ร่วมทำบุญบูชา สำเร็จสิทธิพระที่นั่งมหาบัลลังก์(ปรารถนาเป็นหนึ่งกุณฑธานเถระ) พ่ออาจารย์พล

อรุณสวัสดิ์ครับ

เมื่อคืนก็มีหลายๆท่านไลน์มาหาบอกว่าจะช่วยกันแผ่เมตตาเยอะมากก็อนุโมทนาด้วยกันนะครับ

 

คืนนี้อย่าลืมสวดมนต์ฝึกภาวนา และสำคัญที่สุดคือแผ่เมตตานะครับ

* วันนี้มีคนบอกว่าได้รับพระสีวลีพิรอดแล้ว จับแล้วขนลุก ขอให้รวยๆเฮงๆรอดจากความไม่มีนะครับ

 

แม่ย่ากาลี

อรุณสวัสดิ์นะครับ มาต่อเรื่องแม่ย่ากัน..

เป็นเรื่องธรรมดาของคนปกติหลายๆคน จุดนี้ผมเห็นว่าในสังคมมีเป็นจำนวนมากทีเดียว เป็นเรื่องของการทำงานภายใต้บังคับบัญชาคนอื่น แน่นอนว่าพอเราศึกษาจบมาสมัครงานนั้น เราก็มีหัวหน้า และต่อให้เลื่อนขั้นอย่างไร เราก็ยังมีหัวหน้าอยู่เสมอเว้นแต่ว่าจะเป็นธุรกิจส่วนตัวเท่านั้น ไม่เช่นนั้นไม่ว่าจะวงข้าราชการการทำงานต่างๆเราก็ยังมีคนที่อยู่สูงกว่าเราเสมอไป

เมื่อเป็นเช่นนี้เวลาโดนใครต่อว่า กดดัน กลั่นแกล้ง บีบบังคับต่างๆนานาจากผู้ที่อยู่สูงกว่ามีตำแหน่งใหญ่โตกว่า กล่าวง่ายๆคือสามารถให้คคุณให้โทษกับเราได้นั่นเอง เมื่อเจอลักษณะนี้หลายคนถึงกับท้อแท้และทนก้มหน้าก้มตาทำงานไปแบบหวาดกลัวบ้าง ต้องคอยประจบสอพลอบ้าง

ในลักษณะนี้คือการโดนรังแกข่มเหงด้วยอำนาจที่เหนือกว่าเรา แน่นอนว่าย่อมต้องมีทุกวงการไม่มากก็น้อย เป็นปัญหาที่บางครั้งต้องผจญชั่วชีวิตเช่นนั้นไป

พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่า ด้วยบารมีของแม่ย่ากาลีนั้น จะเป็นพลังเฉพาะทางที่ต่อต้านกับอำนาจมืด การกระทำความผิดและยังรวมไปถึงต่อต้านการใช้อำนาจไปในทางที่ผิดด้วย เพราะตัวพระองค์ท่านนั้นคือสัญลักษณ์ของมหาอำนาจแห่งมหาจักรวาล คนที่โดนรังแกทั้งหลายเหล่านั้นในอดีตที่เคยได้บารมีของแม่ย่ากาลีจากตะกรุดพระนามที่พ่ออาจารย์ทำขึ้น ได้กล่าวอ้อนวอนแม่ย่า ได้ให้ความเคารพบูชาด้วยใจบริสุทธิ์หลายๆคนหลุดพ้นจากการกดขี่โดนรังแกมีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีมาแล้ว บางคนบอกว่าหัวหน้ายิ้มแย้มพูดคุยด้วยผิดปกติ บางคนถึงกับบอกว่าหัวหน้าโดนย้ายมีหัวหน้าใหม่นิสัยดีมาก หนักหน่อยก็ว่าประสบเคราะห์กรรมจนมาทำงานไม่ได้ก็มี ที่เป็นเช่นนี้เพราะแม่ย่าท่านจัดสรรค์คนที่นำสิ่งที่เรียกว่าอำนาจไปใช้ในทางที่ผิดนั่นเอง

นี่คือสิ่งที่เห็นชัด เพราะบารมีแม่ย่าจึงช่วยค้ำจุนให้หลายๆท่านรอดจากการถูกข่มเหงรังแก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพระจันทรโมเลศวรที่ประดิษฐานเหรียญแม่ย่าไว้จะแรงเพียงไหน

