ปุถุชน....คนช่างสงสัย...

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย raming2555, 4 กุมภาพันธ์ 2015.

  1. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ผมเรียนคาถาอาคมมาตั้งแต่เด็ก ตาลุงเพื่อนแม่ซึ่งเป็นหมอผีเก่า จอมขมังเวทย์ สอนทั้งกันทั้งแก้เอาไว้...
    โตมาสักหน่อยก็ยังพอได้ทิพยจักขุญาณ พระท่านคุ้มครอง ครูบาอาจารย์คุ้มครอง พรหมเทวดาท่านก็คอยช่วยดูอยู่ เวลาใครคิดจะทำอะไรมาท่านจะกันไว้ให้บ้าง ทำภาพให้ปรากฎบ้าง ยันต์เกราะเพชรก็ยังมีป้องกันตัวได้
    ถ้ามีเรื่องคุณไสย ทรงเจ้า เข้าผี ที่ไหนผมไม่เข้าใกล้ ไม่ยุ่งด้วย เมื่อเราไม่ไปยุ่งกับเรื่องพวกนี้ โอกาสที่จะโดนของก็น้อยลง

    ลมเพลมพัด ไอ้โน่นทัก ไอ้นี่ทัก ไม่ค่อยมีผล ท่านผู้มีพระคุณกรุณากันไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว
    เรื่องสาวจีบไม่ค่อยมี มีแต่สาวถีบ เพราะหน้าตาก็ไม่หล่อ พ่อไม่รวย แถมปากเสียจนได้เป็นสมาชิกกิติมศักดิ์ ณ สามแยกปากหมา

    แล้วอยู่มาวันหนึ่ง กรรมฐานที่ฝึกมาทั้งหมดมันก็มืดบอด เหมือนคนไม่เคยฝึกมาเลย ไล่พิจารณาตั้งแต่ศีล เรื่อยไปแล้ว ก็ไม่มีอะไรผิด วิธีการปฏิบัติก็ปกติอยู่ แต่ว่าตาหนัก มีน้ำตาคลอ ลืมตาไม่ค่อยขึ้น มันมึนๆงงๆ ไม่เข้าใจ เป็นแบบนี้อยู่เกือบ 2 เดือน พี่ที่วัดก็โทรมาแล้วถามว่าอาการแก ตอนนี้เป็นอย่างงี้ๆใช่ไหม ก็รับว่าใช่ ทำไมหรือครับ พี่สาวท่านนี้ บอกว่า หลวงพ่อมาตามเมื่อคืน บอกว่าพวกเราโดนของแล้ว ให้มาแก้ที่วัด ในวันนี้ เวลานี้ ช่วงนั้นผมติดสอบพอดี ท่านจึงให้ตั้งพิธีที่บ้าน เวลาต่างๆก็กำหนดเอาไว้

    ของที่ใช้แก้อาถรรพ์คุณไสยต่างๆ ก็เตรียมไว้น้ำแก้วหนึ่ง เสร็จพิธีตามที่หลวงพ่อสั่ง ดื่มน้ำเข้าไปก็อาเจียนออกมา หลังอาเจียนเสร็จ ภาพก็ปรากฎว่าใครเป็นคนทำ ทำอย่างไร ทำไมเราที่มีครูบาอาจารย์คุ้มครอง พรหมเทวดาทั้งหลาย ช่วยไม่ได้ ยันต์เกราะเพชรไม่ให้ผล กรรมฐานต่างๆที่ฝึกเอาไว้ทำไมเราไม่รู้ ไม่เห็นได้เลย นี่มันวิชาอะไรกัน...

    คนที่ทำผมเป็นลูกศิษย์ยุคแรกๆของหลวงพ่อ ซึ่งเมื่อเขาย้อนไปดูอดีตแล้วเห็นว่า หลวงพ่อก็ดี รุ่นพี่บางคนรวมถึงผมด้วยในกลุ่ม ได้เคยไปฆ่าพวกเขากันมาก่อนในอดีต ถอยจากสมาธิก็มีสัญญาเก่าติดตามมาด้วย นี่ตรงนี้ต้องระวังนะครับ พวกที่ย้อนดูอดีตแล้วขาดสติ ไปเอาเรื่องในอดีตมารื้อฟื้นแล้วติดเอาสัญญามาปรุงแต่งต่อในปัจจุบัน เพราะตอนย้อนดูอดีต ถ้าเอาจิตไปจับ มันจะรับรู้ได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกในเวลานั้น แล้วมันจะติดมาในปัจจุบันได้ ซึ่งไม่เห็นมันจะมีเรื่องดีๆให้ติดมาสักที

    หลังจากนั้นพี่ท่านนี้ไปเรียนวิชาเขมรต่ำ แล้วก็ทำใส่หลวงพ่อด้วย พวกเราโดนด้วย เวลาทำนี่ เขาไม่ได้อาศัยแต่วิชาไสยศาสตร์อย่างเดียว เพราะลำพังวิชาไสยศาสตร์เหล่านี้ ยังทำอะไรพวกเราไม่ได้ เรื่องนี้เค้ารู้ดีอยู่แล้ว ต่อให้เอาของสูงยันเหล็กยอดเจดีย์มาทำก็ทำพวกเราไม่ลง กินไม่ลงก็แล้วกัน...

