สติปัฏฐานสี่ตามแนววิชชาธรรมกาย

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 21 สิงหาคม 2014.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,252
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
    พระจักรพรรดิตามคำสอนในหลักวิชชาธรรมกายที่หลวงพ่อวัดปากน้ำสั่งสอนและถ่ายทอดไว้
    วิหารคด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ




    [​IMG]


    https://www.facebook.com/pageDhammakaya/?fref=photo
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,252
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
    ไตรสิกขา - ศีล สมาธิ ปัญญา : พระราชญาณวิสิฐ - ไตรสิกขา - ศีล สมาธิ ปัญญา


    ธรรมบรรยายโดย พระเทพญาณมงคล
    เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี
    คติธรรมโดย พระเทพญาณมงคล ขอบคุณหนังสือ "๑๐๘ มงคลธรรม ๔๕"



    [​IMG]
     
  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,252
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
    การมาปฏิบัติธรรมที่นี่
    เราตั้งเป้าของเราไว้แล้วว่า ...
    สพฺพทุกขนิสฺสรณ
    (เราจะมาสลัดตน ออกจากทุกข์ทั้งปวง)
    นิพฺพานสจฺฉิกรณตฺถาย
    (เราจะมาทำนิพพานให้แจ้ง)
    นั่นหมายความว่า ...
    เรามีหน้าที่รับผิดชอบต่อตัวเอง
    ในการมาศึกษา และปฏิบัติธรรม
    เพื่อทำความเข้าใจให้แจ้งชัดว่า
    การมีชีวิตเวียนว่ายตายเกิดในสังสารจักรนี้
    ... มีทุกข์มาก
    และที่เป็นทุกข์เช่นนั้นก็เพราะ
    มี "เหตุแห่งความทุกข์"
    เป็นเหตุ เป็นปัจจัย
    ... ปรุงแต่งสัตว์โลก ให้เป็นไป
    กรรมไม่ดี จึงเป็นทุกข์
    ในส่วนที่ทำกรรมดี ก็เป็นสุข
    เมื่อทำทั้งดีและชั่ว ก็ทุกข์ระคนสุข
    แม้สุข .. ก็ไม่ถาวร
    ลงท้ายก็ "ทุกข์" อย่างเก่า
    * พระเทพญาณมงคล (เสริมชัย ชยมงฺคโล)
    วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม
    อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี
    *******************************
    *******************************
    ติดตาม กิจกรรม ไหว้พระ ทำบุญฯ
    และปฏิบัติธรรม ทุกสุดสัปดาห์ กับ
    วัดหลวงพ่อสดฯ ดำเนินสะดวก ราชบุรี
    ได้ที่
    เฟสบุ๊ค (facebook LIVE)
    ระฆังธรรม วัดหลวงพ่อสดฯ
    ดำเนินสะดวก ราชบุรี
    https://m.facebook.com/RakangdhamDhammakaya
    ยูทูป (youtube LIVE)
    ระฆังธรรม วัดหลวงพ่อสดฯ
    ดำเนินสะดวก ราชบุรี
    http://www.youtube.com/channel/UCCQ9MT7zkkQLnLgkpEyX6UA/live
    เฟสบุ๊ค (Official)
    วัดหลวงพ่อสดฯ ดำเนินสะดวก ราชบุรี
    https://m.facebook.com/dhammakaya.org
    โฮมเพจ (official)
    วัดหลวงพ่อสดฯ ดำเนินสะดวก ราชบุรี
    วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม | สำนักปฏิบัติธรรมและโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกบาลี ประจำจังหว
    แผนที่ (กูเกิ้ล)
    ทางไป วัดหลวงพ่อสดฯ
    ดำเนินสะดวก ราชบุรี
    https://www.google.co.th/search…
    ******




    [​IMG]
     
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,252
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
    [​IMG]






    พบใครได้ดวงหรือแช่อิ่มองค์พระ(มองเฉยๆ โดยไม่เจริญวิชชาสะสางธาตุธรรม)

    ช่วยกันแนะนำให้ต่อวิชชานะครับ


    เพระการเห็นองค์พระ เป็นเพียงแค่ " ฌาณ " เท่านั้นเอง
    ( และ ยังสามารถทำอกุศลกรรมได้ ถ้าไม่อาศัย
    ญาณพระธรรมกายเพื่อสะสางกิเลส ตัณหา และดับอวิชชา ตัดสังโยชน์ )

    " ธรรมกายของแท้ 1 คน ช่วยคนได้ครึ่งเมือง "







    [​IMG]




    ทุก1-14 พฤษภาคม กลางปี

    และ 1-14 ธันวาคม



    อบรมพระกัมมัฏฐานรุ่นกลางปี (ฆราวาสเข้าร่วมอบรมได้)

    ณ วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม จ.ราชุบรี

    - ขั้นพื้นฐาน เพื่อให้จิตสงบ พบดวงใส
    - ขั้นกลาง เพื่อต่อจากดวงใส เป็น 18 กาย และต่อไปถึงธรรมกายและพระนิพพานของพระพุทธเจ้า
    - ขั้นสูง เพื่อตรวจภพตรวจจักรวาล เจริญวิชชา และละกิเลสในใจตน
    นำโดย พระเทพญาณมงคล วิ. (เสริมชัย ชยมงฺคโล, ป.ธ.6) เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม พระวิทยากร และอุบาสก อุบาสิกาวิทยากร ที่ครูบาอาจารย์คัดเลือกให้สอนสมาธิได้

    - ปฏิบัติธรรมรวมกลุ่มใหญ่
    - ปฏิบัติธรรมแยกกลุ่มย่อยกับวิทยากร
    - ฟังธรรมจากพระมหาเถระ




    หรือใครที่ได้ดวงธรรมเบื้องต้นแล้ว......ขอเชิญ



    [​IMG]




    หมายเลขโทรศัพท์ ที่วัดหลวงพ่อสดฯ รับรอง สำหรับการใช้ติดต่อ


    090-595-5162 ปชส.1
    090-595-5164 ปชส.2
    081-586-8685 ปชส.1 (พระมหาสมชาติ สุชาโต)
    090-595-5166 ปชส.1 (พระมหาพร้อมไพบูลย์)
    090-595-9562, 083-032-8907 ปชส.1 (พระมหาอธิโชค)
    086-660-4140 พระมหาธีรชัย ธีรชโย
    086-604-3665 พระมหาอนุชา จนฺทปภาโส
     
  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,252
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
    [​IMG]



    แรงบันดาลใจเกี่ยวกับการพิทักษ์รักษาวิชชาธรรมกายที่บริสุทธิ์



    ในข้อนี้มีความสำคัญอยู่ถึง 2 ประการด้วยกัน
    ประการแรก:ก็คือว่า หลวงพ่อพระภาวนาโกศลเถร(ปัจจุบัน พระราชพรหมเถระ) รองเจ้าอาวาสและพระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ องค์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของอาตมภาพนี้ ท่านได้เป็นศิษย์ผู้หนึ่งที่ได้รับการถ่ายทอดวิชชาธรรมกาย ทั้งเบื้องต้น เบื้องกลาง และวิชชาธรรมกายชั้นสูง จากพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) มาเองโดยตรง ตั้งแต่สมัยที่หลวงพ่อพระภาวนาโกศลเถรยังเป็นฆราวาส แล้วภายหลังต่อมา ก็ได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ โดยพระเดชพระคุณ หลวงพ่อวัดปากน้ำเป็นองค์อุปัชฌาย์ และก็ได้รับการฝึกทำวิชชาธรรมกายชั้นสูงกับหลวงพ่อมาอย่างใกล้ชิดโดยตลอด จนกระทั่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อได้มรณภาพลง แล้วภายหลังจากนั้น ก็ได้อบรมสั่งสอนถ่ายทอดวิชชาธรรมกายนี้แก่ศิษยานุศิษย์ สืบต่อมาจนถึงทุกวันนี้ นับว่าหลวงพ่อพระภาวนาโกศลเถร เป็นศูนย์รวมหรือคลังแห่งวิชชาธรรมกาย ที่ได้รับถ่ายทอดมาจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำโดยตรง และยังเป็นที่รวมวิชชาธรรมกายชั้นสูง ที่ศิษย์ในพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ ที่เป็นพระเถระรุ่นพี่ ได้จดทำบันทึกไว้ ก็ยังได้มารวมตกแก่หลวงพ่อพระภาวนาโกศลเถร องค์ปัจจุบันนี้อีกด้วย

    จึงเห็นว่าวิชชาธรรมกายทุกระดับทั้งเบื้องต้น เบื้องกลาง และวิชชาธรรมกายชั้นสูง ควรจะต้องมีการรวบรวมขึ้น เป็นหลักฐานอ้างอิงที่สำคัญต่อไป เพื่อประโยชน์แก่อนุชนรุ่นหลัง จะได้ศึกษาและปฏิบัติต่อไปอย่างถูกทางและสมบูรณ์ ตามที่พระเดช พระคุณหลวงพ่อได้ถ่ายทอดไว้

    ในประการที่สอง: หากจะพิจารณาในเหตุผลและจากประสบการณ์ที่อาตมาเคยได้รับได้รู้เห็นมากพอสมควรแล้ว ก็จะพบว่า อาจจะมีผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดวิชชาธรรมกายในสมัยพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านยังมีชีวิตอยู่ ที่มีภูมิรู้ไม่เท่ากัน และทั้งอาจได้ยินได้ฟังมาไม่เท่ากัน ก็ย่อมจะได้รับวิชชาความรู้ไปได้ไม่เท่ากัน และอาจจะมีบางท่านที่สำคัญผิดและรับรู้ไปผิดเพี้ยนบ้างก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในรายที่มีพื้นความรู้ทางปริยัติมาน้อย ก็อาจจะมีความสำคัญในธรรมะที่ได้ยินได้ฟังมาผิดๆ และก็อาจถ่ายทอดสืบต่อๆ กันไปผิดๆ ได้ นอกจากนี้ยังอาจจะมีผู้ที่ค้นคว้าวิชชาไปเอง โดยที่ยังมิได้ผ่านการกลั่นกรองและอนุมัติจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อเสียก่อน แล้วนำออกใช้และเผยแพร่สืบทอดต่อๆ กัน ไปอย่างผิดๆ เพี้ยนๆ เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ไปบ้าง ซึ่งก็อาจจะมีได้เป็นได้ ตราบใดที่อวิชชายังไม่หมดสิ้นโดยเด็ดขาดเป็นสมุจเฉทปหาน ก็ยังอาจจะถูกอภิสังขารมาร ได้แก่ ลาภสักการะและฐานะอันสูงส่ง หรือแม้โลกิยวิชชานั้นเองหลอกลวงได้โดยง่าย ผู้ที่มีสมาธิดีที่มิใช่พระอริยะ ซึ่งสามารถเจริญโลกิยวิชชาที่อาจจะใช้ได้ผลดีในบางครั้งบางคราว ก็ยังอาจจะหลง เพราะถูกมารเขาหลอกให้เห็นผิดเป็นชอบได้ อย่างเช่นพระเทวทัต ซึ่งเคยมีโลกิยวิชชา ถึงขั้นเหาะเหินเดินอากาศได้ในสมัยพุทธกาลนั้น เมื่อกิเลสคือ โลภะ โทสะ และโมหะเข้าครอบงำ ก็ถึงกับทำสังฆเภท ยุยงพระสงฆ์ให้แตกแยกกัน และกระทำโลหิตุปบาทแก่พระพุทธเจ้า เป็นอนันตริยกรรมได้ จึงต้องไปเสวยวิบากกรรมในอเวจีมหานรก นั่นแหละ เพราะอย่างนี้ผู้ที่มิใช่อริยบุคคลแต่เจริญโลกิยวิชชาได้ หากหลงในอภิสังขารมารหรือโลกิยวิชชาเมื่อใด ก็อาจจะถูกมารเขาหลอกให้เห็นผิด จึงรู้ผิดคิดผิด พูดผิดทำผิดและแนะนำผู้อื่นผิดๆ ต่อไปเป็นโทษทุกข์ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่นได้มาก

    หลักการศึกษาและปฏิบัติธรรมของอาตมาและศิษยานุศิษย์ ในสำนักนี้ จึงต้องอิงหลักปริยัติตำรับตำรา และครูอาจารย์ที่เชื่อถือได้ และที่เป็นกัลยาณมิตรจริงๆ จนกว่าจะได้บรรลุมรรคผลนิพพานแล้ว นั่นแหละจึงจะวางใจได้ ความจำเป็นที่จะต้องรวบรวมวิชชาธรรมกายทุกระดับ ออกมาเป็นเอกสารหลักฐานสำคัญที่เชื่อถือได้ เพื่อไว้อ้างอิงเป็นตำรับตำราแก่อนุชนรุ่นหลัง จึงเป็นแรงบันดาลใจให้คณะผู้บริหาร โครงการธรรมปฏิบัติเพื่อประชาชน วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และ โครงการพุทธภาวนาวิชชาธรรมกาย วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร ได้จัดตั้งสถาบันพุทธภาวนาวิชชาธรรมกายแห่งนี้ขึ้น เพื่อให้เป็นองค์กร หรือ แหล่งที่รวบรวมสรรพตำราตามแนววิชชาธรรมกาย ที่ถูกต้องและสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะสามารถกระทำได้ โดยคณะบุคคลผู้ซึ่งได้รับถ่ายทอดวิชชาธรรมกาย จากพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำโดยตรงที่เชื่อถือได้ และศิษยานุศิษย์ผู้มีทั้งในหลักธรรมปฏิบัติและในหลักปริยัติสัทธรรมมาดีพอสมควร เพื่อพิทักษ์รักษาวิชชาธรรมกายอันบริสุทธิ์นี้ไว้ให้แก่อนุชนรุ่นหลัง ได้รู้จักวิชชาธรรมกายที่ถูกต้องตรงตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำท่านได้ถ่ายทอดเอาไว้ และก็เหตุนี้แหละที่องค์กรนี้ได้ชื่อว่า “สถาบันพุทธภาวนาวิชชาธรรมกาย”(วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม)




    พระเทพญาณมงคล(หลวงป๋า)
     
  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,252
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
    ธรรมปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ : พระราชญาณวิสิฐ - ธรรมปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์
    ธรรมบรรยายโดย พระเทพญาณมงคล
    เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี

    คติธรรมโดย พระเทพญาณมงคล ขอบคุณข้อความบางส่วนจาก "มงคลธรรม ๕"




    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,252
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
    บทที่ 18 Be...Kind one to another.







