ตำนาน หลวงปู่เทพโลกอุดร ตอนที่ 1

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย phuang, 29 กรกฎาคม 2005.

  1. phuang

    phuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,033
    ค่าพลัง:
    +10,043
    <TABLE borderColorDark=#f3f3f3 width="80%" borderColorLight=#f3f3f3 border=1><TBODY><TR bgColor=#6699ff><TD class=white10bc width="100%">Religion : ตำนาน หลวงปู่เทพโลกอุดร ตอนที่ 1</TD></TR><TR><TD style="MARGIN-LEFT: auto; WIDTH: 99%; COLOR: #000000; MARGIN-RIGHT: auto" width="100%" bgColor=#ffffff><CENTER>[​IMG]</CENTER>
    ทำไมต้องชื่อ " เทพโลกอุดร "
    ก่อนจะได้เขียนถึงเรื่องนี้ ผู้เขียนขอออกตัวสักเล็กน้อยว่า เรื่องที่จะเล่าต่อไปยังเป็นอีกเรื่องหนึ่งหาข้อยุติกันไม่ได้ กล่าวคือยังมีการถกเถียงกันถึงตัวตนอันแท้จริงของศิษย์หลวงปู่ เทพโลกอุดรท่านนี้ แต่อย่างไรก็ตามข้อมูลที่พอจะสรุปร่วมกันได้ก็คือ ทุกฝ่ายต่างลงความเห็นร่วมกันว่าเป็นศิษย์หลวงปู่เทพโลกอุดร ผู้มีเชื้อสายพระมหากษัตริย์พระองค์นี้มีพระศักดิ์เป็น "กรมพระราชวังบวร" ทรงดำรงตำแหน่ง วังหน้า ในรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ แต่สำหรับตัวตนจริงของกรมวังหน้า พระองค์นี้ยังเป็นการถกเถียงกัน ( แล้วก็ ฉอด ฉอด ฉอด ....ขอข้ามเลยนะครับ หุ หุ ) ตามประวัติเล่าว่า สมเด็จวังหน้าองค์นี้ทรงเป็นที่เกรงขามของบรรดาข้าราชบริพารยิ่งนึกและพระองค์มีลักษณะที่แตกต่างไปจากบุคคลทั่วไปอย่างหนึ่ง คือ พระองค์มีพระชิวหาดำ ทั้งนี้ก็เพราะพระองค์โปรดการปลูกว่านสุมไพรต่างๆและทรงโปรดการชิมรสว่านต่าง ๆ
    ด้วยพระลักษณะเฉพาะตัวนั้น จึงได้มีการขนานพระนามพระองค์ว่า :องค์ลิ้นดำ:
    สมเด็จวังหน้าพระองค์นี้ นอกจากจะสนใจในเรื่องการปลูกว่านสมุนไพรต่าง ๆ แล้วพระองค์ยังทรงสนพระทัยในเรื่องวิชา คาถา อาคม ไสยศาสตร์ ( สรุปเลยนะครับ พระองค์ท่านก็ได้เรียนกับครูต่าง ๆ ที่ว่าเก่งก็แล้ว เรียนไปหมด แต่ท่านก็ยังไม่พอใจ เพราะว่ามีแค่ เสกน้ำมนต์ แล้วก็ไล่ผี ท่านเลยได้ตั้งปณิธานว่า )
    ครั้นตัดสินพระทัยได้เช่นนั้นแล้ว พระองค์ก็ทรงจุดธูป 9 ดอก แล้วทรงตั้งจิตอธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า ถ้าไม่เจออาจารย์ที่จะสอนวิชาที่พระองค์ท่านต้องการได้จะไม่กลับมาวัง ขอให้เทพยาดาฟ้าดินได้โปรดเห็นพระทัยในความตั้งใจจริง ชี้ทางให้ไปพบกับอาจารย์ผู้มีความเชี่ยวชาญได้
    ครั้นทรงอธิษฐานเสร็จแล้ว สมเด็จวังหน้าพระองค์นี้ ก็ทรงแต่งกายอย่างสามัญชน และได้เสด็จหายไปจากพระราชวัง จนกระทั่งมาถึงหมู่บ้านหนึ่ง
    (ไม่ปรากฏชื่อและวันเดือนปี ) สมเด็จวังหน้าก็ได้เข้าไปขอน้ำจากชาวบ้านมาดื่มและล้างพระพักตร์ ครั้นพอรู้สึกชุ่มชื่นดีแล้ว ก็ได้ถอยออกมานั่งพักอยู่ใต้ร่มเงาไม้ไหญ่ แห่งหนึ่ง


