ฝึก กรรม-ฐาน ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย ธรรม-ชาติ, 16 ตุลาคม 2013.

  1. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ อิอิ มีคัยจับไข้หัวโกร๋นมั่งป่าว เห็นกับตาแล้วนะ ว่าที่โพสท์ไปนั้น "จริงทุกเม็ด เด็ดทุกยก" ที่เคยตอบ เมิล ไปหนะ อยู่ในลิ้งค์ข้างล่างนี้

    http://palungjit.org/9474562-post938.html

    +++ ระยะนี้อาจมีการฝึกแบบ ยกสั้น ๆ ที่ สวนจตุจักร หรือใน กทม แบบ บ่าย-ค่ำ ๆ ต้องคอยดูอีกที เวลาอาจไม่แน่นอน ต้องนัดแบบวันต่อวัน แล้วแต่สถานการณ์ ส่วนใหญ่จะเป็นคนนอกเวปพลังจิต ให้ลอง pm สอบถามกับคุณ อินทรบุตร ดูเอา สำหรับคนที่สนใจ นะครับ
     
  2. ธรรมอยู่

    ธรรมอยู่ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +55
    รู้สึกว่าจิ้มรู้จะมันส์ที่สุดนะคะอาจารย์มันจะเบาๆ คราวหน้าจะลองกับออกกำลังกายแบบ T25 ดู คงมันส์พิลึก
    .....อาจารย์คะบางทีเราดูหนังอาการเหมือนเราสิงหนังเลยค่ะ เหมือนหนังโยกๆแล้วเรารู้สึกเวียนหัวค่ะ ใช่เราสิงหนังรึเปล่าคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 มีนาคม 2015
  3. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ เวลาจะฝึก ตอนดูหนัง ควรปล่อยให้ "ขันธ์ทุกชนิด" มีอยู่ตามปกติทุกประการ เพียงแต่ให้เรา "อยู่กับรู้" ซึ่งเป็นเรื่องของ "ผู้ที่ฝึกจบแล้ว และ เป็นรู้"

    +++ ตรงนี้จะแตกต่างกับ คนที่ไม่ได้ฝึกคือ คนเหล่านั้น "อยู่กับอารมณ์" และ "ไม่มีวันรู้" และ เขาจะดูเราไม่ออก เพราะทุกคนมีขันธ์เหมือนกันทั้งหมด

    +++ ให้ทำ "รู้เป็นใส้เทียน โดยมี ขันธ์อยู่ข้างนอก" ในเวลาดูหนัง ตรงนี้เป็น "มหาปัฏฐานสูตร (เหตุปัจจโย)" แล้วจะ "เห็น" อาการของขันธ์หลากหลายไปมา

    +++ หากต้องการรู้ว่า "ขันธ์ หรือ ปรากฏการณ์ ตัวไหนเป็นอะไร" จึงค่อย "ย้ายเข้าไปอยู่" ในขันธ์นั้น ๆ อีกที ตรงนี้จึงเป็นการ "สิง" ที่ถูกต้อง นะครับ
     
  4. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    Line

    +++ ตอนนี้ ถ้าใครเบื่อที่จะเข้าทางเวป จะเข้าทาง Line บ้างก็ได้ หลาย ๆ ครั้งการคุยอย่าง "กลุ่มปิด" ก็อาจจะมีความสะดวกมากกว่า "กลุ่มเปิด" และจะมี "ความจริงใจ" มากกว่า

    +++ ผู้ที่ยังสนใจการฝึก และ สะดวกถามใน Line มากกว่า ก็ให้ pm ติดต่อกับคุณ อินทรบุตร ได้นะครับ
     
  5. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    Line For Windows

    +++ มีบุคคลที่ "ฝึกจบแล้ว" ในกระทู้นี้ เข้ามาที่กระทู้นี้ได้ แต่ยังเข้ามาทาง Line ไม่ได้ หากจะใช้ Line ใน Windows ก็ให้ทำตามขั้นตอนข้างล่างนี้

    วิธีทำ PC ให้ใช้ Line ได้

    สิ่งที่ต้องมี คือ 1. เบอร์มือถือ (ห่วย ๆ ก็ได้) 2. อีเมลล์ จากนั้น

    +++ 1. ให้ใช้ PC ไปที่ bluestacks.com "ลงไปข้างล่างสุด" ตรง Download the #1 Android Emulator! แล้วกด "Ready to Play?"