พ่ออาจารย์กล่าวว่าการจุติของแม่ย่าแต่ละครั้งนั้น ไม่ใช่การกำเนิดพระรูปขึ้นมาเพื่อให้คนเกรงกลัว แต่เป็นการเกิดขึ้นเพื่อทำลายอาถรรพ์ร้าย ล้างบางกลียุค สำเร็จโทษคนบาปบ้าอำนาจทั้งหลาย หรือจะพูดง่ายๆคำว่าพระแม่กาลีนั้นก็คือผู้มาจัดการกาลียุคนั่นเอง เพราะเช่นนี้แม่ย่าจึงมักยินดีต่างจากเทพเจ้าทั้งหลายทั่วไป เวลาเห็นคนเดือดร้อนนี่สำคัญนัก พ่ออาจารย์ท่านว่าเห็นเป็นไม่ได้ ถ้าเป็นลูกท่านรักและผูกพันธ์กันท่านจะต้องรีบแก้รีบช่วยทันทีและต้องพ้นต้องดีขึ้นโดยไวด้วย ทั้งนี้เพราะมันอยู่ในอำนาจการจัดการของแม่ย่าและยังเป็นหน้าที่โดยตรงด้วย

เวลาที่ใดมีความสับสนข้าวยากหมากแพง ทำอะไรก็เจ๊ง คือมีความทุกข์ตัวทุกข์นั่นแหละ แม่ย่าท่านมีหน้าที่คืนความสงบสุขให้กับผู้บูชา ดังนั้นจึงต้องลองสังเกตุตัวเองกันว่าเราปรกติสุขดีหรือไม่ มีเรื่องเดือดร้อนทุกข์ใจอะไรหรือไม่ กลียุคมาถึงเราหรือยัง หรือเราเดินเข้าไปหามันแล้ว สำรวจตัวเองดูและพิจารณาดูว่าตนเองนั้นคู่ควรที่จะอาราธนาแม่ย่าหรือไม่ พร้อมที่จะออกจากทุกข์จากการโดนกดขี่รังแกแล้วหรือยัง

สำหรับผู้ที่มีพระจันทรโมเลศวรที่ด้านหลังประดิษฐานแม่ย่ากาลีนั้น พ่ออาจารย์ท่านบอกว่า ในการบูชาพระแม่กาลี นอกจากความรักความบริสุทธิ์ในในฐานะแม่ลูกแล้ว การกล่าวคาถาก็เป็นสิ่งสำคัญ จะกล่าวสั้นๆเพียงคำว่า โอม เจมาตากาลีมา เช่นนี้ก็ได้ แต่ให้กำอาราธนาองค์พระท่านไว้ในมือด้วย ไม่ใช่แต่เพียงจะกล่าวแต่ปาก จะให้ดีมากขึ้นเธอต้องเล่นลมหายใจไปด้วย อาศัยคำภาวนา โอม เจมาตากาลีมาที่ภาวนานี่แหละ กำหนดลมหายใจ หายใจเข้าให้ลึกยาวสุด หายใจออกก็ให้ยาวสุด ระหว่างภาวนากำหนดลมหายใจเข้าออกให้ลึกสุดยาวสุดเท่าๆกัน ใช้คำภาวนาเป็นตัวจำกัดเวลาก็ได้ ท่านว่าภาวนา โอม เจมาตากาลีมา ภาวนาหนหนึ่งลมหายใจก็ไปแล้วนี่ลึกสุด พอภาวนาอีกหนลมหายใจก็ตามไปออกยาวสุดเช่นนี้สลับกันไป

การภาวนานี้ท่านให้ทำไปเรื่อยๆทุกวันเพราะเป็นวิธีที่ง่าย มันแสดงให้เห็นความศรัทธาอย่างบริสุทธิ์ใจของตัวเอง เป็นวิธีเข้าถึงอำนาจของแม่ย่าที่ง่ายและไวที่สุด ไม่เพียงเท่านั้นสิ่งที่จะได้กลับมามันมหาศาลนัก ไม่เฉพาะสมาธิแต่ยังรวมไปถึงคุณสมบัติพิเศษทั้งหลายที่จะพึงเกิดขึ้นทั้งประสาทสัมผัส การรับรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าและอีกมากมาย ท่านว่าท่านพูดมากกว่านี้ไม่ได้ จะเข้าถึงขุมกำลังของแม่ย่านั้น ไม่ต้องพูดอะไรมาก ให้รู้และเข้าใจด้วยตนเอง ถึงเวลานั้นก็จะแปลกใจเองว่าเออ สิ่งที่พูดที่สอนมันมีผลพลอยได้ถึงปานนี้

วันนี้ก็มาเล่าเรื่องแม่ย่าให้ฟังยามเช้าอีกตอนหนึ่ง ถ้ายังมีคนอ่าน สัญญาว่าจะพิมพ์ตอนต่อไปเรื่อยๆ เพราะบารมีของแม่ย่ากาลีนั้นพ่ออาจารย์ท่านบอกว่ามากจริงๆ ..(มาติดตามตอนต่อไปนะครับ)

 

บารมีแม่ย่า

ก็มีเรื่องมาเล่าให้ฟังกัน ในยุคเช่นนี้การส่งออก และผลิตภัณฑ์การเกษตรน่าจะมีปัญหาพอสมควร เรื่องนี้เป็นเรื่องราวจากชาวสวนที่ได้บอกเล่ากันเข้ามา

