ร่วมทำบุญบูชา สำเร็จร่างพระธรรมพระเจ้าซ้อนเงา(ภาคหล่อเลี้ยงพ่อจักรพรรดิเงา) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. Pook1324

    Pook1324 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2016
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +15
    ร่วมเล่นเกมส์ครับ

    ทานบารมีครับ ผมบริจาคโลหิตที่โรงพยาบาลศิริราชตามรอบมา 2 ปีแล้วครับ โดยตั้งใจจะทำไปเรื่อยๆ ได้บุญและสุขใจดีครับ และทำบุญทำสังฆทานตามวัดตามโอกาสเสมอๆ ครับ
     
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +16,533
    ร่วมเล่นเกมส์ แจกบรมครูจอมแพทย์ชีวกโกมารภัจจ์

    พ่ออาจารย์ท่านได้สร้างเหรียญหล่อหมอชีวกขึ้นด้วยเหตุผลสำคัญหลายประการ แต่ท่านจะไม่เรียกหมอชีวกว่าชีวกเฉยๆ โดยปกติท่านมักจะเรียกว่าพระบรมครู เพราะก่อนตายนั้นท่านเป็นฆราวาสหาได้บวชกับพระบรมศาสดา แต่ว่าท่านก็บรรลุอรหันต์ทั้งที่ยังเป็นฆราวาส ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนั้นทำให้วันต่อมาท่านเข้านิพพานทันที พ่ออาจารย์ถึงเรียกพระบรมครูโดยติดคำว่าพระไว้เพื่อจะให้รู้ว่าท่านไม่ใช่ปุถุชนสามัญ และการสร้างการเชิญนั้นก็ทำได้ยาก

    สืบเนื่องจากสังคมในภาพรวมที่มักจะมีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นอยู่เสมอ ท่านจึงคิดจะว่าจะทำอะไรแจก เอาไว้ให้คนทั้งหลายใช้คุ้มตัวให้รอดปลอดภัยในสภาวะเช่นนี้ ซึ่งท่านได้นิมิตเห็นหลวงพ่อฤาษีมาบอกว่าให้ท่านทำพระบรมครูหมอชีวก ด้วยว่าท่านนั้นมีบารมีมากพอ เพื่อจะได้แจกออกไปคุ้มครองผู้เคารพศรัทธาให้ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งมวล ไม่ว่าจะทางกายหรือทางใจก็ดี ซ้ำยังจะปกป้องให้รอดพ้นจากภัยธรรมชาติ ภัยจากมนุษย์ ภัยจากอมนุษย์ ตลอดจนภัยพิบัติทั้งหลาย

    ซึ่งเมื่อปลุกเสกแล้ว พ่ออาจารย์ท่านยังสำทับว่าบารมีพระบรมครูชีวกนั้นสำคัญมากเหมาะแก่กาล ถือว่าควรยิ่งแล้วจริงๆ เหรียญนี้แม้อาราธนาพกพาด้วยใจศรัทธาหมั่นอาราธนาท่าน จะแก้โรคเวรโรคกรรมได้ ป้องกันอาการเจ็บไข้ได้ป่วยให้ระงับไป ดับทุกข์ภัยทั้งปวง กันคุณผี คุณไสย คุณคน อาถรรพ์วิญญาณร้ายบรรดามี ซ้ำยังเสริมส่งดวงชะตาให้เจริญรุ่งเรืองเป็นเสียยิ่งกว่าแก้วสารพัดนึก ท่านว่านี่เป็นบารมีของพระอรหันต์องค์สำคัญ ยากที่จะหาผู้ใดเสมอเหมือน

    ดังที่กล่าวแล้วข้างต้น พระบรมครูนั้น พ่ออาจารย์ท่านสร้างขึ้นในรูปลักษณาการบดยาหรือผสมยา ท่านบอกว่าเพราะเป็นการสงเคราะห์สัตว์ สงเคาะห์คน ท่านจึงทำในรูปนี้เพื่อที่จะขอบารมีบรมครูท่านสงเคราะห์ทุกคนที่เจ็บป่วย ตกทุกข์ได้ยาก โดยแกะแม่พิมพ์ให้มีเส้นรัศมีบางๆส่องออกไปจากตัวบรมครูด้วย ซึ่งบรมครูนั้นนอกจากจะเป็นแพทย์ประจำพระองค์ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ท่านยังเป็นแพทย์หลวง เป็นแพทย์ประจำตัวของกษัตริย์แคว้นต่างๆ ตลอดจนให้ความเมตตารักษาช่วยเหลือราษฎรชนิดไม่เลือกที่รักมักที่ชังเลยทีเดียว

    ซึ่งความสามารถของท่านนั้น พ่ออาจารย์บอกว่าเป็นเลิศมาก เพราะท่านรู้ไปเสียทั้งหมด เพียงแค่มองเห็นดมกลิ่น ก็รู้ว่าพืชชนิดไหน ว่านชนิดไหน มีคุณทางยาอะไร มีฤทธิ์อย่างไร นำไปประกอบการณ์ทำอะไรได้บ้าง

