จะเลือกการฝึกสมาธิแบบไหนให้เหมาะกับจริตของเราครับ

สมาชิกใหม่นะครับ แต่อ่านในบอร์ดนี้นานพอดู ขอรบกวนด้วยครับ
ผมกำลังเริ่มฝึกสมาธิ แต่จุดเริ่มต้นยากเสมอ ช่วงแรกๆก็ฝึก พุทธโธ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จครับ จิตซัดส่ายตลอด ท่องพุทธโธ แต่ในหัวนึกบทสวดมนต์แบบนี้ รู้สึกเลยว่า เราไม่มีสมาธิ ฝึกอยู่นานเลย เลยคิดว่า จะฝึกกสิน เพราะเห็นว่า มันเป็นสมาธิ อีกแบบที่ มันค่อนข้างเป็นรูปธรรม มีวัตถุให้จิตเราไปยึดเกาะ เหมือนเราอ่านหนังสือได้เป็นพันๆหน้าโดยเฉพาเรื่องที่สนุกสนาน ก็เลยหาหนังสือเกี่ยวกับกสินมาอ่าน แล้วลองทำดู ก็ประสบผลเช่นเดิมคือ ไม่มีสมาธิเหมือนเดิม ลองนั่งดูนั่งมอง ได้ครู่เดียว ก็ไม่มีสมาธิ ไม่เกิดนิมิตติดตา หรือเกิดนิมิตในมโนใดๆ หรืออาจเป็นเพราะทำผิดวิธีก็ไม่ทราบ
เห็นหลายๆกระทู้ในนี้ บางท่านพอจะทำนายจริต หรือภูมิจิตเดิม ของ เพื่อนๆในบอร์ดได้ว่า พอจะมีแนวทางฝึกสมาธิไปทางไหน ก็เลยอยากจะขอความอนุเคราะห์สักนิดครับ ช่วยแนะนำให้ผมได้มีแนวทางที่ชัดเจนสักหน่อย
ป.ล. ผมไม่เคยมีอาจารย์สอนกรรมฐานครับ ใช้วิธีอ่านเอาอย่างเดียว เพราะไม่มีเวลาไปหาและไม่รู้จักพระอาจารย์เก่งๆที่พอจะแนะนำให้ถูกจริตได้
ขอบคุณครับ

 

ต้องลองไม่มีใครบอกได้ คนอื่นไม่สามารถบอกได้หรอกว่าคุณชอบแบบไหน

รสชาติไหนที่คุณบอกว่าอร่อย

 

ฮ่าๆ ผมก็เริ่มได้ทำเหมือนกันครับ เมื่อก่อนไม่ได้จริงจังมากนัก สักแต่ว่านั่งๆไปตามที่มีคนบอกให้ทำ นั่งไปทั้งๆที่ไม่มีสมาธิ ปล่อยจิตคิดไปเรื่อย พอถึงเวลาเขาให้พอก็หยุด ที่เคยฝึกก็มีทั้งแบบธรรมกาย ท่องพุธโธ เพ่งสมาธิ ตามลมหายใจ แล้วก็ที่มโนขึ้นมาฝึกเอง โดยไม่มีจุดหมายว่าทำไปเพื่ออะไร สักแต่ว่าให้ทำก็ทำ โดยตอนเริ่มใหม่ๆนี้ ต้องรู้ก่อนว่า ทำไปเพื่ออะไร กำหนดจุดหมายของตัวเอง ส่วนใหญ่จะเพื่อนิพพาน หรือแล้วแต่บุคคลไปนะ เมื่อมีจุดหมาย อะไรๆมันก็ดูมีความหมายให้เราได้ทำ แม้จะทำได้แค่วันละเล็กละน้อยก็ตาม การทำสมาธิได้นั้นต้องใจเย็นๆ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ลองทำสมาธิแบบทางสายเอกก็ได้ครับ โดย สติปัฏฐานสี่ (วิธีนี้ระหว่างที่พิมพ์อยู่นี้ก็โพล่มาให้เห็นระหว่างพิมพ์ตั้งสองสามรอบ) ยังไงก็ลองดูละกันครับ

 