พ่ออาจารย์เคยนำผ้าแดงที่ท่านใช้มาลงรูปแม่ย่าเรียกสูตรกำกับหัวใจพระคาถาม้วนเป็นตะกรุด โดยท่านเรียกว่ายันต์แดงรับทรัพย์ และขอบารมีแม่ย่าในการปลุกเสก ทั้งนี้ตอนที่ท่านทำนั้นก็ทำได้ไม่มากนักจำนวนคร่าวๆไม่น่าจะถึง 10 ดอก และก็มอบให้บูชาไปเน้นเฉพาะสำหรับคนที่มีบัญหาทางการเงิน และปัญหาเกี่ยวกับช่องทางการทำมาหากิน

ซึ่งเรื่องที่จะเล่านี้ก็เป็นประสบการณ์โดยตรงจากตะกรุดหรือผมจะเรียกว่าผ้ายันต์ดีก็ไม่ทราบ เป็นเรื่องของยันต์แดงรับทรัพย์นั่นเอง พี่เค้าโทรมาเล่าให้ผมฟังว่า เค้านั้นทำสวนลำไยซึ่งก็มีปัญหาหลายอย่าง โดยเฉพาะการปลูกให้ได้ขนาดมาตรฐานส่งออกและการขายให้ได้ราคาดี ซึ่งตอนแรกพี่เค้าว่าปลูกอย่างไรลำไยที่ได้ลูกก็ไม่ใหญ่ เม็ดโตแต่เนื้อน้อยทำนองนั้นถ้าผมจำไม่ผิด

เมื่อได้บูชายันต์แดงรับทรัพย์ไป พี่เค้าจึงทำตามที่พ่ออาจารย์บอก หัดทำสมาธิฝึกปราณกำหนดจิตถึงแม่ย่า และตั้งเครื่องสังเวยแม่ย่าชุดใหญ่ขึ้นบายศรีและผลไม้ตลอดจนน้ำแดงและเน้นผลไม้ที่มีสีแดงกลางสวน บอกกล่าวขอเมตตาแม่ย่าให้ช่่วยฟื้นฟูผลผลิตให้ลำไยดกและสวยตลอดจนให้เจอช่องทางการค้าที่มีกำไร

หลังจากนั้นเค้าจึงนำยันต์แดงรับทรัพย์ไปอัดพลาสติกกันน้ำ และนำไปแช่อาราธนาในที่เก็บน้ำ ซึ่งต้องนำน้ำเข้าสวนพอเป็นพิธี (เหมือนจะอธิษฐานให้แม่ย่าทำน้ำมนต์รดต้นไม้ให้)

พี่เค้าเล่าว่าสุดท้ายเค้าก็ได้จัดเครื่องบวงสรวงขอบคุณแม่ย่ากาลีกลางสวนอีกครั้ง เพราะสวนเค้าติดผลดกและลำไยลูกใหญ่มีเนื้อแน่น แต่ที่น่ายินดีคือสถานการณ์พลิกเกินความคาดหมาย เพราะรุ่นพี่เค้ามองเห็นช่องทางที่จะทำธุรกิจ จึงเสนอเงินงบประมาณให้แก่เค้า 20 ล้านบาทไทย ให้บินไปดูงานที่ประเทศจีนและให้พี่เค้ารวบรวมลำไยจากหลายๆสวนขายตรงให้กับผู้รับซื้อชาวจีน โดยการเปิดบริษัทเล็กๆนี้ก็ได้ยกพี่ท่านนี้ขึ้นเป็นประธาน

พี่เค้าว่าเรื่องแบบนี้มันแปลก และเหมาะเจาะมาก จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลยนอกจากบารมีของแม่ย่า ไม่เช่นนั้นตัวเค้าเองก็ไม่รู้ว่าเทวดาหน้าไหนอยู่ดีๆจะกล้าเสียเงินมาลงทุนในเวลาเช่นนี้และยังทำให้เหมือนช่วยชาวบ้านชาวสวนให้มีรายได้ทำให้โดยไม่หวังปัจจัยใดตอบแทน พี่เค้าว่าคนที่มาลงทุนให้นั้นก็รู้จักกันมาต้องนาน ปกติจะขอหยิบยืมเงินยังยาก ถ้าไม่ใช่บารมีแม่ย่าก็คิดเป็นอื่นไปไม่ได้อีกแล้วเค้าจึงมั่นใจยันต์แดงรับทรัพย์มาก เห็นว่านำไปใส่กรอบตะกรุดทองคำแล้ว

ก็เป็นเรื่องที่อยากนำมาเล่าเพราะคิดว่าพอจะเป็นแบบอย่างได้ ว่าศรัทธาบารมีของเทพเจ้าองค์ไหน ก็อย่าศรัทธาแต่ปาก แต่ให้เน้นการกระทำด้วย อย่าลืมตั้งใจทำมาหากิน หมั่นสวดภาวนา สำหรับผู้ที่ศรัทธาก็ขอให้ สำเร็จ สำเร็จ รวย รวย รวย กันนะครับ (วิธีที่แนะนำกันไปเมื่อวาน ใครมีพระจันทรโมเลศวรลองปฏิบัติตามนะ ดีจริงๆ)

