"จิต กับใจ" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)

ง่ายๆ ใครพูดผิด แสดงธรรมผิด....ก็อย่าไปโมทนาด้วยสิ
หรือถ้าชอบใจ ถูกใจ ก็ เอาตามที่สบายใจ....กรรมใครกรรมมันไง

หรือนิวรณ์ ไม่เคยพูดผิดมา..จิตไม่ไช่ขันธ์5..นี่ นิวรณ์ก็เคยพูดผิด มาแบบนี้ จำไม่ได้เหรอ
ผมยังจำได้อยู่เลยนะ...

 

อ้าวๆ ลืม พร อันประเสริฐ ที่กล่าวเป็น สัตยาธิษฐาน ไว้ให้ ผม หรือฮับ


น้องๆ หนูๆ อย่า งง นะฮับ

ผมมี สิทธิเฉียบขาด ในการ ก่อกวน น้าวงกงจุก ทุกรูปแบบ
ในความ อุนญาติ ให้กระทำได้

อีกทั้ง มีเงื่อนไขว่า เมื่อไหร่ โชว์เบอร์โทร หรือ ชักชวนให้
โทรหาเพื่อให้ อุปทานกับ พลังเฮียๆ ฮาๆ ( จริงๆ มันเป็น สภาวะ
ปรกติของจิตที่จะเกิด การสัดส่ายภายใน แต่ อายพวกเฮีย จะ
กล่อมว่าเป็น พลังที่เขาส่งไปให้ หากเห็นแล้ว ก็จะถือว่า ช่วย
ให้ บรรลุ สัมมาสัมโพธิญาณ ....คือ น้าวงกงจุก ประกาศตัว
เองเป็น ศาสดาใหม่ มาแว้ว ที่ เลิก หรือ รา ไป เพราะ สังเกต
ได้ว่า ไม่เวริก์ )

ทันทีที่เขาโชวเบอร์โทร หรือ ชักชวนให้ รับพลัง ผมจะมี สิทธิเฉียบขาด
ในการ โชวรูป ส่วนตัวของเขา ที่เป็น " สื่อ " ที่ น้าวงกงจุก เอง
นำขึ้นเผยแพร่ และ อนุญาติให้ผมใช้ในระบบ internet


ดังนั้น

ไม่ใช่ การตามราวี น้าวงกง จุก

เป็นเพียง การทำตามหน้าที่ ที่ น้าวงกงจุก มอบหมาย ให้ทำ

 

ใครจะมากอปปี้ ของนิวรณ์ แค่อ่านยังใช้ภาษาพิลึกๆๆๆ นี่ยังวางระเบิดคนอื่น ที่เขามาอ่าน ว่า เขาจะมาจำมากอปปี้ ธรรมแตกของแกไปพูดต่ออีกงั้นเหรอ

อากาศร้อนมากไปรึเปล่านะ..

 

โธ่ ชั้นว่าแกตามราวีคนอื่น เขาต่างหาก....ชั้นไม่ได้ว่า แกตามราวีชั้นสักหน่อย..
แกตามราวีชั้น ได้ที่ไหนกันเล่า....มีแต่แกตามมาให้ชั้นราวีแก อยู่ไม่หยุดหย่อน สิ ไม่ว่า...อิอิ

 

ชั้นไม่เข้าเวป ก็เอารูปชั้นมาใช้แทน รูปแทนตัวเฉยเลย
อ้างว่า ไปอ่านนายประสิทธฺ แล้วเดาเอา คิดว่า นายประสิทธคือผมปลอมตัวมา
นี่คง เดาเอาอีกว่า นายนิพพิช คือผม ปลอมตัวมา อีกสิท่า

มัน อากาศร้อนจริงๆ อ่ะนะ นิวรณ์เลย เพ้อเจ้อ ไปเรื่อย...

 

นิวรณ์ แกจะก่อกวนชั้น แกจะเบียดเบียนชั้น แกจะล่วงละเมิดสิทธิชั้น จะโดยมีเจตนาดีหรือเจตนาร้าย ของแก ก็เอาตามที่สบายใจแล้วกันนะ เพราะมันเป็นกรรมของแก ไง

อย่าเที่ยวไป ระรานคนอื่นเขา ก็พอนะ....(ตอนศีอาน5 ยังอยู่ เด็กเส้นของเวป) แกยังหงอ ไม่ไปกล้าราวี ด้วยเลย นิ.....ป๊อด จริงๆ

 

ยิ่งพอรู้ความจริง ว่าสองคนนี้ ไม่ไช่ชั้นปลอมตัวมา แกก็เอาใหญ่เลย ตามฟัด ตามจิก...กะจะโชว์พาว เพื่อให้คน หันมา ศรัทธายกแก เป็น อาจารย์ ให้ได้ไง...

