ปุถุชน....คนช่างสงสัย...

......ขอบคุณมากครับ

 

ได้ข่าวว่ามียาสลาย"มโน"

 

ถามคุณนพฯต่อหน่อยครับ...

ตอนนี้เวลานั่งสวดมนต์มองรูปหลวงปู่ดู่หรือหลวงพ่อทวดไปด้วย...
แต่ไม่รู้ว่า การพลิกของรูปที่ว่านี้มีลักษณะอาการอย่างไรครับ?...
ที่ผมเห็นคือ องค์ท่านลอยออกมาจากรูป เหมือนเป็นภาพสามมิติ อันนี้ในสภาพลืมตานะครับ...แล้วเหมือนจะมีลูกแก้วขาวๆสว่างๆ จากเดิมที่จะกำหนดไว้ตรงระหว่างฝ่ามือทั้งสอง ก็กลายมาอยู่ตรงแถวๆหน้าอกหลวงปู่แทน ซึ่งองค์หลวงปู่จะอยู่ห่างไปประมาณ 1 เมตร ไม่ได้อยู่ที่ระยะ 1 ฟูตดังว่า...

กระแสพลังงานที่ไหลมารวมที่หน้าอกเราก็จะพุ่งออกไปยังหลวงปู่ ทั้งกระแสเมตตา คำสวดภาวนา พลังต่างๆก็ไหลไปที่หลวงปู่ ตรงลูกแก้วนั้น...

ผมก็นั่งทำไปแบบนี้ อาศัยกำลังใจพอให้สบาย ชั่วระยะเวลา1ก้านธูปหมด ก็เลิกครับ..
การเห็นหลวงปู่ลอยออกมาจากรูป เป็นภาพสามมิตินี้ ผมก็สัณนิษฐานเอาเองว่า อาจจะเป็นที่ระบบประสาทของสายตาเราเองไหม..แต่ลูกแก้วขาวๆสว่างๆที่อยู่กลางอกท่านนั้น จะเห็นเหมือนการมองผ่านตาที่สามมากกว่า ไม่ได้เห็นด้วยตาเปล่า...

......แล้วตกลงจะถามว่าอะไรดีก็นึกไม่ออกครับ...ยุ..ช่วยมาถามให้ทีดิ๊...

 

ที่ ป๋า มิงค์ทำอย่างนั้น
คือว่าทำดีเกินไปครับ หรือว่าเก่งเกิ๊นไปครับ.. ๕๕๕
เป็นการเชื่อมกระแสตรงกับ
ท่านแล้วครับ ลักษณะกระแสพลังงานก็จะกลายเป็น
กระแสพลังงานของท่านแทนครับ..
เหมาะสำหรับการฝึกสร้างทิพยจักขุ หรือ การใช้งาน
ประเภทที่ต้องมีการสื่อสารตรง หรือฝึกน้อมองค์พระเข้าตัวครับ
และปกติก็ไม่ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆนะครับ...
ส่วนที่ห่างตัวฟุตหนึ่งใช้กรณีที่จะสร้าง
พลังงานที่เรามีให้กลายเป็นอาวุธแก้วครับ...