ของเก่า หรือกรรมฐานเก่า

ปัญหาการปฏิบัติพระกรรมฐาน(๖)
หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง) หลวงพ่อครับ กสิณนี่เป็นมโนภาพใช่ไหมครับ…?
กสิณไม่ใช่มโนภาพนะ กสิณนี่ต้องใช้นิมิตตรง ต้องใช้ดูวัตถุแล้วจำภาพ ไม่ใช่มโนภาพ ถ้าเราจะตั้งก็ได้ แต่เป๋ ถ้าดูวัตถุยังไม่ค่อยจำ นี่เล่นมโนภาพ ระวังกสิณโทษจะ เกิด อย่างเราเจริญปฐวีกสิณ จะต้องเอาจิตจับไว้เฉพาะปฐวีกสิณอย่างเดียว ถ้าภาพอื่นข้ามาแทรกต้องตัดทิ้งทันที นั่นเขาถือว่าเป็นกสิณโทษ จนกว่ากสิณกองนั้นเข้าถึงฌาน ๔ แล้วก็คล่องตัว จึงจะย้ายไปเป็นกสิณกองอื่นต่อไป








ผู้ถาม:- “หลวงพ่อครับ กสิณนี่เป็นมโนภาพใช่ไหมครับ…?”
หลวงพ่อ:- “กสิณไม่ใช่มโนภาพนะ กสิณนี่ต้องใช้นิมิตตรง”
ผู้ถาม:- “ต้องใช้ดูวัตถุ ใช่ไหมครับ…?”
หลวงพ่อ:- “ใช่ ต้องใช้ดูวัตถุแล้วจำภาพ ไม่ใช่มโนภาพ ถ้าเราจะตั้งก็ได้ แต่เป๋ ถ้าดูวัตถุยังไม่ค่อยจำ นี่เล่นมโนภาพ ระวังกสิณโทษจะเกิด อย่างเราเจริญปฐวีกสิณ จะต้องเอาจิตจับไว้เฉพาะปฐวีกสิณอย่างเดียว ถ้าภาพอื่นข้ามาแทรกต้องตัดทิ้งทันที นั่นเขาถือว่าเป็นกสิณโทษ จนกว่ากสิณกองนั้นเข้าถึงฌาน ๔ แล้วก็คล่องตัว จึงจะย้ายไปเป็นกสิณกองอื่นต่อไป
ถ้ากสิณกองต้นเราได้แล้ว ถ้าภาพอื่นเข้ามา เราตัดเลย เพราะว่าเราเจริญปฐวีกสิณ ดูดิน ถ้าบังเอิญกสิณอย่างอื่นเข้ามาแทน เช่น กสิณน้ำ กสิณลม กสิณไฟ มันแจ่มใสกว่า เราจะยึดเอาไม่ได้ ต้องตัดทิ้งทันที จนกว่ากสิณกองนั้นจะจบถึงฌาน ๔ ให้มันคล่องจริง ๆ ไม่ใช่แต่ทำได้นะ
คำว่าคล่องจริง ๆ หมายความว่า ถ้าเรากำลังหลับอยู่ ถ้าเราตื่นขึ้นมา เราจะจับฌาน ๔ ถ้าคนกระตุกพั้บเราจับฌาน ๔ ได้ทันที กสิณกองนั้นจึงชื่อว่าคล่อง
ถ้าเหน็ดเหนื่อยมาแต่ไหนก็ตาม ถ้าจะจับฌาน ๔ ต้องได้ทันทีทันใด เสียเวลาแม้แต่ ๑ วินาที ใช้ไม่ได้ ถ้าคล่องแบบนี้ละก็กสิณอีก ๙ กอง เราจะได้ทั้งหมด ไม่เกิน ๑ เดือน เพราะว่าอารมณ์มันเหมือนกัน เปลี่ยนแต่รูปกสิณเท่านั้น
ฉะนั้น การได้กสิณ กองใดกองหนึ่ง ก็ต้องถือว่าได้ทั้ง ๑๐ กอง เป็นเรื่องง่าย ๆ ไม่ยาก ของเหมือนกัน แต่เพียงแค่เปลี่ยนสีสันวรรณะเท่านั้นเอง มันจะขลุกขลักแค่ครึ่งชั่วโมงแรก เดี๋ยวก็จับภาพได้ แล้วจิตก็เป็นฌาน ๔ นี่เราฝึกกันจริง ๆ นะ ถ้าฝึกเล่น ๆ ก็อีกอย่างหนึ่ง”
ผู้ถาม:- “การปฏิบัติพระกรรมฐาน ถ้าเราจะไม่ใช้กสิณ แต่เราใช้กำหนด อัสสาสะ ปัสสาสะได้ไหมครับ…?”