    เมื่อพ่ออาจารย์ท่านสร้างและปลุกเสกนั้นท่านว่าต้องกำหนดจิตเชิญท่านมาเสกจากนิพพานเลยทีเดียว โดยเหรียญหล่อทุกเหรีญนั้นพ่ออาจารย์ท่านได้จารยันต์กำกับทุกเหรียญ ซึ่งเป็นยันต์แก้โรคต่างๆ ท่านว่าความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ เมื่อมีโรคก็มีความทุกข์ จะโรคกาย โรคใจก็ดี หรือโรคเวร โรคกรรมก็ดี ความทุกข์ ความเจ็บ ท่านว่าล้วนแล้วแต่จะระงับไปทั้งสิ้น คนเราเมื่อสุขภาพแข็งแรงจิตใจโปร่งใสแล้ว จะดำเนินชีวิตอย่างไร จะประกอบกิจการอะไรก็ย่อมเป็นสุข

    ท่านหวังอานิสงค์เป็นอย่างยิ่งว่าจะนำสัตว์ออกจากทุกข์ ซึ่งบารมีบรมครูนั้นท่านว่าครอบคลุมหลายด้านนัก ไม่ใช่แต่จะดีทางสุขภาพเท่านั้น แต่รวมแล้วดุจแก้วสารพัดนึก เพราะว่ามีทุกอย่าง ทั้งเป็นเมตตามหานิยม อำนวยโชคลาภ คุ้มครองป้องกัน แม้อาราธนาติดกายเป็นประจำ เครื่องมงคลทั้งหลายที่มีส่วนประกอบขึ้นจากผงวิเศษและว่านยาต่างๆจะยิ่งมีอานุภาพมากขึ้นเป็นเท่าทวีด้วยบารมีบรมครูชีวกนี้ ท่านว่าขอเพียงให้เราศรัทธาจริง นำไปใช้งานจริง สุดแล้วแต่จะใช้ แค่นั้นทุกอย่างก็สำเร็จทั้งหมด

    คาถาบูชา ตั้งนะโมสามจบ
    นะโม ชีวะโก สิระสา อะหัง กะรุณิโก สัพพะสัตตานัง โอสะถะ ทิพพะมันตัง ปะภาโส สุริยาจันทัง กุมาระภัจโจ ปะกาเสสิ วันทามิ ปัณฑิโต สุเมธะโส อะโรคา สุมะนา โหมิ
    ขอบารมีแห่งบรมครูหมอชีวกโกมารภัจจ์ จงคุ้มครองให้ข้าพเจ้า .... ให้พ้นจากโรคร้ายภัยเวร โรคเวรโรคกรรม ขอให้มีอายุมั่นขวัญยืน มีสุขภาพกายสุขภาพจิตที่ดี ขอให้อานิสงค์แห่งแรงอธิษฐานนี้ คุ้มครองข้าพเจ้า นับตั้งแต่บัดนี้ตลอดจนล่วงไปเบื้องหน้าเทอญ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. พลานุภาพ

    พลานุภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +250
    ร่วมเล่นเกมส์ครับ
    ส่วนมากที่ทำอยู่ในชีวิตก็จะทำทุกข้อแต่ละช่วงเวลาที่จะเจอแม้จะตั้งใจหรือไม่
    -ทานบารมี = ไปวัดก็ทำบุญตักบาตร ไป รพ.ก็บริจาคโลหิต
    - ศีลบารมี = รักษาศีล5อยู่แต่บางครั้งก็ขาดเช่น สุรา
    - วิริยบารมี = งานจะหนักแค่ใหนก็ต้องทำงานที่ทำอยู่ตอนนี้ให้สำเร็จ
    - ขันติบารมี = อดทนต่องานที่ทำอยู่ตอนนี้
    - สัจจบารมี = ส่วนมากรับปากแล้วจะทำตามคำพูดเสมอ
     
