หากฝึกสติให้มั่นคงไม่ได้ ไม่ต้องถามเรื่องสมาธิและฌานใช่หรือไม่??

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้ว่าง, 20 พฤษภาคม 2015.

  1. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    แน่นอนหละ ที่จะต้องโดน รับทาน เว้นไม่ได้ เขาไม่ให้เว้น ท่านก็ทราบ


    จิตไม่มีที่ตั้ง ไม่มีสี ไม่มีสัณฐาน .........

    เกิดขึ้น ตามปัจจัย หาก ขาดซึ่งปัจจัย จิตก็เกิดขึ้นไม่ได้ จะต้องไป ถามหา หรือ
    บัญญัติ โน้น นั่น นี่ คือ จิต อีกไหม

    หากปฏิบัติเป็น ก็จะเข้าใจ การไม่เข้าไปบัญญัติ

    หากปฏิบัติเป็น ก็จะเข้าใจ การไม่เข้าหา

    หากปฏิบัติเป็น ก็จะ โยนิโสมนสิการ นิวรณ์ขาดกระเด็น !!!!!!

    นิวรณ์ขาดกระเด็น จะต้องเอาไป ตั้งตรง กลางหน้าผาก ตรงกลางหัวอก
    เพราะ จิตยังสำคัญว่า กายเนื้อคือตน ให้ขายขี้หน้านักภาวนา ทำไมละจั๊บ
     
  2. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ถ้าตอบว่าจิตคืออันเดียวกันกับวิญญาณ
    ใจจะเป็นธรรมธาตุผู้หลุดพ้น
    ถ้าตอบว่าใจคืออันเดียวกันกับวิญญาณ
    จิตจะเป็นธรรมธาตุที่หลุดพ้นครับ

    เอาเป็นว่าขำๆนะครับ
     
  3. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ไม่เป็นไรครับ
    กระทู้ลุงแมวมันก็เป็นอนิจจัง
    เหมือนกระทู้ทั่วๆไปนะฮะ
    เกิดง่ายๆก็เน่าง่ายๆ เช่นกันฮะ
     
  4. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    ก็รับเอาไปพิจารณาสิครับ ขยะยังใช้ประโยชน์ได้ ความเห็นท่านไม่ใช่ขยะสักหน่อย ใช้ประโยชน์ดีกว่าขยะแน่นอนครับ 555
     
  5. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ไม่เน่าหรอกครับกระทู้นี้ได้ประโยชน์เยอะนะครับ
     
  6. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493

    เห็นคำว่า กะโหลกนึกถึงเพลง หลวงพ่อคูณ

    https://www.youtube.com/watch?v=eUr4XDIappw

    ชั่วดีอยู่ในกะโหลก เขกโปกๆ จำไว้ให้ดี :VO
     
  7. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    เชยระเบิดระเบ้อ

    ความเห็นผม ย่อมเป็น ขยะ แน่นอนฮับ หาก คุณ ยังกระทำในใจ
    รับฟังสิ่งนี คิดว่า เป็นการฟังธรรมะ

    ยังเห็นว่า นี่คือทาง ปฏิบัติ

    คุณคร้าบ

    คุณปฏิบัติเพื่อ เข้าไปแจ้ง ซึ่งการ " ตรัสรู้เองโดยชอบ "

    หรือเอาแค่เบาะๆ " ได้สดับธรรมอันไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน " ภาษาพระไตรปิฏก

    หากไปเปิดบางเล่ม จะแปลอีกสำนวนว่า " ธรรมอันไม่มีการแสดงจากผู้ใด "

    ธรรมะต้องยินต้องฟังเงียบๆ ลำพัง และไม่ใช่อาการ " หูกางฟังธรรมะ "

    ธรรมะหากยังใช้หู ใช้หัว ใช้สัญญา ใช้สังขาร รองรับ ........นั่นมัน ธรรมมั่วซั่ว
    ฟังให้ตาย ก็ไม่บรรลุ


    เล็งประโยชน์แท้ๆ ให้เจอ จิฮับ แล้วจะพบว่า คุณกำลังฟังธรรมจาก "...." ไม่ใช่
    จากสัตว์หน้าขน อย่าง ป๋ม !!!
     
