### ลดราคาต้อนรับปีใหม่จากราคาป้ายทุกรายการ...ซื้อเยอะมีแถมแน่นอนครับ ###

ขอจอง 2รายการนี้ ครับ โอนสิ้นเดือนครับ
รายการที่ 5พระผงพรายสมุทร พิมพ์ปรกโพธิ์พิมพ์เล็ก ลงกรุ สวยๆครับ 300 บาท
รายการที่ 7พระผงพรายสมุทร พิมพ์ปรกโพธิ์พิมพ์เล็ก ลงกรุ สวยๆครับบูชา 300 บาท

 

รายการที่ 19

**เหรียญพุทธะ สังมิ วัดพุทธพรหมปัญโญ หลวงตาม้าอธิฐานจิต **

เหรียญพุทธะ สังมิเนื้อทองแดงรมดำ ด้านหน้ามีพระพุทธชินราช ล.ป.ทวด และ ล.ป.ดู่ และมีจารแผ่วๆ 2 ตัว ด้านหลังมีพระคาถามหาจักรพรรดิล้อมล้อม ออกวัดพุทธพรหมปัญโญ (วัดถ้ำเมืองนะ) ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

"พุท ธะ สัง มิ" ย่อมาจาก "พุท ธัง สะ ระ นัง คัจ ฉา มิ" ซึ่งถือเป็นยอดศีล เหรียญพุทธะสังมิ หลวงตาม้า (พระอาจารย์วรงคต วิริยะธโร) สุดยอดแห่งเหรียญประสบการณ์ เขาว่าพระท่านมีชีวิต เวลานั่งสมาธินำเหรียญพุทธะสังมิมาคล้องคอแล้วบริกรรมพระคาถามหาจักรพรรดิ์แล้วจะรู้เองว่าพระของท่านมีชีวิต ท่านเป็นศิษย์หลวงปู่ดู่แห่งวัดสะแก

มี 3 (เหลือ 2 เหรียญ)บูชาเหรียญล่ะ 200 บาท ​

 

รายการที่ 20

** สมเด็จปรกโพธิ์ หลวงปู่ครูบาน้อย ชยวังโส วัดบ้านปง เชียงใหม่ **




ข้อมูลประวัติ หลวงปู่ครูบาน้อย ชยวังโส วัดบ้านปง เชียงใหม่

หลวงปู่ครูบาน้อย ชยวังโส วัดบ้านปง ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ท่านเกิดวันอังคาร ที่ ๓ เมษายน ๒๔๔๐ ตรงกับวันขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๗ เหนือ ปีจอ ท่านเป็นคนบ้านปง ต.อินทขิล อ.แม่แตง โดยกำเนิด โยมบิดาท่านชื่อ พ่อวงศ์ โยมมารดาชื่อ แม่ออน นามสกุล พงษ์คำ

ท่านอายุได้ ๑๓ ปี ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดบ้านปง โดยมีครูบามโนชัย วัดศรีภูมินทร์ ต. ช่อแล เป็นพระอุปัชฌายา และท่านได้ศึกษาเล่าเรียนวิชาต่างๆ กับท่านครูบามโนชัย ซึ่งสมัยนั้นได้เรียนการปฏิบัติธรรมนั่งกรรมฐานเป็นส่วนมาก แล้วมักจะได้เรียน วิชาคาถาอาคมควบคู่กันไปด้วย ท่านเล่าเรียน จนท่านสามารถเข้าถึง และปฏิบัติได้ดี

จนท่านอายุ ๒๓ ปี ท่านได้อุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดบ้านปง โดยมีท่าน ครูบามโนชัย เป็นพระอุปัชฌาย์ พระศรีวิชัย วัดป่าบง อินทขิล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระสิทธิ วัดม่วงคำ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ท่านได้เรียนนักธรรมชั้นต่างๆ จนสอบนักธรรมตรีได้ ในพ.ศ .๒๔๘๔ และนักธรรมโทได้ในปี ๒๔๘๖ และ นักธรรมชั้นเอก ในปี พ.ศ. ๒๔๙๗ ในสมัยที่ท่านเป็นหนุ่มท่านได้เดินธุดงค์จาก อ. แม่แตง ไปสู่ อ.ฝาง ไปตามป่าช้าต่างๆ ถึงสี่เดือน ท่านจึงกลับมาจำพรรษา ที่วัดอีกครั้งหนึ่ง

ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านปง เมื่อ วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๔๗๘ และได้รับการแต่งตั้ง เป็นเจ้าคณะตำบลอินทขิล ในวันที่ ๑ กันยายน ๒๔๘๙ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูชั้นตรี ที่ "พระครู ชัยวงศ์ วิวัฒน์" ในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๐๗ และ ชั้นโท วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๓๔ ชันเอกวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๓๖ และ หลวงปู่ท่านก็เป็นผู้หนึ่งที่ได้มีโอกาสได้ร่วมเหตุการณ์ ประวัติศาสตร์ ล้านนา ซึ่งก็คือในตอนที่ท่าน ครูบาเจ้าศรีวิชัยได้เป็น ประธานการสร้างทางขึ้นดอยสุเทพ ในปี พ.ศ.๒๔๗๗ ท่านได้ร่วมกับโยมพ่อ วงษ์ และคณะศรัทธาญาติโยมวัดบ้านปง มาร่วมสร้างทางกับท่านครูบาเจ้าและท่านได้ฝากตัว และอุปัฏฐาก ท่านครูบาเจ้าศรีวิชัยและร่วมงานในการบูรณะวัดสวนดอก วัดพระสิงห์ และที่อื่นๆอีกมากมาย ครูบาน้อยท่านเป็นพระที่ใจดี มีเมตตาสูง ใครที่เคยไปกราบท่านมักจะประทับใจในรอยยิ้มของท่านอยู่เสมอครับ อีกทั้งท่านยังเป็นที่เคารพรักในบรรดา ลูกศิษย์ลูกหา และพระสงฆ์อีกจำนวนมากมายครับ หลวงปู่ครูบาน้อย

ท่านได้มรณะภาพ เมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๔๑ เวลา ๐๘ . ๓๐ น ด้วยโรคชรา สิริรวมอายุของท่านได้ ๑๐๑ ปี ปัจจุบันทางวัดได้เก็บรักษา สรีระร่างกายของท่านไว้ ในโลงแก้วที่วัดบ้านปง โดยสรีระของท่านยังคงเป็นปกติไม่เน่าไม่เปื่อยแต่อย่างใด

** ปิดรายการนี้ ** ​

 

รายการที่ 21

** เหรียญพระเจ้าตากสินนาวิกโยธิน ปี2554 **




เหรียญตากสิน ปี 54 รุ่น "ชิ ตัง เม" ความหมายคือ "ชนะทุกสรรพสิ่ง" เนื้อทองแดงรมดำ สร้างโดยหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ

วัตถุประสงค์จัดสร้างเพื่อแจกทหารชายแดนภาคใต้เท่านั้น สร้างเพียงเนื้อเดียวไม่มีการเปิดจอง พิธีพุทธภิเษก 5 วาระ ทุกเหรียญยิงโค๊ตเลเซอร์
1. ท้องพระโรง พระราชวังเดิม กรุงเทพมหานครฯ เป็นสถานที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงใช้เป็นพระราชวังและว่าราชการแผ่นดินใน สมัยนั้น โดยพระครูอุดมวัฒนมงคล เจ้าอาวาสวัดถ้ำวัฒนมงคล นั่งปรกอธิฐานจิต
2. วัดอินทารามวรวิหาร เป็นวัดที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงเสด็จมาทรงศีลบำเพ็ญกรรมฐานและเมื่อ พ.ศ.2325 และได้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมศพ ถวายพระเพลิงและบรรจุพระบรมอัฐิของพระองค์ พระครูสิวิมลธรรมะโสภิต เจ้าอาวาสวัดอินทารามวรวิหาร นั่งปรกอธิฐานจิต
3. วัดลุ่มมหาชัยชุมพล จังหวัดระยอง ครั้งที่พระเจ้าตากสินมหาราชตีฝ่าวงล้อมข้าศึกออกจากกรุงศรีอยุธยามาถึงจังหวัดระยอง ในคราวที่ยังทรงพระยศเป็นพระยาวชิรปราการ พระองค์ทรงนำช้างมาผูกไว้ที่ต้นสะตือ และใช้เป็นแหล่งรวบรวมไพร่พล ก่อนที่จะยกทัพไปตีเมืองจันทบุรีและใช้เป็นที่ตั้งมั่นในการกลับมากอบกู้อิสรภาพจนสำเร็จในเวลาต่อมา พระครูวิสุทธิสารโสภิต เจ้าอาวาสวัดลุ่มมหาชัยชุมพล นั่งปรกอธิฐานจิต
4. ค่ายตากสินจังหวัดจันทบุรี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงใช้เมืองจันทบุรีเป็นที่รวบรวมพลก่อนยกทัพไปตีพม่าที่ยึดครองกรุงศรีอยุธยา ซึ่งทำการกอบกู้เอกราชของชาติไทยกลับคืนมาได้ นับว่าสมัยนั้นบรรพบุรุษชาวจันทบุรีได้มีส่วนร่วมในการกอบกู้เอกราช กองทัพเรือจึงขอพระบรมราชานุญาติใช้พระนามพระองต์เป็นชื่อค่ายของทหารนาวิกโยธินในปัจจุบัน พระครูธรรมสรคุณ (หลวงพ่อเขียน ขันธสโร) นั่งปรกอธิฐานจิต
5. วัดศรีบุรพาราม จังหวัดตราด เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่หน่วยบัญชาการนาวิกโยธินได้ทำพิธีมังคลาภิเษกเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชในครั้งนี้ พระครูสังฆกิจบูรพา (หลวงปู่บัว) นั่งปรกอธิฐานจิต ซึ่งหลวงปู่บัวเป็นอริยะสงฆ์เป็นเกจิอาจารย์ที่ประชาชนทั่วไปเลื่อมใสและศรัทธา พิธีดี เจตนาดี วัตถุประสงค์ชัดเจน ท่านที่ศรัทธาพระเจ้าตากสินมหาราชไม่ควรพลาด