    +++ 2. save file ที่ชื่อ BlueStacks-ThinInstaller.exe ลงในเครื่อง

    +++ 3. จากนั้น setup แล้ว download ตามที่โปรแกรมต้องการ

    +++ 4. หลังจาก ทุกอย่างเสร็จแล้ว ให้ใช้ Android Emulator แล้วหาโปรแกรม Line

    +++ 5. จากนั้นทำ Register Line ให้เสร็จเรียบร้อย ต้องใช้ เบอร์มือถือ+อีเมลล์

    +++ 6. เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ก็จะได้อีเมลล์จาก Line ยืนยัน Verification code

    +++ จากนั้นให้ลองเล่น Line ข้างใน Android Emulator ให้เรียบร้อยก่อน (ตรงนี้ยังใช้ภาษาไทยไม่ได้)

    +++ เมื่อทุกอย่าง "ใช้ได้แล้ว" จากนั้น

    +++ 1. ให้ใช้ PC ไปที่ linepc.me เลื่อนลงมาข้างล่าง แล้วเลือก version windows ให้ถูกต้อง แล้วกด download

    +++ 2. save file ที่ชื่อ LineInst.exe ลงในเครื่อง

    +++ 3. จากนั้น setup แล้ว เริ่มใช้ Line ตามต้องการ

    +++ สำหรับผม หลังจากที่ Line ใช้งานได้แล้ว ผมทำ Uninstall Android Emulator ทิ้งไป เพื่อลดสภาวะแวดล้อมภายในเครื่อง ไม่ให้วุ่นวายเกินเหตุ

    +++ เมื่อเรียบร้อยแล้วให้ PM ติดต่อกับคุณ อินทรบุตร แล้วจะได้ "สื่อสารทาง Line" ได้สะดวก นะครับ
     
  6. ้เดินธรรม

    ้เดินธรรม สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +3
    คุณ อินทรบุตร ถ้าได้รับ PM ของผมแล้ว
    ตอบด้วยนะครับ...
     
  7. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    เมื่อวาน ตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงผู้ชายเรียกชื่อ ก่อนที่จะได้ยินเสียงรู้ว่ามีหย่อมเกิดขึ้นก่อนตรงกำแพงเยื้องกับแอร์ หลับอยู่แต่รู้ว่ามีหย่อมเกิดขึ้นได้อย่างไรนะ?

    อาการเปลวเทียนช่วงนี้จะออกจากท้ายทอยก่อนที่จะคลุมทั้งร่างตามมาคะ

    เพิ่งสังเกตุอะ หรือตัวพูดมากมันบอกมาก็ไม่รู้ คนเราต้องมีบ้านอยู่ จิตก็ต้องมีที่อยู่เหมือนกัน
    ที่อยู่ของจิตมีอะไรบ้างคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤษภาคม 2015
  8. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    เมื่อวาน ตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงผู้ชายเรียกชื่อ ก่อนที่จะได้ยินเสียงรู้ว่ามีหย่อมเกิดขึ้นก่อนตรงกำแพงเยื้องกับแอร์ หลับอยู่แต่รู้ว่ามีหย่อมเกิดขึ้นได้อย่างไรนะ?

    +++ อวิชชา ปัจจยา สังขารา "หย่อม" ที่เห็น คือ หย่อมของอวิชชา ซึ่งเป็น สภาวะธาตุชนิดหนึ่ง ถ้าใช้ภาษาใน มหาสติปัฏฐาน 4 ก็เรียกได้ว่าเป็น "หย่อมธรรมารมณ์" ปรากฏก่อน

    +++ จากนั้น "จิตตะสังขารขันธ์" จึงปรากฏตามมา ส่วน "เสียง" ที่ได้ยิน ย่อมปรากฏใน "บริเวณใจกลาง" ของ หย่อมนั้น เรียกว่า "วจีจิตตะสังขารขันธ์"

    +++ ตรงนี้เป็นการทำงานของ "จิตสื่อสาร" ที่มาจาก "จิตอื่น"

    +++ ส่วนผู้ใดที่เป็น "สภาวะรู้" แล้ว ย่อมเห็น "หย่อมความกดแห่งอวิชชา" ได้ไม่ยาก แม้ว่าจะ "หลับ" อยู่ก็ตาม โดยเฉพาะ ผู้ที่สามารถทำ "หลับอยู่ส่วนหลับ ตื่นอยู่ส่วนตื่น" ได้