แต่ถ้ากรณีรักษาตัวเอง ให้ภาพแค่ขยับเล็กน้อย เหมือนด้านข้างของ
ภาพยกขึ้น เป็นแค่กุสโลบาย ในการดึงให้จิตเรามันเข้าสู่โหมดวิญญานธาตุ
คือดึงให้จิตสร้างกระแสพลังงานออกไปข้างนอกตัว
หรือดึงให้จิตพลิกข้ามธาตุ ๔ ที่รวมเป็นกายเข้าสู่โหมดวิญญานธาตุ
โดยมีอากาศธาตุที่มีอยู่ภายนอกเป็นพาหนะครับ..
แต่ว่าภาพก็ควรอยู่ในตำแหน่งเดิมป้องกันการที่เราจะน้อมองค์พระ
มาอยู่ในกายเราและป้องกันการที่จิตเราไปเชื่อมกับท่านแต่ว่าไม่มี
ระยะทางหรือช่องว่างที่รักษาระยะห่างพอให้อากาศธาตุภายนอก
ได้ใช้เป็นเส้นทางให้พลังงานส่วนเกินหรือธาตุส่วนเกินเราเดินทาง
ออกจากร่างกายเราไปภายนอกกายและขึ้นไปข้างบนตรงๆครับ..
วิธีแก้ตรงนี้คือ มองภาพเพื่อพอให้มีกระแสออกจากกาย
แต่ให้กำหนดให้ท่านอยู่ด้านบน
หรืออยู่ข้างบนที่สูงๆ ผ่านทางกระโหลกศรีษะส่วนหน้า
เหมือนเรายืนอยู่ใต้ห้องพระชั้น ๑ แล้วมีท่านยืนอยู่ตรงศรีษะเรา
บนห้องพระชั้น ๒ ..
พอเรามองภาพ พอร่างกายเรามีเส้นสายพลังงานออกไปแล้ว
เส้นสายก็จะไปเชื่อมกับกระแสพลังงานท่านผ่านทางกระโหลกศรีษะส่วนหน้าของเรา
แต่ว่า จริงๆกระแสพลังงานมันจะออกจากตัวเราทั้งตัวไปเชื่อมกับท่านที่อยู่ชั้น ๒ นั่นเอง
และเราไม่ได้น้อมดึงองค์ท่านมาไว้ที่ศรีษะหรือดึงท่านลงจากชั้น ๒ มาครอบกาย
เราด้วยนะครับ
มันถึงจะมีช่องว่างให้ธาตุส่วนเกินในร่างกายเรา
เดินทางผ่านอากาศได้ครับ เพื่อเป็นการรักษา
ปรับธาตุร่างกายเรานั่นหละครับ.ในขณะที่ธาตุส่วนเกิน
จากร่างกายเดินทางผ่านอากาศ เด่วพวกธาตุส่วนเกิน
พวกนี้จะหายไปในระหว่างทาง ก่อนที่จะถึงตัวท่าน
ที่ยืนอยู่บนห้องพระชั้น ๒ ในตำแหน่งที่ตรงกับศรีษะเราได้เอง
แบบอัตโนมัติครับ

ปล.ทำได้ ๑ ก้านธูปก็ถือว่าเทพแล้วครับ​​ ปกติส่วนตัวทำ
ประมาณ นาที ๒ นาทีก็เพียงพอแล้วครับ..ถ้านานขนาด
ที่ ป๋า มิงค์ทำ นั้นพระธาตุเสด็จได้เลยนะครับ..
ที่ส่วนตัวเคยทำประมาณ ๑๕ นาทีครับ

 

ผมคงตีความหมายการพลิกภาพผิดไปน่ะครับ...ผมคิดว่า ภาพที่มองอยู่จะพลิกแบบหันหลังให้ซะอีกครับ...พอดูๆไป รูปหลวงปู่ หลวงพ่อ ท่านออกมาจากภาพสักประมาณ 1 นิ้ว เหมือนภาพสามมิติ...ผมก็สงสัยว่า ไม่เห็นท่านจะพลิกไปไหนเลยนิ...
ผมก็คิดว่า อาจจะเป็นเรื่องของระบบประสาทตา ของเซลร็อด กับโคนก็เป็นได้ที่ทำให้เราเห็นภาพเป็นแบบนี้...และคิดว่า คนอื่นๆก็ทำแบบนี้ได้เหมือนกันแหละน่า...

ตกลงว่า ภาพไม่ได้พลิก แต่ว่ามีการขยับ...จากนั้นถ้ายกภาพท่านไปไว้ตรงตำแหน่งที่เหนือหัวขึ้นไป สักหลายเมตร จะทำให้มีเส้นสายสีขาวๆ วิ่งฉวัดเฉวียนรอบๆตัว แล้วไหลไปข้างบน พุ่งไปที่หลวงปู่...ว่าแต่มึนๆหัวหน่อยๆเหมือนกันครับ???

