วิริยาธิกะพิเศษบันทึก

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย pco-, 7 มิถุนายน 2010.

  1. scorpion03

    scorpion03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +816
    สวัสดีท่านทั้งหลาย

    ก่อนอื่นต้องขออนุโมทนาในกุศลเจตนา ที่ท่านทั้งหลายได้กระทำแล้วด้วยดี สาธุ

    เข้ามาในห้องนี้ ก็ดีใจ เห็นพี่ ๆ ทั้งหลาย พี่ PCO พี่บุญทรงพระเครื่อง พี่ Armarmy และท่านอื่น ๆ ที่ไม่ได้กล่าวนาม ต่างก็มุ่งมั่นบำเพ็ญบารมี กันอย่างเข้มแข็ง และต่อเนื่อง ขอโมทนา

    นาน ๆ เราเข้ามาคุยสักที ก็ไม่มีอะไรมาก ตามประสาคนไม่ดีอย่างเรานะ คือว่าสำรวจจิตใจตนเองทีไร ก็เล็งเห็นแต่กิเลส และตัญหา มันเต็มไปหมด จะมีบุญ มีกุศลบ้าง ก็น้อยนิดนะ แต่ก็จะพยายามทำความดี ที่มีอยู่เพียงน้อยนิดต่อไปนะ

    ขอคุยเรื่อยเปื่อยไปนะ เพราะไม่รู้จะไปคุยกับใครที่ไหนได้ ก็ได้แต่มาคุยในที่นี้แหละนะ ก็อาศัยชายคาท่าน วิริยาธิกะพิเศษบันทึก นี่แหละ ตรงประเด็นดี

    ดวงเมือง ของประเทศไทย กำลังค่อย ๆ ดีขึ้น คนดีมีศีลธรรม ค่อย ๆ มีกำลังวังชาเพิ่มมากขึ้น ส่วนคนเลว แน่นอน ย่อมพ่ายแพ้ภัยตัวเอง (กรรมชั่วที่ก่อไว้) ไปในที่สุด

    สังคมประกอบไปด้วย ส่วนเล็ก ๆ คือ ครอบครัว , หมู่บ้าน, ตำบล, อำเภอ ,จังหวัด แล้วรวมกันเป็นประเทศไทย ทุก ๆ ภาคส่วนของสังคมต่างก็ต้องพึ่งพาอาศัย ซึ่งกันและกัน หมายถึงประชาชนชาวไทยทุกคน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ต่างก็มีความสำคัญ ต่อประเทศชาติด้วยกันทั้งนั้น

    ถ้าหาก เราต่างพากันคิดว่า เรื่องของประเทศชาติ เป็นเรื่องที่ใหญ่เกินตัว ประเทศไทย ไม่ใช่ของเราคนเดียว ต่างคนก็ต่างคิดว่าธุระไม่ใช่ ฉันสนใจเฉพาะเรื่องของตัวเอง และครอบครัวของฉัน ส่วนเรื่องชาติบ้านเมือง มันเป็นเรื่องที่ไกลตัว และใหญ่เกินไป ไม่ใช่หน้าที่ของฉัน อย่างนี้เราคิดว่ามันก็ไม่ค่อยจะถูกสักเท่าไรนะ

    กำลังใจจึงเป็นเรื่องสำคัญ การมีจิตใจสาธารณะ เห็นแก่ประโยชน์ของประชาชนในชาติโดยส่วนรวม มากกว่าประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ที่คนไทยโดยส่วนใหญ่ พึงจะต้องมี เพื่อให้ประเทศชาติอยู่รอด และเจริญรุ่งเรื่องสืบไปได้

    เราก็ได้เพียงแต่ ส่งกำลังใจ และตั้งจิตแห่งเรา เพื่อให้กำลังใจของคนไทยโดยส่วนใหญ่ เป็นไปในแนวทางตามที่ได้กล่าวมาข้างต้นนี้

    องค์พ่อหลวงของเรา ได้มีพระราชดำรัสไว้ว่า " เราไม่สามารถทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ แต่เราสามารถส่งเสริมให้คนดี ได้มีโอกาสเข้ามาบริหารชาติบ้านเมือง ตลอดจนสกัดกั้นคนที่ไม่ดี ไม่ให้มีโอกาสเข้ามาบริหารชาติบ้านเมืองได้ "

    สิ่งนี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดนะ ถ้าท่านทั้งหลายเข้าใจ และพร้อมนำไปปฏิบัติ ให้ผลจริง บ้านเมืองไทยของเรา ก็จะอยู่รอด และปลอดภัย ตลอดจนเจริญรุ่งเรื่องไปในที่สุด

    ถ้าคนไทยส่วนใหญ่ ยังมัวเห็นแก่ประโยชน์สุขส่วนตน และพวกพ้อง โดยไม่ยอมที่จะเสียสละเพื่อชาติบ้านเมือง ต่างคนต่างก็คิดว่าธุระไม่ใช่ ประเทศไทยไม่ใช่ของฉันคนเดียวนี่ ถ้าพากันคิดแบบนี้ บ้านเมืองก็จะไปไม่รอด

    ไม่ว่าจะเป็นยุคใด สมัยใดก็ตาม ชาติบ้านเมือง ต้องการคนที่เสียสละเสมอ และก็ด้วยความเสียสละ ของท่านผู้เจริญเหล่านี้ ประเทศไทยถึงคงความเป็นไทย มาได้จวบจนทุกวันนี้

    มาเวลานี้ ประเทศไทย อยู่ในมือของคนไทยทุกคน ถ้าคนไทยไม่ร่วมแรงร่วมใจกันในเวลานี้ อนาคตของประเทศชาติ ก็จะไร้ทิศทาง หวังว่าท่านทั้งหลายคงจะเข้าใจในเรื่องที่เราได้กล่าวมานี้
     
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,851
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,041
    *******************************
    ดีใจจัง ท่านหายไปนานเลยค่ะ ชักห่วง:cool:
     
  3. scorpion03

    scorpion03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +816
    สวัสดีท่านทั้งหลาย

    ก็จะขอเขียนต่อจากเมื่อวานนะ

    ประเทศไทยของเรานั้น จำเป็นที่จะต้องคงกฏอัยการศึกเอาไว้ก่อนนะ เพราะเหตุว่าสังคมของไทยในเวลานี้ยังไม่นิ่งพอ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ทหาร เข้ามาควบคุมเอาไว้ก่อน เพราะว่าคนไทยหลาย ๆ ส่วน ยังไม่สามัคคีกัน ยังมีความแตกแยกกันอยู่ และประการสำคัญก็คือ ไม่รู้จักหน้าที่ของตน คือคิดเอาแต่ได้ แต่ไม่ยอมเสียสละให้ผู้อื่นบ้าง

    ถ้ายกเลิกกฏอัยการศึกในเวลานี้ ความแตกแยกก็จะกลับมาอีก และทีนี้จะยิ่งทวีความรุนแรงมากกว่าที่ผ่านมา จนยากที่จะควบคุม และในที่สุดจะบานปลาย กลายเป็นสงครามกลางเมืองได้ในที่สุดนะ

    สภาพความเป็นจริงของสังคมไทยในเวลานี้เป็นแบบนี้จริง ๆ ถ้าท่านทั้งหลายไม่มองโลกสวยจนเกินจริง พิจารณาเรื่องราว และข้อเท็จจริงต่าง ๆ อย่างละเอียดและรอบคอบถี่ถ้วนแล้ว จะพบว่ามันเป็นอย่างนั้น

    หลาย ๆ คนอาจจะไม่เข้าใจ อาจจะคิดว่า ทำไมไม่รีบ ๆ คืนอำนาจให้กับประชาชน โดยให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว คำตอบคือ ประเทศไทย และคนไทยยังไม่พร้อมในเรื่องนี้ ต้องจัดเตรียมสิ่งต่าง ๆ ให้เรียบร้อย และพร้อมเสียก่อน

    หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่า ไม่เป็นประชาธิปไตย ดูอย่างยุโรป อเมริกา หรือว่าญี่ปุ่น ทำไม่เขามีประชาธิปไตยได้ แล้วเมืองไทย ทำไมถึงยังให้ทหารปกครองอยู่

    จะอธิบายว่า สังคมของไทยเรา แตกต่างจากประเทศต่าง ๆ ตามที่กล่าวมานะ ต่างทั้งวัฒนธรรม คติความเชื่อ และพื้นฐานทางสังคม เมื่อสังคมมีความแตกต่างกัน จะใช้วิธีการปกครองแบบเดียวกันเลย มันไม่ได้ มันจะเกิดความแตกแยก จนทำให้บ้านเมือง ต้องแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ คล้าย ๆ กับเขมร สามฝ่ายในอดีตนะ จะเป็นแบบนั้น คือต่างฝ่ายก็จะไม่ยอมกัน ถึงขั้นต้องเข่นฆ่ากันให้ตายกันไปข้างหนึ่ง และจะตั้งตนเป็นใหญ่ ไม่ยอมกัน จนแยกเป็นไทยเหนือ ไทยอีสาน ไทยภาคกลาง และไทยใต้

    เอาเป็นว่า ถ้าทหารปล่อยมือ ยกเลิกกฏอัยการศึก บ้านเมืองจะกลับมาลุึกเป็นไฟอีกครั้ง และจะรุนแรงมากกว่าเดิม ประเทศจะต้องแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ

    เราขอพูดแทนทหารหาญของชาติสักหน่อยนะ ว่าทหารเขายอมให้ประเทศชาติเป็นอย่างนั้นไม่ได้เด็ดขาด

    เราอยากจะบอกกับท่านทั้งหลายว่า องคาพยพทั้หมดของสังคมไทยเรานั้น จะเป็นประชาธิปไตยแบบชาติตะวันตกนั้น ไม่ได้หรอกนะ เพราะความแตกต่างทางสังคม

    ตราบใดที่คนไทยโดยส่วนใหญ่ ยังไม่รู้จักหน้าที่ที่แท้จริงของตน คิดแต่เพียงผลประโยชน์ของตนเอง และพวกพ้องเป็นใหญ่ ตลอดจนขาดซึ่งความซื้อสัตย์สุจริต ต่อชาติบ้านเมือง ต่อส่วนรวม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง มีองค์กรที่เข้มแข็ง อย่างสถาบันทหาร เข้ามาปกครอง ปกป้องบ้านเมือง และประชาชน ให้สงบ และพัฒนาต่อไปอย่างยั่งยืน ตามแนวทางพระราชดำริขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ

    เราเองเคยคิดว่า บรรดาข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทั้งหลาย ที่ก่อนจะเข้ารับตำแหน่ง ต่างก็ได้เคย สาบานตน กล่าวคำสัตย์ปฏิญานต่อองค์พระประมุขของชาติ ใจความว่า จะทำหน้าที่ด้วยความซื้อสัตย์สุจริต โดยเห็นแก่ประโยชน์ของชาติบ้านเมือง โดยส่วนรวม มากกว่าประโยชน์ส่วนตน และพวกพ้อง

    เราเคยคิดว่า จะมีข้าราชการส่วนไหนบ้างหนอ ที่จะยังซื่อสัตย์ต่อคำปฏิญาน ที่ได้เคยให้คำสัตย์ไว้ ต่อองค์พระประมุขของชาติ

    มาบัดนี้เราประจักษ์ชัดแล้วว่า ยังมีทหารหาญ ที่ยังรักษาคำสัตย์นี้ไว้

    " อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี " คำพูดประโยคนี้เราซาบซึ้งใจนัก นั่นหมายถึงว่า เป็นคำมั่นของเหล่าทหารหาญผู้กล้าทั้งหลาย ว่าจะยอมสละแม้ชีวิต เพื่อปกป้องชาติ และราชบัลลังค์ ตลอดจนประชาชนชาวไทยทั้งหลายนั้นเอง
     
  4. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    เห็นด้วยกับคุณน้อง03ทุกประการหากจะพูดก็ซ้ำกันเปล่าๆ เรื่องของใจนั้น ผมมีความพอใจสภาพในปัจจุบันขณะนี้ที่เริ่มมีความสงบเรียบร้อยเป็นระเบียบแบบแผนขึ้นเรื่อยๆ แค่เรื่องทวงคืนสิ่งต่างๆที่เป็นประโยชน์สาธารณะ ที่เป็นทรัพย์สินแผ่นดิน ที่ถูกเบียดบังเอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตน มีมานานลักษณะของการมือใครยาวสาวได้สาวเอา คนที่มือสั้นๆจะทำไง คนตัวเตี้ยๆจะเป็นไง แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว ผมก็กราบขอบคุณทหารหาญ ขอบคุณข้าราชการ ขอบคุณทุกๆฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่ช่วยกันชำระสะสางในสิ่งที่ควรทำที่ควรเป็นตามวิถีแบบไทยๆของเรา
     
  5. scorpion03

    scorpion03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +816
    สวัสดีท่านทั้งหลาย

    ขออนุโมทนาในบุญกุศล ที่ท่านทั้งหลายได้บำเพ็ญแล้วด้วยดี สาธุ ไม่ว่าจะเป็นบุญกุศลของท่านที่มีความปรารถนาในทางสาวกภูมิ และท่านผู้มีความปรารถนาในทางพุทธภูมิ

    ทั้งสองหนทางนี้ ต่างก็ช่วยคำ้ชูพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรื่องสืบไปจนครบ 500 ปี ตามพุทธดำรัส

    เหตุการณ์ต่าง ๆ กำลังงวดเข้าทุกที ถ้าพูดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ของประเทศอื่น เรื่องใหญ่ ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ว่า ในอีกไม่นาน ความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง ระหว่างฝรั่ง คือกลุ่มประเทศที่นับถือคริสต์ศาสนา กับกลุ่มประเทศโลกอาหรับ คือประเทศที่นับถือศาสนาอิสลาม ความขัดแย้งนี้ก็เห็นได้จาก สงครามย่อย ๆ ที่กลุ่ม IS (Islamic State) กำลังทำอยู่ที่ประเทศซีเรีย และอิรัคในเวลานี้

    ลงท้ายจะเป็นความขัดแย้ง รบกันเป็นสงครามใหญ่ ตามจุดต่าง และภูมิภาคต่าง ๆ ระหว่างกลุ่มประเทศ ของทั้งสองศาสนานี้ มันเป็นกรรมใหญ่ ที่ผูกพัน และจองเวรกันมาช้านาน ตั้งแต่ในสมัยที่รบกันเป็นสงครามครูเสด ในอดีต

    ท่านทั้งหลายจะได้ประจักษ์ชัดว่า พระพุทธศาสนานั้นมีคุณอย่างไร คือผู้คน และประเทศที่นับถือพระพุทธศานาอย่างแท้จริง ผู้คนมีศีลมีธรรม กันมาก ธรรมมะ จะคุ้มครองให้อยู่รอดและปลอดภัยจากเปลวไฟแห่งสงคราม ครูเสด ในยุคปัจจุบัน

    และในไม่ช้า ผู้คนจะเห็นคุณค่าในพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ที่จริงแล้วการเข่นฆ่ากันของประชาชน ทั้งสองศาสนาตามที่กล่าวมานั้น เราเองก็ไม่ต้องการให้เกิดขึ้น พยายามเอาใจช่วยให้ลดความร้อนแรงลงเท่าที่จะทำได้อยู่นะ แต่ว่าสงครามใหญ่ คงต้องเกิดขึ้นอยู่ดี เพียงแต่ว่า ถ้าเทียบเป็นหน่วย เปอร์เซนต์ จากเดิมความรุนแรงเป็น 100 % เราก็อยากให้ลดลงเหลือสัก 65 % ก็ไม่รู้พอเอาเข้าจริง ผลจะออกมาเป็นอย่างไร

    เพราะจะอย่างไร ทุกชีวิตบนโลกใบนี้ก็อยู่ภายใต้กฏเกณฑ์เดียวกัน คือ

    " สัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ เกิดมาเท่าไร ตายหมดเท่านั้น "

    เมื่อความจริงเป็นเช่นนี้ ความเมตตา กรุณา ย่อมต้องมีต่อบรรดาสรรพสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลาย อย่างเท่าเทียมกันทุกรูป ทุกนามนะ
     
  6. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    ก่อนที่จะเกิดรบกันใหญ่ซึ่งมันจะเป็นไปตามกฏแห่งกรรมไม่มีวันไม่มีทางหลีกเลี่ยงมันได้ เราก็มาย้อนดูที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านบอกไว้ ในหนังสือธัมมะวิโมกข์ ฉบับพิเศษ

    นี่ก็แม้แต่หลังสือก็มีฉบับพิเศษ ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อนั้นมีความเป็นพิเศษอยู่มากมายเกลื่อนกลาด แต่ก็มีคนพบเห็นความพิเศษไม่มาก ไม่รู้เป็นเพราะอะไร

    เราดูๆกันแล้วมันก็ไม่น่าจะมีอะร้ายแรง แต่เวรของคนมันหาเรื่องของมันจนได้ จนมีเรื่องราวที่เรียกว่าชักเรือออกลึก แล้วก็ชักศึกเข้าบ้าน ตัวเองลำบากคนเดียวไม่พอพาคนอื่นๆวอดวายไปด้วย

    ก็ถือว่าเป็นกฏแห่งกรรมก็แล้วกันพวกเราเองเมื่อเลี่ยงไม่ได้หนีไม่พ้น เราก็ต้องก้มหน้ารับชะตากรรมไปกับเขา อย่างหลวงพ่อบอก แล้วผมอุปมาเอาว่าเมื่อเสือกับสิงห์ฟัดกัน มันก็กระจุยกระจายไปทั่ว ลูกแมวอย่างเรามีหน้าที่เมื่อเขาฟัดกันเสร็จ แล้วก็ค่อยๆออกมาดูเขา หากมีการตายก็ทำการมาติกาบังสุกุล ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เท่านั้น ไม่มีทางอื่น

    มาดูเรื่องที่ท่านพยากรณ์ไว้ดีกว่าครับ

    พุทธพยากรณ์โลก



    <DD>ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย วันนี้เป็นวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๓๓ เป็นอันว่า ในระหว่างนี้ บรรดาท่านพุทธบริษัท คงจะทราบว่าตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อ่าวเปอร์เซีย กำลังจะเกิดสงครามจากอิรักกับหลายประเทศร่วมกัน คือ "อิรัก" ฝ่ายหนึ่ง กับหลายประเทศฝ่ายหนึ่ง ถ้าจะเปรียบเทียบกัน คล้ายๆ กับสงครามโลกครั้งที่ ๒ คือ เยอรมัน กับอิตาลี ญี่ปุ่นฝ่าย หนึ่ง อเมริกา อังกฤษ และฝรั่งเศส อีกหลายประเทศร่วมกัน



    <DD>แต่ทว่าสงครามนี้จะเกิดหรือไม่เกิด อันนี้ก็ทราบไม่ได้เหมือนกัน เพราะว่า ต่างคนต่างก็ตั้งท่า ต่างคนต่างก็เตรียมพร้อม ที่จะลงมือซึ่งกันและกันและคำพยากรณ์ ก็จะไม่พยากรณ์ว่าจะ มีสงครามหรือไม่ แต่ทว่ามีหนังสือเล่มหนึ่ง เขาให้ชื่อว่า นอสตราดามุส เขาพยากรณ์ไว้ล่วงหน้า ถึง ๒,๐๐๐ ปี



    <DD>โดยเฉพาะ อย่างยิ่งปีนี้ ค.ศ.๑๙๙๐ จะเป็นปีเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๓ แล้วสงครามโลกครั้งที่ ๓ นี่จะเป็นสงครามที่มีความร้ายแรงมาก แต่ความจริงหนังสือนี่อาตมาก็ไม่ได้อ่าน เขาให้มาเหมือนกัน อ่านผ่านไปนิดเดียว แล้วก็เขาบอกว่าประเทศอเมริกา อาจจะถูกระเบิดนิวเคลียร์ แล้วก็จะมีเหตุการณ์ร้ายต่างๆ เกิดขึ้น <DD>

    <DD>รวมความแล้ว เป็นสงครามทำลายศาสนา ในระหว่างศาสนากับศาสนาคือ ศาสนาคริสต์กับศาสนาอิสลาม เขาว่าอย่างนั้นนะ ตามที่หนังสือว่า หรือ ตามที่คนบอก อาตมาก็ไม่ได้อ่านชัด ทีนี้เรื่องของ "ดามุส" ดามุสเขาพูดไว้จะแน่นอนขนาดไหน ก็เป็นเรื่องของเขา สำหรับพวกเราบรรดาท่านพุทธบริษัท ในฐานะที่เป็น ศากยบุตรพุทธชิโนรส เป็นลูกของพระพุทธเจ้าเราก็มา ดูคำพยากรณ์ของพระพุทธเจ้าบ้าง