  8. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ยิ่งเน่ายิ่งอร่อยนะฮะ (deejai)
     
  9. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    เย๊ยย์!!ยังไม่เน่านะฮะ
    มีหลายความเห็นที่อ่านแล้วเกิดปัญญา
    แต่บางความเห็นก็ยังเข้าใจคลาดเคลื่อน
    ระหว่างสติ กับจิต

    ถ้ายังไม่ชัดก็ซักถามให้ตอบกันให้กระจ่าง
    นะครับ
    บางรายตอบไปด่าไปก็มีสาระกว่าคน
    ที่ไม่ด่าก็มีนะครับ

    ถ้ากระทู้มันเน่าจริงๆ ก็ตั้งเอาใหม่
    เราเกิดปัญญาเพราะฟังผู้รู้
    แค่ตั้งกระทู้ไม่ใช่เรื่องยาก!!
     
  10. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ในเมื่อลุงแมวเห็นว่าคลาดเคลื่อน (เน่า) ก็เติมเกลือ (แก้) สะให้ถูก คือ ให้หายเน่าสิขอรับ

    ป.ล. อย่าให้เน่ากว่าเดิมนะ:z8
     
  11. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ลุงแมวว่าความเห็นทางธรรมะไม่ใช่เรื่องใจแคบ
    หรือใจกว้างนะครับ
    คำตอบที่ถูกต้องที่ตรงกับคัมภีร์ย่อมถูกที่สุด
    และต้องเชื่อคำตอบนั้นนะฮะ
    เพราะนั่นเป็นสอนขององค์ศาสดาครับ
     
  12. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    คลาดเคลื่อนคือไม่ลงรอยกันระหว่าง
    เจ้าของความเห็นครับ
    ฝ่ายที่ไม่มั่นใจก็ต้องกลับไปทบทวนกันเอง
    อยู่แล้วนะฮะ
     
  13. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ตัวสติทางธรรมนะครับ เป็นตัวนามธรรมที่คอยควบคุมจิต
    คอยควบคุมความคิด..เพื่อให้จิตคลายตัวจากความคิดที่เกิดจากจิต
    หรือความคิดที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ปรุงแต่งได้ไม่ว่าดีหรือไม่ดี
    และเพื่อให้จิตคลายตัวที่เกิดจากความคิดที่เกิดจากขันธ์ ๕ ส่วนนามธรรม
    หรือความคิดที่ผุดขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ บังคับเรื่องไม่ได้ ไม่เลือกเวลาขึ้นมา
    และเวียนมาซ้ำๆนั้น..เราจะต้องฝึกสมาธิหรือมาฝึกเจริญสติจนกระทั่ง
    ตัวจิตเรามันแยกรูปแยกนามได้ หรือพูดง่ายๆว่าเห็นได้ชัดเจนว่า
    ตัวจิตก็ส่วนตัวจิต ตัวความคิดที่เกิดจากจิตก็ตัวหนึ่ง.
    และเห็นตัวความคิดที่ผุดขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจหรือ
    ตัวขันธ์ ๕ ฝ่ายนามธรรมก็ตัวหนึ่ง เห็นตัวพวกนี้
    ซึ่งเป็นฝ่านนามธรรมทั้งหมดได้ เห็นมันแยกเป็นส่วนๆ
    เราถึงจะเริ่มรู้ว่า.สติต่างๆที่เรามี สติต่างๆที่เราเข้าใจ
    ที่เราเผลอไปนึกว่ามันเป็นตัวสติเป็นตัวปัญญาทางธรรม
    แท้จริงแล้วมันเป็นเพียงสติแบบทางโลกๆ

