ่งก็มีการนำพวกสมุนไพรต่างๆ มาใช้ครับ

ไม่ว่า จะเเกนหัวปลี หน่อไม้สด ผักบุ้ง น้ำผึ้งมิ้น ว่านหางจรเข้

เเละใช้ พวก คริสตัล ธาตุเย็นบำบัด ให้ร่างกายฟื้นฟูเอง

อาการตาที่เป็นจุดๆ ก็หายไป เลยหยุดพักไปเลยครับ

จะเพ่งเป็นบางวันครับถ้าวันไหนที่กำลังสมาธิตก ก็ช่วงเย็นใกล้ๆพระอาทิตย์ตก

เพื่อไม่ให้รังสี uv ทำลายประสาทตา

 

ดีที่หายได้
ถ้าสายตาสั้น
ใช้หยกสีเขียว หรือหินสีเขียว
ก็พอรักษาได้สำหรับดวงตา
แต่ใช้เวลาหน่อย..
ตรงนี้ท่านที่จิตไวบอกมา
ส่วนอีกวิธีจำไม่ได้
ไว้เจอท่านก่อนจะลองถามดู..
รักษาด้วยสมุนไพรนี่หละ..

 

ดวงล้วนๆ..แอน Verb to เดา... (^_^)
มีอีกรูปในเฟสนะ ถ่ายติดดาวตกพอดี๊ๆ

 

ผมไม่รุ้ว่าเป็นอะไรนะครับ ใส่แหวนหยกทีไร แตกเองพังทุกชิ้น เห้อ

 

คุณภาพก็ส่วนหนึ่ง
การยึดวัตถุก็ส่วนหนึ่ง
การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ
ที่ผิววัตถุอย่างรวดเร็วและบ่อยๆ
อาจจะทำให้ น้ำจากความชื้นแทรกซึม
เข้าไปในวัตถุก็ได้อีกส่วนหนึ่ง
บวกกับรูปแบบการใช้งานในชีวิต
ประจำวัน ที่ส่งผลให้วัตถุได้รับความกระทบ
กระเทือน มาหนุนส่งกัน
ก็อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้วัตถุพังลงได้
ปล. ประมาณนี้ฝากพิจารณาร่วมด้วย

 

ช่วยแนะนำด้วยค่ะว่าใช้ยังไง???
ขอบคุณค่ะ

 

วางไว้ข้างขมับทั้งสองข้าง..
หรือข้างเดียวก็ได้ ถ้าจะทำทีละข้างนะ..
แล้วลืมตากว้างๆ มองออกไปไกลๆ
ไม่ใช่เอาไปถูลูกตา
หรือไปวางทับลูกตานะ ๕๕๕
ปล.ดีนะที่มาถาม ส่วนตัวลืมบอกไป (^_^)

 

คิดว่า คงเอาไปวางทับเปลือกตา เหมือนพวกแตงกวารึเปล่านะค่ะ 555++ โชคดีที่ถามก่อน
วางนานแค่ไหนคะ แต่ละข้าง ต้องมีคาถา รึ ต้องเอาหยกที่มีไปทำอะไรก่อนรึเปล่าคะ???
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

 

อันนี้คริสตัล ที่ใช้รักษาครับ

 

แชร์วิธีรักษาบ้างได้มั้ยคะ ^^

 

ส่วนตัวมีหยกสองก้อน บางครั้งร่างกายร้อนมากๆ ก็เอาก้อนนึงวางไว้ที่ลิ้นปลี่ อีกก้อนที่หัวใจ

วางไว้จนหยกร้อน ก็เอาหยกออกมาพักให้เย็น แล้วทำใหม่ ทำสักสามสี่รอบ ช่วยดูดความร้อนและพลังงานส่วนเกินออกได้ดีมากค่ะ

(ป.ล. ป๋านบแนะนำ)

 