    <DD>พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ไว้กับพระอานนท์ว่า <DD>

    <DD>อานันทะ..ดูก่อนอานนท์ ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปี จะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง จะมีการรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกัน ฝนเหล็กจะตกลงจากอากาศ จะเผาผลาญประชาชน และบุคคลให้พินาศจะมีการล้มตายซึ่งกันและกันเป็นอันมาก แต่ว่าอานันทะ..ดูก่อนอานนท์ ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปี จะถือว่าเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงนักยังหาไม่ได้ ทั้งนี้ ก็เพราะว่า หลังกึ่งพุทธกาลไปแล้ว




    <DD>อานันทะ..ดูก่อนอานนท์ จะมีความร้ายแรงมากกว่าก่อนกึ่งพุทธกาลมาก ยักษ์นอกศาสนาจะรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกัน ยักษ์นอกพุทธศาสนานั่นหมายถึง คนที่ไม่ได้เคารพพระพุทธศาสนา จะรบราฆ่าฟัน ซึ่งกันและกัน ต่างฝ่ายจะล้มตาย ฝ่ายละมากๆ สมณะ ชี พราหมณ์จะล้มตาย จะตายไปฝ่ายละครึ่ง จึงจะเลิกรากัน สำหรับประเทศที่นับถือพุทธศาสนาจะมีภัยเหมือนกัน แต่ไม่ร้ายแรงนัก นี่เป็นคำพยากรณ์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า



    </DD>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 มกราคม 2015
  7. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    <DD>เป็นอันว่า ท่านดามุสคนนี้ ก็พยากรณ์ไว้ตรง แต่เขาบอกว่า ค.ศ.๒๐๐๐ โลกจะสลาย แต่ว่าพระพุทธเจ้าของเราบอกว่า โลก ยังไม่สลาย พระพุทธศาสนา จะทรงอยู่ได้ ตลอด ๕,๐๐๐ ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทรงพยากรณ์ ไว้ที่ พระธาตุดอยกิตติ ครั้งหนึ่งทรงตรัสว่า </DD>

    "ชี้ว่าเขตประเทศนี้ ต่อไปจะเป็นประเทศที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาก จะสามารถทรงพระพุทธศาสนาครบ ๕,๐๐๐ ปี" นี่หมาย ถึงประเทศไทย



    <DD>เป็นอันว่า สงครามจะเกิดขึ้นที่ดามุสบอก ก็หมายถึงสงครามซีกตะวันตก หมายถึงอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆ กับตะวันออกกลาง สงครามจริงๆ ยังคงไม่ถึงประเทศไทย



    <DD>ทีนี้เรามาย้อนรอยถอยหลังกันก่อนว่า ตามที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติตรัสรู้ว่า ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปี จะมี การรบราฆ่าฟัน ซึ่งกันและกัน ฝนเหล็กจะตกลงจากอากาศ ไฟจะลุกจากอากาศ ก็เป็นความจริง ในขณะนั้นปรากฏว่า ลูกปืนกลจากอากาศบ้าง ลูกระเบิดจากอากาศบ้าง ลูกระเบิดเพลิงบ้าง ทิ้งจากอากาศ ประเทศไทยเรา ก็พลอยยับเยิน ไม่น้อยเหมือนกัน เล่นเอาตู้รถไฟ ต้องไปขี่กัน ที่บางกอกน้อย ทั้งๆ ที่ตู้มันหนัก แต่แรงของระเบิด ดันตู้รถไฟจนไปขี่กัน ตึกบ้านเรือนโรงลำบากมาก



    <DD>แต่ว่าสงครามนั้น เป็นเหตุบันดาลอย่างหนึ่ง นั่นคือว่าสร้างความทุกข์ บรรดาท่านพุทธบริษัท คำว่า สงคราม นี่ อาตมา ผู้พูดเอง ก็ยังรู้สึกหวาดเสียวอยู่ เพราะว่า เคยอยู่ในระหว่างสงคราม ขณะนั้นอยู่กรุงเทพฯ แสงไฟฟ้าก็ใช้อะไรไม่ได้ ต้องใช้ตะเกียง ตะเกียงน้ำมันก๊าดไม่มีจะใช้ น้ำมันโซล่าก็หาไม่ได้ ต้องใช้น้ำมันหมู หรือน้ำมันมะพร้าวมาทำตะเกียง ของทุกอย่าง ของกินของใช้ต้องปันส่วน เพราะหาไม่ได้ จะได้ก็ของจากญี่ปุ่น เวลานั้นของเรามีน้อย เวลานี้โรงงานมีมาก แต่ก็ไม่ แน่นัก เพราะระเบิดจากอากาศก็ดีจรวดก็ดี หรือว่าระเบิดจากภาคพื้นดินก็ดี อาจจะเกิดกับโรงงานต่างๆ ในประเทศไทยได้ ถ้าสงครามเขา เกิดขึ้น


    <DD><DD>หากว่าท่านจะถามว่า ทำไมสงครามเกิดขึ้นที่ตะวันออกกลางแล้วจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับประเทศไทย ทำไมไทยจึงต้องหวาด ระแวง ความจริงไม่ได้พูดให้ระแวง พูดให้ทราบ ตามความจริง หรือ ตามความรู้สึก นึกคิด ถ้าเรื่องนี้ผิด ก็ต้องขออภัยด้วย เพราะว่าเป็นการคาดคะเน มากกว่าอย่างอื่น คิดว่าถ้าสงครามเกิดขึ้น ระหว่างสงครามศาสนา ก็จงอย่าลืมว่า ศาสนาที่อยู่ ระหว่างสงคราม ก็มีอยู่ในประเทศไทยทั้ง ๒ ศาสนา ถ้าเขารบกัน แต่เพียงภายนอกก็ดี <DD><DD>


    <DD>แต่บังเอิญคนที่นับถือศาสนานั้นๆ ทั้ง ๒ ศาสนาเกิดทะเลาะ วิวาท รบราฆ่าฟันกันในเขตของเรา เขตของเราก็ต้องยับเยิบไป เหมือนกับสนามหญ้ากับสุนัข ๒ ฝ่ายกัดกัน สนามหญ้าก็แหลก ถ้าบังเอิญเขารบกัน ก็ไม่เป็นไร ดีไม่ดีเขาจะชวนเรารบ เราจะรบหรือไม่รบ เขาก็จะรบหรือ ว่าเราไม่รบ เขาก็ไม่รบ แต่เขายึด เรายอมให้เขายึดไหม ในส่วนต่างๆ ส่วนใดส่วนหนึ่งของประเทศไทย<DD>


    <DD>สำหรับความนึกคิด ในเวลานี้ ไม่ใช่หมอดูนะ ไม่ใช่พยากรณ์ ตามหลักวิทยาศาสตร์ หรือหลักอะไรทั้งหมด เป็นแต่การคาดคะเนว่า เหตุการณ์จะต้องเกิดขึ้น อาการต่าง ๆ ที่ปรากฏในปัจจุบันจะฟูขึ้น เพราะรับการสนับสนุนเรื่องการเงิน กำลังอาวุธจากที่อื่น จากนั้นเหล่าทหารตำรวจของเรา ก็ต้องเคลื่อนกำลังเข้าไปรักษาเขต ทีนี้เขตต่อเขต เขตยันเขต เขตที่เขาก่อขึ้นเป็นเขตในประเทศไทย และเขตต่อไปข้างหน้า ก็เป็นเขตที่เขาพวกเดียวกัน อะไรมันจะเกิดขึ้นบ้าง ลองวาดภาพกันดู ถ้ามันเกิดจริงๆ ตามเขาว่านะ อันนี้ไม่ได้รับรองว่า มันจะเกิดจริงหรือไม่



    <DD>ถ้าเกิดจริงส่วนประเทศไทย ทุกจุดทุกภาค ก็มีบุคคลที่ถือ ศาสนาตรงกันข้าม กับพระพุทธศาสนา ก็มีกำลังสูงขึ้น ที่เขาโต้กันที่เชียงใหม่ อภิปรายก่อนหน้าที่จะพูดนี้ไม่ถึงเดือน เขาโต้กันถึงหลักสูตรการศึกษาว่า

    </DD>
    <DD>หลักสูตรพระพุทธศาสนาถูกลดลงไป หลักสูตรศาสนาอื่น เข้ามาแทน อย่างนี้ก็ต้องมีอาการน่าคิดว่า เขาวางแผนล่วงหน้าไว้ไกลมาก หรือว่าเป็นการวางแผนล่วงหน้าไว้ก่อน โดยเฉพาะระยะใกล้ก็ได้



    </DD>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 มกราคม 2015
  8. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    <DD>ก็เป็นอันว่า ในเมื่อสงครามใหญ่เกิดขึ้น ทางด้านตะวันออกกลาง ทีนี้ เศษสงครามมันก็อาจจะเข้ามาถึงประเทศไทย ต่อไปก็เป็นการเดาอีก ขอเดานะ ไม่ได้พูดตรงๆ จะหาว่าดูผิดก็ไม่ได้ เดามันผิดได้ ขอเดาว่า ถ้าสงครามเกิดขึ้นอย่างนั้นจริงๆ แต่ความจริงเวลานี้ ยังไม่มีใครจะให้เกิด เวลาที่พูดนี่นะ วันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๓๓ แต่กว่าหนังสือนี่จะออกถึงเดือนมีนาคม ถ้าสงครามเกิดก็เกิดแล้ว ไม่เกิดก็ไม่เกิด </DD>


    <DD>ในระหว่างนี้ต่างคนต่างมองต่างคนต่างพูด แสดงเรื่องการเมือง เอาเหตุผลต่างๆ มาหักล้างกัน ก็ไม่แน่นักว่ามันจะเกิด ก็อยากจะบนบานศาลกล่าวว่ามันไม่เกิดนั่นแหละเป็นการดี แต่ทว่าพระดำรัสของ องค์สมเด็จพระชินสีห์ ไม่เคยผิด แต่ว่าท่านไม่ได้บอก พ.ศ.


