พระที่สร้างโดยคำสั่ง หลวงปู่เทพโลกอุดร พระรอดเชียงดาว / จิ๋วแต่แจ๋ว พระปิดตา ลพ ยิด

พระรอดเชียงดาวดีอย่างไร

1.เจตนาสร้างเพื่อใช้ป้องกันภยันตรายในยุคสมัยนี้
2.ใช้เวลาในการเดินทางรวบรวมมวลสารทั่วทุกที่เป็นเวลานาน 3 ปี
3.สร้างโดยคำสั่งของหลวงปู่เทพโลกอุดร
4.นักเลงตีไก่นำพระมาแช่น้ำทำน้ำมนต์อาบไก่ชน
5.ปลุกเสกโดยหลวงปู่เทพโลกอุดร(โดยการผ่านญาณอาจารย์ศักดา )
6.พระรอดเชียงดาว มีความเก่า 22 ปี (สร้างตั้งแต่ปี พศ.2537 ถึงวันนี้ พศ.2559)
7.พระรอดเชียงดาวทุกองค์ได้บรรจุพระบรมสารีริกธาคุ
8.พระรอดเชียงดาว รุ่นพิเศษ บรรจุ
พระธาตุพระสิวลี ที่ด้านหลัง
บางองค์บรรจุ ธาตุกายสิทธิ เพชรหน้าทั่ง ไว้ด้านหลัง


เหตุที่ต้องสร้างพระรอดเชียงดาว
ข้อมูลจากหนังสือ อาจารย์ศักดา สกุลพนารักษ์

ท่านผู้อ่านที่เคารพ ท่านคงจะสงสัยว่า เพราะเหตุใด ข้าพเจ้า (อาจารย์ศักดา สกุลพนารักษ์ ) และคณะ จึงต้องทนต่อความยากลำบากเสี่ยงต่อภยันตรายต่าง ๆ ในการเดินทาง เพื่อเสาะแสวงหามวลสารศักดิ์สิทธิ์ตามสถานที่ต่าง ๆ สำหรับในการสร้าง “พระรอดเชียงดาว” ข้าพเจ้าหวังอะไร หวังความร่ำรวย หวังทรัพย์สินเงินทอง หรือ? เปล่าเลย

อันความเป็นจริงแล้ว ข้าพเจ้าไม่มีความรู้ และไม่เคยศึกษาในเรื่องการสร้างพระเครื่องเลย และก็ไม่เคยได้คิดว่าในชั่วชีวิตของข้าพเจ้านั้น จะต้องมาสร้างพระเครื่อง แต่เหตุการณ์เกิดขึ้นกับข้าพเจ้า จนข้าพเจ้าจะปฏิเสธและหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย ลองติดตามข้าพเจ้ามา…


ท่านผู้อ่านที่เคารพ ท่านคงจะสงสัยว่า เพราะเหตุใด ข้าพเจ้า (อาจารย์ศักดา สกุลพนารักษ์ ) และคณะ จึงต้องทนต่อความยากลำบากเสี่ยงต่อภยันตรายต่าง ๆ ในการเดินทาง เพื่อเสาะแสวงหามวลสารศักดิ์สิทธิ์ตามสถานที่ต่าง ๆ สำหรับในการสร้าง “พระรอดเชียงดาว”

ข้าพเจ้าหวังอะไร หวังความร่ำรวย หวังทรัพย์สินเงินทอง หรือ? เปล่าเลย อันความเป็นจริงแล้ว ข้าพเจ้าไม่มีความรู้ และไม่เคยศึกษาในเรื่องการสร้างพระเครื่องเลย และก็ไม่เคยได้คิดว่าในชั่วชีวิตของข้าพเจ้านั้น จะต้องมาสร้างพระเครื่อง แต่เหตุการณ์เกิดขึ้นกับข้าพเจ้า จนข้าพเจ้าจะปฏิเสธและหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย ลองติดตามข้าพเจ้ามา…

ข้าพเจ้าได้รับคำสั่งจากหลวงปู่เทพโลกอุดรให้ไปพบครูบาอินทร ปัญญาวัฒโน ที่วัดสันป่ายางหลวง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน เมืองต้นกำเนิด

