### ลดราคาต้อนรับปีใหม่จากราคาป้ายทุกรายการ...ซื้อเยอะมีแถมแน่นอนครับ ###

ได้รับแล้วครับ สวยงามถูกใจมากครับ

 

ขอจองหลวงพ่อเจิมครับรายการที่ 1,2,8,9 ครับ

 

ยินดีครับ ขอบคุณครับ

 

รับทราบการจองครับ

 

รายการที่ 31

** พระผงหลวงปู่จันทร์ เขมิโย วัดศรีเทพประดิษฐาราม จ.นครพนม **

พระชุดเนื้อผง หลวงปู่จันทร์ เขมิโย วัดศรีเทพประดิษฐาราม นครพนม ปี ๒๕๐๐ เนื้อหามวลสารดีมาก ๆ เนื่องจากมีเนื้อพระสมเด็จบางขุนพรหมที่แตกหัก และผงโสฬสมหาพรหม หลวงปู่ศรีทัต วัดท่าดอกแก้ว อ.ท่าอุเทน อันโด่งดัง ผสมอยู่ด้วย
ซึ่งพระเนื้อผง ของหลวงปู่ จะออกสีขาวอมเหลืองนวลอ่อนๆ มีทั้งเคลือบยางไม้ และไม่เคลือบยางไม้ ให้พิจารณามวลสารและความเก่าตามอายุ
พระที่จัดสร้างในชุดนี้มีมวลสารประกอบด้วยกันหลายอย่าง อาทิ ฯ
๑.ผงพุทธคุณ ของหลวงปู่จันทร์ เขมิโย
๒.น้ำมันงาเสก ของหลวงปู่จันทร์ เขมิโย
๓.ผงของพระสมเด็จบางขุนพรหม และ
๔.ผงโสฬสมหาพรหม ของหลวงปู่ศรีทัต พระอาจารย์ของท่าน (ผงนี้เป็นมวลสารเดียวกับพระผงชุดโสฬสมหาพรหมของหลวงปู่ทิมแห่งวัดละหารไร่) ผู้ที่บูชาพระพิมพ์ชุดนี้ติดตัวต่างประสบกับเหตุอัศจรรย์ต่างๆมากมายอันเป็นผลเนื่องมาจากพุทธคุณที่ มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม
- จากข้อสันนิษฐาน พระชุดเนื้อผง ของหลวงปู่จันทร์ เขมิโย น่าจะแบ่งเป็น สองยุค เนื้อโดยทั่วๆ จะเป็นสีขาวอมเหลืองผสมผงโสฬสมหาพรหมและผงแตกหักของพระสมเด็จบางขุนพรหม ยุคแรก เนื้อจะแกร่ง แก่ผงโสฬสฯและผสมผงสมเด็จบางขุนพรหม ด้านหลังและขอบข้างจะมีรอยแต่ง (คล้ายๆรอยฝน หรือถูกับกระดาษทรายหรืออะไรสักอย่างเพื่อความสวยงาม ยุคหลัง เนื้อจะอ่อนกว่ายุคแรก...สาเหตุน่าจะมาจากการผสมเนื้อพระก่อนกดพิมพ์...สัดส่วนของน้ำ.คงจะมากไป จึงทำให้เนื้อพระอ่อนและมีรอย ราน โดยทั่วไป...และจะไม่มีการตกแต่งองค์พระ จะสังเกตุเห็นมีเนื้อเกิน ในด้านหลังของพระบางองค์...จึงมีการนำยางไม้มาเคลือบองค์พระไว้เพื่อรักษาสภาพพระ แต่ละยุคน่าจะห่างกันไม่มาก ช่วงปี ๒๔๙๗ - ปี ๒๕๐๐ ซึ่งทันหลวงปู่จันทร์ ปลุกเสกทั้งสิ้น....พระเนื้อผงชุดนี้ เป็นพระที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง ทั้งเจตนาในการสร้าง และมวลสาร ที่ผสมในองค์พระ อีกที้งในปัจจุบัน ยังพอหาเช่าบูชาได้ในราคาที่ไม่แพงนัก
การแขวนพระของหลวงปู่มีข้อแม้ว่า ห้ามแขวน รวมเสมอกับพระครูบาอาจารย์ หลวงปู่มั่น หลวงปู่เสาร์

** บูชา 300 บาท ** ​

## ลดเหลือ 200 บาท ##​

 