    <DD>เป็นอันว่าประเทศไทยก็จะถูกหาง หรือท้ายฝน ละอองฝนจากสงคราม ก็เป็นอันว่าเราถูกละอองฝน ดินแดนเราก็จะไม่เสีย แต่ว่าชีวิตคนอาจจะเสียไปบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งที่น่าห่วง ก็คือ ของกินของใช้ ราคามันจะแพงมาก ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าเราต้องใช้น้ำมัน โรงงานต่างๆ ต้องใช้น้ำมัน ในเมื่อสงครามเกิดขึ้น ในเขตของบ่อน้ำมัน เราจะมีโอกาสซื้อน้ำมันได้หรือเปล่าก็ยังไม่แน่


    <DD>ท่านดามุส ท่านบอกว่า อำนาจของฝ่ายน้ำมัน มีอำนาจมาก สามารถเอาอาวุธ ใส่ในท้องปลา ไปยิงที่ไหนก็ได้ นั่นหมายถึง เรือดำน้ำ ถ้าเราส่งเรือไปซื้อของในเขตใดเขตหนึ่ง ซึ่งเป็นเขตของศัตรูของเขาเรือดำน้ำของเขา ก็อาจจะยิงเรือพาณิชย์ ของเราก็ได้ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ คนที่พบระหว่างสงคราม จะมีความรู้สึก หนาวๆ ร้อนๆ


    <DD>แต่ว่าขอยืนยัน บรรดาท่านพุทธบริษัทว่า สิ่งที่เราไม่ต้องกลัวอย่างหนึ่งคือ เขาประกาศบอกว่า การสงครามนี้เขาจะใช้อาวุธเคมีบ้าง จะใช้นิวเคลียร์บ้าง จะใช้นิวตรอนบ้าง อาวุธทั้งหลายเหล่านี้ น่ากลัวจริงๆ แต่สำหรับความรูสึกของผู้พูด ไม่มีความรู้สึกกลัวเลย เพราะว่าพระพุทธเจ้ามีความศักดิ์สิทธิ์ ของๆ ท่าน ทุกชิ้นที่ผลิตออกมา ท่านบอกว่า กันรังสีต่างๆ ได้หมด รังสีต่างๆ จะไม่สามารถกระทบกาย หรือทรัพย์สินบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่มีของของท่านได้ ที่ท่านทำให้นะ <DD> <DD>ก็เป็นอันว่า ท่านยืนยันมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๒๑ และท่านทำทุกครั้ง ท่านก็ยืนยันทุกครั้งว่า เกี่ยวกับรังสีต่างๆ ไม่ต้องกลัวเลย รังสีจะไม่เข้าใกล้บุคคลที่มีของที่ท่านทำให้ของนั้นอยู่ไหน ก็หาเอาเองก็แล้วกัน ของนั้นจะขอบอกเป็นนัยๆ เอาตรงๆ เลย ก็ได้คือ พุทธานุสสติ นั่นคือนึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ และก็ภาวนาไว้ว่า "พุทโธ" เวลาหายใจเข้านึกว่า "พุท" เวลาหายใจออกนึกถึง "โธ"


    <DD>ก่อนจะออกจากบ้าน ตื่นขึ้นมาใหม่ๆ บูชาพระก่อน ภาวนาว่า "พุทโธ" ก่อนอธิษฐานขอความปลอดภัยก่อน จะไปก็เสกน้ำลาย ด้วยกำลังของพุทโธสัก ๓ ครั้ง แล้วก็เดินออกจากบ้านไป หรืออยู่บ้านก็ได้ ภัยอันตรายจะไม่มีแก่ท่าน หรือว่าถ้าทำอย่างนั้น ยังไม่เกิดความมั่นใจ ก็เอาของที่องค์สมเด็จพระจอมไตรทรงทำไว้ติดกับร่างกาย


    <DD>
    แต่ต้องอาราธนาทุกวัน ว่า "นะโม ตัสสะ 3 ครั้ง" แล้วก็ว่า "พุทโธ" เหมือนกัน และก็อธิษฐานให้ปลอดภัย อย่างนี้จะปลอดภัยจากรังสีต่างๆ แม้แต่สะเก็ดระเบิด หรือว่ากระสุนปืนของข้าศึก ก็จะไม่มีอันตรายกับท่าน ถ้าท่านทั้งหลายมี "พุทธานุสสติ" เป็นกำลังใจ

    </DD>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 มกราคม 2015
  9. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    <DD>ทีนี้เรามาคุยกันต่อไปนี่มันเรื่องคุยนะ ถ้าบังเอิญเวลานี้มีอิรักตั้งท่ายัน อิรักปรากฏว่า ประกาศว่ามีคน ๑๘ ล้าน แต่ทว่า "อิรัก" อิรักอิหร่านนี่รบกันมาประมาณ ๘ ปี พออเมริกาส่งกำลังเข้ามาในอ่าวเปอร์เซีย อิรักอิหร่านดีกันฉิบ พื้นที่ของอิหร่านที่อิรัก ยึดได้ ก็พันตารางไมล์ก็ตาม คืนให้หมดปล่อยเชลยให้หมด เวลานี้ศัตรูกับศัตรู อิรักกับอิหร่านเป็นมิตรกัน อิหร่านก็เข้ากับอิรัก ไม่เห็นด้วยที่อเมริกา จะเอาวัฒนธรรมของเธอ มาใช้ในตะวันออกกลาง เขาถือว่าผิดกฏของพระศาสนา</DD><DD><DD>นี่ป็นอันว่า อิรักก็มีเพื่อน เข้าอีกหนึ่งประเทศ คือ อิหร่าน อิหร่านนี่ก็ไม่ใช่เล่นเหมือนกัน หนักเหมือนกัน แล้วต่อมาอย่าลืมว่า สายเลือด ที่ร่วมกันมา เขาอาจจะไม่ทิ้งกันนั่นคือศาสนา คนที่นับถือศาสนาร่วมกัน อาจจะร่วมมือกันภายหลัง อย่างนี้สงครามใหญ่จะ เกิดขึ้น ซึ่งตรงกับคำพยากรณ์ของพระท่าน


    <DD>ในปีที่ญวนแตกอเมริกาหนีกลับบ้าน ปีนั้นก็ถามพระท่านว่า หลังจากนี้จะมีอะไรบ้าง สงครามใหญ่จะเกิดขึ้นไหม ท่านบอกว่า คำว่าสงครามโลก ยังไม่เกิด คำว่าสงครามโลกนั่นหมายถึงว่า ทั้งโลกแบ่งกันเป็น ๒ พวก ร่วมกันทั้งหมด แล้วก็ตีกันในระหว่างฝ่ายต่อฝ่าย คือตีกันรบกันอย่างนี้เรียกว่า "สงครามโลก"


    <DD>แต่สงครามครั้งที่จะเกิดทางด้านตะวันออกกลาง ท่านบอกตรงว่า จะเกิดที่ด้านตะวันออกกลาง เขายังไม่เรียกว่าสงครามโลก เขาเรียกว่า สงครามใหญ่ สงครามใหญ่คราวนี้จะ มีความร้ายแรงไม่น้อย ร้ายแรงกว่าสงครามโลกครั้งที่ ๒ แต่ว่าท่านก็ไม่ได้บอกอย่างดามุสว่า ถึงแม้อเมริกาอาจจะถูกนิวเคลียร์ ท่านไม่ได้บอกไว้ คือไม่ได้ถาม <DD>


    <DD>รวมความว่าคำพยากรณ์ของท่านที่พยากรณ์ว่าจะเกิดที่ตะวันออกกลางก็ตรงแล้ว เวลานี้ตะวันออกกลางจะมีสงคราม อย่างน้อยที่สุดก็เป็นสงครามเศรษฐกิจ เริ่มบีบรัดกันขึ้นมาการถูกบีบนี่ บรรดาท่านผู้ฟังและท่านผู้อ่าน สมัยเยอรมันก็ดี ญี่ปุ่นก็ดี อิตาลีก็ดี ที่ต้องประกาศเป็นสงครามโลกครั้งที่ ๒ ก็เพราะว่า การถูกบีบคั้นจากโลกตะวันตกหรือหลายๆ ประเทศ ที่เรียกกันว่า "สันนิบาตชาติ" ในเวลานั้นทั้ง ๓ ประเทศ ลาออกจากสันนิบาตชาติ <DD>


    <DD>"สันนิบาตชาติ" ต่างคนต่างบีบคั้นต่างๆ หาทางกลั่นแกล้ง ถ้าไม่รบก็อดตายมีความจำเป็นต้องรบ หมายถึงว่า ยอมเสี่ยง ยอมเสี่ยงการเสียอิรภาพ การเสียประเทศจะต้อง เป็นเมืองขึ้นเขากับความตาย ทีนี้การรบความตายมันก็เกิด แต่เกิดเฉพาะบุคคลบางกลุ่มที่เป็นทหาร และบุคคลที่อยู่ใกล้จุดยุทธศาสตร์ที่ถูกระเบิด คนนอกนั้นจะไม่ตาย ถ้าไม่รบ ความอดเกิดขึ้น มันจะตายทั้งประเทศ เขาต้องตัดสินใจรบ เรื่อง สมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ มีฉันใด เวลานี้อิรักกับอิหร่าน กำลังจับมือกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศาสนามุสลิมเขาเป็นศาสนาที่มีความรักกันมาก


    </DD>
     
  10. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    <DD>อย่างตอนใต้ประเทศไทย คราวนั้นฟังข่าวจากทางโทรทัศน์ จากท่าน พันเอกณรงค์ กิตติขจร ท่านบอกว่า ใครล่ะ พันเอกกัดดาฟี มั้ง ถ้าพูดชื่อผิดขออภัยด้วย ท่านเคยไปเจรจากัน บอกว่า อย่ามายุ่งกับประเทศไทยเลย แต่เขาบอกว่า รัฐบาลไม่ได้ยุ่งด้วย แต่ที่ยุ่งนั้นเป็นเรื่องของศาสนา ที่จะให้มีการแบ่งแยกประเทศไทย ออกเป็นของมุสลิมส่วนหนึ่ง ของไทยส่วนหนึ่ง เขาหวัง ๔ จังหวัด แต่ความจริงถ้าเขายึด ๔ จังหวัดได้ เขาจะเอาอีก ๘ จังหวัด ถ้า ๘ จังหวัดได้ เขาจะเอาอีก ๑๖ จังหวัด ผลที่สุดเขาต้องการยึดทั้งหมดทั้งประเทศไทย ความพอใจของคนไม่มีฉันใด </DD><DD>