“พระรอดมหาวัน” อันลือลั่น ตั้งแต่เดือนเม.ย. 2534 โดยบอกว่า ครูบาอินทรนั้น อดีตชาติท่านเป็นผู้สร้างพระรอดมหาวัน ลำพูน เมื่อท่านกลับชาติมาเกิดใหม่ ท่านก็ได้สร้างพระรอดอีก แต่ทว่าสร้างได้เพียง 60,000 องค์ยังขาดอีก 24,000 องค์ หลวงปู่จึงให้ข้าพเจ้าไปพบครูบาอินทร์
ข้าพเจ้าจึงจำเป็นต้องไปด้วยเหตุผลบางอย่างที่มิอาจปฏิเสธได้ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย

ครั้นเมื่อข้าพเจ้าเดินทางไปพบแล้ว ได้กราบนมัสการถึงหลวงปู่เทพโลกอุดรที่สั่งให้ข้าพเจ้ามาพบ ครูบาอินทรถึงกับสะดุ้ง และท่านก็เชื่ออย่างสนิทใจ เพราะว่านอกจากหลวงปู่เทพโลกอุดรแล้ว ไม่มีใครทราบเรื่องนี้ ซึ่งเป็นเรื่องในอดีตชาติของท่าน

ปัจจุบันครูบาอินทร์มีอายุเพียง 30 ปีเศษเท่านั้น ท่านได้นำพระรอดที่ท่านได้สร้างไว้ในปัจจุบันชาติมาให้ข้าพเจ้าดู ข้างหลังมีอักษร อ.อ่าง ซึ่งเป็นชื่อย่อของท่าน ท่านบอกว่า ท่านสร้างไว้เพียง 60,000 องค์จริง

แต่เวลานี้แจกไปเกือบจะหมดแล้ว ผู้ที่นำไปใช้ปรากฏว่าอยู่ยงคงกระพัน แคล้วคลาด พวกนักเลงตีไก่นำเอาไปแช่น้ำทำน้ำมนต์ แล้วเอาน้ำนั้นอาบให้ไก่ ปรากกฎว่า เวลานำไก่ชนกันไม่มีแตกเลย

พวกที่ถูกเกณฑ์ทหารกลัวจะถูกทหาร ก็นำไปอมไว้ในปากแล้วภาวนา เวลาจับใบดำใบแดง ปรากฏว่า รอดกลับมาทุกคน ท่านเองประสงค์จะสร้างต่อแต่ว่ามีภารกิจมาก แล้วท่านก็หลับตาอยู่ครู่หนึ่งแล้วบอกว่า “อาจารย์ศักดานั่นแหละจะต้องเป็นผู้สร้างต่อให้ครบตามจำนวน 84,000 องค์

จะได้ไว้แจกจ่ายให้แก่บรรดาลูกศิษย์เพื่อป้องกันภยันตรายทั้งปวง" แล้วท่านก็มอบแม่พิมพ์พระรอดเชียงดาวให้กับข้าพเจ้า พร้อมกับได้สอนวิธีการสร้างพระรอดให้อีกด้วย แต่ให้ดัดแปลงด้านหลังองค์พระรอดเป็น ศ.ศาลา และมีเลข 1 กำกับรุ่นและยังได้มอบผงดินที่ยังเหลือให้มาด้วย

บอกให้ไปค้นหาผงอิทธิเจตามถ้ำศักดิ์สิทธิ์ ดินจากสถานที่ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน ดินจากคันธกุฏิของพระอรหันต์ทั้ง 8 พระองค์สมัยพุทธกาลเช่น พระสีวลี พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร พระอานนท์ ฯลฯ

น้ำศักดิ์สิทธิ์จากแม่น้ำคงคา จากสระสรงน้ำตามอารามต่าง ๆ ณ สถานที่ซึ่งพระพุทธเจ้าเคยประทับจำพรรษา ใบโพธิ์จากต้องพระศรีมหาโพธิ์ พุทธคยา


ข้าพเจ้าได้ใช้เวลาในการรวบรวมมวลสารและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดสำหรับการสร้าง “พระรอดเชียงดาว” เป็นเวลานานถึง 3 ปี

และได้มีคุณภิญโญ เอกอธิคมกิจ ได้กรุณามอบผงอิทธิเจที่ศักดิ์สิทธิ์มาให้อีกด้วย พร้อมทั้งได้ช่วยกรุณาแนะนำวิธีการสร้างพระรอดเชียงดาวอย่างละเอียดให้แก่ข้าพเจ้าอีกด้วย อีกทั้งปู่อาฬารดาบสท่านแนะนำให้เอาผงเพชรน้ำค้างที่เหลือจากการเจียระไน นำมาบดเป็นผงผสมรวมเข้าไปด้วย

