สอบถามเกี่ยวกับเรื่ององค์ในขณะนั่งสมาธิ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย rungthongC, 22 พฤษภาคม 2015.

  1. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    คุณ ณฉัตรว่าใครมาสอนครับ
     
  2. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    (แก้คำผิด)

    นี่อีก ห้ามเลย

    คุณ ณฉัตรว่า (เค้า) ใครห้ามครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤษภาคม 2015
  3. GipBall

    GipBall เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +182
    วิชาธรรมมะเปิดโลก
    1.นั่งขัดเพชร เอามือทั้ง2ข้างวางไว้ที่หัวเข่า แล้วดึงลมช้าๆๆก่อนให้ถึงท้องน้อย เคร็ดวิชานี้ สำคัญที่ลมเข้า ลมออกไม่สำคัญ ลมต้องเข้าถึงท้องน้อยใต้สะดือ
    2.ดึงลมเข้าไปเรื่อยๆๆ แล้วสังเกตุว่าลมหายใจเข้าจาค่อยๆๆละเอียดลงเรื่อยๆๆพร้อมกับการสมูทของการโยก
    3.พอดึงไปซักพัก ลมมันจาโชคของมันเองเลยนะ โชคอัตโนมัติ แต่ธรรมยังไม่ลวงมาสู่ขันธ์นะ
    4.จุดนี้และสำคัญ ผ่านจากจุดที่3.มานะให้กระแทกลมเข้า ให้เสียงดังกืดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆลึกๆๆพร้อมกับการแอ่นของร่างกาย กระแทกเข้าเรื่อยๆๆ/////ลมออกจาเสียงดังจายาวหรือสั้นไม่สำคัญ สำคัญที่ลมเข้าต้องกระแทกแรงๆๆกระแทกไปเรื่อยๆๆๆๆๆๆๆจมูกจาตันเหมือนเราไม่สบาย ก็กระแทกไป จุดสำคัญที่อันนึงอันที่2คือห้ามหยุดโชคลม หยุดเมื่อไหร่เริ่มใหม่เมื่อนั้น ก่อนมันจาแสดงกายกรรมนั้น มันจาวูป สังเกตุลมจาระเอียดตัวจาเบา จมูกที่ตันจาหายใจคล่อง ขาที่ปวดเพราะขัดเพชรจาหายปวด บางคนที่มาใหม่ๆๆ มันจาเหมือนไปฟ้าช๊อตเลย ช๊อตตามตัว ปึดๆๆๆ
    5พอแสดงกายกรรมแล้ว เราจาควบคุมเกมได้เพราะธรรมมะลงสู่ขันธ์แล้ว ควบคุมโดนลมหายใจ ปรับลมหายใจใหม่ หายใจสั้นๆๆเร็วๆๆถี่ๆๆเพราะจากระแทกแบบเดิมให้ลมมีเสียงดังไม่ได้แล้วเพราะธรรมลง ลมจาระเอียดกระแทกก็ไม่มีเสียง ปืดดดดดไม่มี มาโชคลมที่ปลายจมูก โดยทำจมูกเหมือนจมูหหนูทำปากจู๋ๆๆดึงเข้าออกเร็วๆๆ

    หมายเหตุคือถ้าดึงเข้าออกเร็วๆๆร่างกายจาแสดงเร็ว ดึงช้ามันก็ชา ดึงเร็วมันก็แสดงเร็ว


    ไอ้ที่แสดงน่ะไม่ใช่องค์หรอกแน่นอน เพราะผมฝึกวิชานี้มา12ปีแล้ว ถ้าไปถามชื่อผมในวัดเขาสมโภชน์ไม่มีใครไม่รู้จักผมครับไอ้ที่แสดงน่ะเป็นอารมณ์ครับ ผมให้องค์1%หมื่นคนมีคนเดียว นอกนั้นอารมณ์หมด มีกรรมด้วย กรรมเนี่ยบางทีก็ไม่ใช่ของเรามันขึ้นอยู่ที่จิตเราไปเชื่อมกับใครบ้างส่วนใหญ่ก็คนในครอบครัว ของผม ผมไม่เคยตีไก่ แต่ผมแสดงไก่ เพราะเตี่ยผมเล่น เพราะจิตมันเชื่อมกันอยู่

    ธรรมมะเปิดโลกไม่ต่างจากการดูจิต แต่การดูจิตเห็นแค่อารมณ์แล้วรออารมณ์ดับ ธรรมมะเปิดโลกเหมือนกันต่างกันที่แสดงเป็นกายกรรม ร่างกายพอแสดงแล้วก็ดับเพราะอารมณ์หมด

    คนขี้โมโหจาสั่น เหมือนเจ้าเข้า กำมือร้องโวยวายเสียงดัง
    คนที่จริตไปทางราคะจริตแบบคุณเจ้าของกระทู้ รำตัวอ่อนแขนอ่อน
    ส่วนพวกคิดมา หัวจาสั่นอย่างเดียวตัวไม่สั่น
    ส่วนพวกโลภ จาอาปากเหมือนซดน้ำ
    พวกนี้อาการทางอารมณ์ทั้งนั้นมีเหมือนกันผสมอารมณ์