    ครานั้นตะวันเริ่มรอนแล้ว สมเด็จวังหน้าทอดพระเนตรไปข้างหน้าก็พลันเห็นพระธุดงค์รูปหนึ่งปักกลดพักอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่อีกต้นหนึ่ง ซึ่งห่างจากที่พระองค์นั่งพักอยู่ไม่เท่าไร
    ครั้นเห็นเช่นนั้นสมเด็จวังหน้า ก็ทรงดำริว่า :ชะรอยเทวดาฟ้าดินคงจะเห็นใจเราแล้ว พระธุดงค์รูปนั้นอาจจะเป็นอาจารย์ที่เรากำลังตามหาอยู่ก็ได้:
    ครั้นดำริเช่นนั้น พระองค์ก็ทรงเสด็จเข้าไปใกล้ที่พระธุดงค์รูปนั้น นั่งทำสมาธิอยู่
    ไปถึงใกล้ ๆ ก็สังเกตเห็นความแปลกประหลาดของพระธุดงค์รูปดังกล่าว คือ พระธุดงค์ที่ปรากฏกายอยู่เบื้องหน้าสมเด็จวังหน้าขณะนั้น ดูจากหน้าตาและรูปร่างเห็นว่าท่านยังเยาว์วัย ยังหนุ่มยังแน่นอยู่ ผิวพรรณผุดผ่องดี อย่างผู้ทรงศีลบริสุทธิ์ แต่ว่าบนศีรษะกลับมีหงอกขาวโพลนเต็ม
    สมเด็จวังหน้าทรงเห็นดังนั้น ก็ให้นึกแปลกพระทัยและก็เริ่มศรัทธาในรูปลักษณ์ของพระธุดงค์รูปนั้น พระองค์จึงนั่งลงนมัสการ
    ขณะนั้นพระธุดงค์ผุ้มีหน้าตาและร่างกายหนุ่ม แต่มีศีรษะขาวโพลนกำลังนั่งสมาธิ หลับตานิ่ง แต่ว่า ท่านรู้ว่ามีคนมาก้มอยู่เบื้องหน้าจึงได้ถามออกมาว่า " คุณโยมจะไปไหน"
    บัดนั้นสมเด็จวังหน้าจึงได้เล่าความเป็นมาของพระองค์ให้พระธุดงค์รูปนั้นทราบอย่างละเอียด แล้วได้บอกถึงวัตถุประสงค์ในการเสด็จออกจากวังครั้งนี้ให้ท่านทราบด้วย
    พระธุดงค์นั้นไม่กล่าวกระไร แต่เมื่อสมเด็จวังหน้าได้เรียนถามปัญหาต่าง ๆ ท่านก็ตอบได้ถูกต้องทุกคำถาม และตอบอย่างมีเหตุผล ชัดเจนอย่างผู้รู้จริง ซ้ำยังได้แสดงอิทธิฤทธิ์ให้สมเด็จวังหน้าได้ประจักษ์เช่น ชี้กิ่งไม้กลายเป็นงูเป็นต้น
    สมเด็จวังหน้าได้เห็นเช่นนั้น ก็ประจักษ์พระทัยทันทีว่า พระธุดงค์รูปนี้ไม่ใช่ธรรมดา ท่านทรงความรู้เหนือกว่าบรรดาครูต่าง ๆ ที่พระองค์เคยเรียนมาเป็นแน่ จึงก้มกราบแทบเท้าพระธุดงค์แล้วกล่าวขอฝากตัวเป็นศิษย์
    พระธุดงค์รูปนั้นก็ไม่ขัดศรัทธา
    สมเด็จวังหน้าจึงได้อยู่ศึกษาวิชาความรู้ตามที่พระองค์ต้องการกับพระธุดงค์ผุ้มีความแปลกในตัวนั้นตั้งแต่บัดนั้น
    เล่ากันว่าวิชาแรกที่อาจารย์พระธุดงค์รูปนั้นสอนแก่สมเด็จวังหน้า ก็คือวิชานะหน้าทอง
    วิชานะหน้าทองนี้ ก็คือการใช้แผ่นทองฝังลงในร่างกายของคน ส่วนใหญ่จะใช้บริเวณหน้าผาก การฝังนั้นก็จะฝั่งด้วยพลังจิต พระธุดงค์ผู้เป็นอาจารย์ก็ได้ถวายการสอนโดยการใช้ทองฝังเข้าไปในร่างกายโดยการใช้พลังจิตและพระอาจารย์รูปนี้ไม่ใช่เพียงแต่สอนให้ลงนะหน้าทองโดยการฝังทองเข้าไปในหน้าผากเท่านั้น ท่านยังปฏิบัติให้เป็นประจักษ์ถึงความสามารถที่พิสดารออกไป เช่น ส่งทองให้หายไปในอากาศ แล้วไปติดอยู่ตามต้นไม้หรือที่ต่าง ๆได้


