หากฝึกสติให้มั่นคงไม่ได้ ไม่ต้องถามเรื่องสมาธิและฌานใช่หรือไม่??

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้ว่าง, 20 พฤษภาคม 2015.

  1. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    การฝึกสติให้มั่นคงให้นิ่ง ไม่ฟุ้งไม่คิดโน่นคิดนี่
    คือการควบคุมสติให้อยู่กับพุทโธต่อเนื่องยาวนาน
    นาทีต่อนาทีในรอบ 24 ชม.
    จนชำนาญเป็นความเคยชิน
    เป็นการเตรียมพร้อม
    ก่อนการฝึกสมาธิ
    ขั้นตอนแบบนี้น่าจะฝึกทำได้สะดวก
    ได้ทุกสถานที่ทุกหนทุกแห่งถูกต้องไหมครับ??
     
  2. ABT

    ABT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +1,524
    หากสติแนบกับพุทโธได้ไม่ต้องถามถึงฌานกับสมาธิ ทั้งหมดจะรวมเป็นหนึ่งเดียวเรียกว่ารวมเป็นหนึ่งเดียว ต่อไปก็เดินปัญญา สู่การพ้นทุกข์ ขออนโมทนา ครับ
     
  3. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ..................ในพระสูตร ที่ผมอ่านเจอ สมัยพุทธกาล ภิกษุ หลัง บิณบาตรแล้วกลับมาถึง ที่พัก...ก็ นั่งตั้งกายตรงดำรงสติมั่น เจริญสติและสมาธิย่อมมีตามมา หรือ เดิน จงกรมก็เช่นกัน นั่นเพราะอะไร? นั่นเพราะ วัตรปฎิบัติและการดำเนินชีวิต ของ ท่าน และ สถานที่อันเป็นสัปปายะ มันมีอยู่แค่นั้น...มันไม่ได้ มีกิจกรรมเช่น ฆราวาสอย่างเราท่าน.แต่ถ้าเป็นเราท่าน จะทำอย่างนั้นได้ใหม ถ้าได้ ก้ อนุโมทนา ความเห้นของผม (จริงจริงแล้วถ้านั่ง ภาวนาพุทโธ หรืออานาปานสติก็ตาม มีวิตก วิจาร และ การตามเห็นกาย เวทนา จิต ธรรม สมาธิ ย่อมเกิดตามมา ไม่ใช่เป็นการเตรียมตัวอะไรเลย หมายถึง เป็นความต่อเนื่องกัน ครับ).....ส่วนการปฎิบัติ ของเรา การมี สติสัมปชัญญะ รู้กายใจ นำไปสู่ อินทรียสังวรณ์(สำรวมกายใจ) และนำไปสู่ สุจิตสาม และ สติปัฐฐานสี่ และนำไปสู่โพชฌงค์เจ็ด(สมาธิสัมโพชฌงค์ อุเบกขาสัมโพชฌงค์) ตามลำดับ.....ตามความเห้นของผม อย่างเราท่าน การมีสติสัมปชัญญะ รู้กายรู้ใจ รู้เท่าทัน การงาน สุจริต ทุจริต ในแต่ละวัน จะนำไปสู่ ความเข้าใจเรื่อง "อินทรียสังวรณ์" เป้นเบื้องต้น ก่อน ครับ:cool:
     
  4. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ลุงแมวสงสัยว่าสติที่มั่นคง
    กับสติที่ว่องไวนั้นมีความหมายเดียวกันหรือไม่??

    ในกรณีที่ลุงแมวจะหุงข้าว ขณะกำลังรินน้ำซาวข้าว
    จากหม้อเห็นเม็ดข้าวหลุดลอยปนมากับ
    น้ำจะลงอ่าง
    แต่ลุงแมวเอานิ้วคีบเมล็ดข้าวเอาไว้ได้
    ทั้งที่รินหลุดมาแค่เม็ดเดียว

    เหตุการทำนองนี้เกิดบ่อยๆ เป็นความไวของสติ
    หรือเป็นการตอบสนอง
    โดยอัตโนมัติของร่างกายของคนปกติโดยทั่วๆ ไปฮะ
     
  5. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    สติ โลกๆ เอาไว้ทำอะไรที่เป็นเรื่อง เสวยโลก ข้าวเมล็ดเดียว ก็โลภ ไม่ปล่อยผ่าน