    ส่วนพวกกรรมก็มีกรรมไก่ กรรมหมา มด

    พวกที่เคยเกิดเป็นอะไร พญานาคมันไม่ใช่พญานาคมาลงนะมันเป็นภพชาติของเขา ผมเคยเกิดเป็นเปรตผมยังแสดงเปรตเลย ควายก็มี มังกรก็มี

    พวกที่แสดงกรรมเนี่ยแยกไม่ออกว่าเป็นกรรมเราหรือกรรมใคร

    พวกสักยันต์ก็แสดงนะดูรู้

    พวกแกล้งแสดงก็รู้พวกเห็นเขาตะโกนก็เสือกตะโกนเหมือนกันทั้งๆๆที่ไม่ใช่อะไรเลย

    พวกแสดงกรรมได้ยินเสียงเพลงนี่ก็มี มันรำมันเอง

    พวกพูดภาษาเทพ ไม่ใช่เทพนะพวกนี้ผิดศิลข้อมุสา วาจา

    พวกแสดงพฤษติกรรมมีนะเช่นเรากินข้าวกับตะเกียบเราก็แสดงมันเป็นพฤษติกรรม ท่าอาบน้ำ แสดงท่าแปลงร่างตอนเด็กไอ้มดแดง

    กรรมคู่ครับมีจริงๆๆๆเจอกรรมคู่ในวัด สามารถรู้ได้ครับว่าคู่เราอยู่ไหน โดยสังเกตุอาการปวดของหัวใจเวลาเราอยู่ใกล้เขา พร้อมอารมณ์ พวกนี้เป็นเจ้ากรรมนายเวณกัน คูบารมีจาไม่ปวดหัวใจนะ แต่น้อยคู่บารมีผมให้1%นอกนั้นคู่กรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 พฤษภาคม 2015
  4. GipBall

    GipBall เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +182
    ธรรมเปิดโลกเมื่อไหร่ที่ได้ฌาน2เป็วสีแล้วไม่แสดงกายกรรมแล้ว อย่างแน่นอนเอาไปเทียบกับธรรมมะพุทธเจ้าได้ เพราะละวิตก วิจารย์ได้ เข้าปีติ
     
  5. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    นำอีกเคสหนึ่งให้ดู

    จิตเป็นทั้งผู้คิด, ผู้ก่อ, ผู้สั่งสม สั่งสมเท่าไหร่ไม่รู้จักเต็ม ดี ชั่วมันเก็บไว้ได้หมด ทับถมกันไว้
     
  6. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
  7. GipBall

    GipBall เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +182
    นั่งสมาธิแล้วมีภาพเจ้ากรรมนายเวรลอยมาให้เห็นครับ

    เวลาผมนั่งสมาธิ พอภาวนาไปซักพัก เริ่มตัดภาวนาไปแล้วทีนี้ก็จะเกิดอาการ ขนลุกเย็นทั้งตัว แล้วหลังจากนั้นก็จะมีภาพ คน สัตว์ แมลง ที่เราเคยทำร้ายเคยทำให้เค้าตาย หรือเจ็บลอยมาให้เห็น คือ แปลกใจว่า บางเรื่องเป็นเรื่องที่นานมากบางเรื่องเป็นเรื่องสมัยเด็กๆอยู่ด้วยซ้ำ ซึ่งบางทีนึกถึงยังนึกไม่ออกเลย เพราะนานมาก แต่พอมานั่งสมาธิ ก็ลอยมาให้เห็นเฉยเลย

    มีคำถามสองข้อที่สงสัย

    1.เกิดอะไรขึ้นกับการทำสมาธิของผมครับ
    2.แล้วต้องทำอย่างไรเมื่อเจอแบบนี้อีกครับ

    อันนี้ขอตอบอีกคนนะ ผมก็เป็น ผมอ่านปับ ผมเข้าใจเลย เขาเรียกว่า สติที่สะสมมาแรมวัน แรมเดือน แรมปี พอถึงเวลาที่เหมือนสมให้สังเกตุนะ

    1.สมาธิจารวมของเขาเอง หมายเหตุอีกทีนะเขาจารวมของเขาเอง เอาแน่เอานอนกับการรวมของเขาไม่ได้ บางทีเดินๆๆอยู่รวมปับ นั่งอึอยู่รวมปับ นั่งรถไปทำงานอยู่รวมปับ
    2พอรวมเสร็จ อารมณ์เก่าๆๆจาเข้ามาให้รู้สึก บางทีมีภาพด้วย
    3สมาธิจาไล่ตัดๆๆๆๆๆๆๆๆก็ไม่รู้อีกแหล่ะว่าจาตัดไปแค่ไหน
    4พอตัดเสร็จ อารมณืเราจานิ่งมาก ไร้ความคิด ใจเบา ตัวเบา ลมหายใจเบา ราเริงเบิกบาน ได้ซักเท่าไหร่ไม่รู้
    5แล้วก็ถอนกลับสู่สภาพเดิม ความคิดเข้ามาเพียบ ฟุ้งซ่าน
     
