วิริยาธิกะพิเศษบันทึก

18.06 เข้าไปในพระวิหารกราบพระประธาน

 

18.09ท่านเจ้าคุณก็ลงมานั่งรับสังฆทานจนถึงเวลาประมาณ19.00

จากนั้นก็มีการสมาทานพระกรรมฐาน เจริญพระกรรมฐาน ก่อนการเจริญพระกรรมคุณพี่ปรีชา พึ่งแสง ช่างภาพและคนควบคลุมเสียงประจำวัดท่าซุงก็ทำการเปิดเสียงการแนะนำพระกรรมฐานของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ฟังกันจบแล้วก็เจริญพระกรรมฐานใช้เวลาประมาณ 20 นาที

เสร็จแล้วพากันอุทิศส่วนกุศลอันดับแรกอุทิศให้บูรพาจารย์หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค พระเดชพระคุณหลวงพ่อ และอุทิศส่วนกุศลตามแบบฉบับของวัดท่าซุง

 

20.28 ท่านเจ้าคุณและหลวงพี่ชัยวัฒนเดินทางกลับที่พักในตัวเมืองสงขลา

 

บรรยากาสช่วงเช้าก่อนการบวงสรวง

 

9.29น.ท่านเจ้าคุณภาวนากิจวิมล พร้อมทั้งหลวงพี่ชัยวัฒนทำพิธีบวงสรวง

 

หลังพิธีบวงสรวงท่านเจ้าคุณภาวนากิจวิมล พาคณะพระและญาติโยมสาธุชนขอขมาพระรัตนไตร

 

10.03 ออกจากพระวิหารสนธนากับญาติโยมต่อ

 

10.12 น คณะนาฏศิลป์รำถวายพระพร นำโดยคุณนกยูงศิษย์เก่าจากโรงเรียนพระสุธรรมวิทยา

 

แม่ไม้เพลงไทยมอบรางวัลให้กับคณะนาฏศิลป์

 

วันนี้ท่านเจ้าคุณภาวนากิจวิมลทำพิธีบวงสรวงเพื่อเทปูนหล่อฐานพระประธานในมหาวิหาร12ไร่วัดท่าซุง

และจะทำพิธีเทปูนหล่อองค์พระอีกครั้งในวันที่ 10กันยายน2559นี้ขอเชิญทุกๆท่านนะครับ

 

วันที่ 10 กันยายน 2559 ท่านเจ้าคุณภาวนากิจวิมลทำพิธีบวงสรวงเพื่อเทปูนหล่อส่วนขององค์พระประธานในมหาวิหาร12ไร่วัดท่าซุง

 

วันนี้วันที่ 19 กันยายน 2559 ท่านเจ้าคุณภาวนากิจวิมลทำพิธีบวงสรวงเพื่อเทปูนหล่อส่วนของเสียรพระประธานในมหาวิหาร12ไร่วัดท่าซุง

 

..กาลเวลา..


​

 

ครับพี่ Armarmy กาลเวลา ถึงกาลถึงเวลาที่พระองค์ท่านต้องจากไป

ข้าพระพุทธเจ้าจะขอจดจำจาลึกไว้ในดวงใจตลอดไปถึงพระจริยาวัตรอันประเสร็ฐสุดพรรณา

 

วันนี้มหาวิหาร12ไร่ พร้อมทั้งพระประธานองค์ใหม่ของวัดท่าซุงสร้างเสร็จแล้ว มีความพร้อมแล้วในการที่จะจัดงานทำบุญถวายความอาลัยถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม 2559

และจัดงานทอดกฐิน ในวันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม 2559นีั

 

คุณแก้วเล็กดูความสะอาด ขูดสีที่หยดลงพื้นพยายามที่จะขูดออกให้หมด

 

ข้าพระพุทธเจ้าขอตั้งมโนประณิธานเป็นสัตยาธิฐานขอผลาอานิสงค์ที่ข้าพระพุทธเจ้าได้มีโอกาสนำพาหมู่คณะได้ร่วมสร้างมหาวิหาร 12ไร่

พร้อมทั้งได้นำพาหมู่คณะร่วมสร้างพระประธานองค์ใหม่

และได้ถวายผ้าประธานกฐินของวัดท่าซุงในปีนี้จงส่งผลแก่ข้าพระพุทธเจ้าจงได้บรรลุอภิเษกพระสัมมาสัมโพธิญาณในแบบวิริยาธิกะพิเศษในอนาคตโน้น เทอญ

 

ก่อนที่จะมีความพร้อม

ภาพควรค่าแก่ความทรงจำ งานที่จะจัดถือว่ามีความสำคัญมากทั้งสองงาน ทุกวันช่วงตอนค่ำท่านเจ้าคุณภาวนากิจวิมล(หลวงพี่อนันท พุทธญาโณ)เจ้าอาวาสท่านจะมาดูแลความคืบหน้าของงานก่อสร้าง และการเตรียมงานกฐินประจำปี

