เรื่องจริงไม่อิงนิทาน ประสบการณ์ตั้งแต่ 3 ขวบ จนถึงอายุ 57 ปีของผม

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย บุญทรงพระเครื่อง, 19 มิถุนายน 2015.

  1. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    สวัสดีครับ พี่ๆน้องๆทุกๆท่าน วันันี้ มาต่อเรื่อง งานในสมัยเด็กๆ บางเรื่อง รู้สึก ว่าจะเลยไปก็มี เพราะมันเยอะมาก จนจำไม่ได้ เมื่อ เล่าไปแล้ว ผ่านไปเป็นวัน จึงนึกออก ย้อนหลังมาคุย อีกหน่อยครับ ในสมัยก่อนนั้น เวลา นวดข้าว ต้องนำข้าวมา กอง ในลาข้าว ทำเป็นวงกลม แล้ว ใช้ วัว หรือควาย ผูก รวมกัน เรียงกันไป ๒ ตวบ้าง ๓ ตัวบ้าง ถ้าบ้านไหน มีข้าวเยอะ หรือได้ข้าวเยอะ ก็จะมากว่านี้ครับ เมื่อ นวดข้าว ไป ได้ สักพัก ก็จะใช้ ไม้ คันฉาย ซึ่งทำมาจากไม้ไผ่ ตระกุย หรือสางเขย่า ฟาง ไปเรื่อยๆ จนได้ที่ ก็จะม้วน ฟางออกไป ไว้ ที่หลัก ที่เตรียมไว้ ทำแบบนี้ จน ข้าวหลุดหมด จาก รวงข้าว แล้วสาง ตะกุย ให้หมด ทำแบบนี้จนเสร็จครับ แล้วโกยข้าว มารวมเป็นกองไว้


    เมื่อนวดเสร็จ ก็จะทำ การฟัดข้าว ด้วยกระด้งบ้าง เอาแรงกัน หรือ ครอบครัวไหนมีคนเยอะ ทำกันเอง บ้านไหน มีฐานะ ดีขึ้นมาหน่อย ก็ใช้ เครื่องฟัดข้าว ซึ่งทำมาจาก ไม้สัก ใช้แทนคนน้อยกว่า เร็วกว่า ใช้คนพัดแบบกระด้ง มันช้า และเหนื่อยกว่ามาก เรื่องเก็บข้าว ข้าวในทุ่งนา คนไหน จนหน่อย ก็ต้องใช้ หาบกันเอง หรือ เอาแรงกัน ส่วนใหญ่ จะหาบข้าว ในคืนเดือนหงาย หรือกลางวัน แล้วแต่ ข้าวใครเยอะ และคนไหนรวย คงไม่พ้น ใช้เกวียน ไปเข็นมาไว้ที่บ้าน ฟางก็เมื่อนวดเสร็จ คงเก็บไว้ ให้วัว ควายกิน ทำหลัก ตรงกลาง แล้ว เอาฟางไปพันหลัก คล้ายเจดีย์ทรงคว่ำ
     
  2. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    มาว่ากันต่อไป เมื่อผม กับจากการตัดอ้อย ที่ อ.หนองตากยาแล้ว อยู่บ้านสักพัก ก็ไปเป็นลูกจ้างเลี้ยงหมู ตอนนั้น ๑๓ ปี ซึ่งออกจาก โรงเรียนไม่นาน ไปเป็นลูกจ้างเลี้ยงหมู เงินเดือนละ ๑๕๐ บาท ครับ ประมาณ พ.ศ. ๑๒ หรือ ๑๓ เพราะ ผมเรียน ตกปีหนึ่ง ไม่ได้สอบ เพราะ วันนั้น พ่อผมไม่มี เศษเงิน ค่ากระดาษสอบ เลยต้องเรียนซ้ำชั้น ๑ ปี ในสมัยนั้น ทางโรงเรียน ปิด วันหยุด เขาหยุด วันโกน กับ วันพระครับ เลี้ยง หมูอยู่หลายเดือน ก็ออกมา ท่านพ่อผม จะไปเบิก เงินเมื่อถึงเดือน บางเดือนก็เบิก ล่างหน้าครับ
     