  8. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    ผมไม่คิดว่าใครนะครับ ผมเคยมีนิมิตร แก้หลงทางให้ผม อยู่ๆ จำไม่ได้ว่านอนหรือนั่งสมาธิอยู่ก็วูบไปนั่งสมาธิอยู่ในใจกลางพุทธรูป มีเสียงบอกว่า หลักพุทธธรรมอยู่พุทธธรรม แล้วก็วูบกลับมา ตอนในนิมิตรจะคิดว่าใครก็แล้วแต่ใจคิด แต่ออกมาแล้วคือนิมิตร คือฝัน วันรุ่งขึ้นผมไปห้องสมุด เจอพุทธธรรมอยู่ อ่านแล้วได้สาระก็จบครับ นิมิตรมีประโยชน์ ฝันพิสูจน์ได้ ตอนนั้น อายุ 15 - 16 ปี ครับ เจอและรู้จักพุทธธรรมครั้งแรกตรงนั่น ใจมันให้เดินไปห้องสมุดเอง หาหนังสือเอง ไม่ต้องสนใจว่าเป็นใครหรืออะไร อย่าคิดว่าเป็นอะไรเลยครับ มันจะบ้าได้ คิดว่าฝันพอ
     
  9. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    เกิดเป็นมนุษย์ที่มีกายหยาบอย่างนี้
    ดีอย่างหนึ่งครับ..คือเราสามารถพัฒนาจิตวิญญานของเราเอง
    ให้สูงขึ้นได้เรื่อยๆด้วยตัวเราเองครับ..ในขณะเดียวกันก็สามารถทดถอย
    จิตวิญญานของเราได้เช่นเดียวกันครับ...
    ไม่ต้องรู้ผู้มากบารมีมาโปรด ไม่ต้องรอองค์มหาบารมี องค์มหาพุทธะ
    หรือองค์พระมหาอรหันต์ องค์พระพุทธเจ้าทั้งหลายมาโปรด
    ตัวจิตเราก็สามารถที่จะยกพัฒนาจิตวิญญานของเราได้ด้วย
    ตัวเราเองนี่หละครับ...
    ไม่ว่าจะลักษณะนิสัยในการดำเนินชีวิตทั่วๆไป...
    ตลอดจนเรื่องของสัมผัสพิเศษต่างๆ ความสามารถในการรับรู้ต่างๆ..
    ความสามารถในการเข้าถึงระดับพลังงานของจิตวิญญานต่างๆ
    ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ระดับล่างสุด จนถึงระดับสูงสุด ตัวจิตของเราก็สามารถ
    พัฒนาได้ทั้งนั้นครับ...ขอพูดในเชิงพลังงานนะครับ..เผื่อว่าจะเข้าใจได้ง่ายขึ้นครับ..

    เพราะฉนั้นถ้าหากว่าเราต้องการที่ก้าวพ้นเข้าถึงในระดับที่เราไม่ต้องกลับมาเกิด
    หรือขึ้นจากพลังงานมิติที่ ๓ และพลังงานในมิติที่ ๔ ที่ยังเป็นส่วนภาคทิยพ์และ
    ก้าวข้ามไปสู่พลังงานในมิติที่ ๕ ที่เป็นระดับพลังงานที่เราเชื่อว่าไม่มีการเกิดอีกได้นั้น
    เราก็ทำไมไม่มาพัฒนาจิตของเราเอง ร่วมกับพัฒนากายสังขารของเราให้มันมีภูมิ
    ต้านทานเพียงพอ..ที่มันจะร่วมพัฒนาตัวเองร่วมกับจิตของเราเองเพื่อให้เข้าสู่
    เขตพลังงานที่เราไม่ต้องกลับมาเกิด..ด้วยตัวเราเองจะดีกว่าครับ...
    เราดูได้ตั้งแต่สมัยพุทธกาลเหล่าๆบรรดาท่านทั้งหลายที่เราเชื่อว่า
    ท่านพ้นแล้วหรือแม้แต่ในสมัยปัจจุบันที่ล่วงลับไปแล้วไม่นาน..
    ท่านทั้งหลายเหล่านั้นก็พัฒนาจิตวิญญานตัวเองทัังนั้นครับ...
    แม้ว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นจะมีที่พึ่งในการเดินทาง..
    แต่ท่านทั้งหลายเหล่านั้น..ก็ไม่ได้ยึดติดใดๆทั้งสิ้น
    ท่านจึงเข้าสู่จุดที่ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดนั้นเองครับ..และ
    เราอย่าลืมว่า เขตพลังงานที่ ๕ นั้นท่านเปิดรับเราอยู่ตลอดเวลาไม่เคยปิดรับ..
    มีแต่จิตเราเองทั้งนั้นครับ..ที่มันขาดการพัฒนายกระดับจิตวิญญานตัวเอง
    ขาดการพัฒนากายสังขารตัวเองเพื่อให้เข้าถึง..เราชอบเผลอไปยึดติดกับ
    เขตพลังงานที่ ๓ ที่เป็นเขตพลังงานแบบทางโลก เราไปยึดติดเขตพลังงาน
    ที่ ๔ ที่เป็นภาคทิยพ์ ไปพึ่งพึง ไปอาศัยในทุกเรื่อง ไม่ว่าทางโลกหรือทางสัมผัส
    พิเศษ การรับรู้พิเศษอยู่ ยังไงทั้งเขตพลังงานที่ ๓ ที่ ๔ ก็ยังไม่พ้นวนเวียนอยุ่
    ในชั้นพลังงาน ๓๑ ภพภูมิอยู่ก็ยังต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดเหมือนเดิมครับ...
    เพราะฉนั้นควรจะยกพัฒนาจิตวิญญานตนเองก่อน..ให้ข้ามพ้นเขตที่ ๓ และเขตที่ ๔
    และเข้าถึงเขตที่ ๕ ให้เป็นจริตนิสัย..การที่เราจะข้ามพ้นได้ เราก็ต้องปล่อยวางเขต
    พลังงานทั้งเขตที่ ๓ และเขตที่ ๔ ที่ยังอยู่ยังไม่พ้นในส่วนของภาคทิพย์
    และพัฒนากายสังขารของเราให้มันมีความเข็มแข็งเพียงพอสำหรับการเข้าเขต
    พลังงานในเขตที่ ๕ ด้วยกรรมฐานพิเศษกองต่างๆที่มันสร้างภูมิต้านทาน
    ให้ร่างกายเราในขณะที่เรายังอยู่กับจิตดวงนี้..