ทีนี้ถ้าจะมากำหนดเป็นลูกแก้ว เหมือนเดิม อยู่ห่างจากตัวไปประมาณ 1 ฟุต...
มันจะมีสองลักษณะอาการครับ ซึ่งไม่ทราบว่า แบบไหนถูกแบบไหนผิด แต่ก็ลองสลับไปมาทั้งสองแบบดูแล้ว...จนพอจะสังเกตถึงลักษณะที่แตกต่างกันคือ...

แบบแรก จะเหมือนตัวเราออกไปอยู่ในอวกาศ แล้วลูกแก้วนี้จะอยู่เบื้องหน้า สีขาวสว่างจ้า...ลักษณะแบบนี้คล้ายกับว่าเราไปอยู่อีกมิติหนึ่งเลยครับ...
แบบที่สอง คือเรามาอยู่ที่ตัวเราตรงนี้ ลูกแก้วนี้ก็เหมือนจะผ่านมิตินั้น หรืออวกาศนั้น ออกมาอยู่ที่เบื้องหน้าเรา มีลักษณะคล้ายดาวประกายพรึก หรือดาวเหนือเวลาเรามองท้องฟ้ายามกลางคืน จากนั้นที่อกตรงแถวลิ้นปี่ จะมีพลังงานมารวมกันเข้า จากนั้นก็ยืดออกไปลักษณะคล้ายๆกรวย...ยืดเอาปลายกรวยด้านแหลม ไปจรดเข้ากับ ลูกแก้วนี้...

ผมก็ไม่ทราบว่าแบบไหนถูกแบบไหนผิดครับ...

หลังจากเลิกออกมาแล้ว ก็มาคิดเอาเองว่า...สิ่งที่คุณนพฯอธิบายมา มากมายจนจะเป็นคัมภีร์จอมมารฟ้าคำรณได้แล้วนั้น...ยังไม่มีใครฝึกได้เป็นเรื่องเป็นราวสักราย...มันจะหาใครมาเป็นพยานได้ว่า ที่พยายามบอกมานั้น มันทำได้จริงหรือ...
ถ้าถามผม ผมก็ว่าทำได้จริง...ภายใต้เงื่อนไขว่า คุณเคยมีอะไรกับมหาฤษีหรือมหาเทพเหล่านี้มาในอดีต มากเพียงพอที่คุณจะได้รับความเมตตา ช่วยเหลือในการฝึกแบบนี้ด้วยหรือเปล่า...หรือว่าเคยผ่านการฝึกแบบนี้มากี่ร้อยกี่พันชาติแล้ว นั่นก็ว่ากันไป...แต่ถ้าไม่มีอะไรมาเลยสักอย่างเดียว...ผมว่ายากนะครับ...

ทีนี้ถ้าผมจะมาฝึกเป็นจริงเป็นจัง...ผมก็รู้ตัวว่าสิ่งชั่วในดวงใจผมยังมีอยู่เยอะครับ...มันจะเป็นอันตรายต่อคนรอบข้างได้...ครูบาอาจารย์ถึงได้ด่าเช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน...เป็นประจำทุกวัน...กันลืม...
วันนี้ก็มานึกเอาเองว่า ถ้าเราจะฝึกเอาไว้ เพื่อใช้ประโยชน์ในทางพระพุทธศาสนาเท่านั้น เพื่อปกป้องและจรรโลงพระพุทธศาสนา(ซึ่งก็ไม่รู้ใช้ยังไงนะ...)
ไม่เอาไปใช้ในกิจการอื่นๆ... เช่นส่องหวย หาสมบัติใต้ดิน หรือว่ากุญแจบ้านหาย อะไรพวกนี้จะให้มาติดต่อคุณนพฯ ...ไม่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาก็ไม่ยุ่ง...
ถ้าเป็นแบบนี้ ดูเหมือนว่าท่านจะอนุญาตอยู่เหมือนกันครับ...ก็เลยว่า จะลองฝึกเอาไว้สักหน่อย คือตั้งใจฝึกสักหน่อยครับ...ส่วนผลจะเป็นยังไงก็สุดแท้แต่...แต่ว่าเราจะมีความจริงใจในการฝึก ตั้งเอาไว้อย่างนี้ก่อน...

ปล.ส่วนพระธาตุเสด็จนั้น...ขอแค่ทุกวันนี้ท่านไม่เสด็จหนี ผมก็ดีใจมว๊ากแล้วครับ...