  3. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    เมื่ออกมาแล้ว ก็ไปเป็นลูกจ้างเขาอีก ที่ ตลาดลูกแก อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี เป็นลูกจ้างขาย น้ำอัดลม ขายส่ง และเข็นไป ส่งตามร้านค้าต่างๆ ในตลาดลูกแก อยู่ชายแม่น้ำ แม่กลอง ซึ่งไหลผ่าน มาจาก แควน้อย แควใหญ่ อยู่ที่นี่ ไม่กี่เดือนก็ ออกมาอยู่บ้านอีก ทำนาสักพัก รับจ้าง ปลูกอ้อย ดายหญ้าไร่อ้อย ตัดอ้อย แทงล่องน้ำ ทำสวน รับจ้าง แทงขุดแทงล่องน้ำ ที่เขาทำสวน ผลไม้ กว้าง ตั้งแต่ ๒ ศอก ลึก ๒ พั่ว กว้าง ๓ ศอก บ้าง บางครั้ง นานๆครั้ง มีถึง กว้าง ๑ วาหรือ ๒ เมตร ลึก ๓ พั่ว ๔ พั่ว เวลาแทงดิน ต้องใช้กำลัง อย่างมาก เพราะว่า เล่นกันดินมันไม่มีรู จึงเป็นงานที่หนักมากครับ
     
  4. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    เวลาผ่านไปเหมือนโกหก อายุ ย่างเข้า ๑๔ ปี ก้ต้องเดินทางเข้ากรุงเทพ ไปอยู่ที่ โรงงาน เชือกในล่อน บางขุนเทียน อยู่ไม่ไกลจาก ตลาด บางขุนเทียน เท่าไหร่ หน้าโรงงานมี โรงงาน ยาง หนังสติก โรงงาน รองเท้า หลังโรงงาน มีโรงงาน ทำกระป๋องใส่พวกปลากระป๋องหรืออะไรก้ไม่รู้ อะไรพวกเนี้ย โรงงานเยอะครับ ที่นี่ ไม่มีโอกาศ ออกไปไกล นอกจาก วันหยุด เสารื อาทิตย์ ก้ได้ออกไปดูหนัง ที่โรงหนัง ดาวคนองบ้าง วงเวียนใหญ่บ้าง ดูลิเกปิดวิก ที่ตลาดบางขุนเทียน บ้าง ตามปะสา หนุ่ม่วัยสรุ่น เอาะๆ ไปเที่ยววัดพระแก้ว บ้าง วัดโพธิบ้าง


    ในสมัยนั้น แถวบางขุนเทียน ยังไม่ค่อยเจริญ แต่โรงงานเยอะครับ ตึก ๒ ชั้น ๓ ชั้น ( ๔ )ชั้นนี่ แทบไม่มีเท่าไหร่ น่าจะจำไม่ผิดครับ อยู่ทำงานที่นี่ ๑ ปีเต็มๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มิถุนายน 2015
  5. กิ่งสน

    กิ่งสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +2,327
    ขอให้คุณบุญทรงช่วยเล่าเป็นวิทยาทานต่อไป เพราะเป็นเรื่องราวในมุมมองของคนที่ทำงานมาหลายที่(ทำมาหลายอย่าง) :cool:
     
  6. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814


    :cool:({) สวัสดีครับ คุณกิ่งสน พี่ๆน้องๆทุกๆท่าน ขอบคุณครับ ที่ให้ความสนใจ ก็ที่ตั้งกระทู้ ขึ้นมานี่ ก็หวังไว้ว่า จะ นำเรื่องราวต่างๆ ที่ได้ประสบมา ทั้งทางโลก และทางธรรมครับ แต่ละเรื่อง ราวต่างๆ จะแบ่ง หมวดหมู่ ให้อยู่ ในเรื่องราวในห้องนั้นๆครับ และบางเรื่อง อาจซ้ำกันบ้าง เพราะจะต้อง จูน เรื่องให้เข้ากัน อีกที ก็ขอเชิญคุณ กิ่งสน เข้าไปอ่านกันได้ ทุกห้อง ห้อง วัตถุมงคล ห้อง วิทยาศาสตร์ ห้อง อภิญญา ห้องพุทธศาสนา และห้อง กฎแห่งกรรม :cool:
     