    เมื่อจิตเรามันคุ้นเคยกับเขตพลังงานที่ ๕
    ในระหว่างวันได้นานมากเท่าไร โอกาสที่เวลาร่างกายเรามันพังในขณะที่เราอยู่ใน
    เขตมิติที่ ๓ ตัวจิตวิญญานของเราที่ได้พัฒนาตัวมันเองเตรียมเอาไว้ก่อนนั้น
    มันก็จะเข้าสู่เขตพลังงานที่ ๕ หรือเขตที่ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดได้เองครับ...
    ไม่ใช่นึกคิดว่า เรามีความจำเป็นยังต้องพึ่งพิงต้องอาศัยเขตพลังงานที่ ๓
    เขตพลังงานที่ ๔ อยู่แล้วเราตั้งเป้าว่าจะเข้าเขตที่ ๕ ได้ มันจะเข้าได้อย่างไร
    หละครับ เพราะตัวจิตเรามันยังไม่คลาย มันยังยึดติดอยู่..แต่ไม่ว่าเราจะ
    ฝึกกรรมฐานอะไรก็ตาม พัฒนาอะไรก็ตามเพื่อที่จะไปเขตที่ไม่ต้องกลับมาเกิดนั้น..
    มันก็จะยังไปไม่ได้เพราะยังมีตัวตั้งที่จะไปซึ่งเป็นกิเลสอย่างหนึ่งเกาะจิตเราอยู่..
    เพราะเขตที่ไม่กลับมาเกิดนั้น ไม่ใช่เขตที่จะเข้าได้ด้วยการไป.หรือเข้าได้
    ด้วยการมา.แต่มันเป็นเขตที่มันเป็นของมันเองอยู่แล้วนั่นเองครับ.
    เพราะฉนั้นตัวจิตวิญญานเรามันต้องไม่ยึดติด มันต้องคลายเขตพลังงาน
    ที่๓ และเขตพลังงานภาคทิยพ์ที่ ๔ ให้ได้ก่อนแล้วเข้าสู่เขตที่มันไม่ต้อง
    กลับมาเกิดที่มันเป็นไปเองของมันอยู่แล้วให้ชินด้วยครับ.

    ปล.ประมาณนี้ครับ....
     
  10. rungthongC

    rungthongC Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +52
    ขออนุโมทนาสาธุด้วยนะคะ ขอบคุณมากที่ช่วยแชร์ความรู้ไว้เป็นธรรมทานนะคะ
     
  11. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    อาการต่างๆ อย่างนี้ มันขวางทางเจริญของนักปฏิบัติ อาการเหล่านี้นั้นคืออะไร นั้น คือ วิบากกรรม หากเรารวบยอดหลักเรื่องกรรม สั้นๆ พูดว่า ทุกอย่างในร่างกายและจิตใจเป็นวิบากกรรม เป็นตัวกระทำกรรม เป็นตัวกิเลส ดีงนั้น เรามีร่างกายและจิตใจเป็นอย่างไร จัดเป็นวิบากกรรม ยกตัวอย่าง พระพรหม มีอายุ มีวรรณะ มีพละ เพราะทำกรรมคือ ตอนเป็นคนทำกรรมคือดำเนินฌาณมา ได้ร่างกายพรหม ได้จิตพรหม เป็นต้น ตัวคนเรา มนุษย์เรา มีร่างกายและจิตใจเป็นอย่างไร มันสะท้อนวิบากกรรม เราเห็นคนยิ้ม เราเห็นวิบากกรรม ที่เค้ายิ้มเพราะเค้าทำกรรมในอดีต คือเมื่อห้านาทีที่แล้ว เค้าเพิ่งตักบาตรมา เป็นต้น สรุปว่า ร่างกายและจิตใจมันเป็นวิบากกรรม เป็นกรรม และกิเลส