** ปิดรายการนี้ **​

 

จอง องค์นี้ครับ
รายการที่12

 

พระอาจารย์สารินทร์ ธมฺมปาโล หลวงพ่อดำวัดสันติธรรม จังหวัดสระแก้ว



พระอาจารย์สารินทร์ หรือหลวงพ่อดำ วัดสันติธรรม หรือวัดไทยสามารถ ซึ่งกำลังเป็นพระเกจิอาจารย์ประเภทคลื่นลูกใหม่ ซึ่งเป็นที่โจษขานกล่าวขวัญกันในหมู่นักสะสม วัตถุมงคลหรือผู้สนใจในเครื่องรางของขลัง โดยเฉพาะการลง นะหน้าทอง พระอาจารย์สารินทร์ ท่านเป็นคนเขมรที่มีวิชาอาคมสูงมาก แม้ปู่ย่าจะเป็นชาวจีนที่อยู่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา แต่ในยุคที่ไทยและเขมรยังเป็ดเมืองเสรีไปมาหาสู่กันโดยสะดวกทางครอบครัวได้ ย้ายบ้านไปทำการค้าอยู่ที่เขมร ท่านพระอาจารย์ในหมู่ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดหรือพระอาจารย์สารินทร์ ต้องมุ่งมั่นอยู่กับการศึกษาเล่าเรียน และเรียนตามความปรารถนาของปู่และบิดา เพื่อต้องการใกล้เรียนภาษาจีน เนื่องจากปู่เป็นคนจีนนั้นเอง แต่พระอาจารย์สารินทร์ หรือหลวงพ่อดำ ไม่ต้องการเรียนหนังสือจีน พออายุ 13 ปี จึงหนีออกจากบ้านไปอยู่วัด และมีจิตน้อมเอียงไปในทางบรรพชา แต่เมื่อปรึกษาทางบ้านก็ยังไม่ให้บวช ให้เรียนไปก่อนในทางโหราศาสตร์ คือการดูมดดูหมอ จึงได้เรียนวิชาอาคมผสมผสานลงไปด้วย และพระอาจารย์ที่เรียนได้มากที่สุดในขบวนวิชาที่ติดตัวในปัจจุบัน และเห็นจะได้แก่ท่านพระอาจารย์ตุ๊เครียง ออกเสียงภาษาเขมร ถ้าเป็นภาษาไทยตรงกับคำว่าหลวงพ่อเครื่องนั่นเอง และเรียนกับท่านมากที่สุด โดยเฉพาะพระคณาจารย์ของเขมร จะเรียนอาคมกันเป็นรุ่น ๆ เมื่อเรียนจบจาดอาจารย์ตุ๊เครียงแล้ว ท่านได้มีจดหมายฝากศิษย์ไปเรียนจากอาจารย์สำนักต่าง ๆ ที่จบมาด้วยกัน ท่านอาจารย์ตุ๊เครี่ยงนั้น อยู่ในจังหวัดกำพงจาม มีจดหมายฝากศิษย์ไปถึงอาจารย์ที่อยู่ในจังหวัดกลาง และจังหวัดสุดท้าย คือ ปรีเวง และพระอาจารย์ที่พระอาจารย์สารินทร์ได้ใช้เวลาในการไขว่คว้าหาความรู้นั้นมี ถึง 8 องค์ล้วน เป็นพระอาจารย์ในเขมรทั้งสิ้น โดยเริ่มต้นจากการเรียนอักษรขอมแม่บท 33 ตัว และแยกออกเป็นตัวพระคาถา ถึง 147 , 842 คำ และเลขการผูกยันต์ 1 – 9 ส่วนเลข 0 นั้น จะไม่ค่อยปรากฏในตัวเลขของยันต์ต่าง ๆ นัก
การเรียกสูตรยันต์และเลขของยันต์ต่าง ๆ ของพระอาจารย์สารินทร์นั้น เริ่มจากคำบูชาครูโดยสาธยายมนต์ต่าง ๆ ถึงครูบาอาจารย์ที่ได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้ความรู้ โดยมีคุณบุดามารดาอยู่เบื้องหน้า แล้วเริ่มด้วยการเรียกสูตรเลขอักขระยันต์ทั้ง 147 , 842 ตัว โดยมีสมาธิจิตอันแน่วแน่พร้อมทั้งกลั้นลมหายใจเข้าออก เป็นการกำหนดจิตในการปล่อยหรือกลั้นลมปราณ ได้แก่ อาการกำหนดลมหายใจเข้าออกและเรียกสูตรอักษรตามเสียงสูงต่ำทั้ง 33 ตัว แล้วจนกระทั้งถึงการอัญเชิญยันต์ทั้งหมดดังได้กล่าวมาแล้ว ซึ่งพระอาจารย์สารินทร์ได้เปิดเผยโดยตรงว่าใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง​

 

ขอจองรายการที่ 6, 10, 11 จำนวน 3 องค์ครับ

 

รายการที่ 22

ขุนแผนมหาเสน่ห์ ขอมพันปี (รุ่นแรก) พิมพ์ใหญ่ หายาก หลวงพ่อดำ วัดสันติธรรม อรัญประเทศ สระแก้ว



หลวงพ่อดำ วัดสันติธรรม สำเร็จวิชาผงมหาภูติลิ้นทอง ได้จัดทำกุมารทองจนโด่งดัง แม่นางกวัก กุมารี พระขุนแผน พระผงสาริกานครวัต เป็นต้น และท่านมีชื่อเสียงโด่งดังไปต่างประเทศสืบเนื่องจากของๆท่านใช้แล้วได้ผลและเร็ว แรง " ดี เร้ว แรง พุทธคุณมีครบ สมใจนึก" ตำหรับ ผงมหาภูติลิ้นทอง หลวงพ่อดำขณะบรรพชาเป็นสามเณรได้เรียนวิชาพระอาจารย์ "อุปัชฌาย์ตุ๊เครียง" วัดเปรยโพ อ.สเลซอโซ จ.กัมพงจาม ประเทศกัมพูชา ได้ฝากตัวเป้นศิษย์ท่านอาจารย์แซม (ม้า) ผู้เป็นเพื่อนพระอุปัชฌาย์ที่บ้านพุ่มศาลา ต.เกาะจุราม สำเร็จวิชามหาภูติลิ้นทอง พ.ศ.2503-2505 แสวงหาสิ่งอาถรรพณ์เพื่อทำผงวิเศษ "มหาภูติลิ้นทอง"บรรจุในเจดีย์วัดเปรยโพ อธิฐานว่าหากตราบใดโลกไม่เดือดร้อนถึงขั้นวิกฤต จะไม่นำผงนี้มาทำวัตถุมงคล กลางปี 2540 เศรษฐกิจเริ่มทดถอย หลวงพ่อดำจึงเดินทางไปวัดเปรยโพ ทำพิธีเปิดเจดีย์ นำผงมหาภูตลิ้นทองมาสร้าง กุมารทอง กุมารี ขุนแผน พระมหากัจจายน์ เหรียญหลังผงมหาภูติ พระปิดตา ฯลฯ จนปรากฏฤทธานุภาพแห่งผงวิเศษ มหาภูตลิ้นทอง อาถรรพณ์สำคัญแห่งผงมหาภูติลิ้นทอง สิ่งสำคัญที่สุดคือ "เถ้ากระดูก"ผีตายโหงที่รู้จักชื่อ รู้วันตาย รู้ประวัติว่าขณะมีชีวิตนั้นต้องเก่งกล้ามีความสารถรอบตัว มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด มีไหวพริบปฏิภาณ รู้รักษาตัวให้รอด อย่างน้อย 5 อย่าง 95 ตน นำมาปลุกเสกเรียกจิตวิญญานเพื่อตกลงจะนำเอาธาตุ4ของภูตินี้มาเป็นพื้นฐาน รองรับวิชา และ ชุบ รวมกันให้เป็นหนึ่ง นำส่วนที่เป็นคุณงามความดีแห่งพลังเทพเทวาประกอบเป็น ธาตุขันธ์ นำมารวมกับผงวิเศษนานาชนิดพระคาถาพัน (สำเร็จด้วยการเขียนอักขระเลขยันตืทั้งสิ้น 1,000 ยันตื ปลุกเสกและทำเป้นผง) ดินหน้าบ้านผู้ใหญ่ ดินกลางตลาด ไม้ไก่กุก ดอกไม้เข้าพรรษา ออกพรรษา ดอกไม้สงกราณต์ จอมปลวกที่วัวชน ฯลฯ เมื่อจะนำมาทำวตถุมงคล จะต้องจัดทำพิธีโดยวางผงมหาภูติลิ้นทองไว้ตรงกลาง พิธี มีขันครูประกอบด้วยเทียนสีผึ้ง 4 มุม 4 ทิศ หมายถึงพระฤาษีที่เลิศดวยฤิทธิ์ 4 องค์ (ผู้ควบคุมวิชาทั้งปวง) ให้มาประสิทธิ์วิชานี้ ปูผ้าขาวม้า ค่าครู 4 บาท บูชาท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ให้มาเป็นพยาน และใบขนุน 4 ทิศๆละ8ใบ รวมทั้งสิ้น 32 ใบ เท่ากับอาการ 32 ของมนุษย์ จึงเริ่มพิธีเรียกและปลุกเสก จึงนำเอาผงมหาภูติลิ้นทองนี้มาจัดสร้างวัตถุมงคลต่างๆ จึงปรากฏพุทธคุณ ดี เร็วและแรง ครบสมใจนึก