    สมเด็จวังหน้าทรงตั้งพระทัยศึกษาวิชานี้เป็นอย่างดี แต่วิชานี้ก็ไม่ใช่เรียนกันง่าย กว่าจะสำเร็จก็ต้องใช้เวลานานพอสมควร
    อาจารย์พระธุดงค์สอนวิธีต่าง ๆ ให้แล้วก็สั่งสมเด็จวังหน้าตั้งใจฝึกฝน ส่วนตัวท่านถอดกลดท่องธุดงค์ต่อไป แต่ก่อนจากกัน ท่านได้นัดแนะสมเด็จวังหน้า ผู้เป็นศิษย์ไว้ว่าคราวต่อไปจะได้ไปพบกันที่ไหนอีก
    ครั้นอาจารย์พระธุดงค์จากไปแล้ว สมเด็จวังหน้าก็ตั้งพระทัยฝึกวิชาลงนะหน้าทองนั้นต่อไป จนชำนาญดีแล้วครั้นเมื่อถึงหมายกำหนดที่อาจารย์พระธุดงค์นัดให้ไปเจอ พระองค์ก็เดินทางไปตามที่นัดหมาย
    เล่ากันว่าเรียนการสอนของศิษย์อาจารย์คู่นี้ ค่อนข้างจะแปลกพิสดารไปจาการสอนของครูอาจารย์คนอื่น ๆ คือ จะสอนจะเรียนกันเป็นระยะ ๆ และต่างวิชาต่างสถานที่กันไป บางทีก็ต้องเดินทางไปสอนไปเรียนกันไกล ๆ และส่วนใหญ่จะอยู่ตามป่าเขาลำเนาถ้ำ บางคราวถึงกับเดินทางไปสอนไปเรียนกันถึงต่างประเทศ เช่น ประเทศลาว พม่า เป็นต้น
    แต่สมเด็จวังหน้าพระองค์นั้น ก็ทรงทรหด ดั้นด้นติดตามไปหาไปพบพระอาจารย์ตามที่นัดหมายได้ทุกครั้ง
    เสด็จวังหน้าพระองค์ทรงศึกษาเล่าเรียนวิชาความรู้ต่าง ๆ จากอาจารย์พระธุดงค์รูปนี้อยู่นาน จนชำนาญในหลายแขนงวิชา เพราะว่าพระอาจารย์ธุดงค์รูปนี้ ไม่ใช่เพียงสอนวิชาคาถาอาคมเท่านั้น ท่านยังสอนวิชาอื่น ๆ อีกด้วย โดยเฉพาะวิชาในพระพุทธศาสนา เช่นการนั่งสมาธิทำวิปัสสนากรรมฐาน เพราะท่านพูดกับศิษย์ว่า การนั่งสมาธินั้นจะช่วยให้จำวิชาต่าง ๆได้ดีขึ้น และสามารถนำมาประกอบใช้กับวิชาคาถาอาคมต่าง ๆ ได้ดี
    สมเด็จวังหน้าทรงปฏิบัติตามทุกอย่าง
    ครั้นศึกษาวิชาคาถาอาคม และการทำสมาธิ ทำกรรมฐานเพียงพอแล้ว วันหนึ่งอาจารย์ธุดงค์ก็ได้บอกกับสมเด็จวังหน้าผู้เป็นศิษย์ว่า
    " ถึงเวลาที่เราควรจากกันแล้ว ตอนนี้วังหน้าก็เรียนวิชาสำเร็จทุกอย่างแล้ว และอาตมาภาพขอยืนยันว่า บัดนี้ถือได้ว่า วังหน้าได้เป็นหนึ่งในแผ่นดินสมความปรารถนาแล้ว (ที่พิมพ์ย่อ ๆ มาไม่รู้ผมได้พิมพ์ไปเปล่า แต่ที่ท่านวังหน้าท่านออกมาหาอาจารย์ที่จะสอนท่านให้เก่งเป็นหนึ่งในแผ่นดินได้นี้คือเป้าหมายของท่านครับ และได้เจอหลวงพ่อเทพโลกอุดรล่ะครับ )