    อาการเปลวเทียนช่วงนี้จะออกจากท้ายทอยก่อนที่จะคลุมทั้งร่างตามมาคะ

    +++ จริง ๆ แล้ว มันออกมาจาก "ใจกลางกระโหลกศีรษะ" ก่อน

    เพิ่งสังเกตุอะ หรือตัวพูดมากมันบอกมาก็ไม่รู้ คนเราต้องมีบ้านอยู่ จิตก็ต้องมีที่อยู่เหมือนกัน ที่อยู่ของจิตมีอะไรบ้างคะ

    +++ จิตในที่นี้ ที่ตัวพูดมากมันบอก คือ "จิตตะสังขารขันธ์"

    +++ "อวิชชา ปัจจยา สังขารา" ดังนั้น "สังขารทุกชนิด ย่อมต้องมีอวิชชา เป็นที่อยู่"

    +++ ตามภาษาของ มหาสติปัฏฐาน 4 คือ จิต ย่อมต้องอาศัย ธรรมารมณ์ เป็นที่อยู่

    +++ จิตอาศัย ณ ที่ใด ณ ที่นั้นย่อมมีความ "เป็นกาย" ของจิต

    +++ "อวิชชา ปัจจยา สังขารา" สังขารจิต เสพ ธรรมารมณ์ โดยมีสภาพ ธรรมารมณ์ เป็นเครื่องอยู่ ตรงนี้เป็น "อรูปาวจร" (ขันธ์เดี่ยว)

    +++ "สังขารา ปัจจยา วิญญาณัง" สังขารและวิญญาณจิต เสพ ธรรมารมณ์ โดยมีสภาพ ธรรมารมณ์และสังขารจิต เป็นเครื่องอยู่ ตรงนี้เป็น "รูปาวจร" (วิญญาณขันธ์ หมวดขันธ์ 5)

    +++ "วิญญาณะ ปัจจยา นามะรูปัง ปัจจยา สฬายตนัง" วิญญาณ สื่อสารด้วย นาม-รูป ตาม อายตนะ 6 เป็นเครื่องอยู่ ตรงนี้เป็น "กามาวจร" (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ)

    +++ จิตอยู่ที่ใด สภาวะใด องค์ประกอบแบบไหน "ที่นั้นเป็นภพ" (บ้าน)

    +++ บ้านของจิต ในภาษาของ "สังโยชน์" เรียกว่า "กาย" ที่รู้จักกันในนาามว่า "สักกายะทิฐิ" นั่นเอง

    +++ โพสท์นี้ เป็นการตอบคำถามของ "ผู้ที่เป็นสภาวะรู้" เรียบร้อยแล้ว

    +++ ดังนั้นจึงเป็น "ภาษาที่เข้าใจง่าย" ของบุคคลที่ "เป็นรู้" เพราะเคย "เห็น" เคยมี "ประสพการณ์" ในการ "เห็น" สภาวะของ "อวิชชา" มาแล้ว

    +++ สำหรับบุคคลที่ "ยังไม่เป็นสภาวะรู้" ก็ย่อมยังไม่เห็นสภาวะ "การก่อตัวของอวิชชา" ดังนั้น โพสท์นี้จึงยังเป็น "ภาษาที่เข้าใจไม่ได้" อยู่ดี

    +++ สำหรับผู้ที่ "ยังไม่เป็นสภาวะรู้" หากมีความประสงค์ที่จะ เร่งความเพียร ต่อไป ก็อย่าได้ท้อถอย "กาย ความรู้สึก จิต และ อารมณ์" มีอยู่ใน ตน ตลอดเวลา

    +++ ให้ฝึกฝนแบบภาคปฏิบัติ จนสิ้นสงสัย ในสภาวะธรรมต่าง ๆ หากยังติดขัดตรงไหน ในแนวทางของการปฏิบัตินี้ ก็โพสท์ถามมาได้ นะครับ
     
  9. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    คำถาม :บุญเกิดที่ไหน แล้วเราสามารถทำให้บุญเกิดขึ้นตรง ๆ โดยไม่ต้องพึ่งพาสิ่งอื่นได้เลยไหม

