หากฝึกสติให้มั่นคงไม่ได้ ไม่ต้องถามเรื่องสมาธิและฌานใช่หรือไม่??

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้ว่าง, 20 พฤษภาคม 2015.

  1. ABT

    ABT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +1,524
    ไม่ต้องเอาอะไรมาก แค่เอาแค่ติดแนบกับพุทโธจนเป็นหนึ่งเดียวให้ได้ก็พอ ทำได้ไม๊ ทำได้แล้วคำถามทุกคำถามที่มี คำตอบจะปรากฎเอง ไม่ต้องรอคนอื่น มาตอบ ขออนุโมทนาครับ รู้แจ้งด้วยจิต จะไม่ยึดติดในความคิด รู้ด้วยความคิดก็ยึิดติดแยกไม่ออก ขออนุโมทนาครับ
     
  2. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    สติ เป็นธรรมมีอุปการะมาก คือทำให้ตื่นตัวอยู่เสมอ เป็นเจตสิกชนิดหนึ่ง สตินั้นหากนำมาใช้กับทางโลกทั่วไปก็ย่อมมีประโยชน์มหาศาลอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการงาน ความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น ๆ การคิดอ่านย่อมเป็นระบบ จิตย่อมมีสมาธิในการทำกิจการงานใด ๆ อารมณ์มักจะเป็นปกติ ไม่ค่อยโกรธ เครียด หรือทุกข์ใจอะไรมาก ๆ กล่าวโดยรวมคือย่อมเกื้อกูลชีวิตประจำวันทางโลกได้อย่างดีซึ่งเป็นประโยชน์ที่เห็นได้ชัดเจน ถ้ารู้เนือง ๆ มาก ๆ เข้าจนเป็นมหาสติ ก็จะได้ประโยชน์จากทางธรรมด้วย การที่เรามีสติอยู่เนือง ๆ รู้ตัวบ้าง ไม่รู้ตัวบ้าง ทำอย่างติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ก็เพื่อให้สติเกื้อกูลต่อการ “เห็นความจริง” ความจริงนี้เป็นสิ่งที่ใกล้ตัวที่สุดก็คือกายกับใจจุดหมายของการรู้ก็เพื่อให้เห็นความจริง อันได้แก่อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ว่ากายและใจของเรานั้นเป็นสิ่งไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และไม่ใช่ตัวเรา

    สติ เป็นคุณธรรมที่เกิดเองไม่ได้ ต้อง ทำให้เกิดขึ้นด้วยการฝึกฝนรวบรวมจิตใจให้นิ่งแน่วด้วยวิธีต่างๆ เช่นการเจริญวิปัสสนาคือการฝึกตามมหาสติปัฏฐานสูตร ทำสมาธิ สวดมนต์ ภาวนาคือให้มีความรู้สึกตัวผ่านอายตนะทั้ง 6