    เขาจึงตั้งต้นเอาจากเจ้ากรรมนายเวร คือเอากฎของกรรมเก่าเข้ามาทำก่อน อาศัยกฎของกรรมที่มีต่อกันมา ใช้การเป็นนายเวรเข้ามาแทรก แล้วดับวิชาทั้งหมดที่เรามีก่อน เมื่อทิพยจักขุญาณและกรรมฐานทั้งปวงเราดับมืด เมื่อนั้นเขาก็ซัดได้เลย เราไม่รู้แล้ว ไม่เห็นอะไรแล้ว พออาศัยวิธีนี้ เรื่องกฎของกรรม และความเป็นเจ้ากรรมนายเวร ตรงนี้พระท่านช่วยไม่ได้ พรหมเทวดาก็กันให้ไม่ได้ วิชาใดๆที่เรามีกันไม่อยู่เหมือนกัน นี่เป็นความฉลาดปนอำมหิตของเขา เขากะจะทำให้พวกเราตายกันหมด รวมทั้งหลวงพ่อด้วย

    เป็นครั้งเดียวในชีวิตที่โดนแล้วบ่ท่าครับ...ไอ้วิชาแบบนี้หรือวิธีแบบนี้นี่ ใครใช้ เข้าปิดทางมรรคผลนิพพานนะครับ อันนี้ขอเตือนก่อน ถ้าใครคิดจะเอาเทคนิคนี้ไปใช้ ...
    อดีตก็ผ่านไปแล้ว จะโดนฆ่า หรือไม่โดนฆ่า หรือว่าใครจะฆ่า ไม่ฆ่า ในที่สุดมันก็ต้องตายกันหมดทุกคนอยู่ดี ความจงเกลียดเครียดแค้นใดๆในอดีต มันไม่เคยเกี้อหนุนใครให้ได้ดิบได้ดี มีความสุข จะไปหวนย้อนรำลึกเอามาเป็นอารมณ์ผูกอาฆาตพยาบาทกันไปทำไม? กรรมฐานที่ฝึกมาดีแล้ว เอามาใช้ดับกิเลส ไม่ใช่เอามาเพื่อเพิ่มกิเลส ดังนั้นก็ขออย่าได้เอาวิธีเลวๆแบบนี้ไปใช้นะครับ

    พี่ท่านนี้ยังมีชีวิตอยู่...อยู่อย่างรันทดหดหู่หายนะมาเยือน ด้วยโมหะที่กัดกินหัวใจของเขาเอง เพราะหลวงพ่อและพวกเราก็ไม่มีใครไปคิดแค้นอาฆาต ไม่ได้ส่งของสนองคืนกลับไป นอกเสียจากเมตตาที่แผ่ให้และรู้สึกสมเพชใจ ที่ครั้งนึงพี่ท่านนี้เคยมีกรรมฐานที่ดีมาก...น่าเสียดายอย่างยิ่งนะครับ...
     
  2. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    จะว่าไม่เคยโดนก็ยังมีอีกตอนหนึง นานแล้ว สิบกว่าปีก่อน มีอลัชชีห่มเหลืองแถวๆโคราช มันทำใส่มา อันนี้เห็นก่อนครับ พอมันตั้งท่า ท่านผู้มีพระคุณทั้งหลายก็ทำภาพให้ปรากฎ เห็นหน้าเห็นตารู้ตัวรู้วิชา รู้ยันเจตนาที่มันจะทำมา เพียงด้วยสันดารอยากลองวิชา และมันมีวัตถุอาถรรพ์ที่มันสร้างเอาไว้ บังเอิญมีคนมาฝากให้เราเอาไปทิ้งหรือเอาไปไหนก็ได้ไกลๆ ของมันรุ่นแรก ทำมาแรงมาก ขนาดอยู่ห่างกัน2เมตรยังรู้สึกได้ถึงอาถรรพ์มนต์ดำ รุนแรง...ตาอลัชชีตนนี้ทำของชั่วๆแบบนี้ขึ้นดีมาก...

    ก่อนหน้านี้อลัชชีตนนี้ ซึ่งอาศัยผ้ากาสาวพัทธ์อยู่ เคยขึ้นทำใส่หลวงพ่อวัดบ้านไร ก็โดนท่านซัดหน้าหงายมาแล้ว ตอนขึ้นธรรมมาสต์เทศน์คู่กับหลวงพ่อวัดไผ่ล้อมก็ไปทำใส่ท่านจะให้ท่านมรณะภาพ หลวงพ่อวัดไผ่ล้อม ท่านตบอาสนะปัง แล้วลุกไปไม่เทศน์ร่วมด้วย ตาอลัชชีนี่แทบจะกระอักเลือด บาดเจ็บสาหัส พักหายไปครึ่งปี...

    ผมไม่เคยทำใครก่อน และไม่เหลืออดจริงๆ น้ำตาลูกผู้ชายไม่ไหล ผมไม่เคยทำใคร...ว่าแต่ว่า เด็กๆผมเป็นคนขี้แง แม่ด่าหน่อยก็ร้องไห้แล้วครับ ต่อมน้ำตาตื้น น้ำตาลูกผู้ชายเลยไหลบ้างเป็นบางครั้ง...
    พอน้ำตาไหลก็ซัดกลับไป แต่ก่อนจะซัดกลับไปก็ใช้กสิณขยายผลก่อน ใส่วิชากำกับไปอีก เพื่อสลายวิชาอาถรรพ์และสะกดมันเอาไว้ซ้ำอีก พวกนี้ไม่ช้านะครับ ชั่วพริบตาเดียวต้องจบ ไม่มันจบ เราก็จบครับ เพราะเล่นกันถึงตาย มันไม่ยั้งกันนะครับ...

    พริบตาเดียวก็รู้ผลครับ จบลงที่วิชาของอลัชชีตนนั้นเสื่อม ผ่านมาสิบกว่าปีแล้วก็ฟื้นไม่ขึ้น ชื่อเสียงก็ค่อยๆดับวูบไป วันๆได้แต่นั่งมองย้อนถึงวันเวลาอันรุ่งเรืองในอดีตที่ได้เคยทำชั่วเอาไว้ได้ดีมาก...วันนี้เขาผู้นี้ทำอะไรใครอีกไม่ได้แล้ว แต่ยังต้องอยู่รับกรรมที่เคยทำกับเกจิอาจารย์หลายๆรูป และคนที่ตนเองเคยไปทำเขาเอาไว้...ผมไม่สมน้ำหน้าครับ ผมไม่ได้เมตตาอะไร เพราะผมทำไปเพื่อปกป้องไม่ให้คนอื่นๆโดนอลัชชีตนนี้เล่นงานได้อีก ว่าแต่ของอาถรรพ์แต่ก่อนเก่าของเขานี่ยังคงแรงและให้ผลเหมือนเดิมนะครับ เพียงแต่ของใหม่ทำไม่ได้แล้ว วิชาเสื่อมหมดแล้ว...

    หลังจากนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรเกี่ยวกับเรื่องคุณไสย เวทมนต์ใดๆเลยครับ ผมอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆกับเรื่องพวกนี้...อาจจะมีสงสัยบ้างว่า ทำไม ยุคนี้ มนต์ดำ ไสยศาสตร์ ของต่ำๆ มันแพร่หลายกระจายกันเยอะใน กรุงเทพฯ ตามตู้พระ ศูนย์พระเครื่องก็เห็นเยอะมาก คนใช้ไม่ต้องรู้เรื่องอะไรก็เอามาใช้ได้...แล้วคนดีๆก็จะต้องเดือดร้อน หรือถ้าไม่อยากจะเดือดร้อนก็ต้องไปเป็นคนไม่ดีไปด้วย ... วุ่นวายจริงๆนะครับ...เอาเวลาไปทำมาหากินดีกว่ามั๊งนะ...ทำไมจะมาหมกมุ่นกับเรื่องบ้าๆบอๆแบบนี้ให้เสียเวลา...เน๊อะ...
     
  3. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    พูดถึงเรื่องคุณไสย์ก็ขอเล่าถึงญาณอนุบาลของหนูที่บังเอิญไปเห็นดวงจิตของพระรูปหนึ่ง พระรูปนี้วัดท่านอยู่ที่เมืองกาญฯ ท่านดูดวงแม่นมาก ลูกศิษย์ลูกหาเยอะแยะ ท่านมักจะหลบความวุ่นวายมาพักที่วัด ณ เชิงเขาพนมรุ้งเป็นช่วง ๆ เราก็นำอาหารไปวัดทุกวันก็เจอท่านค่ะ ลูกศิษย์ท่านบอกว่าท่านอายุ ๙๐ กว่า แล้ว แต่ดูหน้าตาและความแข็งแรงแล้วอยู่ที่ประมาณไม่เกิน ๗๐ ในช่วงนั้นก็ไม่มีเจตนาจะส่องใครหรอกค่ะ เพราะส่องไม่เป็น เพียงแต่ช่วงนั้นในรัศมีประมาณไม่กี่สิบกิโลจากที่เราอยู่ และคนที่เรารู้จัก มันจะรู้ขึ้นมาเองนะค่ะ

    แล้วจู่ ๆ หนูก็เห็นสภาพที่วัดท่านที่เมืองกาญฯ ทั้ง ๆ ที่เราไม่เคยไป และไม่มีใครเล่าถึงสภาพให้เรารู้ เห็นว่าสภาพวัดท่านนั้นอึมครึมเต็มไปด้วยคุณไสย์ และดวงจิตของหลวงพ่อท่านนั้น เศษหนึ่งส่วนสี่นั้นโดนครอบงำโดยคุณไสย์

    เลยไปถามลูกศิษย์ท่านว่า สภาพแวดล้อมและกุฏิ ศาลา อันนี้อยู่อย่างนี้ไช่หรือไม่ พี่เขาตอบว่า ใช่ และเลยถามว่าหลวงพ่อเป็นอะไรหรือเปล่า พี่เขาบอกว่า มีเรื่องคือ ลูกศิษย์ไปเรียนคุณไสย์แล้วมาล้างครู เพียงเท่านี้ก็รู้สึกว่า น่ากลัวเลยไม่กล้ายุ่ง หรือถามอีกเลยค่ะ
     
  4. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    ขอถามสักนิดนะคะ จากที่เคยมีคำถามว่าเราจะรู้ได้เช่นไร ว่าเวลาพระองค์ไหนรับบาตร ท่านจะมีศีลบริสุทธิ์ สำหรับคนธรรมดาแบบเราๆ
    ทีนี้ก็คิดนาน ค้างสงสัยไว้นานพอดูแล้วค่ะ (ตั่งแต่ปีที่แล้ว) สังเกตุเห็นว่า ตอนเราใส่บาตรพระที่สูงอายุท่านหนึ่ง ช่วงรับพรเราจะหลับตา แล้วมักจะเห็นแสงสีขาวขุ่นนวลๆ เป็นวงกลมทอขึ้นมาตรงหน้า (ไม่ถึงกับแสงกระจายนะคะ มันยังกลมๆนวลๆ บางๆ) และพอเราขับมอร์ไซด์ไปใส่อีกองค์หนึ่ง เวลารับหลับตารับพร จะเห็นบ้างไม่เห็นบ้าง ตรงนี้พอใช้เป็นหลักสังเกตุได้รึไม่คะ? ตอนแรกสงสัยว่าเป็นแสงเทวดาอะเปล่า แต่เห็นเคยอ่านพบว่า อย่าใส่ใจ)

    ปล.ปกติเวลาใส่บาตรต้องขี่มอร์ไซด์ไปรอใส่ค่ะ และจะใส่แบบสองวัด สองรอบ ไม่ได้ใส่มาสองเดือนได้ พอวันนี้มาใส่ ก็เลยนึกขึ้นได้ค่ะ เพราะท่านนึงเห็นอีกท่านไม่เห็น

    ขอบคุณค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 มิถุนายน 2015
  5. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    ตอบแบบความเห็นส่วนตัวนะคะ แสงนวล ๆ คือดวงจิตที่ได้อุปจารสมาธิ ถ้าใสเป็นแก้วแต่ไม่มีประกายจากขอบนอกเข้ามา เศษหนึ่งส่วนสี่คือ ปฐมฌาณ และไล่ระดับเข้ามาเรื่อย ก็ตามลำดับฌาณ ถ้าใสเป็นแก้วทั้งดวงแต่ไม่มีประกายคือ จิตของฌาณโลกีย์

    ถ้ามีประกายเป็นเส้นกระจายออกคือจิตของพระอริยเจ้า ถ้าเป็นประกายทั้งดวงคือพระอรหันต์ค่ะ โดยส่วนตัวก็ส่องดูดวงจิตคนอื่นไม่เป็นเหมือนกัน เว้นแต่จู่ ๆ จะรู้และเห็นขึ้นมาเอง ส่วนพระดีหรือพระไม่ดีก็ดูไม่เป็น แต่พออยู่ใกล้ความรู้สึกลึก ๆ มันบอกเองค่ะ