  4. chukit1967

    chukit1967 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +218
    ร่วมเล่นเกมส์
    ศีลบารมี ศีลแปลว่า ปกติ การเป็นคน เป็นมนุษย์ ต้องมีศีล 5 ให้ได้ในแต่ละวันมีสมุดโน๊ตเล็ก ๆ ปากกาจดเวลาเราทำผิดศีลข้อใด ให้บันทึกทันทีกันลืม ตอนเย็นต้องสารภาพกับพระพุทธรูป เพื่อพัฒนาตนเองให้เป็นอริยะบุคคล คือ โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ ซึ่งต้องอาศัยศีลเป็นเครื่องมือ เครื่องอาศัย คือ 1.ห้ามฆ่าสัตว์ แม้นแต่ยุง มด ใจต้องอุเบกขา คือไล่ไปเสีย ทำใจให้เมตตา อภัย และอุเบกขาให้ได้ 2.ห้ามลักทรัพย์ เป็นการฝึกใจให้ขจัดความโลภ แม้แต่ทานบารมีก็อยู่ในศีลข้อนี้ เมื่อไม่ขโมยของคนอื่น ก็ทานของตนเองเพื่อขจัดความโลภในใจของตนเองให้หมดไป เหมือนพระพุทธเจ้าที่ทรงสละทรัพย์สมบัติ ลูก เมีย เพื่อทำลายความโลภในใจให้หมดไป ไม่ใช่ทานใส่บาตรเพียงเล็กน้อยเพื่อโลภที่มากกว่าคือขอให้ถูกรางวัลที่ 1 ทานแล้วได้บุญ บุญคือ ใจเราที่มีความโลภลดลง 3. ห้ามนอนกับภรรยาคนอื่น การยึดมั่นว่า การสัมผัสเสียดสีเป็นความสุข เมื่อน้ำหลั่ง เป็นกามตัณหาที่กำจัดยากต้องตั้งจิตพิจารณากายคตาสติ หรืออสุภภะ โดยพิจารณาว่า ร่างกายคือหนังหุ้มขี้ คือ ขี้รังแค ขี้หู ขี้ตา ขี้ฟัน ขี้ไคล้ ขี้อุจจาระ ร่างกายประกอบด้วยดิน(ของแข็ง)น้ำ ลม(อากาศ)ไฟ(ความร้อน) หรือ ประกอบด้วย ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง กระดูก เอ็น เนื้อ น้ำเลือด น้ำเหลือง ปอด ตับ ไต ใส้ กระเพาะ ฯลฯ ล้วนเกิด แก่ เจ็บ ตาย อนิจจัง(ไม่เที่ยง เด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย) ทุกข์ขัง(หากจะยึดว่า ไม่อยากแก่ ไม่อยากเจ็บ ไม่อยากตายก็ทุกข์ต้องไปสัญญกรรม) อนัตตา(ไม่มีตัวตน คือ ไม่คงอยู่เป็นอมตะ ต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย เวียนว่ายตายเกิดหากมีความโลภ ความโกรธอยู่ ต้องกำจัดความโลภ ความโกรธให้หมด โดยใช้ศีล สมาธิ ภาวนา) 4. ห้ามพูดเท็จ (ไม่พูดโกหก ไม่พูดความหยาบ ไม่พูดส่อเสียด(ให้คนทะเลาะกัน) ไม่พูดเพ้อเจ้อ(ไม่มีสาระเช่นร้องเพลง))5. ไม่ดื่มสุราเมรัย (ไม่ดื่มสุรา ยาเสพติด บุหรี่ )เพราะทำให้เสียสติ(สัมมาสติ เป็น1ในมรรค 8) ศีลจีงเป็นเครื่องอาศัยที่ผู้ที่ต้องการบรรลุธรรมต้องปฏิบัติให้ครบในแต่ละวัน แต่ไม่ให้หลงในศีล หลงว่าเรามีศีล เราเหนือคนอื่น เราวิเศษก็คนอื่น เกิดมีกิเลสมานะ(หลงตัวหลงตน)ขึ้น ท่านจีงให้เราใช้ศีลเป็นเครื่องอาศัย(เรือ)ไปสู่ฝั่งพระนิพพาน(คือ ไม่โลภ ไม่โกรธ ตลอดเวลา ไม่หลง(หลงลืมสติ) หากหลงลืมสติจิตก็จะไปโกรธ ไปโลภอีก พระพุทธเจ้าตรัสรู้อริยสัจ 4 คือ ทุกข์ สมุทัย(เหตุแห่งทุกข์คือ ใจที่ไม่รู้(อวิชชา)ไปยึดมั่นถือมั่น(อุปทาน)ว่า การมีลาภ(สมบัติ)เยอะ มียศสูง สรรเสริญ สุข เป็นของดี ของน่าใฝ่หา นิโรธ(ความดับทุกข์ไม่มีโกรธ ไม่มีโลภเลยตลอดเวลา) มรรค(วิธีดับทุกข์คือ ดับโลภ ดับโกรธในใจได้ตลอดเวลา)มรรค 8 คือ ศีลบารมีนั่นเองครับ
     