    มีนาคม 2533

    "ลูกของคุณจะ entrance ได้ค่ะ"
    ข้าพเจ้าตอบข้อซักถามแก่หญิงสาวที่เป็นคุณแม่ของ
    ลูก ๆ ที่กำลังจะสอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย
    สายตา ข้าพเจ้าเหลือบมองไปยังเพื่อนสาวที่ช่วยขับรถมาเป็น
    เพื่อน คุณแม่คนนี้หน้าตาคมคาย จัดว่าเป็นคนสวยคนหนึ่ง
    แต่ข้าพเจ้ากลับเห็นดวงมรณะซ้อนขึ้นมาในดวงธรรมของเขา
    จึงตรึกเข้าตรวจละเอียดพบว่า...

    หญิงสาวสวยผู้นี้มีผังชีวิตทำอัตตวินิตบาตกรรม(การ
    ฆ่าตัวตาย) มาหลายภพหลายชาติ ข้าพเจ้าไม่พูดอะไร ได้แต่
    คุยเรื่องบุญ - กุศล หญิงสาวผู้นั้นสนใจและบอกว่า ถ้ามีงาน
    บุญอะไร อย่าลืมช่วยบอกบุญด้วย ข้าพเจ้าจึงแจกดวงแก้ว
    กายสิทธิ์ลูกเล็ก ๆ ดวงหนึ่งให้เขาไป และขอให้เขาเลี่ยมใส่ติด
    ตัวเพื่อปกปักรักษา พร้อมขอที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ของ
    "พี่แดง" คนสวยผู้นี้

    เดือนหนึ่งผ่านพ้นไป ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังรับฟังเรื่อง
    ของคนไข้ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งมาปรึกษาอยู่ พลันได้ยินเสียง
    ของกายสิทธิ์มาบอกว่า.. เจ้าของดวงแก้วกินยาเพื่อจะฆ่าตัว
    ตาย เมื่อสอบถามไปจึงทราบว่าเป็นกายสิทธิ์ในลูกแก้วที่ให้
    พี่แดงไปนั่นเอง ข้าพเจ้ารีบค้นเบอร์โทรศัพท์ และโทรเข้า
    ไปที่บ้านของพี่แดง คนรับใช้มารับโทรศัพท์ ข้าพเจ้าบอก
    ให้เขาขึ้นไปดูเจ้านายเป็นอะไรหรือเปล่า

    จริงดังที่กายสิทธิ์มาบอก พี่แดงกินยานอนหลับเข้าไป
    ประมาณ 200 เม็ด ข้าพเจ้าสั่งให้คนรับใช้รีบนำส่ง
    โรงพยาบาลแถวบ้าน เพื่อล้างท้องช่วยชีวิต และก็สามารถ
    ช่วยชีวิตพี่แดงได้ทันการ

    เมื่ออาการพี่แดงปลอดภัยแล้ว ข้าพเจ้าจึงรับตัวพี่
    แดงมาค้างคืนที่บ้าน และบอกแก่เธอว่า.............. ผังชีวิต
    ของเธอกระทำอัตตวินิตบาตกรรม ข้าพเจ้าจึงให้กายสิทธิ์แก่
    เธอ เพื่อเป็นภาคผู้เลี้ยงคอยคุ้มครองรักษา และข้าพเจ้าได้แก้
    ผังให้แล้ว นับแต่วันที่พบกันครั้งแรก จึงสามารถช่วยชีวิตเธอ
    รอดปลอดภัย

    พี่แดงได้แต่ร้องไห้ว่า...ชีวิตนี้หมดสิ้นทุกอย่าง เธอ
    เป็นคนสวยรวยทรัพย์ แต่ไม่อาจให้ทายาทสืบสกุล เพราะได้
    ผ่าตัดมดลูกไปแล้ว เมื่อ 5 ปีก่อน จึงเป็นสาเหตุให้สามีนอกใจ
    ไป มีหญิงอื่นและมีบุตรด้วยกัน ทอดทิ้งเธอให้ช้ำระกำใจ
    ชีวิตนี้อยู่ไปก็เปล่าประโยชน์

    "พี่คะ สมัยหนึ่งพระอานนท์ทูลถามพระพุทธองค์ว่า
    ทุกข์อันใดที่เป็นทุกข์ที่สุดของสตรีเพศ
    พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า...................
    ทุกข์ที่สุดของสตรีคือ สามีนอกใจไปมีผู้หญิงอื่น

    ฉะนั้นการที่พี่เจ็บปวดรวดร้าวเป็นของธรรมดา เพราะ
    ผู้หญิงนั้นลงได้รักใครแล้วก็มั่นคงเหนียวแน่น ยากที่จะถ่าย
    ถอน และความรักที่ไม่สมปรารถนานั้นเป็นความรวดร้าวอย่าง
    ยิ่ง สำหรับผู้หญิง เนื่องจากผู้หญิงถือว่า ..ชีวิตเป็นส่วนหนึ่ง
    ของความรัก ตรงกันข้ามกับผู้ชายมักเห็นความรักเป็นเพียง
    บางส่วนของชีวิตเท่านั้น เมื่อเกิดความรักผู้หญิงจึงทุ่มเททั้ง
    ชีวิตและจิตใจให้แก่ความรัก

    แต่พระพุทธองค์ทรงสอนว่าคนเราไม่ควรปล่อยตนให้
    ตกอยู่ภายใต้อำนาจแห่งความรัก เพราะการพลัดพรากจากสิ่ง
    อันเป็นที่รักเป็นเรื่องทรมานและเป็นเรื่องที่จะบังคับมิให้
    พลัดพราก ก็เป็นสิ่งสุดวิสัย ทุกคนจะต้องพรัดพรากจากสิ่งอัน
    เป็นที่รักที่พอใจ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง

    และหลวงพ่อวัดปากน้ำก็สอนว่า...

    อ้ายที่อยาก มันก็หลอก อ้ายที่หยอก มันก็ลวง
    ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย เลิกอยาก ลาหยอก
    รีบออกจากกาม เดินตามขันธ์สามเรื่อยไป
    เสร็จกิจสิบหก ไม่ตกกันดาร เรียกว่า นิพพาน ก็ได้

    แม้สามีของพี่จะทำให้พี่ชอกช้ำ พี่ก็ต้องให้อภัยคนที่ตน
    รัก ถ้าจะรัก ก็จงรักด้วยจิตที่บริสุทธิ์ จงอย่ารักเพราะตัณหา
    พี่ว้าเหว่ คิดว่าไร้ที่พึ่ง ไม่รู้จะยึดหลักอะไรเป็นที่พึ่งของชีวิต
    พี่จงรับ "ธรรม" เป็นที่พึ่งเถิด อย่าหวังอย่างอื่น
    เป็นที่พึ่งเลย แม้จะประสบปัญหาหัวใจ หรือได้รับความทุกข์
    ยากลำบากสักปานใด ก็ต้องไม่ทิ้งธรรม

    พี่คะ... ธรรมดาไม้จันทร์นั้นแม้จะแห้ง ก็ไม่ทิ้งกลิ่น
    หัสดินก้าวลงสู่สงคราม ก็ไม่ทิ้งลีลา
    อ้อยแม้เข้าหีบยนต์แล้ว ก็ไม่ทิ้งรสหวาน
    บัณฑิตแม้ประสบทุกข์ ก็ไม่ทิ้งธรรม

    พระพุทธองค์ทรงย้ำว่า พึงสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อรักษาธรรม

    พี่จงมีดวงตาเห็นธรรม เห็นโทษของความรักที่ประกอบ
    ด้วยตัณหานี้กามคุณนั้นเป็นของไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน มีสุขน้อย
    แต่มีทุกข์มาก มีโทษมาก มีความคับแค้นเป็นมูล มีทุกข์
    เป็นผล จะบอกความจริงแก่พี่ว่า นับแต่นี้ต่อไป พี่จงปฏิบัติ
    ธรรมสร้างบุญ สร้างกุศลที่สุด เพราะพี่จะมีชีวิตอยู่อีกไม่นาน"

    แล้วข้าพเจ้าก็เอามือตบเข้าที่กระดูกสันหลังของพี่แดง

    "พี่เป็นมะเร็งที่กระดูก และดวงมรณะมาซ้อนดวงธรรมเกิน
    กว่า 50 % คิดว่าคงจะช่วยพี่ให้อายุยืนยาวต่อไปไม่ได้
    แต่จะช่วยชี้ทางสวรรค์ - นิพพานให้พี่ แต่พี่ต้องเป็นผู้ปฏิบัติ
    เอง มรรคผลนิพพาน เป็นของจริงใครทำใครได้ พี่เอาเวลาที่
    เหลือสร้างคุณค่า เป็นประโยชน์ที่สุดแม้แก่ตัวเอง ครอบครัว
    สังคม ประเทศชาติ และศาสนาและพี่จะรู้ว่า สุขที่แท้จริง ก็
    คือ สุขในธรรมะของพระพุทธองค์...ฯลฯ"

    ข้าพเจ้านั่งขัดสมาธิ เทศนาธรรมะว่าด้วยเรื่องพระรัตน
    ตรัยเป็นที่พึ่งอันสูงสุด ลุ่มลึกจากต้นไปลำดับจนค่อนคืน
    จึงถอนออกจากสมาธิ

    พบว่าพี่แดงนั่งไหว้ข้าพเจ้าประหลกๆ !!!

    "พี่เชื่อคุณแล้ว ๆ ธรรมะมีจริง เวลาที่คุณเทศน์ธรรมะ
    แสงสว่างไปทั่วตัวคุณ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น"

    "และพี่ต้องทำให้ได้นะ ธรรมะใด ๆ ก็ไร้ค่า ถ้าไม่ทำ"

    แต่นั้นมาพี่แดงได้ให้อภัยแก่สามี สามีจึงกลับมาอยู่บ้าน
    และช่วยดูแลรักษา พี่แดงเป็นมะเร็งจริง ๆ มะเร็งเข้ากระดูกถึง
    สามข้อ รับทุกข์ - เวทนาจากโรคภัยไข้เจ็บเป็นที่สุด แต่
    เธอก็เบิกบานใจ มีสุขในธรรมะ ที่ข้าพเจ้าพยายามสอนให้
    เธอเข้าใจและปฏิบัติ ทั้งทาน ศีล และภาวนา

    จนกระทั่งวาระสุดท้ายที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
    ข้าพเจ้าได้ นิมนต์พระ มาจากวัดปากน้ำ(ภาษีเจริญ) มารับ
    สังฆทาน สวดมนต์และนำสมาธิจิต ทีละกาย ๆ จนเธอสิ้นใจ
    ด้วยดวงหน้าที่ผ่องใสอย่างสงบ มีสุขคติเป็นที่ตั้ง

     
  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,252
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
    เมื่อถึง "ธรรมกาย" แล้ว
    ตรงนี้แหละ !
    ผู้ปฏิบัติพึงเจริญ “ฌานสมาบัติ”
    เพื่อพิจารณา “อริยสัจ”
    ในกายมนุษย์, ทิพย์, พรหม, อรูปพรหม
    ... ให้เห็นตามที่เป็นจริง
    ซึ่งจะครอบคลุมทั้ง ...
    การพิจารณาสภาวะของ “สังขารธรรม”
    ให้รู้แจ้งแทงตลอดใน “พระไตรลักษณ์”
    แล้วก็ “ทำนิโรธ ดับสมุทัย”
    ปหานอกุศลจิตของ กายในภพสาม
    เป็น “ธรรมกาย” ที่บริสุทธิ์
    ทับทวีต่อไปจนสุดละเอียด ฯลฯ
    แล้วก็จะได้เห็น “วิสังขาร” คือ “พระนิพพาน”
    ให้สามารถ "เจริญปัญญา"
    ได้จากการที่ "ทั้งรู้" และ "ทั้งเห็น"



    * หลวงป๋า
    (พระเทพญาณมงคล)
    เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี




    [​IMG]
     
  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,252
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
    <object width="450" height="24" classid="clsid:D27CDB6E-AE6D-11cf-96B8-444553540000" codebase="http://download.macromedia.com/pub/shockwave/cabs/flash/swflash.cab#version=6,0,40,0"> <param name="scale" value="noscale" /> <param name="allowFullScreen" value="true" /> <param name="allowScriptAccess" value="always" /> <param name="allowNetworking" value="all" /> <param name="bgcolor" value="#777777" /> <param name="wmode" value="opaque" /> <param name="movie" value="http://www.mongkoldhamma.org/jwplayer.swf" /> <param name="flashVars" value="&file=http://www.mongkoldhamma.org/videos.php?vid=3d2ce2bff&type=sound&backcolor=777777&frontcolor=FFCC00&autostart=&screencolor=000000" /> <embed src="http://www.mongkoldhamma.org/jwplayer.swf" width="450" height="24" scale="noscale" bgcolor="#777777" type="application/x-shockwave-flash" allowFullScreen="true" allowScriptAccess="always" wmode="opaque" flashvars="&file=http://www.mongkoldhamma.org/videos.php?vid=3d2ce2bff&type=sound&backcolor=777777&frontcolor=FFCC00&autostart=&screencolor=000000"></embed> </object> <p><a href="http://www.mongkoldhamma.org/%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%8a%e0%b8%8d%e0%b8%b2%e0%b8%93%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8%90-%e0%b9%80%e0%b8%88%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%8d%e0%b8%a0%e0%b8%b2-video_3d2ce2bff.html" target="_blank">พระราชญาณวิสิฐ - เจริญภาวนาต่อ 18 กาย - นิพพาน - ตรวจภพ ตรวจจักรวาล (หลักสูตรพระวิปัสสนาจารย์ [พ.ค. </a></p>




    ............ช่วงที่เสียงนำกรรมฐานเงียบไป คือ ช่วงที่แต่ละคนกำลังภาวนาตาม ยังไม่จบการสอน

    ให้ฟังต่อไปเรื่อยๆ จะมีเสียงนำ เป็นระยะๆ...........