    ข้าวเมล็ดเดียว กับ สติโลกๆ ทำให้ได้เป็นอะไร เป็น ผีเปรต

    สติ ธรรม เอาไว้ระลึกถึงความเป็น ปรมัตถ์อารมณ์ คือ เห็นเป็น มหาภูตรูป4
    หรือ เห็นเป็นอยาตนะ6 เห็นเป็นธาตุ8 ธาตุ22 เห็นเป็นจิตเดินสมถ "เห็นเป็น
    จิตเดินวิปัสสนา (เห็นธรรม2) ฯลฯ เกิด แล้วก็ดับ ไม่อาจตั้งอยู่ได้ ตามเห็นความเป็นจริงอย่างนี้
    อยู่เป็นประจำ กิเลสไม่ต้องจงใจตัด แต่ด้วยอำนาจแห่งการเจริญสติ กิเลสเหล่า
    นั้นย่อมหลุดออกไปจากตน เหมือน เข็นเรือขึ้นบก ตัวเพรียงก็ต้องหลุดไป โดยไป
    ต้องไปจับออกทีละตัว ไม่ต้อง ทำแบบคนลูบคลำศีล พรต เพราะเข้าถึง อินทรียสังวรศีล ด้วยอุบายอันยอดเยี่ยม!!!
     
  6. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    สติ ที่ไว ในการระลึกเห็น ข้าวเมล็ดเดียว ไม่ปล่อยผ่าน

    สติ หากมีจริง จิตมีความตั้งมั่น หาก อุปนิสัยไปทาง กายสักขี สติที่ไว ไม่ใช่
    เห็น ข้าวเมล็ดเดียวกูรักษาไว้ได้ แต่ จะเห็นเลยว่า เพราะเหตุแห่งข้าวเมล็ด
    เดียว ทำให้ชาติโน้นเสวยชาติเป็น ...... มีผิวพรรณดำ ....มีมือใหญ่ ฯลฯ
    และชาติโน้นก็เสวยชาติเช่นนั้นซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า เหตุเพราะ รักษาข้าวเมล็ดเดียว
    ไม่ให้ปล่อยผ่าน โลภะจึงเป็นไฟร้อน เผาไหม้ให้เสวยภพชาติ ไม่จบไม่สิ้น
    เป็นจำนวนเท่านั้นชาติ เท่านี้ชาติ

    หากเป็น ทิฏฐปัตตะ ก็สั้นหน่อย จะเห็น ตัวทิฏฐิที่เป็นเบื้องหลัง สั่งให้จิตเคลื่อน กายมันจะ
    เคลื่อนเองไม่ได้ ต้องมีจิตที่ส่งออกนอกเกิดขึ้นก่อน และ จิตที่ส่งออกนอกนั้น เป็น ทิฏฐิธรรม
    บางอย่าง ที่ทำให้กายเคลื่อน พอเห็นแบบนี้ จะสาวไปอีก เหตุเพราะ ธาตุดินสีขาวสำคัญ
    ว่าเป็นอาหารเลี้ยงชีวิตตามอุปทานขันธ์ จึงทำให้จิตเคลื่อนไปสู่ ภพผีเปรต ด้วยเหตุเช่นนี้
    จึงทุกข์เกิดซ้ำวนเวียน ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ด้วยความพอใจเหลือประมาณ ปักแน่นกับ ข้าวเมล็ด
    เดียวที่รักษาเป็นอาหารเลี้ยงชีพไว้ได้ หลงไปในภพ มาช้านาน หนทางออกคือ กำหนดรู้ ทิฏฐิ
    ธรรมนั้น ที่หลอกให้หลงวนเวียนในสังสารวัฏ มีความพอใจ อภิชญส และ โทมนัส ในกาลก่อนๆ
    เป็นเบื้องหลัง .......

    ถ้าเป็น ศรัทธาวิมุตติ " เห็นมือขยับคีบข้าว เห็นความพอใจ โอยยยย เปรต ชัดๆ " น้อมจิต
    ไปสู่การเห็น สัจจธรรม เนืองๆ นี่ภพ นี่เหตุของภพ การกำหนดรู้ คือ เหตุของการสิ้นภพ น้อม
    จิตน้อมใจ เจริญสติ เผลอแล้วรู้ เผลอแล้วรู้ สักวัน จะต้องเกิดสติธรรม สมาธิธรรม ปัญญา
    ธรรมเพื่อการสละออกไม่เหลือ ไม่ติดแม้นในกุศลปราณีต ก็จะ อ้อ นั่นแสงสว่าง นั่นความรู้
    นั่น .................... แล้ว น้อมไป(อย่างแยบคาย ไม่ใช่น้อมไปเพราะ ประมาทยังจงใจน้อม )
     
  7. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    ลุงแมวเปลี่ยนลายเซ็นต์อีกแล้วรึครับ พร้อมเปิดสงครามแมวแล้วนะครับ. 5555เอาจะเป็นกิงเชียร์ลุงเต็มที่เลย สู้ๆสงครามแมวนะครับ. สาธุ
     