  5. pom1967

    pom1967 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    214
    ค่าพลัง:
    +317
    ร่วมเล่นเกมส์
    ปัญญาบารมี และอุเบกขาบารมี
    ปัญญาบารมี คือการใช้ความรู้ความเข้าใจที่ใจตนเองยอมรับอย่างจริงใจ ยอมเชื่อจนถึงจิตใต้สำนึก ยอมปฏิบัติอย่างมอบราบคาบแก้ว คือ ปัญญาที่เราใช้กำจัดกิเลสคือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง
    ความโลภ คือ อยากได้ลาภ(สมบัติ) ความโกรธ คือความไม่พอใจตนเอง หรือธรรมชาติรอบตัวที่ตนเองหวังอย่างนี้แต่ไม่เป็นตามหวัง ความหลง คือ หลงลืมสติ ทำให้ใจไปโลภ หรือไปโกรธ
    1.ใช้ปัญญากำจัดความโลภเช่น อยากได้นั่น(สมบัติ) อยากได้นี่(สมบัติ) อยากเป็นโน้น(ยศ ตำแหน่ง) อยากเป็นนี่(ยศ ตำแหน่ง) อยากให้คนสรรเสริญ อยากพบเฉพาะความสุข ใช้ปัญญาพิจารณาทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย(อิทัปปัญจยตา) ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามกฎไตรลักษณ์ คือเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป สรุปเกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัย ตั้งอยู่ตามเหตุตามปัจจัย ดับไปตามเหตุตามปัจจัย แม้แต่ร่างกายเราเอง จะไปยึดมั่นถือมั่นไม่ได้ เมื่อเกิดความโลภให้พิจารณาว่า โลภทำไมตายไปเอาไปด้วยไม่ได้ อุเบขา ๆ(อุเบกขาบารมี)
    2.ใช้ปัญญากำจัดความโกรธ เช่น เมื่อไม่พอใจอะไรก็ตามเกิดขึ้นในจิต ให้พิจารณาอภัยแก่ตนเอง อภัยแก่ผู้อื่นหรือสัตว์อื่นๆหรือสิ่งอื่น ๆ เมตตาแก่ตนเอง เมตตาแก่ผู้อื่นหรือสัตว์อื่นๆหรือสิ่งอื่นๆ จิตเราก็จะตั้งมั่นอยู่ที่อุเบกขา(อุเบกขาบารมี) เมื่อเกิดความโกรธในใจเราให้พิจารณาว่า โกรธทำไมทุกสิ่งทุกอย่างกระทบกระทั่งกันได้ เมตตาๆ อภัยๆ อุเบกขาๆ (อุเบกขาบารมี)
    3.ใช้ปัญญากำจัดความหลง(ลืมสติ) เช่น เมื่อใดที่เราหลงลืมสติ หลงไปโลภ หลงไปโกรธให้ภาวนาตลอดเวลา เช่น ภาวนาพุทโธตลอดเวลา ขณะที่ทำสัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะที่ไม่ได้สนทนากับใคร หรือภาวนาตลอดเวลา เมื่อเกิดข้อ 1,2ให้พิจารณาดับโลภ ดับโกรธ เหลืออุเบกขา ภาวนาพุทโธต่อครับ เมื่ออุเบกขา(จิตไม่โลภไม่โกรธตลอดเวลา เป็นอรหันต์)ครับ
     
  6. chaiwatana

    chaiwatana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +279
    ข้อที่ทำอยู่เสมอ เป็นเรื่องของทานบารมี (ทำบุญตักบาตร ถวายข้าวสาร ยารักษาโรค บริจาคโลหิต) และเมตตาบารมี (ซื้อปลาในตลาดสดไปปล่อย)
     
  7. PALA 5

    PALA 5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    293
    ค่าพลัง:
    +822
    ร่วมเล่นเกมส์

    ทาน การให้ การสละ การบริจาค ซึ่งมีหลายอย่างคือ
    วัตถุทาน.....การให้วัตถุสิ่งของ เงิน อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ฯลฯ
    ธรรมทาน....การสั่งสอนให้ประพฤติดี การแสดงธรรม การตักเตือนให้ละชั่ว เป็นต้น
    วิทยาทาน....การสอนวิชาความรู้ต่างๆ ในทางโลก และทางธรรม
    อภัยทาน......การให้อภัย การไม่ถือโกรธ ไม่อาฆาต ไม่คิดร้าย

    ปกติผมจะไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิ แผ่เมตตา เป็นประจำอยู่แล้วครับ ซึ่งคงจัดอยู่ในการถือศีล ถือเนกขัมมะ เมตตา ส่วนการให้ทานก็จะร่วมสร้างพระ สร้างโบสถ์ วิหาร ตามกาลครับ
    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กรกฎาคม 2016
  8. seekerpunch

    seekerpunch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,028
    ค่าพลัง:
    +3,114
    สิ่งที่ทำประจำและพยายามทำให้เป็นกิจวัตร คือ การทำทาน รักษาศีล สวดมนต์ นั่งสมาธิ ครับ
     
  9. mokku

    mokku Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +70
    บารมี สะสม พยายามทำอยู่เรื่อยๆ โดยการบริจาคทำบุญกับพระสงฆ์ สร้างศาสนวัตถุ ศาสนสถาน ซื้ออาหารเลี้ยงสัตว์ ตามแต่จะมีโอกาส
    รักษาศีล พยายามรักษาให้สะอาดที่สุด สวดมนต์ ฟังธรรม ฟังเทศน์ อ่านหนังสือธรรมะ นั่งสมาธิตามดูลมหายใจ ฝึกสติรู้เท่าทันแล้วเจริญเมตตาค่ะ
     
  10. GreenWall

    GreenWall เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +388
    ส่วนตัวผมที่ทำเป็นปกติ คือ ทานบารมีและศีลบารมี