* เดี๋ยวจะเข้าเรื่องแม่ย่ากาลีกันต่อ ใครติดตามก็กดชอบกันไว้นะครับ

 

เนื่องจากพระจันทรโมเลศวรติดจองกันหมดแล้ว คนที่ไม่ทันไม่ได้ยังมีกันอีกมากจึงมีการเรียกร้องให้นำเครื่องรางสายแม่ย่าออกมาให้บูชา เดี๋ยวก็จะดำเนินการให้นะครับ

 

ทำไมคาถาต้องนิกถิงพระคเณศก่อนเหรอครับ

 

เพราะการบูชาจะเน้นความสำเร็จในการอธิษฐาน ตามหลักสิทธิอัครบูชาให้นึกถึงพระคเณศเป็นปฐม

 

แม่ย่ากาลี กับกำลังใจ

อรุณสวัสดิ์นะครับ ตื่นเช้ามานั่งอ่านข่าวแต่ละข่าว เจอแต่เรื่องแรงๆคนอารมณ์ร้อนกันทั้งนั้น ก็พักเอาไว้มาติดตามเรื่องแม่ย่ากันต่อนะครับ

วันนี้จะมาพูดถึงเรื่องแม่ย่ากาลีกับกำลังใจ ผู้ที่บูชาแม่ย่านั้นจะได้รับความรักจากท่านส่งเสริมให้มีสิ่งหนึ่งคือสิ่งที่เรียกว่ากำลังใจหรือมีไฟอย่างน่าประหลาด

พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าหลายๆคนที่มีสภาพจิตใจอ่อนแอ รู้สึกว่าจิตใจตัวเองนั้นไม่เข้มแข็ง เหนื่อยใจ ท้อแท้กับชีวิต อันนี้เป็นปรกติเลยถ้าบูชาแม่ย่าจิตใจจะฮึกเหิม มีกำลังขึ้นมาในทันทีอย่างน่าฉงน

หลายครั้งปัญหาที่ผ่านเข้ามาในชีวิตมนุษย์ แล้วบุคคลเหล่านั้นไปต่อไม่ได้หรือท้อแท้อันหนึ่งอันใด กำลังใจตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญ ด้วยว่าแม่ย่านั้นเป็นกำลังอำนาจของจักรวาล พ่ออาจารย์ท่านว่าแม่ย่าท่านไม่ประสงค์จะมีบุตรอ่อนแอ ดังนั้นบุตรของท่านต้องเข้มแข็งกันทุกคน

ผลโดยตรงที่ได้จากการบูชาแม่ย่าเพียงอาราธนาท่านมาไว้กับตัว สวดพระคาถาระลึกถึงท่านเราก็จะรู้สึกฮึกเหิม ห้าวหาญ เอาว่าเข้มแข็งขึ้น ไม่จำเป็นด้วยว่า เอ้ะบูชาท่านแล้วเราจะเป็นคนใจร้อนมั๊ย เราใจร้อนอยู่แล้วนะ เราธาตุไฟนะ อันนี้ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป มนุษย์ชอบเอาความคิดตัวเองไปยัดเยียดให้เทพเจ้าให้ท่านเป็นเช่นนั้นเช่นนี้

แท้จริงแล้วคนใจร้อนนี่แหละสำคัญนัก หากบูชาแม่ย่าก็จะเย็นลง สุขุมขึ้น ด้วยแม่ย่าท่านเป็นเทพเจ้าตั้งมั่นอยู่ในพรหมวิหารธรรม พ่ออาจารย์จึงมักบอกกล่าวว่าเราอย่าไปยึดติดกับรูปลักษณ์ของแม่ย่าและด่วนตัดสินท่าน ดังนั้นเราควรเข้าถึงพระองค์ท่านด้วยรักและศรัทธาจึงจะนำมาซึ่งปาฏิหาริย์ เพราะเราบูชารักท่านในฐานะแม่ รับความเมตตาจากท่านในฐานะบุตร

ตรงนี้สำคัญ คนเราปากมันพูดว่ารักใครก็พูดได้ เห็นใครเค้าให้คุณเราได้เราก็ยกย่องประจบเขาจะเรียกพ่อเรียกแม่ก็ยังได้ อย่าลืมว่าเทพเจ้าเขาไม่ได้มองเราด้วยตาเพียงคู่ ไม่ได้มีทรรศนะอยู่ในมุมมองที่พวกเรารู้เห็น ทรรศนะของพระผู้เป็นเจ้านั้นมันเกินขอบเขตวิสัยที่มนุษย์ธรรมดาจะพึงรู้พึงรับได้ เพราะท่านรู้ซึ้งถึงน้ำใจมนุษย์ ไม่ได้เจาะจงด้วยว่าคนนั้นคนนี้ แต่ท่านรู้แม้กระทั่งความคิด เพราะเช่นนั้นจะหลอกใครก็หลอกได้แต่อย่าพึงหลอกแม่ย่าท่าน ใครรักท่านท่านรู้ เราควรบูชาและรักท่านเช่นที่เรารักแม่บังเกิดเกล้าของเรา ง่ายๆเพียงเท่านี้นั่นเอง แต่ต้องเป็นความรักอันบริสุทธิ์และออกมาจากใจเราจริงๆ จะไปโกงความรักท่านไม่ได้เพราะมนุษย์นั้นติดนิสัยประจบและโกงกันมาแต่ดึกดำบรรพ์