นอกจากนี้คุณวิกิจ เหล่าษมาภรณ์ ได้กรุณามอบ “เพชรหน้าทั่ง” จำนวนหนึ่งมาให้ เพื่อบรรจุรวมในพระรอดรุ่นพิเศษ และอีกท่านหนึ่งที่จะต้องพูดถึงไว้ ณ ที่นี้คือ

คุณประเสริฐ ภัทรประสิทธิ์ ฆราวาสนักบุญผู้มีจิตอันเปี่ยมด้วยเมตตาท่านเป็นผู้ให้ความช่วยเหลืออนุเคราะห์เรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในขณะที่ข้าพเจ้าและคณะออกเดินทางเพื่อหามวลสารต่าง ๆ ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย เพื่อใช้เป็นส่วนผสมในการสร้าง “พระรอดเชียงดาว”

ถ้าขาดท่านที่ได้กล่าวนามมาแล้ว งานสำคัญชิ้นนี้คงไม่อาจสำเร็จลงได้และที่เป็นแรงบันดาลใจอันสำคัญคือ ความร่วมมือของลูกศิษย์ทุกคนของข้าพเจ้า


ดวงวิญญาณของทหารกล้า

เมื่อข้าพเจ้าได้ผลมวลสารต่าง ๆ มาครบแล้ว ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังทำพิธีผสมผงเพื่อสร้างพระรอดเชียงดาวอยู่นั้นเอง เมื่อถ่ายรูปออกมาได้ปรากฏ

ดวงวิญญาณเป็นจำนวนมากในรูป และเงาสีน้ำตาลขนาดใหญ่มาเฝ้าดูการผสมผงพระรอดเชียงดาว พร้อมทั้งให้คำแนะนำวิธีการผสมผงอยู่ตลอดเวลา

อันเป็นนิมิตหมายแสดงถึงว่า เทพพรหมเบื้องบนท่านรับรู้ พร้อมด้วยวิญญาณของทหารกล้า บรรพบุรุษของเรา ผู้ที่ได้อุทิศเลือดเนื้อแม้กระทั่งชีวิตเพื่อพิทักษ์ผืนแผ่นดินไทยไว้ให้ลูกหลานเหลนไทยได้อยู่อาศัย ด้วยความรัก สามัคคี

แต่ถ้าดวงวิญญาณของท่านหยั่งรู้ว่า ลูกหลานเหลนไทยของเรา หาได้ประพฤติตนตามที่หวังไม่ แต่กลับมาทะเลาะเข่นฆ่ากันเพื่อแย่งชิงอำนาจกัน ท่านคงจะนอนตาไม่หลับเป็นแน่

ดวงวิญญาณเหล่านั้นได้มาร่วมอนุโมทนาในการสร้าง “พระรอดเชียงดาว” จำนวน 84,000 องค์ ตามที่ได้รับบรรพชาจากหลวงปู่เทพโลกอุดร อีกทั้งครูบาอินทร์ ปัญญาวัฒโน เป็นเจ้าอาวาสวัดสันป่ายางหลวง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ซึ่งในอดีตท่านคือผู้สร้างพระรอดลำพูนได้ขอร้องให้ข้าพเจ้าสร้าง เพื่อนำมาแจกจ่ายให้แก่บรรดาศิษย์ ใช้ป้องกันภยันตรายต่าง ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้าไม่นานนี้

นั่นคือสิ่งที่บรรพบุรุษของเราได้เคยเล่าขานสืบทอดต่อกันมาว่า จะเกิดเหตุเภทภัย กลียุค ยุคทมิฬ เลือดจะนองแผ่นดิน น้ำจะท่วมท้องช้าง เพราะคนเสื่อมศีลเสื่อมธรรม เห็นแก่ตัว โลภไม่เกรงกลัวบาป เบียดเบียนซึ่งกันและกัน เพราะว่า หากคนในบ้านในเมืองใดขาดซึ่งศีลธรรมเสียแล้ว บ้านนั้นเมืองนั้นต้องถึงซึ่งความวิบัติ โบราณท่านได้บอกและสอนลูกสอนหลานไว้สืบทอดกันมาว่า อย่าให้คนผิวหุงข้าว อย่าให้คนโลภครองเมือง