    เป็นปัญญาแบบทางโลกๆครับ..
    ถ้าบุคคลที่สามารถนั่งสมาธิในระดับสูงได้ คือกายกับจิต
    แยกกันเด็ดขาดแบบชั่วคราว ชนิดแบบที่เห็นตัวเองอีกตัว
    นั่งๆอยู่ในสภาพแวดล้อมทางโลกปกติ..ไอ้ตัวที่มันคอยตาม
    ตัวจิตเรานั่นหละครับ คือตัวสติทางธรรม..เพราะบุคคลที่นั่ง
    สมาธิถึงระดับนี้ได้ ก็ยังไม่ถือว่ามีสติทางธรรม เพราะเป็นไปได้ยาก
    ที่ครั้งหรือสามถึงสี่ครั้งแรกจะสามารถควบคุมไม่ให้ออกนอก
    ร่างกายได้..พอมาเจริญสติเพิ่มขึ้น..ถึงจะสามารถเห็นตัวจิตได้...
    และก็ต้องควบคุมตัวจิตที่แยกกับกายอย่างเด็ดขาดให้มันอยู่นิ่งๆ
    ในกายให้ได้ก่อน..ถึงจะสามารถเห็นขันธ์ ๕ ส่วนนามธรรมได้เช่นกัน....
    ถ้าในระดับกำลังสมาธิไม่มากหรือในสภาวะที่จิตเป็นทิยพ์ มันจะยัง
    เห็นตัวสติทางธรรมไม่ชัดเจนครับ..เพราะในสภาวะความเป็นทิพย์นี้
    กายมันยังไม่แยกกับตัวจิตเด็ดขาดเหมือนในระดับกำลังสมาธิระดับสูง
    แม้ว่ามันจะแยกกันในระดับที่ตัดประสาทการควบคุมร่างกายได้แล้วก็ตาม
    แต่มันก็จะยังมีความคิดที่เกิดจากจิตเข้ามาแทรกได้ง่ายอยู่..แต่มีประโยชน์
    ในการพิจารณาได้อยู่แต่ต้องทำบ่อยๆเพราะออกมาจิตมันจะยังฟูได้อยู่ครับ...

    หรือในสภาวะสมาธิไม่มากในขณะลืมตาปกติ ถ้าจิตเรามันแยกรูปแยกนามได้
    ตัวจิตจะเกิดกิริยาคลายตัวทันที..บุคคลผู้นั้นจะรู้สึกว่าเวลาเดินเหมือนกับตัวเบา
    คล้ายๆเหาะได้ และสายตาที่มองปกติจะเหมือนกับว่ามองไปได้ไกลหลายสิบกิโลครับ
    และก็จะสามารถแยกความคิดที่เกิดจากจิตได้ทันที และจะพบว่าฐานของจิตมัน
    อยู่ตรงส่วนไหนของร่างกาย.....
    หลักสังเกตุง่ายๆในกรณีบุคคลที่สามารถแยกความคิดที่เกิดจากจิตได้ แยก
    ขันธ์ ๕ ส่วนนามธรรมได้(กรณีนี้ไม่นับบุคคลที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะนะครับ
    และก็มีอายุมากๆกลุ่มนี้จะไม่เห็นฐานของจิต) เวลาเราออกกำลังกายแล้ว
    ร่างกายเราเหนื่อยๆคนปกติทั่วๆไป หัวใจจะเต้นแรง แต่บุคคลที่แยกรูป
    แยกนามได้..การเต้นๆของหัวใจเราจะมาสัมผัสได้ชัดเจนตรงลิ้นปี่ครับ..
    และหัวใจจะเต้นขึ้นไม่แรงมาก แต่ตรงลิ้นปี่จะเป็นตัวจิตที่มันเต้นๆ
    มันจะเต้นจนเรา หรือให้บุคคลอื่นๆมาสัมผัสได้อย่างชัดเจนครับ...