 

เด่วมีงานด่วน ขอแวะไปดูอาการคุณแม่รุ่นน้อง
ที่เค้าว่าโดนผีบรรพบรุษเล่นงานก่อนครับ
ที่ ป๋า มิงค์ เขียนล่าสุด ลองอ่านผ่านๆเฉยๆ
เด่วเสร็จธุระและสดวกจะมาคุยต่อครับ

 

จิตที่มันเข้าไปถึง มิติ ๕ ได้บ่อยโดยนัยยะก็คือ มันจะไม่เกาะมิติ ๓ มิติ ๔
ทำให้จิตคลายการยึดติดตรงนี้ได้ครับ..เพราะจิตมันจะตัดเรื่องสัญญา
ต่างๆที่จะปรุงเป็นภาพต่างๆเพื่อให้เราจำได้ แต่การเป็นภาพก็จำเป็น
สำหรับในบางกรณีเช่นกัน เพียงแต่ว่าจิตมันจะไม่ยึดตรงนี้ครับ...
และมันก็จะเป็นไปในลักษณะที่สัมพันธ์กับธาตุที่รวมเป็นร่างกาย
โดยที่จิตที่สร้างเส้นสายจะมีอากาศธาตุและวิญญานธาตุเข้ามาร่วมด้วย
ถ้าเราจะเอาจริงๆแล้ว ร่างกายเรานอกจากจิต ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ
มันก็ยังมี วิญญานธาตุและอากาศธาตุอยู่ร่วมกันอย่างแยบยล
เพียงแต่ถ้าเราไม่ได้เส้นสาย เราจะไม่เห็น วิญญานธาตุและอากาศ
ธาตุโดยเราอาจจะเข้าแค่ว่า วิญญานเป็นแค่่เครื่องรับรู้ทางอายตนะ
แท้จริงมันเป็นตัวไปเชื่อมนั่นหละครับ และอาจจะเข้าใจว่าลมกับอากาศ
เป็นตัวเดียวกัน ทั้งๆที่ลักษณะพลังงานมันต่างๆกัน แต่ว่ามันคล้ายกันมากครับ..
พอจิตไปทางวิญญานธาตุได้ มันก็มีโอกาสที่จิต จะคลาย จะโปร่งจะโล่งได้
พอจิตคลายตัวได้ ตัวจิตจะไม่สร้างกระแสที่เป็นด้านลบ แต่พลังงานภายนอก
หรือภพภูมิภายนอกต่างๆ เมื่อเป็นอย่างนี้ จิตจะเปิดและสัมพันธ์กับสิ่งภายนอก
ต่างๆ เราก็จะเริ่มเข้าใจได้เองในอนาคตว่า
เราจะต้องทำอะไรที่มีประโยชน์ด้วยตัวเราเองครับ
แต่ลักษณะที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด วิธีการทั่วไปที่ง่าย
เราจะใช้การอุทิศส่วนกุศลให้ส่วนภพภูมิ
การสร้างเมตตาเอาไว้ก่อนเพื่อเป็นฐาน
แล้วค่อยขยับให้มันเป็นเมตตาที่ออกไปภายนอกนั้นหละครับ
โดยหลักการแล้ว แม้ว่าจะมีความยากง่าย การเข้าถึงที่ต่างๆกัน
แต่มันก็สร้างผลได้เหมือนกันและมีนัยยะสัมพันธ์กัน
อย่างที่เราอาจจะคาดไม่ถึงมาก่อนครับ..
ปล.ประมาณนี้ครับ:z1

 

เพื่อนพ้องน้องพี่ ชาวเกษตรกรไร่เผือก รอฟังกันอยู่ว่า..
ผลการดำเนินการเป็นอย่างไรบ้างครับ...