    ก่อนจากกันครั้งหนึ่งสมเด็จวังหน้าได้ถามอาจารย์พระธุดงค์ว่า " หลวงพ่อชื่ออะไร "
    ทั้งนี้ก็เพราะว่า ถึงแม้จะได้เป็นศิษย์อาจารย์กันมาหลายปีแล้ว สมเด็จวังหน้าไม่เคยได้ทราบชื่อของอาจารย์พระธุดงค์รูปนั้นเลย พระองค์ได้แต่เรียกพระอาจารย์ว่า "หลวงพ่อ ๆ " ส่วนอาจารย์พระธุดงค์รูปนั้นก็เรียกสมเด็จวังหน้าว่า " วังหน้าเฉย ๆ "
    เมื่อสมเด็จวังหน้าได้ทรงถามเช่นนั้น อาจารย์พระธุดงค์รูปนั้น ก็ยังไม่ยอมบอกชื่อเสียงเรียงนาม ได้แต่อธิบายสมเด็จวังหน้า ให้เห็นถึงความไม่จำเป็นของชื่อเสียงเรียงนาม และยังได้ยบอกกับสมเด็จวังหน้าผู้เป็นศิษย์ว่า
    " วังหน้าจะเรียกหลวงพ่อว่าอย่างไร หลวงพ่อก็ชื่ออย่างนั้นล่ะ "
    เมื่อถามถึงอายุ อาจารย์พระธุดงค์ก็ตอบว่า " อายุเท่าไรจำไม่ได้แล้ว เพราะมันนานเหลือเกินแล้ว ปู่ของวังหน้า ถ้ายังมีชีวิตอยู่อายุสักประมาณเท่าไรได้แล้วล่ะ "
    สมเด็จวังหน้าตอบว่า " ร้อยกว่าปีแล้ว "
    อาจารย์พระธุดงค์ตอบว่า " ถ้าอย่างนั้น วังหน้าก็เอาอายุของปู่สักร้อยพระองค์มาบวกกันก็ยังไม่ได้เท่าอายุของหลวงพ่อ "
    ด้วยเหตุนี้ สมเด็จวังหน้าจึงไม่สามารถจะทราบได้ว่าพระอาจารย์ของพระองค์ชื่ออะไร พระองค์จึงทรงดำริจะตั้งชื่อพระอาจารย์ลึกลับมหัศจรรย์รูปนั้นขึ้นมาเอง
    พระองค์ทรงใคร่ครวญหาชื่อ เพื่อจะตึ้งให้เหมาะกับพฤติกรรมของพระอาจารย์รูปนี้
    ในที่สุดก็ตัดสินพระทัยขออนุญาตเรียกชื่อ พระอาจารย์รูปนั้นว่า "เทพโลกอุดร " เพราะพระองค์ทรงเห็นว่า พระองค์ไปไหนมาไหนรวดเร็ว ดังปรารถนาเหมือนเทพเจ้า และทรงฤทธิอภิญญาเหนือโลก
    อาจารย์พระธุดงค์ก็ไม่ว่าอะไร ได้แต่ยิ้ม ๆ
    ตั้งแต่บัดนั้นมา พระธุดงค์ ผู้มีความพิสดารในรูปร่างลักษณะรูปนี้จึงได้ชื่ว่า "เทพโลกอุดร "
    แต่ในต่อมาไม่ทราบว่าใคร ได้ไปต่อนามให้ท่านว่า " พระครูโลกเทพอุดร " ตามประวัติที่พอสืบหาได้ก็เห็นว่า ท่านมีนามว่า " หลวงปู่โลกเทพอุดร " เท่านั้นไม่มีคำว่า " พระครู " นำหน้า
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. anna23