ของแรงๆ เร็ว ดี เห็นผลของจริงครับ
ขุนแผนรุ่นแรกของหลวงพ่อดำ สุดยอดเสน่ห์ของแรงสายเขมร
หายากครับ หลายทีขายกันแพงกว่านี้ครับ
ของดีมีน้อยครับ ส่วนใหญ่ออกต่างประเทศ มาเลย์ สิงคโปร์มาเหมาไปเยอะครับ


** บูชา 800 บาท **​

 

รายการที่ 23

ขุนแผนมหาเสน่ห์ ขอมพันปี (รุ่นแรก) พิมพ์เล็ก หายาก หลวงพ่อดำ วัดสันติธรรม อรัญประเทศ สระแก้ว



หลวงพ่อดำ วัดสันติธรรม สำเร็จวิชาผงมหาภูติลิ้นทอง ได้จัดทำกุมารทองจนโด่งดัง แม่นางกวัก กุมารี พระขุนแผน พระผงสาริกานครวัต เป็นต้น และท่านมีชื่อเสียงโด่งดังไปต่างประเทศสืบเนื่องจากของๆท่านใช้แล้วได้ผลและเร็ว แรง " ดี เร้ว แรง พุทธคุณมีครบ สมใจนึก" ตำหรับ ผงมหาภูติลิ้นทอง หลวงพ่อดำขณะบรรพชาเป็นสามเณรได้เรียนวิชาพระอาจารย์ "อุปัชฌาย์ตุ๊เครียง" วัดเปรยโพ อ.สเลซอโซ จ.กัมพงจาม ประเทศกัมพูชา ได้ฝากตัวเป้นศิษย์ท่านอาจารย์แซม (ม้า) ผู้เป็นเพื่อนพระอุปัชฌาย์ที่บ้านพุ่มศาลา ต.เกาะจุราม สำเร็จวิชามหาภูติลิ้นทอง พ.ศ.2503-2505 แสวงหาสิ่งอาถรรพณ์เพื่อทำผงวิเศษ "มหาภูติลิ้นทอง"บรรจุในเจดีย์วัดเปรยโพ อธิฐานว่าหากตราบใดโลกไม่เดือดร้อนถึงขั้นวิกฤต จะไม่นำผงนี้มาทำวัตถุมงคล กลางปี 2540 เศรษฐกิจเริ่มทดถอย หลวงพ่อดำจึงเดินทางไปวัดเปรยโพ ทำพิธีเปิดเจดีย์ นำผงมหาภูตลิ้นทองมาสร้าง กุมารทอง กุมารี ขุนแผน พระมหากัจจายน์ เหรียญหลังผงมหาภูติ พระปิดตา ฯลฯ จนปรากฏฤทธานุภาพแห่งผงวิเศษ มหาภูตลิ้นทอง อาถรรพณ์สำคัญแห่งผงมหาภูติลิ้นทอง สิ่งสำคัญที่สุดคือ "เถ้ากระดูก"ผีตายโหงที่รู้จักชื่อ รู้วันตาย รู้ประวัติว่าขณะมีชีวิตนั้นต้องเก่งกล้ามีความสารถรอบตัว มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด มีไหวพริบปฏิภาณ รู้รักษาตัวให้รอด อย่างน้อย 5 อย่าง 95 ตน นำมาปลุกเสกเรียกจิตวิญญานเพื่อตกลงจะนำเอาธาตุ4ของภูตินี้มาเป็นพื้นฐาน รองรับวิชา และ ชุบ รวมกันให้เป็นหนึ่ง นำส่วนที่เป็นคุณงามความดีแห่งพลังเทพเทวาประกอบเป็น ธาตุขันธ์ นำมารวมกับผงวิเศษนานาชนิดพระคาถาพัน (สำเร็จด้วยการเขียนอักขระเลขยันตืทั้งสิ้น 1,000 ยันตื ปลุกเสกและทำเป้นผง) ดินหน้าบ้านผู้ใหญ่ ดินกลางตลาด ไม้ไก่กุก ดอกไม้เข้าพรรษา ออกพรรษา ดอกไม้สงกราณต์ จอมปลวกที่วัวชน ฯลฯ เมื่อจะนำมาทำวตถุมงคล จะต้องจัดทำพิธีโดยวางผงมหาภูติลิ้นทองไว้ตรงกลาง พิธี มีขันครูประกอบด้วยเทียนสีผึ้ง 4 มุม 4 ทิศ หมายถึงพระฤาษีที่เลิศดวยฤิทธิ์ 4 องค์ (ผู้ควบคุมวิชาทั้งปวง) ให้มาประสิทธิ์วิชานี้ ปูผ้าขาวม้า ค่าครู 4 บาท บูชาท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ให้มาเป็นพยาน และใบขนุน 4 ทิศๆละ8ใบ รวมทั้งสิ้น 32 ใบ เท่ากับอาการ 32 ของมนุษย์ จึงเริ่มพิธีเรียกและปลุกเสก จึงนำเอาผงมหาภูติลิ้นทองนี้มาจัดสร้างวัตถุมงคลต่างๆ จึงปรากฏพุทธคุณ ดี เร็วและแรง ครบสมใจนึก

ของแรงๆ เร็ว ดี เห็นผลของจริงครับ
ขุนแผนรุ่นแรกของหลวงพ่อดำ สุดยอดเสน่ห์ของแรงสายเขมร
หายากครับ หลายทีขายกันแพงกว่านี้ครับ
ของดีมีน้อยครับ ส่วนใหญ่ออกต่างประเทศ มาเลย์ สิงคโปร์มาเหมาไปเยอะครับ


** ปิดรายการนี้ **​

 

รายการที่ 24

กุมารทอง (รุ่นแรก) หายาก หลวงพ่อดำ วัดสันติธรรม อรัญประเทศ สระแก้ว

“วิชามหาภูติ” เป็นวิชาอาถรรพณ์ที่ได้รับการสืบทอดกันมาแต่โบราณ ผู้ฝึกจะต้องมีอำนาจจิตที่มั่นคงและแรงกล้า จึงจะสามารถฝึกสำเร็จ ผู้ที่จะเรียนวิชามหาภูติ ต้องผ่านขั้นตอนสำคัญ คือ ต้องเรียนวิชาการทำกุมารทองให้สำเร็จเป็นเบื้องต้น จึงจะสามารถเรียนวิชามหาภูติได้ ซึ่งเป็นวิชาขั้นสูงขั้นตอนแรกหลวงพ่อดำฝึกคือ “ วิชาเรียกวิญญาณ” โดยนำกระดูกคนตาย มาวางตรงหน้า แล้วให้นั่งสมาธิจิต เรียกวิญญาณให้มาปรากฏตรงหน้าให้ได้ หลวงพ่อดำท่านเล่าว่า ดวงวิญาณของมนุษย์เรานั้นเป็นเสมือนกับดวงไฟเล็ก ๆ มีอยู่ด้วยกันถึง 89 ดวง (ไม่ใช่ดวงเดียวอย่างที่เคยรู้) เมื่อเสียชีวิต ดวงวิญาณในร่างก็จะระจัดกระจายกันออกไป แต่ยังคงมีเหลืออยู่ในโครงหรือเถ้ากระดูก 5 จุด คือ กระดูกหน้าผาก กระดูกข้อศอก กระดูกหัวเข่า เมื่อตายไปดวงวิญาณจะค่อย ๆ กระจายออก เหลือเพียง 4 ดวงที่สถิตอยู่
การเรียกวิญญาณจากเถ้ากระดูกนั้น เมื่อเรียกสำเร็จ ดวงวิญญาณจะปรากฏขึ้นเป็นดวงไฟเล็ก ๆ ลอยขึ้นมาให้เห็น ซึ่งกว่าจะเรียกได้ ต้องมีสมาธิที่มั่นคง พร้อมจิตที่แรงกล้า ซึ่งหลวงพ่อดำใช้เวลาเพียงแค่ 2 วัน ก็สามารถเรียกวิญญาณออกมาได้ เมื่อสำเร็จขั้นตอนการเรียกวิญญาณแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการ “ผูกวิญญาณ” เพราะการจะนำวิญญาณเหล่านั้นมาสร้างรูป หรือสร้างวัตถุอาถรรพณ์ จะต้องทำการผูกจิต ผูกใจ ให้สามารถนำมาใช้งานได้ ยิ่งมีดวงวิญญาณมากเท่าไหร่ ก็จะต้องทำการรวบรวมให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ผูกใจให้เป็นดวงเดียวกันเสียก่อน