    ทุก1-14 พฤษภาคม กลางปีและ ทุก1-14 ธันวาคม


    อบรมพระกัมมัฏฐานรุ่นกลางปี (ฆราวาสเข้าร่วมอบรมได้) ณ วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม จ.ราชุบรี
    - ขั้นพื้นฐาน เพื่อให้จิตสงบ พบดวงใส
    - ขั้นกลาง เพื่อต่อจากดวงใส เป็น 18 กาย และต่อไปถึงธรรมกายและพระนิพพานของพระพุทธเจ้า
    - ขั้นสูง เพื่อตรวจภพตรวจจักรวาล เจริญวิชชา และละกิเลสในใจตน
    นำโดย พระเทพญาณมงคล วิ. (เสริมชัย ชยมงฺคโล, ป.ธ.6) เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม พระวิทยากร และอุบาสก อุบาสิกาวิทยากร ที่ครูบาอาจารย์คัดเลือกให้สอนสมาธิได้

    - ปฏิบัติธรรมรวมกลุ่มใหญ่
    - ปฏิบัติธรรมแยกกลุ่มย่อยกับวิทยากร
    - ฟังธรรมจากพระมหาเถระ






    [​IMG]
     
  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,252
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
    [​IMG]








    ‪#‎อมตวัชรวจีหลวงปู่วัดปากน้ำ‬
    ‪#‎อุบาสกอุบาสิกาเขาทำธรรมกายให้มีขึ้นเป็นขึ้น‬
    ‪#‎ไปเอาเจ้าทรงผีสิงมาใส่ในหมู่นี่มันคนของมารเขาส่งมาในหมู่‬
    สมคฺคานํ ตโป สุโข
    ‪#‎ตโป‬ ความเพียรเครื่องยังกิเลสให้เร่าร้อน ‪#‎สมคฺคานํ‬ แห่งผู้พร้อมเพรียงทั้งหลาย ‪#‎สุโข‬ เป็นสุข ความเพียรเครื่องยังกิเลสให้เร่าร้อนของผู้พร้อมเพรียงทั้งหลาย
    เมื่อพร้อมเพรียงกันแล้วเป็นอย่างไร ก็ประพฤติทำลายกิเลสกันทั้งนั้น ไม่ทำอะไร ประพฤติทำลายกิเลสเหมือนกันหมด ทำลายกิเลส มีความเพียรเหมือนกัน
    ถ้าว่าเพียรตั้งต้นแต่ศีลไป ทำศีลให้บริสุทธิ์เหมือนกัน เข้าถึงสมาธิก็ทำสมาธิให้บริสุทธิ์เหมือนกัน เข้าถึงปัญญาก็ทำปัญญาให้บริสุทธิ์ ใสเป็นเพชร เป็นกระจกคันฉ่องส่องเงาหน้าอยู่ร่ำไป หรือเข้าถึงวิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ ก็ให้บริสุทธิ์เหมือนกัน เมื่อบริสุทธิ์เหมือนกันเช่นนี้แล้ว รักความบริสุทธิ์เหมือนกันเช่นนี้แล้ว รักความบริสุทธิ์เสมอกัน ไม่ให้ขาดตกบกพร่องกว่ากันและกัน ใครบริสุทธิ์แค่ไหนก็รักษาแค่นั้นไป ที่ยังไม่ได้ยังไม่เห็นก็ทำความบริสุทธิ์ไป ให้เข้าถึงบริสุทธิ์เหมือนเขาไป ไม่แก่งแย่ง ไม่ก้าวร้าวเกะกะ
    ดังอุบาสกอุบาสิกาในวัดเช่นนี้ เขาทำธรรมกายกันให้มีให้เป็นขึ้น ทำศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสะกัน โน่น ไปเอาเจ้าทรงผีสิงมาเล่นกันอีกแล้ว เอาเจ้าทรงผีสิงมาใส่ในหมู่เข้าแล้ว ไปบนเจ้าบนผีเข้าอีกแล้ว เอาอีกแล้ว พวกนี่แหละ พวกแก่งแย่งละ ความเห็นแตกต่างออกไปแล้ว จะทำลายหมู่สามัคคีให้ทะลายไปแล้ว เอาเรื่องผีเรื่องเจ้าเข้ามาอีกแล้ว ก็นี่ คนนอกเรื่อง มันคนของมาร เขาส่งมาในหมู่ ไม่ให้ความพร้อมเพรียงเกิดขึ้น ถ้าพร้อมเพรียงเกิดขึ้นมันก็จะเป็นสุขเสีย ไม่ให้มีไม่ให้เพียรถูกต้องร่องรอยความประสงค์ทางพระพุทธศาสนาไป ให้ไปทางเหลวไหลเสีย ให้ไปทางเพลงของโลกไป อย่างนี้เป็นทุกข์
    ไม่ใช่เป็นทุกข์แต่เท่านั้น นั่น ‪#‎เขาทำลายทางมรรคผลกัน‬ ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ
    เอ้า ไพล่ไปขอหวยขอโปกันเข้าแล้ว จะเอาเบอร์หนึ่งสักทีเถอะ เราจะได้เลิกยากเลิกจนกันเสียทีหนึ่ง เอาละซิ ทีนี้ พวกนั่งสมาธิทำทางมรรคผล ศีล สมาธิ ปัญญา ก็เลยไปมองดูลอตเตอร์รี่เข้าแล้ว อ้ายนี่เอาอีกแล้ว เดือดร้อนอีกแล้ว จะทำลายสามัคคีแล้ว ทำลายสามัคคีอีกแล้ว พวกนี้พวกพญามาร ขวางเข้ามาอีกแล้ว ให้รู้จักหลักอย่างนี้นะ
    สมคฺคานํ ตโป สุโข ความเพียรเครื่องยังกิเลสให้เร่ารัอนของผู้มีความพร้อมเพรียง จบไปในเพลงเดียวกันนะ สุโข เป็นสุขนัก เมื่อรู้จักหลักนี้ จำไว้เป็นหลักเป็นประธาน
    ____________
    __
    เทศนาธรรมจาก
    พระมงคลเทพมุนี
    หลวงปู่สด จนฺทสโร
    _______________
    ที่มา
    บางส่วนจากเทศนาธรรมเรื่อง
    "การย่อย่นสกลพุทธศาสนาซึ่งมีมาในโอวาทปาฏิโมกข์"
    ๑๐ ธันวาคม ๒๔๙๗
    _______________
     
  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,252
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
    [​IMG]


    ๒-๓ ปีที่แล้ว คณะศิษย์ประสงค์จะทำล็อคเก็ตรูปคุณยายฉลวย สมบัติสุข ไปกราบบอกท่าน ท่านนิ่งไปสักประเดี๋ยว แล้วพูดว่า

    "ทำรูปท่านจะเกิดประโยชน์อะไร บารมีที่ปฏิบัติและทำมาพอช่วยตัวเองและคนอื่นได้เพียงเล็กน้อย ถ้าอยากจะทำควรทำรูปหลวงพ่อวัดปากน้ำเพราะหลวงพ่อเป็นจุดศูนย์กลางในการรวมบุญรวมบารมีในวิชชานี้ไว้"

    ปกิณกะธรรมครูฉลวย สมบัติสุข
    เล่าโดย ใจใส
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,252
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
    19.Nothing should be more prized
    than the value of each day.




    ---------------------------------------------------------------------





    2534 - 2537

    ไม่มีสิ่งใด ควรจะได้รับรางวัล มากกว่าคุณค่าของแต่
    ละวัน




    ตลอดเวลาที่ข้าพเจ้าไม่สามารถจะทำกิจกรรมใด ๆ เฉก
    เช่นคนปรกติทุกวันเวลากลับมีคุณค่ามหาศาล ที่ข้าพเจ้าจะ
    เก็บเกี่ยวให้ได้มากที่สุด

    ช่วงชีวิตตั้งแต่ที่อาการป่วยด้วยโรคหัวใจพิการดีขึ้นเป็น
    ลำดับข้าพเจ้าไม่อาจปิดกั้นกระแสธารชาววัดได้ แต่ละวันจะมี
    ผู้คนที่มีทุกข์ร้อนมาขอปรึกษาปัญหาชีวิต ปัญหาโรคภัย
    ไข้เจ็บ และปัญหาเศรษฐกิจจนกระทั่งบางครั้งเหน็ดเหนื่อย
    มาก ข้าวปลาอาหารบางครั้งก็ไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะกิน
    ต้องวิ่งรอกไปดูคนไข้ตามห้อง ICU โรงพยาบาลต่าง ๆ
    ยามค่ำคืนก็มีผู้ที่รักการปฏิบัติธรรมมาสนทนาธรรมและ
    ขอแนวทางปฏิบัติจนค่อนคืนดึกดื่น ชีวิตวนเวียนเช่นนี้
    แต่ข้าพเจ้าก็เป็นสุขกับการให้

    เพราะพระเดชพระคุณหลวงพ่อสอนว่า.....อย่าไปรับ
    ประทานลาภ อย่าโลภ อย่าติดในลาภสักการะ จงช่วยผู้คน
    ด้วยจิตเมตตาต่อผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่เลือกหน้า ไม่หวัง
    สิ่งตอบแทนใด ๆ ผู้ที่ได้วิชชาธรรมกายให้ช่วยเหลือคน
    โดยไม่หวังในลาภสักการะ จงถือเป็นหน้าที่ของผู้ที่ได้วิชชา
    จะต้องแก้ไขความทุกข์ยากเดือดร้อนของทุกคนที่มาหา
    ให้ต้อนรับด้วยอาการยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ให้แสดงอาการเบื่อ
    หน่ายหรือรังเกียจ ให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข็มแข็งอดทน
    แม้บางคนจะพูดเรื่องไร้สาระ น่าเบื่อหน่าย บางคนพูดเอา
    แต่ผลประโยชน์ ก็ให้รับฟังอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส ต้องให้
    คำแนะนำในทางที่ถูกที่ควร และต้องต้อนรับทุกคนที่มาหา
    อย่างเสมอภาคเท่าเทียมกันหมด

    กาลเวลาที่เที่ยวโปรดผู้คนเหล่านั้น กลับบั่นทอน
    สุขภาพข้าพเจ้าอย่างยิ่ง เพราะความทุกข์ในเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ
    นี้มีมากมายมหาศาล หมดเรื่องจากผู้ป่วยคนนี้ ก็มาเป็นเรื่อง
    ผู้ป่วยคนโน้น มีมาไม่หยุดหย่อน

    มิน่า !! ก่อนที่จะมาใช้วิชชามณีรัตน์ มีนิมิตเห็นฝูงแมว
    สีขาวมารุมมาตุ้ม ตัวข้าพเจ้ายั้วเยี้ยไปหมด ข้าพเจ้าจึงคิด
    ได้ว่า วิชชามณีรัตน์ มิใช่การแก้ทุกข์ได้จริง เพราะ
    สรรพสัตว์ทั้งหลายมีความเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นธรรมดา
    วนเวียนกันอยู่ในวัฏสงสาร มิรู้หมดสิ้น

    และจากประสบการณ์หลายปีที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้
    สัจจธรรม ข้อหนึ่งที่ว่า จะหาสักคนหนึ่งเพื่อธรรมแห่งความ
    หลุดพ้น ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร ดังนี้ว่า..............

    "หนทางสายนี้เป็นทางอันสงบ ระงับ อันประณีตเยือกเย็น
    อันสัตว์ทั้งหลายค้นหาได้ยาก
    เป็นทางอันประเสริฐของผู้มีปัญญา
    ผู้หาธุลีในดวงตามิได้แล้ว เป็นผู้ดำเนินไป"

    มรรคาสายนี้ เป็นที่ทำญาณ
    รู้ทุกประการ ทำซึ่งดวงตา
    ย่อมจักเป็นไป เพื่อให้นำมา
    ความรู้ยิ่งพา พบสงบนิพพาน

    ฉะนั้นอะไรเล่าที่จะเป็นวิชชาที่นำพาสรรพสัตว์ข้าม
    ทะเลทุกข์ได้ดีที่สุด ข้าพเจ้านำความดำริของตน กราบเรียน
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อทราบ หลวงพ่อยิ้มอย่างพอใจ และ
    ว่า.............