    anna23 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +3
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="90%" bgColor=#800000 border=0>

    <SCRIPT src="http://mobile.108album.com/photo/photo2mobileJS.js"></SCRIPT><CENTER>คาถาบูชาหลวงปู่โลกอุดร</CENTER>
    <TBODY></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#f0f0f0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="80%" align=center bgColor=#f0f0f0 border=1><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff>รายละเอียด

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ)

    โย อะริโย มะหาเถโร อะระหัง อะภิญญาธะโร
    ปะฎิสัมภิทัปปัตโต วะ เตวิชโช พุทธะสาวะโก
    พะหู เมตตาทิวาสะโน มะหาเถรานุสาสะโก
    อะมะตัญเญวะ สุชีวะติ อะภินันที คุหาวะนัง
    โส โลกุตตะโร นาโม อัมเหหิ อะภิปูชิโต
    อิธะ ฐานูปะมาคัมมะ กุสะเล โน นิโยชะเย
    ปุตตะเมวะ ปิยัง เทสิ มัคคะผะลัง วะ เทสสะติ
    ปะระมะสารีริกะธาตุ วะชิรัญจาปิวานิตัง
    โส โลเก จะ อุปปันโน เอเกเนวะ หิตังกะโร
    อะยัง โน โข ปุญญะลาโภ อัปปะมัตโต ภะเวตัพโพ
    สาธุกันตัง อะนุกะริสสามะ ยัง วะเรนะ สุภาสิตัง
    โลกุตตะโร จะ มะหาเถโร เทวะตานะระปูชิโต
    โลกุตตะระคุณัง เอตัง อะหัง วันทามิ ตัง สะทา
    มะหาเถรานุภาเวนะ สุขัง โสตถี ภะวันตุ เม

    (แปล ขอน้อบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง (๓
    ครั้ง)

    พระมหาเถระผู้เป็นอริยเจ้าองค์ เป็นพระอรหันต์ผู้ทรงอภิญญา ผู้บรรลุปฏิสัมภิทา
    พุทธสาวกผู้ได้วิชชาสาม

    มีเมตตาต่อคนทั้งหลายเป็นวิหารธรรม พระมหาเถระผู้ชำนาญในการสั่งสอน ดำรงชีวิตอมตะ
    ยินดีในการอยู่ป่าคือถ้ำ