รายการที่ 32

** พระผงหลวงปู่จันทร์ เขมิโย วัดศรีเทพประดิษฐาราม จ.นครพนม **

พระชุดเนื้อผง หลวงปู่จันทร์ เขมิโย วัดศรีเทพประดิษฐาราม นครพนม ปี ๒๕๐๐ เนื้อหามวลสารดีมาก ๆ เนื่องจากมีเนื้อพระสมเด็จบางขุนพรหมที่แตกหัก และผงโสฬสมหาพรหม หลวงปู่ศรีทัต วัดท่าดอกแก้ว อ.ท่าอุเทน อันโด่งดัง ผสมอยู่ด้วย
ซึ่งพระเนื้อผง ของหลวงปู่ จะออกสีขาวอมเหลืองนวลอ่อนๆ มีทั้งเคลือบยางไม้ และไม่เคลือบยางไม้ ให้พิจารณามวลสารและความเก่าตามอายุ
พระที่จัดสร้างในชุดนี้มีมวลสารประกอบด้วยกันหลายอย่าง อาทิ ฯ
๑.ผงพุทธคุณ ของหลวงปู่จันทร์ เขมิโย
๒.น้ำมันงาเสก ของหลวงปู่จันทร์ เขมิโย
๓.ผงของพระสมเด็จบางขุนพรหม และ
๔.ผงโสฬสมหาพรหม ของหลวงปู่ศรีทัต พระอาจารย์ของท่าน (ผงนี้เป็นมวลสารเดียวกับพระผงชุดโสฬสมหาพรหมของหลวงปู่ทิมแห่งวัดละหารไร่) ผู้ที่บูชาพระพิมพ์ชุดนี้ติดตัวต่างประสบกับเหตุอัศจรรย์ต่างๆมากมายอันเป็นผลเนื่องมาจากพุทธคุณที่ มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม
- จากข้อสันนิษฐาน พระชุดเนื้อผง ของหลวงปู่จันทร์ เขมิโย น่าจะแบ่งเป็น สองยุค เนื้อโดยทั่วๆ จะเป็นสีขาวอมเหลืองผสมผงโสฬสมหาพรหมและผงแตกหักของพระสมเด็จบางขุนพรหม ยุคแรก เนื้อจะแกร่ง แก่ผงโสฬสฯและผสมผงสมเด็จบางขุนพรหม ด้านหลังและขอบข้างจะมีรอยแต่ง (คล้ายๆรอยฝน หรือถูกับกระดาษทรายหรืออะไรสักอย่างเพื่อความสวยงาม ยุคหลัง เนื้อจะอ่อนกว่ายุคแรก...สาเหตุน่าจะมาจากการผสมเนื้อพระก่อนกดพิมพ์...สัดส่วนของน้ำ.คงจะมากไป จึงทำให้เนื้อพระอ่อนและมีรอย ราน โดยทั่วไป...และจะไม่มีการตกแต่งองค์พระ จะสังเกตุเห็นมีเนื้อเกิน ในด้านหลังของพระบางองค์...จึงมีการนำยางไม้มาเคลือบองค์พระไว้เพื่อรักษาสภาพพระ แต่ละยุคน่าจะห่างกันไม่มาก ช่วงปี ๒๔๙๗ - ปี ๒๕๐๐ ซึ่งทันหลวงปู่จันทร์ ปลุกเสกทั้งสิ้น....พระเนื้อผงชุดนี้ เป็นพระที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง ทั้งเจตนาในการสร้าง และมวลสาร ที่ผสมในองค์พระ อีกที้งในปัจจุบัน ยังพอหาเช่าบูชาได้ในราคาที่ไม่แพงนัก
การแขวนพระของหลวงปู่มีข้อแม้ว่า ห้ามแขวน รวมเสมอกับพระครูบาอาจารย์ หลวงปู่มั่น หลวงปู่เสาร์

** ปิดรายการนี้ ** ​

 

รายการที่ 33

** หลวงพ่อเปา เศียรปู่ฤาษีหน้าวัว เนื้อโลหะ เลข 991 ฝังตะกรุด หลวงพ่อเปา ธมฺมทีโป ( พระครูเกษมศีลคุณ ) วัดสวนสำราญ จ.สระบุรี **

เศียรปู่ฤาษีหน้าวัว หลวงพ่อเปา เจ้าตำหรับสีผึ้งสาริกาอันโด่งดัง สำหรับฤาษีหน้าวัว พระนามที่จริงคือ พระนนทิ (พระ-นน-ทิ) นั่นเอง เป็นฤาษีในชั้นเทพ เป็นบริวารองค์สำคัญและยังเป็นพระราชพาหนะของ (องค์พระสดาศิวะมหาเทพ) เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องดนตรี การร้อง ฟ้อน รำ เต้น มีศิลปะในการพูดจา เจรจาได้น่าฟังเป็นที่น่าเชื่อถือและเป็นที่ยกย่อง อีกทั้งเป็นที่รักใคร่ของผู้อื่น มีเสน่ห์ ดึงดูดใจเพศหญิงเป็นอย่างดีในภาคนี้มีรูปร่างเป็นมนุษย์ นุ่งห่มหนังเสือดาวสีเหลือง ศีรษะ เป็นวัวหนุ่ม สีขาว สวมประคำหินสีดำ

สำหรับนักดนตรีหรือนักแสดง ก็ควรที่จะหมั่นกราบไหว้บูชาและระลึกถึงในฐานะที่ท่านเป็นครูผู้แรกเริ่ม

คาถาบูขาฤาษีโคนนทิ ใช้บทเดียวกับการอาราธนาคุณพระฤาษีเพื่อคุ้มครองและขอโชคลาภ การงานให้สำเร็จ