หลวงพ่อ:- “ได้ ถือว่าอัสสาสะ ปัสสาสะ คือลมหายใจเข้าออก
คือ จริตของคน พระพุทธเจ้าทรงจัดแยกไว้เป็น ๖ อย่าง คือ ราคะจริต โทสะจริต โมหะจริต วิตกจริต ศรัทธาจริต พุทธจริต และก็ พระพุทธเจ้าตรัสพระกรรมฐานไว้ ๔๐
แต่ว่าเป็นกรรมฐานเฉพาะจริตเสีย ๓๐
อย่างพวก ราคะจริต ถ้าใช้ อสุภ ๑๐ กับกายคตานุสสติ ๑ เป็น ๑๑
และพวก โทสะจริต มีกรรมฐาน ๘ คือ มีพรหมวิหาร ๔ แล้วก็กสิณอีก ๔ สำหรับกสิณ ๔ คือ กสิณสีแดง กสิณสีเหลือง กสิณสีเขียว กสิณสีขาว
สำหรับ วิตกจริตกับโมหะจริต ให้ใช้กรรมฐานอย่างเดียวคือ อานาปานุสสติ อย่างที่โยมว่า อัสสาสะ ปัสสาสะ
แล้วก็ ศรัทธาจริต ใช้กรรมฐาน ๖ อย่าง คือ พุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติ สีลานุสสติ จาคานุสสติ แล้วก็เทวตานุสสติ
ต่อไปเป็น พุทธจริต พุทธจริตนี่ก็มีกรรมฐาน ๔ คือ มรณานุสสติ อาหาเรปฏิกูลสัญญา จตุตธาตุวัตถาน อุปสมานุสสติ
รวมแล้วเป็น ๓๐ เหลืออีก ๑๐ เป็นกรรมฐานกลาง
ฉะนั้นการเจริญพระกรรมฐาน ถ้าหากเดินสายสุกขวิปัสสโก จะต้องใช้กรรมฐานให้ถูกกับจริต ถ้าไม่ถูกกับจริต กรรมฐานนั้นจะมีผลสูงไม่ได้ เพราะไม่มีกำลังหักล้าง
ทีนี้ถ้าหากว่านักเจริญกรรมฐานทั้งหมด ไม่ต้องการอย่างอื่น จะใช้อานาปานุสสติก็ได้ ถ้าคนทุกคนคล่องในอานาปานุสสติกรรมฐาน จะมีประโยชน์
เมื่อป่วยไข่ไม่สบาย เมื่อทุกขเวทนามันเกิดขึ้น ถ้าใช้อานาปาเป็นฌาน ทุกขเวทนามันจะเบามาก จะไม่มีความรู้สึกเลย นี่อย่างหนึ่ง
แล้วก็ประการที่สอง คนที่ชำนาญในอานาปาจะรู้เวลาตายของตัว แล้วก็จะรู้ว่าตายด้วยอาการอย่างไร
แล้วก็ประการที่สาม อานาปานุสสติสามารถควบคุมกำลังฌาน สามารถเข้าฌานได้ทันทีทันใด ประโยชน์ใหญ่มาก”
ผู้ถาม:- “เมื่อกำหนดลมหายใจด้วย ภาวนาด้วย สมาธิมันวอกแวก ๆ ครับ…”
หลวงพ่อ:- “ก็ แสดงว่าจริตของคุณโยมหนักไปในด้านวิตกจริต กับ โมหะจริต ฉะนั้นคนที่มีวิตกจริงต้องใช้อัสสาสะ ปัสสาสะ ไม่ต้องภาวนา ขืนภาวนาแล้วยุ่ง พระพุทธเจ้าทรงจำกัดไว้เลยว่า เรามีจริตอะไรเป็นเครื่องนำ ต้องใช้เป็นกรรมฐานอย่างนั้นเฉพาะกิจ ถ้าใช้ผิดก็ไม่ได้ ผลมันไม่มี ที่โยมถามก็เหมาะสำหรับคุณโยม”
<center>※ หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๒ หน้า ๖๐-๖๒
พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)

ปัญหาการปฏิบัติพระกรรมฐาน(๖)


</center>

 

กรรมฐานสี่สิบกอง เปลี่ยนไปทุกวัน จะหาความก้าวหน้าได้อย่างไร ?