  7. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    วันนี้ก็มาต่อ เรื่องที่ความเดิม ที่แล้วครับ คือ ความเดิมที่แล้ว นอนหลับ อยู่ที่บางขุนเทียน วันนี้มาต่อครับ หลังจาก ที่อยู่ โรงงานเชือกในร่อน บางขุนเทียน เงินเดือน ตอนอยู่ใหม่ๆ ครึ่งเดือน เงิน ออกครั้งหนึ่ง ครับ ครั้งแรก ก็ ๗๐ บาทเดือนหนึ่ง ก็ ๑๔๐ บาท จนกระทั่ง ครึ่งเดือน วิกหนึ่ง ได้เงิน ๒๐๐ บาท เดือนหนึ่ง ก็ ๔๐๐ บาท ค่าของเงิน ในสมัยนั้น แพงมากครับ โอเลี้ยง หรือชาดำเย็น ถุงหนึ่ง ราคา ๑ สลึงครับ ใหญ่กว่า ราคาปัจจุบัน ถุงละ ๒๐ บาทอีกครับ และเพิ่มมาเป็นถุงละ ๕๐ ส.ต.


    ต่อมาออกไปอยู่บ้าน ที่นครปฐม ช่วยพ่อแม่ทำนาทำไร่ แต่ก่อนหน้านั้น ท่านพ่อผม ได้ขายวัวควายไปหมด จาก วัวควาย ตัวเป็นๆ กลายมาเป็น ยุคใหม่ เขาเรียกกันว่า วัวควายเหล็ก ฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ใช้เครื่อง เบนซิน และ โซล่า ท่านพ่อผม ก็ เช่านาเพิ่ม เข้าไปอีกครับ ทำให้ต้องเหนื่อยอีก หลายร้อยเท่า เพราะว่า จากทำนา ข้าวปี เปลี่ยนมาเป็นข้าวนาปัง ข้าว ซีๆๆสูงๆต่ำๆ แต่ได้เนื้อ และเปลี่ยนมาเป็น ข้าว ก.ข. ๑ ในสมัยนั้น ยังไม่เลิกใช้ ถัง ตวงข้าวกันครับ น้อยนักที่ ใช้ถังปิ๊บ ถ้าใช้ ถังปิ๊บ จะเสียเปรียบพ่อค้า จึงนิยม ใช้ถัง ตวงข้าวกัน และต้องใช้ คน ที่มือเบา มีความสามารถ ระหว่าง พ่อค้า กับชาวนา คนไหนมือเบา ก็จะถูกจ้างไปตวงข้าว คือเทข้าวใส่ถังแล้วๆใช้มือตบ ถัง ข้าวยุบไปเยอะ ถือว่าใช้ได้ ส่วนพ่อค้า ที่ใช้วิธิกลโกง ก็จะมีวิธีการ โกง ฉะเพาะตัวครับ ก็ว่ากันไปครับ
     
  8. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,411
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    ****************
    กําไรข้อเท้ายังอยู่ค่ะ ที่มีเป็นนาค อิอิ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • taping.png
      taping.png
      ขนาดไฟล์:
      34.2 KB
      เปิดดู:
      34
  9. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    เริ่มเข้ายุค วิทยาศาสตร์ แต่ยังไม่เต็มตัว วิธีการใหม่ๆ เริมนำมาใช้ อยู่เรื่อยๆ ในยุคนี้ ขอพูดย้อนิดนะครับ ผมก็กล้าพูดได้เลยว่า ที่ จ.นครปฐม และ จ.นนทบุรี จ.ปทุมธานี นี่ น่าจะเป็นยุคแรก ๆ ของประเทศไทยเรา ทำนาปัง ก่อนใครๆ ในจังหวัด อื่นๆ ทั่วประเทศครับ ที่ผมจำความได้ น่าจะเป็น พ.ศ.๑๔-๑๕ ประมาณเนี้ยครับ แต่ไม่น่าจะเกิน พ.ศ. ๑๖ แน่นอนครับ จงติดตามอ่านต่อไปครับ ระหว่าผม ทำนานี่ บางทีผมก้ไปรับจ้าง ปลูกอ้อย บ้าง ดายหญ้าอ้อยบ้าง ตัดอ้อยบ้าง แล้วแต่โอกาศ และต้องไปเป็นลูกจ้า เลี้ยงหมูแบบในสมัยใหม่ครับ คือใช้หัวอาหารล้วนๆครับ แบบวิธีเดิมๆ ใช้ต้มข้าว ใช้ผักโปร่ง ผักบุ้งนี่ เลิกใช้หมด ผมต้องเลี้ยงหมู คนเดียว ๓๐๐ กว่าตัว ถึงตก ๔๐๐ ตัว และต้องเข้า อยู่โรงสีข้าว แบกข้าว และช่วย แบกข้าว และหาข้าว ใน