โอมสิทธิ การิยะ แห่งบรมครูทั้งหลาย อะธิเจ ตะโส อะปะ มัชชะโต โมนะ ปะกะสุ สิกะ คะโต โส พะนัพ ภะวันติ ตาทิโน อุปะสัน ตัสสะ สะติมะโต

** ปิดรายการนี้ **​

 

รายการที่ 34

** เหรียญหลวงพ่อพรหม พิมพ์หน้าหนุ่ม รุ่นพรหลวงพ่อ อายุ 79 ปี ครั้งที่1 ย้อนยุค วัดช่องแค จ.นครสวรรค์ **

เหรียญหลวงพ่อพรหมแต่ล่ะรุ่นตอนนี้ราคาไปไกลมากแล้ว สำหรับรุ่นนี้ได้เนื้อชนวนมวลสารเหรี่ยญเก่าๆของท่านหล่อหลอมรวมกันเพื่อสร้างรุ่นนี้ขึ้นมา ในราคาเบาครับ เหรียญสวยๆ เก็บได้ครับก่อนราคาไปไกลกว่านี้

** บูชา 500 บาท **​

## ลดเหลือ 300 บาท ##​

 

รายการที่ 35

** เหรียญหลวงพ่อพรหม พิมพ์หน้าหนุ่ม รุ่นพรหลวงพ่อ อายุ 79 ปี ครั้งที่1 ย้อนยุค วัดช่องแค จ.นครสวรรค์ **

เหรียญหลวงพ่อพรหมแต่ล่ะรุ่นตอนนี้ราคาไปไกลมากแล้ว สำหรับรุ่นนี้ได้เนื้อชนวนมวลสารเหรี่ยญเก่าๆของท่านหล่อหลอมรวมกันเพื่อสร้างรุ่นนี้ขึ้นมา ในราคาเบาครับ เหรียญสวยๆ เก็บได้ครับก่อนราคาไปไกลกว่านี้

** บูชา 500 บาท **​

## ลดเหลือ 300 บาท ##​

 

ขอจององค์นี้ครับ

 

ขอจองพระผงพรายสมุทรเพิ่มรายการที่ 3 กับ 4 ครับ

 

ขอจององค์นี้....................

 

รายการที่ 36

** เหรียญระฆังหลวงพ่อพรหม(ช่องแค) หลังหลวงพ่อบุญส่ง วัดเขาดุม(ช่องแค) อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ปี2542 **



** บูชา 200 บาท ** ​

## ลดเหลือ 100 บาท ##คุณ seaown จองรายการนี้​

 

รายการที่ 37

** เหรียญพระพุทธรูปยันต์องค์ครู จัดสร้างโดยคนวังหน้า งานไหว้ครู วัดดีหลวง ปี 56 **

พระพุทธรูปยันต์องค์ครู จากพระยันต์ครูองค์พระในคัมภีร์พุทธคุณ อิ ของหลวงพ่อศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งจะอัญเชิญพระยันต์องค์ครูองค์สำคัญมาจัดสร้างในเหรียญไหว้ครู วัดดีหลวง ปี 56 ซึ่งได้รวบรวมชนวนมวลสารที่ศักดิ์สิทธิ์มากมายมารวมไว้ยังเหรียญนี้ ใครเป็นแฟนพันธ์แท้ คุณหมอ คนวังหน้า พลาดไม่ได้ครับ

** ปิดรายการนี้ ** ​

 

รายการที่ 38

** พระขุนแผนจินดามุนี หลวงพ่อเขียว วัดระเว **

หลวงพ่อเขียว เป็นศิษย์ของหลวงพ่อใหญ่ วัดระเว ยอดพระเกจิเมืองโคราชในอดีตศิษย์สายหลวงพ่อหมา วัดระเว เจ้าของพระปิดตาคลุกรักพิมพ์หูกระต่ายร่วมสมัยกับหลวงพ่อแก้ววัดเครือวัลย์ พุทธคุณเด่นด้านเมตตามหาเสน่ห์มหานิยม ประสบการณ์ดีครับ หลวงพ่อเขียวท่านก็เก่งทุกๆด้าน ทั้งด้านเมตตามหานิยม การลง นะ หน้าทอง ตำราพระลักษณ์หน้าทอง พระขุนแผนจินดามณี รุ่นนี้หลวงปู่เขียวจัดสร้าง ทั้งผสมมวลสารว่านหายากต่างๆกว่าร้อยชนิดที่โดดเด่นทางด้านเมตตามหานิยม ผสมน้ำมันพรายชั้นหนึ่งเจ็ดชนิด เป็นพระเครื่องที่สร้างเพื่อหวังผลทางเมตตามหาเสน่ห์และทางโภคทรัพย์เรียกเงินทองอย่างเอกอุจริงๆ

** ปิดรายการนี้ **​

​

 