    -ทานบารมี ผมทำทานหลายๆอย่างตามโอกาสครับ เช่น วิหารทาน ใส่บาตร หยอดตู้ทำบุญต่างๆ
    เน้นความสบายใจและอิ่มใจเป็นหลัก ทำตามกำลังครับ ไม่ทำเกินตัวจนเดือดร้อน

    -ศีลบารมี พยายามรักษาศีล 5 ครับ ยังมีเผลอมีพลาดทำให้ศีลขาด ศีลพร่องไปบ้าง
    แต่สิ่งที่ผมพยายามรักษาไว้คือ กำลังใจ ครับ ไม่ให้ตกไม่ให้ถอย (ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง 555 ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ :d )
     
  11. progress por

    progress por สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2015
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +45
    ที่ผมคิดว่าผมทำก็มีทานบารมี เมตตาบารมี ขันติบารมี อุเบกขาบารมีนะครับ โดยทานบารมีก็มีการทำบุญตู้บริจาค สละทรัพย์บริจาคตามกำลังที่เราจะช่วยได้ เมตตาบารมีมีความเห็นอกเห็นใจและสงสารทั้งคนและสัตว์ที่มีความลำบากมากกว่าเราถ้าเราช่วยได้ก็ช่วยครับ ขันติบารมีและอุเบกขาบารมีอันนี้น่าจะใช้เยอะครับเพราะทุกวันนี้เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นกับเรามากมายที่ถูกใจและไม่ถูกใจซึ่งเราต้องอาศัยความอดทนในบางเรื่องและและปล่อยวางในบางเรื่องเพื่อให้ชีวิตดำเนินไปได้ครับ
     
  12. ratchaplee

    ratchaplee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    243
    ค่าพลัง:
    +712
    ที่ผมทำประจำคือรักษาศีล 5 ให้ครบทุกข้อ และทำทานทุกครั้งที่โอกาสอำนวย เช่น วิหารทาน สังฆทาน ทำบุญตักบาตร หยอดตู้บริจาคตามวัดต่างๆ
     
  13. ShamanKinGG

    ShamanKinGG เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +381
    คุณธรรมที่ปฏิบัติเสมอในทศบารมี ได้แก่

    - ทำทานสม่ำเสมอเมื่อมีโอกาศ เช่น บริจาคเงินร่วมสร้างพระ สร้างเจดีย์
    - พยายามรักษาศีล5 เป็นปกติ
    - ก่อนจะทำสิ่งใดก็คิดพิจารณาก่อนจึงลงมือทำเพื่อให้ออกมาดีมีประสิทธิภาพสูงสุด
    - ทำกิจการงานต่างๆด้วยความพากเพียรไม่ท้อถอยจนกว่าจะสำเร็จ
    - รับปากสิ่งใดกับใครก็จะทำตามนั้น
    - เมื่อทำบุญทำกุศลก็อธิษฐานทุกครั้ง
    - มีจิตเมตตาช่วยเหลือผู้อื่นเสมอเมื่อมีโอกาส
    - สิ่งใดเกินกำลังเกินวิสัยจะช่วยได้ก็วางจิตให้เป็นอุเบกขา

    อนุโมทนากับทุกท่านด้วยครับ
     
  14. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112
    แจ้งโอนเงินค่าจัดส่งเหรียญหล่อบรมครูแพทย์ฤาษีชีวกโกมารภัจจ์ครับ

    ที่อยู่แจ้งทางpmครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpeg
      image.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      151.2 KB
      เปิดดู:
      81
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กรกฎาคม 2016
  15. มนต์ธกาต์

    มนต์ธกาต์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2016
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +25
    แจ้งโอนเงินค่าจัดส่งเหรียญหล่อบรมครูแพทย์ฤาษีชีวกโกมารภัจจ์ครับ

    ที่อยู่แจ้งทางpmครับ
     
  16. rungsun2503

    rungsun2503 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    371
    ค่าพลัง:
    +1,186
    แจ้งโอนค่าจัดส่งพระบรมครูฯ แล้วครับ ที่อยู่แจ้งทางPM ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. pom1967

    pom1967 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    214
    ค่าพลัง:
    +317
    นายชูกิจ พาพันธ์และนายกิติภูมิ พาพันธ์ส่งเงินค่าปู่ชีวกฯ200บาท
    ที่อยู่ในPM
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG.pdf
      ขนาดไฟล์:
      173.9 KB
      เปิดดู:
      89
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 กรกฎาคม 2016
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +16,533
    คุยกันสบายๆยามเย็นนะครับ

    ก็กลายเป็นเรื่องทอล์คออฟเดอะทาวน์ไปแล้ว สำหรับสีผึ้งพระสยมตอนนี้ เพราะหลายคนที่บูชาไปต่างบอกว่าอธิษฐานได้ เอาได้ จนเราต้องสวนขึ้นมาว่าเอาอะไร ซึ่งเค้าก็บอกกันว่าอธิษฐานอะไรกับเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ก็สำเร็จตามนั้นเค้าเลยบอกว่าเอาได้

