ทางเสื่อมแห่งโภคทรัพย์และอริยทรัพย์

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย บ้องแบ้ว, 1 พฤษภาคม 2016.

  1. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    คำสอนของพระพุทธเจ้าสอน ทางเสื่อมแห่งโภคทรัพย์และอริยทรัพย์

    เรื่องราวของบุตรเศรษฐีคนหนึ่งในสมัยพุทธกาล บุตรเศรษฐีคนนี้เกิดในตระกูลที่มีสมบัติ 80 โกฏิ (ประมาณ 800 ล้านบาท) ในกรุงพาราณสี มารดาบิดาของเขาคิดว่า เราจักมอบสมบัติที่มีอยู่ทั้งหมดให้แก่บุตร บุตรของเราจะได้ใช้สอยอย่างสบายโดยไม่ต้องทำงาน

    ซึ่งในพระนครนั้นมีธิดาอีกคนหนึ่งเกิดในตระกูลเศรษฐีอีกคนหนึ่งซึ่งมีสมบัติ 80 โกฏิเช่นกัน บิดามารดาของนางก็คิดเช่นเดียวกันคือ ไม่สอนให้ลูกทำงานหาเงินไม่รู้จักเก็บรักษา หวังเพียงให้ลูกได้กินใช้อย่างสบายก็พอแล้ว

    เมื่อทั้งสองโตขึ้นก็ได้แต่งงานกันเพราะความที่มีอะไรเหมือนกันหลาย ๆอย่างทั้งฐานะและความคิดเรื่องการใช้สอยเงินทอง ต่อมามารดาบิดาของคนทั้งสองก็ถึงแก่กรรม ทรัพย์สินร่วม 160 โกฏิก็ได้รวมอยู่ในเรือนเดียวกัน

    ปกติบุตรเศรษฐีผู้นี้มักไปเข้าเฝ้าพระราชาวันละ 3 ครั้ง พวกนักเลงในพระนครนั้นก็พากันคิดกันว่า ถ้าบุตรเศรษฐีนี้ได้เป็นนักเลงสุราเช่นเดียวกันกับพวกตนความผาสุกก็จักมีแก่พวกเรา

    วันหนึ่งพวกนักเลงนั้นถือสุรา นั่งดูทางของบุตรเศรษฐีนั้นผู้มาจากราชสกุล เมื่อเห็นเขากำลังเดินมาจึงดื่มสุราแล้วกล่าวว่า “จงเป็นอยู่ 100 ปีเถิดนายเศรษฐีบุตร”

    บุตรเศรษฐีฟังคำของพวกนักเลงแล้ว จึงถามคนใช้ที่ตามมาว่า "พวกนั้น ดื่มอะไร"

    คนใช้กล่าวว่า “ดื่มน้ำดื่มชนิดหนึ่ง นาย”

    บุตรเศรษฐีถามว่า “น้ำนั้นมีรสชาติอร่อยหรือ”

    คนใช้กล่าวว่า “นาย ธรรมดาน้ำที่ควรดื่มเช่นกับน้ำดื่มนี้ไม่มีในโลกนี้”

    บุตรเศรษฐีนั้นพูดว่า “แม้เราก็ควรดื่ม จึงให้นำสุรามานิดหน่อยแล้วก็ดื่ม”

    ต่อมาไม่นานบุตรเศรษฐีก็ติดสุรา โดยมีนักเลงเหล่านั้นเป็นบริวารซึ่งตั้งแต่บุตรเศรษฐีติดสุราก็ใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยในเวลาไม่นานทรัพย์ของตนและของภรรยา 160 โกฏิก็หมดไป ต่อมาจึงขายสมบัติของตน คือ นา สวนดอกไม้ สวนผลไม้ ยานพาหนะ ภาชนะเครื่องใช้ ผ้าห่ม ผ้าปูนั่งรวมทั้งเรือนที่อยู่อาศัยด้วย

    เมื่อขายเรือนไปแล้วบุตรเศรษฐีก็พาภรรยาเที่ยวไปขอทาน วันหนึ่งพระพุทธเจ้าทอดพระเนตรเห็นเขาซึ่งยืนอยู่ที่ประตูโรงฉันคอยรับโภชนะที่เป็นเดนจากภิกษุหนุ่มและสามเณร จึงทรงแย้มพระโอษฐ์ พระอานนท์เถระจึงทูลถามถึงเหตุที่ทรงแย้ม พระพุทธองค์จึงตรัสว่า

    “ดูก่อนอานนท์ เธอจงดูบุตรเศรษฐีผู้นี้ ผลาญทรัพย์เสีย 160 โกฏิพาภรรยาเที่ยวขอทานอยู่ ถ้าบุตรเศรษฐีไม่ผลาญทรัพย์ให้หมดสิ้น และประกอบการงานในปฐมวัย ก็จักได้เป็นเศรษฐีชั้นเลิศในนครนี้ แต่ถ้าออกบวชก็จักบรรลุอรหัตผล แม้ภรรยาของเขาก็จักดำรงอยู่ในอนาคามิผล

    ถ้าไม่ผลาญทรัพย์ให้หมดไป ประกอบการงานในมัชฌิมวัย ก็จักได้เป็นเศรษฐีชั้นที่ 2 ถ้าออกบวชก็จักได้เป็นอนาคามี ภรรยาของเขาก็จักดำรงอยู่ในสกทาคามิผล และถ้าไม่ผลาญทรัพย์ให้สิ้นไป ประกอบการงานในปัจฉิมวัย จักได้เป็นเศรษฐีชั้นที่ 3 ถ้าออกบวชก็จักได้เป็นพระสกิทาคามี ส่วนภรรยาของเขาก็จักดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล แต่บุตรเศรษฐีนั่นทั้งเสื่อมแล้วจากโภคะของคฤหัสถ์ ทั้งเสื่อมแล้วจากสามัญผล จึงเป็นเหมือนนกกะเรียนในเปือกตมแห้งฉะนั้น”

    จะเห็นได้ว่า “สิ่งพาจน” นั้นในกรณีของบุตรเศรษฐีนี้ก็คือ การคบคนพาลและการเสพสุรายาเมาซึ่งพระพุทธองค์ยังตรัสถึงทางเสื่อมแห่งโภคทรัพย์และอริยทรัพย์ในสิงคาลกสูตรไว้ 6 ประการ ได้แก่ การเสพน้ำเมา คือ สุราเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท การเที่ยวไปในตรอกต่างๆ ในเวลากลางคืน การเที่ยวดูมหรสพ การเล่นการพนันอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท การคบคนชั่วเป็นมิตร และความเกียจคร้าน

    **********
    เครดิต สนพ. เสบียงบุญ
     
  2. Piagk3

    Piagk3 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    606
    ค่าพลัง:
    +1,222
    สุรา คนกินฉิบหาย แต่คนขาย รวยเป็นพันล้าน หมื่นล้าน
     

แชร์หน้านี้

Loading...