    <DD>บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ถ้าสงครามเกิดขึ้น ถ้าเราจำเป็นต้องเสียดินแดน เรื่องเสียเฉพาะน่ะ ไม่มีแน่นอน มันต้องเสียกันเรื่อยไป เวลานี้เรา ก็ไม่มีพอที่จะเสียแล้ว แต่ที่พูดนี่ก็ไม่ได้หมายความว่า สงครามจะเกิดจริง สมมติว่าถ้ามันจะเกิดทีนี้เรื่องของศาสนา ก็จะเกิดขึ้นที่พูดนี่ไม่ได้ยุให้คน ๒ ศาสนาทะเลาะกันนะ เป็นแต่เพียงว่าท่านณรงค์ท่านบอกว่า ท่านไปพูดกับประธานาธิบดีของเขา ประธานาธิบดีของเขาก็บอกว่า รัฐบาลไม่ได้ยุ่งเป็นเรื่องของศาสนา ทีนี้ศาสนาจะเอาเงินมาจากไหน ก็ทราบไม่ได้เหมือนกัน <DD>


    <DD>รวมความว่า หันมาคุยกันในประเทศไทย ถ้าสงครามเกิดขึ้นจริงๆ เราจะเป็นอย่างไร ประการแรก เรายังพูดถึงศาสนาก่อน ถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ เราจะหนักเรื่อง น้ำมัน นิดหน่อย แต่ว่าน้ำมันในประเทศไทย ถ้าเร่งรัดจริงๆ จะเหลือใช้ เพราะอะไร เพราะว่าน้ำมันในประเทศไทยนี่มีมาก การเจาะ บรรดาท่านผู้อ่านและท่านผู้ฟัง ที่พูดนี่ก็ขอเดา คิดว่าท่านที่เจาะเขาคงจะเจาะไม่ถึงเพดานจริงๆ ของน้ำมัน รวมความว่า ถังน้ำมันถังใหญ่จริงๆ น่ะ เราจะพูดตามความเป็นจริงแล้ว ประเทศจีน เขาก็มีน้ำมันเขาอยู่สูงกว่าเรา ประเทศพม่าก็มีน้ำมัน อินโดนีเซียก็มีน้ำมัน แล้วก็ไทยล่ะอยู่กลางทำไมจะไม่มีน้ำมัน


    <DD>ทีนี้เวลานี้การเจาะน้ำมัน การดูดน้ำมันเขาว่าได้น้อย แต่ความรู้สึกของผู้พูด หรือตามข่าวหนังสือพิมพ์ เขาบอกว่าความจริงประมาณน้ำมันที่ได้ มันมากกว่าข่าวที่เขาแจ้งมา ข้อนี้จะเท็จจริงประการใดก็ไม่ทราบ สุดแล้วแต่หนังสือพิมพ์ แต่เขาบอกว่าเขาแจ้งได้น้อย ก็ยังมีอีกหลายหลุมที่เขาเจาะพบแล้ว เขาบอกว่าไม่พอกับเชิงพาณิชย์ จึงไม่ยอมดูดขึ้นมา นี่ก็เป็นลีลาของพ่อค้าเป็นของธรรมดา ถ้ากำไรน้อยเขาจะไม่เอา หรือจะมาพูดกันอีกทีหนึ่ง


    <DD>เวลานี้ทราบว่า คนไทยศึกษาเรื่องวิชาการเจาะน้ำมันมาได้ดีแล้ว มีความชำนาญพอแล้ว แล้วก็กำลังจะเจาะก่อน หนังสือจะออกคงจะเจาะแล้วละมั้ง เจาะก๊าซที่สงขลาใกล้ๆ กับบ่อเดิม จะเอาก๊าซมารวมกัน เข้ากับท่อเดียวกัน ขึ้นมาใช้จะได้มีปริมาณสูง ถ้าบังเอิญท่าน หรือนายทุนท่านใดท่านหนึ่ง ในพื้นที่ ที่ไม่มีสัญญาประมูลกับบริษัทต่างๆ แต่น้ำมันมีมาก ปริมาณของประเทศไทยนี่ ถ้าจะลองเจาะอย่างต่างประเทศเขา เอาที่ใดที่หนึ่งก็ได้สักที่หนึ่ง ที่พูดนี่เป็นการสมมติกันนะ จะเชื่อหรือไม่สมควรเชื่อ


    </DD>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 มกราคม 2015
  11. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    <DD>เพราะความรู้สึกว่ามีอยู่ว่าการเจาะที่แล้วมา เขาเจาะกันยังไม่ถึงฝาผนังหรือเพดาน ของถังน้ำมัน ซึ่งมันเป็น ถังใหญ่คลุมจักรวาล มันเป็นทะเลอีกชั้นหนึ่งต่างหาก คือเป็นทะเลน้ำมันจริงๆ ประเทศไทยตั้งอยู่เหนือทะเล น้ำมันจีน ก็เช่นเดียวกันแล้วก็พม่าก็เหมือนกัน อินโดนีเซียก็เหมือนกัน มาเลเซียก็เหมือนกัน บรูไนก็เหมือนกัน มันเป็นถังถังเดียวกัน ถ้าบังเอิญ เราจะเจาะอย่างอังกฤษ ที่เขาบอกว่า อังกฤษเจาะที่ทะเลเหนือ เจาะลง ไปลึกลงไปใต้ดินถึง ๖ กิโลเมตร ก็ได้น้ำมันขึ้นมาเพียงพอ</DD>

    <DD>แต่ประเทศไทยเราสำรวจแล้วว่า ที่ใดที่หนึ่งมีน้ำมันพอที่จะเจาะได้ ก็ลองเจาะสัก ๖ กิโลเมตร จะมีผลเป็นประการใดเรื่อง นี้ก็ลองถามท่านผู้รู้ท่านหนึ่ง ท่านมีความชำนาญในด้านนี้มาก ก็เรียกว่า "ดร.สรรพศาสตร์" <DD>

    <DD>ท่านดร.สรรพศาสตร์ ท่านบอกว่า



    <DD>ถ้าเจาะลงไปถึง ๖ กิโลเมตร ในถังน้ำมันที่มีพื้นแผ่นดินหนา หมายความว่า หลังถังน่ะลึกลงไป เจาะลงไปแค่ ๓ กิโลเมตร จะถึงผิวถังน้ำมัน หรือหลังคาน้ำมัน ถ้าเจาะถึง ๖ กิโลเมตร ไอ้ท่อที่เจาะลงไปนั้น จะจมไปในตัวถังน้ำมัน บ่อน้ำมันจริงๆ ครึ่งกิโลเมตร ถ้าเจาะในที่ตื้น ที่บางจุดอยู่ไม่ไกลกรุงเทพนัก




    <DD>ในที่นี้ถ้าเจาะถึง ๖ กิโลเมตร ท่อจะจมลงไปในเขตของน้ำมัน ประมาณ ๖ กิโลเมตร ถามว่า ดร.สรรพศาสตร์ ถ้าเราจะดูดใช้อย่างปัจจุบันนี่ ถ้าทำอย่างนั้นจะใช้ได้สักกี่ปี ท่านบอกว่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เอา ๓๐ เท่าของปัจจุบันใช้ไป ๕,๐๐๐ ปี น้ำมันยังไม่หมด ปริมาณยังไม่ลด


    นี่แหละบรรดาท่านผู้อ่านและท่านผู้ฟัง ถ้าบังเอิญท่านดร.สรรพศาสตร์ ท่านพยากรณ์ตามความรู้ของท่าน ถ้าตรงตามนี้ประเทศไทยเราก็ไม่จน อย่างอื่นจะไม่มีก็ไม่เป็นไร ไฟของเรามีน้ำมันเราก็ถูก อุตสาหกรรมของเราลงทุนถูก เพราะน้ำมันถูก เราจะขายต่างชาติได้ดี ระยะนั้นประเทศไทยเราจะรวย

    <DD>


    <DD>เอาละบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย เราคุยกันมาวันนี้ก็ป่วย แต่เกรงว่าเล่มที่ ๑๘ นี่จะไม่ครบ ทำไปแล้ว บ้างตามสมควร แต่ไม่แน่ใจ ว่าจะครบหรือไม่ครบ ก็ลุกขึ้นมาทำหันไปดูเวลาเหลือเวลาประมาณนาทีเศษ ก็ขอเตือนบรรดาญาติโยมพุทธบริษัท ซึ่งเป็นสาวกขององค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ว่า จงอย่าหวั่นไหวต่อสงคราม

    <DD>ขอยืนยันว่า ถึงแม้ว่าสงครามจะเกิด ก็จริงแหล่แต่ทว่าเราจะไม่ตายเพราะสงครามโลก เราจะไม่อดตายเพราะสงครามโลก และนักเกษตรศาสตร์ก็ดี นักเกษตรศาสตร์นี่จะมีโชคดีมากคือจะรวย ข้าวจะแพง พวกที่เลี้ยงสัตว์ก็ดี ราคาจะแพง จะรวยทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าไม่มีความประมาท บรรดาท่านพุทธบริษัทประเทศไทยจะมีแต่ความอุดมสมบูรณ์.