ผ่านขั้นตอนการผูกวิญญาณแล้ว ก็จะมาถึงขั้นตอนสุดท้ายคือ “การกำหนดวิญญาณ” คือ การที่เราจะกำหนดให้วิญญาณดังกล่าวกระทำคุณงามความดี เพื่อสร้างบุญกุศลแก่ตนเอง และช่วยเหลือผู้ที่นำไปบูชาหรือเลี้ยงดู เปรียบ ได้กับการที่จะออกกฎเกณฑ์มา 1 ข้อ เพื่อควบคุมความประพฤติของคนหมู่มาก ก็ต้องให้ไปในทิศทางเดียวกัน โดยคำนึงถึงผลในแง่ดีที่สุด ไม่กระจัดกระจาย ไม่ให้เกิดผลเสีย ไม่นอกลู่นอกทางเมื่อสำเร็จวิชาพื้นฐาน 3 ขั้นตอน เป็นที่เรียบร้อย จึงจะมาศึกษาวิชาการแปลงรูปอาถรรพณ์ของเลขยันต์ทั้งสิ้น 76 ประการ ซึ่งอาศัยขั้นตอนการเรียก ผูก และกำหนด เป็นพื้นฐานเช่นกัน สามารถนำมาจำแนกใช้ในแต่ละกรณี ได้ผลลัพธ์มากมายมหาศาล

วิชาอาถรรพณ์ 76 ประการ สำคัญนัก เวลาใช้ก็จะเลือกนำมาใช้เป็นเฉพาะอย่าง แยกออกได้ 2 ประเภท คือ อาถรรพณ์ ตัวผู้ , อาถรรพณ์ ตัวเมีย โดยอาถรรพณ์ตัวผู้จะเป็นตัวควบคุมการดำเนินงานของอาถรรพณ์ ตัวเมีย ให้ไปในทิศทาง หรือ เป็นผลในทางที่กำหนด เมื่อมีอาถรรพณ์ตัวผู้และตัวเมีย ผสมอยู่รวมกันก็จะบังเกิด เป็นผลลัพธ์ หรือผลสำเร็จที่ได้กำหนดไว้

ด้วยเหตุนี้วัตถุมงคลและอักขระเลขยันต์ต่าง ๆ ของหลวงพ่อดำจึงต้องมีอาถรรพณ์ ตัวผู้ และอาถรรพณ์ตัวเมียประกอบกันขึ้น จึงบังเกิดเป็นผลหรือลูกออกมาเป็นผลผลิตอันมีค่า ทรงประสิทธิภาพสูงสุด

วิชามหาภูติ อันเป็นวิชาชั้นสูงเป็นการนำเอาวิชากุมารทองผนวกกับวิชาอาถรรพณ์ 76 ประการ สร้างเป็นผลผลิตอันทรงคุณค่า ผลที่ได้นอกจากจะเป็นวิญญาณอาถรรพณ์ ยังได้ผงพุทธคุณที่มีความพิเศษ พิสดาร มีผลทั้งในด้านคุ้มครองและเมตตาชั้นสูง อีกทั้งยังมีความพิเศษที่สำคัญคือ เป็นตัวกระตุ้นอำนาจพุทธคุณที่มีอยู่โดยรอบ หรือผสมรวมกันอยู่ให้เร็ว และแรงขึ้นกว่าปกติเมื่อหลวงพ่อดำสร้างกุมารทองและวัตถุมงคลต่าง ๆ ท่านจึงได้กลับไปนำเอาวัสดุที่สำคัญที่ท่านได้จัดทำไว้เมื่อ 30 กว่าปีก่อน เพราะท่านทราบล่วงหน้าว่า ในอนาคตจะต้องนำวัสดุสำคัญนี้มาเป็นกำลังสำคัญ ในการสร้างถาวรวัตถุทางศาสนา ตามที่ท่านเคยมุ่งมั่นไว้ วัสดุที่สำคัญที่ว่านี้ คือ “เถ้ากระดูกผีตายโหง” (ที่ทำการฌาปนกิจเรียบร้อยแล้ว) เอาเฉพาะกระดูกหน้าผาก ข้อศอก และหัวเข่า ซ้าย , ขวา ถึง 6 ตน ( ใช้อย่างน้อย 5 ตน ขึ้นไป ) ผีตายโหงทั้ง 6 ตนนี้ จะต้องรู้ถึง วันเกิด วันตาย และการกระทำทั้งอุปนิสัยก่อนตาย ซึ่งผีตายโหงดังกล่าว จะต้องเก่งที่สุด กะล่อนที่สุด ร้ายที่สุดอีกด้วย

เถ้ากระดูกผีตายโหงที่ได้มานั้น หลวงพ่อดำเล่าให้ฟังว่า มีทั้ง มหาโจร ทหารกล้า หญิงรวยเสน่ห์ที่ตายท้องกลม รวมไปถึงเด็กที่อยู่ในครรภ์ ( พรายกุมาร ) ที่ต้องเป็นเช่นนี้ เพราะจะได้นำวิญญาณมากำหนด แล้วนำความสามารถที่มีมาก่อนตาย นำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ จากนั้นหลวงพ่อดำจึงได้นำเอาเถ้ากระดูกมาผสมกับผงพุทธคุณต่าง ๆ ที่ท่านทำ อาทิ ผงวิเศษ 5 ประการ ผงอรหันต์ 8 ทิศ ดอกไม้ในพิธีเข้าพรรษา ออกพรรษา และสงกรานต์ ดินจอมปลวกวัวดุชน ไม้ไก่กุก ขยะกลางตลาด ดินหน้าบ้านผู้หลัก ผู้ใหญ่ที่คนนับถือ รวมทั้งเกศาของหลวงพ่อคลุกเคล้ากัน

ขั้นตอนต่อมาคือ การจัดพิธีปลุกเสก จะต้องตั้งพิธีชุมนุมเทวดา 4 ทิศ มีจตุโลกบาล ทั้ง 4 มาดูแลทั้ง 4 ทิศ กึ่งกลางคือขันครู ประกอบด้วยเทียนสีผึ้งบริสุทธิ์ 4 แท่ง ตั้งอยู่ที่ 4 มุม อันหมายถึง พระฤๅษีบรมครูทั้ง 4 ตน มาร่วมกันประสิทธิ์ประสาท ส่วนท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 มาประชุมเป็นพยาน ใช้ใบขนุนทิศละ 8 ใบ รวม 32 ใบ วางลงตำแหน่ง

จากนั้นก็จะทำการปลุกเสก โดยจะอัญเชิญครู และเทพยดามาร่วมพิธีพร้อมกัน แล้วเริ่มขั้นตอนการเรียก ผูก และกำหนดวิญญาณ ลงอาถรรพณ์ ตัวผู้ , และตัวเมีย จนเป็นดวงไฟเล็ก ๆ ผุดลอยขึ้นจากผงที่ทำไว้ แล้วจึงเรียกวิญญาณที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า ลงมาสถิตอยู่ในผงที่จัดสร้าง ขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือ การอัญเชิญพระพุทธคุณลงไปครอบคลุมให้เป็นผงแห่งความดีมีสิริมงคล ที่พิเศษคือ หลวงพ่อดำได้ลงพระคาถา หัวใจพระยาไก่เถื่อน หัวใจพระยาการะเวก และหัวใจสาลิกาลิ้นทอง ให้บังเกิดฤทธิ์ทางด้านเมตตามหานิยม ค้าขาย โชคลาภ และการเจรจา เป็นกรณีพิเศษ จึงสิ้นสุดขั้นตอนการสร้างผงพิสดารตำรับโบราณ หลวงพ่อดำจึงได้กำหนดชื่อเป็นมงคล โดยนำชื่อของเดิม มาดัดแปลงให้ดีเยี่ยมขึ้น พุทธคุณแรงขึ้น เรียกกันว่า “มหาภูติลิ้นทอง” นำมาจัดสร้างกุมารทองและวัตถุมงคล วัตถุอาถรรพณ์ต่าง ๆ จนโด่งดังตราบเท่าทุกวันนี้



** ปิดรายการนี้ **​

 

รายการที่ 25

กุมารทอง เนื้อดินอาถรรพณ์ รุ่น เฮงรับทรัพย์ เลี่ยมพร้อมใช้ หลวงพ่อดำ วัดสันติธรรม อรัญประเทศ สระแก้ว

“วิชามหาภูติ” เป็นวิชาอาถรรพณ์ที่ได้รับการสืบทอดกันมาแต่โบราณ ผู้ฝึกจะต้องมีอำนาจจิตที่มั่นคงและแรงกล้า จึงจะสามารถฝึกสำเร็จ ผู้ที่จะเรียนวิชามหาภูติ ต้องผ่านขั้นตอนสำคัญ คือ ต้องเรียนวิชาการทำกุมารทองให้สำเร็จเป็นเบื้องต้น จึงจะสามารถเรียนวิชามหาภูติได้ ซึ่งเป็นวิชาขั้นสูงขั้นตอนแรกหลวงพ่อดำฝึกคือ “ วิชาเรียกวิญญาณ” โดยนำกระดูกคนตาย มาวางตรงหน้า แล้วให้นั่งสมาธิจิต เรียกวิญญาณให้มาปรากฏตรงหน้าให้ได้ หลวงพ่อดำท่านเล่าว่า ดวงวิญาณของมนุษย์เรานั้นเป็นเสมือนกับดวงไฟเล็ก ๆ มีอยู่ด้วยกันถึง 89 ดวง (ไม่ใช่ดวงเดียวอย่างที่เคยรู้) เมื่อเสียชีวิต ดวงวิญาณในร่างก็จะระจัดกระจายกันออกไป แต่ยังคงมีเหลืออยู่ในโครงหรือเถ้ากระดูก 5 จุด คือ กระดูกหน้าผาก กระดูกข้อศอก กระดูกหัวเข่า เมื่อตายไปดวงวิญาณจะค่อย ๆ กระจายออก เหลือเพียง 4 ดวงที่สถิตอยู่
การเรียกวิญญาณจากเถ้ากระดูกนั้น เมื่อเรียกสำเร็จ ดวงวิญญาณจะปรากฏขึ้นเป็นดวงไฟเล็ก ๆ ลอยขึ้นมาให้เห็น ซึ่งกว่าจะเรียกได้ ต้องมีสมาธิที่มั่นคง พร้อมจิตที่แรงกล้า ซึ่งหลวงพ่อดำใช้เวลาเพียงแค่ 2 วัน ก็สามารถเรียกวิญญาณออกมาได้ เมื่อสำเร็จขั้นตอนการเรียกวิญญาณแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการ “ผูกวิญญาณ” เพราะการจะนำวิญญาณเหล่านั้นมาสร้างรูป หรือสร้างวัตถุอาถรรพณ์ จะต้องทำการผูกจิต ผูกใจ ให้สามารถนำมาใช้งานได้ ยิ่งมีดวงวิญญาณมากเท่าไหร่ ก็จะต้องทำการรวบรวมให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ผูกใจให้เป็นดวงเดียวกันเสียก่อน