รายการที่ 39

** พระสังกัจจายน์(รูปงาม) หลวงพ่อเขียว วัดระเว จ.นครราชสีมา เนื้อผงยาจินดามณี **

พระมหากัจจายน์รูปงาม เนื้อขาวอมเขียวมวลสารผงจินดามุนีที่สืบทอดมาจากครูบาอาจารย์ของท่านในปาลึกส่วนผสมคล้ายกับผงจินดามณีของ วัดกลางบางแก้ว แต่มีส่วนอื่นอีก4-5อย่างเช่น น้ำผึ้งต่อเหล็กไหล พญาว่าน น้ำนมและหนวดแม่เสือโคร่งท่านสร้างเพื่อสืบตำรา เนื่องจากมีข้อห้ามในการสืบวิชาได้แค่ครั้งละ1คนต่อรุ่นเท่านั้น หากสร้างสำเร็จจะมีพุทธคุณด้านเมตตามหานิยมอย่างแรงกล้ารวมทั้งโชคลาภโภคทรัพย์เยี่ยมด้วยบารมีของพระมหากัจจายนะสมัยที่ท่านยังไม่อธิฐานให้อ้วนท้วนเหมือนที่เห็นในปัจจุบัน บูชาแล้วจะมีโชคลาภเงินทองมากมาย พระสังกัจจายน์นี้พระพุทธองค์ท่านยกย่องว่าเป็นพระอรหันต์ที่มีลาภสักการะมากมายมากมาย ผู้ใดบูชาไว้จะมีแต่ความเจริญก้าวหน้าในด้านต่างๆ ตามตำนานของพระสังกัจจายน์ตอนบวชใหม่ๆท่านมีรูปงามเป็นอย่างมาก จนทำให้บรรดาหญิงสาวที่มาทำบุญที่วัดเกิดนึกหลงรักท่านมากมายหลายคน รวมทั้งผู้คนต่างเข้าใจผิดว่าท่านคือพระพุทธองค์เหตุด้วยรูปร่างและหน้าตาท่านงดงามเป็นอย่างมากจนผู้คนเข้าใจผิดว่าท่านคือพระพุทธองค์ ด้วยเหตุนี้ท่านจึงตั้งจิตเนรมิตกายให้มีรูปร่างอ้วน พุงพลุ้ยดังปัจจุบัน ดังนั้นจึงส่งผลให้ผู้ใดทีู่ชาพระสังกัจจายน์หน้าหนุ่มนี้ เป็นผู้มีลาภสักการะมากมายอีกทั้งยังเป็นเมตตามหาเสน่ห์อย่างที่สุดอีกด้วย

** บูชา 700 บาท **​

## ลดเหลือ 500 บาท ##​

 

รายการที่ 40

** เหรียญที่ระลึก สมเด็จพระนเรศวรและสมเด็จพระสุริโยทัย เนื้อทองแดงผิวไฟ ปี 2538 สภาพสวยพร้อมกล่องเดิม **

เหรียญสมเด็จพระนเรศวรมหาราช หลังตราพระสัญลักษณ์ สก องค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถสิริกิติ์ ทรงโปรดเกล้าให้สร้างขึ้น ในปี38 เนื้อทองแดงผิวไฟกล่องเดิม สภาพสวย ผิวไฟเสี้ยนเหรียญกระจายสวยมาก

** บูชา 500 บาท **​

## ลดเหลือ 300 บาท ##​

 