ก่อนหน้าสองสามวันท่านลงมือล้างขัดพื้นด้วยตัวท่านเอง ท่านทำแบบนี้ล้างแบบนี้ของท่านทั้งสองสามวัน

 

ขอโอกาสครับผม คำว่าวิริยาธิกะพิเศษ ไม่มีนะครับ และไม่มีพระพุทธเจ้าประเภทนี้ด้วยครับ ขอบคุณครับ

 

คุณพี่ PCO ดูเหมือนชื่อกระทู้ของท่านนี้ มีสภาพเหมือนโปรยขี้เถ้าดีแท้

คำว่า "พิเศษ" ต่อจาก "วิริยาธิกะ" นี่ทำให้คนหลายคนมาอีรุงตุงนังกันหลายวาระ

อธิบายกันมาก็หลายวาระเช่นกัน ถ้าไล่ย้อนอ่านก่อน..คงจะเข้าใจเอง..ทุกสิ่งเคยมีมาแล้ว

เหตุใด พระสัมมาสัมพุทธเจ้าบางพระองค์ จึงมีฉัพพรรณรังสีแผ่จนตลอดหมื่นโลกธาตุ

เหตุใด พระสัมมาสัมพุทธเจ้าบางพระองค์ ในยุคศาสนาท่านจึงไม่มีเดียรถีย์แทรกมาเกิดในโลกได้

เหตุใด พระสัมมาสัมพุทธเจ้าบางพระองค์ อายุยืนมาก

เหตุใด พระสัมมาสัมพุทธเจ้าบางพระองค์ ศาสนาของท่านจึงมีความอุดมสมบูรณ์ทุกสิ่ง


ถ้าลองไปเปิดดูเปิดอ่านในพระไตรปิฏก..

หาดูเรื่องที่ พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันทรงตรัสถึงยุคสมัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ดู

จะพบเองว่ามีเรื่อง "พิเศษ" เยอะมาก

แม้ยุคของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเอง สิ่งที่ไม่ควรจะมีในสามัญวินิจฉัย ก็ยังมีมากมาย

เอาไกล้ตัวหน่อยก็แล้วกัน..เราเคยได้ยิน ชื่อ "วิสาขามหาอุบาสิกา" เอตทัคคะในฝ่ายผู้เป็นทายิกา

ในยุคของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน พระนามว่า "สมเด็จพระสมณโคดม" ใช่หรือไม่ขอรับ

นางวิสาขามหาอุบาสิกา มีคุณสมบัติเฉพาะตัว อันธรรมดาแล้วไม่ควรจะปรากฏมีขึ้นมาได้ในบุคคลปกติ

๑. เบญจกัลญาณี (อานิสงส์จากการ ซ่อมแซมพระพุทธรูปชำรุด มีศีลครบถ้วน เจริญพรหมวิหาร ๔ เนืองๆ)

๒. กำลังดุจช้าง ๗ เชือกรวมกัน (อานิสงส์จากการถวายจตุปัจจัยมามากในกาลก่อน)

๓. มีกำลังทรัพย์เลี้ยงพระเลี้ยงคน ไม่จำกัด (ด้วยอานิสงส์การถวายสังฆทานและตั้งมโนปณิธานมาในกาลก่อน)

๔. มีเครื่องประดับมหาลดาปสาธน์

(อานิสงส์ถวายผ้าไตรจีวรไว้ในพระพุทธศาสนา เครื่องประดับนี้จะไม่มีในคนปกติ
เพราะทำยากมากและหนักมาก ทำจากเครื่องประดับแสนหายากในโลกรวมกัน
แต่นางวิสาขากลับมีใช้และสวมใส่ได้ปกติ ในยุคของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน
มีแค่ ๒ ท่านที่มีเครื่องประดับนี้ใช้ในโลก ๑.พระนางมัลลิกาเทวี ๒.นางวิสาขามหาอุบาสิกา)


เอาแค่นี้ที่เป็นลักษณะ "พิเศษ" ประจำตัวของ "สาวก" เท่านั้น ท่านอื่นยังมี "พิเศษ" ไปต่างๆ กัน

แล้วถ้าไปลองค้นดูส่วนที่เป็นเรื่องของความ "พิเศษ"

ในยุคของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ดูซีขอรับ ยิ่งไปกว่า..ที่ยกตัวอย่างมายังมีมากมาย

บางพระองค์ลอยไปทั้งปราสาทในวันที่ตัดสินใจออกผนวช ไม่แม้แต่จะได้เดินไปบวช

คร่าวๆ นะขอรับ เอาเท่านี้พอ


ถ้าเราต้องการรู้จริงรู้ละเอียดต้องหมั่นค้นคว้า ตำรับตำราที่เชื่อถืออ้างอิงได้ยังมีขอรับ

แต่ให้ดีเยี่ยมไปกว่าคือ การปฏิบัติให้ได้ตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนไว้

วิชชาต่างๆ นั้น ถ้าทำได้แล้ว เลิกเถียงเรื่องตำรากัน เพราะ เรานั้นสามารถพิศูจย์ได้ด้วยตนเองแล้ว

เจริญในธรรมทุกท่าน