กสิณถึงฌานสี่อธิษฐานใช้ผลได้ ถ้ายังใช้ผลไม่ได้เป็นจินตนาการไปแล้ว

ทำอย่างไรให้การปฏิบัติธรรมก้าวหน้า ปฏิบัติอยู่ตลอดเวลาแต่ฟุ้งซ่านก็ไม่เอาไหน

วิธีตรวจสอบ กรรมฐานในชาติก่อน



วิธีตรวจสอบ กรรมฐานในชาติก่อน ให้ปฏิบัติตามนี้ ​

พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน หลวงพ่อปานบอกว่า ตามธรรมดาคนที่เกิดมาแล้วนี่ จะไม่เคยมีบุญวาสนาบารมีนั้น ไม่มี ทุกคนต้องมีบุญวาสนาบารมีมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่พอใจในการเจริญพระกรรมฐาน ส่วนใหญ่ก็มักจะเคยเจริญกรรมฐานมาแล้วในชาติก่อน เคยได้มาแล้วคนละหลายๆกอง วิธีปฏิบัติให้ปฏิบัติตามนี้ อันดับแรก ให้วางหนังสือไว้ที่บูชาต่อหน้าพระพุทธรูป จุดดอกไม้ธูปเทียนเสร็จตั้งใจสมาทานพระกรรมฐานด้วยความเคารพ นึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่ากรรมฐานทั้ง ๔๐ กองนี้ มีกองใดบ้าง ที่เคยได้มาในชาติก่อน เมื่ออ่านไปแล้วขอให้ชอบกองนั้น ถ้าชอบกองไหน คั่นไว้ หรือขีดไว้ ทำสัญลักษณ์ไว้ หรือเขียนไว้ก็ได้ และต่อมา เมื่อชอบหลาย ๆ กองแล้ว กลับมาทีหลัง ก็มาดูใหม่ บูชาใหม่ว่า กรรมฐานที่ชอบหลาย ๆ กองนี้ กองไหนถ้าทำแล้วจะได้ง่ายที่สุด ให้ทำกองที่มีความรู้สึกว่าชอบใจมาก และง่ายที่สุด ก็บูชาพระแล้วก็ตั้งใจอธิษฐาน กลับมาย้อนดูใหม่ ดูกรรมฐานที่ชอบ ที่มา: หลวงพ่อธุดงค์ ตอนไปเที่ยวสุวรรณวิหาร

https://www.facebook.com/pages/หลวงพ่อฤาษีลิงดำ-วัดท่าซุง-จอุทัยธานี/143272349109938

 

ขอบคุณมากๆครับ ทุกคำตอบ อ่านแล้ว พอจะจับแนวได้บ้าง ทีนี้ก็เหลือแค่ลองปฎิบัติดูเท่านั้น ขอบคุณครับ

 

การปฏิบัตินั้นควรหาวิธีที่ใช้อุปกรณ์น้อยที่สุด สามารถปฏิบัติได้มากที่สุดจึงจะดี พื้นฐานการปฏิบัติก็เรื่องสมาธินี้ละ แต่วิธีก็หลากหลาย
ผมแนะวิธีง่ายๆ สามารถฝึกได้ง่ายคือการนับเลขในใจครับ เบื้องต้นกำหนดว่านับให้ถึงจำนวนใดจำนวนหนึ่ง อาจเป็น1-100 โดยไม่ให้ผิด เมื่อทำได้ก็เพิ่มเป็น 2 รอบหรือหลายๆรอบไปเรื่อยๆ
หรือนับนิ้วมือนิ้วเท้า โดยทำความรู้สึกรู้ตามนิ้วที่นับ เริ่มที่ 1 รอบหรือ 2 รอบ ไม่ให้ผิดที่การนับและการทำความรู้สึกรู้ถูกต้องตรงตามแต่ละนิ้ว
อย่าไปมองว่าเมื่อไหร่จะนิ่ง อย่างนี้จะไม่นิ่งเลย ให้ถือตามการปฏิบัติว่าทำอย่างไรให้ถูกต้อง มันจะนิ่งเอง
เจริญในธรรม

 

จากที่เห็นผู้คนเป็นหมื่นเป็นแสน เริ่มเรียนรู้จากการอ่าน (ข้อเขียนของผู้อื่น) มัก จา ติด แหง่ก ไปต่อไม่ได้
(ขอบอกว่าเยอะจริงๆ แทบไม่เชื่อว่าจะคิดแบบนี้กันเยอะปานนี้)