    ที่มาของคำถาม : คำถามนี้เกิดจากการทบทวนการเริ่มต้นปฏิบัติเมื่อ 6 ปีที่แล้วที่เริ่มจากการให้ทานใส่บาตร รักษาศีล ฟังเทศน์ สวดมนต์ นั่งสมาธิ จนมาฝึกสติระดับอยู่กับตนได้แล้ว ความรู้สึกที่จะต้องทำบุญทำทานก็เริ่มน้อยลง ความรู้สึกที่จะต้องนำสิ่งที่อยู่ภายนอกมาทำให้เป็นสุขก็น้อยลงไปเรื่อย ๆ จึงเป็นที่มาของคำถามคะว่าเราสามารถสร้างบุญให้เกิดขึ้นมาตรง ๆ เลย ได้ไหม และทำยังไง
     
  10. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    อาการของ "บุญที่ทำได้" โดยไม่ต้อง "ซื้อ หรือ ลงทุน"

    +++ คำตอบ : "บุญเกิดขึ้นที่ จิตตน (อัตตาจิต)" สามารถทำให้บุญเกิดขึ้นตรง ๆ ได้เลยโดยการ "เดินจิต" ให้เข้าสู่ "ธรรมารมณ์ สุข" (บุญคือ ความสุข ความปิติ ความอิ่มเอิบ ความเบิกบาน)

    +++ อาการของ "บุญ" เป็นอาการของ "ธรรมารมณ์ ปิติ และ สุข" และเป็นอาการของ "กรรม-ฐาน แบบเปิด" ไม่ใช่ "แบบปิด"
    ==================================================

    +++ ในขณะที่ "อาการของ บุญ ปรากฏ" (เฉพาะผู้ที่เคย "ทำบุญ" แล้ว "ได้บุญ" เท่านั้นจึงทราบได้) ในขณะนั้น ๆ จะทราบตนเองได้ชัดเจนว่า "อายตนะแห่งตน เปิดกว้าง แจ่มใส เต็มไปด้วย สติและสัมปชัญญะ" ธรรมารมณ์ ที่จิตเสพอยู่ เต็มไปด้วย "ความปิติ เบิกบาน รื่นเริง ทุกอย่าง แจ่มใสไปทั้งหมด"
    ==================================================

    +++ หากจะพูดด้วย "ภาษาที่เข้าใจง่าย" ก็คือ ณ ขณะนั้น เป็นอาการ "เบากาย เบาใจ รื่นเริง แจ่มใส ในทุกอิริยาบท ในทุกขณะจิต ในสภาวะ จิตปกติสามัญ โดยปราศจาก สิ่งเร้า ทั้งปวง"

    +++ หากจะพูดแบบ "ภาษาปฏิบัติ" ก็กล่าวได้ว่า ในขณะนั้น ๆ "ไม่ใช่ สมถะฌานสมาบัติ" แต่เป็นอาการของ "การเสพธรรมารมณ์ แบบ วิปัสสนา ในระดับ ฌาน 2-3 โดย ไร้เจตนาในวิปัสสนา"
    ==================================================

    +++ ในชีวิตคนเรา การทำบุญแล้วเกิดอาการ "ได้บุญ" แบบนี้ "มีได้ไม่กี่ครั้ง" และบางคนก็ไม่เคยได้เลยตลอดชีวิต ผู้ใดที่เคย "ทำบุญแล้วได้บุญ" แบบนี้ ก็ให้หมั่นระลึกถึงตรงนี้บ่อย ๆ และตรงนี้คือ สิ่งที่เรียกว่า "สุคติ" สามารถส่งผลสืบต่อได้ในชาติภพต่อไป

    +++ คำตอบ : สำหรับผู้ที่ "ฝึกหรือติดตามกระทู้" จนพอเข้าใจใน "ภาษาของกระทู้นี้ได้" ก็จะทราบอาการได้ไม่ยาก

    +++ อาการที่จะ "เดินจิต" ให้เข้าสู่ "อาการของบุญ" ได้แบบตรง ๆ นั้นทำได้ แต่จะต้อง "เข้าใจ องค์ประกอบต่าง ๆ เสียก่อน" ดังนี้

    +++ 1. "บุญ" จะมีอาการของ "ตัวดู" ที่เปิดกว้าง ในระดับที่ "ครอบคลุมอาณาบริเวณส่วนหนึ่ง"