จะเห็นได้ว่าความรักที่แม่ย่าท่านให้แก่ลูกนั้น แม้เริ่มรักเริ่มบูชาท่าน ท่านก็เริ่มที่จะเป็นผู้ให้แล้ว และยังให้มาจากข้างในด้วย ไม่จำเป็นด้วยว่าต้องรอเราไปเจอปัญหาก่อน รอให้มีเรื่องเดือดร้อนก่อน พ่ออาจารย์บอกว่าถ้าคิดจะรักกันตั้งแต่วินาทีนี้จนเจ้าตายนั่นแหละ ชะตาชีวิตของเธอจะขึ้นไปอยู่กับท่าน

ไม่เพียงเท่านั้นแม้อาราธนาท่านมาฝึกจิตฝึกฌาณฝึกสมาธิ ยังก่อผลให้เรามีฤทธิ์ทางใจที่เร็วขึ้น แกร่งกล้าขึ้นมีตบะสูงขึ้นด้วย หลายๆคนอาจจะรู้แค่ว่า หากอาราธนาแม่ย่าทำสมาธิหรือติดตัวประจำ จะปลุกสัมผัสพิเศษหรือเปิดตาที่สามสัมผัสที่หกก็สุดแล้วแต่เราจะเรียก นั่นคือผลพลอยได้อย่างหนึ่ง แต่เหนือกว่านั้นคือฤทธิ์ทางใจอันนี้ต้องเอาไปทำไปฝึกกันดู ภาวนาพระนามท่านกำกับไป โอม เจ มาตา กาลีมา แล้วอย่าเพิ่งไปเพ่งว่าทำแล้วไหนเล่าคุณวิเศษทั้งหลาย สิ่งเหล่านี้เมื่อมันจะเกิดขึ้นทำไปเรื่อยๆมันจะเกิดขึ้นเองแล้วเราจะรับรู้ได้ด้วยตัวเองจึงเป็นสิ่งที่เรียกกันว่ารู้ได้เฉพาะตน

* จะมาทยอยลงเรื่องของแม่ย่ากันเรื่อยๆ ติดตามอ่านกันนะครับ น่าจะได้ประโยชน์กันบ้าง

 

เดือนนี้เดี๋ยวเราจะแจกของ ในสายวิชาของแม่ย่ากัน ใครสนใจออกความคิดเห็นกดไล๊เอาไว้ด้วยนะครับ ถ้ามีปริมาณพอสมควร เดี๋ยวจะดำเนินการขอมาให้

 

เดี๋ยวมาลงเรื่องแม่ย่าให้อ่านกันเรื่อยๆ ช่วงนี้ผมวิ่งยุ่งทั้งวันเลย ใครมีคำถามจะฝากไว้ให้ท่านตอบก็ PM ไว้ได้เลยนะ เรื่องตอบคำถามผมจะดำเนินการณ์ให้ไม่ให้ช้าหรือตกหล่น โอเคนะครับ

 

ได้รับพระเจ้ากลับร้ายคลายเคราะห์และพระสีวลีแล้วครับ

 

ของที่จะร่วมเล่นเกมส์กันจัดว่าน่าสนใจมาก ถ้ายอดคนต้องการให้แจกมีเยอะผมจะนำมาให้เล่นเกมส์ที่เป็นบุญเป็นกุศลกันนะ

 

พรุ่งนี้มาเล่นเกมส์กันนะครับ ติดตามๆ

 

ติดตามครับ

 

เทพอสูร

มีคำถามที่น่าสนใจเข้ามา ว่าครูแม่ย่านั้นจัดอยู่ในครูที่าเป็นเทพอสูรรึไม่

หลังจากสอบถามท่านแล้วก็เห็นว่าควรยกมาพูดคุยกันไว้จะได้เข้าใจตรงกัน พระแม่กาลีนั้นเป็นเทพที่จัดอยู่ในหมวดครูซึ่งเป็นเทพอสูร