    พระมหาเถระองค์นั้นมีนามว่า โลกอุดร อันพวกเราบูชาอย่างยิ่ง เพราะอาศัยในคุณธรรมในองค์ท่าน
    ชักชวนพวกเราประกอบกุศลทั้งหลาย

    ท่านให้ความรักพวกเราเหมือนบุตร แสดงมรรคและผลเท่านั้น พระธาตุของท่านส่องประกายดังเพชร

    พระมหาเถระอุบัติขึ้นในโลก และทำประโยชน์โดยส่วนเดียวด้วย นับเป็นบุญลาภของพวกเรา อันหาประมาณมิได้

    พวกเราจักกระทำตามคำสั่งสอนของท่านอันเป็นยอดสุภาษิต อนึ่งพระมหาเถระนามว่าโลกอุดร
    เป็นที่เคารพบูชาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย

    ข้าพเจ้าจักกราบไหว้บูชาคุณของพระอุตตระตลอดกาลทุกเมื่อ ด้วยอานุภาพแห่งพระมหาเถระ
    ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่ข้าพเจ้าทุกเมื่อเทอญ

    </TD></TR><TR><TD bgColor=#f0f0f0>โดย : หนอนหนังสือ [ 2004-04-16 22:49:50 ] [​IMG] [​IMG] [​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE borderColor=#f0f0f0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="80%" align=center bgColor=#f0f0f0 border=1><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff>ความคิดเห็นที่ : 1

    ภาพที่เพื่อนเขาทำกรอบวิทยาศาสต์ให้บัว รูปพระท่านคล้ายกับภาพนี้มากค่ะ
    มีคนเขาเขียนมาแย้งว่าไม่ใช่หลวงปู่ท่านบัวก็เลยงงคะ
    และก็อยากถามคุณหนอนหนังสือว่าเรื่องเป็นไงกันแน่ค่ะ ใช่องค์ท่านจริงหรือเปล่าคะ
    บัวเห็นคุณหนอนหนังสือ เกริ่น ๆ เรื่องนี้เหมือนกัน
    บัวสงสัยก็เลยอยากถามคุณหนอนหนังสือว่าอะไร??อย่างไรกันคะ????

    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?threadid=1415&amp;perpage=30&pagenumber=2


    กระทู้นี้ค่ะ ---(ภาพนั้นเป็นภาพ หลวงพ่อพรหม เจ้าอาวาสวัดบางปูน ต.ชีน้ำร้าย อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี
    (วันที่ 20 เมษาจะมีงานรำลึก มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เพราะเป็นที่ที่ท่านเกิด)
    รูปนี้ถูกทำแจกจ่ายในงานศพเมื่อกว่า 60 ปีมาแล้ว และคนที่ชื่อว่าปู่โทน อยู่ตาคลี ติดกับอินทร์บุรี)

    </TD></TR><TR><TD bgColor=#f0f0f0>โดย : โกกนุท [ 2004-04-17 08:42:23 ] [​IMG] [​IMG] [​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE borderColor=#f0f0f0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="80%" align=center bgColor=#f0f0f0 border=1><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff>ความคิดเห็นที่ : 2

    จะว่าอย่างไรดีหนอเกี่ยวกับเรื่องนี้

    คนที่มีหลักฐานเขาก็ยืนยันว่าเป็นหลวงพ่อพรหมแน่ๆ

    พวกลูกศิษย์ที่นับถือหลวงปู่โลกอุดรเขาก็ว่าใช่หลวงปู่โลกอุดร
    เพราะเขายืนยันว่าเห็นรูปนี้อยู่ที่หลวงปู่วัย จัตตมโล หินกอง สระบุรี (มรณภาพนานแล้ว
    )หลวงปู่วัยท่านเป็นลูกศิษย์สายตรงของหลวงปู่โลกอุดร ท่านก็ว่าเป็นรูปหลวงปู่โลกอุดร