    เล่าให้ฟังในกรณีบุคคลที่ผ่านสมาธิระดับสูงมาและเป็นประเภท
    ควบคุมจิตได้ จนมองเห็นตัวจิตไม่เป็นไร...ส่วนบุคคลที่เข้าสภาวะจิต
    เป็นทิพย์ได้บ่อยๆก็อย่างประมาทครับ..เพราะจิตมันไม่ได้ตัดกับกาย
    อย่างเด็ดขาดยังหน่วงความคิดได้อยู่เล็กน้อยแม้ว่าจะตัดระบบควบคุม
    ประสาทไปแล้ว..ส่วนบุคคลที่เจริญสติในชีวิตประจำวัน หรือเจริญสติ
    ในชีวิตประจำบวกกับนั่งสมาธิมาบ้าง ก็ให้สังเกตุดูว่า ร่างกายท่าน
    เปลี่ยนแปลงไปอย่างที่บอกหรือเปล่าในสภาวะปัจจุบันจะได้ไม่เผลอ
    ไปคิดว่า ตัวความคิดจากจิตที่มันรวมกับจิต ตัวขันธ์ ๕ ที่มันรวมกับจิต
    แล้วไปคิดว่าเป็นสติเป็นปัญญาแล้วเผลอนำไปวิปัสสนาได้อย่างไม่รู้ตัว
    เพราะมันจะไม่ส่งผลใดๆในการตัด คลายกิเลสออกจากใจได้จริงครับ
    ไม่ส่งผลใดๆต่อความเข้าใจทางด้านนามธรรมต่างๆของเรา..
    ไม่ส่งผลใดๆในกรณีบุคคลที่จิตเข้าสู่สภาวะความเป็นทิพย์ได้บ่อย
    คือไม่มีพัฒนาการทางเครื่องรู้ใดๆเพิ่มขึ้นนั้นเอง..
    และถ้าไม่ทันตรงนี้แล้วไปวิปัสสนามันจะกลายเป็นวิปัสสนึกได้ครับ...
    เห็นตัวจิต แยกความคิดที่เกิดจากจิตให้ได้ก่อนประเภท
    ความคิดที่เปลี่ยนแปลงได้ทั้งหลายตามแต่เราจะคิดนั่นหละครับ..
    เห็นความคิดที่ผุดขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจหรือความคิดที่เกิดจากขันธ์ ๕ ส่วนนาม
    ธรรมให้ได้ก่อนหรือความคิดที่เราไม่เคยคิดไว้ เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลง
    เรื่องราวของมันให้ได้ก่อนครับ...แล้วเราค่อยมาคิดว่าตัวเราเอง
    พอจะมีสติทางธรรมที่ไม่ใช่สติทางโลกครับ...
    และค่อยมาพัฒนาและพูดถึงเรื่องการเดินปัญญาหรือเรื่องวิปัสสนาครับ...

    ปล.ที่เล่าให้ฟังนี่คือสภาวะที่มันยังหยาบๆอยู่ มันมีละเอียดกว่านี้ครับ
    แต่ตัวผู้เล่าก็ยังเข้าถึงในระดับหยาบๆเช่นกัน..สุดแล้วแต่ท่านจะเข้าใจ
    และพิจารณานะครับ..
     
