ทำไม นั่งสมาธิทีไรต้องง่วงทุกที

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย samusunn, 1 มิถุนายน 2015.

  1. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ใครจะ ทดสอบดูก็ได้นะ ยิ่งใครสำคัญตัวว่า จิตตนมีฌาณจิตสูงส่ง

    เอามา วัดกันดูเลย อำนาจฌาณ กับ อำนาจจิตตั้งมั่น นั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว

    อำนาจฌาณนั้น เหมือนคนหลับหูหลับตา ชก หากจะบรรลุธรรม ก็ ส้มหล่น
    ไม่รู้เหตุไม่รู้ผล รู้แต่ว่า จิตมันผลิกวิวัฏ ได้เหมือนกัน แต่ ไม่มีปัญญาอินทรีย์
    สัมปยุตแม้แต่หางติ่ง

    ต่างกันกับ การพิจารณาด้วย จิตตั้งมั่น

    หากมี จิตตั้งมั่น แล้ว อนุโลมรู้ นิวรณ์ อาหารของ อวิชชา เนี่ยะ หากอนุโลม
    ไปรู้ที่ รากเง้าของอวิชชาได้เนี่ยะ ปัญญามันอาจจะเกิดเท่าปลายหางติ่งขึ้นมาบ้าง

    ปัญญาเกิดนิดเดียว ไม่ต้องมากต้องมาย เอาแค่ พระโมคคัลลานะ ชิดซ้ายได้ ก็พอแล้ว

    ไม่เชื่อ ไปลองพัดวี ให้ ใครดู แล้ว พิจารณา ซะ !!!

    จิตตั้งมั่น กับ ฌาณจิต นั้น ฟ้ากับเหว จริงๆ !!! คนละเรื่องกันเลย


    ถ้ายกได้นะ อย่างน้อย การเห็น " จิตโดนย้อม " จะทรมานมาก เข้าไปเห็นสภาวะ
    จิตมันโดนย้อมติด โดนทิฏฐิลากไปเนี่ยะ ขนพองสยองเกล้า !!!
     
  2. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ทีนี้ หากมีใครไปลอง ไปลองอนุโลม ด้วย " จิตตั้งมั่น " ยกขึ้นได้

    แล้วเห็นด้วยว่า(agree with) ว่ามันเลิศกว่าฌาณ แล้ว ไปอนุโลม
    ยก หรือ รื้อค้น นิวรณ์บรรพะ เพื่อกิจการเห็นอริยสัจจ

    ปิติมันจะไม่ซู่ซ่า ไม่หวือหวา เพราะมันจะไป ปัสสัทธิ ...และส่วนใหญ่
    จะไปเอา สภาวะหญ้าปากคอก คือ เดินเลยจุดพิจารณาไปเสีย

    อันนี้มี เทคนิคช่วยยก ปิติโพฌชงค์แชรกัน คือ ให้กำหนดรู้ว่า " จิตผู้รู้ไม่เที่ยง "

    มันถึงจะ รู้อยู่ที่ฐานของจิต ไม่มีการตั้ง ไม่มีการปัก เป็นสุญญคารวิหาร
    [ จิตจะสว่างๆ โอฬาร กว้างไม่มีขอบเขต ไม่ใช่อาการสว่างแบบนิมกนิมิต ]

    กล่าวด้วยคำว่า วิหาร เพราะหมายเอา ปิติ ที่มันกำเริบ ซาบซ่าน หน่ายไม่เป็น
    จิตมันเลยมีน้ำหนักขึ้นมา
     
  3. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    ในโลกจริง เหรียญจะมีหัวกะก้อย
    แต่ในโลกความคิด โลกของจิต
    จะมีด้านในกะด้านนอก

    และอวิชชาจะทำให้สิ่งที่จะมาปรากฏบนเหรียญ มีเยอะกว่าหัวและก้อย

    แรกๆจะงงๆ เมื่อเรางงแต่เรารู้อยู่
    ให้อุทิศกุศลเลย
    ไม่กล้าอุทิศให้ใึครอุทิศให้ บุญญง โคกกระทาก็ได้

    เรื่องของจิต มันจะหาคำตอบแบบ ตรวจผม ตรวจข้อสอบ ตรวจบัตรมันยังไม่ได้

    ในโลกจริงเหรียญมีแต่ด้านหัวกะก้อย
    ในโลกความคิด มีด้านในกะนอก
    อุทิศกุศลเลย
     
  4. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    ในสมาธิแบบ ที่ผมหัดจะไม่มีจิตตกภวังค์