ผ่านขั้นตอนการผูกวิญญาณแล้ว ก็จะมาถึงขั้นตอนสุดท้ายคือ “การกำหนดวิญญาณ” คือ การที่เราจะกำหนดให้วิญญาณดังกล่าวกระทำคุณงามความดี เพื่อสร้างบุญกุศลแก่ตนเอง และช่วยเหลือผู้ที่นำไปบูชาหรือเลี้ยงดู เปรียบ ได้กับการที่จะออกกฎเกณฑ์มา 1 ข้อ เพื่อควบคุมความประพฤติของคนหมู่มาก ก็ต้องให้ไปในทิศทางเดียวกัน โดยคำนึงถึงผลในแง่ดีที่สุด ไม่กระจัดกระจาย ไม่ให้เกิดผลเสีย ไม่นอกลู่นอกทางเมื่อสำเร็จวิชาพื้นฐาน 3 ขั้นตอน เป็นที่เรียบร้อย จึงจะมาศึกษาวิชาการแปลงรูปอาถรรพณ์ของเลขยันต์ทั้งสิ้น 76 ประการ ซึ่งอาศัยขั้นตอนการเรียก ผูก และกำหนด เป็นพื้นฐานเช่นกัน สามารถนำมาจำแนกใช้ในแต่ละกรณี ได้ผลลัพธ์มากมายมหาศาล

วิชาอาถรรพณ์ 76 ประการ สำคัญนัก เวลาใช้ก็จะเลือกนำมาใช้เป็นเฉพาะอย่าง แยกออกได้ 2 ประเภท คือ อาถรรพณ์ ตัวผู้ , อาถรรพณ์ ตัวเมีย โดยอาถรรพณ์ตัวผู้จะเป็นตัวควบคุมการดำเนินงานของอาถรรพณ์ ตัวเมีย ให้ไปในทิศทาง หรือ เป็นผลในทางที่กำหนด เมื่อมีอาถรรพณ์ตัวผู้และตัวเมีย ผสมอยู่รวมกันก็จะบังเกิด เป็นผลลัพธ์ หรือผลสำเร็จที่ได้กำหนดไว้

ด้วยเหตุนี้วัตถุมงคลและอักขระเลขยันต์ต่าง ๆ ของหลวงพ่อดำจึงต้องมีอาถรรพณ์ ตัวผู้ และอาถรรพณ์ตัวเมียประกอบกันขึ้น จึงบังเกิดเป็นผลหรือลูกออกมาเป็นผลผลิตอันมีค่า ทรงประสิทธิภาพสูงสุด

วิชามหาภูติ อันเป็นวิชาชั้นสูงเป็นการนำเอาวิชากุมารทองผนวกกับวิชาอาถรรพณ์ 76 ประการ สร้างเป็นผลผลิตอันทรงคุณค่า ผลที่ได้นอกจากจะเป็นวิญญาณอาถรรพณ์ ยังได้ผงพุทธคุณที่มีความพิเศษ พิสดาร มีผลทั้งในด้านคุ้มครองและเมตตาชั้นสูง อีกทั้งยังมีความพิเศษที่สำคัญคือ เป็นตัวกระตุ้นอำนาจพุทธคุณที่มีอยู่โดยรอบ หรือผสมรวมกันอยู่ให้เร็ว และแรงขึ้นกว่าปกติเมื่อหลวงพ่อดำสร้างกุมารทองและวัตถุมงคลต่าง ๆ ท่านจึงได้กลับไปนำเอาวัสดุที่สำคัญที่ท่านได้จัดทำไว้เมื่อ 30 กว่าปีก่อน เพราะท่านทราบล่วงหน้าว่า ในอนาคตจะต้องนำวัสดุสำคัญนี้มาเป็นกำลังสำคัญ ในการสร้างถาวรวัตถุทางศาสนา ตามที่ท่านเคยมุ่งมั่นไว้ วัสดุที่สำคัญที่ว่านี้ คือ “เถ้ากระดูกผีตายโหง” (ที่ทำการฌาปนกิจเรียบร้อยแล้ว) เอาเฉพาะกระดูกหน้าผาก ข้อศอก และหัวเข่า ซ้าย , ขวา ถึง 6 ตน ( ใช้อย่างน้อย 5 ตน ขึ้นไป ) ผีตายโหงทั้ง 6 ตนนี้ จะต้องรู้ถึง วันเกิด วันตาย และการกระทำทั้งอุปนิสัยก่อนตาย ซึ่งผีตายโหงดังกล่าว จะต้องเก่งที่สุด กะล่อนที่สุด ร้ายที่สุดอีกด้วย

เถ้ากระดูกผีตายโหงที่ได้มานั้น หลวงพ่อดำเล่าให้ฟังว่า มีทั้ง มหาโจร ทหารกล้า หญิงรวยเสน่ห์ที่ตายท้องกลม รวมไปถึงเด็กที่อยู่ในครรภ์ ( พรายกุมาร ) ที่ต้องเป็นเช่นนี้ เพราะจะได้นำวิญญาณมากำหนด แล้วนำความสามารถที่มีมาก่อนตาย นำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ จากนั้นหลวงพ่อดำจึงได้นำเอาเถ้ากระดูกมาผสมกับผงพุทธคุณต่าง ๆ ที่ท่านทำ อาทิ ผงวิเศษ 5 ประการ ผงอรหันต์ 8 ทิศ ดอกไม้ในพิธีเข้าพรรษา ออกพรรษา และสงกรานต์ ดินจอมปลวกวัวดุชน ไม้ไก่กุก ขยะกลางตลาด ดินหน้าบ้านผู้หลัก ผู้ใหญ่ที่คนนับถือ รวมทั้งเกศาของหลวงพ่อคลุกเคล้ากัน

ขั้นตอนต่อมาคือ การจัดพิธีปลุกเสก จะต้องตั้งพิธีชุมนุมเทวดา 4 ทิศ มีจตุโลกบาล ทั้ง 4 มาดูแลทั้ง 4 ทิศ กึ่งกลางคือขันครู ประกอบด้วยเทียนสีผึ้งบริสุทธิ์ 4 แท่ง ตั้งอยู่ที่ 4 มุม อันหมายถึง พระฤๅษีบรมครูทั้ง 4 ตน มาร่วมกันประสิทธิ์ประสาท ส่วนท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 มาประชุมเป็นพยาน ใช้ใบขนุนทิศละ 8 ใบ รวม 32 ใบ วางลงตำแหน่ง

จากนั้นก็จะทำการปลุกเสก โดยจะอัญเชิญครู และเทพยดามาร่วมพิธีพร้อมกัน แล้วเริ่มขั้นตอนการเรียก ผูก และกำหนดวิญญาณ ลงอาถรรพณ์ ตัวผู้ , และตัวเมีย จนเป็นดวงไฟเล็ก ๆ ผุดลอยขึ้นจากผงที่ทำไว้ แล้วจึงเรียกวิญญาณที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า ลงมาสถิตอยู่ในผงที่จัดสร้าง ขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือ การอัญเชิญพระพุทธคุณลงไปครอบคลุมให้เป็นผงแห่งความดีมีสิริมงคล ที่พิเศษคือ หลวงพ่อดำได้ลงพระคาถา หัวใจพระยาไก่เถื่อน หัวใจพระยาการะเวก และหัวใจสาลิกาลิ้นทอง ให้บังเกิดฤทธิ์ทางด้านเมตตามหานิยม ค้าขาย โชคลาภ และการเจรจา เป็นกรณีพิเศษ จึงสิ้นสุดขั้นตอนการสร้างผงพิสดารตำรับโบราณ หลวงพ่อดำจึงได้กำหนดชื่อเป็นมงคล โดยนำชื่อของเดิม มาดัดแปลงให้ดีเยี่ยมขึ้น พุทธคุณแรงขึ้น เรียกกันว่า “มหาภูติลิ้นทอง” นำมาจัดสร้างกุมารทองและวัตถุมงคล วัตถุอาถรรพณ์ต่าง ๆ จนโด่งดังตราบเท่าทุกวันนี้



** ปิดรายการนี้ **​

 