    ที่มา - จากหนังสือธัมมวิโมกข์ ฉบับพิเศษ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี

    กราบอนุโมทนาสาธุอย่างยิ่งที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อพยากรณ์ไว้เพื่อลูกหลาน








    </DD>
     
  12. scorpion03

    scorpion03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +816
    สวัสดีท่านทั้งหลาย

    กราบขอบพระคุณท่านพี่ PCO ที่ได้โปรดกรุณานำคำสอนขององค์หลวงพ่อ มาให้ได้รับทราบเป็นธรรมทาน

    เราคิดว่าหลายคนที่ได้อ่านคำสอน หรือว่าคำพยากรณ์ขององค์หลวงพ่อ ก็อาจจะมีบางอย่าง ที่ยังขัดแย้งอยู่ภายในใจ ก็คือ จะเป็นไปได้อย่างไรตรงที่ว่า ต่อไปในภายหน้า ประเทศไทย จะเป็นประเทศที่ำร่ำ่รวยมาก

    อยากจะบอกว่า ผู้คนทั้งหลายที่เกิดมาบนโลกใบนี้นั้น จะมีทรัพย์สินเงินทอง ได้ก็ด้วยอาศัย ทานบารมี คือการทำบุญให้ทาน ในอดีต มาส่งผลในชาติปัจจุบัน และความร่ำรวยของเมืองไทยต่อไปในวันข้างหน้านั้น ก็มาจากบุญกุศล ทานบารมี ของประชาชาชนชาวไทย ที่มั่นคงในบวรพระพุทธศาสนาทั้งหลาย นั่นเองนะ

    เปรียบเหมือน กับว่า พวกเรานั้นยังเป็นเด็กเล็ก ๆ ไม่มีความสามารถจะออกนอกบ้านไปเที่ยวในที่ำไกล ๆ ได้ พอมีท่านผู้ใหญ่ผู้ใจบุญ มาบอกเด็ก ๆ อย่างพวกเราว่า ข้างนอกนั้น มีของสวยงามมากมายเลยนะ ถ้าเมื่อใดได้มีโอกาสออกไปเที่ยวชม ก็จะได้เห็นว่ามีสิ่งนั้นสิ่งนี้ แต่ว่าเด็ก ๆ อย่างพวกเรา บางคนก็อาจจะเชื่อตามนั้น หลาย คนก็อาจจะไม่เชื่อ เพราะยังไม่มีความสามารถที่จะออกนอกบ้าน ไปเห็นสิ่งต่าง ๆ ที่ท่านผู้ใหญ่ได้บอกมานะ

    เรื่องก็มีอยู่เพียงเท่านี้แหละนะ ท่านผู้รู้บอกว่า เรื่องของ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต นั้น ที่คนเราไม่อาจล่วงรู้อดีต และอนาคตได้นั้น เพราะว่าใจยังมีกำลังไม่พอ คือสมาธิ (ฌาน) ไม่มากพอ เมื่อไรที่กำลังมากพอ ประตูทั้งสามบานจะเปิดเชื่อมเข้าหากัน จะได้เห็นทั้งอดีต โยงมาถึงปัจจุบัน และต่อไปยังอนาคต ได้ เด็กเล็ก อย่างพวกเรา ก็คงต้องเป็นเด็กดี ที่เชื่อฟังผู้ใหญ่
     
  13. Armarmy

    Armarmy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +1,659

    สวัสดีครับคุณ 03 ผมเห็นด้วยนะครับ ที่ไม่อาจรู้ได้ถึง อดีต อนาคต ได้นั้น เพราะ มีกำลังสมาธิไม่พอ
    พวกเราก็มาแลกเปลี่ยนกันตามความเข้าใจของพวกเรานะครับ ใครไม่เป็นพวกเราก็ไม่รู้ด้วย ช่างหัวเผือกหัวมัน
    ผมเห็นว่า ประตูเริ่มอยู่ที่ปัจจุบัน นี่แหล่ะเป็นตัวบอก
    ถ้าจับปัจจุบันได้ละเอียดเท่าไหร่ จะถอยหลังไปเห็นอดีต หรือ มองไปข้างหน้าเห็นอนาคตได้
    เทียบอย่างไรล่ะ เอากันง่ายๆ ก็ พี่ PCO เป็นช่างเชื่อมโลหะต่างๆ ได้

    พี่ PCO เห็นรอยเชื่อมที่ทำไว้แล้ว ไม่ว่าจะใครทำไว้ก็ตาม รอยนั้นบอกอะไรได้บ้าง พี่ PCO เห็นอะไรบ้าง เมื่อเห็นรอยปัจจุบัน
    แล้วถามว่า รู้ได้ยังไงว่าเขาทำด้วยวิธีไหนจึงมาเป็นแบบนี้ นี่ยังไม่ต้องใช้ไปถึงสมาธิขั้น ญาณ ๘ ก็บอกได้
    แต่ถ้าหากผู้ดูไม่เคยได้ลงมือกระทำมาก่อนบ้างแล้ว ก็บอกไม่ถูกอีก บอกถูกยังไงก็เหมือนกับคนดูอยู่ดี
    ไม่เหมือนกับคนทำ บอกได้ทั้งวิธีปฏิบัติ และ ผลแห่งการปฏิบัติ ด้วยวิธีการนั้นๆ
    ถ้าเราเทียบเคียงกับอำนาจของ ญาณ ๘ อตีตังสญาณ ปัจจุปันนังสญาณ อนาคตังสญาณ

    ผมขอย่อเอาก็แล้วกันนะครับตามความเข้าใจ "เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี" นี่คือย่อตามความเข้าใจของผม
    ก็มีการแนะเคล็ดกันไว้บ้างตามตำราว่า จะรู้อดีต รู้อนาคตได้ ต้องเริ่มที่ปัจจุบันเสียก่อนให้ชำนาญ แล้วจะไม่พลาดในการเห็นอดีตและ อนาคต
    เหมือนอ่านหนังสือนี่ อ่านที่ผมพิมพ์นี่ก็ตาม บอกอะไรได้บ้าง ข้างหน้า ข้างหลังเป็นอย่างไร
    อย่างคน ปัจจุบันไม่มีศีลกันเสียเลย อนาคตเป็นไง อดีตเป็นมายังไง จะรู้ได้นี่ก็ต้องเริ่มจากพื้นฐาน คือ ตัวเรานี่เองเป็นปัจจัยหลัก

    คือ กระทำใจในปัจจุบันให้ตรง ตรงต่ออะไร? ตรงกับศีล ตรงกับสมาธิ ตรงกับปัญญา อย่างที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้
    แล้วมีที่สำคัญอีกคือ การยอมรับนับถือ พระไตรสรณคมณ์ ประกอบด้วย พระสัมมาสัมพุทธพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์
    แล้วเกี่ยวอะไรกับความรู้เหล่านี้ ก็ต้องตอบว่า หากเราจะเรียนอะไร ถ้าไม่เคารพครูผู้สอนก็เรียนกันไม่ได้ง่ายๆ แน่
    คิดอย่างปกติคือ คนไม่เคารพกันจะฟังกันไหมเวลาบอกเวลาแนะกัน หรือ ติเตียนกัน
    จึงมีความจำเป็นต้องเคารพ พระรัตนไตร เวลาลงมือเรียนกัน นี่ผมเคยได้ยินคนบ่นว่าทำมานานยังไม่ได้ ไม่เห็นได้ผลอะไร

    ก็ต้องถามว่า แล้วระเบียบในการเรียน ผู้เรียนรักษาได้ครบรึเปล่า? ครูว่าให้เคารพพระรัตนไตร หากผู้เรียนยังไม่สำรวมระวังในสิ่งเหล่านี้
    แล้วจะเรียนเข้าไปกันได้ยังไง ขนาดผู้ที่เรียนได้แล้ว แต่พลั้งพลาดเรื่อง พระไตรสรณคมณ์ สมาธิยังเสื่อมถอยได้
    จากเห็นตรงกับจริง เป็นเห็นหลอกไปได้เยอะแยะ นับประสาอะไรกับผู้ที่ยังเรียนไม่ได้ นี่แหล่ะครับ

    ความเห็นผมเกี่ยวกับเรื่องสมาธิแบบนี้ ก็ท่านที่เรียนได้แล้วก็ ระวังกันเอาครับ ไม่พลาดศีล แต่พลาดไตรสรณาคมณ์ ก็เอาเหมือนกัน
    ส่วนเรื่องใครสนใจการเรียน ก็ไปเรียนกันเอาเองเลยครับ ความรู้พวกนี้อยากจะบอกว่ามีเยอะแยะเป็น สาธารณะ
    แต่คนส่วนใหญ่ทำไปไม่ตลอดทำไม่จริงจังเอง ไม่มีความสามารถในการเรียนเอง ก็อย่าโทษว่าผู้สอน สอนผิด แบบนี้มันก็ไม่ถูก

    ก็ขอเล่านิดๆ พอเป็นกระสายยา ก็เคยสนทนากับหลายท่าน ความรู้ดีมากมาย แตกฉานคัมภีร์ ตีความได้พิศดาร เป็นวิทยาศาสตร์จ๋ากัน
    จริงๆ ก็ทั้งสองแบบแหล่ะครับทั้ง ศาสนาและวิทยาศาตร์ ผมก็พอได้รับความรู้จากท่านเหล่านี้มากมาย ที่ทะเลาะกันก็มี แต่ก็ไม่ตีกันนะครับ
    ผมรับฟังเยอะ พอถามเขาด้วยความรู้ของเขาเองที่เขาตีความออกมาเองนี่ ก็พิศูจย์ไม่ได้ว่าที่ตัวเองรู้มัน จริงหรือไม่จริง ดีหรือไม่ดี นี่เป็นกันเสียแบบนี้
    แล้วอย่างพวกเรานี่ควรจะช่วยกันยืนยันพระพุทธศาสนากันยังไงดี?