    +++ 2. "บุญ" จะมีอาการของ "รู้จิต และ รู้สึกจิต" ที่เปิดกว้าง ภาษาในกระทู้นี้คือ "กายจิต เป็นลักษณะเด่น"

    +++ 3. "บุญ" จะมีอาการของ "ธรรมรมณ์แบบ แผ่ออกจน ครอบคลุมอาณาบริเวณส่วนหนึ่ง" อาการ "เพ่ง หรือ รวมศูนย์" จะไม่มีปรากฏอยู่เลยในขณะที่ "เป็นบุญ"

    +++ 4. "บุญ" จะมีอาการของ "การเป็น" บุญ ทั้งตัว ทั้งกายและจิต (ผู้ที่ได้ สติครองฌาน ในรูปฌาน 3 แบบเปิด ในอิริยาบทปกติ นับว่าอาการใกล้เคียงกัน)

    +++ 5. "บุญ" จะมีอาการของ "สติ ที่ครองเอกัคตารมณ์ สุข" เป็นลักษณะเด่น

    +++ 6. "บุญ" จะมีอาการของ "จิตที่เป็น รูปาวจร" แต่ "กายเป็น กามาวจร" ธรรมารมณ์ สามารถเปลี่ยนไปมาได้ ในระหว่าง "เมตตา กรุณา มุทิตา" แต่ "อุเบกขา" ไม่ปรากฏ

    +++ ทั้ง 6 ข้อที่กล่าวมาข้างบนนี้ เป็นเพียงแค่ "องค์ประกอบหยาบ ๆ" เท่านั้น อาการของ "บุญ" จะมี องค์ประกอบทั้ง 6 หล่อหลอมรวมตัวจน "เป็นอาการเดียวกัน" ไม่แยกจากกัน
    ==================================================

    +++ วิธี "ทำบุญ" ในจิตตน สามารถ "เดินจิต" ได้หลายทาง "สำหรับผู้ที่ฝึกในกระทู้นี้" ให้ทำดังนี้

    +++ 1. เข้ากาย 3-5 อย่าให้เกิน 10 แค่พอ รู้ตัว+รู้สึกตัว นิดหน่อย จนเป็นแบบ "รู้ว่ามี สักแต่ว่ารู้" เท่านั้นพอ อย่าไปเกินนั้น ตรงนี้ฝึก "ทำบุญ" ไม่ได้ฝึก "ฌาน" ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน ห้ามเอามาปนโดยเด็ดขาด

    +++ 2. ภาษาในกระทู้นี้คือ "ทำการ เปิดหู เปิดตา รวมทั้ง เปิดกาย" โดยรู้ทุกอย่าง "ไม่มีการ เพ่ง หรือ จิตส่งออก" ทุกชนิด

    +++ 3. ไม่มีการ "หยุด หรือ ห้าม" ขันธ์ทุกชนิด ให้ "ปล่อย" ขันธ์ทุกขนิด ให้ทำงานตามปกติ

    +++ 4. รับรู้ "สภาวะภายนอก" ทุกชนิด รวมทั้ง ครองกาย 3-5 ตลอดเวลา และควรอยู่ใน "อิริยาบท เดิน"
    ==================================================

    +++ หากใครทำได้ ถูกต้อง อาการแรกปรากฏคือ "เบากายเบาใจ และ รู้ทุกอย่าง" จะเกิดขึ้นมาเอง

    +++ อาการต่อมา บางคนจะเกิด "เพลิดเพลินเจริญใจ" มาก่อน ซึ่งเป็นอาการ "สติครองฌาน 2" เรียกว่า ปิติ ก็ได้ รวมทั้ง "รู้ทุกอย่าง" นอกร่าง ด้วย

    +++ บางคนจะข้ามไปสู่อาการ "เบากายเบาใจ รู้ทุกอย่าง และ เป็นสุข" ซึ่งเป็นอาการ "สติครองฌาน 3" เป็นสุข "รู้ทุกอย่าง" ตลอดเวลา

    +++ อาการหลัก ๆ ที่เด่นที่สุดคือ "อาการอยู่" กับธรรมารมณ์ โดย ไร้การเดินจิต ไปมาทุกชนิด
    ==================================================