    เมื่อทำกรรมฐาน เป็นการทำกรรม ขวางกิเลส เป็นกรรมปัจจุบัน เป็นสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน(ชาตินี้เพิ่งมาทำ) การทำสมาธิกรรมฐาน เป็นการยกระดับจิตไปเป็น ??? จิตมีสติสมาธิ ระดับอุปจาร เป็นเทพ ระดับปฐมฌาณเป็นต้นไปเป็น พรหม ปัญหาที่เกิดคือ ร่างกายที่มีวิบากกรรมจากจิตที่อยู่ในอารมณ์ภูมิสัตว์นรก เปรต อสุรกาย เดรัจฉาน มนุษย์ ครุฑ นาค ยักษ์ ย่อมไม่อาจรองรับจิตที่มีอารมณ์เทพ พรหมได้ คนโบราณกาลมีความเชื่อว่า คนจะเป็นเทพร่างกายต้องเป็นเทพ ต้องชำระมลทินออกจากร่างกายด้วย (อ่านชาดกเรื่องพระเจ้ามันธาตุราช เพิามเติมเอานะครับ) ถ้าท่านมีวิบากกรรมต้องรับก่อนขึ้นสวรรค์ท่านต้องลงนรกก่อน เทวดาต้องไม่โกรธ ร่างกายและจิตที่มีวิบากกรรมที่เป็นอุปสรรคในการเข้าถึงเทพ พรหม ต้องออกฤทธิ์อย่าให้ค้างไปภพสวรรค์

    วิธีชำระล้างมลทิน โดยส่วนมากต้องชดใช้กรรมในนรกก่อน คือ ไปชดใช้กรรมก่อน ต้องรับวิบากกรรมชั่วก่อน ท่านผู้ปฏิบัติมาถึงตรงนี้ ต้องเผชิญนิมิตรอันเป็นวิบากกรรม เจ้ากรรมนายเวร ในช่วงอุปจาร ซึ่งจิตกำลังเลื่อนเข้าชั้นเทพ ธาตุในรูปและนามจึงฟุ้งซ่านกระเส็นมากวนจิต หนึ่ง วิบากกรรมอันเกิดจากร่างกายในระดับล่างต้องถูกชำระล้างแสดงเป็นนิมิตร สอง กระแสวิบากอันตามมายังร่างกายและจิตทั้งใหม่คือชาตินี้ เก่าคือชาติที่แล้ว เรียกว่าเจ้ากรรมนายเวร ประเภทต่างๆ ธรรมะเปิดโลก จะเปิดโลกเพื่อชำระล้างมลทินในร่างกายและจิตใจก่อน เมื่อเคลียร์ กรรมฐานจะก้าวหน้าเร็ว ถ้าไม่เปิดโลกจะปรากฏเป็นอุปสรรค เป็นนิมิตรต่างๆ แก่ร่างกายและจิตใจจนกว่าจะเคลียร์ เป็นได้สารพัด

    การชำระล้างแบบเตรียมการณ์ไว้ดี ถ้าไม่อยากออกกรรมหรือเจอนิมิตรต่างๆ นานา มีแก่ผู้พัฒนาจิตดังนี้ ทำกรรมฐานอื่นก่อน ง่ายๆ ก่อนรับกรรมฐาน คือก่อนนั่งสมาธิ ก็ปรับจิตใจของตัวเองเป็นเทพเป็นพรหมเสียก่อน ผมอยู่สายเปิดโลก แต่ไม่ออกกรรม นั่งไม่ค่อยมีนิมิตรเลย แทบไม่มี เพราะปฏิบัติ ดังนี้
    เป็นคนไม่เชื่ออะไรง่ายๆ เน้นเมตตาภาวนาจนร่างกายและอารมณ์จิตเป็นพรหม สลับกับนึกถึงพุทธานุสติตลอดเวลา ลดละเลิกนิสัยในภพอื่นที่ไม่ใช่เทวดากับพรหม ทำกุศลแล้วแผ่ให้เจ้ากรรมนายเวร เมื่อฝึกกรรมฐานท่านไม่ต้องออกกรรมหรือไม่ต้องพบเจอนิมิตรมากครับ

    ปล. คนทั่วไปเข้าวัดเพื่อดับทุกข์ อยู่บ้านไม่ฝึกฝนจิตอยู่ที่ทำงานก็ไม่เอา จิตลงในภพภูมิต่ำกว่าเทวดาตลอด รักมากโกรธมาก นรก หลงมาก เดรัจฉาน โลภ เปรต บางครั้งมีศีลห้าครบบ้างไม่ครบบ้าง สมาทานบ้างไม่สมาทานบ้าง เดรัจฉานต่างๆ พอไปวัดร่างกายที่เคยรับแต่จิตล่างๆ รับจิตบนๆไม่ไหว ดังนั้น สำหรับชาวบ้านเปิดโลกจะเร็วมาก แต่ว่าถ้าอยู่วัดไม่ต่อเนื่อง กลับบ้านไปใช้ชีวิตแบบเดิม กลับมาก็ต้องออกกรรมอีก ตามปกติ ช่วงออกกรรมต้องไม่นานเกินไป หรือช่วงนิมิตรกวนก็ไม่ควรมีบ่อยเพื่อไปต่อครับ