พ่ออาจารย์นั้นเล่าให้ฟังว่าครูแม่ย่านั้นแต่เดิมกำเนิดขึ้นมาแต่พระสยมภูวญาณเป็นปฐม เป็นปางที่ถือกำเนิดมาพร้อมกับมหาวีระภัทร ในภายหลังที่พระองค์ทรงให้กำเนิดร่างของมหาศักติแยกออกมา และมหาศักติก็คือพระแม่อุมาแล้ว ครูแม่ย่าหรือพระแม่กาลีจึงมีกำเนิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งด้วยอำนาจของมหาศักติ ด้วยว่าแต่เดิมนั้นมหาเทพหรือครูพระสยมก็มีอำนาจแห่งมหาศักติอยู่ในตัวพระองค์เอง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องของพลังงานที่ลึกซึ้งมาก ท่านว่ายากเกินที่มนุษย์จะเข้าไปก้าวล่วงทำความเข้าใจ ให้รู้แต่เพียงว่าแม่ย่านั้นคือรูปของพลังอำนาจอันรุนแรงและยิ่งใหญ่ของธรรมชาติของมหาจักรวาลเพียงเท่านั้นพอ

ด้วยรูปลักษณ์ของพระองค์จึงทำให้ที่ผ่านมาพระองค์ได้รับการบูชาด้วยเลือด เนื้อ และชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้มานานหลายพันปีตั้งแต่ยุคความเชื่อและอารยธรรมโบราณ ทำให้พระองค์มีฐานะเป็นครูเทพอสูรไปเช่นปางมหาวีรภัทรและปางมหาไภราวะของพระผู้เป็นเจ้านั่นเอง แต่ทั้งนี้ในฐานะครูเทพอสูรนั้นแน่นอนว่าแม่ย่าท่านย่อมมีสิทธิและอำนาจรุนแรงและเด็ดขาดกว่าเทพเทวะทั้งปวงด้วยเช่นกัน

อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าแม่ย่าเป็นครูเทพอสูรที่มีความรักลูก(หมายถึงศิษย์ที่รักพระนางถวายตัวเป็นลูก) พระนางรักมาก ยิ่งรักมากก็ยิ่งผูกพันธ์มาก ยิ่งดุมากก็ยิ่งมีฤทธิ์มากช่วยให้สำเร็จประโยชน์ใหญ่ได้มาก แต่ทั้งนี้เหนือสิ่งอื่นใดเลยคือแม่ย่านั้นเป็นเทพที่ตั้งอยู่ในพรหมวิหารธรรม แม้จะเป็นเทพอสูรแต่ก็คือเทพอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นจึงต้องเข้าถึงด้วยความรักและการบูชา

หากไปบูชาท่านโดยใช้การทรมานตนหรือผู้อื่น เลือดเนื้อและชีวิตอะไรเหล่านี้ พ่ออาจารย์ท่านว่านั่นเป็นสิ่งที่เข้าใจผิด ผิดมานานนับพันปี คนที่บูชาท่านเหล่านี้ด้วยหวังว่าท่านจะแรงบ้างเฮี้ยนบ้างจะได้ช่วยเหลือตนได้มากบ้าง กลายเป็นว่าชีวิตกลับเจอภัยพิบัติฉิบหายตายไม่ดีกันถมไป

ที่ครูแม่ย่าท่านเสวยเลือดอสูรนั้น จะเป็นต้นด้วยผลเหตุที่ว่าท่านต้องการกำจัดอสูรให้เด็ดขาดเพื่อแก้คำพรของเทพเจ้าท่านจึงต้องดื่มต้องกลืนเลือดของมันไม่ให้ตกต้องพื้นพระธรณี ท่านทำไปบนฐานของความรักด้วยว่าต้องการจะปกป้องสรรพชีวิตในโลกไม่ใช่ว่าหาอะไรมากินไม่ได้ก็จะฉีกกัดดื่มเลือดใครเขาไปทั่ว

ในกรณีการบูชาครูแม่ย่านั้นถ้าเป็นคนที่จิตใจดีประกอบสัมมาอาชีพสุจริตแล้ว พ่ออาจารย์ท่านว่าเจริญรุ่งเรืองกันทุกคน ไม่ต้องกลัวใครไม่มีใครกล้ารังแก แต่ถ้าคนชั่วประกอบการณ์เป็นพาลทุจริตมาบูชาท่าน ท่านว่าดาบนั้นคืนสนองทุกคน จนเป็นที่เข้าใจกันว่าสำหรับคนชั่วนั้นท่านคือพญามัจจุราช แต่ถ้าเป็นคนดีท่านจะปกป้อง จึงเป็นเรื่องเข้าใจผิดอย่างยิ่งที่จะบอกว่าแม่ย่านั้นเป็นเทพของซ่องโจรบ้าง ของพวกหัวรุนแรงพวกมิจฉาชีพ เป็นเทพแห่งไสยศาสตร์ความชั่วร้ายมนต์ดำต่างๆบ้าง ทั้งนี้คือมนุษย์ป้ายสีท่านทั้งนั้น แม้มนต์หรือพิธีกรรมอุบาทว์ที่ทำถวายท่านก็เป็นมนุษย์นี่เองที่แต่งและทำขึ้นมา จึงไม่แปลกที่เขาเหล่านั้นจะพินาศดับสูญกันไป