    เดี๋ยวนี้มีพวกประกาศตัวว่าไม่เอา ศาสนาอะไรเยอะแล้วนะขอรับ แต่นั่นมันก็เรื่องของเขาถ้าเราจะเห็นแบบนั้นก็ได้
    แต่มานึกดูอีกที เพราะไม่มีผู้ที่ยืนยันให้ได้ หรือ เพราะพวกเหล่ากอนี้ แกไม่ลงมือทำจริงเองหรือเปล่า น่าคิดมั้ยขอรับ
    แล้วก็พากันพูดเอาแบบ นายทัพที่เก่งรบบนกระดาษ พอย้อนถามตามความรู้ที่เขามั่นใจ ก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าที่ตัวรู้นั้นมันคืออะไร แบบนี้ใช้ได้หรือ
    ถ้าจะเปรียบเป็น นักวิทยาศาสตร์ ก็คือ นักวิทยาศาตร์เก๊ นักวิทยาศาตร์แท้ๆ เขาจะรับรองหรือจะอะไร เขาต้องทดลอง และพิศูจย์ก่อน

    ตายแล้วไปไหน คำถามประจำโลก อธิบายอย่างวิทยาศาตร์จ๋า เขาว่าตายแล้วก็กลับเป็นสสาร แล้วพอถามว่าคุณกลัวตายมั้ย ก็เอาสีข้างมาถู
    ผมก็ว่าต่อว่า ใครจะทำร้ายคุณก็ไม่ควรกลัว เพราะเป็นเรื่องคิดไปเองทั้งนั้น สมมุติกันทั้งนั้น รู้ว่าเป็นสมมุติได้ขนาดนี้แล้วก็ไม่ควรกลัว
    ใครทำร้ายก็ไม่ควรคิดว่าหรือเอาเรื่อง กฏหมายก็ไม่ควรมี เพราะทุกอย่างสมมุติกันเอาเองหมด โลกนี้ก็ได้จะเป็นกลียุคสมบูรณ์แบบไป
    นี่นักวิชาการที่เคยสนทนากัน ความรู้กับความประพฤติ ยังขัดแย้งกันเองอยู่ในตัว บอกว่าเป็นสสาร แต่พอให้ลองตายแค่ด้วยความคิดยังไม่เอา
    ยังไม่ทันลองด้วยของจริงเลย ถ้าบอกว่าไม่กลัวตายแน่ๆ เพราะยึดถือความคิดอย่างนี้ ก็อยากจะลองดูสักครั้งเหมือนกันจะได้ยึดถือเอาเป็นแนวปฏิบัติ
    หรือเป็นเพราะ ผมถามไปนอกคัมภีร์ เลยไม่รู้จะเอาที่ไหนมาตอบ?

    สรุปความเห็นส่วนนี้ผมเห็นว่า ถ้าเราจะขัดแย้งหรือคัดค้านอะไรก็ ต้องมีเหตุมีผลมาขัดกันในฐานะ พุทธภูมิ ไม่มีคำว่า ตื้นไปหรือลึกไป
    เพราะ "หลักสูตรนั้นบังคับให้รู้จริงทั้งหมด ตั้งแต่ นรกภูมิ ถึงแดนนิพพาน " ก็อยู่ที่ความละเอียดหรือหยาบของแต่ละบุคคล ถ้าหยาบก็ไม่รู้ละเอียด
    ถ้าละเอียดจะรู้หยาบ รู้ละเอียดด้วย เป็นธรรมดา ในเมื่อตั้งปราถนาพุทธภูมิ ก็ต้องตอบ และ ถามอย่างพุทธภูมิ
    อย่างที่เคยบอกไว้เมื่อที่ผ่านมาแล้ว "เดินไม่ได้เดินไม่ไหวก็ออกไป ไม่มีใครบีบปากให้อธิษฐานมาทำแบบนี้เลย"

    ก็ไม่มีอะไรมากครับ หากส่วนใดไป "ชน" กับใครเข้า ผมไม่ได้มีเจตนาอะไรกับใครนะขอรับ
    ขออย่าได้นึกว่าผมเจาะจงอะไรใครเข้า เพราะก็พูดกันไปตามความรู้สึกของใจ ก็ยังมีกิเลสนี่ ยังตัดไม่ได้มันก็ต้องพูดกันแบบมีกิเลสปนอยู่นั่นเอง.

    แต่เพื่อความไม่ประมาท เผื่อท่านใดจะนึกว่าผมไปปรามาสตัวเข้า ก็กราบขอขมากัน ณ ที่นี้ด้วยเลย

    "ถ้าหากกรรมใดก็ตามที่เคยล่วงเกินท่านไปแล้วด้วย กาย วาจา และ ใจ
    ขอท่านได้โปรด อโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าตราบเท่าเข้านิพพานด้วยเทอญ"

    เอาเท่านี้พอ คงไม่ต้องขึ้น นะโมฯ เพราะคงเกินพอดี

    สุดท้ายก็ขอให้ท่านทั้งหลาย มีความเจริญทั้งทางโลก และทางธรรม ด้วยการรักษาศีล สมาธิ ปัญญาให้ตามสมควรแก่วิสัยเถิด จะเกิดผลเอง สวัสดี.

    เจริญในธรรมทุกท่านครับ
     
  14. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    โมทนสาธุอย่างยิ่งกับพี่บุญทรงทุกรายการบุญทานกองการกุศลทั้งปวงนะครับ
     
  15. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    ต่อไปในอนาคตคนในชาติเราจะมั่งคั่งมีความสมบูรณ์ ประสามนุษย์โลก นั่นก็เป็นผลมาจากทานในอดีต เมื่อเวลานั้นเข้ามาถึง ใครจะมีใจอย่างไรนั่นเรื่องของเขา ขอฝากถึงหมู่คณะญาติมิตร พรรคพวกเพื่อนพ้องน้องพี่ทั้งหลาย คนอันที่เคารพนับถือ คนอันเป็นที่รักที่ห่วงใยอาลัยหา คนที่ปรารถาในการหลุดพ้นทั้งหลาย

    เมื่อถึงเวลาที่เรียกกันว่ามั่งมีศรีสุขก็จงอย่าได้ทนงหลงลืมตัว ขอจงตั้งมั่นยึดมั่นอยู่ในพระสัทธรรมคำสั่งคำสอน ขององค์สมเด็จพระชินสีห์จอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า และคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ จงหมั่นให้ทานอันจะเป็นเสบียงเป็นทุนในการเดินทางของกลุ่มวิริยาธิกะ และวิริยาธิกะพิเศษ และกลุ่มอื่นๆที่เดินทางไกลร่วมกัน

    และโดยฉะเพาะอย่างยิ่งวิริยาธิกะพิเศษจงหนักไปในทาน มีทานเป็นตัวนำในการสั่งสมบุญทานกองการกุศลทั้งปวง พวกเราที่รู้แล้วพอสมควรว่า เบื้องหน้าจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าอยู่ในสภาพแบบใหนขอจงอย่าลืมตัวตลอดไปจนกว่าจะเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน
     
  16. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814



    :cool:({) สวัสดีครับ พี่พีซีโอ พี่ๆนี่องๆทุกๆท่าน ยินดีเป็นอย่างยิ่ง ครับผมก็เช่นเดียวกัน ต้องขออนุโมทนาสาธุการในบุญกองบุญกองการกุศล อนุโมทนามัยสาธุๆๆๆๆ อนุโมธามิ แม้ พุทธภูมิ บางท่านที่ประกาศ ในพลังจิต หรือลูกศิษย์เดียวกัน ที่ บอกรับปากผม ว่าจะร่วมบุญ ด้วย เสาร์ ๑ ต้น ๕,๐๐๐บาทผมจะสลักชื่อหินอ่อนให้ จะให้วันนั้นวันนี้ เท่านั้นเท่านี้ พรุ่งนี้ มะรืนนี้ จะโอนเงินให้ พุทธภูมิบางท่าน ที่ประกาศตัว มีทั้งเงิน ออกรถ มีที่ทาง บ้านช่อง อย่างดี ผมก็คิด ในเมื่อ รับปาก หรือจะทำ พัดวันประกันพรุ่ง ผมทวง ๒-๓ ครั้ง ผมเองเลยอายแทน ไม่กล้าทวงอีก ผมเลยคิดใครจะทำหรือไม่ทำ จะไปกังวนเพื่ออะไร เราไม่ดีพอ เขาจึงไม่ทำด้วย แต่มันอดคิดไม่ได้ว่า เมื่อรับปากแล้ว แค่นี้ทำไม่ได้ แล้ว จะไปเอาอะไรกับ คำว่า พุทธภูมิ ถ้าจนแบบ ขอทาน หรือ หากินไปวันๆ ก็ไม่ว่ากันครับ ไม่แน่นะ ขอทานบางคนรวย ออกข่าวทีวีบ่อยๆ รายได้ วันเป็นพันๆบาท ฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


    เงินของเขา ทรัพย์ของเขา ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็ทำตามกำลังของเรา ผมก็ดู บุคคลตัวอย่าง และดูตัวอย่างขององค์สมเด็จในสมัยเป็นพระโพธิสัตว์ ท่านก็ทำบุญๆสำคัญๆ อย่าง ๒ อย่าง จึงเป็นปัจจัย ให้ได้ ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า แต่นี่ เราอยู่ในสมัย พระพุทธศานาที่ยังทรงดำรงค์อยู่ จึงมีโอกาศ อันดี ที่ครูบาอาจารย์ ท่านสอนไว้ ในหลวงท่านทรงตรัสว่า ให้ในหลายๆคน ปิดทองหลังพระบ้าง ถ้าไม่มีคนปิดทองหลังพระ ทองจะเต็มองค์ไม่ได้ แต่พรหลวงพ่อเราหนักกว่านั้น ปิดทอง หลังพระ ยังมีคนเห็น ปิดทองใต้ฐานพระยังมีคนเห็น แต่ถ้าปิดทอง ลำไส้พระ ไม่มีคนเห็น ฉนั้น หลวงพ่อท่านบอก มันจำเป็นต้อง ปิดทอง ลำไส้พระ บ้างถึงจะไม่มีใครๆเห็นก็ตาม



    เอ่ผมอยากถามพี่ เคยได้ยินหลวงพ่อพูดไหม ถ้าได้ยิน อธิบายให้น้องๆพี่ๆได้อ่านกันหน่อยครับ แต่ผมเคยได้ยินครับสวัสดี:cool:
     
  17. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814




    :cool:({) มาต่ออีกนิด สวัสดีอีกครั้งครับพี่ ที่พี่ได้นำคำสอนขององค์หลวงพ่อ มาให้อ่านกันอีก ในปี พ.ศ.๒๘ ผมได้มีโอกาศ อันดี เข้าไป ในห้องแล๊ปที่ อ.ลานกระบือ พร้อมกับคณะหลวงพ่อ เกี่ยวกับน้ำมัน ผมก็รู้พอๆกับที่พี่รู้ และตอนหลัง ผมได้ บูชาพระ หางหมาก พระคำข้าว ตก ๓,๐๐๐ องค์ ไว้ เป็นของตนเอง ที่ใครๆ ในบรรดาลูกศิษย์ หลวงพ่อ รู้กันว่า พระคำข้าวพระหางหมาก พ่อบอกไว้ว่า ต่อไปในอนาคต จะมีราคาแพง เป็นแสนๆ พอๆกับพระสมเด็จวัดระฆังในสมัยที่ยังไม่แพง ผมน่ะได้ยิน พ่อพูดบ่อยๆกับทั้งพระฆราวาส ต่อไป พระของข้า จะหาค่าไม่ได้ ท่านไม่ได้บอกปี พ.ศ.ไว้ พระบางอย่างของท่าน ราคา แลก บ้าน ที่ดิน รถได้ ให้เก็บรักษากันไว้ให้ดีๆ