ก็จะมี กำไว้ในมือขณะนั่งสมาธิ เอาวางไวใกล้ๆตอนนอนครับ

รวมถึงถูบริเวณต่างๆ ของร่างกายครับ

เเต่ถ้าวิธีใช้เเบบละเอียดคงต้องให้ผู้รู้เเนะนำ อะครับ

ส่วนวิธีของคุณนพ ก็จะลองนำไปใช้ดูครับ

ส่วนเรื่องสายตา ใช้เวลาฟื้นฟูอาทิตย์กว่าครับ ถึงกลับมามองได้ปกติ

 

ท่านที่บอก ท่านบอกว่า ''แล้วแต่วิบากกรรม''
ก๊อบปี๊ คำพูดท่านมาทั้งแบบเต็มๆ
ส่วนตัวคงไม่สามารถจะตอบในประเด็นนี้ได้
เพราะบอกตามตรงว่า การใช้ออฟชั่นแบบนี้
รู้น้อยมากๆๆๆๆๆ ถึงมากที่สุด (^_^)
อย่าให้พูดเลยเนาะ ถ้าเป็นเกี่ยวกับการปฏิบัติ
พอจะพูดได้อยู่บ้าง...
แต่ถ้าส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นอะไร
ใช้การเคลียร์พลังงานเอา..
หรือ ถ้าว่างก็ไปแช่น้ำทะเล
หรือเอาเท้าจุ่มน้ำเกลือก็ได้
แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการรับประทาน
อาหาร และรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันด้วย
อย่างเช่น เป็นคนคิดมาก แล้วมาบ่น ปวดศรีษะ
บ่นว่าเป็นไมเกรน หรือ ทำงานอยู่หน้าจอ
ตลอดเวลาแล้วไม่เคยพักสายตาเลย แล้วมาบ่น
ว่าปวดตา บ่นว่า ตามองเห็นไม่ชัด
อย่างนี้ หรือ แบกของหนักเกินตัว
โดยลืมดูอายุตัวเอง หรือกินเอากินเอา
แล้วมาบ่นว่า ทำไมธาตุดินไม่ลดเลย
อะไรอย่างนี้ เป็นต้น

ปล.เรื่องหยกที่แนะนำ ใช้เฉพาะกรณีเกี่ยวกับ
สายตาสั้นนะครับ..ถ้าตาฝ้าฟาง มองเห็นไม่ชัด ให้นำใบมะขาม
๕ กำมือมาตำให้ละเอียด บวกน้ำฝน ๔ แก้ว ผสมกัน
แล้วนำไปใส่ภาชนะเคลือบ และดองทิ้งไว้ ๑๐ วัน
และกรองด้วยผ้าขาว นำมาทำเป็นยาหยอดตาครับ
สูตรจาก หนังสือที่ พระท่านหนึ่งโยนมาให้
เป็นสูตรจาก พระครูปลัดท่านหนึ่งที่ท่านยืนยัน
ว่าใช้ได้ผลมาเพราะสมัยท่านมีชีวิตท่านก็ใช้รักษาคนเช่นกัน
ท่านกล่าวไว้อย่างนี้นะครับ

เรื่อง คริสตัล มีอะไรช่วยเสริม
คริสตัลนั้น จะเป็นในลักษณะของการรวมรวบ
จัดระเบียบพลังงาน
เพื่อส่งพลังงานนั้นๆ คล้ายๆท่อประปา
ที่ทำหน้าที่ส่งน้ำไปยังปลายทาง
ไม่ให้น้ำแตกกระจัดกระจายประมาณนี้
ส่วนการจะประยุกต์ นำมาใช้สำหรับ
ทำอะไรก็สุดแล้วแต่
เวลาที่เค้ารวมพลังงานอะไรบ้างอย่าง
หรือพลังงานอะไรก็ตาม เพื่อส่งไปยังเป่าหมาย
แบบข้ามเวลา ข้ามมิติ คือ ไม่ต้องเจอตัว เห็นตัวกัน
และก็เป่าพรวดๆข้ามทวีป ข้ามจังหวัด
ลักษณะของพลังงานที่ออกจากกาย
ตรงตำแหน่งที่มันออก
ก็จะเป็นเหมือนแท่งคริสตัลแป๊ะๆนั่นหละ
ยกเว้นว่าเป่าไม่ดี. มันจะไปแบบกระจายๆหน่อย
แต่ต้องมีพื้นฐาน ในการรวมพลังงานได้ก่อนนะครับ
ถึงจะทำได้อย่างที่เล่าให้ฟัง
ส่วนสุดท้าย เล่าให้ฟังเล่นๆ (^_^)