    เมื่อผ่านระดับสมถะ คือ จิตมีสมาธิระดับ อุปจาร และฌาณ 1 หมายเอาว่า เวลาทำอะไรเราจะสนใจแต่สิ่งนั้น ใครหรืออะไรจะเรียกเราให้ออกจากสิ่งที่สนใจไม่ได้ แน่วแน่จะพิจารณาสิ่งนั้น แน่วแน่จะดูหรือฟังสิ่งนั้นแต่สิ่งเดียว จะได้ตอนหลับตาหรือลืมตา ก็เลิกสนใจนิมิตรทั้งปวง ยกจิตขึ้นพิจารณาวิปัสสนาก็คือ เอาสมาธิอันแน่วแน่นั้นพิจารณาธรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง เอาง่ายๆ นะครับ ถ้าเกิดอะไรแปลกๆ ในช่วงนี้ อาจมีนิมิตรระดับวิปัสสนา นิมิตรนั้นต้องเสริมให้เราพิจารณาธรรม อาทิ เห็น หลักธรรมคือไตรหลัก เป็นสภาวะธรรม คือรูปและนาม ต้องเห็นแล้วคลายความยึดมั่นถือมั่นลง หรือความหน่าย หากเห็นว่าไม่มีสภาวะรู้ตธรรม ถือว่า เป็นนิมิตรหลอก เราขาดสติในบางจังหวะ ที่ร้ายคือมารรูปแบบต่าง ดังนั้น ก่อนวิปัสสนา เข้าใจธรรมก่อนนะครับ อ่านปริยัติบ้างครับ ไม่ต้องอ่านแบบเกินจำเป็น ผมว่า อ่านพุทธรรม เป็นแนวที่เหลือปฏิบัติ ไม่เข้าใจตรงไหน ไปหาพระสายกรรมฐาน ถามท่านได้เลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2015
  12. rungthongC

    rungthongC Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +52
    การตั้งหัวข้อกระทู้นี้มีข้อดีหลายๆ อย่างมากค่ะ อย่างน้อยก็ได้รับความรู้ในหลายๆ ด้านจากท่านนักปฏิบัติทั้งหลาย ขออนุโมทนาในบุญกุศลที่ท่านได้ช่วยกันมีส่วนร่วมในการสืบต่อธรรมะของพระพุทธศาสนาไว้ด้วยนะคะ สาธุ
     
  13. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ที่ณฉัตร (ว่าวิธีคิด) ว่า "เค้า" มาสอน ... เค้านี่ใครมาสอน
     
  14. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ขออนุญาตถามคุณ ball21 คุณช่วยเล่า "กัมมัฏฐานเปิดโลก" ตามที่คุณรู้เข้าใจเป็นธรรมทานสิครับ ชื่อนี่มีที่มาที่ไปยังไง ผู้ปฏิบัติเริ่มต้นทำกันยังไง
     
  15. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    คือเค้าไม่ให้คิดครับ อะไรที่รู้ ให้ปล่อยเป็นอาการผุดรู้ ถ้าเป็นความรู้ระดับญาณ เรียกว่า เกิดการหยั่งรู้ ถ้าระดับ ปัญญา ก็เรียก ปัญญาญาณ ทั้งสามอาการ ไม่ให้คิด ไม่หมายถึง การคิด การนึก จัดเป็นว่า รู้ บริสุทธิ์ จับจิตเราให้ได้ก่อน สภาพไหน คือ การคิด การนึก ถ้าอาการไม่ใช่ผุดรู้ การหยั่งรู้ ปัญญา ไม่ต้องสนใจ ในนิมิตรถ้ามาสอนจริง จิตผุดรู้จะรู้ ว่าใครจิตมันบอกเอง ถ้าจิตไม่บอกแปลว่า ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าใคร โดยส่วนใหญ่ ถ้าไม่เกิดผุดรู้ หมายถึง ไม่จำต้องรู้ และโดยส่วนใหญ่ เค้าไม่ให้รู้เพราะจะได้ไม่ต้องยึดติด ให้พิจารณาธรรม ถ้าเราฉลาดก็อย่าไปตั้งจิตถามอะไร ว่าท่านเป็นใคร เพราะรู้ไปต้องเสียเวลามาสอบทานตัวตน ว่ามารหรือไม่ เรื่องของเรื่องเราก็รู้ว่ามารแปลงเป็นพระพุทธเจ้ายังได้ เราจะเชื่อเรื่องตัวตนทำไม ตัดปัญหาไป พุทธธรรมให้ทิ้งตัวตนนะครับ แทนที่จะสอบทานอย่าเดียว คือ สอบทานธรรม สิ่งที่สอนความรู้ที่ได้มาเราต้องสอบทาน ต้องตรวจสอบได้ ต้องรู้หลักพุทธธรรม ดังนั้น แม้ผุดรู้ว่าเป็นใครก็ต้องเฉยๆ สนใจธรรมอย่างเดียว อีกอย่างถ้าผุดรู้ว่าใคร จะเป็นประโยชน์คือไปหาท่านด้วยกายเนื้อได้ เป็นการสร้างศรัทธาเพื่อไปปฏิบัติธรรมกับท่าน หรือไปกราบท่าน ถ้าไม่มีประโยชน์อะไร ผู้บรรลุธรรมระดับพระโสดาบัน ก็มีความยึดมั่นถือมั่นเยาบางแล้ว
    สรุป ผมตอบให้ไม่ได้ ถ้าเราอ่านพระไตรปิฏกมากๆ จะพบว่า การผุดรู้ นี่ต้องระวัง เพราะ ผี เทพ มาร พรหม สามารถดลใจได้หมด ไม่นับผู้ที่มีอภิญญา ที่เป็นคนก็ยังสามารถ หรืออาการผุดรู้ของจิตเอง ก็ไม่เท่ากัน เราปุถุชน จิตเรายังไง อาการผุดรู้ ก็อย่างนั้น จะให้เหมือนกันไม่ได้ แต่ในเบื้องต้น จิตมันรู้ของมันได้เอง โดยธรรมชาติ แต่จะให้อย่างพระอริยะก็ไม่ได้ ดังนั้น การผุดรู้ ก็ไม่ควรถือมั่นอีก เอาไว้ระดับญาณ ระดับปัญญา ถ้าฝึกถึงขั้นแล้วจะรู้อะไรก็ตามใจแล้ว
     