 

ทั่วๆไป เคสนี้ช่วยให้ดีขึ้นได้ในระดับหนึ่งครับ ตอนที่ไปเจอ คือไม่มีแรงพูด
ขากเสมหะ ไม่ได้..ศรีษะช่วงตั้งแต่เหนือคิ้วตึงแน่นมาก
ขาขวาไม่มีแรงเลยขยับและเคลื่อนไหวเองได้ยาก
ขาซ้ายลีบน่าจะจากการถอดเฝือก ขับถ่ายลำบาก
แขนทั้ง ๒ ข้างไม่มีแรง พูดง่ายๆว่าเชื้อร้ายมันลามไปทั้ง
ร่างกายจนกระทั่งขึ้นไปที่สมองแล้วครับ ตอนนี้อยู่ได้เพราะ
กำลังใจตัวเองล้วนๆครับ..
และที่สำคัญก็คือโดนเจาะเข้าทางท้ายทอยอีกต่างๆหากครับ...
อายุท่านก็ใกล้จะ ๗๐ แล้วครับและไอ้ที่แปลกปลอมเนี่ย
มันมาได้อย่างหละครับ อายุก็มากแล้ว และตอนที่รักษา
ขั้นตอนแรกเนี่ยไม่ต้องไม่ดูอะไรเลยครับ เดินเข้าไปดึง
พลังงานยัดเหยียดต่างๆออกจากทางท้ายทอยก่อนเลยครับ
ใช้เวลาพอสมควร พวกนี้เล่นเอาหลังมือแดงเผือกเลยครับ
และหลังจากรักษาจุดอื่นๆ แขนขยับทั้งสองขยับได้ดี ขาขวาขยับได้
โดยไม่ต้องใช้มือช่วยหรือให้คนช่วยจับ กระแสที่ศรีษะเคลียร์ขึ้นบน
ไม่วนค้าง กระแสที่ร้อนที่จุกที่ท้ายทอยโล่งและตัดวิ่งไปข้างบน
ยกเว้นเรื่องการพูดยังพูดไม่ได้ ไม่มีแรงพูดเหมือนเดิมครับ..
ส่วนเรื่องการขับถ่ายต้องรอดูผลก่อนครับ..ยังบอกไม่ได้

และเด่วเล่าอะไรให้ฟังต่อ
แล้วลองพิจารณาเอาเองนะครับ และ
ส่วนตัวไม่ขอสรุปอะไรนะครับ

คำว่า
ผีบรรบุรุษเล่นงานจริงๆนั้น มันใช่ผีบรรบุรุษจริงๆหรือไม่
มันมีเหตุประมาณนี้ครับ
คือ คุณยายเค้ามีที่ดินแปลงหนึ่งที่เป็นกรรมสิทธิ์คุณยาย
มีคนเค้ามาขอซื้อเพื่อทำเป็นบ้านจัดสรรครับ..
ที่ดินอยู่ตามแนว ถ.ทางหลวงแผ่นดิน และเข้ามา
ไม่ลึกมากเพียงหลักไม่กี่ร้อยเมตร ที่ดินประมาณ ๕ ถึง ๖ ไร่
ขายในราคาเกือบประมาณ ๓๐ ล้านบาทนี่หละครับ..

ตอนที่ลูกคุณยาย เล่าให้ฟังบอกว่า เป็นผีบรรบุรุษเล่นงานนั้น
ลูกเค้าบอกว่า(จากการไปหาพระอาจารย์ที่อื่นๆมา ส่วนตัวก็งงว่า
มีอาจารย์ที่เป็นพราหม์ที่ส่วนตัวชอบไปหาตอนวัยรุ่นอยู่ใกล้ๆบ้าน
ห่างกันแค่ ๕๐๐ เมตร
ที่มีอาจารย์ข้างบนเป็นพระมหาฤษีอยู่ใกล้ อ.ท่านนี้ก็เป็นท่านที่ช่วย
ผมตอนที่โดนเล่นงานมาก่อนที่เคยเล่าให้ฟังมาแล้วนั่นหละครับ)
ถูกเล่นงานเพราะคุณยายคิดที่จะขายที่แต่ว่าจะไม่แบ่ง
ให้ลูกๆของตัวเอง(ลูกเล่าให้ฟังนะครับ)
แเละบ้านนี้มีลูกหลายคนและมี
ครบครัวมีหลานกันหมดแล้ว..แต่ว่าหลานๆยังเล็กอยู่..