    "แก้วกายธรรม นี้แหละคือ โพธิจิต มหาจิตอันยิ่ง
    ใหญ่ เป็นคุณสมบัติของเหล่าผู้กล้าแห่งโพธิญาณจะดำเนิน
    ไป ถ้าเช่นนั้น เจ้าจงบำเพ็ญโพธิญาณให้ถึงมหาปณิธานที่
    เจ้าพึงมีเถิด หลวงพ่อจะมอบวิชชาอันประเสริญล้ำค่าแก่เจ้า

    เจ้ารู้ไหม ความลำบากยากแค้นและความทุกข์เวทนา
    ที่เจ้าได้รับมา ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่าน..............

    ความทุกข์เวทนาแห่งกองสังขาร
    ทำให้เจ้าเกิดความเบื่อหน่าย
    เมื่อจิตเกิดความเบื่อหน่าย
    ก็ย่อมคลายความติด
    เพราะคลายติด จิตก็พ้น
    เพราะจิตพ้น ก็ผ่องแผ้ว
    รู้ว่า จิตพ้นแล้วหนอ จิตหนา

    แม้จะทุกข์เวทนา แต่เจ้าก็เหมือนเด็กน้อยที่เต็มไปด้วย
    ความหวัง ดั่งเด็กน้อยที่ตื่นขึ้นมาทุกเช้า ด้วยสายตาดวง
    ใหม่ พร้อมที่จะเรียนรู้ และปฏิบัติตามคำสั่งสอนของ
    ครูบาอาจารย์ อย่างไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย และเห็น
    แก่ได้ เต็มเปี่ยมด้วยความเมตตากรุณา สงสารสัตว์โลก
    ผู้ตกทุกข์ได้ยาก ถึงสุขภาพจะไม่อำนวย เจ้าก็ยังข่มสังขาร
    ออกช่วยผู้คน ถึงจะมีเงินทองอันน้อยนิด เจ้าก็สละ เพื่อผู้ที่
    ทุกข์ยากมากกว่า เจ้ามีคุณสมบัติเหมาะที่จะเดินรุกหน้าต่อไป
    เพื่อสู่เส้นทางโพธิญาณ"

    ( หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ความทุกข์ยาก
    ลำบาก พิสูจน์ถึงแล้วแห่ง คุณสมบัติของแก้วกายธรรม ดังนี้

    1.ไม่สนใจ ในความเจ็บไข้ได้ป่วย
    2.ไม่สนใจ ให้ใครตามใจรักใคร่
    3.ไม่สนใจ ในอุปสรรค
    4.ไม่สนใจ ในความล้มเหลว
    5.ไม่สนใจ สิ่งตอบแทนผลประโยชน์
    6.ไม่สนใจ ความทุกข์ยากในการทำดี
    7.ไม่สนใจ การถูกใส่ร้ายป้ายสี
    8.มุ่งมั่นทำดี
    9.อยู่เพื่อให้
    10.ซ้ายไม่ไป ขวาไม่ไป หลังไม่มอง
    เดินหน้าสู่ทางสายกลาง )

    ฉะนั้น หลวงพ่อจะคืนเจ้า สู่เส้นทางที่เจ้าได้ดำเนินมา
    แล้วและ จะต้องผลิต่อไป เจ้าจงตั้งใจเรียนวิชชาธรรมกาย
    ขั้นสูงต่อไป วิชชาเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่องานของธาตุ
    ธรรมหาที่สุดมิได้

    ( วิชชาธรรมกายลำดับจากต้นถึงปลายมี

    มณีรัตน์ วิชชาแก้โรค แก้กรรม
    ฤทธิณรงค์ วิชชาการรบ
    พงศ์กษัตริย์ วิชชาการปกครอง
    บรมจักร มนุษย์สมบัติ
    พุทธจักร นิพพานสมบัติ )

    จากวันนั้นข้าพเจ้าก็ปิดฉากตัวเองลง เพื่อจะฝึกฝน
    วิชชาขั้นสูงต่อไป เพื่อมิให้ผู้คนมารบกวน และอยากให้ทุก
    ท่านที่รู้จัก ลืมข้าพเจ้าเสีย ข้าพเจ้าจึงเข้าสมาธิทำวิชชาแก้
    ผัง จับฝูงแมวสีขาวมัดเป็นพรวน แล้วส่งคืนวัดต้นสังกัดทุก
    แห่ง แล้วอาราธนากำแพงแก้ว 7 ชั้น ครอบทั้งบ้านและ
    ครอบครัว ซ่อนธาตุซ่อนธรรมไว้เสีย ได้ผล แม้ผู้คนที่มาหา
    ถึงหน้าบ้าน ยังหันหลังกลับ และไม่นาน ทุกท่านก็ลืมบ้านหลัง
    น้อยแห่งนี้และลืมข้าพเจ้าไป

    แปลกแต่จริง !!! การปฏิบัติธรรมครั้งนี้กลับทำให้
    ข้าพเจ้าลำบากใจเป็นที่สุด เพราะเมื่อเข้าสมาธิแล้ว กลับ
    ปรากฏมีแส้จีน(ภู่ยาว ๆ มีด้ามถือ) มาตวัดตัวข้าพเจ้าลอยละ
    ลิ่วเข้าไปแดนวิสุทธิภูมิ พบเซียน 2 ท่าน

    ท่านหนึ่งหนวดดำ
    อีกท่านหนึ่งหนวดขาว
    นั่งอยู่เบื้องหน้าข้าพเจ้า ข้าพเจ้างงมาก !!!!

    แล้วท่านก็เริ่มสอนข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้าจำต้องเรียน........
    เรื่องราวของภพ จักรวาล ทั้งจักรวาลภายนอกและจักรวาล
    ภายใน คือตัวของเราเอง ท่านทั้ง 2 ได้บอกชื่อแก่ข้าพเจ้า
    แต่ข้าพเจ้าไม่สันทัดภาษาจีน จึงขอเรียกท่านว่า

    ท่านเซียนหนวดขาว
    และท่านเซียนหนวดดำ

    ข้าพเจ้าเรียนถามไปว่า

    "มายุ่งกับข้าพเจ้าทำไม? ข้าพเจ้าเรียนวิชชาธรรมกาย
    ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำอยู่"

    ท่านเซียนทั้งสองตอบว่า ตัวข้าพเจ้านั้นสร้างบารมีเป็นธาตุ
    ธรรมทั้งสองสายคือสายสีขาว ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ
    วัดปากน้ำ (ภาษีเจริญ) และสายสีแดง วิชชาเซียน วิสุทธิ
    เทพ - วิสุทธิภูมิ "

    นี้คือสาเหตุ เมื่อหลวงพ่อคืน "คุณสมบัติ" ตามที่
    ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมา สายสีแดง จึงตรวจพบข้าพเจ้า และให้
    ท่านวิสุทธิเทพมาพาข้าพเจ้าคืนสู่ วิชชาเซียน (ข้าพเจ้าถึง
    บางอ้อ !! เพราะสงสัยอยู่นานว่าทำไม อาสนะบัวของตนมี
    สีชมพู ใส ไม่ใช่สีขาวใสแบบหลวงพ่อ)

    ปรมาจารย์เซียนมาสอนข้าพเจ้า ทุกครั้งแส้ของท่าน
    เซียนจะตวัดข้าพเจ้า ได้ก่อนที่จะเข้าสู่วิชชาธรรมกาย จึงทำ
    ให้ ข้าพเจ้าได้เรียนวิชชาเซียน เริ่มต้นตั้งแต่การกำเนิดแห่ง
    ภพ จักรวาล เรียนรู้มาจนถึงภาคพื้นมนุษย์ ให้รู้ฟ้า รู้ดิน
    และ รู้มนุษย์ ทุกครั้งท่านเซียนจะเอาแส้ตวัดเอากายละเอียด
    ของข้าพเจ้าไปเรียนรู้วิชชาเซียน ซึ่งข้าพเจ้าเริ่มสนุกกับ
    วิชชาเพราะ เป็นสิ่งที่สัมผัสกับมนุษย์โดยตรง รู้ฟ้า
    รู้ดิน และ รู้มนุษย์

    วิชชาเซียนประกอบด้วย

    -ชี่กง การโคจรของลมปราณจักรวาล
    -ไน่กง การโคจรลมปราณภายใน
    -บู๊เฮียบ วิทยายุทธ์
    -ฮวบกง เรื่องฤทธิ์และการเขียนยันต์

    เบื้องต้นฝึกสำเร็จเรียก วรยุทธ์
    เบื้องกลางฝึกสำเร็จเรียก อภิยุทธ์
    เบื้องสูงฝึกสำเร็จ เป็นเซียน

    (เซียนยังมีลำดับขั้นในวิสุทธิภูมิ)

    จนกระทั่ง.......วันหนึ่งที่ข้าพเจ้าเรียนวิชาการเขียน
    ยันต์ให้มีฤทธิอยู่นั้น พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำซ้อน
    สุดละเอียดเก็บกายฝ่ายเซียนออก และสั่งห้ามข้าพเจ้าเรียน
    วิชชาเซียนต่อไป ให้ทุ่มเทเวลาทั้งหมดแก่วิชชาธรรมกาย
    เพราะจะเป็นวิชชาซึ่งจำเป็นต่องานของธาตุธรรม อย่าได้เสีย
    เวลาแก่สิ่งเหล่านี้เลย ให้ตั้งใจเรียนวิชชาผังการรบ
    การปกครอง

    หลวงพ่อให้ข้าพเจ้าว่า...สัจจะเด็ดขาดจะช่วยงานหลวง
    พ่อสะสางธาตุธรรม สืบสานสายงานต่อจากงานที่หลวงพ่อ
    ทำไว้ คือ การคำนวณยุคทมิฬ - ถิ่นกาขาว ให้เข้าสู่ยุคถิ่น
    กาขาว - ชาวศิวิไลซ์ ไม่ว่ากาลข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น ต้อง
    ไม่ทิ้งงาน จนกว่า..จะสามารถคำนวณงานศาสนจักร
    อาณาจักร พุทธจักร มรรคผล นิพพานในฝ่ายสัมมาทิฐิแต่
    ส่วนเดียว คำนวณรวมเป็นหนึ่ง

    ทั้งนี้ต้องอาศัยเงื่อนไขแห่งกาลเวลาของภพ จักรวาล
    ดวงดาว มาเรียงเป็นแนวเดียวกันในวันที่ 5 พฤษภาคม
    ค.ศ. 2000 ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อไม่อาจอยู่ถึงได้
    เพื่ออาศัยเงื่อนจักรวาลนี้ เปิดเอาหัวแก๊สส่วนธรรม ที่ซ้อนตั้ง
    ฉากกัน เป็นผลให้ศาสนาเรียวลง ๆ จนหมดไปจากแผ่นดิน
    สุวัณณภูมิ แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง แผ่นดินแห่งการสืบ
    ศาสนจักร อาณาจักร พุทธจักร มรรคผลแห่งนี้

    ถ้างานแล้วเสร็จ ข้าพเจ้าจะคืนสู่ความเป็นสถานภาพ
    ใด ๆ ก็ตาม ก็จะไม่บังคับอีกต่อไป .............

    ข้าพเจ้าไม่เข้าใจในสิ่งที่หลวงพ่อกล่าว แต่ก็ยอมให้
    สัจจะ คืนนั้นข้าพเจ้าจุดธูปไหว้บอกกล่าวฟ้า - ดิน ขอขมา
    โทษกรรมและ บอกเลิกการเรียนวิชชาต่อปรมาจารย์วิชชา
    เซียนทั้งหลาย ยุติการเรียนนับแต่คืนนี้เป็นต้นไป เพราะ
    ข้าพเจ้าได้ให้สัจจะจะช่วยงาน พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัด
    ปากน้ำ ผู้มีพระคุณยิ่งไปแล้ว

    ไม่คาดไม่ฝัน ทันทีที่ปักธูปลงเท่านั้น สายตาละเอียด
    ก็เห็นกองทัพ แต่งกายเหมือนนักรบฝ่ายจีนฝ่ายสีแดง ปรากฏ
    ขึ้นกลุ่มหนึ่ง เข้าต่อสู้โรมรันอุตลุดกับกองทัพนักสิทธิ์
    (กายสิทธิ์) ฝ่ายสีขาว ข้าพเจ้าตกใจมาก เกิดมาไม่เคยพบ
    เคยเห็น ยืนตลึงทำอะไรไม่ถูก ทั้งสองฝ่ายประมูลฤทธิ์ เพื่อ
    แย่งชิงธาตุธรรม คือตัวข้าพเจ้านั่นเอง

    เมื่อคิดได้เช่นนั้น จึงกำหนดจิตสู่กายละเอียด ออกไป
    ห้ามทัพ บอกสัจจะเด็ดขาด จะขอช่วยงานพระเดชพระคุณ
    หลวงพ่อ ตามสัจจะจนกว่าจะถึง ค.ศ. 2000 แล้วค่อยว่า
    กันต่อไป

    กองทัพฝ่ายสีแดงได้ยินเช่นนั้น ก็หยุดรบทันที
    ปรากฏกาย......องค์พระแม่กวนอิมขึ้นมาพูดสำทับเสียงก้อง
    ว่า....