    +++ หลักสังเกตุ "บุญ" คือ จะไม่มี "การเพ่ง และ จิตส่งออก" ไปยัง ขันธ์ หรืออะไรทั้งสิ้น "ทั้งข้างนอก และ ข้างใน"

    +++ จะเป็นการ "อยู่" กับ ธรรมารมณ์ ปิติสุข เท่านั้น "ไม่มีการฝึก มีแต่ การเสพ"

    +++ อายตนะ หรือ วิสัยทัศน์ "เปิดกว้าง" อย่างยิ่ง มากกว่าปกติหลายเท่า และมี "สติที่คมกริบ ชัดเจน"
    ==================================================

    +++ "บุญ" เป็นเรื่องใน "โลกียะ" ที่ "ตนเสพธรรมารมณ์ ปิติหรือสุข" อันเป็นเรื่องของ "สุคติ"

    +++ หากผู้ใดฝึกฝนจน "คุ้นเคย" ได้ในระยะหนึ่งแล้ว ก็จะทำให้รู้จัก "อาการที่ตรงกันข้าม" ด้วยเช่นกัน อาการนั้นคือ "ทุคติ" นั่นเอง

    +++ ลองทำดู หากติดขัดตรงไหน ก็โพสท์ถามมาได้ นะครับ
     
  11. ssahn34

    ssahn34 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2013
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +75
    ขอบคุณ คุณเมิล ที่ถามเรื่องบุญ ขอบคุณ อาจารย์ ธรรม-ชาติิ ที่ตอบครับ
    วันนี้ไปทำบุญ เกิดปิติ เล็กๆ ก่อนออกจากประตูศาลา รู้สึึกกายเบาใจเบา
    อยากไปฝึกกับอาจารย์เหมือนกันครับ อ่านมาแต่ต้นเข้าใจสภาวะในระดับ
    สมอง รอจิตผมสุกสักนิด ขออนุญาติอาจารย์ล่วงหน้าครับ
     
  12. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    "+++ บางคนจะข้ามไปสู่อาการ "เบากายเบาใจ รู้ทุกอย่าง และ เป็นสุข" ซึ่งเป็นอาการ "สติครองฌาน 3" เป็นสุข "รู้ทุกอย่าง" ตลอดเวลา"
    เวลาอยู่ตรงนี้ หน้าจะต้องยิ้มน้อยๆเองเสมอเหรอคะ

    "+++ จะเป็นการ "อยู่" กับ ธรรมารมณ์ ปิติสุข เท่านั้น "ไม่มีการฝึก มีแต่ การเสพ""
    เมิลลองทำแล้ว ธรรมารมณ์อยู่ที่เปลวเทียนชั้นที่ 2 (จาก 3 ชั้น)
     
  13. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    เข้าออกกายเวทนาให้คล่อง แล้วมาฝึกกันนะ ถ้าอยากมาฝึกต่อหน้าอาจารย์ก็ pm ติอต่อ อินทรบุตร นะ ปกติก็มีนัดรวมตัวฝึกกันอยู่เรื่อย ๆ อยู่แล้ว
     
  14. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ได้เลยครับ
     
  15. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ อาการของ "บุญ" กับอาการของ "หสิตุปบาท" มีทั้งความเหมือน และ ความต่างกัน

    +++ ความเหมือนกันคือ "จิตเสพอารมณ์สุข แบบอยู่ข้างในสุข" แบบเดียวกัน

    +++ ความต่างกันคือ "หสิตุปบาท" เป็น "สัมมาสมาธิแบบ ปืด" ส่วน "บุญ" เป็น "สัมมาสมาธิแบบ เปิด" (ในขณะที่เสพผลของบุญ)

    +++ "หสิตุปบาท" เป็นการเดินจิตใน "สัมมาสมาธิ" ที่จำกัดอิริยาบท อาการยิ้มเป็นแบบ "สงบสุข"

    +++ "บุญ" โดยปกติเป็นผลลัพธ์จากการกระทำ "ความดี" บางอย่างแล้ว จิต ตกสู่กระแสความสุขและเป็นสมาธิในขณะที่เสพบุญ "ไม่มีเจตนาในการเดินจิต" อาการยิ้มแย้มเป็นแบบ "ปิติรื่นเริง"