    หมู่บ้านต่างๆ มาสีผมใช้วิธีตระเวน หา ในเขตุ อ.ดอนตูม อ.เมือง อ.นครชัยศรี อ.กำแพงแสน ทีบางครั้ง หลุดไปถึง อ.บางเลน เพื่อหาลูกค้า เจ้าของโรงสี ให้ลูกละบาท เงินเดือนต่างหาก อันนี้ก็เลยให้สนุก ในการหาข้าวมาสีที่ โรงสี เงินเดือนก้แค่ ๓๐๐ กว่าบาท ต่อมาขึ้นเป็น ๔๐๐ กว่าบาท ถ้าหาข้าวมาสีนี่ มันได้มากกว่าเงินเดือน หลายเท่า เจ้าของโรงสี ก็ได้ ลำ ได้ข้าวปลาย ได้ดีกว่า ซื้อข้าวมาสีเองอีก ถ้าโรงสี โรงไหนโกง มีสิทธิ พิเศษตรงนี้ อีกครับ ไปหาข้าวเปลือกนี้ อยู่ที่ความขยันของเรา และ หาลูกค้าได้เยอะแค่ไหน และข้อสำคัญ ต้องมี ความซื่อ สัตว์ ต่อชาวบ้าน นี่สำคัญ ทำให้เกิดมีการ แย่งกันขึ้น ต่อในบรรดา ลูกจ้างโรงสีต่างๆ และก็ข้อสำคัญ ต้องจำให้ได้ ว่า ข้าวที่เรา ส่งไปให้เขา จะหมดเมื่อไหร่ ถ้าไปผิดเวลา โรงสีอื่นก็คงแย่ง เอาไปกินครับ นี่ต้องจำให้ดีๆ และข้อสำคัญอีก ต้องเอาใจลูกค้า ให้เป็น
     
  10. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814

    :cool:({) สวัสดีครับ อาซือเจ๊ต้อย นี่คือพยาน หลักฐานสำคัญ ว่า ยังมีคน อยู่ ในยุคนัน้ๆ ที่รู้ว่า กระปิ้ง ปิดปิเป็นแบบไหน นี่คือหลักฐานพยานปากเอกครับ ฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ว่าผมไม่ใช่ พูดแบบพ่อยๆ ถ้ากำไลยยุคสุโขทัย จะมีค่าขนาดไหนครับ ซือเจ๊ หรือ ลึกไปกว่านั้นอีก โน่น โยนกนคร ฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเมื่อเกืยบ ๒๐๐๐ปี ต้นยุคโยนกนคร :cool:
     