    "เก๊า ซี๊ อี เชาะ นั๊ง บ่ หงี ไล้ ไห่ ลื่อ"

    แล้วทั้งกองทัพฝ่ายสีแดงก็หายวั๊บไปกับตา ข้าพเจ้าไม่เข้าใจ
    เพราะไม่สันทัดในภาษาจีน แต่ก็จำคำพูดนี้ได้ขึ้นใจ
    รู้สึกแต่ว่าคงจะไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่ใส่ใจ เพราะข้าพเจ้าผ่าน
    ความทุกข์ยาก ลำบาก มาอย่างมากมาย ชีวิตก็ตั้งใจเพื่อ
    ช่วยงานหลวงพ่ออยู่แล้ว ฉะนั้น

    ถึงงานจะ เสี่ยงเพียงไร ตั้งใจมั่น
    จะบากบั่น สร้างสรรค์ วางเป้าหมาย
    จะเหลวล้ม สำเร็จ ฤากลับกลาย
    ลูกคนนี้ จะสู้ เพื่อธาตุธรรม
     
  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,252
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
    พิสูจน์วิชชาฯ ยามเข้าที่คับขัน


    ****เล่าโดย
    สร้อยเพชร

    ในปี พ.ศ.๒๕๒๓ ดิฉันขับรถกลับจากโรงพยาบาล หลังจากไปเยี่ยมคุณพ่อซึ่งป่วยอยู่
    ขณะนั้นโพล้เพล้ใกล้พลบค่ำ ผู้คนสัญจรไปมาอย่างพลุกพล่าน เพราะต่างกำลังกลับบ้าน
    ดิฉันขับรถไปเฉี่ยวเด็กคนหนึ่ง อายุประมาณ ๗ ขวบ
    หกล้มลงไป และ ร้องไห้จ้า...ด้วยความตกใจ

    ตำรวจได้พาเด็กเข้าโรงพยาบาล
    เอ็กซเรย์ เช็คสมองและส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย
    ปรากฏว่า ไม่เป็นอะไรเลย แม้แต่รอยช้ำ

    แต่อย่างไรก็ตาม ดิฉันต้องพาเด็กไปที่โรงพัก ตามคำสั่งของตำรวจจราจร
    พ่อแม่และยายของเด็ก มาคอยรอรับที่โรงพักอยู่แล้ว
    ดิฉันได้มอบเงินค่าทำขวัญ ให้พ่อแม่ของเด็กจำนวนหนึ่ง
    ...เรื่องจึงตกลงกันด้วยดี
    พ่อแม่ก็พาเด็กกลับบ้านไปแล้ว

    แต่นายร้อยเวร...ไม่ยอมให้เรื่องยุติ
    เดินอกผาย ไหล่ผึ่ง ท้องตึง หน้าเงย กล้ามเนื้อพอง
    ตะโกนเสียงดังลั่นโรงพัก ราวกับว่าดิฉันได้กระทำผิดร้ายแรง
    ท่านคงเห็นว่า เป็นรายการ “หมูวิ่งเข้าชนปังตอ”
    จะปล่อยไป...ย่อมผิดธรรมเนียม

    ท่านพูดจาวกวน น่าปวดหัว
    การที่ท่านพูดเช่นนี้ ดิฉันรู้ว่าท่านกำลังหิว ... “หิวเงิน” นะคะ
    ดิฉันก็แกล้งทำหน้าเซ่อ ไม่รู้เรื่อง
    เสียงนายร้อยตรี...เริ่มดังคับห้องขึ้นไปอีก

    ท่านบอกว่า
    “คุณเป็นใหญ่มาจากไหน ผมไม่กลัวคุณ
    ผมจะเอาคุณขึ้นศาลให้ได้ คุณน่ะเป็นข้าราชการนะ
    ถ้าขึ้นศาล เรื่องจะถูกบันทึกในประวัติ จะเสื่อมเสียแก่ตนเอง”

    ดิฉันได้แต่คิดในใจว่า
    “จะบ้าหรือยังไง ดิฉันไม่ได้พูดซักคำว่าใหญ่หรือเล็ก หรือพูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว”
    ดิฉันรู้ดีว่า คำพูดของเขานั้น...ส่อเจตนาไม่ดี
    ดิฉันยอมไม่ได้ ดิฉันจะยอมขึ้นศาล

    เวลานี้ตระหนักดีว่า ... “ภัย” มาถึงตัวแล้ว
    และเรากำลังเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
    ถ้าจะพูดจารุนแรงโต้ตอบก็จะเป็นการทะเลาะ ซึ่งเราจะเสียประโยชน์

    ดิฉันจึงบอกนายร้อยตรีนั่นว่า “ยินดีที่จะขึ้นศาล”
    เพราเรื่องต่าง ๆที่เกิดขึ้นนั้น มันเป็นอุบัติเหตุ
    ดิฉันก็เป็นพลเมืองดีมาตลอด ก็จะขอทำไปตามกฎหมายบ้านเมือง

    เรื่องดูจะ...ไม่ยุติง่าย ๆ ภัยมาถึงตัวแล้ว
    เวลานี้ “หลวงพ่อวัดปากน้ำ” เท่านั้น...ที่จะช่วยลูกได้

    นึกถึงคำพูดของ คุณพี่ตรีธา เนียมขำ (นายกสมาคมศิษย์หลวงพ่อวัดปากน้ำ) ที่เคยกล่าวว่า
    “คนที่ปฏิบัติถึงธรรมกาย จะเกิดบุญฤทธิ์ เกิดความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเอง
    เปรียบเสมือนตัวบุ้ง ที่มีพิษในตัว
    ใครคิดร้าย...มาจับต้องทำลาย ก็จะปวดแสบปวดร้อน
    โดยที่เราไม่ต้องไปทำอะไรเขาเลย”

    และพี่ตรีธา ยังบอกไว้ว่า
    “ถ้าเราสู้...เราอาจแพ้ อาจชนะ
    ถ้าเราถอย...เราแพ้ตลอด
    ถ้าหยุด...เราชนะตลอด”

    ดิฉันนึกถึงคำพูดนี้ จึงได้ลอง “วิชชา” ดู
    ดิฉันกำหนดจิตให้เป็นสมาธิ ที่ “ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗” จนเกิดความสว่าง ใสสะอาด
    แล้ว “ทำวิชชา” ตามที่คุณพี่ตรีธา...ได้ประสิทธิ์ประสาทวิชชาให้

    เสียงคุณพี่ตรีธา เวลาบอก “วิชชา” ... ยังดังก้องอยู่ในหู
    ดิฉันพยายามดิ่งไปตามนั้น
    ได้ดึงเอา “กายใน” ของนายร้อยตรีนั้น...เข้ามาในศูนย์กลางกาย
    แล้วล้างสายธาตุธรรมที่สกปรก...ให้สะอาด

    ในขณะที่นายร้อยตรี กำลังเสแสร้งที่จะลงบันทึกประจำวันตามคำขู่ของตน
    ซึ่งเป็นเวลาที่ดิฉันทำสมาธิ...จนสุดละเอียด
    ภายในฐานที่ ๗ ... สว่างไปหมด

    นายร้อยตรี...หยุดกึก
    มือที่กำลังเขียน...ก็หยุดลง
    ปากกาสั่น มือสั่น...จนเขียนหนังสือไม่ได้
    ท่าทางที่ผยอง...ก็ห่อเหี่ยวลงฉับพลัน

    เขาค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมามองดิฉันอย่างตะลึง แล้วหยุดนิ่ง
    อาการเหมือนกับตกใจ...กลัวอะไรบางอย่าง
    พูดด้วยเสียงละล่ำละลักว่า
    “เอาละ เอาละ ผมจะปล่อยคุณไป
    ผมไม่กลัวคุณ ผมไม่กลัวคุณ...แต่ผมจะปล่อยคุณไป”

    แล้วก็เชิญให้ดิฉันกลับบ้านได้...โล่งอกไปที
    ถ้าไม่ใช่ “อานุภาพวิชชาธรรมกาย” เรื่องคงไม่จบง่าย ๆ

    เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ เป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่า
    วิชชาธรรมกาย ... เป็นวิชชาแห่งความศักดิ์สิทธิ์ มีบุญฤทธิ์ในตนเอง
    ถ้ามีคนคิดร้ายต่อธรรมกาย (ที่บริสุทธิ์) *** คนผู้นั้น ... จะแพ้ภัยตนเอง
    วิชชาธรรมกาย ... จึงเปรียบเสมือนเกราะแก้ว กำบังภัยให้แก่เรา


    *** เรียบเรียงบางตอนจาก
    หนังสือ บารมีของหลวงพ่อวัดปากน้ำ
    เนื่องในงานสมโชชนมายุครบ ๑๐๐ ปี หลวงพ่อวัดปากน้ำ (พระมงคลเทพมุนี)********************************************



    หมายเหตุ ข้าพเจ้านักรบเงา ผู้นำมาโพส เน้นคำว่า "" ธรรมกาย ที่บริสุทธิ์

    หมายความว่า ตราบใดที่ยังตัดสังโยชน์ไม่ขาดเป็นพระอริยะ

    ให้ทรงความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจ เป็นศีล เป็นธรรมเอาไว้

    และใช้ญาณพระธรรมกายเพื่อเจริญวิปัสสนากำจัดกิเลสสังโยชน์เบื้องสูงต่อไป


    ไม่เช่นนั้นแล้ว หากท่านทำพลาด ศีลขาด ปล่อยให้อกุศลครอบงำ
    ธรรมกายที่บริสุทธิ์จะดับไป ถูกอกุศลธรรมอื่นมาแทนที่

    แม้มีอำนาจจิต ก็รังแต่จะนำไปสู่ทางที่ไม่ใช่เพื่อทางพ้นทุกข์
     
  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,252
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
    เรามุ่งมั่นที่จะ "สร้างพระในใจคน"
    แล้วสร้างทายาท เพื่อสืบต่อเป็นสำคัญ
    เพราะฉะนั้นสถาบันฯของเรา
    จึงให้มีทั้ง 'ภาคปริยัติ' และ 'ภาคปฏิบัติ'
    ไม่ใช่ว่านั่งหลับตาแล้ว เก่ง ดี ประเสริฐ
    ... เป็นเบื้องต้นเท่านั้น
    จะดี จะประเสริฐ
    เมื่อแสดงออกทางกาย วาจา ใจ เป็นปกติว่า ...
    ไม่ลุแก่อำนาจโทสะ โลภะ ราคะ โมหะ บ่อยๆเนืองๆ
    ปฏิบัติธรรมแล้ว ... มันต้องดีขึ้นกว่าเก่า
    ไม่ใช่เท่าเก่า หรือว่าแย่ยิ่งกว่าเก่า
    จะได้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้อื่น



    * พระเทพญาณมงคล (เสริมชัย ชยมงฺคโล)
    วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม
    อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 พฤษภาคม 2016
  15. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,252
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
    "พระจักรพรรดิ" (ภาคผู้เลี้ยง)
    เป็นใหญ่ฝ่าย "สมบัติ"


    ถ้าฝ่ายบุญฝ่ายกุศล
    ทำบุญทำกุศล ... ประทับไปมากเท่าไหร่
    จักรพรรดิภาคผู้เลี้ยง ... ก็เกิดขึ้น
    หรือปรากฏขึ้นเป็น 'คุณธรรม'
    คุณธรรมที่จะให้ผลเป็น "ทรัพย์" เช่นจาก
    ทานกุศล ศีลกุศล ภาวนากุศล
    "ศีลกุศล" ก็ป้องกันไม่ให้ทรัพย์วิบัติฉิบหาย
    "ภาวนากุศล" ก็ช่วยให้เกิด "ปัญญา"
    เห็นบาปบุญคุณโทษ
    "ทานกุศล" ก็ช่วยให้ทรัพย์เจริญขึ้น
    "คุณธรรม" เหล่านี้แหละ
    ประมวลกันขึ้นเป็น ภาคผู้เลี้ยง
    เรียกว่า "จักรพรรดิ"
    เป็นประธานของ 'รัตนะเจ็ด'

    * หลวงป๋า




    [​IMG]



    https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1020141191357087&set=gm.1725654497705545&type=3&theater
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,252
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
    ทางสายกลาง : พระราชญาณวิสิฐ - ทางสายกลาง


    ธรรมบรรยายโดย พระเทพญาณมงคล
    เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี
    ขอบคุณหนังสือ "รวมพระธรรมเทศนา พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หน้า ๕๘"



    [​IMG]
     
  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,252
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
    20.


    Let your grace light , my pilgrim way to
    the end. Support me now and always.

    2537 - 2540









    "คุณยายคะ ลูกไม่มีสิทธิ์เลือกทางชีวิตของลูกเองหรือคะ
    ทำไมลูกจึงจะบวชเข้าวัดไม่ได้"

    ข้าพเจ้านั่งคุกเข่าร้องไห้อยู่ต่อหน้าคุณครู นายกสมาคม
    ศิษย์หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ

    "ยายเห็นใจและเข้าใจจิตใจคุณดี คุณร้องไห้ให้พอ
    แล้วนับแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณก็เลิกคิดเรื่องบวชได้แล้ว
    หน้าที่ของคุณต้องทำงานถวายต้นธาตุในเพศฆราวาสผู้
    ครองเรือน จะต้องคลุกคลีกับประชาชนชาวบ้าน จำไว้ถึงจะ
    เหน็ดเหนื่อยเพียงไร จงอย่าท้อ เพราะหลวงพ่อท่านให้
    อำนาจสิทธิแก่คุณ ความสำเร็จย่อมต้องบังเกิด ถ้าคุณ
    ตั้งใจทำ"

    ข้าพเจ้าป้ายน้ำตาทิ้งและหันหลังมองเข้าไปในโบสถ์
    ภาพแจ่มชัด ปรากฏขึ้นในมโนสำนึก...............