รายการที่ 26

เหรียญหลวงพ่อปลัดเสน วัดไสกระดาน เพชรบุรี ปี 2520 กระไหล่ทองลงยา แจกกรรมการ

เหรียญหลวงพ่อปลัดเสน วัดไสกระดาน เพชรบุรี ท่านเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ ดังนั้นพุทธาคมของท่านจึงแก่กล้าและเข้มขลังยิ่งนักเหรียญนี้



** บูชา 250 บาท **​

## ลดเหลือ 150 บาท ##​

 

รายการที่ 27

ขุนแผนหน้าทอง ปู่หมอนาค เพชรแสงแก้ว
ฆราวาสขมังเวทย์เสน่ห์แรง เนื้อนี้เป็นเนื้อธรรมดามาตราฐาน ชนิดแบบลงทองมหาเสน่ห์ รุ่นเก่าเก็บ ปี2544 แท้ๆ



ปู่หมอนาค เพชรแสงแก้ว
ฆราวาสขมังเวทย์เสน่ห์แรง
แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังหลายท่านที่สร้างพระเครื่องให้มีความศักดิ์สิทธิ์ได้ ขณะเดียวกันก็ใช่ว่าฆราวาสที่ศึกษาไสยศาสตร์มาอย่างเข้มขลังจะทำไม่ได้ ซึ่งปู่หมอนาคเป็นอีกท่านหนึ่งที่ได้ชื่อว่าเป็น ฆราวาสขมังเวทย์ที่ติดทำเนียบระดับแถวหน้า เพราะได้ศึกษาเรียนรู้ศาสตร์วิชาคาถาอาคมมาอย่างเชี่ยวชาญ จึงทำให้การสร้างวัตถุมงคลทุกรุ่นล้วนถูกต้องตามตำรับโบราณ เนื่องจากให้ความสำคัญทั้งมวลสารและการปลุกเสกที่ต้องบังเกิดความศักดิ์สิทธิ์มีอิทธิคุณสมดังปรารถนาในการศึกษาวิชาไสยศาสตร์ของปู่หมอนาคนั้น ท่านได้เรียนมาตั้งแต่สมัยยังเด็กอายุประมาณ 11 ขวบ โดยอาจารย์ของท่านคนแรกชื่อ ครูหมอนาค วิชิตชาญ เป็นหมอไสยศาสตร์และหมอตำบลผู้มีชื่อเสียงแห่งอำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งมีศักดิ์เป็นพ่อบุญธรรมของท่าน ในช่วงนั้นท่านได้ร่ำเรียนวิชาเกี่ยวกับการสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา อาบน้ำมนต์ไล่ผี เลี้ยงผี ลนน้ำมันพราย ทำเสน่ห์ ถอนของ ล้างอาถรรพณ์ เรียกผีลงหม้อ ตำรับว่านยารักษาโรค ว่านยาคงกระพัน วิชาสักน้ำมันพญาลิงลม และสักจิ้งจกสองหางที่เครื่องเพศชาย จนกระทั้งเกิดความเชี่ยวชาญสามารถเป็นผู้ช่วยแทนครูหมอนาคได้ทุกอย่าง หลังจากสิ้นครูหมอนาค วิชิตชาญแล้ว ท่านได้เดินทางไปเรียนวิชาไสยศาสตร์ต่อกับหม่อม(ท่านย่า) สมประสงค์ ครูไสยศาสตร์ผู้สำเร็จวิชามหาเศรษฐี เรียกหวย ทำน้ำมนต์ค้าขายดี ช่วงนี้ท่านได้ออกวัตถุมงคลขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งสร้างด้วยผงว่านผสมปูนพลาสเตอร์ โดยทำเป็นแม่นางกวักนะรวยนะ กับท้าวเวสสุวัณ สมัยนั้นวัตถุมงคลของท่านได้รับความนิยมอย่างมาก แทบทุกบ้านร้านค้าจะต้องมีวัตถุมงคลของท่านเนื่องจากบูชาแล้วขายของดีมีโชคลาภทางถูกหวยบ่อยมาก ส่วนท้าวเวสสุวัณ จะมีประสบการณ์เกี่ยวกับป้องกันขโมยเข้าบ้านและปลอดภัยจากกระทำคุณไสย ภูตผีปีศาจไม่มารบกวน
และเมื่ออายุได้ประมาณ 18 ปี ท่านยังได้ไปเรียนวิชาตำรามนต์ขุนแผนชุดหนึ่งจากครูอินทร์ ประสิทธิพร ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทเรียนวิชามากับครูเฒ่า (หมอนาค วิชิตชาญ อาจารย์ของท่าน) โดยครูอินทร์ท่านกล่าวว่าตำราขุนแผนชุดนี้ของท่านแรงมากไม่แพ้ตำราขุนแผนของครูเฒ่า ไม่เชื่อให้ทดลองดู และท่านจึงมอบตำราเล่มหนึ่งให้ในตำราดังกล่าวมีรายละเอียดเกี่ยวกับคาถาอาคมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับขุนแผนทั้งหมด
เมื่อปู่หมอนาคอายุได้ 36 ปี ครั้งนั้นท่านมีภรรยา 5 คนอยู่บ้านเดียวกันหมดมีบุตรชายแล้วทั้งหมด 6 คนแต่เป็นลูกกรอกเสียหนึ่งคน ซึ่งตั้งชื่อว่าไกรเพชร ต่อมาฐานะของท่านก็ดีขึ้นเพราะลูกกรอกได้มาบอกหวยให้ถูกทุกงวดติดต่อกัน 12 งวดซ้อน และได้มาเปิดค่ายมวยหงส์ เหิรลูกศิษย์ทุกคนพอได้เป่าวิชาพญาลิงลมทำให้ชกชนะทุกครั้งไป พออายุได้ 41 ปี ท่านได้มีภรรยาเพิ่มอีก 3 คนแต่คราวนี้อายุประมาณ 19-20-21 ปี ทำให้เกิดปัญหาการอิจฉาซึ่งกันและกัน แต่พอเสกข้าวสารให้กินก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข สรุปแล้วท่านมีเมียอยู่กินเป็นหลักฐาน 29 คนที่ฝากรักเอาไว้ตามจังหวัดต่าง ๆ อีกรวมแล้วกว่า 200 คนเห็นจะได้
ต่อมาพออายุได้ 46 ปี ท่านได้คำนวณตามฤกษ์แล้วพบว่าตัวท่านจะมีเคราะห์หนัก อาจถึงคาดจึงตัดสินใจไปบวชเป็นพราหมณ์อยู่ที่วัดโชติทายะการาม ที่อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี และได้รู้จักกับพระธุรดงค์รูปหนึ่งชื่อ พระอาจารย์นาม ขันติโชติ เกิดความถูกคอซึ่งกันและกันในหลักวิชาไสยศาสตร์ เนื่องจากพระอาจารย์นาม รูปนี้ท่านมีวิชาเสกใบไม้เป็นต่อเป็นแตนได้ จึงขอติดตามไปเรียนวิชากับพระอาจารย์ของพระอาจารย์นาม ที่สำนักของหลวงพ่อใหญ่ ซึ่งอยู่ที่ถ้ำภูเขานครจำปาศักดิ์ ประเทศลาว
หลังจากนั้นเป็นต้นมาปู่หมอนาคเล่าว่า 10 ปีต่อจากนั้นเห็นจะได้เมื่อท่านสำเร็จวิชาไสยศาสตร์ทั้งหมดจากสำนักของหลวงพ่อใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นวิชาทางเสน่ห์ทำน้ำมันพราย 7 ชนิด และผงวิเศษทางเสน่ห์ วิชาลูกกรอกมหาเศรษฐี ถอนคุณไสย ลงนะเมียเยอะ ซึ่งสรรพวิชาต่าง ๆ ล้วนแต่มีความขลังศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก พร้อมกับเรียนรู้เคล็ดกามจรที่คณาจารย์โบราณห่วงกันมากเพราะเป็นเคล็ดวิชาการใช้ทำผงเสน่ห์ เพื่อให้เกิดพลังดึงดูดใจแก่เพศตรงข้าม
ในการสร้างวัตถุมงคลแต่ละรุ่นออกมานั้นปู่หมอนาคจะพิถีพิถันทำตามหลักวิชาโบราณทุกอย่างโดยจะเน้นที่มวลสารเป็นสำคัญ อาทิเช่นขุนแผนพรายนางเคียง ที่ต้องผสมน้ำมันพรายนางตะเคียน น้ำมันพรายตานี น้ำมันพรายดอกทอง น้ำมันพรายพญาลำโพง น้ำมันพรายสวาท น้ำมันพรายกัวเผาะ และน้ำมันพรายสาลิกาจับปากโลง พร้อมการปลุกเสกตามสูตรวิชาจึงนำผงวิเศษมากดพิมพ์ขึ้นรูปขุนแผนที่ละองค์พร้อมเรียกสูตร-นามเรื่อยไปจนกระทั้งหมด จึงนำมาปลุกเสกปิดวิชาด้วยคาถามนต์พญาเทครัววันละ 108 จบ 108 วันเป็นอันเสร็จพิธี
ทางด้านวัตถุมงคลนั้นปู่หมอนาคจะชอบสร้างขุนแผน ซึ่งที่ผ่านมามีด้วยกันหลายรุ่นคือขุนแผนมะดอล่อเป๋อ ขุนแผนพญาปลัดนางเคียง ขุนแผนพ่อเนื้อหอม ขุนแผนหน้าทอง ขุนแผนพญาพันดอ ขุนแผนเมีย 4 เมือง ขุนแผน 7 ท่า ขุนแผนพรายกัวเผาะ ขุนพรายพญางืด ขุนแผนพรายกระซิบ และขุนแผนพรายพญาหลง โดยขุนแผนทุกรุ่นจะเน้นทางเมตตามหานิยม เมตตามหาเสน่ห์ ใช้ทางจีบสาว หรือทางค้าขายก็ดีทั้งนั้น ตลอดจนโชคลาภก็มีเช่นกัน ซึ่งต่างก็มีประสบการณ์บอกต่อกันมา