  14. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    การแสดงความเห็นบางที ก็อยากให้เหมือนพระท่านสอนเรานะครับ ประสบการณ์ตอนไปวัด บางทีคนที่ปฏิบัติด้วยกันบางคน แสดงความคิด จี้จุด สอบทานความเห็น สอบอารมณ์กรรมฐานแทนพระไปเสียหมด จนป่วนไปทั้งกอง พระท่านเห็นก็เรียกโยมมาตักเตือน ไม่ใช่โยมคนนั้นไม่เก่ง แต่พระท่านมีเมตตามากกว่า เข้าใจระดับจิต สติ สมาธิ ปัญญา ระดับกรรมฐานของญาติโยมมากกว่า เวลาสอนก็ค่อยๆ ไต่ระดับให้ แต่โยมเก่งจริงแต่จะสอนจะจี้ให้เหาะเหินตีลังกา(อุปมาอุปไมย) ไปอย่างนั้น มันไม่ได้ครับ บันไดต้องก้าวทีละขั้น จะข้ามขั้นตอนไปไม่ได้ ผมนี่ใครว่าใครตำหนิก็พอรับได้ โมโหเป็นบางครั้ง แต่ไม่เกลียดนะ แต่บางทีรำคาญ คือ บอกแล้วว่า เข้าใจแค่นี้ก่อน ทำได้แค่นี้ก่อน ฟังแล้วมันไม่เข้าใจ ทำตามไม่ได้ จะเอาอะไรจี้กันมากมาย ผมขอทำแค่ตรงนี้ได้ไหม กำลังสติผมมีแค่นี้ ทำได้แค่นี้ จะให้ผมเห็นเป็นอักขระธรรมสีทอง(อุปมาว่า มันสูงเกินเข้าใจอ่ะ) รึไง แต่บางท่านบางคนเค้าไม่ชอบ ถึงกลับเกลียดขี้หน้าไม่อยากพูดจากันอีก หนักกว่าเดิม แทนที่จะมาสำรวมจิต ค่อยๆ เรียนรู้กันไป ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันไป ก็อยู่กันไม่ได้ สุดท้ายพระท่าน ก็ต้องให้โยมท่านนั้น ไปสำรวมความคิดอ่านเสียใหม่ ทบทวนตัวเองเสียใหม่ เพื่อรักษาหมู่คณะไว้ โยมท่านนั้น หากเวลาแสดงความเห็น หรือจะช่วยโยมด้วยกัน แค่ดูพื้นฐานคนอย่างพระท่าน ค่อยสำแดงธรรมทีละเปลาะ สำหรับคนนั้นๆไป ด้วยใจเมตตาเป็นที่ตั้ง เก็บงำความรู้อันสูงไว้ในยามที่ควรสอน ควรพูด ตามสติกำลังของคนที่กล้าแข็งขึ้น ก็ส่งเสริมเป็นกัลยาณมิตรต่อกัน อย่าทำลายระรานน้ำใจกันด้วยธรรมที่สูงกว่าแค่นั้น อย่ามีธรรมสูงจนลืมเมตตาธรรมที่ต้องลึกซึ้ง กว้างขวาง ไปในใจของสรรพสัตว์ ความแตกต่างของการแสดงธรรมโดยพระ และโดยโยมที่ผมเจอ ก็เป็นเหตุการณ์หนึ่ง ที่เห็นว่าพระสงฆ์มีคุณ ทังด้านปํญญา ด้านเมตตาครับ สาธุ
     
  15. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    สาธุครับ ผมเคยแค่จิตเห็นนามรูป และนามต่างๆ แยกกันชัดๆ อย่างท่านว่า แค่ครั้งเดียว แว่บเดียว ไม่ตั้งมั่นอยู่นาน ท่านอธิบายได้เห็นภาพ น่าจะเห็นได้นาน และมากกว่าครั้งเดียว ขออนุโมทนาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤษภาคม 2015
  16. Jera

    Jera เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,001
    ค่าพลัง:
    +2,040
    ฌาณนี่มันเป็นการข่มหรอครับ เพราะมันทำให้เป็นคนโกรธง่ายด้วย เหมือนพวกฤษี
     