ก็จะสรุปอีกครั้งว่าครูแม่ย่าที่เราว่าเฮี้ยนว่าแรงนั้น เพราะท่านเป็นครูเทพอสูรจริงๆ พระมหากาลิกาหรือที่นิยมเรียกว่าเทวีกาลีนั้นก็เป็นเทพเช่นเดียวกับมหาวีรภัทรและมหาไภราวะ ทั้งนี้ต้องย้ำคำว่าเทพ จะได้ไม่เข้าใจผิดว่าท่านเป็นอสูรยักษ์มาร หากใครคิดว่าชื่อมหากาลีฟังแล้วไม่เหมาะกับท่าน เพราะคนไทยเราแต่โบราณมานิยามและให้ความหมายคำว่ากาลีนี้ดูจะโหดร้ายนัก พ่ออาจารย์ท่านก็ให้เปลี่ยนคำเรียกเสียใหม่จะเรียกพระองค์ท่านว่าแม่ย่าก็ได้ หรือจะเรียกพระนามเดิมว่ามหากาลิกาก็ได้เช่นกัน

 

อรุณสวัสดิ์ครับ

วันนี้เราจะมีเกมส์มาเล่นกัน อย่าลืมนะ

 

สังคมปัจจุบัน หากจะใช้อุเบกขา ทั้งหมดสำหรับการที่จะนิ่งดูดายคนเขลา รักบาป หาบชั่ว ก็รังแต่จะทำให้ปัญหาบานปลายจนต้องเข้าไปแก้ไข เข้าไปชี้แจ้ง แล้วบอกให้เขารู้ว่า ให้ถือ.."หิริ-โอตัปปะ"กันบ้าง และเอา"เมตตาพรหรมวิหารสี่" เข้าประคับประครอง ธรรม 2 ข้อนี้ถือแล้วไม่ล่าสมัยไปตามกาล ซึ่งสังคมปัจจุบันขาด 2 ข้อนี้กันมาก เห็นมนุษย์ด้วยกันเป็นผักเป็นหญ้าไปหมด ใครเขาจะกระทบกระทั่งอะไรนิดหน่อย ก็มีโมโห โทโสเป็นบาทเป็นฐานไปซะเสียหมดแล้ว จนบ้างที่ ทำให้เรานึกสังเวช ในใจเลยว่า มนุษย์หน้อมนุษย์ เหตุใดถึงมีจิตใจหยาบกระด้างเช่นนี้ ไม่เกรงกลัวบาปกลัวกรรมกันบ้างเลย..

เหตุนั้นผมจึงเชื่อว่าหากเราช่วยกันแสดงให้ ลูกหลาน ญาติมิตร ได้เห็นคุณค่าของการถือ หิริ-โอตัปปะ และ เมตตาพรหมวิหาร โลกเราก็จะเย็นลงและสุขขึ้นตามลำดับครับ

 

ปัจจุบัน สังคมเรายิ่งเจริญขึ้น มนุษย์ ก็เยอะขึ้น สิ่งยั่วยวน ก็มีมากขึ้น ทำให้กิเลสที่มนุษย์ ตัดไม่ได้ เยอะขึ้นเป็นเงาตามตัว
รัก โลภ โกรธ หลง เป็นพื้น ที่ มนุษย์ทุกคนต้องมี ทำให้ สังคมปัจจุบันที่มีข่าวออกมานั้น เกิดจาก รัก โลภ โกรธ หลง ทั้งนั้น ซึ่งใครที่ระงับ
หรือชั่งใจได้ ก็ไม่เกิดเรื่องขึ้น ซึ่งก็มีอยู่มากในสังคมเรา จึงขออนุโมทนากับ คุณงามความดี ที่กระทำในครั้งนี้ด้วย สาธุ

 

ปัญหามาปัญญามี

ปัญหาสังคมปัจจุบันมาจากกิเลสภายในจิตใจ ก่อให้เกิดทุกข์ภัยความเดือดร้อนไปทั้วโลก. ศีลธรรมไม่คืนมาโลกาจะพินาศ. ศีลธรรมมีทุกศาสนาแก้ตรงนี้ได้ในจิตใจคน. ย่อมแก้ไขได้ทุกปัณหาได้แน่นอน. ต้วผมเริ่มแก้ที่ตัวเองก่อนทั้งหน้าที่ความรับผิดทั้งตัวเอง ครอบครัว สังคมทำให้ดีที่สุด. สร้างศรัทธาบนพื้นของทุกศาสนาที่ทุกคนนับถือ ความรัก ความเมตตาเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เป็นพื้นฐานของทุกศาสนาแม้ผู้ที่ไม่มี ศาสนายังต้องการ. เราทุกคนอาศัยอยู่บนโลกนี้ อาศัยพระอาทิตย์ดวงเดียวกัน หายใจอากาศเดียวกัน เลือดภายในร่างกายสีแดงเหมือนกันหมด.