    ฝูงชนวิ่งไล่ตระครุบลูกแก้วใหญ่มากลูกหนึ่ง ลูกแก้วกลิ้งหนี
    วนไปทั่ว ภายในโบสถ์ของวัดปากน้ำ ผู้คนต่างเยื้อแย่งจะ
    เข้าไปครอบครองลูกแก้วนี้ ข้าพเจ้าสงสัยว่าผู้คน
    ทำอะไรอึงอื้ออยู่ในโบสถ์ จึงเดิน เข้าไปยืนหน้าประตูข้าง
    ขวาด้านหลังของโบสถ์ ชะโงกเข้าไปมอง ทันทีทันใด...
    ลูกแก้วขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 14 นิ้ว ก็
    กระโดดลอยขึ้นมาเข้าสู่อ้อมกอดของข้าพเจ้า พร้อมเสียง
    ดังกึกก้องของหลวงพ่อว่า



    "เอาไปใช้ หลวงพ่อให้"

    ข้าพเจ้าตกใจตื่นขึ้นจากความฝันในคืนนั้น เมื่อเล่านิมิต
    ความฝันนี้ให้ คุณยายฟัง คุณยายกลับบอกว่า หลวงพ่อให้
    อำนาจสิทธิแก่ข้าพเจ้า และหลวงพ่อจะให้แก้วกายสิทธิ์ - แก้ว
    จักรพรรดิ แก่ข้าพเจ้าอีกด้วย

    ข้าพเจ้าหันกลับมามองรูปหล่อของหลวงพ่อ
    ณ หอวิปัสสนา ฯ เมื่อมองอย่างตั้งใจ ข้าพเจ้าต้องสะดุ้ง
    เพราะ............ ก่อนที่ข้าพเจ้าจะตัดสินใจมาขอบวช
    2 - 3 คืน ก็เกิดนิมิตฝันเห็น..

    ตนเองถูกสิงโตตัวหนึ่งวิ่งไล่กวดอย่างเอาเป็นเอาตาย
    ในฝันข้าพเจ้ากลัวสิงโตมาก จึงวิ่งหนีอย่างสุดชีวิตเข้าไปใน
    วัดร้าง แห่งหนึ่ง ในวัดร้างนั้นมีโต๊ะแท่นบูชาเก่า ๆ สูงมาก
    (แบบจีน) ข้าพเจ้าจึงกระโดดตัวลอยขึ้นไปยืนบนแท่น
    บูชานั้น

    สิงโตวิ่งไล่กวดมาทันที่แท่นบูชาแล้วนั่งลงเฝ้า
    ข้าพเจ้า ไม่ยอมไปไหน ไม่ว่าข้าพเจ้าจะส่งเสียงขับไล่
    อย่างไร จนข้าพเจ้าอ่อนใจ นั่งลงบนแท่นบูชานั้น เมื่อมอง
    ลงมาที่หน้าสิงโต โธ่เอ๋ย !!! .......... หน้าเหมือนพระเดช
    พระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ นั่นเอง

    "นิมิตมาเช่นนี้แล้ว ยายว่าคุณหลีกเลี่ยงไม่พ้นหรอก
    ถึงคุณจะพยายาม ล้างผังนี้ออกไป
    แต่ผังจริงของต้นธาตุ คุณคิดว่า คุณจะไม่ทำ ได้รึ"

    คุณยายให้สติข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงเดินไปกราบรูปหล่อหลวง
    พ่อวัดปากน้ำ และตัดสินใจเด็ดขาดว่า

    "หลวงพ่อคะ ลูกยอมรับหน้าที่ที่หลวงพ่อประทานมาให้
    แต่ลูกจะเป็นในสิ่งที่ลูกจะเป็นเท่านั้นค่ะ"

    คุณยายแนะนำให้ข้าพเจ้าถอนถอยธาตุธรรมลงเพื่อที่จะ
    สามารถมีชีวิตอยู่ ได้เช่นปุถุชนทั่วไป เพราะนับแต่ที่พระเดช
    พระคุณหลวงพ่อท่านคืน ข้าพเจ้าสู่สายธาตุสายธรรมที่แท้จริง
    ของข้าพเจ้า เมื่อข้าพเจ้าเดินวิชชา สู่สุดละเอียดแห่งกาย
    สำเร็จพระภาค ข้าพเจ้ากลับพบปัญหาการดำรงชีวิต ไม่ว่าจะ
    ผู้คน แม้กระทั่งลูก ๆ อาหารการกิน และน้ำดื่ม ข้าพเจ้า
    เหม็นสาปไปหมด อาการทุกขเวทนามาก ถึงขั้นอาเจียนเป็น
    เลือด จนกระทั่งข้าพเจ้าคิดออกบวชและจะหลีกลี้ผู้คนสู่เทือก
    เขาหิมาลัย จึงมากราบเรียนคุณครู นายกสมาคมศิษย์หลวง
    พ่อวัดปากน้ำ ที่วัดปากน้ำ ใช่สิ !!! หากไม่ถอนถอยธาตุ
    ธรรมลง ข้าพเจ้าจะอยู่ได้อย่างไร ใครอย่ามาตู่เลย ว่าเข้า
    ทรงองค์เจ้า พระองค์นั้น พระแม่องค์นี้ ฯลฯ สัตว์โลกทั้ง
    หลายที่แสนจะเหม็นสาป เข้าใกล้ยังไม่ได้เลย แล้วจะทรง
    เข้าตัวบุคคลได้เช่นไร นอกจากระดับวิญญาณศักดิ์สิทธิ์
    เท่านั้น



    愿为人天来造福 ปรารถนามาโปรดฟ้า ดิน มนุษย์
    造开人间成佛路 สร้างหนทางพุทธบุตรให้ปวงชน

    ขบวนผู้คนมากหน้าหลายตาแต่ล้วนแต่งชุดขาว
    ต่างเดินเป็นสองแถว อย่างมีระเบียบวินัย
    นำหน้าขบวนเป็นช้างเผือกสีขาว
    เมื่อขบวนเดินมาถึง บ้านของข้าพเจ้า
    ช้างเผือกสีขาวก็คุกเข่าลง ข้าพเจ้าขึ้นนั่งบนหลังช้าง
    แล้วขบวนผู้คนก็แห่แหนข้าพเจ้าออกจากบ้านไป
    เพื่อนบ้านต่างออกมา กวักมือเรียกข้าพเจ้ากลับมา
    ทำไมผู้คนจึงมานำข้าพเจ้าไปไหน

    เสียงร้องเรียกชื่อของข้าพเจ้าให้กลับมา ดังก้องจน
    ข้าพเจ้าตื่นขึ้นมา ช่างเป็นความฝันที่ประหลาดมาก นี่จะ
    หมายความว่าอย่างไรหนอ เพราะฝันใกล้รุ่ง เขาว่าเป็นเทพ
    นิมิต

    ข้าพเจ้าออกมารดน้ำต้นไม้หน้าบ้าน พบเพื่อนบ้าน
    ป้าผู้อารี รีบตรงเข้ามาหาพร้อมทั้งเล่าความฝันของป้า
    อย่างตื่นเต้น เออ!!! ป้าทำไมก็ฝันเหมือนข้าพเจ้าทุกประ
    การหนอ ป้าเพื่อนบ้านเป็นห่วงข้าพเจ้ามาก เพราะคิดว่า
    ข้าพเจ้าอาจเป็นอะไรอีก คือต้องจากบ้านไป แต่ข้าพเจ้า
    กลับคิดว่าน่าจะเป็นนิมิตที่ดี

    ระยะเวลาสองปีที่เฝ้าศึกษาค้นคว้าวิชชาธรรมกายขั้น
    สูงอย่างไม่หยุดหย่อน และไม่พบปะผู้คน ข้าพเจ้าได้ธรรมะ
    อีกมากมาย มีความสุขในการตรึกในธรรม สุขภาพของ
    ข้าพเจ้าก็ยังต้องพักผ่อนมากกว่าปรกติคนทั่วไป ข้าพเจ้ายัง
    ต้องทำงานเพื่อเลี้ยงชีพและครอบครัว ทำ ๆ หยุด ๆ ตาม
    แต่โอกาส

    จนกระทั่งครั้งล่าสุดที่ข้าพเจ้าเกิดอาการหัวใจวายกระ
    ทันหันขึ้นอีก ข้าพเจ้าตั้งใจมั่นว่า ถ้าตายอีกครั้งข้าพเจ้าจะ
    ไม่ยอมกลับฟื้นคืนชีพ เพราะมั่นใจว่าตนมีสุคติภพเป็นที่พึ่ง
    ครั้งนี้กายละเอียดของข้าพเจ้ากลับเป็น พระสงฆ์ครองจีวร
    เหลืองอร่ามมาก ปรากฏกายขึ้นที่ปราสาททำวิชชาของ
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ ข้าพเจ้าวิ่งเข้าไปกอด
    เสาท้องพระโรง ไว้แน่น บรรดาเหล่าสงฆ์เบื้องบนต่างเข้ามา
    ปลอบโยนข้าพเจ้าว่า ให้กลับลงไปช่วยงานหลวงพ่อเถอะ
    ต่างพูดปลอบให้กำลังใจ แต่ข้าพเจ้าไม่ฟัง ได้แต่ส่ายหน้า
    ไปมา

    "ไม่เอาแล้ว เกิดเป็นคนลำบากมาก ไม่กลับเด็ดขาด
    อย่ามาพูดดีเลย"

    ทันใดนั้นเสียงหลวงพ่อดังแทรกขึ้นทันที

    "ทุกท่านถอยไป หลวงพ่อเอง"

    "หลวงพ่อไม่ต้องพูด ลูกไม่กลับเด็ดขาด"

    ข้าพเจ้าตั้งใจมั่น แต่........หลวงพ่อไม่พูดต่อสักคำ ยกเท้า
    กระทืบข้าพเจ้า

    "ไม่ต้องขึ้นมาอีกเลย ถ้าทำงานยังไม่เสร็จ จำไว้
    และให้ยกกำแพงแก้วออกเสีย งานต่าง ๆ รอเจ้าอยู่"

    โอ้โห !!! ข้าพเจ้าเจอ "รีบอกซ์" ของหลวงพ่ออึก
    เบอเริ่ม ลอยละลิ่ว หัวทิ่มหัวตำกลับเข้าร่าง ฟื้นขึ้นทันทีกับที่
    นายแพทย์กำลังช่วยชีวิตข้าพเจ้า ข้าพเจ้าร้องไห้โฮ
    ทำไมเราไม่มีสิทธิ์ตาย หลวงพ่อทำไมทำกับลูกเช่นนี้

    และเมื่อออกพรรษาแล้ว ข้าพเจ้าจึงถอนวิชชาซ่อน
    ธาตุธรรมเพื่อที่จะได้ ช่วยงานพระเดชพระคุณหลวงพ่อให้
    หมดสิ้นหน้าที่ตามสัจจะสัญญา และสุขภาพของข้าพเจ้ากลับ
    ดีวันดีคืน จนสามารถใช้ชีวิตได้ดุจคนปรกติ

    เมื่อข้าพเจ้าเห็นผังงานในอนาคตแล้ว ข้าพเจ้าก็
    หนาว รีบระเบิดผังทิ้ง แต่เมื่อเป็นผังจริงของต้นธาตุ ไม่ว่า
    จะระเบิดทิ้งอย่างไร ก็ยังอยู่

    "คุณระเบิดผังของหลวงพ่อทำไม"

    คุณครูนายกสมาคม ฯ กล่าวตำหนิข้าพเจ้าว่า
    ช้าหรือเร็ว ข้าพเจ้าก็ต้องทำ



    เมื่อข้าพเจ้าตรึกเข้ากลาง มองเห็นถนนเต็มไปด้วย
    พระธาตุ ที่หล่นเรี่ยราดเต็มไปหมด ข้าพเจ้ารีบตะโกนเรียก
    ผู้คนมาช่วยกันเก็บ แต่ไม่มีใครสนใจ ข้าพเจ้าจึงต้องเดินลงไป
    ที่ถนน พร้อมทั้งช้อนมือประกบ ขึ้นมาเท่านั้น พระธาตุต่าง ๆ
    ก็กระโดดขึ้นมาอยู่เต็มอุ้งมือ ทำให้ข้าพเจ้าไม่กล้า
    กระดุกกระดิกตัว ด้วยกลัวพระธาตุจะตกลงไปอีก

    "คุณเห็นแล้วใช่ไหม ธาตุธรรมของหลวงพ่อ
    เป็นธาตุธรรมเป็น ล้วนมาทำ มรรคผลนิพพาน
    คุณไม่ทำไม่ได้ แล้วคุณยังจะชักช้าอีกต่อไปหรือ"



    วันที่ 1 กันยายน 2539

    จึงก่อกำเนิดสำนักปฏิบัติธรรมเล็ก ๆ ขึ้น เพื่อรวบรวมเหล่าธาตุ
    ธรรมมาร่วมใจกันบำเพ็ญทาน รักษาศีล เจริญภาวนา
    และทำประโยชน์ 3 คือ

    1.ประโยชน์ต่อตนเองและครอบครัว

    2.ประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ

    3.ประโยชน์อย่างยิ่ง คืองานของศาสนจักร อาณาจักร
    พุทธจักร มรรคผล นิพพาน ในฝ่ายสัมมาทิฐิแต่ส่วนเดียว






    โพธิสถานมงคลธัญ ชาวพุทธมามกะ
    นับถือคุณพระปกเกศเกศา

    อาราธนา "หลวงพ่อสด" เป็นครูบา
    เทอดทูนธรรมะศาสดาเป็นศาสนาเชิดชูใจ

    เชื่อฟังคำสอนพระสงฆ์องค์เจ้า
    ชี้ทางให้เราร่มเย็นแจ่มใส

    เราต่างพลีภักดีกายใจ
    ชาติศาสนากษัตริย์ไทยเราเทอดไว้ตลอดกาล



    ปัญญาเห็นแจ้งสภาวะสุญญตา

    เมตตานำพาสรรพสัตว์ข้ามทะเลทุกข์








    มหากฤษดาบารมีอธิษฐาน

    “ อุกาสะ ข้าพเจ้านมัสการ พระพุทธศักราช พระศาสนา
    ของสมเด็จพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์
    เสด็จลงมาตรัสในพื้นแผ่นปฐพีอันกว้างใหญ่หนาแน่น
    ได้ 2แสน 8 หมื่นโยชน์ ”

    “สัปปุริสา ดูกรสัปบุรุษพุทธเวไนย์ทั้งหลาย ชายหญิงสิ้น
    ทั้งปวง แต่ล้วนปรารถนาจะใคร่ลุล่วงไปในนฤพานด้วยกัน
    ทุกคน
    จงตั้งจิตให้เป็นกุศล ฟังดังจะกล่าว......"