ท่านกำลังเป็นแบบนั้น ช่ายม้ายยยยล่า คิคิ


เอาหละ ถึงเวลาแล้ว หยุดคิดเหมือนคนเป็นหมื่นเป็นแสนทำเสียที ทำตามที่พระพุทธเจ้าบอกเถิดนะ

เรียนรู้ อริยะสัจ4 ขันธ์5 กิเลส(ราคะ) นิวรณ์5 ไตรลักษณ์ และ ปฏิจสมุปบาท
ศึกษาเพียงแค่หัวข้อพอนะ

พร้อมทั้งทำสมถะ พร้อมกันไปด้วย ค่อยๆ ทำสมถะไป ใจก็พลอยนึกถึงหัวข้อที่พระพุทธเจ้าให้กำหนดรู้ข้างต้น

เดว จะหลุดออกจาก อุปทาน ที่เคยไปอ่านมาก่อนหน้านี้เอง เริ่มต้นซะแต่วันนี้ ไม่งั้น จะหลุดออกยากขึ้นทุกวันทุกวัน แล้วจริตเราคือตัวไหน ก็จะรู้เองภายหลังเมื่ออุปทานก่อนหน้า ถูกถอดถอนออก หมดสิ้น หรือ เจือจางเพียงพอ

จริงๆ อาจารย์เก่งๆ มีเยอะนะ แต่ยอมรับเลยว่า มันแล้วแต่วาสนาของบุคคลที่จะได้พบเจอ และได้รับเมตตา หรือไม่

 

สมาชิกใหม่นะครับ แต่อ่านในบอร์ดนี้นานพอดู ขอรบกวนด้วยครับ
ผมกำลังเริ่มฝึกสมาธิ แต่จุดเริ่มต้นยากเสมอ ช่วงแรกๆก็ฝึก พุทธโธ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จครับ จิตซัดส่ายตลอด ท่องพุทธโธ แต่ในหัวนึกบทสวดมนต์แบบนี้ รู้สึกเลยว่า เราไม่มีสมาธิ ฝึกอยู่นานเลย เลยคิดว่า จะฝึกกสิน เพราะเห็นว่า มันเป็นสมาธิ อีกแบบที่ มันค่อนข้างเป็นรูปธรรม มีวัตถุให้จิตเราไปยึดเกาะ เหมือนเราอ่านหนังสือได้เป็นพันๆหน้าโดยเฉพาเรื่องที่สนุกสนาน ก็เลยหาหนังสือเกี่ยวกับกสินมาอ่าน แล้วลองทำดู ก็ประสบผลเช่นเดิมคือ ไม่มีสมาธิเหมือนเดิม ลองนั่งดูนั่งมอง ได้ครู่เดียว ก็ไม่มีสมาธิ ไม่เกิดนิมิตติดตา หรือเกิดนิมิตในมโนใดๆ หรืออาจเป็นเพราะทำผิดวิธีก็ไม่ทราบ
เห็นหลายๆกระทู้ในนี้ บางท่านพอจะทำนายจริต หรือภูมิจิตเดิม ของ เพื่อนๆในบอร์ดได้ว่า พอจะมีแนวทางฝึกสมาธิไปทางไหน ก็เลยอยากจะขอความอนุเคราะห์สักนิดครับ ช่วยแนะนำให้ผมได้มีแนวทางที่ชัดเจนสักหน่อย
ป.ล. ผมไม่เคยมีอาจารย์สอนกรรมฐานครับ ใช้วิธีอ่านเอาอย่างเดียว เพราะไม่มีเวลาไปหาและไม่รู้จักพระอาจารย์เก่งๆที่พอจะแนะนำให้ถูกจริตได้
ขอบคุณครับ


ลองดู ต้องลองเท่านั้น หมื่น คนตอบ ก็ ไม่เท่า หนึ่งคนลอง จ๊าาาาา

 

ลองมาสารพัดวิธี...แนะนำได้อย่างเดียวต้องลองเท่านั้น ลองเอาจริงสักวิธี ไม่ผ่านจริงๆก็เปลี่ยนวิธีใหม่ค่ะ

 

พระศาสดากล่าวว่าอานาปานสตินั้นทำให้มากเจริญให้มากนั้นหวังได้ถึงอรหัตถผลครับ

 