 

ขอกล่าวจากประสบการณ์จริงเลยนะค่ะ เนื่องด้วยอาชีพครูที่สอนพิเศษเด็ก ด้านคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษ โดยหลักสูตรจะเน้นให้เรียนรู้ด้วยตัวเอง หาคำตอบด้วยตนเอง และเรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเอง โดยเราจะแค่แนะนำหรือ Instructor ให้แค่นั้น เด็กๆ จะต้องระดมสมองของตนเองในการคิดค้นหาคำตอบด้วยตัวเขาเอง ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวผู้เรียนได้มากมาย ดังเช่น พ่อแม่คู่หนึ่งพาลูกกำลังจะขึ้น ม.1 มาสมัครเรียน ข้าพเจ้าจึงให้ทำข้อสอบเนื้อหาที่เด็กเคยเรียนมาก่อน ปรากฎว่า แกทำแม้กระทั่งการบวกลบเลขยังไม่ได้เลย นี่ยังไม่รวมถึงการคูณ หาร เศษส่วนในระดับชั้นเรียนเลย จึงหันกลับไปคุยกับพ่อแม่ว่าเกิดอะไีรขึ้น แกถึงเล่าว่าที่ให้น้องมาเรียนเพราะครูที่โรงเรียนแจ้งว่าน้องเรียนไม่ได้ จึงสอบถามพฤติกรรมประจำวันจึงทราบว่า ลูกเล่นเกมส์ในอินตอร์เน็ตตลอดทั้งวันและคืน เพราะพ่อแม่ทำงานไม่มีดูแลเพื่อไม่ให้ซนวิ่งเล่นที่อื่น มิน่าเล่าดูแล้วเหมือนเด็กเอ๋อๆ ตาลอกแล่ก หยุกหยิกตลอดเวลา ไม่มีสมาธิ เรียนรู้อะไรไม่ได้เลย เลยบอกสาเหตุกับพ่อแม่ว่า นี่แหละพ่อแม่รังแกฉัน เลยขอความร่วมมือจากพ่อแม่ว่า ถ้าจะเปลี่ยนแปลงน้องขอให้พ่อแม่ร่วมมือกับครู ปฏิบัติตามที่ครูบอกทุกประการ และคุยกับเด็กให้เห็นอนาคตถ้าไม่อยากไปแบบหามขูดถนน หรือแบกกระสอบให้เหนื่อยเมืรอพ่อแม่ตายไปแล้ว ขอให้ลดละเลิกเล่นเกมและเรียนหนังสือให้เก่งเพื่ออนาคตจะได้ไปสร้างเกมที่ตัวเองเคยถูกมอมเมามาก่อน หลังจากผ่านไป 1 เดือน ปรากฎว่าน้องทำเลขโดยคำนวณจากสมอง ไม่นับนิ้ว ทดเลข ได้ดีและคล่องตัวอย่างน่ามหัศจรรย์ ที่เล่ามานี้เพื่ออยากจะบอกว่า เด็กคนนี้ถ้าโรงเรียนไม่แจ้งว่าน้องเรียนหนังสือและขึ้นม.1 เหมือนเพื่อนๆ ไม่ได้ พ่อแม่คงให้น้องเล่นและติดเกมไม่หลับไม่นอนต่อไป ดังนั้น สถาบันครอบครัวซึ่งแม้จะเป็นสถาบันที่เล็กที่สุดในสังคม ในประเทศอละในโลก แต่ก็สำคัญที่สุดจริงๆ ในการสร้างเด็กรุ่นใหม่ให้พัฒนาประเทศของเราให้เป็นที่ยอมรับในโลกอันกว้างไพศาลนี้ ปัญหาการเลี้ยงดูในครอบครัวปัจจุบันเป็นปัญหามาก ต้องปากกัดตีนถีบ ไม่มีเวลาอบรม ดูแล และสั่งสอน ส่งผลให้เด็กๆ หันไปพึ่งสิ่งอื่นแทน เช่น ติดเกม ยาเสพติด ติดเพื่อน หนีเที่ยว และถูกเทคโนโลยีสื่อสาร สมัยใหม้ครอบงำ ถูกเปลี่ยนทัศนคติและการดำเนินชีวิตไปอย่างไม่รู้ตัว พ่อแม่ควรหันกลับมาพิจารณาจ้องดูลูกลูกตัวเองและคิดถึงอนาคตของเขา กลับมาอบรมเลี้ยงดูลูกในยุคข้อมูลข่าวสารให้เท่าทัน เพื่อให้เขาสามารพัฒนาไปในทิศทางที่ถูกต้องไม่ตกเป็นเหยื่อของสิ่งไม่ดีในโลกยุคปัจจุบันท่ามกลางกระแสความเปลี่ยนแปลงในยุคโลกาภิวัฒน์ นี่เป็นเพียง 1 คน ในครอบครัว ในสังคม ในประเทศ และในโลกเท่านั้น