    และเวลาใส่บาตรทุกทีจะตั้งจิตถวายพระรัตนตรัยที่บนนิพพานโดยมีสมเด็จองค์ปฐมเป็นประธานรับ และสงฆ์รูปนี้เป็นผู้แทนรับ ก็เป็นสังฆทาน เลยไม่เคยลังเลสงสัยว่าท่านดีหรือไม่ ถ้าท่านดีก็ดี แต่ถ้าท่านไม่ดีท่านก็รับเละค่ะ

    รอท่านพี่ระมิงค์กับพี่นพมาตอบจะชัวร์กว่าค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มิถุนายน 2015
  6. *ธรรมดา*

    *ธรรมดา* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +924
    ได้ฟังเรื่องราวจากพี่ๆ น่ากลัวจังคับ ดีนะรินไม่มีความสนใจกับเรื่องพวกนี้เลย
     
  7. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    [​IMG]
    [​IMG]

    [​IMG]

    ชายร่างทรงผู้หนึ่งบอกว่าสามารถใช้สิ่งนี้เปิดตาที่สามได้
    คุณนบฯ ว่ามันเป็นไปได้ไหม อย่างไรครับ
    ถ้าทำได้จริง เราจะฝึกกันให้ลำบากไปทำไมล่ะนิ
     
  8. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    เด่วหาทำเลเหมาะๆนั่งจิบกาแฟ
    ร้านที่บรรยากาศดีๆแวดล้อมด้วยสาวๆ!!
    เอ้ยย!!พูดผิด แวดล้อมด้วยธรรมชาติก่อน.
    จะมาเล่าให้ฟังครับ ป๋ามิงค์
     
  9. *ธรรมดา*

    *ธรรมดา* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +924

    สิ่งนี้เค้าเรียกว่าอะไรหรอครับ ป๋ามิงค์
     
  10. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    โสๆๆๆๆๆ...ด่วนมากเลยครับ...
    เข้าใจว่าพอพูดถึงสาวๆห้อมล้อมแล้วจะเกิดรังสีอำมหิตแผ่ขึ้นมาทันที...
    ควรจะต้อง อโหสิๆๆๆๆ...หนักมาก
    :boo::boo::boo:
     
  11. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,516
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มิถุนายน 2015
  12. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,346
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    ******************
    สาวน้อยไม่เกี่ยว
     
  13. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,346
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
     
  14. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,346
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    พูดถึงเทวบุตรมาร เมื่อสองสามเดือนก่อนเคยบ่นๆอยู่ว่า พอทําสมาธิไประยะหนึ่งเริ่มจะเบาสบายจะได้ยินเหมือนคนเอาเม็ดมะขามปามาที่หน้าต่าง"เป้ะ"ประจําเลย คราวนี้เลยคิดขึ้นมาได้ พอสวดมนต์เสร็จก่อนทําสมาธิก็จะ"ท่านพระยามารเจ้าขา อย่ามารบกวนลูกเลย ปล่อยลูกไปสักคนเถิด นรกก็ล้นแล้ว ท่านเองก็บุญมากอีกหน่อยก็จะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล ปล่อยลูกไปนะเจ้าคะ" หลังจากนั้นก็ไม่มีอีกเลยyimm
     
  15. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    มาแว้วววววววว...แห๋มๆ วันนี้งานงอกจริงๆ..กว่าจะเคลียร์ภาระกิจเรียบร้อย
    เกือบตี ๓ แม้ยังไม่เรียบร้อยดี แต่ว่า ขอมาโม้ก่อนดีกว่า(เอาจริงกว่าจะได้นั่ง
    ร้านกาแฟเกือบ ๒ ทุ่มครึ่ง แถมนั่งทำงานอีก ๕๕๕ แต่ก็เจริญหูเจริญตา..
    เพราะว่า แมวที่ร้านน่ารักดี ๕๕๕..(ตอนพูดนิ้วชี้กับนิ้วกลางขัดกันอยู่)
    อ่อเกือบลืม ตอนที่โดนไสย์ศาสตร์ ตอนนั้นยัง.เอ๊าะๆกระดูกอ่อน..แม้ว่าจะ
    มีสัมผง สัมผัส อะไรมา แต่ว่าก็ยังเที่ยวเหมือนเดิม ๕๕๕ และก็ไสย์ศาสตร์เนี่ย
    ต่อให้เก่งแค่ไหนก็ตาม ถ้าลองได้กลืนลงไป มีหวังกระทบกระเทือนกันบ้างไม่มากก็น้อย
    เป็นที่มา ของการที่ต้องแสวงหา ผงทองคำดำหรือผงเศรษฐีหรือผงกายสิทธิ์ แบบที่
    ผสมน้ำดื่มได้มาพกไว้ เอาไว้แช่น้ำสำหรับดื่ม เอาไว้เพื่อว่า ไปต่างถิ่นแล้วปฏิเสธ
    ที่จะรับประทานอาหารไม่ได้ พูดง่ายๆว่า ดื่มน้ำผสมผงนี้ก่อน ก็จะช่วยป้องกันได้..
    สำหรับบุคคลที่มีอะไรแทรกๆในร่างกาย ลองได้ดื่มรับรองว่าเห็นผลแน่ๆ ก็ไม่มีอะไร
    เป็นหินชนิดหนึ่งมีส่วนผสมของหินภูเขาที่มีน้ำไหลผ่าน และก็มีปรอท และก็เอามาบด
    ผสมว่านยา ฆ่าพิษ ทำพิธีต่างๆตามสูตร ผงนี้ถึงจะผสมน้ำได้....
    แต่ถ้าไม่มีผงนี้ มีอีกวิธีก็คือ เรียกธาตุทองให้ได้ ก็ตัวใครตัวมันนะครับ ๕๕๕๕๕

    เอ๊าเห็นข้อความนี้พอดี ความจริงความเห็นก็เกือบจะตรงกันแล้วนะแค่เพิ่มเติม
    นิดหน่อยเท่านั้นเอง...