    อยากให้ท่านทบทวนความเห็น คือ สติทางโลกก็ตัดนิวรณ์ได้นะครับ เหมือนตัวอย่างพระเทวฑัต ท่านได้ฌาณโลกี อะไรนี่นะครับ เป็นพระแต่ไม่ทำลายกิเลส มุ่งจะเอาลาภสักการะ นี่จัดว่ามุ่งทางโลก ยังทำฌาณได้ เหาะเหินเดินอากาศ แสดงฤทธฺ์ได้ เพราะมันไม่มีนิวรณ์ 5 แต่ที่ฌาณมันเสื่อมเพราะดันตั้งจิตทำแต่กรรมที่เป็นอกุศลตลอดหลังจากนั้น วิบากกรรมนั้นแหละครับทำให้จิตมีนิวรร์ ฌาณเลยเสื่อมได้ ความต่างที่ท่านว่าเข้าใจครับ สติของพระอริยะ ย่อมต่างจากสติคนปุถุชนนะครับ สติมันก็มีเกิดมีดับ มีเหตุการเกิดมีเหตุการดับ สติของพระอริยะย่อมไม่ธรรมดาครับ แต่สติคนปุถุชนถ้ามีให้มากก็ทำนิวรณ์หายได้ชั่วคราว จนปูทางไปสู่สติพระอริยะครับ อีกอย่างการเดิน การนั่ง การวิ่ง การนอน อิริยาบถ ก็ทำสมาธิกรรมฐานได้นะครับ จำไม่ผิดเป็นกรรมฐานในกรรมฐาน 40 ด้วยหรือเปล่าครับ วิธีเริ่มก็คือใช้จิตจับอิริยาบถ สมาธิขณิกเกิด สติขณิกะเกิด สติมาหนัก ก็เกิดสมาธิหนัก แล้วค่อยว่าปัญญากันต่อไปครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤษภาคม 2015
  3. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    มาอีกคนแล้วรู้เฉยๆ
    ถ้าฝึกได้แล้วก็เอามาใช้ทางโลกได้อันนี้ไม่เถียงครับ
    แต่ยังไม่มีสตินี่สิครับจะเอาอะไรไปรู้เฉยๆ
    อีกอย่างเรื่องพระเทวฑัตนั่นไม่มีปรากฏว่านั่งสมาธิมั้ยรึอยู่ๆได้อภิญญาเลย
    ขอให้โยนิโสมนสิการให้แยบคายกว่านี้ด้วยครับ
     
  4. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    ท่านพูดว่า สติความว่องไวของทางโลกนั้นเต็มไปด้วยนิวรณ์ เจ้าของกระทู้บอกว่านักกีฬา ผมหมายถึง นักกีฬา เพราะนักแสดงที่ลุงแมวว่า จา พนม เป็นคนที่ฝึกกายกรรม คือ กีฬาอย่างหนึ่ง ไม่นับนักแสดงตามปกติ เค้าต้องมีสติมีความว่องไวในการควบคุมกายตน เอาสติมาใช้ทางธรรมน่าจะได้เร็วกว่าบางคนหรือไม่ ท่านว่าสติทางโลกมีนิวรณ์ ผมย่อมหมายว่าท่านหมายถึง คนที่วิ่ง ที่เดิน ที่นั่ง ที่นอน เพราะเป็นอิริยาบถที่นักกีฬาต้องควบคุมท่าทางของกาย มีนิวรณ์ทั้งสิ้น เสมือนนิวรณ์ไม่มีเหตุเกิด นิวรณ์ไม่มีเหตุดับ แต่มีเป็นอัตตากับคนเราโลก แล้วคนเรามันอนัตตาหรืออัตา ผมถึงบอกว่า การเดิน การวิ่ง การนอน การนั่ง มันไม่ใช่เหตุแห่งนิวรณ์ แต่ท่านเชื่อว่าทุกดวงจิตมีนิวรณ์ นิวรณ์นี่มันยิ่งกว่าจิตอีก มันอมตะกับชาวโลกเราเหรอครับ เอาง่ายๆ ในอดีต นาย ก ได้เดินไปที่สระบัว เห็นใบบัวหล่นใบหนึ่ง บรรลุเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า การเดินมีนิวรณ์ การดูมีนิวรณ์ ก่อนที่นาย ก จะบรรลุพระปัจเจกพุทธเจ้า เค้าเป็นคนโลกๆ ท่านพูดแบบลืมปัจจัยการไปเลย ท่านพูดแบบลืมว่า นิวรณ์ 5 ก็อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
     