คือหลังจากได้สังเกตุพฤติกรรม บุคคลิกของลูกๆทุกคน
อยู่ประมาณหนึ่งแบบเงียบๆ คือส่วนตัวจะมองตาทุกๆคน
ไม่ว่าคุณตา คุณลูกแต่ละคน และบรรดาสะใภ้แล้ว
บอกป๋า มิงค์ ได้เลยว่า พอเข้าใจว่าทำไม
คุณ ยาย ถึงคิดที่จะไม่แบ่งทรัพสินที่ขายได้ให้ลูกๆหลานๆ
ตรงนี้ คิดว่า ป๋า มิงค์ คงจะพอคาดได้แล้วครับ...

หลักที่ทำให้สังเกตุได้คือ
๑. ถ้าเป็นผีบรรบุรุษอย่างที่ลูกเค้าเข้าใจ
แต่พอเดินเข้าไปในบ้านเรากลับรู้สึกปกติมากครับ เดินเข้าบ้าน
ไปรู้สึกโปร่งๆสบายๆ ไม่มีกระแสต่อต้านอะไรเลย..เหมือนๆเค้า
อยากจะให้เราเข้าไปดูอาการคุณยายด้วยซ้ำครับ
๒.พฤติกรรมของบุคคลรอบๆตัวคุณยายทุกคน การแสดงท่าทางกิริยาต่างๆ
วิธีการพูด ล้วนมีนัยยะแอบแฝงซ่อนเร้น ตรงนี้เล่ารายละเอียดได้ยากมาก
ต้องสังเกตุเอาเอง

แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ จับสังเกตุได้ก็คือ.
ได้ติดต่อ อ.ญ ท่านหนึ่ง แห่งเวบญานทิพย์ให้ ย่อว่า ญญท
คนนี้ใช้โตโชกสิณรักษา มีพ่อปู่ชีวกฯท่านเป็นผู้สนับสนุนสายตรง..
และรับช่วยเหลืออย่างเป็นทางการ ณ ปัจจุบัน
เและเพราะว่าตอนนี้ ไม่สามารถไปหาหมอเสน่ห์ได้ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นหลายเดือน
รุ่นน้องสายพลังงานที่ไปหาหมอเสน่ห์ด้วยกัน เคยบอกให้ไปแล้วแต่ก็ติดโน้น
ติดนี้และมีบางคนที่บ้านไม่เชื่อ พอเห็นข่าวแล้วสนใจ ก็ยากแล้วเพราะว่าร่าง
กายเริ่มแย่แล้ว และคิวยาวเหลือเกิน ณ ปัจจุบัน..แม้ว่าปัจจุบันจะไปได้
ก็มีเหตุอ้างโน้นอ้างนี้ว่าเดินทางไม่ได้....

หลังจากที่ได้คิว อ.ญญท นัดให้แล้วลูกก็บอกว่า ไม่รู้จะคุยอะไร ทั้งๆที่บอกไปว่า
ถ้าคุยกับลูก อ.ญญท จะไปดูคุณแม่ได้ ขอให้เป็นสายเลือดก็พอ
และก็มีความอะไรในใจเล็กน้อยเค้าใจไหมคับ ว่าคนที่คุยกับเราแล้ว
ตามองไปทางซ้ายตลอดคือเค้าพยายามนึกเรื่องใหม่ๆที่จะพูดออกมา
และไม่สดวกในการที่จะพูดคุยอยู่ในตัวบ้าน
(เวลาจะคุย สังเกตุว่าจะชวนมาคุยบริเวณนอกบ้าน)
โดยอ้างว่าจะต้องดูแลเจ้าตัวเล็ก ซึ่งความจริงแล้วให้
ลูกหลานคนอื่นๆดูแทนได้หรือจะใช้หูฟัง
แล้วพูดคุยก็ได้...ประมาณนี้..
ปล.มันมีอะไรซ่อนเร้นอยู่
ที่ลูกเค้าอาจจะรู้มากกว่านี้แต่ว่าพูดไม่ได้..
ส่วนตัวก็ไม่ค่อยอยากจะไปวุ่นวายหรือทำเป็นไปรู้เรื่องอะไรมากด้วยครับ
เด่วค่อยรอให้เค้าเล่าให้ฟัง สุดแล้วแต่ว่าจะเล่าอะไร
หลังจากที่เค้าได้คุย กับ อ.ญญท ก่อนนะครับ
ซึ่งจริงๆแล้วอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ หรือมันอาจจะมี
อะไรที่ทำให้เราคาดไม่ถึงก็ได้ครับ...
ซึ่งส่วนตัวก็ถือว่า เป็นเรื่องภายในครอบครัวเค้า
ซึ่งตามหลักแล้วไม่ควรจะเป็นเกี่ยวข้อง
แต่ก็นำมาเล่าสู่กันฟังได้ เอาไว้เป็นอุทาหรณ์ครับ
ปล.ประมาณนี้ครับ...