รายการที่ 41

** พระเนื้อผงพระพุทธโคดมหลวงปู่บุญฤทธิ์ บัณฑิโต (ศิษย์สายพระอาจารย์มั่น) **







หลวงปู่บุญฤทธิ์ เป็นชาวท่าอิฐ อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ ท่านเกิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๑ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๔๕๗ ปีขาล มีชื่อเดิมว่า บุญฤทธิ์ จันทรสมบูรณ์ เป็นบุตรของ หลวงพินิจจินเภท และ คุณแส (บุญสืบ จันทรสมบูรณ์)โยมแม่เป็นผู้มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนามาก และเป็นผู้ใฝ่ศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ ที่บ้านจึงมีตู้หนังสือ มีหนังสือต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะหนังสือธรรมะ และบทสวดมนต์ต่างๆ ทำให้หลวงปู่มีนิสัยชอบการอ่านหนังสือมาตั้งแต่เยาว์วัย
เมื่อเด็กๆ หลวงปู่มีผิวขาว ใบหน้าคล้ายคนฝรั่ง ผมสีแดง จนชาวบ้านชอบล้อท่านว่า เป็นลูกครึ่งฝรั่ง พอโตขึ้นมา ผมสีแดงนั้นค่อยๆ กลายเป็นสีดำ พอโตขึ้นมาหน่อย หลวงปู่ถูกส่งตัวเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนหนังสือที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล สามเสน ได้เลขประจำตัว ๗๒๒ ด้วยเหตุนี้ หลวงปู่จึงมีความรู้ความสามารถทางภาษาอังกฤษ และฝรั่งเศส เป็นอย่างดี มาตั้งแต่เด็กๆ ต่อมาท่านได้สอบชิงทุน ก.พ. ไปเรียนวิชาโบราณคดีที่ฮานอย เวียดนาม พอเรียนจบแล้วได้เดินทางกลับเมืองไทย เข้าทำงานที่ห้องสมุดแห่งชาติ (เก่า) โดยมี พระยาอนุมานราชธน เป็นหัวหน้า และหลวงวิจิตรวาทการ เป็นอธิบดีกรมศิลปากร
หลังจากนั้นไม่นาน ท่านได้สอบเข้าทำงานที่กองการต่างประเทศ (สมัยนั้นขึ้นกับกระทรวงมหาดไทย) ตำแหน่งล่ามภาษาฝรั่งเศส ทำงานอยู่ได้ระยะหนึ่ง ได้รับคำสั่งให้ไปประจำที่ จ.พระตะบอง (สมัยนั้นยังเป็นของไทย ปัจจุบันอยู่ในเขมร)
ช่วงนั้นกำลังเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ หลวงปู่ทำงานอยู่ได้ ๖ เดือนก็ย้ายกลับเข้ากรุงเทพฯ ๑ ปีต่อมาได้ย้ายไปอยู่ที่ จ.พระตะบอง อีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับทำหน้าที่ล่ามประจำจังหวัดหนองคาย และที่นี่เอง ที่หลวงปู่ได้รู้จักกับ คุณนายละเมียด สัชฌุกร ได้สนทนากันเรื่องพระพุทธศาสนา ซึ่งหลวงปู่กำลังสนใจในเรื่องนี้อยู่ และได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับพระสูตรที่สำคัญสุดในการภาวนา คือ สติปัฏฐานสูตร แต่หลวงปู่ไม่รู้จักการภาวนา และการปฏิบัติก็ยังไม่มี
คุณนายละเมียด ท่านนี้เป็นลูกศิษย์ของ พระอาจารย์กู่ ธัมทินโน วัดป่าทุ่งสว่าง อ.เมือง จ.หนองคาย ผู้เป็นศิษย์รุ่นแรกของ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต และเป็นสหธรรมิกกับหลวงปู่เทสก์ หลวงปู่ชอบ หลวงปู่หลุย หลวงปู่ตื้อ หลวงปู่ขาว หลวงปู่ลี ฯลฯ
พร้อมกันนั้น คุณนายละเมียดได้พาหลวงปู่ไปหาพระอาจารย์กู่ ที่วัดป่าทุ่งสว่าง วัดเล็กๆ มีศาลาอเนกประสงค์หลังน้อยๆ หลังคามุงสังกะสีผุๆ ไม่มีฝา ขณะนั้นมีชาวบ้านกำลังนั่งฟังเทศน์จากพระอาจารย์กู่ หลวงปู่ก็เข้าไปนั่งฟังด้วย
พอท่านเทศน์จบ หลวงปู่ได้สอบถามปัญหาธรรมะต่างๆ อย่างพรั่งพรู โดยหลวงปู่บอกว่า...เหมือนยิงลูกศรไปในอากาศ...มีแต่ความว่าง พระอาจารย์กู่ ท่านไม่มีอารมณ์เลย ท่านไม่มีขัดข้องอะไร มีแต่ความเมตตา ใจเย็นสม่ำเสมอ สบาย นี่ถ้าเป็นพระบางรูป คงจะโกรธแล้ว นึกในใจว่า... พระรูปนี้ไม่ใช่พระธรรมดาเสียแล้ว
ตรงนี้ทำให้หลวงปู่มีความประทับใจพระอาจารย์กู่มาก จึงได้ไปสนทนากับท่านบ่อยๆ จนเกิดศรัทธาอยากจะบวชขึ้นมาทันที ขณะนั้นเป็นปี ๒๔๘๙ โดยประกอบพิธีบรรพชาอุปสมบทที่วัดศรีเมือง จ.หนองคาย มีท่านพระครูเจ้าอาวาสวัดศรีเมือง และเจ้าคณะจังหวัด (ธรรมยุต) เป็นพระอุปัชฌาย์ (ต่อมาท่านพระครูรูปนี้ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ที่ พระธรรมไตรโลกาจารย์ เจ้าคณะภาค)
หลังจากนั้น หลวงปู่ซึ่งเป็นพระบวชใหม่ได้ไปอยู่จำพรรษากับพระอาจารย์กู่ ที่วัดป่าอรุณรังษี อยู่หลังเรือนจำ นอกเมืองหนองคาย อันเป็นอีกวัดหนึ่งที่พระอาจารย์กู่ปกครองดูแลอยู่ในสมัยนั้น
หลวงปู่เริ่มปฏิบัติธรรมภาวนาทันที โดยมีพระอาจารย์กู่คอยให้คำแนะนำ และเมื่อปฏิบัติบ่อยๆ เข้าก็เกิดความปีติ มีความรู้สึกว่า การปฏิบัติธรรมภาวนา ทำให้จิตสงบ เป็นความสุขที่หาไม่ได้ง่ายนัก
มาถึงตรงนี้ หลวงปู่คิดว่า เราสบายแล้ว ไปเที่ยวธุดงค์ดีกว่า ไปนานหรือไม่นานก็ไม่เป็นไร ช่วงนั้นหลวงปู่มีอายุ ๓๑ ปี ใจก็คิดอยากบวชไปนานๆ เลยทำหนังสือขอลาออกงานราชการ
เรื่องราวของหลวงปู่บุญฤทธิ์ น่าสนใจและน่าเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะชีวิตในสมณเพศของท่าน ที่ได้มุ่งมั่นในการปฏิบัติธรรมภาวนา แบบถวายชีวิตต่อพระพุทธศาสนา จนได้พบกับพระคณาจารย์สำคัญๆ ที่ล้วนเป็นพระป่า ศิษย์สายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต หลายท่านด้วยกัน
ตลอดเวลาที่หลวงปู่บวชเป็นพระกว่า ๖๐ ปี มีเรื่องอันน่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะการปฏิบัติธรรมภาวนา การเดินธุดงค์ไปทั่วทุกแห่งหนในเมืองไทย รวมทั้งการเป็นพระธรรมทูต ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศ รวมทั้งอบรมการปฏิบัติธรรมภาวนา เริ่มจากออสเตรเลีย (พ.ศ.๒๕๑๗) เม็กซิโก สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมัน เบลเยียม ฯลฯ
ทุกเรื่องราวที่ผ่านมา หลวงปู่ได้ทำบันทึกไว้อย่างละเอียด และได้จัดพิมพ์เป็นหนังสือ เสียงจากปากเกร็ด หนากว่า ๓๐๐ หน้า จัดพิมพ์มาแล้ว ๘ ครั้ง โดยคณะศิษยานุศิษย์ และผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใส ร่วมบริจาคปัจจัยเป็นทุนการจัดพิมพ์เผยแพร่
หลวงปู่ได้กลับมาอยู่เมืองไทยเมื่อ ๕ ปีก่อน จนถึงทุกวันนี้ โดยพำนักอยู่ที่ ที่พักสงฆ์สวนทิพย์ ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี

** ปิดรายการนี้ ** ​

 

รายการที่ 42

** พระเนื้อผงพระพุทธโคดมหลวงปู่บุญฤทธิ์ บัณฑิโต (ศิษย์สายพระอาจารย์มั่น) **







หลวงปู่บุญฤทธิ์ เป็นชาวท่าอิฐ อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ ท่านเกิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๑ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๔๕๗ ปีขาล มีชื่อเดิมว่า บุญฤทธิ์ จันทรสมบูรณ์ เป็นบุตรของ หลวงพินิจจินเภท และ คุณแส (บุญสืบ จันทรสมบูรณ์)โยมแม่เป็นผู้มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนามาก และเป็นผู้ใฝ่ศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ ที่บ้านจึงมีตู้หนังสือ มีหนังสือต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะหนังสือธรรมะ และบทสวดมนต์ต่างๆ ทำให้หลวงปู่มีนิสัยชอบการอ่านหนังสือมาตั้งแต่เยาว์วัย
เมื่อเด็กๆ หลวงปู่มีผิวขาว ใบหน้าคล้ายคนฝรั่ง ผมสีแดง จนชาวบ้านชอบล้อท่านว่า เป็นลูกครึ่งฝรั่ง พอโตขึ้นมา ผมสีแดงนั้นค่อยๆ กลายเป็นสีดำ พอโตขึ้นมาหน่อย หลวงปู่ถูกส่งตัวเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนหนังสือที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล สามเสน ได้เลขประจำตัว ๗๒๒ ด้วยเหตุนี้ หลวงปู่จึงมีความรู้ความสามารถทางภาษาอังกฤษ และฝรั่งเศส เป็นอย่างดี มาตั้งแต่เด็กๆ ต่อมาท่านได้สอบชิงทุน ก.พ. ไปเรียนวิชาโบราณคดีที่ฮานอย เวียดนาม พอเรียนจบแล้วได้เดินทางกลับเมืองไทย เข้าทำงานที่ห้องสมุดแห่งชาติ (เก่า) โดยมี พระยาอนุมานราชธน เป็นหัวหน้า และหลวงวิจิตรวาทการ เป็นอธิบดีกรมศิลปากร
หลังจากนั้นไม่นาน ท่านได้สอบเข้าทำงานที่กองการต่างประเทศ (สมัยนั้นขึ้นกับกระทรวงมหาดไทย) ตำแหน่งล่ามภาษาฝรั่งเศส ทำงานอยู่ได้ระยะหนึ่ง ได้รับคำสั่งให้ไปประจำที่ จ.พระตะบอง (สมัยนั้นยังเป็นของไทย ปัจจุบันอยู่ในเขมร)
ช่วงนั้นกำลังเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ หลวงปู่ทำงานอยู่ได้ ๖ เดือนก็ย้ายกลับเข้ากรุงเทพฯ ๑ ปีต่อมาได้ย้ายไปอยู่ที่ จ.พระตะบอง อีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับทำหน้าที่ล่ามประจำจังหวัดหนองคาย และที่นี่เอง ที่หลวงปู่ได้รู้จักกับ คุณนายละเมียด สัชฌุกร ได้สนทนากันเรื่องพระพุทธศาสนา ซึ่งหลวงปู่กำลังสนใจในเรื่องนี้อยู่ และได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับพระสูตรที่สำคัญสุดในการภาวนา คือ สติปัฏฐานสูตร แต่หลวงปู่ไม่รู้จักการภาวนา และการปฏิบัติก็ยังไม่มี
คุณนายละเมียด ท่านนี้เป็นลูกศิษย์ของ พระอาจารย์กู่ ธัมทินโน วัดป่าทุ่งสว่าง อ.เมือง จ.หนองคาย ผู้เป็นศิษย์รุ่นแรกของ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต และเป็นสหธรรมิกกับหลวงปู่เทสก์ หลวงปู่ชอบ หลวงปู่หลุย หลวงปู่ตื้อ หลวงปู่ขาว หลวงปู่ลี ฯลฯ