  11. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ต่อมา พ.ศ.๒๐ หรือ ๑๙ ไม่แน่ใจครับ ทางรัฐบาล ให้เลิกใช้ ถังตวง ข้าว แบบถัง ให้มาใช้ ชั่งน้ำหนักแทนครับ คือ ๑๐๐๐ กิโล เป็น ๑ ตัน เทียบเท่า ๑ เกวียน แต่ผมเอง ยังจำได้ดี ทีเดียว ว่า ข้าวอะไร มีน้ำหนักประมาณไหน พอจำได้ ถังหนึ่ง ข้าวนาปี ถังไม้ เกือบ ๑๑ โลหรือ ๑๑ โล ข้าแต่ละชนิด น้ำหนักไม่เท่ากัน ยิ่งข้านาปังด้วยแล้ว ๙ กิโลกว่าๆ ๑ ถัง ๑๐ โลกว่าบ้าง สู้ข้าวปีไม่ได้ แต่ข้าวนาปี ทำไม่ได้เนื้อ แต่ที่น้ำหนักดี ข้านาปังรุ่นใหม่ คือข้าวซีซีๆถังหนึ่ง ๑๑ โล แค่นี้พอครับ จากถัง มาเป็นกิโล ก็ดีครับ ตั้งแต่ เริ่มทำนาปัง ข้าวนาปีหายไปจากท้องทุ่ง นาไทย แถวนครปฐม ทันทีครับ นอกจาก ร้องเพลงรอ นาน้ำน่าฝน นี่ยังต้องใช้ข้าวนาปี มีหลาย สิบสายพัน แค่นี้ก่อนครับ มีโอกาศจะเข้ามาใหม่ครับ
     
  12. chattrg

    chattrg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    4,337
    ค่าพลัง:
    +13,241
    ตามอ่านครับ
    วัยเรา ใกล้ๆ กัน

    แต่ อยู่คนละทิศ

    ผมอยู่ทางใต้
    วิถีชีวิต ต่างกัน

    ผม ต้องช่วยแม่ เรื่องค้าขาย

    เช้า ก่อนไป รร ต้องขายขนมรอบตลาด 1 รอบ
     
  13. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814



    :cool:({) สวัสดีครับคุณ chattrg ครับ ทำงานนั้น คล้ายกัน แต่การกระทำไม่เหมือนกันครับ มันเหนื่อย ไม่เท่ากันครับ ความยากจน ค้นแค้น ก็ต่างกันครับ ลองเข้าไปอ่าน ทุกๆห้องครับ เรื่องแต่ละเรื่อง มันแยก ออกไปอีก ขอบคุณครับ ถ้ามีอย่างไหน ก็มาแลกเปลี่ยนกันได้ครับ ผมว่า รุ่นราวๆคราวเดียวกับผม มันไมมี ใครมาทำเช่นผม เขาทำนา ทำไร่ ก็รู้จักแค่นั้นครับ ค้าขายก้รู้จักแค่นั้นครับ ผมไม่ได้ ดูถูก หรือเบ่งทับครับ อายุ ยังไม่ถึง ๒๐ ปี ผมว่า น่าจะเกิน ผ่านงานมา ๕๐ ชนิดนี่ อยู่หรือเปล่าไม่แน่ใจ เหมือนกันครับ :cool:
     
  14. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    หลังจาก อายุ ๑๕ ย่างเข้า ๑๖ ปี ผมเดินทาง เข้ากรุงเทพ ได้รู้จักกับ ลูก ของพวกมหาดเล้ก ที่อยู่ในพระราชวัง สุโขทัย ในสมัยนั้น ซึ่ง พระราชวัง สุโขทัย ในอดีด พระราชินี ในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า เจ้าอยู่หัว พระนางลำไพพรรณณี พระมเหสี ราชการที่ ๗ ผมนอนในวัง แต่ตอนเช้า ออกไปทำงาน ที่ โรงกลึงใบจักรเรือ ๓ เค และตราอะไรอีกจำไม่ได้ครับ ทำอยู่หลายเดือน โรงงานใบจักรเรือ อยู่ตรงข้าม วัดโบสถ ส่วนหน้า พระราชวัง อยู่หน้า โรงพยาบาล วรชิร ตอนนี้ เป็นที่อยู่ของ ราชวังของ สมเด็จเจ้าฟ้าชาย สมเด็จพระบรมโอรสสาธิราชเจ้า ที่ดูข่าว