  8. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    บางทีอาจถูกมองว่าโลภแค่ข้าวเมล็ดเดียว
    ลุงแมวไม่เคยเป็นผู้ผลิตข้าวแต่รู้ว่าผลิตยาก
    มีหลายขั้นตอนกว่าจะออกมาเป็นรวงข้าว
    แก่รวงหนึ่งจะเหลือมากินมาบริโภคกันแค่
    7เมล็ดเอง ความสูญเสียที่ควบคุมได้ก็ควร
    ต้องควบคุม เช่น ตักไม่ให้หกตกหล่น ทานไม่ให้เหลือ
    คาจานแบบญี่ปุ่น ไม่ตักข้าวเกินกระเพาะคนกิน
    ถ้ารินน้ำตอนซาวข้าวพบว่าเป็นข้าวลอยก็ปล่อย
    ไปเพราะฝ่อแล้ว เป็นต้น
    แต่ลุงแมวเตรียมข้าวตักบาตร เรียกได้ว่า
    พระองค์เดียวหากบิณโดย
    ไม่มีบ้านใครใส่บาตรมาก่อนเลย
    เจอลุงแมวใส่บาตรคนเดียว
    พระฉันอิ่มแล้วมีเผื่อแมวที่วัดไปในตัวครับ!!!
     
  9. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    สติ ไว ระดับสาวก ชั้นหลังๆ

    เอาแค่ เห็นกริยากาย กริยาจิต มันแสดงอาการของจิต คีบข้าว

    เห็นกายมันแสดงกริยา เคลื่อนเอง ไม่ใช่เกิดจากเจตนา กายที่เป็นธาตุ
    สนองต่อการต้องการธาตุ เพราะ ธาตุอยากกินธาตุ จึงเกิด กริยาเหมือน
    " สัตวมนุษยแสนเจ๋งคีบข้าวได้ " แล้ว เฝ้นธรรม มีจิตตั้งมั่น พิจารณาแต่
    ส่วน ปรมัตถ ( ธาตุกินธาตุ ) ไม่เคลื่อนไปสู่ความพอใจในภพ( พอใจเป็น
    มนุษยนิ้วไว สุดติ่ง )

    เห็น ธาตุกินธาตุ หากมีจิตตั้งมั่น ก็เริ่มเข้าสู่การเห็น ธรรมบทอาหาร4 ยกขึ้น กำหนดรู้ เจริญสติเนืองๆ

    หากจิตไม่ตั้งมั่น จิตจะเคลื่อนไปพอใจความเป็น ภพ ชาติ (แถม)มรณะ อย่าง " ไม่รู้ " ไม่เคยสดับ ลูบคลำศีล พรต ตายเปล่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤษภาคม 2015
  10. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,116
    ค่าพลัง:
    +3,084
    ผมว่าไม่ต้องไปรอให้มั่นคงหรอก ฝึกสมาธิไปด้วยเลยครับ
     
  11. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ของมีคมก็เคยหล่นจากมือหนึ่งแต่ก็ใช้มือ
    และขาตะปบ คีบ หนีบขมิบไว้ได้โดยไม่บาดเจ็บ
    หรือข้าวของเสียหาย

    คงไม่ใช่เพราะเสียดายโลหิต
    ขี้เหนียวไม่ให้แมลงวันกินนะฮะ
    หรือกลัวมีดต้องหักต้องพัง
    เพราะไม่มีเงินซื้อของใหม่นะครับ
    นะครับ
    แต่เป็นผลมาจากสติที่คอยแสตนบายอยู่
    เคียงข้างกับตัวปัญญาคอยควบคุมให้ปัญญา
    ทำหน้าที่ได้ตามปกติมากกว่านะฮะ
     
  12. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    บางทีก็อย่างนั้นนะครับ อย่างเช่นจะไปอาบน้ำ เอาผ้าเช็ดตัวพาดบ่าไป พอถึงช่วงนึงหันไปคุยกับเพื่อน ผ้าเช็ดตัวมันเลื่่อนลงหลุดจากบ่า จิตมันแทบจะเห็นภาพผ้าค่อยหล่นลง สติมันไปตามอาการแห่งกายและผ้าเช้ดตัว แถมจิตมันรู้ว่าถ้าปล่อยไปจะเสียผ้า คือ จะใช้เช็ดตัวไม่ได้แล้ว เพราะถ้าตกไปๆ เปรอะน้ำผ้าก็จะใช้เช็ดตัวให้แห้งไม่ได้ จิตมันสั่งว่า อย่าให้เสียของเลย จะลำบากในภายหลัง กระบวนการตะหนักรู้นี่มันแค่แว่บเดียว แต่เรารู้ทุกกระบวน เมื่อจิต แสดงความประสงค์และเจตนา ร่างกายก็เคลื่อนไหวตามสั่งในทันที นิ้วมือตามจับคีบคว้าไว้ได้ทัน โดยใช้แข้งขาตวัดขึ้นมากันผ้าที่จุดต่ำสุดของผ้าเอาไว้ก่อนไม่ให้ถึงพื้น แล้วออกแรงตวัดปลายนิ้วตวัดผ้ามาพาดวางไว้ที่บ่าดุจเดิม ให้คงอาการเหมือนก่อนจะหลุด สาธุกับการรักษาเม็ดข้าวไม่ให้เสียหาย ไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่ว่าผมนี่สติคงช้าไป จะให้ดีต้องทราบล่วงหน้าและประคองกายไว้ให้อยู่กับผ้า แค่หันไปคุยนี่ถือว่าสติหลุดเหมือนกันฮับ ตอนเด็กๆ ครับที่เล่ามา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤษภาคม 2015
  13. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    คนที่มีสติมั่นคงจะพาให้เกิดความว่องไว
    อย่างเช่น นักฟุตบอล นักกีฬา นักแสดง
    เช่นจาพนม หรือเฉินหลงเป็นต้น
    บรรดานักกีฬาหรือนักแสดงเหล่านี้เขาฝึกสติ
    กันแน่นอนแต่วิธีใดเราไม่ทราบ