    ซึ่งสีผึ้งนี้หลายคนที่ถามผมถึงวิธีการใช้ ก็จะบอกไปว่า ขณะวนสีผึ้งให้ปาดเนื้อสีผึ้งมาตรงภูติผีเสื้อมหากำเนิดก่อน ตรงจุดนั้นแหละ ปาดมาอธิษฐานอะไรก็ตั้งใจไว้ดีๆ นึกถึงครูพระสยมเป็นที่สุดก็ได้ เสร็จแล้วเอามาเจิมไว้ที่หน้าผากตนแบบอุณาโลม ระหว่างเจิมก็ให้คิดกำหนดจิตเรื่องที่ปรารถนาเรื่องเดิมอีกรอบ อันนี้ในกรณีที่จะใช้ ปกติท่านว่าแค่พกเฉยๆก็พอแล้ว

    ซึ่งก็มีเรื่องเข้ามาเล่าให้เราฟังกันตลอด ตั้งแต่ก้างปลาทูติดคอ ไม่รู้จะทำยังไง พี่ท่านนี้จึงเอาสีผึ้งมาอธิษฐานนึกถึงพระสยมกับภูติผีเสื้อ นำสีผึ้งมาป้ายลงที่ก้นแก้วน้ำใส่น้ำอธิษฐานดื่มกินสะเดาะกล้างปลาทูติดคอออก สำหรับคนที่ก้างปลาติดคอจะรู้ว่าน่ารำคาญขนาดไหน ผมเองยังไม่คิดเลยว่าจะมีคนนำไปใช้แบบนี้ ก็ตามที่บอกว่าใช้ได้ครอบจักรวาล

    อีกเรื่อง ผมเรียกพี่เค้าว่าเจ๊ เจ๊คนนี้เอาไปพกขายครีมและเครื่องสำอางที่ตลาดแห่งหนึ่ง เจ๊เค้าบ่นกับเราว่าช่วงนี้เงียบมาก อยากหาของไปช่วยค้าขาย จึงแนะนำสีผึ้งพระสยมไป ซึ่งตอนนี้เจ๊เค้าเอาไปอัดกรอบเลี่ยมห้อยคอแล้ว ผมยังงงอยู่เลยว่าทำไมไม่พก เค้าว่าเค้าฝันเห็นแม่ภูติผีเสื้อใจดีมาก ในฝันแม่มาช่วยเค้าหยิบจับขายของให้ตลอดเลย ซึ่งพอเจ๊เค้าบูชาไปก็ขายดีขึ้นจริงๆ ต้องขยายร้านเพิ่มขึ้นอีกล๊อคหนึ่งนำของใหม่ๆมาลงเพิ่มให้ลูกค้าเลือกอีก ทำยอดขายได้วันละเป็นหมื่นมีกำไรวันละหลายพันบาท เจ๊เค้าเล่าให้เราฟังว่าขายดีจนคนขายของในตลาดเดียวกัน สินค้าตัวเดียวกันราคาเหมือนกัน ยังงงว่าทำไมเราขายออกแต่เขายังเงียบ พากันมาขอดูว่าเจ๊ห้อยอะไร เอาไปยกมือไหว้กันเป็นแถว

    อีกเรื่องหนึ่ง พี่ท่านนี้ชอบออกทำบุญต่างจังหวัด ได้นำสีผึ้งใส่ประเป๋ากางเกงไปด้วยแล้วไปกราบพ่อแม่ครูอาจารย์สายหลวงปู่มั่น ซึ่งเค้าเล่าให้ผมฟังว่า หลวงปู่เค้าทักตัวเค้าว่าดูสิครูบาอาจารย์ตามมากันเต็มไปหมดแล้วท่านก็พนมมือไหว้ พร้อมกับพูดต่อว่าในกางเกงมีอะไร ควรหรือเอาไปใส่กางเกงแบบนั้น เค้าตกใจรีบล้วงกางเกงนำเอาสีผึ้งออกมาให้ท่านดู ซึ่งท่านก็รับไปพร้อมกับพูดว่าดีมากนะ ครูอยู่เยอะจังเลย เอาไว้สูงๆ ซึ่งเค้าก็มาเล่าให้ผมฟัง และถามผมว่าทำไมแรงขนาดนี้ ครูเขาไม่เคยทักเรื่องอะไรแบบนี้เลย ผมก็เลยบอกเค้าไปว่าคงเป็นครูบาอาจารย์์ยุคเก่าที่ท่านทำสีผึ้งไว้ เพราะพ่ออาจารย์ท่านเชิญมาช่วยกันเสกใหม่อีกรอบ ทั้งหลวงปู่ทิม หลวงพ่อทาบ หลวงพ่อมุ่ย หลวงปู่ศุข หลวงพ่อกวย หลวงพ่อดิ่ง หลวงพ่ออิ่ม ซึ่งพี่เค้าว่าเค้าไม่กล้าใช้เลย ได้แต่ไปอัดกรอบเหน็บไว้ในกระเป๋าเสื้อแทน