ขณะนี้พระรอดเชียงดาวได้สร้างและทำพิธีพุทธาภิเษกเสร็จแล้ว เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2537 มีเหตุมหัศจรรย์เกิดขึ้นในวันที่ทำพิธีพุทธธาภิเษก คือข้าพเจ้าได้นิมนต์ พระอริยะสงฆ์จากจังหวัดสุพรรณบุรีมาจำนวน 9 รูป แต่ท่านมาได้เพียง 8 รูป คงขาดอีก 1 รูป เนื่องจากอาพาธมาไม่ได้ ขณะที่เรากำลังคิดกันว่า จะไปนิมนต์พระอริยะสงฆ์อีก 1 รูปได้ที่ไหน ในระยะเวลาอันกระชันชิดเช่นนี้ เพราะต้องการให้ครบ 9 รูป เพื่อความสิริมงคล ก็ได้มีพระภิกษุรูปหนึ่งโดยไม่ทราบมาจากไหน เดินเข้ามาในห้องพิธีแล้วเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกพระรอดเชียงดาว ในวันนั้นด้วย

เมื่อพระกลับไปหมดแล้ว พวกเราต่างก็สอบถามกันว่า พระสงฆ์รูปสุดท้ายที่มาร่วมพิธีนั้น ผู้ใดเป็นผู้ไปนิมนต์ท่านมาจากสำนักไหน ปรากฏว่าพวกเราทุกคนไม่มีใครทราบเลย ขณะที่พวกเรากำลังงงกันอยู่นั้น

หลวงปู่เทพโลกอุดรได้ผ่านญาณของข้าพเจ้าแล้วทำพิธีปลุกเสก “พระรอดเชียงดาว” ท่ามกลางคณะผู้ร่วมพิธีนับ 100 คน

เมื่อท่านผ่านญาณนั้น มีพลังบางอย่างเกิดแสงสว่างไสวไปทั่วห้องพิธี เมื่อถ่ายรูปออกมาปรากฏ แสงสีเหลือง แดง ขาว สว่างไสวในภาพ เป็นที่น่ามหัศจรรย์อย่างยิ่ง หลวงปู่เทพโลกอุดรท่านมาทำพิธีปลุกเสกเกือบครึ่งชั่วโมงจึงกลับไป

ข้อมูลจากหนังสือ อาจารย์ศักดา สกุลพนารักษ์

 

ติดตามครับ

 

ขอบคุณครับ

 

ความรู้จากหนังสือ ตรวจพลังพระเครื่องด้วยพลังจิต โดยคนเห็นผี
ซึ่งเป็นนามปากกาของอาจารย์อาชวิน ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับรัศมีพลังพระเครื่องว่า
พระสมเด็จ วัดระฆัง รัศมีพลัง มากกว่า 5 เมตร
พระสมเด็จบางขุนพรหม รัศมีพลัง มากกว่า 5 เมตร
พระสมเด็จเกศไชโย รัศมีพลังมากกว่า 5 เมตร
พระรอด วัดมหาวัน ลำพูน มีรัศมีพลังมากกว่า 5 เมตร

 

**จากการตรวจพลังพระรอดเชียงดาว ด้วยแพนดูลั่ม พลังจิต
พบว่า พระรอดเชียงดาว
มีพลังด้าน แคล้วคลาด คงกระพัน โชคลาภ พุทธบารมี และพลังอำนาจ
รัศมีพลัง มากกว่า 5 เมตร (ข้อมูลจากประสบการณ์ส่วนต้ว)

ซึ่งแสดงให้เห็นว่า

พระรอดเชียงดาว มีพลังพุทธคุณเท่ากับ พระรอดมหาวัน
ที่มีราคาหลักล้านบาท (พระรอดมหาวัน เป็นสุดยอดหนึ่งในห้าพระเครื่องที่มีราคาแพง มากในประเทศ )

 

ผมได้ค้นดูพระเครื่องที่สะสมไว้
พบพระรอดเชียงดาว จำนวน 4 องค์

แบ่งเป็น
พระรอดเชียงดาว รุ่นพิเศษ บรรจุ
พระบรมสารีริกธาตุด้านหน้า และ บรรจุพระธาตุพระสิวลีด้านหลัง จำนวน 3 องค์