    เพราะภวะจะมีแค่วิภวตัญหา กะภวตัญหา

    อุปปาทานเกิดจากการที่เราตั่งใจ แต่อวิชชา ให้เราเชื่อว่าไม่รู้คือคำตอบ
    เราตั่งใจเพราะอวิชชาบงการให้เอาอีกตัญหาไป ดุลย์

    ยืนยันเลยเราดับอุปปาทานได้แน่ๆ
    แต่ที่ดับไม่ได้เพราะพอเราเห็นตัญหา ซึ่งได้บุญ
    เห็นตัญหาได้บุญ ไม่อุทิศกุศล
    ไปเอาอีกตัญหามา ดุลย์มัน
    เกิดอุปปาทาน

    นั่นไม่พอเห็นอุปปาทาน อันนี้ถ้าดูพระอริยะสัจจะสี่อยู่ พระท่านก็อนุโลมให้
    อุทิศกุศลได้
    ไม่อุทิศ เพราะไม่ดูพระอริยะสัจจะ อวิชชาเลยไปเอาอีกอุปปาทานมา ดุลย์ อีก

    นี่แหละเกิดภวังคจิต
     
  5. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    หลายปีมานี้ ผมไม่เคยตกภวังค์เลย
    เท่าที่นึกออกไม่เลยแม้แต่ครั้งเดียว
     
  6. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493

    ตั้งแต่ดูเอกวีร์แสดง คคห. มาก็หลายเทื่อแล้ว คิกๆๆ (deejai) ไม่มีสารธรรมอะไรที่พอจับต้องได้ เห็นแต่จับบทนั้นมาชนกับบทนี้ ลากไปนั่นโยงมานี่ ฟุ๊งฟิ๋ง กรุ๊งกริ้ง เพื่อให้เข้ากับทิฏฐิตน ไม่มีหลักไม่มีเกณฑ์ มโนเอา เติมให้อีกหน่อย มโนทำ คิกๆๆ
     
  7. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493

    เอกวีร์ บอกวิธีทำวิธีปฏิบัติเขาด้วยสิทำไง ว่าไป:d
     
  8. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    เลียนแบบหน่อย "สภาวะหญ้าปากคอกก็รู้ ไม่ใช่สภาวะหญ้าปากคอกก็รู้" ยกจิตไป ยกจิตมา :d

    เอกวีร์ขอรับ มันมั่วไปหมดนะจริงๆ


    (เพ่ิ่งนึกได้)

    [​IMG]


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2015
  9. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    เอกวีร์หายไปไหน

    เอาอีกหน่อยสิ:cool:

    ลักษณะของจิตที่เป็นสมาธิ

    อธิจิตตสิกขา คือ การฝึกปรือเพื่อเสริมสร้างคุณภาพ และสมรรถภาพของจิต ดังนั้น สมาธิซึ่งเป็นเป้าหมายของอธิจิตตสิกขานั้น จึงหมายถึงภาวะจิตที่มีคุณภาพ และมีสมรรถภาพดีที่สุด

    จิตที่เป็นสมาธิ หรือมีคุณภาพดี มีสมรรถภาพนั้น มีลักษณะที่สำคัญ ดังนี้

    1. แข็งแรง มีพลังมาก ท่านเปรียบไว้ว่าเหมือนกระแสน้ำ ที่ถูกควบคุมให้ไหลพุ่งไปในทิศทาง เดียวย่อมมีกำลังแรงกว่าน้ำ ที่ถูกปล่อยให้ไหลพร่ากระจายออกไป

    2. ราบเรียบ สงบซึ้ง เหมือนสระ หรือ บึงน้ำใหญ่ ที่มีน้ำนิ่ง ไม่มีลมพัดต้อง ไม่มีสิ่งรบกวนให้กระเพื่อมไหว

    3. ใส กระจ่าง มองเห็นอะไรๆได้ชัด เหมือนน้ำสงบนิ่ง ไม่เป็นริ้วคลื่น และฝุ่นละอองที่มีก็ตกตะกอนนอนก้นหมด

    4. นุ่มนวล ควรแก่งาน หรือเหมาะแก่การใช้งาน เพราะไม่เครียด ไม่กระด้าง ไม่วุ่น ไม่ขุ่นมัว ไม่สับสน ไม่เร่าร้อน ไม่กระวนกระวาย


    จิตที่มีสมาธิขั้นสมบูรณ์ พระอรรถกถาจารย์เรียกว่า จิตพร้อมด้วยองค์ ๘ (อัฏฐังคสมันนาคตจิต) องค์ ๘ นั้น ท่านนับจากคำบรรยายที่เป็นพุทธพจน์นั่นเอง กล่าวคือ