 

วันเสาร์นี้ อยู่ กทม. นะครับ
ไปสำนักโพธิธรรมเดินทางพร้อมกับ
แม่ชีอีก ๒ ท่าน...

 

พี่มากี่โมงครับ ผมจะยกเลิกภารกิจช่วงเช้าทั้งเช้าเลย เหลือดูช่วงบ่ายครับ ยกเลิกได้จะยกเลิกครับ (ภารกิจดูหนังกับกิ๊ก5555+) ....พี่นพ มีแผนที่ไปสำนักโพธิธรรมไหมครับ

 

5555555555555555555555555555555555

หัวเราะดังมาก แทบตกเก้าอี้ หมดความเป็นกุลสตรี

จิตใจมันเรียกร้องหรือท่านพี่นพการ

ไปไม่บอกเลยนะ กลัวติดตามไปหรือไร

แหมน่าไปซึมซับความรู้

ป.ล.ฝากหวัดดี ท่านรุกขเทวา ที่ต้นสาละด้วย
บอกด้วยว่า พาคนดีๆ ไปสำนักเยอะๆ ตามที่บอกแล้วนะจ๊ะ

ป.ล.2 อย่ามัวไปดูกินรี นางฟ้า แถวต้นสาละ เพลินล่ะ เดี๋ยวใจแตก 555555555555555

 

๕๕๕๕ จารุ หัวเราะดังจังเลยเนาะ ฮิ้ววว
คือพาแม่ชีไป เพราะคุยกับท่านไว้นานแล้ว..
ท่านจะไปหา อ.อะไรไม่จำไม่ได้
แต่ว่าท่านนี้เก่งมากในการผลิกเรื่องแกนพลังงาน บอกตรงๆว่า
ไม่รู้ว่าแม่ชีท่านจะคุยอะไรกันนะ.และส่วนตัวก็ยังไม่รู้เรื่องการผลิกแกน
พลังงานอะไร เพราะมนุษย์ธรรมดาไม่น่าจะทำได้..

อืออีกอย่างก็จะมีบางคนที่จะไป
ในเรื่องเกี่ยวกับ พลังงานกสิณ
พวกอยากลองของ เอ้ย!! อยากพิสูจน์ ๕๕๕
และก็มีไปธุระอื่นๆบ้าง..
ก็อาจจะไปพา ท่านเจ้าสำนัก ทำโน้นทำนี่หน่อย พอให้หายสงสัย..
เพราะจะว่างแค่ช่วงนี้หละ
ไม่งั้นก็ยาวอีกหลายเดือนกว่าจะมีโอกาส..
น่าจะถึงคืน วันศุกร์ นอนศุกร์ เสาร์ก็อาจไปโน้นไปนี่
บ่ายๆก็น่าจะอยู่ หรือก็อยู่เฝ้าสำนักทั้งวัน..วันอาทิตย์
ก็น่าจะเดินทางกลับไปส่งแม่ชี ที่ จ.เลย หรือถ้าไม่โดนฉุดก่อนนะ ๕๕๕
ส่วน วิญญานสาวๆสวยๆ ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ส่วนตัวพอรับได้ ๕๕๕๕

 