    นี่ก็ผ่านมา ๔๐ กว่าปีแล้วครับ ผมอยู่ไม่กี่เดือน ก็ออกมาอยู่บ้านอีกครับ เพราะว่า ผมไปเที่ยว ชายมแม่น้ำ เจ้าพระยา ตอนนั้น มีสพานชื่อ สพานเซียโต เป็น คอนกรีต โครง เฉยๆ ผมขึ้นไปเดินเล่น ได้พัดตก ลงไป หน้าอก ค้างอยู่กับ คานคอนกรีต เมื่อได้สติจึงลุกขึ้น เพื่อนที่ไปด้วยกัน พากลับ ที่พัก ได้พาไปหาหมอ น้ำมันที่ วัดโพธิ ท่าเตียน โรงพยาบาล อยู่ไกล้ ไม่ไป กลัวเสียเงิน ค่ารักษาพยาบาลเยอะครับ ตอนั้น มันเจ็บ ซี่โครง ถ้าเราเอา มือ กด ลงไปที่ชายโครง ซี่โครง จะยุบ ลงไปหา อีกแถบเลยครับ ซี่โครงหักแน่นอนครับ แค่เจ็บ และจุก แต่เมื่อเอาน้ำมัน ที่วัดโพธิท่าเตียนมาทา ก้อาการดีขึ้น ดีคืน จนกระทั่งหายครับ ก็ดีมาจนถึง ทุกวันนี้ครับ ก็ ๔๐ กว่าปี
     
  15. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    สวัสดีครับพี่ๆน้องๆทุกๆท่าน การทำงานของผมไม่เคย ทำงานหน้าเดียว มีแต่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ บางอย่างจะก็ทำไร่ กับทำนานี่แหละ หนีไม่พ้น ไปไหนๆ ก็ต้องกับมาทำแบบเดิมๆครับ กับมาช่วยพ่อแม่ ทำนา ผมไม่ว่า จะจับอะไร ทำอะไร ค่อนข้างดีครับ ทำขึ้น สุดขีดบ้าง ทำได้แบบธรรมดาบ้าง ปลูกบางอย่าง ไม่ดก แต่พอได้ บางอย่าง ปลูกลูกดก มากๆเลยครับ บางครั้ง เป็นปี เป็นเดือนเหมือนกัน คือปลูก เดือนี้ วันนี้ไม่ดี บางอย่าง ก็มีส่วนเกี่ยวข้องเหมือนกันครับ เคยสังเกตุดู ไอ้ผม ก็บางอย่างก็ชอบทดลองเหมือนกัน บางอย่างเรา ไม่มีเวลา วันไหน เดือนไหนก็ก็ได้ บางทีผมไม่ใช่ว่า งมงาย แต่มันมีเหตุผล ต้องลองดูก่อน มันมีผล เราต้องเชื่อครับ


    พ.ศ.๑๙ บวชเณร ปฏิบัติธรรม ทั้งทางโลกและทางธรรม และศึกออกมา ทำนาทำไร่ ช่วยพ่อแม่ ทำ และเข้าอยู่โรงสีบ้าง เลี้ยงหมูบ้างสลับกันไป แล้วแต่โอกาศครับ แล้วมาช่วย บ้านคนที่เคารพกัน ที่คลองเจ็ก ใกล้ พุทธมณฑล มาช่วยทำนา โดยเขา ให้ ทำนา ๕ ไร่ ที่นี่ทำได้ ไร่ละเกวียนครับ ไม่เกิน ๔ เดือน ทำเสร็จทุกอย่าง แต่ข้าวตั้งแต่ หว่านหรือ ดำก็ตาม ใช้เวลาไม่ถึง ๔ เดือน ๓ เดือนกว่า เกี่ยวได้ ข้าว ๑๐๐ วันก็มี ครับ ตอนนั้นข้าวเกวียวละ ๓,๕๐๐ บาท ขึ้นๆลงๆ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๐ เป็นต้นมา ข้าว ขึ้นๆลงๆ ราคายังดีอยู่ ผมว่าราคาข้าว ช่วงนั้น แพงกว่า ทองคำ ๆ บาทหนึ่ง ไม่ถึง ๓,๐๐๐บาท ผมว่า ที่ผมจำได้ สนิทใจ พ.ศ. ๒๘-๓๐ ไม่เกิน บาทละ ๓,๐๐๐ บาท พ.ศ.๓๔-๓๕ ไม่เกิน ๓,๕๐๐ บาทต่อน้ำหนักหนึ่งบาท
     