  16. GipBall

    GipBall เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +182
    1ปรับจิตใจเป็นเทพ พรหมอย่างที่เธอพูดปรับไม่ได้จริงหรอกเหมือนหลอกตัวเองเท่านั้นแต่เหมือนกับการน้อมขอให้หลวงพ่อคงช่วยให้เราออกกรรมได้ น้อมให้ตายก็ออกกรรมไม่ได้ ถ้าไม่รู้เทคนิคในการฟอก ฟอกไม่ต่อเนื่อง ฟอกๆๆหยุดๆๆชาตินี้ก็ไม่แสดงกายกรรม

    เธอว่าอยู่สายเปิดโลกแล้วไม่เคยออกกรรม เราได้ยินบ่อยมากเมื่ออยู่ที่วัด เพราะเขาเหล่านั้นฟอกลมไม่เป็นรวมทั้งเธอด้วยเธอฟอกไม่เป็น ถ้าเธออยู่กรุงเทพเรานัดเจอกันไหม หรือเจอที่วัดก็ได้ วัดเขา วัดรังนก วัดป่าศรีมหาโพธิ์ก็ได้ ภายใน1ชั่วโมงเธอต้องทำตามที่เราสั้งทั้งหมด เธอจาแสดงกรรมทันที

    วรรคที่ 2ของเธอมันก็ทำไม่ได้จริงมันเป็นแค่การคิดนึกเอาเท่านั้น สภาวะที่ได้ในจิตนั้นมันไม่ได้ ถ้านึกหรือน้อมเอาน่ะได้

    วรรคที่3การยกจิต ไอ้คำเนี้ยเราก็ได้ยินบ่อยๆๆพระวัดเขาชอบพูดกัน มันเป็นคำที่ฮิตของพระวัดเขา หรือใครก็ตามที่อยู่วัดเขา มันยกไม่ได้จริงหรอก ถ้ายกได้จริง ทำไมไม่ยกจิตขึ้นฌาน4เลยล่ะ ถ้าน้อมได้จริงทำไมไม่น้องจิตให้เป็นอรหันต์เดี๋ยวนั้นเลยล่ะ และพิจารณาวิปัสสนา ก็พิจารนาไม่ได้จริงๆๆมันเป็นการนึกคิดเอาเท่านั้น วิปัสสนาต้องเห็นสภาวะธรรม เกิด-ดับของความคิด อารมณ์จริงๆๆที่เกิดที่จิตที่ใจเราเท่านั้น ถ้าพิจารณาได้จริงทำไมไม่พิจารณาวิปัสสนาให้สำเร็จเป็นโสดาบันเลยล่ะ

    1.ฟอกลมไม่เป็นไม่มีทางเข้าใจธรรมมะเปิดโลกแน่นอน
    2.ไม่เคยแสดงกรรมไม่เข้าใจวิชานี้แน่นอน
    ธรรมมะเปิดโลกเหมือนกับที่หลวงพ่อปราโมชช์สอนทุกอย่าง อารมณ์เกิดดับจิตเกิดดับ ต่างกันที่หลวงพ่อปราโมชช์อารมณ์เกิดที่ใจ เปิดโลกเกิดที่กาย และไม่มีใครที่จาผ่านกรรมได้นอกจากกรรมเขาจาผ่านของเขาเอง เพราะเขาเป็นอนัตตาบังคับไม่ได้ จงใจให้ผ่านเองก็ไม่ได้

    เหมือนกับชาววัดเขาบางคนที่บอกว่ารู้กรรมแล้วให้ผ่านอย่าไปนึกมันอีก ยกจิตขึ้นสู่วิปัสสนา คนที่พูดอย่างนี้ เขารู้ไม่จริง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 พฤษภาคม 2015
  17. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ฉลาด แต่ไม่เฉลียว

    พระพุทธศาสนา ไม่ใช่ การสอนเรื่องไปฝึกให้จิตมันคิดในสมาธิ

    เพราะแค่ลำพังตัว สมาธิ ตัวสมถะ40กอง ล้วนแต่เป็นการ ส่งจิตออกนอก
    เป็นการใช้ ขันธ์5