  17. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    เป็นธรรมดาครับ เรื่องของเรื่องพอได้ฌาณ 1 หรือจะได้ฌาณ 1 คนมันติดอารมณ์ฌาณครับ ก็จะพยายามประคองตัว เพื่อให้ได้ฌาณ 1 รู้สึกรำคาญเสียง รำคาญความวุ่นวาย ทีนี้ คนที่ได้ฌาณ 2 3 4 สักพักไม่ติดปัญหาเหมือนฌาณ 1 ตัวปัญญามีมากครับ คนที่เพิ่งได้ฌาณยังไม่รู้ทันอารมณ์ฌาณ 1 อุปสรรคของฌาณ พิจารณาไม่เป็น มุ่งมาเอาความสงบเพื่อบรรเทาทุกข์กัน ก็พยายามตรงนี้ ยังไม่รู้ว่า ฌาณ มันก็ไม่เที่ยง ยังคิดไม่เป็น เป็นปัญหาการยกสมถะไปสู่วิปัสสนาด้วย พอคนอีกคนมาจี้จุด หรือไปทำสิ่งที่มันเป็นอุปสรรคที่คนปฏิบัติอื่นเค้าจะหนีแต่หนีไม่เป็น พิจารณาไม่เป็น ก็เกิดปัญหา พูดง่ายๆ เหมือนคนเก่งกว่ามาพูดกับคนโดยไม่เข้าใจอารมณ์ของคนในขณะนั้น อันนี้ ก็ตัวอย่างที่ว่า จะสอนคนอื่นไม่ใช่แค่เก่งทางนั้น ต้องเก่งในการสอน คือต้องเข้าใจอารมณ์คนที่ถูกสอน เหมือนเวลาสอนเด็กๆ ถ้าไม่ยอมรับว่าเด็ก มีกำลัง มีสติ เท่าไร จะสอนแบบสอนผู้ใหญ่ สอนไปสอนมาเด็กร้องงอแง เพราะเราจะไปบังคับเด็ก ญาติโยมที่มาพื้นฐานก็ชาวบ้านๆ ไม่ได้เรียนปริยัติมาก่อน จะสอนกันเหมือนสอนพระ สอนเณร คงไม่ได้ เค้ามาวันหนึ่งบ้าง สองวันบ้าง สามวันบ้าง เจ็ดวันบ้าง ส่วนใหญ่ ส่วนที่เป็นชี เป็นพวกมาปฏิบัตินานๆ มีน้อย สติปัญญาไม่เท่ากัน โดยส่วนใหญ่ เหมือนคนที่ได้ฌาณคล่องแล้วและจะยกระดับสู่วิปัสสนา จะมีปัญหาเรื่องวิปัสสนา ที่ปัญญามันฟุ้งไปกลายจะเป็นฟุ้งซ่าน คือ พอเห็นธรรม แต่ญาณปัญญาไม่เกิด เช่น ตอนจิตเห็นแยกรูปแยกนาม ก็ฟุ้งซ่านไปไปคิดแทน คือแทนที่จะประคองให้เห็นนานๆ ค่อยมองค่อยสังเกตุ แต่เนื่องจากญาณยังตั้งไม่นาน พอออกมาก็มาพิจารณา แต่คิดไม่เป็นเป็นฟุ้งซ่าน แถมอยากจะบอกกับคนอื่นว่าฉันเห็นๆ เข้าใจไปว่าบรรลุธรรมแล้วอีก คราวนี้เป็นเรื่องสิครับ ยกตัวอย่างครับ สรุป ถึงต้องมีครูบาอาจารย์
     
  18. Jera

    Jera เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,001
    ค่าพลัง:
    +2,040
    ครับ ถึงว่าอยู่
     
  19. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ไปทบทวนที่ไหนจากใครหรือขอรับผม (deejai)
     
  20. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ต่างคนต่างก็มีครูอาจารย์ที่เป็นบุคคลบ้าง
    เป็นตำราบ้าง
    อย่างลุงแมวนี่ มีครูอาจารย์เป็นเว็บๆเลย
    ตำราอีกเล็กน้อย
    รวมถึงอจ.มจด.นี่ลุงแมวก็นับเป็นอาจารย์นะฮะ
    ที่นำข้อธรรมมาโพสต์ยาวๆ
    ลุงแมวก็อ่านหัวข้อที่ลุงแมวสนใจ
    นะครับ
    ขอให้กระทู้ อจ.มจด.มีคนมุงเยอะนะครับ!!
     

แชร์หน้านี้

Loading...