  16. chattrg

    chattrg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    4,337
    ค่าพลัง:
    +13,241
    ตามอ่านต่อ

    เยี่ยมครับ

    อ่านเรื่องของคนรุ่นเรา
    สู้กันมาก
    เมื่อเทียบกับเด็ก สมัยนี้
    ยากครับ

    ปล
    ผมตามในกระทู้ ปสก พระ ด้วย
    เพราะ นับถือ
    ลพ ฤาษีลิงดำท่านมาก

    สวด คาถาเงินล้านด้วยครับ
     
  17. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814



    :cool:({) สวัสดีครับคุณ chattrg โมทนาสาธุครับ ผมไปเล่า ๕ ห้องครับ ล้วนแล้วส่วนใหญ่ ไม่ค่อย ซ้ำกัน ถ้าซ้ำกันคือ เนื้อเรื่องมันเกี่ยวเนื่องถึง กันครับ ผมก้พยายาม ไม่ให้ซ้ำกัน บางเรื่องบางอย่าง มันก็เลยไป ไม่ได้เล่าก็มีครับ จริงๆ อย่างที่คุณว่ามา นั่นแหละครับ เด็กเดี๋ยวนี้ ส่วนใหญ่ ขี้เกียจ ขยันมีน้อยมากครับ แล้วเอาแต่ใจ ส่วนใหญ่ จะโทษเด็ก อย่างเดียวก็ไม่ได้ครับ คนโต ก็ให้ท้าย ลูกหลาน รักลูกไม่ถูกทาง เสียส่วนใหญ่ เด็กเดี๋ยวนี้ แทบทำงานไม่เป็น แบมือขอพ่อแม่อย่างเดียว ไม่เคยดำข้าวในนา เสือกบ่นปวดหลัง ปวดเอว พอไม่พอใจกัน ก็ยกพวกตีกัน ไล่ยิงฆ่ากันตายบ้าง บาดเจ็บบ้าง เห็นแล้วน่าอนาถใจจังครับ :cool:
     
  18. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    สวัสดีครับ พี่ๆน้องๆทุกๆท่าน วันนี้ ก็มาต่ออีกหน่อยครับ เวลาก็เหลืออีก ๒ นาที ๔ ทุ่ม เมื่อผมมาอยู่ คลองเจ็ก มาทำนา เมื่อเกี่ยวข้าว เสร็จ คือ ยังจ้างคนเกี่ยวอยู่ครับ ท่านเจ้าของบ้าน ทำนาตก ๑๐๐ไร่ แต่ผมก็ช่วยขับรถตีนาไถนา และหว่าน นาน้ำตม แต่ปีนั้น จ้างเขาดำ และคอยฉีดยาข้าว เมื่อถึงเวลาเกี่ยวก็จ้างเกี่ยวเช่นกัน แต่เอาแรง เก็บ เป็นกอง แต่ละที่ และคอยขับรถไถ ใช้หลัง กะดีด ข้าวขึ้นรถลงรถ ไปเก็บในบ้าน ปีนัน้ในส่วนของผมขาด ขาดไม่ถึง ๑๐ ถัง ได้ ๕ เกวียน ๆละ ๓๐๐๐ พันกว่าบาท หักทุกอย่างเหลือเงิน หมื่นกว่าบาท เฉลี่ยแล้ว ตกเดือนละ ๔,๐๐๐ กว่าบาท


    พ.ศ.๒๘ ผมเเป็นนัการภารโรง ของรัฐบาล ได้เดือนละ ๑,๒๕๐ บาทเอง ปริญญาตรีในสมัยนั้น เงินเดือนละ ๒,๐๐๐ กว่าบาทเอง หลังจากนั้น พ.ศ.๒๒-๒๓ บวชพระ ก็ได้ไปอยู่ปราณบุรี ปฏิบัติธรรม พรรษา ๒ มาอยู่นครปฐม และได้ไปกราบหลวงปู่หลวงพ่อมากมายหลายองค์ หาประสบการณ์ และไปทำบุญกับท่านบ้าง ทั้งภาค กลาง ออก ตก เหนือใต้ก้แค่ประจวบครับ ก็เท่ากับทำงาน ทั้งทางโลกและทางธรรม ควบคู่กันไปครับ
     