เนื้อนี้เป็นเนื้อธรรมดามาตราฐาน ชนิดแบบลงทองมหาเสน่ห์ รุ่นเก่าเก็บ ปี2544 แท้ๆ เนื้อนี้มีส่วนผสมเป็นผงปูนเป็นหลัก แล้วมีว่านและมวลสารขุนเผนหน้าทององค์หัวเชื้อที่สำเร็จเป็นองค์วิชาโดยสมบูรณ์แล้ว ผสมอยู่ในขุนแผนเนื้อนี้ด้วย เพื่อให้วิชาเป็นไว สำเร็จไว

คุณวิเศษของขุนแผนปู่หมอนาคนี้ตามพื้นฐานจะถูกปูพื้นไว้หมดแล้ว ทั้งทางเสน่ห์เมตตาโชคลาภความร่ำรวย ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องคุ้มครอง เพราะวัตถุมงคลที่ดี มันต้องมีครบใช้ได้ทุกทาง อีกทั้งจะมีดวงจิตเทพเทวดาคอยปกปักษ์รักษาผู้บูชาศรัทธาอยู่มิขาด ถ้าจะพูดถึงความเด่นของขุนแผนหน้าทององค์นี้ ก็คงจะหนีไม่พ้นความเป็นเมตตามหานิยมอย่างสูงสุด เป็นสง่ามีราศรีสีหน้ารูปกายดูมีสง่าราศรี เป็นเครื่องราง ดวงดี ค้ำดวงหนุนดวงแก้เคล็ดดวงตกได้เป็นอย่างดี เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งก็ได้เด่นทางทำมาหากิน อีกทั้งขุนแผนองค์นี้ถือได้ว่าเป็นเครื่องรางที่เหมาะกับนักร้องนักแสดงเป็นที่สุดอีกด้วย เพราะสำเร็จด้วยวิชาแต่งตัวตามเคล็ดวิชา ศิริมหาลักษณะ19 ผู้คนมองดูเราน่ารักน่าชัง มีเสน่ห์เมตตามหานิยม เจรจาก็เป็นที่จับอกจับใจคน จะร้องเพลงก็ทำให้ผู้ฟังมีจิตคล้อยตามเสียงเพลงเป็นต้น

ขุนแผนองค์นี้ ถูกปลุกเสกขึ้นตามหลักวิชาของขุนแผนหน้าทองทั้งหมดโดยสมบูรณ์แล้ว โดยมีวิชามหาสิริลักษณ์19 วิชาพระลักษณ์หน้าทอง วิชาผงวิเศษ

ขุนแผนหน้าทององค์นี้ถึงแม้ว่าเนื้อหามวลสารจะไม่เข้มข้นเหมือนเนื้ออื่นๆ แต่สามารถทำให้เกิดประสบการณ์ขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย ลองใช้เอาดูครับ เมื่อมีจิตเข้าถึงครูบาอาจารย์ ปู่หมอนาคเพชรแสงแก้ว​

** บูชา 500 บาท **​

## ลดเหลือ 300 บาท ##​

 

รายการที่ 28

ขุนแผนพรายกระซิบ ปู่หมอนาค เพชรแสงแก้ว
ฆราวาสขมังเวทย์เสน่ห์แรง



ตำนานขุนแผนพรายกระซิบ

นับตั้งแต่ครั้งโบราณสืบมาคนไทยเรานับถือกันว่า ในบรรดาเครื่องรางวัตถุมงคลที่มีอิทธิคุณทางเมตตามหานิยมชั้นสุดยอด ต้องยกให้พระขุนแผน เหตุที่ประชาชนทั้งหลายนิยมเช่นนั้นเพราะได้รับอิทธิพลความเชื่อถือมาจาก ตำนานพื้นบ้านเก่าแก่เรื่องหนึ่ง อันกล่าวถึงความเก่งกาจ ในด้านไสยศาสตร์และคาถาอาคมของตัวเอกในตำนาน อันมีนามว่า ขุนแผน
ตามตำนานกล่าวว่าขุนแผนนั้น เป็นผู้ที่มีความเก่งกาจอย่างยอดเยี่ยมทั้งในเชิงรบและเชิงรัก เป็นบุคคลที่มีความเจ้าชู้มากแถมสำเร็จคัมภีร์ไสยเวทย์ทุกแขนงที่มีอยู่ใน ตำนานครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา ตลอดชีวิตของขุนแผนไม่เคยพ่ายแพ้เชิงรบต่อใคร ไม่ว่าขุนแผนจะไปอยู่บ้านใดเมืองใดก็ดี ขุนแผนจะมีแต่สาวรุมรักอยู่เสมอ เหตุเพราะขุนแผนนั้นสำเร็จวิชาไสยศาสตร์แขนงต่าง ๆ และมีสิ่งวิเศษ 4 อย่างคอยช่วยเหลือตลอดเวลา สิ่งวิเศษทั้งสี่อย่างนี้ สำหรับขุนแผนถือเป็นของวิเศษคู่ชีวิตเลยทีเดียวได้แก่
- ดาบฟ้าฟื้น
- ม้าสีหมอก
- กุมารทอง
- พรายกระซิบ
และเมื่อกล่าวถึงความสำคัญของสิ่งวิเศษทั้งสี่อย่างนี้ พรายกระซิบ มีบทบาทกับขุนแผนมากที่สุดในตำนาน นับเริ่มตั้งแต่ขุนแผนเกิดมาเลยทีเดียว เพราะขุนไกรพ่อของขุนแผนได้มอบหน้าที่ให้พรายของท่านซึ่งเลี้ยงไว้คอยติดตาม รักษามิให้ขุนแผนมีอันตรายแต่ประการใด จนกระทั้งขุนไกรตายไป ขุนแผนได้ไปบวชเรียนศึกษาพระธรรมและพระเวทย์พร้อมกันไปจนในที่สุดก็สำเร็จ วิชา กรรมฐานนิพพานสูตร สามารถร้องเรียกภูตผีปีศาจต่างๆให้มารับใช้งานตามต้องการได้ และวิชาพรายกระซิบ คือหนึ่งในหลักสูตรสำคัญของตำราดังกล่าวนี้ที่ขุนแผนเรียนได้สำเร็จและใช้ งานมากที่สุด ชีวิตของขุนแผนจึงอาศัย ภูตพรายกระซิบ คอยช่วยเหลือในกิจการต่าง ๆ ตั้งแต่การสืบข่าว ดลจิตใจให้บุคคลที่รู้จักพบเห็นนึกเมตตาสงสาร ตามหาสิ่งวิเศษทั้ง 3 ที่เหลือหรือแม้กระทั้งสะกดใจ ให้สตรีที่ขุนแผนนึกรักเกิดหลงใหลเคลิบเคลิ้มจนสุดท้ายต้องยอมเป็นภรรยาของ ขุนแผนด้วยความเต็มใจทุกรายไป
จากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ก็เพื่ออ้างอิงเป็นหลักฐานพิสูจน์ให้เห็นว่าในหลัก ของวิชาไสยศาสตร์ส่วนใหญ่แต่โบราณไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามมักจะต้องมีภูตพราย เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเสมอโดยเฉพาะหลักวิชาในการสร้างพระ ขุนแผน เคล็ดหลักสูตรวิชาภูตพรายกระซิบ จะต้องนำมาใช้ประกอบควบคู่ทุกครั้งไปมิเช่นนั้นจะถือว่าเป็นการสร้างพระขุน แผนที่ไม่สมบูรณ์แบบ
เมื่อกล่าวถึงวิชาพรายกระซิบ ย่อมเป็นที่แปลกหูอยู่สักหน่อยสำหรับบุคคลทั่วไปแต่คำๆ นี้รู้จักแพร่หลายอย่างกว้างขวางอยู่ในหมู่ของนักไสยศาสตร์ผู้มีอาคมแก่กล้า แทบทุกคน เหตุเพราะวิชาดังกล่าวมีประโยชน์อย่างยิ่ง สามารถที่จะทำให้ล่วงรู้เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นทั้งในอดีตและอนาคตอันใกล้ได้อย่างแม่นยำโดยอาศัยกำลัง ของพรายมากระซิบบอกให้รู้ ทำให้นักไสยศาสตร์ส่วนใหญ่มิต้องเสียเวลาไปบำเพ็ญตบะสมาธิแรมปีเพื่อให้มี อิทธิฤทธิ์แก่กล้าบังเกิดมี ตาทิพย์ หูทิพย์ ฉะนั้น วิชาพรายกระซิบนี้จึงนับได้ว่าเป็นวิธีการฝึก ตาทิพย์ หูทิพย์ แบบลัดที่แยบยลทีเดียวของนักไสยศาสตร์
ปู่หมอนาค เพชรแสงแก้ว ท่านเป็นอีกผู้หนึ่งที่เชี่ยวชาญใน วิชาพรายกระซิบ และได้นำวิชาดังกล่าวนี้มาประกอบประโยชน์ให้เกิดขึ้นแก่ตัวของท่านเองและ ประชาชนทั่วไป ล่าสุดท่านได้นำวิชานี้มาใช้สร้างประโยชน์แก่ประชาชนหมู่มาก โดยการจัดนำมาจัดสร้างวัตถุมงคลนาม เทพขุนแผนพรายกระซิบ อย่างเต็มรูปแบบด้วยถือคติเหตุผลสำคัญตามแบบโบราณาจารย์ว่ามีขุนแผน ก็ต้องมี ของวิเศษ 4 อย่าง ติดตัว ที่ขาดไม่ได้คือ พรายกระซิบ และเมื่อใดที่มีของสิ่งนี้ติดตัวขุนแผนแล้ว เมื่อนั้นความศักดิ์สิทธิ์ของวัตถุมงคลดังกล่าวก็จะเพิ่มพูนอิทธิฤทธิ์ให้ สูงยิ่งขึ้นดุจเงาตามตัว ดั่งนี้เป็นต้น