    ปู่โทน หลำแพร ที่ตลาดตาคลี นครสวรรค์ ( ถึงแก่กรรมแล้ว อายุ ร้อยเศษๆ
    )ท่านก็มีรูปนี้อยู่ที่บ้านพวกที่ไปหาถามว่ารูปใครท่านก็บอกว่ารูปหลวงปู่โลกอุดร อาจารย์ของท่าน

    อาจารย์ปัน ทาแกงเป็นหมอพื้นบ้านที่แม่สะเรียง แม่ฮ่องสอน
    ก็ยืนยันว่าเคยใส่บาตรพระรูปหนึ่งหน้าตาเหมือนกับพระในรูปนี้แต่ไม่ทราบว่าชื่ออะไรจนกระทั่งได้มาเจอกับร
    ูปนี้ที่วัดพระธาตุจอมมอญ(ป๊ ๒๕๒๘)

    และเคยมีหลายคนยืนยันว่าเคยใส่บาตรกับพระที่หน้าตาเหมือนในรูปแต่แปลกคือบาตรท่านใหญ่ผิดปรกติทั้งๆที่ตอน
    เดินมาเห็นเป็นบาตรขนาดธรรมดาแต่เวลาเปิดบาตรกลับเห็นบาตรขยายใหญ่ขึ้นแต่ก็มีหลายคนที่ใส่บาตรกับพระที่ห
    น้าไม่เหมือนกับในรูปแต่แปลกคือใส่บาตรเสร็จท่านหายไปเฉยๆแต่เขาเหล่านั้นอธิษฐานขอให้ได้ใส่บาตรกับหลวงป
    ู่โลกอุดร

    ขอให้พิจารณาตามหลักของกาลามสูตรนะครับผมก็ไม่สามารถสรุปแน่ชัดลงไปได้ว่าในรูปเป็นใครแต่ที่แน่ๆต้องถามห
    ลวงพ่อจรัล วัดป่าอัมพวัน สิงห์บุรี เพราะคาถาบูชาหลวงปู่โลกอุดรเป็นท่านรับถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อเกษม
    เขมโก สุสานไตรลักษณ์ ลำปางอีกทอดหนึ่ง ท่านพูดเป็นนัยๆว่า
    คือพระอุตตระเถรที่มาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิเมื่อครั้งสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช
    หลายๆท่านที่เห็นอาจเป็นร่างจำแลงก็ได้
    เพราะว่ากันว่าผู้ทรงฌานสมาบัติสามารถอธิษฐานให้อายุยืนยาวและมีรูปร่างหน้าตาอย่างไรก็ได้เพื่อดูแลพระพุ
    ทธศาสนา ขอแค่มีใจนับถือเลื่อมใสจะรูปใครก็ตามเถิดไม่มีใครเกิดทันท่านซักคน
    เพราะผู้ที่เคารพบูชารูปนี้แล้วระลึกถึงหลวงปู่โลกอุดรก็พบปาฏิหารย์อยู่มากมายแม้กระทั่งพระธาตุก็ยังขอม
    าได้จากรูปนี้ คุณบัวก็ลองสวดอธิษฐานดูซิครับ รวมทั้งบท "เมตตาลาโภ นะโสมิยะ อะหะพุทโธ
    "ด้วยผู้ที่เป็นเจ้าของคาถาท่านว่าได้มาจากนิมิตที่หลวงปูโลกอุดรท่านมาสอนให้
    ท่านผู้นี้ก็มีรูปนี้บูชาอยู่ด้วย ถือเป็นเรื่องอจินไตยครับ

    </TD></TR><TR><TD bgColor=#f0f0f0>โดย : หนอนหนังสือ [ 2004-04-17 11:42:05 ] [​IMG] [​IMG] [​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE borderColor=#f0f0f0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="80%" align=center bgColor=#f0f0f0 border=1><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff>ความคิดเห็นที่ : 3