เห็นแล้วขำนะ นิวรณ์ อยากได้ศิษย์ อยากเป็นอาจารย์ที่คนนับถือ...แกก็อธิบายในสิ่งที่เขาถามมา ให้เขาเข้าใจได้ แล้วยอมรับในตัวแกสิ

จะมาเล่น ลิเกหน้า เพิงหมาแหงน ใครเขาจะสนใจธรรมแตก ของแก

อิอิ....ร้อนมากจน เพี้ยนไปแล้ว....

 

เพื่อนๆหายไปไหนกันหมดแล้วล่ะ ตาขันธ์ ตาวิมุติ สันโดษ นางผึ้ง และหลายๆคน...เขาไปไหนกันหมด......ทิ้งนิวรณ์ให้เฝ้าวัดคนเดียว......อิอิ

 

ทำไมผมต้อง คอยเล่า ความเป็นมาในการฝึกแยกจิตดูกาย ของผมให้ชาวบ้านเขาฟังกัน

นั่นเพราะ การแยกจิตออกจากใจ ออกจากกาย มันไม่ไช่เรื่องที่ทำกันง่ายๆ ยิ่งใครที่แยกไม่ได้ ชำระจิต อวิชชาไม่ได้....ก็จบเห่เลย จะคุยธรรมมะได้แค่ นั่งสมาธิ ....ส่วนพวกที่นั่งสมาธิด้วยกันมา พอเลิกนั่ง มันก็เอาที่ เห็นในเวลานั่ง มานั่งเถียงกันต่ออีก ไม่จบไม่สิ้น

ไม่รู้เรื่องของการฝึกสติปัฏฐานสี่ แล้วก็เอามานั่งเถียงกัน เหมือนนายนิวรณ์ เรื่อง อะไรคือฌาณ คือ ญาณ 1 2 3 4...อะไรคือ อุเบกขา อะไรคือ วิตกวิจารปิติ ต้องฌาณไหนญาณไหนไปเรื่อย....แทนที่จะเอาผลที่ได้คือปัญญามาถกกันว่า ได้ดีอะไร รู้ดีอะไรขึ้นมาบ้าง

กิเลสตัณหา มันลดลงอย่างไร ....

สุดท้าย ก็มาเถียงกัน ต่อ ว่า อะไรคือรูป อะไรคือ อรูป อะไรคือนิพพาน อะไรคือ..จิตคือใจ

แล้วก็ได้คนเพี้ยนๆมาคนหนึ่ง มาคอย ทักท้วง ประจำเวป....ตลกมากเลย

 

หลายปีก่อน ก็มักมาว่าให้ผมว่า สัทธรรมปฏิรูป ว่า การกำหนดจิตแยกออกจากกายมาดูกายคือ เพ่งซ้อนเพ่ง..ลวงตนเอง ประมาณนั้น...ไม่เท่ากับที่ ดูจิตไปเนืองๆ(แต่ไม่ได้อธิบายชัดเจนว่าดูยังไง)

มาวันนี้ ก็มาพูดเหมือนผมว่า กำหนดจิตรู้ทุกข์ไปเลย...โน่น มันเลย กาย เลยเวทนา ไปเลย...ให้ไปกำหนดจิตรู้ทุกข์....พอถามว่าทุกข์ของแกที่แกบอกให้กำหนดรู้คืออะไร..มันตอบ คือ จิตนั่นไง

แต่เอาเข้าจริงๆ มันก็ ไปจับเอาเวทนามา เป็นที่ให้ดู เวทนาเกิดดับ แบบเนืองๆเหมือนเดิม นั่นเหรอ...นิวรณ์

 

ทุกวันนี้ ก็ยัง งง เหมือนเดิม เวลาใคร ว่าอะไร เรื่อง ผู้รู้ เรื่อง แยกจิตแยกใจ...มันจะคิดว่า ผมปลอมตัวมาทุกที...แล้วก็ตามจิก ตามนิสัยมัน

มันคิดว่า มันทำถูก...อ่ะนะ

 

เนี่ย คิดได้ไง เอารูปผม มาใช้แทนรูปตนเอง...

มันส่อ.....ลักษณะนิสัย ลึกๆของมันจริงๆ...