    ๑. ตั้งมั่น
    ๒. บริสุทธิ์
    ๓. ผ่องใส
    ๔. โปร่งโล่ง เกลี้ยงเกลา
    ๕. ปราศจากสิ่งมัวหมอง
    ๖. นุ่มนวล
    ๗. ควรแก่งาน
    ๘. อยู่ตัว ไม่วอกแวกหวั่นไหว

    ท่านว่า จิตที่มีองค์ประกอบเช่นนี้ เหมาะแก่การนำเอาไปใช้ได้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเอาไปใช้งานทางปัญญา พิจารณา ให้เกิดความรู้เข้าใจถูกต้องแจ้งชัด หรือใช้ในทางสร้างพลังจิต ให้เกิดอภิญญาสมาบัติอย่างใดๆ ก็ได้

    สมาธิมีหลายระดับยืดหยุ่นได้



    ตัวอย่างผู้ปฏิบัติ

    อ่านแล้วต้องลงมือปฏิบัติลงมือทำ - กัมมัฏฐาน - กรรมฐาน - Wunjun Group
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2015
  10. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    กั๊กๆๆๆๆ

    อธิจิตสิกขา มี สุญญตาสมาธิ อนิมิตสมาธิ อัปณิหิตสมาธิ

    เป็นสุญญตา ไม่มีที่ตั้ง ไม่มีการเคลื่อน ไม่มีไป ไม่มีมา

    สมาธินอกศาสนา ส่งออกไป เคลื่อนไป แล้ว ฮานาก้า จาติง้าว !!!
     
  11. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    เอาอีกหน่อยสิข้อความจะได้ต่อเนื่องกัน

    ตามที่กล่าวมานี้ มีลักษณะเด่นที่สุดของจิตที่เป็นสมาธิ ซึ่งสัมพันธ์กับความมุ่งหมายของสมาธิด้วย ก็คือ ความ "ควรแก่งาน" หรือ ความเหมาะแก่การใช้งาน และงานที่ถูกต้องตามหลักพุทธศาสนา ก็คือ งานทางปัญญา อันได้แก่ การใช้จิตที่พร้อมดีเช่นนั้น เป็นสนามปฏิบัติการของปัญญา ในการพิจารณาสภาวธรรม ให้เกิดความรู้แจ้งตามเป็นจริง

    สมาธิที่ถูกต้อง ไม่ใช่อาการที่จิตหมดความรู้สึก ปล่อยตัวตนเข้ารวมหายไปในอะไรๆ แต่เป็นภาวะที่ใจสว่าง โปร่งโล่ง หลุดออกจากสิ่งบดบังบีบคั้นกั้นขวาง เป็นอิสระ เป็นตัวของตัวเอง ตื่นอยู่ เบิกบาน พร้อมที่จะใช้ปัญญา

    พึงพิจารณาพุทธพจน์ต่อไปนี้

    "ภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๕ ประการต่อไปนี้ เป็นเครื่องปิดกั้น เป็นนิวรณ์ เป็นสิ่งที่กดทับจิต ทำให้ปัญญาอ่อนกำลัง ๕ ประการ กล่าวคือ กามฉันท์...พยาบาท...ถีนมิทธะ...อุทธัจจกุกกุจจะ...วิจิกิจฉา...

    "ภิกษุ ไม่ละธรรม ๕ ประการ ที่เป็นเครื่องปิดกั้น เป็นนิวรณ์ เป็นสิ่งที่กดทับจิต ทำให้ปัญญา อ่อนกำลังแล้ว จักรู้จักประโยชน์ตน ประโยชน์ผู้อื่น ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย หรือจักประจักษ์แจ้ง ซึ่งญาณทัศนะอันวิเศษ ที่สามารถทำให้เป็นอริยะ ซึ่งยิ่งกว่าธรรมของมนุษย์สามัญ ด้วยปัญญาที่ทุรพลไร้กำลัง ข้อนี้ ย่อมมิใช่ฐานะที่จะเป็นไปได้

    "เปรียบ เหมือนแม่น้ำที่เกิดบนภูเขา ไหลลงเป็นสายยาวไกล มีกระแสเชียว พัดพาสิ่งที่พอจะพัดเอาไปได้ บุรุษเปิดปากเหมืองออกทั้งสองข้างของแม่น้ำนั้น เมื่อเป็นเช่นนั้น กระแสน้ำท่ามกลางแม่น้ำนั้น ก็กระจาย ส่ายพร่า เขวคว้าง ไม่แล่นไหลไปไกล ไม่มีกระแสเชียว และพัดพาสิ่งที่พอจะพัดเอาไปไม่ได้...