คุณประโยชน์ของขุนแผนพรายกระซิบ


สำหรับคุณประโยชน์ของพระขุนแผนพรายกระซิบนั้นมิใช่จะจำกัดอยู่แค่ จะช่วยให้บูชาติดตัวบังเกิดอำนาจเสน่ห์เมตตามหานิยมแก่ผู้พบเห็นเพียงเท่า นั้น เมื่อใดก็ตามที่กำลังจะมีเหตุเภทภัยเกิดขึ้นแก่ผู้บูชา เมื่อนั้นพรายกระซิบอันเป็นบริวารของขุนแผนจะสำแดงกำลังให้เจ้าของ ผู้บูชาทราบทันทีว่าอีกไม่นานนี้กำลังจะมีภัยเกิดขึ้นเช่น อาจจะกระซิบส่งเสียงเตือน หรือ ส่งกระแสพลังกดดันให้เจ้าของรู้ระวังตัว หรืออื่นๆ ต่าง ๆ นานาขึ้นอยู่กับว่าบุคคลผู้บูชานั้นมีกระแสลางสังหรณ์ใดปรากฏชัดเจนในตัวมาก ที่สุด และหลังจากที่พรายกระซิบได้กระทำการเตือนบอกเหตุดีร้ายต่าง ๆ แก่เจ้าของแล้วก็จะทำหน้าที่คอยระวังภัย ช่วยเหลือเจ้าของผู้ครอบครองให้พ้นภัยในทันที นับได้ว่าวิชาดังกล่าวนี้มีคุณประโยชน์อย่างมากทีเดียว สำหรับคุณประโยชน์ทางด้านอื่นๆ ของเครื่องรางขุนแผนพรายกระซิบนี้ยังมีอยู่ อีกมากมายหลายประการดังต่อไปนี้
- คอยกระซิบบอกโชคลาภแก่ผู้บูชาเมื่อวาสนามาถึง
- ดลใจให้ผู้บูชาเกิดลางสังหรณ์ระวังตัวเมื่อจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น
- คอยอำนวยพรให้บุคคลรอบข้างทั่วไปเกิดความรู้สึกเมตตาชื่นชมแก่ผู้ครอบครอง
- เรียกคนให้มาช่วยซื้อของเมื่อต้องการ (หากมีร้านค้า)
- ตามคนที่ต้องการพบให้มาหา
- ป้องกันคุณไสย ลมเพลมพัด ทุกชนิด
และในลำดับสุดท้ายตามอาถรรพณ์ของวิชานี้หากใครก็ตามครอบครองขุนแผนพราย กระซิบติดตัวเป็นประจำบุคคลผู้นั้นจะมีความเฮงในทุกเรื่อง พูดอย่างง่าย ๆ ก็คือมีโชคลาภเนือง ๆ นั่นเองฯลฯ​

** บูชา 500 บาท **​

## ลดเหลือ 300 บาท ##​

 

รายการที่ 29

พระขุนแผนพรายกุมารหลวงปู่ฤทธิ์ รุ่นแรก ตะกรุดทองแดง



พระขุนแผนพรายกุมารหลวงปู่ฤทธิ์ รตนโชโต บุรีรัมย์ รุ่นแรกพิมพ์ใหญ่ด้านหลังยันต์ครูหรือยันต์เศรษฐีฝังตะกรุดเงิน ท่านได้สร้างตามตำราการทำผงพรายกุมารชั้นสูง โดยพลีผงเถ้ากระดูกเด็กผู้ชายที่ตายวันเสาร์เผาวันอังคารจากราชบุรีมาเป็นหัวเชื้อผสมกับผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิมล้วนๆและจากลูกอมผงพรายกุมารหลวงปู่ทิมที่แตกหัก ผสมผงมหาเสน่ห์ต่างๆ เช่น ผงโสฬสมหาภูติของอาจารย์เขมร ผงมหาละลวย ผงจินดามณี ผงมหาเมตตาใหญ่ ผงยมบาลใจอ่อน ผงเมตตาต่างๆได้แก่ ผงตะกอนจากการหุงสีผึ้ง7ราตรี น้ำตาเทียนมัทรี ผงพุทธคุณ5ประการ ผงแก้ว3ดวง ว่านเสน่ห์108ชนิด เช่น ว่านเจ้าชู้ ว่านนางตามชู้ ว่านนางถอดซิ่น ว่านจูงนาง ว่านนางหัวร้อย ว่านนางล้อม ว่านขุนแผน ว่านเสนห์ ว่านเพชรหึง ว่านนางแย้ม ว่านดอกทองเป็นต้น เกสรดอกไม้108 เช่น ดอกรักไม่ลืม ดอกอย่าลืมฉัน ดอกรักซ้อนเป็นต้น น้ำมัน108 เช่น น้ำมันหนูแมว น้ำมัน7กลิ่น น้ำมันกัวเผาะ น้ำมันช้างผสมโขลง น้ำมันพรายแท้ ปลุกเสกในฤกษ์มหาเสน่ห์ นับเป็นของวิเศษที่ทรงค่าด้านเมตตตามหาเสน่ห์มหานิยม ผูกจิต เรียกใจคน ไม่มีโทษแก่ผู้ใช้ครับ

ของแรงๆ เร็ว ดี เห็นผลของจริงครับ
ขุนแผนรุ่นแรกของหลวงฤทธิ์ รตนโชโต บุรีรัมย์ สุดยอดเสน่ห์ของแรงหายากครับ



** บูชา 1000 บาท **​

## ลดเหลือ 500 บาท ##​

 

รายการที่ 30

พระขุนแผนหลวงปู่ฤทธิ์ รุ่นรวยเงิน รวยทอง วัดชลประทานราชดำริ บุรีรัมย์ ๒๕๔๗ (สำหรับองค์นี้แจกฟรีสำหรับท่านที่บูชารายการที่ 29 ครับ)



พระขุนแผน หลวงปู่ฤทธิ์รุ่น "รวยเงินรวยทอง" ปี 2547
ขุนแผน ผงพรายกุมาร ใช้ผงพรายกุมารหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ผสมในการสร้างปลุกเสก โดยใช้มวลสารสำเร็จจากผงพรายกุมารและขุนแผนลงกรุที่ชำรุดของหลวงปู่ทิมอิสริโก ซึ่งได้จากศิษย์สายตรง คุณชินพร สุขสถิตย์ แห่งมูลนิธิหลวงปู่ทิมไม้อาถรรพ์ต่าง ๆ เช่น ว่านดอกทอง ,ไม้กาหลง(ต้นไม้ที่นกกาบินมาเกาะแล้วหาทางออกไม่ได้ บินวนไปมาจนตาย), ไม้มะยมตายพราย,ไม้กาฝากรัก, ไม้ปะนมปีเก็ง(ไม้วัวลืมคอก) และไม้หลงลืมผสมกับสีผึ้ง และน้ำมันเสกเดือด ของหลวงปู่ทิมอิสริโก แล้วยังผสมด้วย น้ำมันช้างตกมัน(กั่วเผาะ) , งากำจายและผงบางส่วนที่ได้จาก "อาจารย์เปล่ง"

การปลุกเสก หลวงปู่ธรรมรังษีท่านได้ปลุกเสกคืนวัน "กบกินเดือน" (ขึ้น 15 ค่ำของวันที่ 16 กันยายน 2540วันจันทรคราส เวลา 01.09.น.) หลังจากนั้นก็ให้ฆราวาสจอมขมังเวท " อาจารย์เปล่ง บุญยืน" เสกด้วยตำรับเขมรอีกครั้ง
ต่อจากนั้นจึงนำไปให้ "หลวงปู่ฤทธิ์”วัดชลประทานราชดำริ บุรีรัมย์ปลุกเสกเป็นองค์สุดท้าย

ประสบการณ์แรงครับ เด่นในเรื่องมหาเสน่ห์สุด ๆ

ของแรงๆ เร็ว ดี เห็นผลของจริงครับ
ขุนแผนรุ่นแรกของหลวงฤทธิ์ รตนโชโต บุรีรัมย์ สุดยอดเสน่ห์ของแรงหายากครับ



** ปิดรายการนี้ **​

​

 

โอนแล้วครับ 850 บาท
19/8/2558
เวลา 20.13

ปนชัย มูลเกษ
499 หมู่ 3 อาคารเบญจจินดา ชั้น 11B
แขวงลาดยาว
เขตจตุจักร
กรุงเทพ
10900

 

จองครับ

 

จองรายการที่18ครับ โอนภายในกี่วันครับ

 

รับทราบการจองครับ