  5. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    อย่าลืมนะครับว่าเรายังไม่มีสติที่เป็นของทางธรรม
    ถ้าคนที่เป็นนักกีฬาหรือคนที่ออกกำลังกายแล้วมีความว่องไวของกำลังสติ
    ถ้าเป็นยังงั้นทำไมเค้าไม่มามุ่งที่ความหลุดพ้นล่ะครับ
    เพราะมันต่างกันน่ะสิครับเลยมีทั้งทางโลกและทางธรรม
    จะเหมาเอาเป็นอันเดียวกันก็ไม่ได้
    แล้วบารมีถึงรึยังล่ะครับ
    ที่จะเดินเห็นใบบัวหล่นแล้วสำเร็จเป็นพระปัจเจก
    ของพวกนี้ต้องสั่งสมครับ
    อีกอย่างสมาธิที่ถูกต้องนั้นในอิริยาบทเดินมันจำเป็นจะต้องมีกำลังสติอย่างมากครับ
    ไม่งั้นเค้าไม่เดินจงกรมกันเป็นชั่วโมงหรอกครับ
     
  6. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,116
    ค่าพลัง:
    +3,084
    ที่แนะนำให้ฝึกสมาธิไปเลยเพราะว่า เมื่อลุงแมวเริ่มมีสติมากขึ้น

    แล้วเริ่มการฝึกที่เน้นสัมปชัญญะ เช่น เดินจงกลม หรือ สังเกตอริยาบท ถ้าไม่เคยฝึกสมาธิเลย จะรู้สึกว่าเหนื่อยมาก เพราะว่าใช้กำลังของสมาธิมากกว่าชีวิตปกติ

    ที่คุณ ณฉัตร โพสท์มาเรื่องเดินจงกลม ที่มาเดินไปเรื่อยๆ ร่างกายจะจดจำได้เอง

    ทำให้มีสมาธิไปทำอย่างอื่น ตรงจุดนี้เหละ ถ้าเรานำสิ่งที่เหลือนี้ไปตามดูการเคลื่อนไหวอีก

    ก็คือการฝึกเพิ่ม สัมปชัญญะ

    ทำวนเวียนแบบนี้ ก็จะเพิ่มสัมปชัญญะ มากขึ้นเรื่อยๆ พอใจแค่ไหนก็แค่นั้น
     
  7. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    ถ้าท่านเข้าใจ สติ อย่างนั้นก็เข้าใจตามท่านแล้วครับ ส่วนที่ยกตัวอย่างพระปัจเจกพุทธเจ้าหมายเอาว่ายุคนั้นไม่มีพุทธศาสนา แต่ว่าพระพุทธองค์ตรัสว่า จิตคนเรา ธรรมชาติเดิมก็ประภัสสร หมายถึงเวลาขณะที่จิตไม่ไปยึดมั่นถือมั่น และท่านรับรองครับไม่สนใจบารมีเก่าจะสะสมมายังไง ท่านว่าธรรมของพระองค์ถ้าสัตว์โลกตั้งใจครับ ต้องได้มรรคผลภายใน 7 วัน 7 เดือน 7 ปี แสดงว่า ไม่ว่าใครจะมีวิบากกรรมอันใด หากตกลงปลงใจจะนิพพานและทำตามวิธีพุทธองค์ สติ สมาธิ ปัญญา ของคนๆนั้น จะทำให้สำเร็จครับ ท่านไม่ได้เคยกล่าวว่า จิตเดิม ธรรมชาติเดิมเป็นนิวรณ์ ดังนั้น ตามปกติ ถ้าจิตเราไม่ไปลงที่ผัสสะใด หรือลงที่ผัสสะใดแต่จิตยังไม่เกิดอุปาทาน นิวรณ์มันเกิดไม่ได้ และวิบากกรรมที่จะให้เกิดนิวรณ์ด้วย ก็แล้วแต่กรรมที่ทำในกาลก่อนอีก ดังนั้น คนเราจะมีนิวรณ์หรือไม่ จึงขึ้นอยู่กับวิบากกรรมเก่า แบะการประกอบจิตปัจจุบัน และท่านว่า กรรมปัจจุบันย่อมให้ผลแรงกว่า ก็เลยขอเป็นกำลังใจครับ สติแบบคนโลกๆนี่แหละ ฝึกกรุยทางไปได้ นิวรณ์ก็ไม่ได้เกิดตลอดเวลา ถ้าจิตมีสติกับอิริยาบถทุกขณะ 24ชม ต้องเกิดต้องมีช่วงที่นิวรณ์ไม่มาประกอบกับจิตบ้าง เพราะมันไม่เที่ยงเหมือนกัน ขอบคุณครับ ก็ได้เห็นมุมมองหลายคนครับ ก็แสดงความเห็นตามสมควรครับ อย่าโกรธที่แย้งนะครับ ผมอ่านและศึกษาครับ
     