ใครฉุด วิญญาน นางฟ้า ผีสาวชั้นสอง กินรี ชาวบังบด หรือท่านเจ้าสำนัก

อืม???? น่าคิดเนาะ 5555555555555555

วุ้ย อยากเจอ แม่ชี กับหลวงพ่อ

ถ้าจะกรุณา ไปพบสิ่งใด กลับมาเล่าในกระทู้ จักขอบพระคุณ

สาธุ

 

เหมือนพี่นพจะรู้ล่วงหน้านะ ผมคนหนึ่งละพวกลองของ ฮ่าๆๆๆ
อยากสัมผัสพลังงานกสินด้วยครับ และมีเรื่องไร้สาระที่จะถามเพียบครับ

 

ลองเลย ลองเลย ลองแล้วโดนอะไรบ้าง มาเล่าให้ฟังด้วยนะ

(แผนกบ่างช่างยุ 55555)

เราต้องเข้าถ้ำเสือ จะได้ลูกเสือ หรือพ่อเสือ หรือแม่เสือ

 

เงียบ จัง

คน ชอบสงสัย ไปไหน กันหมดน้อ

 

รออ่านข่าวคราวของท่านๆที่จะเล่าให้ฟังจ้า

 

ได้เลขเด็ดเลขดังมา พี่ต้องกระซิบบอกกันเป็นนัยๆๆ ด้วยนะคะ

 

กลับถึงบ้านหลังจากพบพี่นพและกัลยาณมิตรธรรมอีก 3 ท่าน(ไม่ขอเอ่ยนามได้โปรดท่านจงแสดงตัวเถิด ฮ่าๆๆ) ไม่ขอเล่าอะไรมากครับ เอาเป็นว่าเจอของจริงแล้วเป็นยังไง

จากขอลองสัมผัสพลังงานกสินโดย ให้พี่นพทำให้ดู ขอย้ำว่าไม่ได้นั่งหลับตาภาวนาๆๆ เหมือนในตำรานะครับ แบบ แบมือแล้วทำให้รู้สึกในมือเลยครับ กสินกองอื่น ๆ พอสัมผัสได้บ้างปานกลางถึงเล็กน้อย......แต่ เตโชกสินนี้สิครับ แรก ๆ ยังรู้สึกว่าเอามืออยู่ใกล้ ๆ เทียนแบบอุ่น ๆ นะครับ......หลังจากขับรถกลับ มันเริ่มร้อนขึ้น ๆ ๆ ๆ กลางฝ่ามือ ผมนี้เร่งแอร์สุดเป่าไปที่มือขวาระหว่างจับพวงมาลัย ผมก็ยังสงสัยว่าพี่นพลืมเอาพลังงานเตโชกสินออกจากมือหรือป่าว ทีแรกจะโทรไปบอกให้ช่วยดับร้อนที่ฝ่ามือหน่อย แอร์รถยังไม่คลายเลย คิดไปคิดมาทนขับมาซักพักจำวิธีที่พี่เขาให้ถอนพลังงานเลยลองทำแบบ งูๆ ปลา ๆ เลยดีขึ้น จึงเป็นที่สังเกตว่า ถ้าพี่นพจะทำใครจริง ๆ เนี๊ย น่ากลัวมากครับ ขนาดฝ่ามือผมมันยังร้อนเลย ถ้าทำขึ้นเป็นศีรษะล่ะ มีเส้นเลือดในสมองแตกชัว ๆ ครับ จากคนชอบลองของ แนะนำว่าให้มาลองเองครับ แล้วจะรู้ อิอิ

ปล.ส่วนประสบการณ์เรื่องอาวุธ และการถ่ายเทพลังงาน การเชื่อมกระแส และคำอธิบายที่ยอดเยี่ยมของพี่นพนี้ ขอเก็บเอาไว้ครับไม่เปิดเผย (มีกั๊ก ๆ ความรู้) เดี๋ยวให้ท่านอื่นมาโม้บ้างนะครับ มีพี่สาวอีกท่านสมาชิกเวปนี้... และร่วมอนุโมทนาบุญจากการปล่อยกบ ปล่อยหอยขม ด้วยนะครับ ผมโม้พอละ เดี๋ยวนั่งหาน้ำแข็งมากำเล่นๆ ก่อน ฮ่าๆๆๆๆๆ