    ด้วยอำนาจสิทธิ ความสำเร็จกิจ แห่ง ศาสนจักร
    อาณาจักร พุทธจักร มรรคผล นิพพาน ในฝ่ายสัมมาทิฐิ
    แต่ส่วนเดียว ในฝ่ายบุญภาคปราบล้วนทั้งลับและเปิดเผย

    ข้าพเจ้าจักตั้งกัลยาณจิต แผ่สมาธิจิตไปยังเหล่าธาตุธรรม
    ทั้งหลายทั้งปวง สรรพสัตว์ตลอดโลกธาตุและทั่วทุกอณู
    จักรวาลโดยไม่มีประมาณ

    ด้วยมหาเดชแห่งบุญของลูก นี้

    ขอให้ลูก จงมี....... อิทธิบาทในพระกุศลธรรม
    เจริญพระอริยะบุคคลทันใด...... แผ่เดชบุญญฤทธิ์เกริกไกร
    แผ่อานิสงส์อันยิ่งใหญ่ไพศาล.....ปกคลุมทั่วพื้นภาคจักรวาล
    โดยไม่มีประมาณ...... ขอให้ลูก จงเจริญในฌาน
    รู้พระพุทธธรรมอันเป็นแก่นสาร ...บรรลุพระอริยะธรรม
    พลัน .... เข้าถึงพระนฤพานโดยเลิศเทอญ

    ด้วยมหาเดชแห่งบุญของลูก นี้...

    ให้ครอบครัวของลูก จงมี..อิทธิบาทในพระกุศลธรรม
    ให้บรรพบุรุษของลูก จงมี..อิทธิบาทในพระกุศลธรรม
    ให้บุพพการีของลูก จงมี..อิทธิบาทในพระกุศลธรรม
    ให้มารดาบิดาของลูก จงมี..อิทธิบาทในพระกุศลธรรม
    ให้ครูบาอาจารย์ของลูก จงมี..อิทธิบาทในพระกุศลธรรม
    ให้ญาติสนิทมิตรสหายของลูก จงมี....อิทธิบาทในพระกุศลธรรม
    ให้เจ้ากรรมนายเวรของลูก จงมี....อิทธิบาทในพระกุศลธรรม
    ให้ศัตรูผู้จองล้างผลาญของลูก จงมี..อิทธิบาทในพระกุศลธรรม
    เจริญพระธรรม.... โดยบริสุทธิ์เลิศล้ำอำไพ
    เป็นพระอริยะบุคคลทันใด......แผ่เดชบุญญฤทธิ์เกริกไกร
    แผ่อานิสงส์อันยิ่งใหญ่ไพศาล......ปกคลุมทั่วภาคพื้นจักรวาล
    โดยไม่มีประมาณ....
    ปรารถจิตให้ท่านผู้เจริญของลูก จงเจริญในฌาน
    รู้พระพุทธธรรมอันเป็นแก่นสาร...บรรลุพระอริยะธรรมพลัน...
    เข้าถึงพระนฤพานโดยเลิศเทอญ...

    ด้วยมหาเดชแห่งบุญของลูกนี้...

    ให้สรรพสัตว์ทั้งปวงจงมี.. อิทธิบาทในพระกุศลธรรม
    เจริญพระธรรม... โดยบริสุทธิ์เลิศล้ำอำไพ
    เป็นพระอริยะบุคคลทันใด......แผ่เดชบุญญฤทธิ์เกริกไกร
    แผ่อานิสงส์อันยิ่งใหญ่ไพศาล.....ปกคลุมทั่วพื้นภาคจักรวาล
    โดยไม่มีประมาณ.... ให้สรรพสัตว์ทั้งปวงจงเจริญในฌาน
    รู้พระพุทธธรรมอันเป็นแก่นสาร....บรรลุพระอริยะธรรมพลัน....
    เข้าถึงพระนฤพานโดยเลิศเทอญ...

    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
    สาธุ สาธุ สาธุ นิพพานปัจจโย โหตุ
     
  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,252
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
    [​IMG]



    ลอเรน รีด จอห์นสัน อายุ 24 ปี อาศัยอยู่ที่นอร์ธฮอลิวูด แคลิฟอร์เนีย เขาเป็นนักบำบัดด้วยการนวด เป็นครูสอนโยคะ และเป็นนักเรียนการแสดง
    ลอเรนฝึกโยคะซึ่งเรียนมาจากครูชาวอินเดียอยู่ทุกวันเป็นเวลานานถึง 5 ปี เขารู้สึกว่ารีชี่โยคะช่วยให้เขานั่งเจริญภาวนาได้ดี การฝึกโยคะนี้รวมถึงการจำกัดอาหารเหลือแค่ผลไม้และผักเท่านั้น ลอเรนและภรรยามาฮันนีมูนกันในประเทศไทยซึ่งเป็นบ้านเกิดของฝ่ายหญิง แล้วตระเวนไปตามวัดต่างๆ เพื่อหาผู้ที่สอนเจริญภาวนาเป็นภาษาอังกฤษได้ ด้วยเหตุนี้เองได้นำเขามาสู่วัดหลวงพ่อสดฯ เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับธรรมกายเลย พระภาวนาวิสุทธิคุณ เจ้าอาวาสวัดจึงแนะนำให้เขามาร่วมกิจกรรมแบ่งกลุ่มเจริญภาวนาตอนเช้าวันอาทิตย์ ซึ่งทำให้ท่านรับรู้ถึงความสามารถอันพิเศษของลอเรน ท่านจึงให้รองอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาทำหน้าที่สอนเขาทุกๆ วัน หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ หลวงป๋าก็เริ่มสอนเขาเป็นการส่วนตัว แม้ลอเรนเรียนได้แค่ 2 สัปดาห์ แต่เขาก็ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ได้บันทึกการสัมภาษณ์ลอเรนมีความยาว 15 นาที


    ผู้สัมภาษณ์ของช่อง 9 : สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้พบคุณ. คุณได้เรียนรู้อะไรจากการเจริญภาวนา ?

    ลอเรน: อันดับแรก ผมได้เรียนวิธีการรวมใจหยุดนิ่งตรงศูนย์กลางกาย. หยุดนิ่งถูกส่วนตรงนั้น ศูนย์กลางขยายออกไปเป็นดวงใสรอบตัว เมื่อใจหยุดกลางของหยุดเรื่อยไปก็หยุดในหยุดกลางของหยุดเรื่อยๆ ไป ได้เข้าถึงกายละเอียดๆ ต่อๆ ไปจนสุดละเอียดจนถึงธรรมกาย

    คุณรู้สึกอย่างไร เมื่อคุณถึงดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายในท้องของคุณ ?

    ผมรู้สึกสงบเยือกเย็นมาก อย่างล้ำลึก และความสุขที่แผ่ขยายออกมา

    เมื่อเจริญภาวนาถึง 18 กาย และถึงธรรมกายนั้น คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง ?

    รู้สึกว่าแต่ละกายที่เข้าถึงนั้น [กิเลส]เบาบางลงตามลำดับ เริ่มตั้งแต่กายมนุษย์ซึ่งเป็นกายที่หยาบที่สุดและเป็นกายโลกิยะ ถึงกายมนุษย์ละเอียดต่อๆ ไปจนถึงสุดละเอียดได้ถึงธรรมกาย ซึ่งเป็นกายที่ทึบน้อยที่สุด. มันพ้นจากความรู้สึกยึดถือในความเป็นตัวตนใดๆ ทั้งสิ้น.

    คุณรู้สึกไหมว่า สิ่งที่คุณได้เห็นเป็นของจินตนาการหรือของจริง ?

    ใช้จินตนาการน้อยมาก [อาจใช้ในช่วงแรกๆ ในระดับขณิกสมาธิ]. แต่สิ่งที่เห็นนั้นปรากฏขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ. ผมเพียงแต่เพ่งไปที่กลางของกลาง แล้ว[ดวงและกายต่างๆ]ก็ปรากฏขึ้นเอง.

    คุณได้เห็นนรก-สวรรค์บ้างไหม

    เห็นครับ

    แล้วคุณเห็นอะไรที่นั่น

    ได้เห็นหลายอย่างครับ. ในนรก, เห็นการลงโทษที่แตกต่างกันหลายระดับมาก. เห็นผู้คน[สัตว์นรก]มากมายกำลังถูกสุนัขกัด มันดุร้ายและเกรี้ยวกราดมาก. พวกเขาพยายามวิ่งหนี - ปีนต้นไม้ที่มีหนามแหลม [ต้นงิ้ว]. ยังถูกสัตว์ที่คล้ายแร้งจิกทึ้งจนพลัดตกลงมาจากต้นงิ้ว แล้วก็ถูกสุนัขก็จะเข้ามาจัดการกับพวกเขา.
    ผมได้เพ่งดูที่ศูนย์กลางดวงธรรมของสัตว์นรกเหล่านี้ เห็นเป็นสีดำมืด. ผมได้มองเข้าไปในจุดศูนย์กลางกายของพวกเขาเพื่อดูว่าทำไมพวกเขาจึงต้องไปอยู่ในนั้น - เป็นเพราะประพฤติผิดในกาม. และผมได้เห็น[ว่าเขาทำ]สิ่งที่น่าละอาย ความผิด และสิ่งที่ชั่วร้ายต่อจิตใจ.
    ผมไปยังอีกระดับหนึ่ง [นรกอีกขุมหนึ่ง] เห็นผู้คน[สัตว์นรก]อยู่ในกระทะ[ทองแดง]ใหญ่ … ใหญ่มาก! ร้อน! มีสิ่งซึ่งดูเหมือนของเหลวร้อนหรือโลหะหลอมเหลว เหมือนตะกั่ว [หมายถึงน้ำทองแดงร้อนจัดที่สัตว์นรกต้องดื่ม]. มันแผดเผา[อวัยวะ]ภายใน. บางคนก็ต้องดื่มของเหลว ที่มีกลิ่นเหม็นมาก แย่มาก [หมายถึงน้ำทองแดงนั้นเอง].
    และผมได้เพ่งดูที่ศูนย์กลางดวงธรรมของสัตว์นรกเหล่านี้อีก ได้เห็นว่า [พวกเขาได้รับวิบากกรรมเช่นนี้ เป็นเพราะ]ดื่มแอลกอฮอล์กันเป็นส่วนมาก. รวมทั้งยาเสพติดอื่นๆ, แต่ส่วนมากเป็นแอลกอฮอล์ [เพราะเป็นสิ่งเสพติดที่ถูกกฎหมาย และโฆษณาประชาสัมพันธ์ได้].
    และแล้ว, ในนรก, สิ่งที่ร้ายสาหัสที่สุดที่ผมเห็น - ลึกลงไปกว่าระดับ[นรกขุม]ที่ 8 - ลึกกว่านรกของพวกที่ชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต พวกที่พูดโกหกหลอกลวง และพวกที่ขโมย โกง คอร์รัปชั่น ของผู้อื่น - ในนรกขุมนั้น ผมเห็นผู้ที่สอนผู้อื่นผิดๆ พวกเขาเหล่านี้ถูกปิดตาจนมืดมิด. พวกเขาไม่สามารถมองเห็นได้และต่างคนต่างวิ่งเข้าหากันด้วยความสับสนอลหม่าน และทุกข์ทรมานมาก. ร่างกายของพวกเขาถูกเผาไหม้จนดำเหมือนกับถูกลวกด้วยน้ำกรด มีกลิ่นเหม็นเหมือนซากศพ กลิ่นตลบอบอวลมาก.
    ผมได้เจริญภาวนาถึงธรรมกายที่สุดละเอียด ได้เห็นสวรรค์ซึ่งตรงข้ามกับนรก อย่างสิ้นเชิง. สว่างไสวมาก - สวยงามมาก. ศูนย์กลาง[กาย - ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกาย]ของเทพดาเหล่านี้ส่องรัศมีสว่างนัก. ในนรก สัตว์นรกมีศูนย์กลาง ดำมืดมัวมาก. ในสวรรค์ ผมเห็นเทพยดาบนสวรรค์มีรัศมีใสสว่างเป็นประกาย ประดุจดังแก้วผลึก. และผมสามารถดูไปที่ศูนย์กลางของเทพดาเหล่านี้ และรู้เห็นว่า ทำไมพวกเขาได้มาอยู่บนสวรรค์ - ก็เนื่องจากสิ่งที่เป็นบุญกุศลทั้งหมด, กรรมดีมากมายที่เขาได้ทำแก่[ตนและ]ผู้อื่น.
    เทวดาบางตนอยู่บนพื้นดิน; บางตนอยู่ในอากาศ และผมเห็นเทวดาอยู่ในต้นไม้ก็มาก.
    แต่, ความแตกต่างสำคัญระหว่างสวรรค์กับนรก ก็คือ สิ่งที่ผมเห็นที่ศูนย์กลางกายของสัตว์นรกและเทพดาเหล่านั้น - ไม่กรรมดีก็กรรมชั่ว อย่างใดอย่างหนึ่ง [สองอย่างนี้เท่านั้น ที่พวกเขาได้ทำลงไป เห็นปรากฏได้ที่ศูนย์กลางกาย - บุญกุศลนำให้มาเกิดเป็นเทวดา ส่วนบาปอกุศลนำให้ไปเกิดเป็นสัตว์นรก].