    ตัวสีน้ำเงินขีดเส้นใต้ ที่ ทองชมพู พูดถึงหมายถึงในกรณีที่เราเอาไว้ดูจิตคนอื่นๆ ในรายละเอียดก็ตามนั้น
    ส่วนประกายนั้นเกิดจากการที่จิตเริ่มคลายตัว เริ่มโปร่ง มันจึงเริ่มที่จะไม่มีขอบๆให้เรา
    เห็นนั้นหละเป็นที่มาของประกายและประกายก็จะมากขึ้นมากขึ้นจนไม่เห็นขอบ
    ยิ่งคลายตัวได้มากเท่าไร ประกายก็จะเยอะๆเหมือนท่านที่เป็นพระอรหันต์นั้นแล..
    จะดูจิตใครก็ตามถ้าเค้าบอกว่าเค้าเป็นพระอริยะ เวลาเราเชื่อมไป ให้สังเกตุตรง
    ลิ้นปี่และบริเวณหน้าอกเราว่ามันมีคลื่นกระแสไหลออกจากตรงนี้หรือเปล่านั่นแล..
    ถ้าเราใช้ตาทิพย์หรือใช้ทิพยคิกขุ ไปดูตรงนี้ถ้าเราเจอบุคคลที่เค้าจิตดีกว่าเรา
    เราจะไม่สามารถที่จะไปรู้ได้ และถ้าใช้ทิพยคิกขุดู มันยังอยู่ภายใต้สัญญาอยู่
    เพราะฉนั้นโอกาสที่เราจะผิดพลาดได้จึงสูง ให้เน้นเรื่องคลื่นพลังงานเอาเน้อ...
    พอจะจำเรื่อง พระองค์ที่ ๑๐ ได้ไหมนั่นหละ

    ส่วนตอนที่เราทำบุญนั้น แล้วเราเห็นวงกลมแว๊ปๆ ไม่ว่าจะหลับตาหรือลืมตา
    ถ้าเราหันไปมองส่วนมากจะหาย วงกลมพวกนี้มีแสงสว่างในตัวเอง เป็นเรื่องที่ดี
    ที่เราเห็นได้เวลาทำบุญ ความจริงๆถ้าหลับๆตอนนี้ถ้าเคยเห็นได้ก็จะเห็นนะ
    แต่ว่าจะไม่มาก เหมือนเราทำบุญตักบาตร หรือเราไปทำบุญที่วัดในวันที่มี
    งานพิธีสำคัญๆ ตรงนี้มันบอกอะไรเราได้...
    มันบอกได้ว่า ถ้าเราเห็นแว๊บและหายไปเลยยังไม่ทันได้ไปมอง แสดงว่าจิตเราตอนนั้นอยู่ระดับขนิกสมาธิ
    ถ้าเราเห็นแว๊ปและหันไปมองอีกแว๊ปก็หายแสดงว่าจิตเราตอนนั้น
    อยู่ระดับอุปจารสมาธิ และถ้าจิตเราเข้าปฐมฌาน วงกลมพวกนี้จะนิ่งและค้างอยู่ได้
    อีกซักพักนั่นเอง ส่วนสีต่างๆที่เราเห็นหมายถึงบารมีทางด้านต่างๆที่ดวงจิตนั้นได้
    สะสมมาประมาณนี้..เรื่องพวกนี้ถือว่าเป็นปกติและธรรมดามากๆ ไม่ต้องสนใจ
    อะไรได้เลยจะดี เพราะบางทีหลับตาก็เต็มท้องฟ้าก็มียิงงานพิธีสำคัญๆ..หรือ
    หลับตอนนี้แค่วินาทีก็เห็นได้เรื่องปกติ เค้าเรียกว่าดวงจิต

    '' วงกลมหลายวงกำลังเคลื่อน มีจุดศูนย์กลางนับไม่
    ถ้วนรอบตัวเจ้า มีจุดศูนย์กลางนับไม่ถ้วน
    ซ่อนตัวจากธรรมชาติเราจะเรียกมันว่าจิตก็ได้
    เล็กกว่าเมล็ดพันธ์และกว้างกว่าท้องฟ้า...ปกคลุมทุกสรรพสิ่ง
    เหมือนกับผ้าปูเตียง...แต่ฝ่ามือของเจ้าสามารถกำได้
    คำตอบของคำถามมันอยู่ในฝ่ามือของเจ้า''
    ที่มาพระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลกตอน ๓๑