พระรอดเชียงดาว รุ่นพิเศษ บรรจุ
พระบรมสารีริกธาตุด้านหน้า และ บรรจุธาตุกายสิทธิ (น้องๆเหล็กไหล)
คือ เพชรหน้าทั่ง ด้านหลัง จำนวน 1 องค์

มีเพียง 4 องค์เท่านั้นครับ
และตรวจพลังด้วยแพนดูลั่วแล้ว ก็มีพลังทุกองค์

(ท่านที่สนใจ ต้องการตรวจพลังพระเครื่อง
แจ้งผลตรวจทางอีเมล์ ดูได้จากกระทู้ ตรวจพลังพระเครื่องด้วยแพนดูลั่ม )

 

1.พระรอดเชียงดาว รุ่นพิเศษ บรรจุ
พระบรมสารีริกธาตุด้านหน้า และ บรรจุพระธาตุพระสิวลีด้านหลัง
มีกล่องเดิม จองแล้ว

ให้บูชา 550 บาท +ems 50 บาท

โอนเงินที่บัญชี
นายเอกณัฐยศ พานิชย์ไพศาลกูล
ธนาคารกรุงเทพ สะสมทรัพย์ สาขาบางใหญ่
บัญชีเลขที่ 2210863557
ให้สิทธจองไม่เกิน 3 วันนะครับ

นอกเวปติดต่อที่ 0897458432

 

2.พระรอดเชียงดาว รุ่นพิเศษ บรรจุ
พระบรมสารีริกธาตุด้านหน้า และ บรรจุพระธาตุพระสิวลีด้านหลัง
ไม่มีกล่องเดิม จองแล้ว

ให้บูชา 550 บาท +ems 50 บาท

โอนเงินที่บัญชี
นายเอกณัฐยศ พานิชย์ไพศาลกูล
ธนาคารกรุงเทพ สะสมทรัพย์ สาขาบางใหญ่
บัญชีเลขที่ 2210863557
ให้สิทธจองไม่เกิน 3 วันนะครับ

นอกเวปติดต่อที่ 0897458432

 

ขอจององค์ที่ 1 ครับ
องค์ที่บรรจุเพชรหน้าทั่งออกให้บูชาด้วยหรือเปล่าครับ? จะได้จองทีเดียว

 

รับทราบการจองครับ

องค์ที่บรรจุเพชรหน้าทั่งก็ออกให้บูชาครับ

 

3.พระรอดเชียงดาว รุ่นพิเศษ บรรจุ
พระบรมสารีริกธาตุด้านหน้า และ บรรจุพระธาตุพระสิวลีด้านหลัง
มีพระธาตุสิวลี จำนวน 2 องค์ (เคล็ดคือ ทวีลาภ หรือ ลาภกำลังสอง )
ไม่มีกล่องเดิม จองแล้ว


ให้บูชา 650 บาท +ems 50 บาท

โอนเงินที่บัญชี
นายเอกณัฐยศ พานิชย์ไพศาลกูล
ธนาคารกรุงเทพ สะสมทรัพย์ สาขาบางใหญ่
บัญชีเลขที่ 2210863557
ให้สิทธจองไม่เกิน 3 วันนะครับ

นอกเวปติดต่อที่ 0897458432

 

4.พระรอดเชียงดาว รุ่นพิเศษ บรรจุ
พระบรมสารีริกธาตุด้านหน้า และ บรรจุธาตุกายสิทธิ เพชรหน้าทั่งด้านหลัง
มีกล่องเดิม จองแล้ว

ให้บูชา 1000 บาท +ems 50 บาท

โอนเงินที่บัญชี
นายเอกณัฐยศ พานิชย์ไพศาลกูล
ธนาคารกรุงเทพ สะสมทรัพย์ สาขาบางใหญ่
บัญชีเลขที่ 2210863557
ให้สิทธจองไม่เกิน 3 วันนะครับ

นอกเวปติดต่อที่ 0897458432

 

ขอจององค์ที่ 3 กับ 4 ครับ

 

ขอขอบคุณ คุณsumobaimon
ที่ให้ความสนใจในพระรอดเชียงดาวนะครับ
ผมขอรับจอง พระรอดเชียงดาวเฉพาะ องค์ที่ 3 ที่บรรจุพระธาตุพระสิวลี 2 องค์นะครับ

เนื่องจาก พระรอดเฃียงดาวองค์ที่บรรจุเพชรหน้าทั่ง ได้มีผู้จองไว้ก่อนแล้วครับ
ต้องขออภัยด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ

 

จององค์ที่ 2 ครับ

 

รับทราบการจองครับ
ขอบคุณครับ

 

ประวัติหลวงพ่อยิด จันทสุวัณโน วัดหนองจอก

ประวัติ พระครูนิยุตธรรมสุนทร (หลวงพ่อยิด)
พระครูนิยุตธรรมสุนทร มีนามเดิมว่า ยิด นามสกุล สีดอกบวบ เกิดที่บ้านดอนหัวกรวด ตำบลนาพันสาม อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี จากใบสุทธิระบุว่าท่านกำเนิดเมื่อวันที่อังคาร ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 7 ปีชวด ตรงกับวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2467 แต่จากปากคำของท่านเล่าว่า ท่านเกิดวันจันทร์ ปีชวด พ.ศ. 2460 โยมบิดาชื่อ แก้ว โยมมารดาชื่อ พร้อย มีพี่น้องรวม 7 คน ท่านเป็นบุตรชายคนที่ 4


ในวัยเยาว์ โยมบิดา-มารดาได้นำไปฝากเรียนหนังสือกับ หลวงพ่อหวล วัดนาพรม ที่มีศักดิ์เป็นน้าของท่าน จนมีอายุได้ 9 ขวบ จึงได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดนาพรม โดยมีหลวงพ่อหวล เป็นพระอุปัชฌาย์ ศึกษาอักขระสมัย อักขระขอม เลขยันต์ และแพทย์แผนโบราณ ภายหลังหลวงพ่อหวลได้พาไปฝากศึกษาต่อกับ หลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง เพื่อศึกษาด้านวิปัสสนากัมมัฏฐาน

พออายุได้ 14 ปี ท่านได้ลาสิกขาบทออกมาช่วยโยมบิดา-มารดาประกอบอาชีพ เพราะครอบครัวย้ายไปประกอบอาชีพที่อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ขณะนั้นครอบครัวของท่านมีความลำบากยากจน ท่านจึงต้องช่วยครอบครัวประกอบอาชีพ....


อายุได้ 20 ปี จึงได้บรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดนาพรม โดยมี หลวงพ่ออินทร์ วัดยาง (เจ้าคณะจังหวัดเพชรบุรีในขณะนั้น) เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อหวล วัดนาพรม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอาจารย์พ่วง วัดสำมะโรง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา จนฺทสุวณฺโณ แปลว่า ผู้มีวรรณะดุจพระจันทร์

ขณะบวชนั้น ท่านได้เดินทางไปศึกษาด้านวิปัสสนากัมมัฏฐานกับหลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง ต่อมาโยมบิดาของท่านได้เสียชีวิตลง ท่านจึงลาสิกขาเพื่อกลับไปดูแลโยมมารดาและครอบครัว ภายหลังท่านได้แต่งงานมีครอบครัวกับนางธิต มีบุตรด้วยกัน

แต่ด้วยจิตใจที่ใฝ่ทางธรรมและเห็นว่าบุตรของท่านเติบใหญ่เลี้ยงตนเอง ได้ ครอบครัวอยู่กินได้อย่างไม่เดือนร้อน ท่านจึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุอีกครั้ง ณ พัทธสีมาวัดเกาะหลัก อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในปี พ.ศ. 2517 และได้ไปจำพรรษาที่วัดทุ่งน้อย ตำบลเขาแดง อำเภอกุยบุรี

ต่อมาได้มีผู้จิตศรัทธา 2 ท่าน คือ นางวง บุญมา และนางเอื้อน เกตุงาม มีความเคารพเลื่อมใสหลวงพ่อยิดเป็นอันมาก จึงได้ถวายที่ดินจำนวน 21 ไร่ 2 งาน ตั้งอยู่ที่เลขที่ 67 หมู่ที่ 3 ตำบลดอนยายหนู อำเภอกุยบุรี เพื่อให้หลวงพ่อยิดไปจำพรรษา กอปรกับหลวงพ่อยิดมีความคิดเห็นว่าญาติโยมในบริเวณนั้นต้องเดินทางไปทำบุญ ไกล ท่านจึงตัดสินใจสร้างสำนักสงฆ์ขึ้น ณ ที่ดังกล่าวเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2518 โดยให้ชื่อว่า สำนักสงฆ์พุทธไตรรัตน์