  8. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    แล้วแต่ท่านละครับ
     
  9. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    " นิวรณ์ "

    หาก นิวรณ์ไม่ได้ กุมหัวจิตหัวใจตลอดเวลา ปุถุชนคนธรรมดา คงเดินได้ สลับ เหาะได้

    นิวรณ์นั้น กล่าวสั้นในความหมายของเครื่องกั้นสมาธิ หรือ เครื่องกั้นความเจริญ

    พวกที่หลงฌาณ ก็จะกล่าวแต่ นิวรณ์เป็นเครื่องกั้นสมาธิ พอทำสมาธิ กดนิวรณ์
    ให้นอนลง .....นิวรณ์ไม่ได้หายไปไหนหน่าคร้าบ นิวรณ์ไม่ได้ดับ เพียงแต่ถูกกดไว้
    แล้ว พวกหลงฌาณก็ เหาะไปตามเรื่อง เหาะโดยหิ้วนิวรณ์แบบหวีไป หวีมา

    นิวรณ์สำหรับ นักภาวนา ก็หมายเอา เครื่องกั้นความเจริญ แค่ ลำพังความเข้าใจ
    ธรรมปฏิบัติผิด พูดแจ้วๆ เนี่ยะ นิวรณ์เต็มกระบาลเลยครับท่าน คนภาวนาเป็นจะดูกันออก

    คนภาวนาไม่เป็นก็ พูดธรรมะ สลับกับการทำหน้าว่า นิวรณ์กูไม่มีนะเว้ยเฮ้ย อะ ป๊าดดดด
    [ ทำฌาณ เหาะได้ ยังหิว ติ่ง นิวรณ์ไปมา นิวรณ์ไม่ดับ แล้ว พวกพูดแจ้วๆ จะเอาอะไรมาอ้าง ]


    นิวรณ์ หากพอเห็น การเกิด การดับ ตามความเป็นจริง เห็นปัจจัยของการดับ นิวรณ์

    เอิ่ม เขาจะเปลี่ยนชื่อ ยกระดับนิวรณ์เป็น " อนุสัย " เช่น " พยาบาท( นิวรณ์) "
    พอการภาวนาพอใช้ได้ ก็จะกล่าวธรรมให้ฟังยิ่งขึ้นไปว่า " ปฏิฆานุสัย "

    แปลว่าอะไร แปลว่า สู้กับนิวรณ์ได้แล้ว นิวรณ์ดับหรือคัฟ ไม่ดับหรอก ยังมี อนุสัยรอชก
    หน้าหงายรอบสอง

    แล้ว นิวรณ์จะดับตอนไหน ฮะเอ่อ...........



    ต้องพิจารณาให้ดีๆ อาหารของอวิชชา ตามวงปฏิจสมุปบาท ที่กล่าว เริ่มต้นที " จิตมีอวิชชา "

    ก็ จิตนั้นมีอวิชชาได้อย่างไร พระพุทธองค์บอกว่า อวิชชาก็มี อาหาร มีปัจจัยการ ให้เกิดอวิชชา


    พูดง่ายๆ เหนือกว่า อวิชชา ก็คือ นิวรณ์


    อวิชชา บ้านใคร กำหราบได้ง่ายๆ ..... เขามีแต่ ลากเหลือด คางเหลืองกันทั้งนั้น

    แล้ว คนบางคนเว้ยเฮ้ย มาพูดว่า " นิวรณ์ไม่ได้เกิดตลอดเวลา " จิตตนพ้นนิวรณ์
    ดับอวิชชา เป็น ช่วงช่วง กับ หลินหุ้ย !!!