    +++ เป็นธรรมดาของผู้ที่ "เป็นรู้" แล้ว ธรรมารมณ์ หรือ "ตัวดู" ย่อมถูกแยกออกไป และ "ไม่มีความเป็นกาย ในธรรมารมณ์" (พ้นสักกายาทิฐิ ในชั้นธรรมารมณ์)

    +++ ในกรณีของผู้ที่ยังไม่เป็นรู้ ในขณะที่ "เสพบุญ" ในขณะนั้น ๆ จะมี "ธรรมารมณ์สุข" (ตัวดู) เป็นเรือนกาย และ เป็นตน จึงทำให้ "กายจิต" สว่างไสวและงดงาม ด้วยสุข

    +++ ผู้ที่รู้ มหาสติปัฏฐาน 4 ดีแล้ว ก็ย่อมรู้จัก "ภพภูมิ และ จิตที่อยู่ข้างใน" เป็นอย่างดี นะครับ
     
  16. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    เรื่องนี้เกิดตอนเดือนมีนาคม ช่วงวันมาฆะ เมิลทำปัฎฐานก่อนสวดมนต์ คาถาเรียกทรัพย์ ตอนที่สวดเมิลเห็นตัวดูหมุน วนดูดเอาอณูเข้ามา ตอนนั้นรู้อาการ แต่ไม่รู้ว่าคืออาการอะไร หลังจากนั้นก็ไดัทรัพย์จริงๆ ด้วย จากคนที่ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะเอาเงินมาให้ใช้
     
  17. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ เป็นลักษณะที่ทำ "สภาวะรู้ ให้เป็น มหาปัฏฐาน ข้างใน ตัวดู" แล้ว ถอนออกมา "เป็นสภาวะรู้" ที่ครอบคลุมตัวดูภายหลัง เป็น มหาสติในชั้น "ธรรมานุปัสสนา" ทำตัวดูให้ "ถูกรู้" แล้วจึงสวดมนต์ ใช่หรือเปล่า

    +++ แล้วในขณะสวด "ตัวดู" หมุนวน และในขณะที่ดูด ณ จุดที่ดูดนั้น จะลงตัวที่การสวดตรงกับ "การลงท้ายด้วย สระอะ" ทุกครั้งหรือไม่

    +++ เช่น วิระ^ทะ^โย วิระ^โคนายัง วิระ^หิงสา วิระ^ทาสี วิระ^ทาสา วิระ^อิตถีโย พุทธัส^สะ^ มานีมามะ^ พุทธัส^สะ^ สวาโหม

    +++ ตรงเครื่องหมาย ^ คือ "จุดหรือจังหวะดูด" ใช่หรือเปล่า ให้ map จิตทบทวนอีกสัก 1-2 ครั้ง ดูว่า "ใช่อาการนี้หรือเปล่า"

    +++ ถ้าหากใช่ นั่นคืออาการที่ "ตัวดู เห็น ตรงรอยต่อ ของตัวพูดมาก" ตรงบทสวดที่ลงท้ายด้วย "สระอะ" ตรงนั้น "เป็นจุดขาดหรือจุดหยุด" ในระดับวาระจิต ความละเอียดอยู่ในระดับของ "ตัวจะ"

    +++ จริง ๆ จะเป็นอาการ "กิริยาจิต ของ วจีจิตตะสังขารขันธ์" ที่เป็นลักษณะ เกิด-ดับ มีลักษณะคล้าย "อณู" แต่ยังหยาบกว่า อณู อีกมาก

    +++ ความละเอียดของ อณู นั้น "แต่ละอนุภาค" จะมีความละเอียดเท่ากับ "ในตอนที่จิตเปล่งรังสี" แล้วยิง "อนุภาค" สาดไปทั่ว

    +++ อนุภาค คือ อณู และในขณะที่ "อณูแหวกผ่านไปในสภาวะรู้" นั้น ได้ทิ้งร่องรอยการเคลื่อนตัวออกไป ประดุจ "ใยรุ้งใยไหม" ที่เรียกกันว่า "ประภัสสร" นั่นแหละ

    +++ ให้เทียบตรง "ความละเอียด" ระหว่าง "อณู กับ ตัวจะ" ก็จะรู้ได้ว่า ยังแตกต่างกันอยู่มาก