    หากถามว่าบรรดาคนเหล่านี้ ถ้าจะมาฝึกสมาธิ
    เพื่อเข้าถึงปัญญาณ จะทำได้ดีกว่าผู้อื่นไหม??

    คำตอบน่าจะมีบ้างเป็นบางคน
    ที่เคยสั่งสมบารมี คือมีบุญบารมีมาทางนี้
    บ้างแล้วก็จะเรียนง่ายสอนง่าย ปฏิบัติเห็นมรรค
    เห็นผลได้ง่ายครับ
    อาจง่ายถึงขนาดไม่ต้อง
    มาพูดหรือมานั่งฝึกสติ
    เลยก็ได้นะฮะ
     
  14. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ไม่ได้ครับ
    เพระสติความว่องไวของทางโลกนั้นเต็มไปด้วยนิวรณ์
    แต่สติทางธรรมจะปราศจากนิวรณ์ครับ
     
  15. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    สติทางโลกเป็นตัวเบิกทางเข้าสู่สติ
    ที่ปราศจากนิวรณ์ถูกไหมฮะ!!!
     
  16. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ไม่ถูกครับ
    สติทางธรรมต้องเกิดจากการฝึกฝนอย่าพึ่งไปหวังอิริยาบท4ครับ
    เพราะนั่งสมาธิธรรมดายังฟุ้งซ่านแล้วอิริยาบทอื่นมันจะได้เหรอครับ
     
  17. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    อ้อครับ!!

    สติในทางธรรมหมายถึง การระลึกรู้อารมณ์ และเป็นสิ่งที่ยับยั้งมิให้จิตตกไปในฝ่ายอกุศล
    เพราะสติเป็นความระลึกรู้อารมณ์ที่เป็นฝ่ายกุศล
    หรือความระลึกทันอารมณ์
    จากคุณสมบัติของสตินี้ ก็พอจะได้รู้ว่า
    สตินั้นมีความสำคัญอย่างไรใช่ไหมฮะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤษภาคม 2015
  18. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    เบื้องต้นก็อย่างนั้นครับ
    จะให้ดีถ้าระลึกได้ว่าเกิดอกุศล
    ก็ให้นึกอบรมจิตไปด้วยเลยนี่เป็นขั้นกลางครับ
     
  19. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    เขียน ๑๕.๑๖

    มั่วป่าวท่าน หึหึหึ

    สติน่ะนะ เค้าไม่แบ่งพรรคแบ่งพวกกันหรอกจ๊ะ นะจ๊ะ นะจ๊ะ
    จะใช้ทางโลกหรือทางธรรม มันก็สติตัวเดียวกันนี่แหละนะ เนอะ

    แต่เมื่อโดนอัตตาแทรกซึมเข้าไป ก็อาจจะเป็นเช่นท่านได้ ล่ะมั้ง นะ หึหึหึ

    เรื่องง่ายๆ ก็ชอบทำกันให้เป็นเรื่องเข้าใจยาก เฮ้อ..
    ยึดกันเข้าไป ให้มันแน่นๆ เข้าไว้
    ระวัง!!! จะเป็นโรคต้อภูเข้ากันเน้อ ๕๕๕
    (โรคต้อภูเขา ชื่อเต็มๆ ว่า "โรคต้อภูเขาแห่งวิถีพุทธธรรม" : หมอมือเปล่า)


    กระต่ายป่า แห่งเกาะนาฬิเกร์ / สหพันธ์ใบไม้ในป่า ๕๕๕

    .
     
  20. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    อยากรู้ว่าต่างไม่ต่างก็ลองนั่งสมาธิดูเอาครับ
    อ่านดูก็รู้ว่าไม่เคยปฏิบัติ
     

แชร์หน้านี้

Loading...