    น้องคนนึงที่บูชาไป รายนี้ตื่นเต้นมากมาจองพระจักรวาลชนนีต่อเลย เค้าให้เราไปส่งของพร้อมกับเล่าให้เราฟังว่า เค้าสวดโอมนะมัสศิวะเป็นประจำ เพราะคิดว่าในสีผึ้งมีพระศิวะ ก็เลยสวดถวายท่าน พอตกกลางคืนเค้าฝันเห็นห้องนอนตัวเองสั่นไหว มีเสียงดังลั่นสะเทือนไปหมดแล้วตรงที่วางสีผึ้งไว้ก็มีแสงสว่างมาก เค้าว่าสว่างจนแสบตามองไม่ได้เลย เค้าบอกว่าเกิดมายังไม่เคยเห็นองค์เทพเลย แต่เค้ากลับเห็นครูพระสยมในวันนั้นเอง เค้าเล่าว่าพอแสงหายไป เค้าเห็นองค์พ่อนั่งยิ้มอยู่องค์ท่านดูมีรัศมีแผ่ออกมาจึงเข้าไปกราบแบบตกใจที่เจอองค์พระศิวะ พร้อมกับปากพูดออกไปเองขอฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกท่านให้ท่านคอยช่วยเหลือเกื้อกูลตนเอง น้องเค้าว่าอยู่ดีๆองค์ท่านก็เอามือลูบหน้าอกขึ้นแล้วแบออกมาเป็นศิวลึงค์ขนาดใหญ่พร้อมกับยื่นมาวางไว้บนหัวของเค้า เค้าว่าในฝันเค้าปิติน้ำตานองหน้ามากไม่รู้ไหลมาตอนไหน คงเป็นเพราะรู้สึกว่าท่านรับเค้าแล้ว หลังจากนั้นก็จะสวดโอมนะมัสศิวะเป็นประจำแบบที่เคยทำ วันที่รับพระจักรวาลชนนีนั้นเค้าบอกผมว่าชีวิตเค้าดี๊ดี พร้อมกับยิ้มอย่างมีความสุข เราก็ถามว่าดียังไง เค้าว่าไม่มีใครเป็นผมไม่รู้หรอก มันดีไปหมด ทั้งเรื่องการงาน การเงิน ความรัก ทุกอย่างเอาว่าหูผมได้ฟังแต่เรื่องดีๆแล้วกัน เราฟังก็ตาลุก เค้าเลยหยอดให้อีกว่าตั้งแต่ท่านรับผม ทุกอย่างโคตรโอเคเลย ดูไม่อยากเล่าก็เลยได้แต่ยินดีด้วย

    สีผึ้งพระสยมนี้ ส่วนมากคนเดียวกันเล่าประสบการณ์เข้ามาหลายหนก็มี เพราะไปเจอเรื่องเมตตามหานิยมมหาเสน่ห์เข้า เขาว่าแบบนะจังงังเลย แต่ก็จะขอตัดไปไม่เอามาพูดในที่นี้เพราะคิดว่ามันไม่ใช่สาระและเรื่องที่ควรพูดกัน แต่ที่อยากพูดคือการขอได้ไหว้รับ อันนี้สำคัญมาก ก็ขอให้ขอกันเฉพาะสิ่งที่ดี เพราะอยากเห็นทุกคนมีชีวิตที่ดี ได้เจอสิ่งที่ดี มีปัจจุบันและอนาคตที่ดีนำมาเล่ามาบอกกัน เฉพาะบารมีครูพระสยมนี่ก็สุดๆแล้ว ยิ่งกว่ามหาบารมีอะไรไหนๆทั้งนั้น ก็สุดแล้วแต่จะใช้ ขอให้เจริญๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1403875688.jpg
      1403875688.jpg
      ขนาดไฟล์:
      112.1 KB
      เปิดดู:
      71
    • SAM_5096.JPG
      SAM_5096.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.5 MB
      เปิดดู:
      103
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กรกฎาคม 2016
  19. ปฏิภาณ บดส

    ปฏิภาณ บดส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +132
    โอนค่าจัดส่งให้แล้วนะครับตั้งอต่เมื่อวาน
     
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +16,533
    มาร

    อรุณสวัสดิ์ครับ

    พูดถึงมาร หลายคนความคิดคงเตลิดไปไกลคิดถึงยักษ์มารที่มีลักษณะน่ากลัวกันหมด พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าแท้จริงแล้วมารไม่ได้น่ากลัวและคนเราในโลกทุกวันนี้ก็ใช้ชีวิตอยู่กับอำนาจฝ่ายมารทั้งสิ้น

    เมื่อท่านทำมงคลสั่งฟ้านั้น ท่านได้บอกเอาไว้ว่า เพราะเรื่องบางเรื่องเทพเขาไม่ยุ่ง ยิ่งพระนั้นยิ่งไปกันใหญ่เลย ท่านจึงได้ทำมงคลสั่งฟ้าขึ้นเพื่อจะทดแทนสิ่งที่เทพพรหมไม่สามารถทำได้