 

คริสตัลคุณ dota0321 คล้ายของที่พ่อบ้านเรามีเป๊ะเลยทั้งรูปร่างและสี แต่ของเราสีเข้มกว่าหน่อย พ่อบ้านใช้วางหน้าคอมพิวเตอร์เวลาแชตหาผู้สาวเมื่อสมัยยังโสดเพื่อสแกนดูว่าไผจริงใจไผหลอก และใช้รักษาตัวเองบางครั้งว่างั้น

 

มีใช้เเบบนั้น ด้วยหรอครับ 555

ปล.อันนี้เป็นของ เเม่เอามาฝากจากต่างประเทศครับ

 

หูผึ่งเลยพี่ติ๋ม เพิ่งรู้ว่าใช้แบบนี้ก็ได้ อิอิ สงสัยต้องจัดหามาซักก้อน 555

 

ป้าดๆๆๆติโถ่ คุณพ่อบ้าน สมัยยังโสด
คือมาคักแท้..๕๕๕
ปล.โม้หน่อยหนึ่ง สมัยยังโสด
และยังไม่ผ่านวัดมาก่อนนะครับ
ส่วนตัวแค่ใครมาคุยด้วยคุยหมดแระ
ตั้งแต่ นักการยันผู้อำนวยการ ตั้งแต่รุ่นหลานยังรุ่นทวด
ตั้งแต่พนักงานยังเจ้าของร้าน เจ้าของโรงแรม..
ไม่เว้นแม้กระทั่ง ชายแท้ หญิงแท้ ชายไม่แท้บ้าง หญิงไม่แท้บ้าง
คุยกับรุ่นแม่ จนลูกสาวเค้าคิดว่า ตกลงจะจีบแม่เค้าหรือเค้ากันแน่...
คุยจนเพื่อนที่ไปด้วย นึกว่าเป็นนักการเมืองมาหาเสียง ๕๕
ไม่เว้นแม้กระทั่งน้องหมาน้องแมวคุยด้วยหมดแระครับ
(แต่ไม่ได้คุยกับมันรู้เรื่องนะครับ ๕๕๕)
ยังไม่นับรวมบรรดาผีๆทั้งหลาย..
ที่ตอนนั้นไม่รู้ว่าเป็นผี
บางช่วงเจอผีสาวๆ มาหาตอนเรียน กทม.
พอผ่านวัดมา เอาไปเอามาเจอผี
มากกว่าเจอคนอีก..
ไม่รู้ว่าเล่าไปแล้ว
มันเท่ห์ตรงไหนเนี่ย.. ๕๕๕

 

ช่วงนี้แพ้ท้องหนักากมายเลยถ้าไม่ได้ภาวนาคาถาพระมหาจักรพรรดิ์นี่นอนไม่ได้เกือบทุกคืน มีอาการเมื่อไหร่ก็ภาวนาตลอด ผลของพระคาถานี่ศักดิ์สิทธิ์มากเลยค่ะ นึกไปถึงมีกระทู้ที่คนถามเกี่ยวกับผลของการสวดบทอิติปิโสเท่าอายุ+1 แล้วป๋านบได้ลิงค์เกี่ยวกับบทสวดจากหลวงปู่ดู่ไว้ก็ได้ทำตามเลย