  19. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    หลังจากสึกมาอีกก็ช่วยพ่อแม่ทำนา ต่อจากนั้น ก้ไปช่วย อยู่ที่ คลองเจ็กอีก แต่ตอนนี้เปลี่ยน ทำงานใหม่ครับ คือ ใช้หลัง กะเดียดข้าวลงเรือ วันละ ๓ ลำ มีเรือ อีมาด เรือชล่า และอะไรอีกลำ จำไม่ได้ ๓ ลำก็ ๒๐ กว่าถึง ๓๐ เกวียน ทุกวัน แทบจะไม่เว้น มีเฉพาแค่หน้านาเท่านั้น ใช้หลังกะเดียด จากคันคลอง ลงสู่เรือ ไม้เตี่ยว เล็กๆหน้า ๖ หน้า ๘ ถ้าขาด ความชำนาญ ก็โน่นแหละครับ มีหวังหัวทิ่ม ลงคลอง มีสิทธิ์เกิดอุบัติเหตุได้เสมอๆครับ นี่ก็ ใช้ความชำนาญ เฉพาะตัวครับ และต้อง คัดท้ายเรือ ให้เป็นด้วย เพราะว่า เมื่อมีหน้า ที่กะเดียดข้าวลงเรือแล้ว พูดง่ายๆคือ ต้องเป็นนายท้ายเรือด้วยครับ ก็ ต้องทำงานถึง ๓ คน รับผิดชอบ เรือใครเรือมัน ก็มีบางครั้ง เอาไม่อยู่ หัวเรือ อีกลำไปกระแทก อีกลำ ถ้ารุนแรง ข้าวอาจจมได้ เสียมาก แต่ไม่ถึงขนาดนั้นครับ เสียหายบ้างนิดหน่อยน่ะมี


    เรียกว่า งานทั้งหนัก ทั้งเหนื่อย เมื่อยล้า และต้องมีความรับผิดชอบสูง ทีเดียว จากคลองเจ็ก เอาข้าวไปลงเรือ แล้ว เอาเรือ ๓ ลำ รากจูงกันไปแบบ เรือขนทราย แต่ไปในลอง ไม่ข้วาง หลีกกันลำบาก เมื่อเรือ สวนกัน เมื่อเรืออกแม่น้ำท่าจีน ค่อยยังชั่วหน่อยครับ แม่น้ำ มันกว้าง เอาข้าวไปลงโน่น โรงสี ไฟตลาดห้วยพลู บางทีก็โน่น ตลเกือบถึง ตลาดนครชัยศรี หรือ โรงสีไฟ สำโรง เป็นโรงสีไฟ ขนาดใหญ่ วันหนึ่งคืนหนึ่งสีข้าวได้วันละ ๑๐๐ กว่าเกวียน ครับ นี่คนทำงานหนัก มันหนักแบบนี้ครับ แต่ว่า คนที่ ทำงานเป็นแค่ ๒-๓ อย่าง ทำนา ทำสวน กับอยู่โรงสี
     
  20. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    :cool:({) พูดถึงเรือ ถ้าคนบ้านดอน นั่งเรือ ลงเรือไม่เป็นมันโครงเครง ถ้าเรือเล็กก็ล่มเอาง่ายๆครับ ตอนผมหัด พายเรือ ใหม่ๆ พายซ้ายที ขวาที บางทีก้หมุน ขว้างเลยครับ นี่มันเป็นอย่างนี้ คนบ้านดอน กันคนแม่น้ำ มันคนละเรื่องเลยครับ พูดบางคำ ก็กับกัน เถียง กันจะต่อยกันตายห่า พรุ่งนี้ ค่อยมาคุยใหม่ครับนี่ก็ ๔ ทุ่มครึ่งกว่าแล้วครับ ขอตัวไปนอนก่อนครับ ราตรีสวัสครับ :cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...