    ของๆท่าน ที่พระท่านทำให้ จะป้องกัน อัตราย ได้ทุกๆอย่าง ถ้าไม่เกินกฎของกรรม เช่น ปัองกันโรคต่างๆ รังษีต่างๆ นิวเคลีย นิวตรอน ปืนครอ โรคระบาด ระเบิด ฝนเหลือง เมตตา มหานิยม ลาภ ค้าขาย ทำน้ำมนต์ ป้องการกระทำ ทุกรูปแบบ แล้วแต่อธิษฐานเอาตามใจชอบโดยไม่ผิดศิลธรรม แต่ว่า ต้องมีความเคารพ ในคุณพระรัตนตรัย ทั้ง ๓ ประการ แต่ถ้ายังไม่หมดอายุขัย ย่อมมีผลตามนั้น ถ้าหมดอายุขัย อะไรๆ ก็ช่วยไม่ได้ แม้พระท่านยังตาย


    ผมได้บูชาพระไว้ตก ๓ พันองค์ ผมก็กระหยิ่มยิ้มย่องในใจ ต่อไป กูรวยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆอย่างเดียว เป็นมหาเศรษฐีพันล้านแน่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆไม่ต้องเอา องค์ละแสนแบบหลวงพ่อ บอกหรอก เอาแค่องค์ละหมื่น บาท กูก็รวยแล้ว ฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆตอนนั้นผมมีความรู้สึกเช่นนั้นจริงๆครับ แต่มาถายหลังไม่นาน ครอบครัว มีปัญหา รุมเร้า หลวงพ่อมรณะ ๑๐ กว่าปีผ่านไป ใครอยากได้ พระหลวงพ่อ บางที่ ทำสวนทำไร่ ขาดทุน ผมก้ออก ทีละ ๑๐๐-๒๐๐ องค์ ๕๐๐ องค์บ้าง ถุงละร้อยองค์ หมื่น ห้าบ้าง ๒๐,๐๐๐ บ้าง ๓๐,๐๐๐ บ้าง จนกระทั่ง พระเริ่มแพง ผมเหลือพระคำข้าว พระหางหมาก น่าจะ ไม่ถึง ร้อยองค์ หรืออย่างดีก็ ร้อยกว่าองค์ ต่อมาผมได้ ขายที่ ๔๐ กว่าไร่ มาบูชาพระหลวงพ่อ ต่อ ตามหา ลูกศิษย์รุ่นเก่าๆ และมาเปิดแผงพระที่ หน้าวัดท่าซุง แค่ค่าวๆน่ะครับ


    ถ้าเขียน ประวัติ ในเรื่องพระ หนังสือเล่มใหญ่ๆ คงเขียนไม่จบแน่ครับ เดี๋ยวนี้ มันทั้งเบื่อตัวเอง เบื่อคนใกล้ชิด เบื่อนักบวช มันมีการกลโกง หรอกลวง หรือเล่เหลี่ยม กันหรายรูปแบบ บางคน หรือหลายๆคน แม้ ลัก โขมยมันก็เอา เบียดบังก็เอา ทีเผอมันก็เอา บางที่ผมก้อด เล่นกับมันไม่ได้ ผมถึงได้ พูดบ่อยๆว่า กฎหมายผมไมกลัว ติดคุกยังมีวันออก คน ค....ถ....ยังมีวันหุบ ผมน่ะ กลัวกฎของกรรมมากกว่าอะไรๆ ทั้งหมด กฎของกรรม ไม่ว่า บุคคลนั้นๆ จะเป็นใครๆก็ตาม กรรมไม่เคยละเว้นผู้ใดจะมีตำแหน่ง ขนาดไหนก็ตาม ทำกรรมอะไรไว้ ก็จะได้ รับผลของกรรมนั้นๆ ทั้งชาตินี้ และชาติหน้าครับ ผมน่ะ ได้รับมาแล้ว ทั้งชั่วและดี ในชาตินี้ นับเป็น ๑๐ อย่างแล้วครับ


    ทุกๆอย่างในโลกนี้ เข้า แห่งหลักกฎ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป ทั้งๆที่มีชีวิตอยู่ มันหมุนเวียนสับเปลี่ยนกันไป ตามหน้าที่ของมัน ตามโลกธรรม แปดประการ ได้ลาภ เลื่อมลาภ ได้ยศเสื่อมยศ มีนินทา ก็มี สรรเสริญ มีสุข ก็มี ทุกข์ ปะปนกันไปเช่นนี้ ทุกวี่วัน ตามแต่ว่า ใคร จะดูตามมันทันเท่านั้นเองครับสวัสดี:cool:
     
  18. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    เรื่องปิดทองในลำใส้พระผมก็ผ่านหูผ่านตามาเหมือนกัน พระเดชพระคุณหลวงพ่อบอกว่าพวกเรา เป็นพวกปิดทองในลำใส้พระ ท่านอุปมาว่าอย่างนี้ การปิดแบบนี้คนไม่มีวันรู้ ไม่มีวันเห็นเพราะอยู่ด้านใน จะเห็นจะรู้ฉะเพาะพรรคพวกที่ร่วมกันปิดทอง ณ ขณะนั้นเท่านั้นจึงจะรู้จึงจะเห็น แลัวก็องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ปวงเทพเจ้าเหล่าเทวาทั้งหลาย และพยายมราชที่ท่านรู้ท่านเห็น เราทำเพื่ออานิสงค์แห่งความดี ดีกันในขั้นหลุดข้ันพ้นไปจากสังสารวัฏ สักวันเราจะถึงดีของเราให้ได้ ที่เรียกว่าทำจนได้ดี อดทนด้วยวิริยะอุตสาหะรอผลแห่งความดีที่ทำไว้ดีแล้วนั้น

    เดี่ยวมาต่อนะพี่ คุณแม่แก้วใหญ่ของผมมาเตือนว่าไปธุระก่อน คุณแม่แก้วเล็กวันนี้จะไปอยู่เวรเฝ้าพระวิหารน้ำน้อยแทนครึ่งวัน ช่วงบ่ายแก้วอวบๆใหญ่จะมาอยู่เวรแทน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 กุมภาพันธ์ 2015
  19. scorpion03

    scorpion03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +816
    สวัสดีท่านทั้งหลาย

    ขออนุโมทนา ในบุญกุศลที่ท่านทั้งหลายได้กระทำแล้วด้วยดี สาธุ

    ท่านพี่บุญทรงพระเครื่องฯ ท่านพี่ PCO และท่านอื่น ๆ ที่ไม่ได้เอ่ยนาม

    พวกเรามุ่งสู่พุทธภูมิ ด้วยใจที่ปรารถนาช่วยเหลือสรรพสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลาย ให้พ้นไปเสียจากกองทุกข์ทั้งปวง มีเพียงเท่านี้ที่ปรารถนา

    ไม่ได้มุ่งหวังลาภยศ ทรัพย์สมบัติ ความยิ่งใหญ่อะไร เพราะเราทราบดีว่าสิ่งต่าง ๆ บนโลกใบนี้ และในสามโลก ตามล้วนอนิจจัง เป็นทุกข์เมื่อใจเข้าไปยึดติด และท้ายสุดทุกอย่างก็ต้องมลายหายไปในที่สุด ไม่มีสิ่งใดทรงสภาพอยู่ได้ตลอดกาล ตลอดสมัย

    ขอให้พวกเราโปรดจดจำซึ่งกันและกันไว้ให้ดี ไม่ว่าจะต้องไปเกิดในภพใดชาติใด ในอนาคต เมื่อได้พบกัน ขออย่าได้ลืมกัน จงจดจำกันได้เป็นอย่างดี และพวกเรา ก็จะมาร่วมแรงร่วมใจกัน สนับสนุนเกื้อกูลกัน ในบำเพ็ญบารมีของแต่ละคน พวกเรามากันเป็นทีม เราก็จะไปกันเป็นทีม เช่นกัน
     
  20. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    เรื่องปิดทองหลังพระพวกเรานั้นมีความเข้าใจ แล้วก็ทำกันเป็นปกติเสมอมาเท่าที่จะมีโอกาส มีกำลัง ทำอะไรไม่ต้องการให้ใครชมเชย ยกยอปอปั้น ทำด้วยเห็นว่าเกิดประโยชน์โดยรวม ทั้งกับคนหมู่น้อย ทั้งคนและสัตว์หมู่ใหญ่ และต่อตัวเอง ต่อตัวเองก็คือ เมื่อสร้างร่มเงาสร้างประโยชน์ให้กับส่วนรวมแล้ว ในเมื่อเราเป็นคนพาเขาปิดทองทั้งหลังพระ ปิดเข้าไปถึงลำใส้พระ จนเต็มทั้งองค์แล้วก็ปิดซ้อนอีกไม่รู้ว่ากี่ชั้น คงไม่มีใครปล่อยเรายืนโด่ตากแดดตากฝนอยู่คนเดียวตามลำพัง คงจะมีคนมาลากเราให้เข้าร่มกะเขาไปด้วย เผลอๆเขาก็โมเมให้เราเป็นหัวหน้าพวกเขาไปโน่น โดยที่เราไม่ต้องแส่เสนอหน้าไปอยากเป็นแต่คุณสมบัติของคนนั่นแหละมันจำแนกเอง ดั่งพุทธสุภาษิต กมฺมํ สตฺเต วิภชติ ยทิทํ หีนปฺปณีตตาย กรรมย่อมจำแนกสัตว์ คือให้ทรามและประณีต

    หากมีโอกาส ก็ปิดพระวิหารทั้งหลัง เผลอๆเราก็ปิดทองซะทั้งวัด ปิดทองมันยันกำแพงวัดนั่นพิเศษซะอย่างนะพี่มันก็หมดเรื่องกัน

    นั่นก็หมายความว่าใดๆที่เป็นคุณเป็นประโยชน์ทั้งโดยรวม และโดยส่วนตัว หากมีจังหวะ มีกำลัง มีโอกาสเราทำมันทันที
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 กุมภาพันธ์ 2015

แชร์หน้านี้

Loading...