 

หากคุณยกข้อความนี้ขึ้นมา ก็แสดงว่าคงพอรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร อย่าว่าผมไม่ใส่ใจเลย ผมยังไม่เห็นในข้อความที่หลวงปู่มั่นกล่าวนี้ต่างหาก

ก็หากเป็นเช่นนี้ก็ชัดเจนเลยสิถ้างั้น ... มิน่าหล่ะคุณไม่พอใจในตอนที่ผมสรุปกระทู้เมื่อหลายวันก่อน ก็เพราะไปกระทบพวกคุณเข้าเต็ม ๆ นี่เอง

 

งั้นผมก็ขอถามคุณเช่นกันว่า ทั้งหมดทั้งมวลในเว็บพลังจิตนี้ไม่เกี่ยวกับจิตกับใจหรือครับ??? ผมว่าแทบจะทั้งหมดนะที่วนอยู่ในเรื่องนี้แทบทั้งนั้นนะ ก็แล้วทำไมไม่ไปว่าท่านผู้เทศน์เกี่ยวกับจิตกับใจบ้างหน่อย บางคนก็เห็นแต่เทศน์จิตอยู่ทั้งชีวิตก็มี ก็ทำไมไม่ไปว่าเขาหน่อยหล่ะครับคุณ นิวรณ์ หรือเกรงกลัวเขาเกินไปจนแยกแยะไม่ได้ว่าอันไหนมีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์ไม่ออกแล้ว

***ดูไปดูมา คนในบอร์ดนี้ก็มีไม่กี่คนเองเนอะ คุยกลับกันไปกลับกันมาอยู่นี่หล่ะ***

 

แล้วคุณว่า เว็บนี้ เน้นไป วิมุตติ หรือ วนอยู่กับความวิจิต(ร) ละฮับ !!!

 

วิมุตติจริง กับ วิมุตติปลอม มันก็ต่างกันอยู่นะ

 

แล้วคุณว่า เว็บนี้ เน้นไปที่ วิมุตติจริง หรือ วิมุตติปลอม ฮับ

แล้วถ้า ยังเป็นผู้ฝึกหัด จะเอาอะไรไป ตัดสินฮับ ว่า จริง หรือ ปลอม
หากไม่ ลงมือปฏิบัติ พิสูจน์ !!! มัวแต่ ถาม

เว็บเงียบเหงา เขามีแต่ " สงบ แต่ ร่าเริง(เพราะ ปฏิบัติเพื่อวิมุตติเป็นชั้นเป็นตอน ) "

 

เป้าหมายนั้น คือ เน้นไปที่วิมุตติจริง ... นี่ก็อนูโมทนาด้วยครับ

ถ้าหากผมพิสูจน์มาแล้ว และเห็นว่ามันยังไม่ถึงไหนหล่ะ จะรับฟังหรือเปล่า ทำไมจึงพูดเช่นนี้ ก็เพราะเริ่มมาผิด ก็เข้าใจกันผิดไปหมดนั่นเอง อันนี้หมายเอาถึงวิมุตติโน่นนะ ส่วนเบื้องต้นก็ไม่ขอตำหนิกัน ... เอาเป็นว่าไม่เถียงกันต่อดีกว่าเนอะ ไม่ค่อยเป็นประโยชน์หรอก เพราะมันจะออกแนวการประชุมรัฐสภานั่นเอง

 

อยู่ดีๆ จะ เริ่มให้ถูกท่า .....โดยการ เฝ้นหาคำพูดที่ตนเอากิเลสไปตัดสินว่า เริ่มถูก

มันก็ ผิดตั้งแต่ แสดงความหนาของกิเลส อยู่ดีๆ จะเอา ปัญญาที่มีแต่ขี้
เอาไป ตัดสิน คำสอน อันไหนถูก อันไหนผิด มันมี ฐานะ ตรงไหนฮับ


เขามีแต่ เห็นลงมาว่า "เพียร" ปรารภอยู่ละก้อ ยังไงก็ต้อง พบความถูกต้อง

พอพบความถูกต้อง วันนั้น ก็ตัดสินเลยว่า ที่ปฏิบัติมาทั้งหมด มันมี อุบาย
ล้มลุกคลุกคลานกันมาได้ หากมีความเพียร ไม่ประมาท( เที่ยวเอา ปัญญา
ที่เต็มไปด้วยกิเลส ไปตัดสินคำสอนว่า อันไหนถูก แล้วค่อยเริ่ม ฮานาก้าาาาาา)

 

คงฮานาก้าาาาา ดังว่า ...