    คุณก็ได้เห็นทั้ง 2 ฝ่าย - ระหว่างสวรรค์กับนรก ระหว่างกรรมดีกับกรรมชั่ว ที่ผู้คนพากันทำ. แล้วคุณได้เห็นพระนิพพานไหม ?

    ครับ, ผมเห็น. พระนิพพานอยู่นอกเหนือไปจากสิ่งที่เราคิดว่าเป็นดิน น้ำ ลม ไฟ. ผมไม่เห็นธาตุทั้ง 4 เหล่านี้เลย. ผมได้เห็นพระนิพพานธาตุ นับไม่ถ้วน - เท่าที่ผมจะเห็นได้. และมีรัศมีเจิดจ้า สว่างไสว.

    คุณคิดว่าอะไร คือประสบการณ์ที่ดีที่คุณได้ปฏิบัติเข้าถึง ได้รู้ และได้เห็นจากการเจริญภาวนานี้ ?

    ผมรู้สึกว่า วิธีเจริญภาวนาวิชชาธรรมกายนี้ มีความพิเศษ เป็นการปฏิบัติทางตรง ทำให้ผมได้มีประสบการณ์อย่างสูง.

    เมื่อคุณกลับไปสหรัฐอเมริกาแล้ว คุณจะทำอะไร ?

    ผมวางแผนไว้ว่า จะสอนวิชชาธรรมกาย. ผมมีลูกค้าซึ่งผมสอนโยคะ, การเจริญภาวนา และการนวดอยู่แล้ว และผมเชื่อว่าการแนะนำวิชาธรรมกายให้จะช่วยให้พวกเขาให้ช่วยตนเองได้.



    Channel 9 Interviewer: Good morning. It's nice to meet you. What did you learn from meditation?
    Loren: Well, I learned first to focus my attention on the center of the center of the body. And, from there, the center expanded to surround my entire body. As I continued to focus on the center, I saw my refined human body and became that - continuing to focus on the center. This happened again and again, all the way until I reached my refinest Dhammakaya body.
    And, how did you feel when you first reached your own nucleus in your stomach?
    It felt very and calm and a very deep, expanding sense of joy... happiness.
    And how did you feel after you completed all 18 bodies and reached Dhammakaya?
    Well, each body became less and less dense. So, we begin with the human body which is the most crude and mundane, and then it becomes more and more refined until it reaches the most refined Dhammakaya which is the least dense. It totally transcends any sense of personal ego.
    And, did you feel that what you saw was imagination or reality?
    Very little imagination. It happened automatically. I just focused on the center of the center and it appeared by itself.
    And did you see hell or heaven?
    Yes.
    And what did you see there?
    Well, many things. In hell, I saw many levels of different punishments. I saw different people in one level who were being attacked by a dog - very mean and angry. And, they were trying to escape - climbing a tree with thorns. Also, like vultures were trying to attack them and they would fall and then the dog would get them.
    And, I would look at the nucleus of the people - very dark. In the nucleus I would see why they were there - because of sexual misconduct. And I would see lots of shame and guilt and mental poison.
    And then we went to another level and I saw a large caldron ... Large! People were inside it. Hot! With what looked like a very hot liquid or melted metal like lead.
    And they are inside, burning. And some had to drink this very smelly - very bad liquid.
    And I look at their nucleus and I see that most had drunk alcohol. Also some drugs and things, but mostly alcohol. And they drink the liquid and it cooks their organs - especially the brain. It fries the brain.
    And then, in hell, the worst thing I saw - below the 8th level - below the murders and all the liars and thieves - I saw the false teachers. And they had blindfolds. They couldn't see and they were running into each other - chaos and lots of torment. And their bodies were burned dark like they had been scalded with acid. There was a dead smell - a very thick smell.
    And then I became the refined Dhammakaya and then we saw heaven. And there we saw the opposite, really. Very luminous - very beautiful. The center of the beings was very radiant. In hell the beings had a very dark, cloudy nucleus. In heaven I saw them very radiant and glowing like a stal sphere. And, I could look into the center and see why they were there - all the meritorious things, the many good deeds they did for the people.
    Some were on earth; some flying through the sky. I saw many in trees. But, the main difference between heaven and hell was what I saw at the center of the beings - either evil deeds or good, meritorious deeds.
    So, you saw both sides - hell and heaven and the good things and bad things that people do. And, did you see Nirvana?
    Yes, I did. It goes beyond what we think of as earth and water and fire. All of these things, I saw none of. I saw countless saints and Buddhas - as far as the eye could see. And they were very very radiant, with glowing centers. I focused on them and I could see all the good things they did to make them so brilliant.
    But, the most luminous, in the center, was Buddha - the Primordial Buddha - surrounded by Buddhas. And, I asked for permission, and I touched Lord Buddha on the leg. And it felt very very cold, like ice.
    What do you think were the good points that you got from meditation?
    Well, I feel that this particular style of meditation, Dhammakaya, is a very very direct way to experience directly my highest self.
    And, when you are back in America, what will you do? Well, I plan on teaching Dhammakaya. I have clients that I practice meditation, yoga and massage with already, and I believe that sharing Dhammakaya with them will help them to help themselves.
     
  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,252
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
    ‎คนชั่วร้ายน่ะพอแก้ไขได้‬ ‎คนไม่มีศาสนานี่แหละเขาอิดหนาระอาใจรังเกียจนัก‬

    ‪อมตวัชรวจีหลวงปู่วัดปากน้ำ‬


    นักปราชญ์ทุกๆประเทศ เขากล่าวกันว่า คนที่ชั่วร้ายนะไม่สำคัญนัก พอแก้ไขได้ เขาอิดหนาระอาใจและเกลียดคนไม่มีศาสนานี่แหละ
    เขาอิดหนาระอาใจรังเกียจนัก คนไมมีศาสนานั่น ไม่มีที่จรดของใจ ไม่รู้จะเอาใจไปจรดกับอะไร ไม่รู้ที่พึ่งเสียด้วย ไม่มีที่จรดไม่มีที่พึ่งทีเดียว ไม่มีที่พึ่งก็จะเอาหลักที่ไหน จะเอาอะไรมาแก้ไข เธอแก้ไขไม่ได้ เพราะไม่มีหลักใจเสียแล้ว คนต้องมีหลักใจ

    อย่างพระพุทธเจ้า ท่านได้เป็นศาสดาเอกในโลก ต้องมีหลักพระทัยหลักใจเหมือนกัน ถ้าไม่มีหลักใจแล้ว ท่านจะไปเป็นพระพุทธเจ้าขึ้นเอง เป็นเอกอุดมในโลกไม่ได้ เมื่อท่านพบหลักใจเป็นหลักฐานแล้ว ท่านก็แนะนำสั่งสอนสรรพสัตว์ทั้งหลายให้มีหลักใจ ไม่ใช่มีเองนะ ไม่ใช่ไปหาเองหรอก มีเองเมื่อถึงพระอรหัตแล้ว เอาใจจรดติดแน่นที่ดวงธรรมที่ทำให้เป็นพระอรหัตทีเดียว ไม่ขยับเขยื้อน ไม่เลื่อนทีเดียว ตั้งหลักตายตัวทีเดียว ตั้งแน่นตายตัวทีเดียว
    ตามวาระพระบาลีท่านยกเป็นตำรับตำราไว้ว่า เย จ อตีตา สมฺพุทฺธา พระสัมพุทธเจ้าเหล่าใดที่ล่วงไปแล้วด้วย

    เย จ พุทธา อนาคตา พระพุทธเจ้าเหล่าใดที่จะมาในอนาคตกาลภายภาคข้างหน้าด้วย
    โย เจตรหิ สมฺพุทฺโธ พหุนฺนํ โสกนาสโน พระสัมพุทธเจ้าองค์ใดผู้หยั่งความโศกของคนเป็นอันมากให้พินาศไปซึ่งปรากฏอยู่ในบัดนี้
    สพฺเพ สทฺธมฺมครุโน พระพุทธเจ้าทั้งสิ้นล้วนเคารพสัทธรรม สพฺเพ สทฺธมฺมครุโน ล้วนเราเคารพสัทธรรมทั้งสิ้น

    เคารพสัทธรรมนั้นเป็นอย่างไร ใจนั่นก็ตั้งอยู่กลางดวงธรรมนั้น ไม่เขยื้อนเลยทีเดียว ตั้งตายตัว ตั้งแน่นหนา ตั้งติดทีเดียว
    และตำรับตำราอ้างว่า อินฺทขีลูปโม แน่นหนาเหมือนเสาเขื่อนที่ปักไว้หน้าผา ลมพัดไปจากทิศทั้ง ๔ ไม่เคลื่อนเลย
    อีกนัยหนึ่ง ปพฺพตูปโม เหมือนภูเขาที่ตั้งอยู่โดยปกติธรรมดา ลมที่จะพัดมาจากทิศทั้ง ๔ จะให้ภูเขาเขยื้ิอนไม่ได้เลย นี่ ฉันใดก็ดี ใจของพระแน่นในธรรมที่ทำให้เป็นพระพุทธเจ้าอย่างนี้

    แต่ปุถุชนก็ไม่แน่นหนาขนาดนั้น พระโสดาก็ติดอยู่บ้างแล้ว พระสกทาคาแน่นอยู่หน่อย พระอนาคาแน่นขึ้น พอถึงพระอรหันต์แน่นจริงทีเดียว เหมือนเสาเขื่อนทีเดียว เหมือนภูเขาทีเดียว ไม่เขยื้อนตามไปทางใดหละ แน่นขนาดนั้นนั่นแหละมีที่พึ่ง ท่านได้ที่ตั้งของใจ ทีปักของใจ ที่ติดของใจ ไม่ไหวเขยื้อนไปตามใครละ โลกธรรมทั้ง ๔ จะมาระดมพระองค์ให้ใจพระองค์เขยื้อนไม่ได้ ตายตัวทีเดียว ตั้งอยู่ในพรหมวิหารฝ่ายเดียว เมตตา รักใคร่ปรารถนาจะให้เป็นสุข กรุณา ความสงสารคิดช่วยจะให้พ้นทุกข์ มุทิตา พลอยยินดีในเมื่อผู้อื่นเขาได้ดี

    อุเบกขาวางเฉย เมื่อแก้ไขอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ก็เฉย หรือถ้าแก้ไขได้ก็แก้ไป แก้ไขไม่ได้ก็เฉยเสีย อุเบกขา ไม่สมน้ำหน้า ไม่อิจฉาริษยาอย่างหนึ่งอย่างใดเลย นี่ หน้าที่ของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างนี้

    เพราะเหตุนั้น พระพุทธเจ้าท่านเป็นผู้เคารพสัทธรรม วิหรึสุ วิหาติ จ มีอยู่แล้วด้วย พระพุทธเจ้ามีอยู่แล้วด้วย ที่ตรัสรู้ไปแล้วมากน้อยเท่าใด มีอยู่แล้วด้วย วิหาติ จ มีอยู่ในบัดนี้ด้วย
    _____________
    เทศนาธรรมจาก
    พระมงคลเทพมุนี
    หลวงปู่สด จนฺทสโร

    ______________
    ที่มา
    บางตอนจากเทศนาธรรมเรื่อง
    สัจกิริยคาถา
    ๒๓ กรกฎาคม ๒๔๙๗
    _______________


    [​IMG]
     
  20. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,252
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
    ถ้าปฏิบัติได้ถึง "ธรรมกาย"
    ได้ฝึกเจริญภาวนาพิจารณา "สติปัฏฐาน ๔"
    คือมีสติพิจารณา ...
    เห็นกายในกาย
    เห็นเวทนาในเวทนา
    เห็นจิตในจิต
    และเห็นธรรมในธรรม ... ดีแล้ว
    เจริญ "วิชชาธรรมกายชั้นสูง" ได้ดียิ่งๆขึ้นไปเพียงใด
    ย่อมเป็นคุณเครื่องช่วย "บำบัดทุกข์" และ "บำรุงสุข"
    ให้แก่ทั้งตนเองและทั้งผู้อื่น ... ได้มากเพียงนั้น
    และเพราะเหตุนั้นแหละ
    ที่พระเดชพระคุณ "หลวงพ่อวัดปากน้ำ"
    ได้เคยกล่าวกับศิษยานุศิษย์ว่า
    “ธรรมกายคนหนึ่ง ช่วยคนได้ครึ่งเมือง”
    ท่านประสงค์จะทราบผลดีจริงหรือไม่
    ก็ต้องไปเข้ารับการอบรมและฝึกปฏิบัติ
    จนสามารถรู้ และได้ประสบการณ์ด้วยตนเอง

    * หลวงป๋า




    [​IMG]


    https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1020796967958176&set=gm.1726179284319733&type=3&theater
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...