การเลือกกรรมฐานที่เหมาะกับจริตของเรา เป็นสิ่งที่ดีครับ เพราะจะทำให้เราปฏิบัติได้ตรงกับตนเองซึ่งจะช่วยให้ก้าวหน้าได้ไว แต่บางครั้งปฏิบัติไปแล้วไม่ก้าวหน้าอาจไม่ใช่เพราะกรรมฐานที่ผิดจริต แต่เป็นเพราะเราไปถึงจุดที่ยาก หรือได้รับการรบกวนจากนิวรณ์ที่เข้ามา หรือจากวิปัสสนูปกิเลสครับ ตรงนี้ให้ลองตรวจดูก่อนว่าไม่ก้าวหน้าเพราะสาเหตุใด เป็นเพราะกรรมฐานไม่เหมาะกับจริตของเรา หรือเป็นเพราะสาเหตุอื่น

การตรวจกรรมฐานที่เหมาะกับจริตเข้าไปได้ที่นี่ครับ

ตรวจสอบกรรมฐานที่เหมาะกับจริตนิสัย ๖

ซึ่งถ้ากรรมฐานเหมาะกับจริตแล้ว แต่ยังไม่ก้าวหน้า นั่นเป็นเพราะสาเหตุอื่น ควรจะมาตั้งคำถามปรึกษาเป็นกรณีๆ ต่อไปครับ

ขอให้เจริญในธรรม

 

ทำไมถึงอยากฝึกสมาธิละ?

 

ขอบคุณครับ ผมลองตรวจจริตดูแล้ว ตาม link ที่ให้มา ตรงมาก ผมเป็นคนที่ชอบพิสูจก่อนเสมอ อะไรที่ใครว่าดี ต้องพิสูจให้เห็นจริง ไม่งั้นไม่เชื่อว่าดีจริง ต้องแสดงให้เห็นเป็นรูปธรรมให้ชัด ไม่งั้นไม่เชื่อเด็ดขาด ซึ่ง มันตรงอย่างไม่น่าเชื่อทีเดียว ทีนี้เดี๋ยวจะทดสอบ กรรมฐานที่พระพุทธเจ้าวางไว้ให้ 2 กองครับ

 

ป.ล. ผมไม่เคยมีอาจารย์สอนกรรมฐานครับ ใช้วิธีอ่านเอาอย่างเดียว เพราะไม่มีเวลาไปหาและไม่รู้จักพระอาจารย์เก่งๆที่พอจะแนะนำให้ถูกจริตได้ขอบคุณครับ

ของดิฉันก็เป็นอย่างเดียวกับคุณ จากประสบการณ์ของตัวเอง ก็คือ
ทำอานาปานสติเป็นพื้นฐานไปก่อน(ศัตรูคือความอยากสำเร็จเร็วๆ)
เมื่อทำได้มากพอแล้ว "ข้างใน" จะบอกเองว่าจะให้ไปทิศทางไหน
ตรวจสอบร่วมกับหาอ่านหนังสือไปด้วยค่ะ ก็จะได้กรรมฐานแบบ
พิเศษที่ประยุกต์เข้ากับตัวเองค่ะ

 

ลองฝึก กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน เพิ่มในช่วงนี้ครับ

 

ลองวิธีนี้ดูครับ
อานาปานสติ เป็นทางเลือกของคนทุกจริต!

https://www.youtube.com/watch?v=GuMUE98OShU

 

.
เขียน ๒๑.๒๙

ใครขุดกระทู้ขึ้นมาลองของล่ะเนี่ย หึหึหึ
จขกท.ยังอยู่รึป่าว แสดงตัวก่อนดิ
เดี๋ยวจะบอกให้ ว่าควรทำไง


กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง
.

 

ความสุขเป็นเหตุใกล้ ให้เกิดสมาธิ ถ้าเรามีความสุข ในการระลึกรู้ รู้ได้เท่าที่รู้ได้ และต่อเนื่อง สมาธิก็จะเริ่มมีมากขึ้น มากขึ้น จนเป็นอัตโนมัติ ตอนแรกก็จะเผลอขาดสติไปนาน ถ้าไม่ทิ้งและฝึกต่อเนื่อง การเผลอก็จะสั้นลง สติก็จะรู้ทันเร็วขึ้น จนที่สุด สติจะถูกติดตั้งในกายในใจ สติจะอยู่ตัว ขอแค่ความต่อเนื่องเท่านั้น จะมีสมาธิมากน้อย ได้หรือไม่ได้ ไม่สำคัญ จงรู้เท่าที่รู้ได้ ได้แค่ไหนก็แค่นั้น แต่ต้องต่อเนื่อง จึงจะเข้าถึงสมาธิในที่สุด