    พระป่าเนี่ยะ พูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า " จิตประภัสรร นั้นแหละ จิตอวิชชา " พูดแบบ ปัจจัยการ

    ก็ นิวรณ์นั้นแหละ เป็น ปัจจัยให้เกิดขึ้นของ จิตประภัสสร !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
     
  10. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    ผมนี่ไม่เคยได้ยินมาเลยครับ ว่านิวรณ์เป็นปัจจัยให้เกิดจิตประภัสสร มีแต่ได้ยินว่า นิวรณ์สงบระงับลง สมเด็จพระสังฆราชท่านสอนอย่างนี้ครับ
    วิธีที่จะละนิวรณ์ดับนิวรณ์ เมื่อกล่าวโดยรวบรัดแล้วก็คือสติ และญาณปัญญานี้เอง สติก็คือสติปัฏฐาน ปัญญาก็คือปัญญาที่บังเกิดขึ้นติดต่อกันไป และเมื่อนิวรณ์สงบจิตก็ย่อมสงบตั้งมั่น ก็น้อมจิตที่สงบตั้งมั่นนี้มาพิจารณาให้รู้จักขันธ์ ๕ อันย่อเข้าก็เป็นนามรูปหรือกายใจอันนี้ที่เป็นที่บังเกิดขึ้นของนิวรณ์ เพราะนิวรณ์ก็อาศัยกายใจอันนี้เองบังเกิดขึ้น และบังเกิดขึ้นที่จิตอันประกอบด้วยกายใจอันนี้ เพราะฉะนั้นเมื่อนิวรณ์สงบ กายใจที่ปราศจากนิวรณ์อาศัย กายใจที่บริสุทธิ์ก็ปรากฏขึ้น
    ผมจึงเห็นว่า จิตประภัสสรมันเกิดอย่างนี้ครับ สติแบบโลกนี่แหละ ทำให้เราเดินไม่ตกคลอง สติตัวนี้แหละที่พัฒนาจนเป็นสติระดับอริยะ ท่านครับถ้าท่านเข้าใจอย่างนี้ พูดง่ายๆ แบบนี้ครับ เดี๋ยวเข้าใจผิดกันไปอีก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤษภาคม 2015
  11. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    กั๊กๆ

    ก็กล่าวไปแล้วว่า พระป่า ท่านชอบยกว่า " จิตประภัสสร นั่นแหละ จิตอวิชชา "

    " จิตประภัสสร " คือ " จิตโง่ ที่ไม่ได้รับการอบรมจิต "

    จิตธรรมชาติ จึงประภัสสร คือ โง่โดยสันดานมาช้านาน ไม่เคยฟังธรรมะ


    ไม่เชื่อ ลองตีลังกา กลับไปดู จิตประสรของคุณ ว่า มีก่อนสดับธรรมะ มาแต่ไหนแต่ไร รึเปล่า

    ก่อน สัทธรรมจะปรากฏบนโลก จิตคุณ ที่ว่า ประภัสสรเนี่ยะ มีอยู่แล้ว ใช่ไหม

    ถ้ามีอยู่แล้ว ทำไม ต้องมารอเวลานี้ มาฟังธรรมะ !!
     
  12. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    อจ.มจด.ผมหายไปไหน??มาช่วยกันมุง
    ลุงแมวหน่อยนะฮะ

    วันนี้ไม่เปิดท้ายขายของอีก
    หายไปทั้งวันสงสัยขาดทุนยับ!!?
     