    ครั้งหนึ่ง สังคารวพราหมณ์ กราบทูลถามพระพุทธเจ้า และพระองค์ได้ตรัสตอบ ดังนี้

    พราหมณ์: ท่านพระโคตมะผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุ อะไรเป็นปัจจัยให้ ในบางคราว มนต์ทั้งหลาย แม้ที่ได้สาธยายมาแล้วตลอดเวลายาวนาน ก็ไม่แจ่มแจ้ง ไม่ต้องกล่าวถึงมนต์ที่มิได้สาธยาย และอะไรหนอเป็นเหตุ อะไรเป็นปัจจัยให้ ในบางคราว มนต์ทั้งหลาย แม้ที่ได้สาธยายตลอดเวลายาวนาน ก็แจ่มแจ้ง ไม่ต้องกล่าวถึงมนต์ที่ได้สาธยาย

    พระพุทธเจ้า: ดูกรพราหมณ์ ในเวลาใด บุคคลมีใจกลุ้มรุมด้วยกามราคะ ถูกกามราคะครอบงำอยู่ และไม่รู้ชัดตามเป็นจริง ซึ่งทางออกแห่งกามราคะที่เกิดขึ้นแล้ว ในเวลานั้น เขาย่อมไม่รู้ชัด มองไม่เห็นตามเป็นจริง แม้ซึ่งประโยชน์ตน แม้ซึ่งประโยชน์ผู้อื่น แม้ซึ่งประโยชน์ทั้งสองฝ่าย มนต์ทั้งหลาย แม้ที่ได้สาธยายมาตลอดเวลายาวนาน ก็ย่อมไม่แจ่มแจ้ง ไม่ต้องกล่าวถึงมนต์ที่มิได้สาธยาย

    (บุคคลมีใจกลุ้มรุมด้วยพยาบาท ถีนมิทธะ อุทธัจจกุกกุจจะ และวิจิกิจฉา ก็เช่นเดียวกัน และทรงเปรียบจิตที่ถูกนิวรณ์ข้อต่างๆ ครอบงำ ดังต่อไปนี้)

    ๑. (จิตที่ถูกกามราคะครอบงำ) เปรียบเหมือนภาชนะใส่น้ำ ซึ่งเอาสีครั่งบ้าง สีขมิ้นบ้าง สีเขียวบ้าง สีแดงอ่อนบ้าง ผสมปนกันบ้าง คนตาดีมองดูเงาหน้าของคนในภาชนะน้ำนั้น ก็ไม่รู้ไม่เห็นตามเป็นจริง

    ๒. (จิตที่ถูกพยาบาทครอบงำ) เปรียบเหมือนภาชนะใส่น้ำ ที่เอาไฟเผาลน เดือดพล่าน มีไอพลุ่ง คนตาดีมองดูเงาหน้าของตนในภาชนะน้ำนั้น ก็ไม่รู้ไม่เห็นตามเป็นจริง

    ๓. (จิตที่ถูกถีนมิทธะครอบงำ) เปรียบเหมือนภาชนะใส่ น้ำ ที่ถูกสาหร่ายและจอกแหนปกคลุม คนตาดีมองดูเงาหน้าของตนในภาชนะน้ำน้ำ ก็ไม่รู้ไม่เห็นตามเป็นจริง

    ๔. (จิตที่ถูกอุทธัจจะกุกกุจจะครอบงำ) เปรียบเหมือน ภาชนะใส่น้ำ ที่ถูกลมพัด ไหวกระเพื่อม เป็นคลื่น คนตาดีมองดูเงาหน้าของตนในภาชนะน้ำนั้น ก็ไม่รู้ไม่เห็นตามเป็นจริง

    ๕. (จิตที่ถูกวิจิกิจฉาครอบงำ) เปรียบเหมือนภาชนะใส่น้ำ ที่ขุ่น มัว เป็นตม ซึ่งวางไว้ในที่มืด คนตาดีมองดูเงาหน้าของตนในภาชนะน้ำนั้น ก็ไม่รู้ไม่เห็นตามเป็นจริง

    ส่วนบุคคลที่ใจไม่มีนิวรณ์ ๕ ครอบงำ และรู้ทางออกของนิวรณ์ ๕ ที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมรู้เห็นตามเป็นจริง ทั้งประโยชน์ตน ประโยชน์ผู้อื่น และประโยชน์ทั้งสองฝ่าย มนต์แม้ที่มิได้สาธยายตลอดเวลายาวนาน ก็แจ่มแจ้งได้ ไม่ต้องกล่าวถึงมนต์ที่ได้สาธยาย และมีอุปมาต่างๆ ตรงข้ามกับที่ได้กล่าวมาแล้ว *
    …………….