    ปล.เด่วมาต่อที่ ป๋า มิงค์ ถามครับ
     
  16. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    เอาเกล็ดความรู้ทั่วไปก่อนนะครับ...
    รูปที่เอามาลงเรียกว่าอะไรไม่รู้เหมือนกัน๕๕๕๕
    .มันประกอบด้วย ๓ ส่วนหลักๆคือแท่งใสๆ ตรงกลางที่เป็นทองแดงและมีเกลียวพันรอบ
    และกลมๆด้านบนสุด ลักษณะของด้ามนี้มันจำลองในเรื่องของพลังงานมาครับ..
    ส่วนที่ ๑ ไอ้แท่งปริซึมใสๆนั้น..เป็นลักษณะของพลังงานที่เวลาเราจะส่งออกไปภายนอกครับ..
    แต่เป็นการส่งที่มีจุดกำเนิดเริ่มต้นออกจากร่างกายเรา ณ จุดๆหนึ่งของร่างกาย
    เด่วขอคิดดูก่อนว่าจะพูดดีไหม..
    เช่น ส่งกสิณกองต่างๆ ส่งพลังงานร้อนหรือเย็น ส่งธาตุทอง ก็จะส่งออกจากร่างกาย
    ทางด้านหน้าร่างกายนะครับ.
    จากจุด......ที่กักไว้ไม่บอก ๕๕๕ และการที่จะทำอย่างนี้ได้ จะต้องรู้จักการหนุนพลังงานก่อน
    นะครับ หนุนในที่นี้ก็คือ การรวมพลังงานมาไว้ ณ จุดใดจุดหนึ่งก่อนแต่ว่าอยู่ฝั่งด้านหลัง
    ร่างกายนะครับ และก็กันไว้ไม่บอกอีกตามเคย ๕๕๕๕
    หลังจากนั้น ค่อยเกร็งกล้าม แล้วพลักมันออกไปครับ.เวลามันที่พุงออกไปจากร่างกาย
    หน้าตามันจะเหมือนไอ้แท่งๆใสๆนั่นหละครับ แต่ว่าปลายแหลมจะอยู่ด้านบนนะครับ
    อย่างในรูปที่นำมาลม ชนิดแยกกันไม่ออก ถ้าตาดีหน่อยรับรองว่าเห็นได้แบบนี้แน่นอนครับ
    แต่ถ้าปลายแหลมอยู่ด้านล่างมันจะเป็นการรวมพลังงานที่มันแตกๆ กระจายจากจุดต่างๆ
    ให้เข้ามารวมขึ้นเป็นแท่งๆนะครับ.
    และแท่งพลังงานที่ออกจากตัวนี้..มันก็จะพุ่งไปในอากาสโดยที่จะสามารถข้ามมิติและเวลาได้..
    เป็นที่มาของการรับพลังงานออนไลท์รูปแบบต่างๆได้นั้นเองครับ.
    และอีกกรณีมันก็สามารถเกิดแท่งๆแบบนี้ได้ จากการเป่าด้วยลมปากนี่หละครับ..ในกรณีที่เรา
    สามารถเรียกธาตุภายนอกได้ และก็ถ้าใครมีคาถาอาคม พอท่องๆบ่นๆเสร็จแล้วก็เป่าพรวด
    พร้อมคาถากำกับในการเป่าที่เค้าไม่บอกกันครับ..
    แต่ว่าในขณะที่เป่านั้น ลมที่เป่าออกจากปากจะต้องมีความยาวที่มั่นคง สม่ำเสมอนะครับ
    มันถึงจะเป็นแท่งๆเหมือนในรูป ถ้าประเภทลมน้อยเพราะโม้มาก ถ้าเวลาเป่าไปแล้วดัง วืดๆ
    พวกพลังงานต่างๆที่ถูกส่งออกไป มันจะแตกเป็นเม็ดเล็กๆนะครับ...

    ปล.# Rep ต่อมาเป็นส่วนที่ ๒ นะครับ ดูเหมือนไม่มีอะไรแต่ว่ามันยาวหน่อยนะครับ
     
  17. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ในส่วนที่ ๒ ไอ้เกลียวนั่นเค้าเรียกว่า การจัดเรียงเส้นสายพลังงานนั่นหละครับ
    ซึ่งเวลาที่เรา จัดเรียงกระแสพลังงานนั้น มันจะเป็นการไปดึงเอาเส้นสายพลังงาน
    ภายนอกหลายๆเส้น มาร้อยเรียงกันด้านหน้า และก็บีบๆ บิดๆ แต่ว่ามันจะรู้สึกได้
    ตามแนวกระดูกสันหลัง เสียดายที่ตอนไปบ้าน หมอเสน่ห์ ไม่ได้ทำให้ดู
    ความจริงมันไม่มีอะไรมาก ถ้าทำให้หลาน เรียวซาคุคุ ดูจะเข้าใจได้ง่ายกว่าที่เขียนให้ฟัง
    ซึ่งแรกๆคนที่ ฝึกมาทางด้านพลังงานใหม่ๆ จะต้องได้ทำกันเกือบทุกๆคนครับ
    เพราะถ้าไม่ทำแล้ว เพราะคนที่รับพลังงานภายนอกได้ใหม่ๆ เส้นสายพลังงานมันจะกระจัด
    กระจายเรียงกันไม่เป็นระบบ พันกันไปเรื่อย และถ้าไม่จัดแต่ยังฝึกเรื่องพลังงานต่อ
    กระแสพลังงานที่มาตามแนวกระดูกสันหลัง มันจะมาติดตรง
    บริเวณต้นคอ และวิ่งขึ้นไปกลางกระโหลกศรีษะเราไม่ได้ครับ บางคนอาจจะรู้สึก
    ตึงๆ ร้อนๆบริเวณต้นคอบริเวณหลัง หรือตรงสะบักนั่นหละครับ.
    แล้วก็ไปรู้สึกเหมือนมีลมหมุนๆ
    อยู่ตรงกลางกระโหลกศรีษะบางทีทำให้มึนๆ..
    นั่นก็เพราะกะแสพลังงานตามแนวกระดูกสันหลัง
    มันไม่เชื่อมกันอย่างที่ควรเป็นนั่นหละครับ..
    และทองแดงก็เป็นวัตถุที่นำไฟฟ้าได้ดีที่สุด พวกเทพ หรือ จอมยุทธ์
    หรือเซียนทางด้านพลังงานทั้งหลาย แนวกระดูกสันหลัง
    ของเค้าแทบจะเป็นทองแดงกันหมดแล้วครับ ห่มเหลืองบางท่านที่เก่งๆ ตับเป็น
    ทองแดงก็มีนะครับ..เป็นคุณลักษณะของพวกที่เค้ามาเพียวๆทางสายพลังงาน
    เค้าครับ.เวลาที่จะดูว่าใคร มีความสามารถในเรื่องพลังงาน เรื่องการเชื่อม
    การส่งพลังงานต่างเค้าก็ดูตรงนี้หละครับ..ซึ่งมันมีผลโดยตรงต่อการทำอะไร
    พิเศษทางจิตในด้านที่เกี่ยวกับพลังงานโดยตรงนั้นเอง.
    และท่อทองแดงส่วนหนึ่งก็คือ แนวเส้นพลังงานที่เค้าจำลองมาจากแนวกระแสพลังงาน
    ตามแนวกระดูกสันหลังของพวกเซียนพลังงานทั้งหลายนั่นหละครับ