    +++ "กิริยาจิต ของ วจีจิตตะสังขารขันธ์" นั้นมีความละเอียดเท่า "ตัวจะ" เท่านั้น ยังไม่ถึงอณู แต่ตรง จุด หยุด-เกิด-ดับ ของมัน "มีอาการคล้ายอณู" อยู่บ้าง

    +++ ข้อแต่ต่างกันก็คือ "ตัวจะ มีเกิดดับ" แต่ "อณู ไม่มีเกิดดับ" ส่วนที่เหมือนกันคือ "เราจะ เข้า-ออก และใช้มันหรือเปล่า" เท่านั้น

    +++ ลอง map ดูสักหลาย ๆ ที เป็นการทำ "ธรรมะวิจัยยะ" เพื่อความรู้แจ้ง นะครับ
     
  18. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    อาการเป๊ะ เลยคะ

    ช่วงนี้แปลก ๆ ไป เมื่อวานประชุม เมิลก็ตั้งใจฟัง แต่เมิลว่างอยู่ ไม่มีตน ไม่มีความคิด แต่ก็เข้าใจทุกอย่างนะ ไม่เบลอไม่ลืมด้วย เป็นมา 2 วันละ
    ไม่มีความคิด ที่เป็นภาษา มีแต่ความเข้าใจในความว่าง ไม่คิดทำงานได้ด้วย
     
  19. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ตรงนี้แหละ คือ "กระบวนการเรียนรู้ แบบพุทธะ" นั่นคือ "สังเกตุ สู่ เข้าใจ" (ไม่มี นิวรณ์ 5 เป็นองค์ประกอบ) ไม่มีความเกี่ยวข้องกับ "จำ แล้วคิด จนกว่าจะ พอใจ จึงยอมรับว่า เข้าใจ" (นิวรณ์ 5 เต็มขั้น)

    +++ กระบวนการเรียนรู้ แบบ "สังเกตุ หรือ รับรู้เฉย ๆ แล้วนำสู่ ความเข้าใจ" นี้ไม่มี นิวรณ์ 5 เป็นองค์ประกอบ และเป็น "สติครองฌาน" (ไร้นิวรณ์) ตลอดเวลา

    +++ "กระบวนการเรียนรู้ แบบพุทธะ" หากชำนาญแล้ว สามารถทำได้ 2 ทางคือ "แบบมหาปัฏฐาน มีรู้เป็นใส้เทียน ไม่เกาะฐาน" กับ "มหาสติ 4 ที่เลือก เกาะฐานที่เหมาะสม ในปัจจุบันขณะ"

    +++ "มหาสติ 4" จะเหมาะสมกับ "เรื่องที่เกี่ยวกับ ความเฉพาะเจาะจง" ส่วน "มหาปัฏฐาน" จะเหมาะสมกับ "เรื่องที่มี สัมพันธภาพ ต่อเนื่องกัน ในวงจรที่กว้างกว่า" (มักเป็น อจินไตย)

    +++ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 แบบนี้เท่านั้น เป็นกระบวนการ "เรียนรู้ และ อยู่ กับความเป็นจริง" ซึ่งเป็น สติ ระดับ 9 "อยู่กับความเป็นจริง" ที่กล่าวไว้ในหน้าแรกของกระทู้นี้

    +++ ไม่นาน "เมื่อ อยู่ กับความเป็นจริง" ไปเรื่อย ๆ ก็จะพัฒนาความรู้ความเข้าใจ (อภิ+ปัญญา) ในเรื่อง "ขันธ์ และ การใช้ขันธ์" ได้ถูกต้อง "ตรงกับความเป็นจริง" ได้เอง นะครับ
     
  20. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    คำว่า "พิจารณา" สมัยนี้ นิวรณ์เพียบ เอาสัญญาใหม่มาทับสัญญาเก่า
    จริงๆ ช่วงที่ฝึกก็จะเห็นเองว่า ความเข้าใจ เกิดก่อนความคิดที่เป็นภาษา
    ก่อนที่ความคิดที่เป็นภาษาจะเกิดขึ้นมาได้ จะมีอาการวูบลง เหมือนกับลดระดับลงมาเพื่อให้ความคิดที่เป็นภาษาได้เรียบเรียงเกิดขึ้นมาได้

    เวลาที่เปลวเทียนไหวเป็นคลื่นพลังงาน นี่คือมีเจตนาแล้วใช่ไหมคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤษภาคม 2015

แชร์หน้านี้

Loading...