    ขันธ์5 จะนำนิพพานมาให้ นำโรงวิชามาให้ นำการเดิน18กาย 31กายมาให้
    นั้น มัน สมาธิโง่ๆ ไปให้ ขันธ์5 มันหลอกปู้ยี่ปู้ยำ โง่ดักดาน แล้วไม่รู้ตัว

    ลองตรองดูสิ ก็ พระพุทธองค์ตรัสอยู่ว่า การดำริ คือ หนทางสบช่องของมาร

    พอดำริปั๊ป มารมามันมาถาม ว่าจะ สู้ไหม จะเก่งกว่า พระพุทธเจ้าเอาไหม จะ
    ทำให้ช่วยได้มากกว่า แล้ว ทะลึ่งไปเชื่อมัน ...............ไอ้โง่ สอนกันไปได้
    แล้ว พวกโง่ๆ ก็เรียนกันไปได้ !!! ดักดาน

    การดำริ ในเมื่อมันเป็น เครื่องมือของมาร คนฉลาด มีปฏิภาณ เขาต้อง
    ไม่ไปใช้เครื่องมือ อย่างนั้น จะต้อง พิจารณา เพ่งให้ดีๆ ในอาการ จิตมันเคลื่อน

    จิตมันส่งออก พอส่งออกไปมีกาย ความคิดมันจึงมีปัจจัยเกิด ดังนั้น คนโง่เท่านั้น
    ที่ไปเชื่อความคิด ในขณะที่เห็นอยู่ว่า ธรรมก่อนหน้าคือการเคลื่อนไปมีกาย มัน
    มีกริยาอยู่ ดังนั้น ต้องสาวไปหาเหตุ หาธรรมที่ปราศจาก"กาย" ไม่มีราคะ

    มีราคะเมื่อไหร่ จิตมีกาย กายฮา กายเฮวอะไรก็ตามแต่ ราคะ มันกัดกบาล จิต
    มันจึงเคลื่อน ดูการเคลื่อน เห็น ราคะ เนืองๆ ก็จะ ภาวนาสาวไปหาเหตุของ
    " ราคะ " ได้ เห็นได้ว่า ราคะ มีเหตุจากอะไร พอเห็นได้ เนี่ยะ สมาธิพึ่งเกิด

    ฌาณฮา ฌาณเฮว อะไร สำรอกราคะได้ไหม ไม่ได้ ..........!! มีแต่โดนราคะ
    มันพาไป ปู้ยี่ปู้ยำ เคลื่อนเขาสู่ภพ

    แต่การกำหนดรู้ ความไม่เที่ยงของภพ จะทำให้เห็น เวทนาคือสิ่งไม่เที่ยง

    กำหนดรู้มาที่เหตุคือ เวทนาไม่เที่ยง จิตจะถึงฐานสมาธิ ขณิกสมาธิ

    พระสารีบุตร เข้าสัญญาเวทยิตนิโรธน ด้วย อาการ "ขณิกสมาธิ"

    ดังนั้น ไอ้ อุปจาร อัปปนาสมาธิ ฟังธรรมไม่เป็น ไปเชื่อเอา พวกบ้านนอกคอกนา
    แปลความสุ่มสี่สุ่มห้า เป็นฌาณแฌณ นั้น โดนเขาหลอก ให้โง่ โดนเขาหลอก
    ให้ ทำกุศลโลกๆไปก่อน ดีกว่า ปล่อยให้คนโง่ๆไปขยันทำเฮียทำฮาอย่างอื่น
     
  18. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    ในตำราเค้าเล่าว่าพระสารีบุตร นับเม็ดฝนที่ตกในจักรวาลได้
    แต่การที่จะบอกว่าพระสารีบุตร ทำสัญญาเวยิตนิโรธด้วย ขณิกสมาธิ
    แหม.... มันแหกตำราเหมือนกันนิ
     
  19. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    เป็นไปได้ เพราะตอนนั้น
    ไม่มีคน ชื่อสารีบุตรอยู่แล้ว
    จะเข้าจะออก ก็เป็นอุปปาทานหมด
     
  20. GipBall

    GipBall เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +182
    จาไปรู้มันทำไม ตามเขาไปเลย เขาคิดสูตรสำเร็จเขาแล้ว เราทำตามสูตรเขาอย่างเดียว ผมค้นคว้าทดลองกับวิชานี้มา10ปี ในระหว่าง10ปีก็ปฎิบัติแนวหลวงพ่อเทียนไปด้วย หลวงพ่อเทียนผมก็เข้าใจนะ ตอนหลังก็มาปฎิบัติหลวงพ่อปราโมชช์ได้ซัก5ปีรวมทั้งหมด12ปี สรุป เหมือนกันหมดธรรมมะที่แต่ละอาจารย์สอน ต่างกันนิดหน่อย

    ยากมากวิชาธรรมเปิดโลก น้อยคนนักที่จาเข้าใจ ต้องลงมือเล่นกับมัน คิดเอาไม่ได้ ต้องแสดงกรรมจริงๆๆให้ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 พฤษภาคม 2015

แชร์หน้านี้

Loading...