    เราพบภาพนี้ที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดฉะเชิงเทรา

    </TD></TR><TR><TD bgColor=#f0f0f0>โดย : ditter [ 2005-04-22 19:46:00 ] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE borderColor=#f0f0f0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="80%" align=center bgColor=#f0f0f0 border=1><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff>ความคิดเห็นที่ : 4

    โลกุตตะโรจะมหาโภโค มหาลาโภ ภะวันตุเม

    </TD></TR><TR><TD bgColor=#f0f0f0>โดย : ดำรง [ 2005-07-18 14:27:50 ] [​IMG] [​IMG] [​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. chatyamn

    chatyamn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +4,058
    กำลังอยากรู้เรื่องนี้อยู่พอดีเลย อ่ะ
     
  4. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    :cool: :cool: :cool:
     
  5. UFO99

    UFO99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2005
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +983
    ได้อ่านอีกแล้วครับเย้ ขอบคุณครับ
     
  6. อักขรสั จร

    อักขรสั จร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +343
    องค์ในรูปคือหลวงปู่จิเกสาโร
    เป็นศิษย์หลวงปู่พระโสณะกับหลวงปู่พระอุตตระ
     
  7. Pavitta

    Pavitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +411
    อนุโมทนาด้วยครับ
     
  8. mr.sanyalak sanyalak

    mr.sanyalak sanyalak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +182
    " อนุโมทนา สาธุ "
     
  9. mr.sanyalak sanyalak

    mr.sanyalak sanyalak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +182
    " อนุโมทนา สาธุ "
     
  10. joiekong

    joiekong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2008
    โพสต์:
    893
    ค่าพลัง:
    +217
    ขอร่วมอนุโมธนด้วยครับ

    นี่ครับหลวงปู่เทพ โลกอุดร
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC01957.jpg
      DSC01957.jpg
      ขนาดไฟล์:
      81.5 KB
      เปิดดู:
      472
    • DSC01958.jpg
      DSC01958.jpg
      ขนาดไฟล์:
      92.8 KB
      เปิดดู:
      334
    • DSC01959.jpg
      DSC01959.jpg
      ขนาดไฟล์:
      79.9 KB
      เปิดดู:
      343
    • DSC01960.jpg
      DSC01960.jpg
      ขนาดไฟล์:
      88 KB
      เปิดดู:
      324
    • DSC01961.jpg
      DSC01961.jpg
      ขนาดไฟล์:
      65.3 KB
      เปิดดู:
      336
  11. ANUWART

    ANUWART เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,669
    ค่าพลัง:
    +14,320
    โมทนาสาธุครับ
    เชิญทำบุญ ซื้ออิฐ หิน ดิน ทราย ปูน เหล็ก สร้างศาลาแก้วครอบสมเด็จองค์ปฐมครับ

    เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างพระประธานสมเด็จองค์ปฐมและศาลาแก้วพระจุฬามณี ที่ จ.นครศรีธรรมราช (สำนักสงฆ์ธรรมเจริญ)
    [​IMG]

    " บุญกุศลใดที่พึงจะได้รับ ก็ขอให้ทุกท่านได้รับเช่นเดียวกันถ้วนหน้าสถาพร ทั้งโลกนี้และโลกหน้า ที่สุดถึงซึ่งพระนิพพานด้วยกันเทอญฯ สาธุ"<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> <!-- / message --><!-- edit note -->
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>
     
  12. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    [​IMG]


    หลวงปู่พระโสณะ กับ หลวงปู่พระอุตตระ ท่านมีความชำนาญการเข้านิโรธ

    สมาบัติอย่างมากจึงสามารถอยู่ได้อย่างนี้ท่านยังไม่ตาย เข้าสูตรที่ว่า ถือศีลกิน

    วาตา นั่งนิ่ง ๆ จิตคุมธาตุต่าง ๆ ทำให้สังขารได้รับความรอดได้ตามที่ต้องการ
     

แชร์หน้านี้

Loading...