    ปล.ไปต่อส่วนที่ ๓ ใน Rep ต่อไปนะครับ
     
  18. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ในส่วนที่ ๓ ส่วนตัวเรียกว่า ''จุดรวมและดึงพลังงานเพื่อให้มันไปคลายตัวข้างนอกครับ''
    ไม่รู้จะเรียกอย่างไร เรียกตามกิริยาที่มันทำนั่นหละครับ..หน้าที่มันก็คือ..
    เมื่อเราดึงพลังงานอะไรก็ตามออกจากร่างกายเรา หรือว่าเรากำลังฝึกพลังงานอะไรก็ตาม
    แล้วมันขึ้นไปทางกระโหลกศรีษะ หรือเราใช้วัตถุที่มีแท่งปริซึมใส่ๆบวกกับมีแกนอะไรก็ตาม
    เพื่อดึงพลังงานต่างๆออกจากร่างกายแล้ว วงกลมตรงนี้นี่หละครับ จะเป็นตัวดึงเอาพลังงาน
    ต่างๆมารวมไว้ หรือถ้าออกจากกายขึ้นไปทางศรีษะมันก็จะขึ้นไปรวมแบบนี้ก่อน..
    ก่อนที่พลังงานมันจะคลายตัวหรือมีการเปลียนแปลงนั่นเอง ขึ้นอยู่กับว่ามันจะเปลี่ยนแปลง
    ไปทางอยู่ที่ใดเท่านั้นเองครับ...เช่น หน้ามีหน้าพระพรหมก่อนวงกลมนี้ แสดงว่าพลังงาน
    ที่จะเปลี่ยนแปลงเป็นท่านที่ดูแล ถ้าเป็นวงกลมๆแสดงว่าพลังงานผ่านประตูมิติ..
    ถ้าเป็นกลมๆโดดอย่างในรูป ที่ป๋า มิงค์เอามาลง แสดงว่า ต้องการให้พลังงานเปลี่ยนแปลง
    ออกไปเชื่อมกับกะแสพลังงานภายนอกนั่นเอง ก็เพื่อเปิดให้จิตเกิดกับการเชื่อมโยงพลังงาน
    ต่างๆที่อยู่รอบๆตัว ที่เป็นพลังงานภายนอกทั้งหมด เรียกได้ว่าให้พลังงานภายนอก
    เป็นตัวช่วยหนุนเรื่องพลังงาน..และพลังงานพวกนี้ก็รวมทั้งดวงจิตต่างๆ
    รวมทั้งพลังงานที่ดีและไม่ดีร่วมด้วย..เป็นเหตุที่มาที่เค้าบอกว่า
    มันสามารถช่วยเปิดตาที่สามได้นั่นเองครับ..
    แต่ที่นี้เราต้องเค้าใจว่า การที่เราจะเกิดทิพย์คิดขุได้ มันมีส่วนที่ทำให้เราเห็นมาจากอะไร
    ร่วมด้วยนะครับ..คือ อย่างน้อยตัวจิตเรามันจะต้องคลายตัวให้ได้ก่อน และตัวกระแสจิต
    ที่ขึ้นทางด้านหน้าตัวตามแนวจักระมันจะต้องไปเชื่อมกับข้างบน การเห็นอะไรก็ตามของเรา
    จึงจะเป็นการส่งเสริมการเห็นจากครูบาร์อาจารย์ข้างบนครับ
    แต่ถ้าตัวจิตเรามันยังไม่คลายตัวแล้วดันทะลึ่งไปดึงไปเปิดตรงตาที่สาม และกระแสจาก
    จิตเรายังไม่เชื่อมครูบาร์อาจารย์ ตัวเรามันจะมีกระแสวิ่งอยู่ภายใต้กระโหลกเรียกได้ว่า
    เรายังอยู่ภายใต้ความคิดหรือสมองอยู่ การเห็นของเรามันก็จะเป็นการเห็นที่สร้างจาก
    ตัวจิตและก็สร้างจากสมอง ที่นี้รับรองว่างานงอกแน่นอนครับ ตัวใครตัวมัน
    ต่อให้จะฝึกสร้างทิพย์คิกขุ โดยปกติก็ต้องตัดความคิดอยู่แล้วนะครับ
    และถ้าไปอยากเห็นแบบนี้แล้ว มันจะง่ายในการที่เราจะถูกควบคุมจิตได้จาก
    พวกกระแสภายนอกต่างๆ ยิ่งใครอยากมีสัมผัส อยากได้สัมผัสอะไรพิเศษ
    โดยที่ไม่เคยมีต้นทุนมาก่อน อยากไปทางลัด ก็จะโดนเจาะทางท้ายทอย
    ที่นี้หละก็ การรู้ การเห็น สัมผัสต่างก็จะมาจากพวกกระแสภายนอก
    โดยมาเป็นภูมิวิญญานมีฤิทธิ์ หรือ อสูรกายที่ชอบอ้างพระพุทธฯ
    แต่ทำตัวตรงข้ามกับคำสอนตลอดนั่นหละครับ...
    เครื่องมือตัวนี้ใช้ได้ครับ แต่สำคัญว่า คนนั้นกระแสเค้าเชื่อมครูบาร์อาจารย์ได้หรือยัง
    พูดง่ายๆ มีความเคารพพระรัตนตรัยเป็นทุนเดิมหรือไม่ สร้างความดีจนมีครูบาร์อาจารย์
    คอยคุมครองเป็นปกติหรือไม่
    ที่สำคัญเครื่องมือแบบนี้มันทำเองได้ไม่ยากหรอกครับ ป๋ามิงค์ ๕๕๕๕
    โดยมากเค้าจะเอาแท่งปริซึมปิดหัวท้าย เอาไว้ดูดพลังงานส่วนเกิน
    ออกจากร่างกาย โดยให้พลังงานมันผ่านแท่งปริซึมที่หัวท้ายนั่นหละครับ...
    ส่วนถ้าจะใช้เปิดตาที่ ๓ ก็ตามคุณสมบัติอย่างที่ได้เล่าให้ฟังมาครับ..
    พวกนี้เอาไว้ถ้ามีโอกาสเจอตัวกัน.ผมจะพาทำเล่นๆ ขำๆนะครับ
    ทั่วไปไม่มีอะไรหรอกครับ..ตั้งแต่แบบชิ้นส่วนที่ ๑,๒ และ ๓ เพียงแต่
    ตอนนั้นขอมีคนตาดีๆแบบเห็นด้วยตาเปล่า อยู่ด้วยนะครับ
    จะได้มีหลักฐานยืนยันการทำครับ....
    ปล.ขอทำงานต่อก่อนนะครับ ...
     