    ทีนี้หลายคนมักคิดว่าเครื่องมงคลนี้เป็นวิชาของพญามาร นั่นคือเราก็ยังจำภาพยึดติดกับอดีตไม่ได้สนใจปัจจุบันกันอยู่ เราจะไปมองมุมร้ายๆของพญามารหรือท้าวมาลัยโดยลืมนึกไปว่าท่านกลับตัวแล้ว เหมือนท้าวผกาพรหม เหมือนพระองคุลิมาล เหมือนพญานาคนันโทปนันทะ

    พ่ออาจารย์ท่านมักจะพูดว่าจอมฟ้าหรือท้าวมาลัยนั้นก็คือเทพสูงสุดของฝ่ายมาร แต่สถานะปัจจุบันท่านคือบรมโพธิสัตว์ที่จะต้องสร้างบารมีจนกว่าจะได้ตรัสเป็นสมเด็จพระธรรมสามี ดังนั้นพระองค์จึงไม่ค่อยชอบอยู่เสวยสุขแต่บนสวรรค์ มักจะตรวจดูโลก อะไรที่เป็นการสร้างบารมี เป็นประโยชน์กับสัตว์ผู้ยากท่านจะทำทั้งหมด ท่านว่านี่ไม่เฉพาะท้าวมาลัยนะองค์บรมโพธิสัตว์ทั้งสิบมีลักษณะแบบนี้เช่นกันทุกองค์ เพราะท่านสร้างบารมีพุทธภูมิไว้เพื่อความบริบูรณ์ของพระศาสนาในอนาคตกาล ซึ่งต้องเข้าใจกันก่อนว่าขอบเขตของการสร้างบารมีนั้นยาวนานนัก เพราะว่าต้องสร้างสะสมเพาะบ่มกันเรื่อยไปจนกว่าจะได้ลงมาตรัสรู้นั่นเอง

    แต่ท้าวมาลัยเมื่อผู้ใดนับถือและบูชาพระองค์ท่านก็เสมอด้วยบูชาบรมโพธิสัตว์องค์หนึ่งอย่างไหว้พระศรีอาริย์เช่นนั้น แต่ที่พิเศษกว่านั้นเพราะสถานะในปัจจุบันของท่าน รับรองว่ามารซึ่งเป็นเทพบริวารทั้งหลายจะไม่ก่อกวน เรียกว่าไม่สิงสู่ด้วยฤทธิ์ทางใจ ไม่เข้าใกล้ทำอันตรายเราได้เลย ซ้ำเทพทั้งหลายก็มีแต่จะคอยเกื้อหนุนเสริมส่งเราเพราะเขาเกรงเดชานุภาพของท้าวมาลัยเช่นนี้

    อย่างที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสรับรองไว้เมื่อสมัยท้าวมาลัยยังหลงผิด ว่าพญามารนั้นมีโคตรเสมอด้วยพระอินทร์ ซ้ำยังมีฤทธานุภาพมากขนาดสิงสู่เล่นเอากับมหาพรหมทั้งหลายที่อยู่สูงกว่าตนได้ จึงไม่แปลกเลยที่เทพพรหมทั้งปวงจะเกรงขามท้าวมาลัยเป็นพิเศษ

    ดังนั้นพ่ออาจารย์จึงว่าสำหรับคนที่บูชาไปให้บูชาดีๆ หมั่นกำตะกรุดภาวนานึกถึงองค์ท้าวมาลัยท่าน ทำให้ตลอดไม่ใช่ว่าพอได้ดีหรือรู้สึกดีแล้วก็หยุด แล้วคอยดูความเปลี่ยนแปลง มันจะเปลี่ยนออกมาจากข้างใน ทำอะไรก็ปลอดโปร่งไปหมด ท่านว่าช่วยกันชนิดไม่ให้ชีวิตติดขัดเลย เพราะมนุษย์นั้นยังติดกับกิเลส ยังผูกชีวิตไว้ด้วยความต้องการ ความรัก ความห่วงใยต่างๆมากมาย นี่คือทางของท่าน เรียกว่าทางนี้ไม่มีใครใหญ่เกินท่านก็ไม่ผิด ดังนั้นเมื่อจะบูชาสิ่งใดท่านว่าควรใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์ เหมาะกับหน้าที่จึงจะตรงงาน เมือจะอาราธนาก็ตั้งจิตเคารพในพระโพธิญาณอันจะเกิดในอนาคตกาลเบื้องหน้าของท้าวมาลัยเป็นที่สุด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 035.jpg
      035.jpg
      ขนาดไฟล์:
      139.7 KB
      เปิดดู:
      60
    • bb01.gif
      bb01.gif
      ขนาดไฟล์:
      55.9 KB
      เปิดดู:
      105

แชร์หน้านี้

Loading...