แรกๆ หลวงพ่อยิดปลูกกระต๊อบหลังเล็กๆ เป็นที่อาศัย ท่านค่อยๆ ถากถางเรื่อยไป จนพื้นที่ที่เคยรกดูสะอาดเป็นสัดส่วนขึ้นตามลำดับ บรรดาลูกศิษย์ลูกหาเก่าๆ เมื่อทราบข่าวของท่าน จึงมาช่วยกันพัฒนาจนเป็นรูปเป็นร่าง และได้ขออนุญาตสร้างเป็นวัดเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2527 และได้รับอนุญาตให้ตั้งชื่อว่า วัดหนองจอก โดยใช้ชื่อของท้องถิ่นเป็นชื่อวัด ในปี พ.ศ. 2528



งานสาธารณประโยชน์
- สร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดดอนยาง อำเภอประทิว จังหวัดชุมพร
- สร้างศาลาอนามัยที่บ้านเขาแดง
- ร่วมสร้างที่ว่าการอำเภอกุยบุรี
- ร่วมสร้างอาคารโรงเรียนดอนกลาง
- มอบรถฉุกเฉินรถตู้ พร้อมอุปกรณ์สื่อสารให้กับสถานีตำรวจภูธรอำเภอกุยบุรี
พ.ศ. 2535 ได้รับแต่งตั้งสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ พระครูนยุตธรรมสุนทร

หลวงพ่อยิด เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงกิตติศัพท์เลื่องลือเป็นที่โจษขานมาตั้ง แต่ท่่านยังเป็นหนุ่ม ท่านศึกษาเล่าเรียนวิชาอาคมหลายแขนงจากครูบาอาจารย์หลายท่าน อาทิ หลวงพ่อหวล วัดนาพรม (วัดประดิษฐนาราม) หลวงตาพูล วัดนาพรม และหลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง รวมทั้งวิชาแพทย์แผนโบราณ

ชื่อเสียงของหลวงพ่อยิดเป็นที่รู้จักเพราะวัตถุมงคลที่ท่านจัดสร้างและปลุกเสก มีลูกศิษย์นำไปบูชาล้วนแต่มีประสบการณ์ เกิดอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์มากมาย ทำให้ท่านเป็นที่เคารพศรัทธามากขึ้นเป็นทวีคูณ

วัตถุมงคลของหลวงพ่อยิดทุกๆ รุ่น ถ้าผ่านการปลุกเสกแล้วเชื่อได้เลยว่าดีแน่ ประชาชนทั่วไปจะรู้จักท่านเกี่ยวกับ ปลัดขิก เพราะท่านสามารถปลุกเสกปลักขิกลุกตั้งได้สามารถพิสูจน์ได้ จึงทำให้ท่านโด่งดังมาก และยิ่งได้มาพบมารู้จักท่านก็ยิ่งเลื่อมใสศรัทธา สำหรับปลัดขิกที่ผ่านการปลุกเสกจากท่าน มีรายละเอียดดังนี้
1. ไม่มีคาถากำกับ
2. การค้าขาย ใช้เอาไปทิ่มกับของที่ขาย ไม่นานจะเห็นผลและจะค้าขายดีอย่างเทน้ำเทท่า
3. งูมีพิษจะอ้าปากไม่ขึ้นถ้าเราเหยียบ หรือนอนทับงูจะตาย
4. เรื่องแมลงสัตว์กัดต่อย เช่น ตะขาบ แตน ต่อ แมงป่อง เอาไปวนบริเวณที่ถูกกัดต่อยจะหายเป็นปลิดทิ้ง

ประสบการณ์ปลัดขิก
พ.อ.อ.ศักดิ์ชัย ทรงโกมล สังกัด กองบิน 5 ประจวบฯ เล่าว่าลูกชายของเขาตอนอายุประมาณ 11 ขวบ ถูกต่อหัวเสือ 3 ตัว ต่อยเข้าที่ศีรษะ ร้องด้วยความเจ็บปวด จึงนึกถึงหลวงพ่อยิด จึงนำปลัดขิกของหลวงพ่อยิดขึ้นมาอาราธนาแล้วจิ้มลงไปที่บริเวณที่โดนต่อย ปรากฏว่าลูกชายหายปวดและหยุดร้องได้