  13. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    สติเบื้องต้นของสมาธิคือเจอปีติแล้วรู้
    ไม่ตกใจครับ
    อันนี้ให้ไปทดสอบเล่นๆ
     
  14. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    จิต มโน วิญญาณ ในพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์ ชี้ชัดว่า เป็นสิ่งที่เกิดจากเหตุ ปัจจัย

    จิต มโน วิญญาณ หากขาดปัจจัย จิต มโน วิญญาณ ก็เกิดขึ้นไม่ได้ !!! หนทางออกจาก
    สังสารวัฏจึงมี



    จิต นอกศาสนา ปลอมปน โอยยยย เกิดขึ้นลอยๆ มาแต่ต้น เดิมแท้ประภัสสร
    แล้ว มาด้นเด้า เดาธรรมะ มาหาทาง ปัดกิเลส กลับไป นั่งแอ้งแม้ง แช่แป้ง ใสในใส
    ตามเดิม มาหลอกแดก สร้าง ลัทธิจิตเที่ยง !!!
     
  15. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    คำถามสอบอารมณ์
    จิตกับใจต่างกันตรงไหนหรืออันเดียวกัน
    เอาไปคิดเล่นๆครับ
     
  16. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ดังนั้น สติที่ฝึกอย่างดีและมีความคง
    จึงเป็นสิ่งจำเป็นในการเจริญกัมฐาน
    ตามเหตุผลนั้นนะฮะ
     
  17. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    เป็นอันว่า ยอมรับคำด่าของท่านละกันครับ เพราะทบทวนไปมาไม่รู้จะตอบท่านยังไง กลัวเสียกระทู้เค้าครับ คือ รับเอาไปพิจารณาสักพักแล้วค่อยทิ้งครับ เป็นการให้ท่านได้ทาน ผมก็ได้ทานด้วย
     
  18. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    จิตมันตั้งเป็นหลักที่กลางกะโหลกครับ ใจตั้งที่กลางทรวงอก ผมตอบแบบนี้ อาจโดนรับประทานอีก 555
     
  19. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    เอ้า แล้วกัน

    ท่านจิตประภัสสร จะรับ แขก เข้าบ้านทำไม ละฮับ

    ไม่กำหนดรู้ วิจิกิจฉานิมิต แล้ว พิจารณาให้แยบคาย(โยนิโสมนสิการ) เพื่อให้
    นิวรณ์ ไม่มีอาหาร หละครับ

    สู้เอาเองน๊า สู้เป็นละก้อ นิวรณ์ ดับ วับ ขาด ไม่ต่อมาติดอีกเลย

    แต่...............มันมีหลายเหตุ หลายนิมิต อีกเป็น ขยุ้ม

    ถ้าเห็นทาง จากการภาวนาล้านชาติ จะหดเหลือ สำเร็จในชาตินี้ !!!
     
  20. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493

    หากเคยเรียนตำรับตำรามาบ้าง จะไม่พูดแบบนี้ เพราะอะไร ? เพราะความคิดแต่ละขณะๆนั่น มีเจตสิก (ฝ่ายดีฝ่ายชั่วร้ายแล้วแต่) เกิดร่วมกันมากมาย แค่หายใจเข้า ว่าธัม หายใจออก ว่าโม (ธัม-โมๆๆๆ) เจตสิกเกิดร่วมบานเลย มีทั้งสติ สัมปชัญญะ สมาธิ (ตามสมควร) เจตนา มนสิการ ฯลฯ

    แต่พวกเรานำมาแยกๆพูดจนเละไปหมดแล้วเหมือนประหนึ่งว่า สติ,สมาธิมันทำงานคนเดียวยังงั้นแหละ คิกๆๆ :d(deejai)

    ป.ล. ถ้าถามว่า ใครเป็นคนคุมสติล่ะ จะตอบว่าอย่างไร
     

แชร์หน้านี้

Loading...