  19. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    [​IMG]
    นี่ก็แบบหนึ่งครับ แล้วแต่ไอเดีย และการใช้วัสดุครับ..
    ถ้าจะเอาแบบที่เคลียร์กระแสส่วนเกินได้ดีให้ใช้แบบ
    ที่เป็นรูปคล้ายๆร่มตอนพับ แล้วมีหน้าพระพรหมสี่หน้า
    ทำจากทองแดง เรียกว่าอะไรไม่รู้
    เคยเห็นขายในเนทราคาประมาณ ๔ ถึง ๕ ร้อยต่อชิ้นนั้นจะ
    เคลียร์กระแสได้ดี ให้เราจับตรงกลาง กระแสที่ถูกดึงขึ้นมา
    มันจะไม่ผ่านตัวเราด้วยครับ
    ปล.ขำๆนะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    เอ๊าเห็นข้อความนี้พอดี ความจริงความเห็นก็เกือบจะตรงกันแล้วนะแค่เพิ่มเติม
    นิดหน่อยเท่านั้นเอง...


    ตัวสีน้ำเงินขีดเส้นใต้ ที่ ทองชมพู พูดถึงหมายถึงในกรณีที่เราเอาไว้ดูจิตคนอื่นๆ ในรายละเอียดก็ตามนั้น
    ส่วนประกายนั้นเกิดจากการที่จิตเริ่มคลายตัว เริ่มโปร่ง มันจึงเริ่มที่จะไม่มีขอบๆให้เรา
    เห็นนั้นหละเป็นที่มาของประกายและประกายก็จะมากขึ้นมากขึ้นจนไม่เห็นขอบ
    ยิ่งคลายตัวได้มากเท่าไร ประกายก็จะเยอะๆเหมือนท่านที่เป็นพระอรหันต์นั้นแล..
    จะดูจิตใครก็ตามถ้าเค้าบอกว่าเค้าเป็นพระอริยะ เวลาเราเชื่อมไป ให้สังเกตุตรง
    ลิ้นปี่และบริเวณหน้าอกเราว่ามันมีคลื่นกระแสไหลออกจากตรงนี้หรือเปล่านั่นแล..
    ถ้าเราใช้ตาทิพย์หรือใช้ทิพยคิกขุ ไปดูตรงนี้ถ้าเราเจอบุคคลที่เค้าจิตดีกว่าเรา
    เราจะไม่สามารถที่จะไปรู้ได้ และถ้าใช้ทิพยคิกขุดู มันยังอยู่ภายใต้สัญญาอยู่
    เพราะฉนั้นโอกาสที่เราจะผิดพลาดได้จึงสูง ให้เน้นเรื่องคลื่นพลังงานเอาเน้อ...
    พอจะจำเรื่อง พระองค์ที่ ๑๐ ได้ไหมนั่นหละ


    พระองค์ที่ ๑๐ หนูจำได้ค่ะ ไม่มีใครเห็นดวงจิตของท่านได้ ถูกปิดไว้จนมืดสนิท พูดถึงเรื่องนี้ตั้งแต่โพสในเว็บพลังจิตนี้ก็รู้สึกถึงกระแสพลังงานตลอดเลย มีวันหนึ่งจับได้จะจะ กำลังนั่งโพสอยู่ ก็มีลมใส ๆ พัดมาทางขวามือห่างจากเราประมาณ ๑ ฟุต เป็นลักษณะอากาศใส ๆ ขนาดประมาณลูกฟุตบอลแต่ไม่มีรูปร่าง พอเรารีบหันไปมองก็ทันเห็นพอดีแล้วก็หายวับไปเลยค่ะ ตั้งแต่นั้นถ้านึกได้พยายามอาราธนาพระรัตนตรัยมีสมเด็จองค์ปฐมเป็นประธานช่วยปิดบังดวงจิตของเราไว้ ถ้าใครส่องขอให้มืดตื๋อ อย่าได้มองเห็น แต่ก็ไม่รู้ว่าผลนั้นเป็นอย่างไร

    และเมื่อตอนปฏิบัติธุดงควัตรที่วัดท่าซุง ตอนฝึกมโนมยิทธิครึ่งกำลัง มีคนร่วมฝึกเป็นพันคน และตอนนั้นหนูเห็นลำแสงเป็นแท่งกลมจากศรีษะของเกือบทุกคน ลักษณะเหมือนท่อใสต่อขึ้นตรงไปข้างบน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๑๐ นิ้ว ลองถามอาจารย์ว่าลำแสงนี้คืออะไร ท่านตอบว่าแบบนี้ไม่เคยเห็นแบบนี้ค่ะ หรือว่าหนูตาฝาดไป แต่ขอยืนยันว่าเห็นชัดมากค่ะ




    ถ้าเราเห็นแว๊ปและหันไปมองอีกแว๊ปก็หายแสดงว่าจิตเราตอนนั้น
    อยู่ระดับอุปจารสมาธิ

    ส่วนอันนี้เป็นบ่อยมากมาหลายปีแล้ว เป็นตอนลืมตาปกติในขณะประกอบกิจในชีวิตประจำวัน เช่นอ่านหนังสือ ขับรถ เล่นเน็ต ใช้ความคิด เข้าห้องน้ำ ทานข้าว รวมทั้งทำธุระหนักเบาในห้องน้ำ ฯลฯ ที่เห็นจะเป็นแสงประกายพฤกสีใส และสีน้ำเงินขนาดประมาณหัวไม้ขีดไฟ เห็นแค่สองสี สีอื่นไม่เคยเห็นค่ะ แต่ก็ไม่เคยใส่ใจหรือสนใจเพราะเห็นบ่อย ๆ วันละหลาย ๆ ครั้งจนเป็นส่วนหนึ่งของเราเพราะมันชิน แสดงว่ารอบตัวเรารวมถึงทั่ว ๆ ไป ล้วนแวดล้อมล้อมไปด้วยพลังงาน ถ้ากำลังจิตของเราสูงกว่านี้ก็เห็นเป็นปกติอยู่ตลอดเวลาใช่ไหมคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2015

แชร์หน้านี้

Loading...