    อ้างอิงที่ *

    * ไม่แจ่มแจ้ง หมายถึงนึกไม่ออก หรือคิดไม่ออก อีกแห่งหนึ่ง ตรัสถึงจิตที่ไม่ขุ่นมัว เหมือนห้วงน้ำใส มองเห็นก้อนหิน ก้นกรวด หอย และปลาทีแหวกว่ายในน้ำ ส่วนจิตที่ขุ่นมัว ก็เหมือนห้วงน้ำขุ่นที่ตรงกันข้าม (องฺ.เอก. ๒๐/๔๖-๔๗/๑๐)
     
  12. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ไม่เข้าใจ มันยังไงกันขอรับผม
     
  13. GipBall

    GipBall เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +182
    ที่เธอง่วงเวลานั่งสมาธิเพราะเกิดจาก จริต นิสัยของเธอเป็นคนที่มีจริตจก้านเยอะมาก ผู้หญิง ผู้หญิง กระเมียดกระม้าย โทษนะกระแด๊ะๆๆๆน่ะนิสัยคุณ ไอ้นิสัยตัวเนี้ยของคุณมันเป็นนิวรณ์ตัวหนึ่งมันแรงมากเยอะมาก มันเลยมาขั้น เวลาคุณทำความเพียร มันดีน่ะมันจาได้ชะล้างจริตตัวนี้ให้น้อยลงต้องอดทนกับมันเมื่อไหร่ง่วงมากก็ต้องฝืนให้ผ่านต้องสู้ ผ่าน1ครั้ง นิวรณืตัวนี้ก็ถูกทำลายไป 1 ครั้ง
     
  14. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ความเนื่องกัน

    น้องๆ หนูๆ ที่ใช้ พลังเคลื่อนออก แล้วกำหนดรู้ จังหวะที่เคลื่อนออก
    เผลอเคลื่อน เผลอส่ง แล้วกำหนดรู้ ตรงนี้ จัดเป็น " กายคตาสติ "

    น้องๆ หนูๆ หากทำได้ถึงขั้นแบ่งร่างนับพัน เผลอแบ่งแล้วรู้ แบ่งแล้วรู้
    ก็จะได้ กายคตาสติ ตรง เผลอแล้วรู้

    ดังนั้น จะเห็นว่าไม่ได้ห้ามประกอบ แต่ ให้ประกอบให้มากๆ ..... เผลอจน
    ส่วนนั้นมันคล่อง ก็ว่ากันไป หากราคะเจือมาก ไม่ได้เป็นลาภ ก็ไม่ใส่ใจ
    เพราะ รสมันไม่เท่า รู้ที่ไม่รู้ รู้ทีอาการมันเผลอ มันเคลื่อน ....เพราะจะ
    ทำให้ หาใจ เจอ หาฐีติจิตเจอ นะฮับ
     
  15. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ถามซ้ำอีกทีสิ คิกๆๆ


    ทดสอบด้วยวิธีไหนขอรับ บอกวิธีที่คุณทำเพื่อต้องการทดสอบสิขอรับผม (deejai)
     
  16. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ใครเขาให้ใช้ สัญญาเข้าจับ สังขารเข้าทำความเข้าใจ ละฮับ

    " ไม่มีไป ไม่มีมา " ปฏิบัติแล้ว จิตมันยกขึ้นรู้ได้ เหมือนดั่งตาเห็นรูป
    เหมือน ดั่งเห็นน้ำใต้จอกแหน ที่แหวกที ก็เห็นที .......ฮิววววววววส์
     
  17. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ที่ถามไม่ตอบ rabbit_run_away
     
  18. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    บ้าเป่าฮับ

    ห้องนี้ ห้องอภิญญา คนจะโพส จะอ่าน อะไรห้องนี้ เขาต้อง ลงมือทำมามากแล้ว

    ไม่ใช่ มาถามภาษาว่า แปลคำนี้หน่อยสิ ขยายคำนั้นหน่อยสิ

    ต้นทุนไม่มี เข้าผิดห้อง ช่วยไม่ได้หนะฮับ
     
  19. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ปฏิบัติยังไงอ่ะ
     
  20. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    คำถามแบบนี้ ควรไปตั้งในห้อง พุทธศาสนาเบื้องต้น นะฮับ

    หรือ โน้นไปโน้นเลย ห้อง ประชาสัมพันธ์ อะไรงี้
     

แชร์หน้านี้

Loading...