พร้อมกันนั้น คุณนายละเมียดได้พาหลวงปู่ไปหาพระอาจารย์กู่ ที่วัดป่าทุ่งสว่าง วัดเล็กๆ มีศาลาอเนกประสงค์หลังน้อยๆ หลังคามุงสังกะสีผุๆ ไม่มีฝา ขณะนั้นมีชาวบ้านกำลังนั่งฟังเทศน์จากพระอาจารย์กู่ หลวงปู่ก็เข้าไปนั่งฟังด้วย
พอท่านเทศน์จบ หลวงปู่ได้สอบถามปัญหาธรรมะต่างๆ อย่างพรั่งพรู โดยหลวงปู่บอกว่า...เหมือนยิงลูกศรไปในอากาศ...มีแต่ความว่าง พระอาจารย์กู่ ท่านไม่มีอารมณ์เลย ท่านไม่มีขัดข้องอะไร มีแต่ความเมตตา ใจเย็นสม่ำเสมอ สบาย นี่ถ้าเป็นพระบางรูป คงจะโกรธแล้ว นึกในใจว่า... พระรูปนี้ไม่ใช่พระธรรมดาเสียแล้ว
ตรงนี้ทำให้หลวงปู่มีความประทับใจพระอาจารย์กู่มาก จึงได้ไปสนทนากับท่านบ่อยๆ จนเกิดศรัทธาอยากจะบวชขึ้นมาทันที ขณะนั้นเป็นปี ๒๔๘๙ โดยประกอบพิธีบรรพชาอุปสมบทที่วัดศรีเมือง จ.หนองคาย มีท่านพระครูเจ้าอาวาสวัดศรีเมือง และเจ้าคณะจังหวัด (ธรรมยุต) เป็นพระอุปัชฌาย์ (ต่อมาท่านพระครูรูปนี้ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ที่ พระธรรมไตรโลกาจารย์ เจ้าคณะภาค)
หลังจากนั้น หลวงปู่ซึ่งเป็นพระบวชใหม่ได้ไปอยู่จำพรรษากับพระอาจารย์กู่ ที่วัดป่าอรุณรังษี อยู่หลังเรือนจำ นอกเมืองหนองคาย อันเป็นอีกวัดหนึ่งที่พระอาจารย์กู่ปกครองดูแลอยู่ในสมัยนั้น
หลวงปู่เริ่มปฏิบัติธรรมภาวนาทันที โดยมีพระอาจารย์กู่คอยให้คำแนะนำ และเมื่อปฏิบัติบ่อยๆ เข้าก็เกิดความปีติ มีความรู้สึกว่า การปฏิบัติธรรมภาวนา ทำให้จิตสงบ เป็นความสุขที่หาไม่ได้ง่ายนัก
มาถึงตรงนี้ หลวงปู่คิดว่า เราสบายแล้ว ไปเที่ยวธุดงค์ดีกว่า ไปนานหรือไม่นานก็ไม่เป็นไร ช่วงนั้นหลวงปู่มีอายุ ๓๑ ปี ใจก็คิดอยากบวชไปนานๆ เลยทำหนังสือขอลาออกงานราชการ
เรื่องราวของหลวงปู่บุญฤทธิ์ น่าสนใจและน่าเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะชีวิตในสมณเพศของท่าน ที่ได้มุ่งมั่นในการปฏิบัติธรรมภาวนา แบบถวายชีวิตต่อพระพุทธศาสนา จนได้พบกับพระคณาจารย์สำคัญๆ ที่ล้วนเป็นพระป่า ศิษย์สายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต หลายท่านด้วยกัน
ตลอดเวลาที่หลวงปู่บวชเป็นพระกว่า ๖๐ ปี มีเรื่องอันน่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะการปฏิบัติธรรมภาวนา การเดินธุดงค์ไปทั่วทุกแห่งหนในเมืองไทย รวมทั้งการเป็นพระธรรมทูต ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศ รวมทั้งอบรมการปฏิบัติธรรมภาวนา เริ่มจากออสเตรเลีย (พ.ศ.๒๕๑๗) เม็กซิโก สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมัน เบลเยียม ฯลฯ
ทุกเรื่องราวที่ผ่านมา หลวงปู่ได้ทำบันทึกไว้อย่างละเอียด และได้จัดพิมพ์เป็นหนังสือ เสียงจากปากเกร็ด หนากว่า ๓๐๐ หน้า จัดพิมพ์มาแล้ว ๘ ครั้ง โดยคณะศิษยานุศิษย์ และผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใส ร่วมบริจาคปัจจัยเป็นทุนการจัดพิมพ์เผยแพร่
หลวงปู่ได้กลับมาอยู่เมืองไทยเมื่อ ๕ ปีก่อน จนถึงทุกวันนี้ โดยพำนักอยู่ที่ ที่พักสงฆ์สวนทิพย์ ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี

** ปิดรายการนี้ ** ​

​

 

รายการที่ 43

** พระผงหลวงปู่จันทร์ เขมิโย พิมพ์สมเด็จโตเคลือบ วัดศรีเทพประดิษฐาราม จ.นครพนม **

พระชุดเนื้อผง หลวงปู่จันทร์ เขมิโย วัดศรีเทพประดิษฐาราม นครพนม ปี ๒๕๐๐ เนื้อหามวลสารดีมาก ๆ เนื่องจากมีเนื้อพระสมเด็จบางขุนพรหมที่แตกหัก และผงโสฬสมหาพรหม หลวงปู่ศรีทัต วัดท่าดอกแก้ว อ.ท่าอุเทน อันโด่งดัง ผสมอยู่ด้วย ซึ่งพระเนื้อผง ของหลวงปู่ จะออกสีขาวอมเหลืองนวลอ่อนๆ มีทั้งเคลือบยางไม้ และไม่เคลือบยางไม้ ให้พิจารณามวลสารและความเก่าตามอายุ
พระที่จัดสร้างในชุดนี้มีมวลสารประกอบด้วยกันหลายอย่าง อาทิ ฯ
๑.ผงพุทธคุณ ของหลวงปู่จันทร์ เขมิโย
๒.น้ำมันงาเสก ของหลวงปู่จันทร์ เขมิโย
๓.ผงของพระสมเด็จบางขุนพรหม และ
๔.ผงโสฬสมหาพรหม ของหลวงปู่ศรีทัต พระอาจารย์ของท่าน (ผงนี้เป็นมวลสารเดียวกับพระผงชุดโสฬสมหาพรหมของหลวงปู่ทิมแห่งวัดละหารไร่) ผู้ที่บูชาพระพิมพ์ชุดนี้ติดตัวต่างประสบกับเหตุอัศจรรย์ต่างๆมากมายอันเป็นผลเนื่องมาจากพุทธคุณที่ มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม
- จากข้อสันนิษฐาน พระชุดเนื้อผง ของหลวงปู่จันทร์ เขมิโย น่าจะแบ่งเป็น สองยุค เนื้อโดยทั่วๆ จะเป็นสีขาวอมเหลืองผสมผงโสฬสมหาพรหมและผงแตกหักของพระสมเด็จบางขุนพรหม ยุคแรก เนื้อจะแกร่ง แก่ผงโสฬสฯและผสมผงสมเด็จบางขุนพรหม ด้านหลังและขอบข้างจะมีรอยแต่ง (คล้ายๆรอยฝน หรือถูกับกระดาษทรายหรืออะไรสักอย่างเพื่อความสวยงาม ยุคหลัง เนื้อจะอ่อนกว่ายุคแรก...สาเหตุน่าจะมาจากการผสมเนื้อพระก่อนกดพิมพ์...สัดส่วนของน้ำ.คงจะมากไป จึงทำให้เนื้อพระอ่อนและมีรอย ราน โดยทั่วไป...และจะไม่มีการตกแต่งองค์พระ จะสังเกตุเห็นมีเนื้อเกิน ในด้านหลังของพระบางองค์...จึงมีการนำยางไม้มาเคลือบองค์พระไว้เพื่อรักษาสภาพพระ แต่ละยุคน่าจะห่างกันไม่มาก ช่วงปี ๒๔๙๗ - ปี ๒๕๐๐ ซึ่งทันหลวงปู่จันทร์ ปลุกเสกทั้งสิ้น....พระเนื้อผงชุดนี้ เป็นพระที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง ทั้งเจตนาในการสร้าง และมวลสาร ที่ผสมในองค์พระ อีกที้งในปัจจุบัน ยังพอหาเช่าบูชาได้ในราคาที่ไม่แพงนัก
การแขวนพระของหลวงปู่มีข้อแม้ว่า ห้ามแขวน รวมเสมอกับพระครูบาอาจารย์ หลวงปู่มั่น หลวงปู่เสาร์

** บูชา 500 บาท ** ​

## ลดเหลือ 400 บาท ##​