นอกจากนี้ยังมีพ่อค้าคนจีนทำอัญมณีส่งต่งประเทศ เมื่อส่งของไปแล้วถูกส่งกลับคืนมาอ้างว่าของไม่มีคุณภาพ พ่อค้าท่านนี้กลุ้มใจมาก มีคนนำไปหาหลวงพ่อยิด ท่านจึงมอบปลัดขิกและบอกให้นำไปทิ่มที่ของซึ่งเป็นชุดเดียวกับที่ถูกส่งกลับ คืน แล้วส่งไปอีกครั้ง ปรากฏว่าทางต่างประเทศชมมาว่าของชุดนี้ถูกใจมาก

หลวงพ่อยิดเสกน้ำทะเลจืด
เป็นที่รู้กันของชาว บ้านในแถบทุ่งน้อยและเขาแดงว่า หลวงพ่อยิดเสกน้ำทะเลจืดได้ จากปากคำของคุณวิเชียน อ่วมอ้อ เล่าว่า เมื่อครั้งหลวงพ่อยิดเป็นฆราวาส คุณวิเชียรยังมีอายุได้ 17 ปี ได้ตามหลวงพ่อยิดออกทะเลจับปลา จึงเตรียมน้ำจืดไปไว้ดื่มแต่ไม่เห็นหลวงพ่อยิดเตรียมน้ำไปด้วย ขณะพักกินข้าวกลางวันเห็นหลวงพ่อยิดเอามือกอบน้ำทะเลดื่ม จึงลองดื่มบ้างปรากฏว่า เค็ม บ้วนทิ้งแทบไม่ทัน หลวงพ่อยิดมองแล้วอมยิ้ม จากนั้นท่านจึงเอามือวนในน้ำทะเลเป็นวงกลม แล้วให้คุณวิเชียนเอามือกอบน้ำในวงกลมดื่ม ปรากฏว่าน้ำนั้นไม่เค็มเหมือนน้ำทะเลแต่จืดเหมือนน้ำบ่อ

หลวงพ่อยิดสรงน้ำปีละครั้ง
หลวงพ่อยิด เรียนคาถาเลขยันต์จากอาจารย์ของท่าน อาจารย์บอกว่าตะจ้องรับสัจจะว่าจะอาบน้ำ (สมัยฆราวาส) ปีละครั้ง ท่านก็รับปากอาจารย์จึงสอนวิชาให้ เมื่อท่านเรียนวิชาจบแล้วท่านก็อาบน้ำ จนกระทั่งบวชเป็นพระท่านก็สรงน้ำปีละครั้งตลอดมาในเดือน 4 วันอาทิตย์แรกของข้างแรม
หลวงพ่อยิดสรงน้ำปีละครั้ง ลูกศิษย์และผู้ที่เคารพศรัทธาจะเอาแปรงทองเหลืองขัดตัวท่าน ท่านจะยิ้มเพราะไม่เจ็บไม่ระคายผิวหลังท่านเลย

วันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 หลวงพ่อยิดเกิดอาพาธ ปัจจุบันทันด่วน ด้วยโรคเส้นโลหิตในสมองแตก และได้เข้ารักษาตัวห้อง I.C.U โรงพยาบาบตำรวจและมรณภาพลงด้วยอาการสงบในวันที่ 31 กรกฏาคม พ.ศ. 2538 เวลา 03.50 น. คณะศิษย์ได้นำสังขารของท่านบรรจุไว้ในโลงแก้ว และได้รับพระราชทานเพลิงศพในวันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2540 เวลา 14.00 น. ณ เมรุวัดหนองจอก

ที่มา หลวงพ่อยิด จันทสุวัณโน - หลวงพ่อยิดวัดหนองจอก

 

ขอแนะนำพระผงของหลวงพ่อยิด
ที่ดี และมีพลังคุ้มตัวได้
สร้างเมื่อ ประมาณ ปี2538
เป็นพระปิดตา เนื้อผง

ได้ตรวจพลังด้วยแพนดูลั่มได้ผล
ทางเมตตา
ค้าขาย
แคล้วคลาด
โชคลาภ (จากการทำงาน )

พระปิดตารุ่นนี้ เหมาะสำหรับ
ท่านที่ต้องทำงานเกี่ยวกับ

การติดต่อค้าขาย
การเจรจา
ประชาสัมพันธ์
พนักงานออฟฟิต

 

โอนเงินให้แล้วนะครับ รายละเอียดแจ้งทาง PM ครับ

 

รับทราบครับ
ขอบคุณครับ